ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : [OS] Sad Song ฉันแค่ยังไม่พร้อม
∆ data-cke-774-href="http://writer.dek-d.com/zmlash/writer/view.php?id=805600">∆ ( คูลิโอ้' ) 。
"นี่ๆ โยซอบๆ"
"ครับฮยอง?"
"โต๊ะ 5 เพลงนี้นะ..." ว่าแล้วร่างสูงในชุดบาร์เทนเดอร์ก็ยื่นกระดาษสีขาวแผ่นเล็กในมือให้อีกคน
ร่างบางยิ้มบางๆและพยักหน้ารับ
"ครับ..." ร่างบางก้มลงอ่านข้อความบนกระดาษนั้นก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อมันเข้าไปกระตุ้น
ความทรงจำส่วนหนึ่งที่เหมือนจะลืมมันไปเนิ่นนานแล้วโดยบังเอิญ
“Sad…song?”
“วันนี้เลิกซ้อมแค่นี้ก่อนนะ” เมื่อรุ่นพี่หัวหน้าชมรมว่าอย่างนั้น ร่างบางก็จัดการยัดโน๊ตเพลง
ทั้งหมดลงแฟ้มและใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว
“แหมๆ รีบเชียวนะ จะไปหาแฟนอีกล่ะสิ” รุ่นพี่สาวผมทองหันมาถามยิ้มๆ ร่างบางส่ายหน้ารัว
ก่อนจะปฏิเสธทันควัน
“แฟนที่ไหนล่ะครับ? เราเป็นเพื่อนบ้านกันครับ”
“อ่ะจ่ะๆ เชื่อจ้ะเชื่อ งั้นก็รีบกลับบ้านเถอะ ฟ้ามันดูครึ้มๆ”
“ครับ สวัสดีครับพี่จีนา กลับบ้านดีๆนะทุกคน” หันไปยิ้มให้คนอื่นๆในห้องซ้อมก่อนจะหอบของเต็มมือวิ่งไปยังสนามฟุตบอลที่อีกคนน่าจะ
รออยู่
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก”
“อ้าว มาแล้วหรอ?” เสียงทักของอีกคนเรียกให้ร่างบางที่วิ่งเต็มสปีดจากตึกดนตรีมาเงยหน้ามาพยักหน้าตอบก
่อนจะก้มลงเท้าเข่าสองข้างของตัวเองหอบต่อไป
“นี่...ถ้ามันเหนื่อยขนาดนี้ก็ไม่ต้องรีบนักก็ได้นะ ไม่สบายขึ้นมาจะทำไง?”
“ก็เรานัดกันไว้ห้าโมง ฉันไม่อยากมาสาย” ตอบไปส่งๆเพราะไม่อยากพูดไปตรงๆว่าเป็นห่วง ก่อนร่างบางจะเดินมานั่งลงข้างๆ
อีกคนบนสแตนด์เชียร์ข้างสนามฟุตบอล
“ดูสิ...ฟ้าครึ้มมากเลย...อากาศแบบนี้แล้วยังวิ่งซะขนาดนี้ ระวังป่วยเอาล่ะ นายยิ่งต้องรักษาเสียงอยู่”
“ครับพ่อๆ...แล้วนี่พ่อนายมายังอ่ะ?”
“ยังอ่ะ รถติดคงต้องนั่งรอไปก่อน...นี่นายไม่คิดจะกลับบ้านเองมั่งหรอ มานั่งรอรถพ่อฉันทุกวันเนี่ย?”
“เหอะ ไม่อยากให้กลับด้วยก็บอกมาเถอะ ไอ้ใจแคบเอ๊ย” ร่างบางหันไปแขวะเพื่อนตัวสูงก่อนจะจิ๊ปากใส่อย่างหมั่นไส้
“ไม่ใช่อย่างนั้น ก็พ่อฉันเค้าชอบสูบบุหรี่ตอนขับรถ นายแพ้นิโคตินไม่ใช่รึไง ถึงจะนั่งรถพ่อฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วก็เถอะ
แต่เห็นเวลากลับบ้านทีไรนายนั่งกลั้นหายใจตลอด เห็นแล้วทรมานแทนว่ะ”
“น...นายรู้?” คนตัวเล็กถามอีกคนหน้าเหวอ นี่เขาว่าเขาก็พยายามแอบทำเนียนๆแล้วนะ...
“มีอะไรที่นายทำแล้วฉันดูไม่ออกมั้ยล่ะโยซอบ?”
“อย่างน้อยฉันก็ท้องผูกได้โดยนายไม่รู้ก็แล้วกัน”
“ทุเรศ พูดยังกะมีวันที่นายจะไม่ท้องผูก ว่าไป...ผักที่ฉันซื้อมาฝากได้กินรึยัง?”
“กินแล้วๆ กินตั้งแต่วันที่ได้เลยด้วยเหอะ” ...ก็กลัวเก็บไว้นานจะไม่กล้ากิน...แล้วมันจะเน่าเอาซะเปล่าๆน่ะสิ
“เออๆ ไม่เถียงแล้วล่ะ นี่ๆฟังเพลงนี้ๆ” ร่างสูงว่าก่อนจะยื่นหูฟังข้างหนึ่งมาให้ โยซอบเงยหน้ายักคิ้วใส่งงๆ
แต่ก็รับมาใส่จนได้หลังจากอีกคนดูจะคะยั้นคะยอให้เขาฟังเหลือเกิน
“ทำไมฟังเพลงเศร้าจังล่ะดูจุน?” ถามติดหัวเราะและหันไปมองซักคำตอบจากอีกคนเพราะปกติคนตัวสูงนี่
วันๆก็เห็นฟังแต่เพลงหน่อมแน้มๆไม่ก็แร็พโย่ไปเลยซะมากกว่า แต่แล้วเจ้าตัวก็หุบยิ้มไปเมื่อเห็นหน้าของอีกคน
ร่างสูงที่ผมเปียกจนเกาะกันเป็นเส้นๆจากการสระผมลวกๆหลังซ้อมกีฬากำลังมองตรงไปที่ยอ
ดต้นไม้เบื้องหน้าอีกฝั่งของ สแตนด์ที่ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยแววตานิ่งจนหน้าใจหาย แขนยาวข้างหนึ่งยกขึ้นเท้ากับ
ที่นั่งชั้นบนโอบรอบๆไหล่เล็กไว้หลวมๆและถอนหายใจเฮือกใหญ่
ดูจุนทิ้งน้ำหนักลงพิงกับที่นั่งข้างหลังและยกยิ้มบางๆเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างใช้คว
ามคิด
ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่โยซอบถาม แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มนั่นก็ไม่ได้ดูมีความสุขที่ได้ฟังเพลงนี้หรือยังไงเลยซักนิด
มันดู...เศร้าแปลกๆ...
‘ฟุ่บ’
“เฮ้อ~” ร่างบางทิ้งตัวลงกับเตียงและยกแขนก่ายหน้าผากอย่างหนักใจ ในหัวก็คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น
หลังจากถามเรื่องนั้นออกไปแล้วอีกคนไม่ตอบ เขาเองก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ ปล่อยให้ร่างสูงตกอยู่ใน
ห้วงความคิดของตัวเองต่อไปคงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่หลังจากนั้นซักพัก ดูจุนก็เป็นคนหลุดปากเล่าเรื่องต่างๆออกมาเสียเอง
‘ฉันชอบเพลงนี้มากเลยนะ...ที่ว่า...ถึงจะห่างกันไป...แต่ก็ยังฟังเพลงๆเดียวกัน...’
พูดขึ้นมาแค่นี้ก่อนทั้งสองจะนั่งฟังเพลงในหูฟังไปเงียบๆจนมันย้อนกลับมาเริ่มใหม่
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ขึ้นรถกลับบ้านมาจนตอนนี้เนี่ยแหละ
“หมายความว่ายังไงกัน...?”
“วันนี้เราจะมาสรุปเพลงที่จะร้องในคอนเสิร์ตวันปิดภาคเรียนกันนะ...”
“เดี๋ยวครับนูนา!”
“หืม?” จีนาหันไปเลิกคิ้วถามรุ่นน้องตัวเล็กที่นั่งเหม่ออยู่ที่คีย์บอร์ดมาตั้งแต่เมื่อกี๊ ที่อยู่ดีๆก็ตะโกนขัดการประชุมขึ้นมา
“นูนารู้จักเพลงนี้ป่ะ?” ว่าแล้วก็ฮัมทำนองเพลงที่อีกคนเปิดให้ฟังเมื่อวานเท่าที่จำได้ หญิงสาวนั่งฟัง
อย่างตั้งใจจนอีกคนร้องจบ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ โยซอบยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถามชื่อเพลง
“นือรินโนแร... Sad song น่ะจ้ะ ทำไมหรอ?”
“ออ...ไม่มีอะไรหรอกครับ” โยซอบส่ายหน้าตอบและระบายยิ้มบางๆ
“งั้นโยซอบ ร้องเพลง Cherish that person เหมือนเดิมนะ” ร่างบางพยักหน้ารับรู้ก่อนจะกลับมา
นั่งเท้าคางกับคีย์บอร์ดและทอดสายตาเหม่อออกไปที่สนามฟุตบอลอย่างเคย แต่คนที่เขานั่งมองอยู่กลับหายไปจากสนามซะแล้ว
“หายไปไหนซะล่ะเนี่ย?”
“ร้องเพลงเยอะอย่างนี้ไม่เหนื่อยมั่งหรอ? เก็บเสียงไว้วันจริงมั่งก็ดีนะเตี้ย” หลังจากนั่งฟังอีกคนแหกปากซ้อม
ร้องเพลงนี้มาเป็นชั่วโมง ดูจุนก็ถามโยซอบหน้านิ่ง ร่างเล็กหันมาค้อนใส่หน้ายู่ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆร่างสูงบนพื้น
“ก็เพราะว่าวันจริงมันสำคัญน่ะสิ ฉันก็ต้องซ้อมเยอะๆให้พร้อม แล้วถ้าให้ฉันถามนายมั่งเถอะ นายก็เอาแต่ซ้อมบอลๆๆๆ
อยู่ทุกวันอย่างเงี้ย ไม่กลัวร่างกายจะเป็นอะไรขึ้นมาก่อนวันแข่งหรือไง?” ยันตัวขึ้นจากเตียงที่นั่งพิงอยู่และถามร่างสูงขำๆ..
แต่ก็อย่างเมื่อวันก่อน ดูจุนไม่ได้ยิ้มตอบ แต่กลับฉายความกังวลออกมาทางแววตาทั้งสองอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาคมเหลือบขึ้นสบตาร่างบางนิ่ง ราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูจุนก็เลือกที่จะหลบตาคนตรงหน้าไปซะก่อน
“น...นั่นสินะ ฮะๆ” ร่างสูงเกาหัวและหัวเราะเจื่อนๆ ก่อนจะก้มลงอ่านการ์ตูนในมือต่อไม่พูดอะไรออกมาอีก
โยซอบมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ทิ้งตัวกลับลงมานั่งพิงเตียงข้างๆดูจุนอย่างหมดหนท
าง...
ในเมื่อเค้าไม่อยากบอกก็ไม่มีสาเหตุอะไรต้องมาถามให้อีกคนไม่พอใจเอาซะเปล่าๆล่ะนะ แถมยุนดูจุนก็ไม่ชอบพวกถามมากซะด้วย
“แต่ที่ถามมากก็เพราะเป็นห่วงไม่ใช่รึไงล่ะวะ...”
“หือ? พูดอะไรรึเปล่า?”
“อ้อ ไม่ๆๆ แค่บอกว่ามีเวลาเหลือเยอะมาก อ่านไปเถอะไม่ต้องห่วงน่ะ”
“โอเคๆ แต่ฉันไม่ใช่เด็กขนาดนั่งอ่านการืตูนทั้งวันทั้งคืนหรอกน่า เล่มนี้จบฉันก็กลับแล้ว” ดูจุนยิ้มหวานและยีหัวโยซอบจนยุ่ง
“เพราะดีนะ”
“ฮะ?”
“เพลงที่นายให้ฉันฟังเมื่อวานไง”
“อ่อ...อืม” ดูจุนยิ้มรับก่อนจะกลับไปอ่านหนังสือเช่นเดิม เดือดร้อนโยซอบต้องหาเรื่องมาชวนคุยอีก
“แล้วนี่...”
“ไม่ต้องพยายามชวนฉันคุยขนาดนั้นก็ได้...ฉันไม่เป็นไรหรอก” แต่ก่อนจะได้ถามอะไรดูจุนก็ดูจะรู้ทัน
และขัดขึ้นมาก่อน ร่างบางเลยได้แต่อ้าปากกินลมพะงาบๆ
“นี่ก็เพราะอยากให้นายไม่เป็นอะไรไงถึงได้ถาม”
“ไม่เป็นไรจริงๆ...นายไม่ต้องมาทำเป็นห่วงฉันมากขนาดนี้ก็ได้”
“เอ๊า ก็เพราะว่าเป็นห่วงน่ะสิถึงได้...เฮ้!” โยซอบอุทานขึ้นมาเมื่ออยู่ดีร่างสูงก็ทิ้งหนังสือการ์ตูนลงข้างตัว
และดึงเขาเข้าไปกอดเสียแน่นจนหายใจไม่ออก
“พอเถอะนะ...ฉันไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ไม่ต้องมาคิดถึงฉัน ไม่ต้องมามองหาหรือคิดอะไรเกี่ยวกับฉันอีก...”
“อย่าแสดงออก...ว่านายรักฉันอีก” ดูจุนพูดเสียงสั่น ส่วนโยซอบก็ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ
อย่าบอกนะว่า...ดูจุนอ่านเขาออกตั้งแต่แรก...?
“ทำไม...นายรู้?”
“ฉันรู้...แต่ขอโทษนะ...ฉันคงรับมันไว้ไม่ได้หรอก...” ดูจุนปฏิเสธเสียงสั่นก่อนจะผละอ้อมกอดออกมาช้าๆ ดวงตาทั้งสองฉ่ำไปด้วยน้ำตา
ในเมื่อตัวเองก็เสียใจ...แล้วทำไมต้องปฏิเสธกันด้วยล่ะ?
“ท..ทำไม? ตลอดเวลาที่ผ่านมานายไม่เคยคิดเหมือนกันบ้างเลยรึไง? อ...อื้อ” ไม่ทันที่ร่างบางจะพูดจบ
ดูจุนก็ดันไหล่เล็กลงกับพื้นและแนบตัวตามลงไปติดๆ ริมฝีปากของทั้งสองชนกันเบาๆก่อนลิ้นร่อนจะส่ง
เข้าไปตักตวงความหวานจากโพรงปากคนข้างใต้อย่างนุ่มนวล
โยซอบได้แต่เบิกตาโตเหลือบมองซีกใบหน้าอีกคนที่หลับตาลงเบาๆและส่งมอบสัมผัสอ่อนหวาน
ให้เขาอยู่อย่างตกใจ อยู่ดีๆแรงที่จะขัดขืนก็อ่อนระทวย ทำได้เพียงตอบรับจูบนั้นไปอย่างไม่รู้ประสีประสา
อาจเป็นเพราะ...ตัวเขาเองก็รอคอยวันนี้มานานแล้วเหมือนกัน...
“ฉันรักนายมากกว่าที่นายรู้โยซอบ...รักมานานแล้ว...และจะรักวันนี้...เป็นวันสุดท้าย
” ก่อนจะได้เอ่ยถามอะไร
ริมฝีปากร้อนผ่าวของอีกคนก็เบียดลงมาอีกครั้ง มือหนาเริ่มย้ายไปที่สาบเสื้อนักเรียนตัวบางและปลดมันออกอย่างเบามือ
ตามมาด้วยอาภรณ์ครึ่งล่าง
แต่แปลก...ทั้งๆที่โยซอบรู้ว่าไม่ควร และรู้อยู่แก่ใจ..ว่าหลังจากคืนนี้ไป ต้องมีอะไรบางอย่างไม่ดีๆเกิดขึ้น...
สมองกลับสั่งแล้วสั่งอีก...ว่าอย่าปฏิเสธ...เพราะถ้าปฎิเสธ...สิ่งที่จะตามมา...อาจท
ำให้เสียใจยิ่งกว่า
“ฉันขอให้...มันเป็นวันสุดท้ายที่สวยงาม...ได้มั้ย?” เงยหน้าถามร่างบางข้างใต้ร่างกายของตนทั้งน้ำตาแต่ใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้ม
คนที่ถูกถามสบตาอีกคนอย่างไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายก็ระบายยิ้มบางๆและพยักหน้าตอบ
“ขอบคุณ...ขอบคุณนะ” ดูจุนโอบกอดร่างเล็กและพูดซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนน่าใจหาย
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปในคืนนั้น...ก็เป็นเพียงความต้องการของทั้งสอง...
ไม่มีความเจ็บปวด...
ไม่มีการขัดขืนใจ
ไม่มีใครเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป
แต่ทั้งสองจะเสียใจในเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปมั้ย...เรื่องนี้ไม่มีใครรู้...
“...” ร่างเล็กยังคงนั่งจับขาไมโครโฟรหมุนไปมาหลังจากทำอย่างนั้นมาครึ่งชั่วโมง ตาทั้งสองลอยออกไปข้างนอก
เหมือนไม่ได้รับรู้อะไรในห้องซ้อมเลยซักนิด แม้แต่รุ่นพี่คนสนิทสี่ห้าคนนำด้วยจีนาที่ยืนมองเขาอย่างเป็นห่วงมาได้ซักพักแล้ว
“มีใครรู้บ้างมั้ย...ว่าโยซอบเป็นอะไร?” ในที่สุดประธานชมรมก็ถามขึ้นมาอย่างเหนื่อยใจหลังจากตัวเองที่คิดว่าน่าจะ
เข้าใจหัวอกรุ่นน้องตัวเล็กคนนี้ดีที่สุดคิดไม่ตกมาหลายวันก็ยังไม่รู้ซักทีว่าทำไมย
ังโยซอบผู้ร่าเริงถึงดูหงอยลงไปได้ขนาดนี้
คุณอ่านไม่ผิดหรอก...โยซอบเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว
ก็เพราะหลังจากคืนนั้น...ดูจุนก็หายหน้าไปเลยน่ะสิ
ถ้าแค่ไม่มาให้เห็นหน้าก็ยังว่าไป...แต่นี่ไม่มาโรงเรียน ไม่มาซ้อมบอล ไม่ไปเรียนพิเศษเลยแม้แต่วันเดียว
ไปหาที่บ้านก็ไม่ออกมาหา วันๆอยู่แต่ในห้องนอน
เป็นสาเหตุให้ยังโยซอบต้องมานั่งกังวลอยู่อย่างนี้ไปด้วยอีกคนนี่ไง
“อ๊ะ นั่น!” แต่จู่ๆทุกคนในชมรมก็สะดุ้งไปตามๆกันเมื่อโยซอบลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้และวิ่งหายออก
ไปนอกประตูอย่างกับไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนี้เมื่อซักครู่
จีนาเดินไปยังขอบหน้าต่างบานที่ร่างเล็กนั่งมองอยู่เมื่อกี๊ก่อนจะพึมพำเบาๆอย่างกับ
เข้าใจเรื่องทั้งหมด
“ยุนดูจุน...มาโรงเรียนแล้ว...สินะ”
“แฮ่ก...แฮ่ก...” ร่างบางยืนค้ำประตูหน้าห้องล็อคเกอร์ของนักฟุตบอลโรงเรียนพลางหอบไม่หยุด
เพราะเขาไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย พอต้องมาวิ่งเร็วๆเข้าหน่อยเลยเหนื่อยจนแทบเป็นลม
ก็เพราะต้องอยู่กับคนบ้ากีฬาที่ชอบซ้อมหนักเกินแรงแล้วบาดเจ็บกลับบ้านแทบทุกวัน
ตั้งแต่เด็กเนี่ยสิ ถึงได้ไม่กล้าเล่นกีฬาอะไรเลยตั้งแต่นั้น...
“เธอว่าไงนะดูจุน?” เสียงดังขึ้นจากในห้องทำให้โยซอบต้องรีบปล่อยออกมาจากลูกบิดประตู
และเลือกที่จะเอาหูแนบลงไปฟังจากข้างนอกแทน
“ครับ...ผมคงต้อง...ลาออกจากทีม ไม่สิ...ลาออกจากโรงเรียนด้วย...”
“ว...ว่าไงนะ” หลุดอุทานออกมาเบาจนแทบไม่มีเสียง ร่างบางกัดนิ้วโป้งอย่างเป็นกังวล ในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“ก็ตั้งแต่ซ้อมเมื่อเดือนก่อน...ที่ผมโดนขัดขาล้มน่ะครับ ผมกลับไปหาหมอ
หมอบอกว่าเอ็นร้อยหวายผมแค่อักเสบ แล้วก็ให้ทายาตามปกติ”
“ผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ผมก็รู้สึกดีขึ้น แล้วก็กลับมาซ้อม”
“แต่ผมคงจะสะเพร่าเกินไปเอง...”
“โค้ชจำได้มั้ยครับ วันนั้นที่ผมมาซ้อมแล้วลื่นล้มกลางเกม จนต้องขอเปลี่ยนตัวออกมาน่ะ...”
โยซอบพยายามนึกย้อนกลับไปก่อนจะตาโตขึ้นอย่างนึกขึ้นได้...
มันคือวันที่เขาได้ฟังเพลงนั้นครั้งแรก...Sad song…
“วันนั้นผมคิดว่าอาจจะกลับมาอักเสบอีกเลยไม่คิดว่าเป็นอะไรมาก แต่วันต่อมาที่ผมกลับบ้านก่อนแล้วไปหาหมอ...
ผมก็ได้รู้ว่า...เอ็นร้อยหวายผมขาด และสภาพของมันก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเชื่อมกันติดมั้ย ถึงติด...ก็ไม่รู้จะกลับมา
ใช้การเหมือนเดิมได้รึเปล่าด้วย” ร่างบางหน้าประตูได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหยุดหายใจ...
แล้วคืนนั้น...นายก็ยังอุตส่าห์...มาหาฉัน...?
“อึก...” โยซอบทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างไม่เชื่อหู น้ำตามากมายจากที่ไหนไม่รู้ไหลลงมาราวกับเรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องของตัวเอง
ไม่จริงน่า...ถ้าเอ็นร้อยหวายขาด...แล้วฟุตบอล...?
ไม่สิ...แม้แต่เดินดี...ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับมาทำได้เหมือนเดิมรึเปล่า
แล้วกับยุนดูจุนผู้รักกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ...
มันก็คงเหมือนกับให้ยังโยซอบสูญเสียเส้นเสียง...
“แล้วเธอคิดจะทำยังไงต่อไป? มันเป็นชีวิตของเธอนะดูจุน” โค้ชถามเสียงสั่น เขาเองก็ตกใจไม่แพ้ใครเหมือนกัน
ยุนดูจุน นักกีฬาที่ทุกๆคนในทีมต่าง รัก เคารพ และภาคภูมิใจ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น
“พ่อกับแม่ของผมติดต่อหมอที่ต่างประเทศไว้ให้แล้วล่ะครับ...แต่ก็อย่างที่บอก...
ถึงหมอเก่งแค่ไหน เราก้ยังไม่รู้ผลที่จะตามมาครับ...แล้วไหนจะกายภาพบำบัดอีก...คงหลายปี...หรืออาจจะ
...ไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย...”
“ม...ไม่นะ” ร่างบางหลุดพูดออกมาก่อนจะยกมือป้องปากตัวเองอย่างตกใจ แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป...
“ผมกลับแล้วนะครับ...เจอกันใหม่นะครับอาจารย์”
“โชคดีนะดูจุน...” โค้ชดึงนักเรียนคนสนิทเข้ามากอดหลวมๆทั้งน้ำตาและโบกมือส่งเจ้าตัวจนออกจากประตูไป
‘ครืด...’
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะเตี้ย?” ร่างสูงที่เปิดประตูมาเจอกับร่างบางนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าประตูเอ่ยถามพลางตี
หน้าร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่ถูกเรียกก็เงยหน้ามาสบตาอีกคนอย่างต้องการคำตอบ
“ที่นายพูด...มัน...มันเป็นเรื่องจริงเหรอ? ดูจุนนา...? ฮึก...นาย...เป็นอะไรมากรึเปล่า?”
“เป็นอะไร?...ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ก็แค่เจ็บเท้านิดหน่อย”
“นิดหน่อยเหรอ? ถึงขนาดต้องใช้ไม้ค้ำเดินแบบนี้...ฉันว่ามันไม่นิดหน่อยแล้วนะดูจุน มีอะไรก็อย่าปิดบังกันไม่ได้หรอ?”
โยซอบเอ่ยถามเสียงสั่นไปสะอื้นไป มือเล็กบีบมือของอีกคนแน่น ดูจุนยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอดหลวมๆ
“ฉันไม่เป็นไร...แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย โอเคมั้ย?”
“จะไม่เป็นห่วงได้ยังไง!! ในเมื่อฉันนายคือคนที่ฉันรั..อื้อ” มือหนายกขึ้นปิดปากคนตัวเล็กแน่น
ร่างสูงจ้องตาร่างเล็กผ่านม่านน้ำตาที่เริ่มก่อตัว พลางส่ายหัวด้วยแววตาเว้าวอน
“ขอร้อง...อย่าพูดคำนั้น...”
“ฉันบอกแล้วไง...ว่าเมื่อวันนั้น...จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันรักนาย...และฉันจะไม่รักน
ายอีก”
“อย่าทำให้ฉันรักนายเลยนะโยซอบอา..”
“แล้วก็...นายเองก็...อย่ารักฉันด้วยจะดีที่สุด” เมื่อพูดจบน้ำตาลูกผู้ขายก็ไหลลงมาจากดวงตาทั้งสองเป็นทาง
โยซอบเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมเงียบไปเอง
“ฉันไม่รู้ว่านายมีสาเหตุอะไรที่ต้องทำแบบนี้...แต่ถ้านายต้องการ...ฉันจะยอมปิดหู
ปิดตาทำเป็นไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง...”
“ฉันจะยอมลืม...ลืมเรื่องทุกอย่าง...และจำเพียงเรื่องหลังจากวันนี้เป็นต้นไป”
“ฉันจะลืมว่าฉันรักนาย...ลืมว่านายรักฉัน....ลืม...ว่าเรารักกัน...ไม่สิ...
เราเคยรักกัน...ฮึก” ร่างเล็กพูดเสียงสั่นพลางก้มหน้าร้องไห้ในอ้อมแขนของอีกคน ไหล่บางเริ่มสั่นจากแรงสะอื้น
จนร่างสูงแทบจะร้องไห้หนักขั้นไปอีกคน แต่กลับทำได้เพียงนั่งอดกลั้นฟังอีกคนต่อไปเท่านั้น
“ขอบคุณนะ โยซอบอา” ดูจุนค่อยๆคลายอ้อมกอดออกช้าๆ ยันตัวลุกขึ้นยืนและคว้าไม้ค้ำทั้งสองข้างผนัง
ขึ้นมาประคองตัวเองอย่างเก้ๆกังๆ ต่อหน้าสายตาเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิดของโยซอบ
“ฉัน...ไปนะ” ยกยิ้มให้ดูมีความสุขที่สุดก่อนจะหันหลังเดินออกมา โดยที่ร่างบางก็เลือกที่จะยิ้มกลับมาแบบเดียวกัน
เป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายที่สวยงาม...อย่างที่ทั้งสองคาดหวัง...
“เดี๋ยวดูจุน!!”
“หือ?” แต่เสียงเรียกจากข้างหลังก้รั้งเขาไว้ ก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่ส่งยิ้มหวานให้เขาทั้งน้ำตา
“วันปิดภาค...นายมาดูได้มั้ย?...มาดูฉันร้องเพลง”
“แต่...วันนั้นฉันขึ้นเครื่องบิน”
“หรอ....ยังไงก็...พยายามมาให้ได้นะ...” ดูจุนไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าสัญญาและเดินจากมา
โดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีก...
ก็แค่กลัวเกินไป...ว่าจะเดินกลับออกมาไม่ได้อีกน่ะสิ
‘…’ เสียงพูดคุยกันจอแจของเหล่านักเรียนบอกให้รู้ถึงจำนวนนักเรียนที่ยืนรอฟังเพลง
อยู่หน้าเวทีที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ตื่นเต้นมั้ยโยซอบอา?”
“ครับ...” ร่างบางหันไปตอบรุ่นพี่คนสวยยิ้มๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆและปล่อยมันออกมาช้าๆ
เพื่อดับความตื่นเต้นในตัว จีนายิ้มเอ็นดูและยกมือลูบหัวรุ่นน้องตัวเล็กเบาๆ
“และต่อไป...ขอเซิญตัวแทนจากระดับชั้นม.3 น้องยังโยซอบครับ” เสียงประกาศของพิธีกรบนเวที
เรียกสติของเจ้าของชื่อกลับมา ก่อนเจ้าตัวจะหันมามองหน้ารุ่นพี่คนข้างๆอย่างเป็นกังวล
“ตาเราแล้วนะโยซอบอา ไปสิ” จีนาส่งยิ้มหวานมาให้อย่างเคยก่อนจะผายมือไปยังทางออกหน้าเวที
“ผมแค่กลัว...เพลงนี้ผมซ้อมมาได้ไม่นานเองนะ...”
“ใช้ใจของเธอร้อง...ร้องให้ไปให้ถึงคนที่เธออยากให้ได้ยิน...เชื่อพี่สิ” ลูบหลังโยซอบอย่างเบามือ
และพูดแบบแอบมีนัยแฝง โยซอบมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจแต่ก็เดินขึ้นเวทีไปเมื่อพิธีกรประกาศเรียกเขาเป็นครั
้งที่สอง
“เฮ่อ~” ถอนหายใจออกมาอย่างตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อก้าวออกมายืนกลางหน้าเวที สายตาที่จับจ้องมา
อย่างคาดหวังทำให้เขาทำตัวไม่ถูก
“สวัสดีครับทุกคน...ผมยังโยซอบจากม.3 ห้อง4 สายดนตรี...” แนะนำตัวพอเป็นพิธี ก่อนโยซอบจะหันไป
พยักหน้าให้คนในวงดนตรีเริ่มบรรเลงดนตรี
“เอ๊ะ ไหนว่าจะร้องเพลง Cherish that person ไม่ใช่หรอ?”
“ชู่ว์... เค้ามีเหตุผลส่วนตัว... แล้วฉันก้ไม่เห็นว่ามันจะส่งผลเสียอะไรตรงไหนนี่” จีนาหันไปจุ๊ปากใส่เพื่อนสาว
อีกคนแล้วขยิบตาให้อย่างมีความลับ...ก็ลับจริงๆนั่นแหละ ขนาดเจ้าของความลับยังไม่รุ้ตัวเลยด้วยซ้ำ...
คิดได้ก็มองไปยังคนตัวเล็กหน้าเวทีที่ยืนกำไมโครโฟนแน่นจนเหงื่อชื้นเต็มมือ และยกยิ้มให้กำลังใจ
“ใช้ใจของเธอร้องยังโยซอบ... ใช้ความรักของเธอ...”
เสียงพูดคุยของทุกคนเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงเกากีตาร์เริ่มเล่นขึ้นมาเบาๆ
บ้างก็นิ่งไปเพราะเป็นเพลงที่ยาก บ้างก็เพราะเป็นเพลงที่ชอบ บ้างก็เพราะเป็นเพลงที่ความหมายโดนใจ
แต่ที่คนบนเวทีนี้ยืนนิ่ง...กลับเป็นเพราะคนๆหนึ่งกับไม้ค้ำสองอันที่ยืนหอบเหงื่อ
ท่วมตัวอยู่ห่างไปจากเวทีไกลพอสมควร แต่ด้วยความสูงจากพื้นของร่างบาง จึงทำให้สังเกตเห็นอีกคนได้ไม่ยากนัก
เมื่อถึงเวลาที่ต้องร้อง ปากบางก็ขยับไปตามดนตรีและส่งเสียงร้องเพลงที่ได้ยินแต่ตาทั้งสองกลับจ้องคนตรงหน้าน
ิ่ง
มาถึงตอนนี้ ทุกอย่างในหัวว่างเปล่า มีเพียงสีขาวว่างโล่งลอยไปมา ไม่รู้หรอกว่าเนื้อร้องท่อนต่อไปคืออะไร
ไม่รู้หรอกว่าคนกี่คนกำลังฟังเขาอยู่
ไม่รู้หรอก...ว่าหลายๆคนเองก็เริ่มสังเกตุสายตาเหม่อลอยของตนและมองตามไปบ้าง
“นั่น! พี่ดูจุนกลับมาโรงเรียนแล้ว” เสียงอุทานของนักเรียนหญิงบางคนดังลอยขึ้นมาจากดนตรียิ่งส่งเสริมให้
โยซอบแน่ใจ...ว่าคนที่เขาเห็นกับคนที่เขาคิดว่าเป็น...คือคนเดียวกัน...
‘ตึกๆๆๆ’
“ดูจุน!! ยุนดุจุน!!!” ร่างเล็กเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น วิ่งไปเรื่อยๆตามทางที่เห็นร่างสูงเดินผ่านมา
ทั้งๆที่เป็นคนเหนื่อยง่าย
ทั้งๆที่เริ่มวิ่งมาตั้งแต่ร้องเพลงเมื่อกี๊เสร็จจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมง
แล้ว
แต่ความเหนื่อยกลับไม่ได้ทำให้เขาคิดจะหยุดวิ่งเลยซักนิด...
‘กริ๊ง~’ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือเรียกให้ขาทั้งสองหยุดลง ร่างเล็กหยุดวิ่งและล้วงหยิบมัน
ขึ้นมากดรับสายอย่างไม่รอช้า ปากก็หอบเป็นระยะๆ
“ยอโบเซโย”
(เพลงที่นายร้อง..เพราะมากเลยนะ...) ทันทีที่เสียงของคนปลายสายตอบกลับมา น้ำตาก็พาลจะไหลซะให้ได้
“ด..ดูจุน...”
(ขอบคุณนะ...เสียงของนายไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลย โยซอบอา...) ปลายสายพูดด้วยเสียงสั่นไม่แพ้กัน
และถ้ายังโยซอบได้มานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆอย่างที่คนเป็นพ่อแม่ของร่างสูงนี้นั่
งอยู่
ก็คงจะได้เห็นมือข้างที่กำโทรศัพท์แน่นจนเส้นเลือดขึ้น และข้อเท้าที่ต้องพันผ้ากันปวดหนาขึ้นกว่าปกตินี้บ้าง
“ฉันร้องมันให้นายนะ...ดีแล้วล่ะที่นายชอบมัน...”
(...)
“นี่ดูจุน...นายกำลังจะไปแล้วใช่มั้ย?”
“นายกำลังจะ...จากฉันไปในที่ๆไกลแสนไกล...แล้วใช่มั้ย?”
(อืม...)
“เดินทาง...ปลอดภัยนะ หายไวๆ แล้วก็...กลับมาเล่นฟุตบอลเก่งๆให้ได้เหมือนเดิม...” ร่างบางยกมือปาดน้ำตา
และยกยิ้มบางๆ อย่างน้อยเขาก็โล่งใจว่าดูจุนจะได้ไปรักษากับหมอดีๆซักทีล่ะนะ
(นี่โยซอบ...)
“หืม?”
(จำได้มั้ย...ที่ฉันบอกว่าฉันจะไม่รักนาย แล้วก็ไม่อยากให้นายรักฉันน่ะ)
“อ..อืม” เสียงหวานแผ่วไปเมื่อนึกถึงคืนนั้น...
คงไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาร้องไห่ไปเยอะเท่าไหร่กว่าจะเข้าใจ
แล้วก็คงไม่มีใครรู้เช่นกัน...ว่ายุนดูจุนร้องไห้ไปนานแค่ไหน...
(ฉันแค่จะบอกว่า...ฉันยังไม่พร้อมเท่านั้นแหละ)
(ไม่ใช่ไม่พร้อมที่จะมีความรัก...แต่ยังไม่เพรียบพร้อมพอที่จะดูแลหัวใจของนาย...)
(แต่ฉันสัญญานะ ว่าเมื่อฉันพร้อมฉันจะกลับไปหานาย...ถ้านายยังรอฉันอยู่ล่ะก็)
“อ..อื้อ” รอยยิ้มกลับมาระบายกว้างบนใบหน้าขาวจนขึ้นลักยิ้มที่แก้มทั้งสอง ก่อนเจ้าตัว
จะพยักหน้ารัวราวกับอีกคนจะเห็น
(อีกอย่าง...เมื่อกี๊ฉันก็ฟังเพลงที่นายยังไม่จบด้วย)
“อ้าว”
(แต่ถ้าฉันหายดี..ฉันจะกลับไปฟังให้จบไง ดีมั้ย?)
“อืม อย่าให้ฉันลืมไปซะก่อนก็แล้วกัน” โยซอบตอบกลับพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีขึ้น พลอยดูจุนก็
สบายใจไปด้วย มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองออกเบาๆ เมื่อมั่นใจว่ามันคงไม่ไหลลงมาอีก
“นี่ดูจุนนา...”
(หือ?)
“ตอนอยู่ที่นู่น...”
“ถ้านายเกิดท้อใจ...หรือหมดกำลังใจขึ้นมา..ก็เปิดเพลงๆนี้ฟังนะ”
“ถึงมันจะเป็นเพลงเศร้าไปหน่อย...แต่มันก็เป็นเพลงของเรา...จริงมั้ย?”
(อืม...ฉันต้องไปแล้วล่ะ..ฉันคงต้อง...วางแล้วนะ...)
“อืม...ลาก่อน...ไม่สิ...เจอกันใหม่นะ...ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นเมื่อไหร่”
(ลาก่อนโยซอบอา...ฉัน...รักนายนะ)
“ฉันก็...รักนาย...”
(ติ๊ด)
“계속 니 이름만 또 불러”
(กเยซก นี อีรึมมึน ตอ บุลรอ)
(ฉันเอาแต่เรียกชื่อของคุณ)
บทเพลงเพราะจบลงจากยังโยซอบบจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว
ร่างบางลืมตาขึ้นมองผู้ชมทุกคนช้าๆและยิ้มให้กับเรื่องในอดีตที่ไม่ได้คิดถึงมาเป็นส
ิบปี
เพลงนี้...ไม่ได้ฟังมานานแค่ไหนแล้วนะ
เท่าที่จำได้...ก็นั่งฟังมันทุกวัน...
ฟังอยู่เป็นปีจนถึงจุดหนึ่ง...ก็หมดความอดทน
ก็นะ...ให้รอเป็นสิบปีแบบไร้วี่แววของเป้าหมาย มันก็คงมากเกินไปสำหรับเด็กมัธยมปลายตอนนั้น
เพลงๆนี้เลย...อยู่ในเครื่องเฉยๆอย่างนั้น...จนจำไม่ได้แล้ว...ว่ามี
“เพลงสุดท้ายของคืนนี้จบลงไปแล้วนะครับ ขอบคุณครับทุกคนที่ชอบ แล้วก็ต้องขอบคุณ
คุณลูกค้าท่านที่ขอเพลงนี้มาด้วยนะครับ...มันทำให้ผมได้ทบทวนความหลังอะไรเยอะแยะเลย
”
พูดติดตลกและโค้งลาทุกๆคน ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินลงมาจากเวทีบ้าง
“เหนื่อยจัง~” ปริปากบ่นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม ก่อนร่างบางจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้สูงหน้าบาร์อย่างหมดแรง
“ขออย่างเดิมนะ” ยกมือสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์คนสนิท แต่ก็ถูกขัดขึ้นมาซะก่อน
“อย่าดื่มมากนักเลยครับ แอลกอฮอล์น่ะ เดี๋ยวเส้นเสียงก็เสียหมดหรอก”
“ครับ?” หันไปถามร่างสูงแปลกหน้าที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆขำๆ ก่อนจะยอมเปลี่ยนมาสั่งน้ำเปล่าดื่ม
แทนตามคำแนะนำของอีกคน
“ทำงานที่นี่ ไม่ลำบากแย่หรอครับ?”
“ไม่หรอกครับ นี่มันงานที่ผมชอบ ก็มีความสุขดี”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องร้องเพลง...แต่เรื่องกลิ่นบุหรี่หึ่งร้านขนาดนี้ต่างหาก...” โยซอบหันไปเลิกคิ้วถามคนข้างๆ
ก่อนจะเงียบไปเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนข้างๆเต็มๆ
ถึงเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปี...แต่ก็ใช่ว่ามันจะเปลี่ยนคนๆนึงไปได้โดยสมบูรณ์หรอกนะ...
“แพ้นิโคตินไม่ใช่หรอเรา?...โยซอบ?” ร่างสูงยิ้มบางๆและยกมือลูบหัวโยซอบอย่างเบามือ
“ด...ดูจุน?” เอ่ยถามชื่อของอีกคนไปทั้งน้ำตา มือเล็กทั้งสองก็จับมือของอีกคนที่ย้ายลงมา
ประคองใบหน้าของตัวเองไว้อย่างไม่เชื่อสายตา
“ฉันกลับมาแล้วนะโยซอบอา...”
“ฉันพร้อมที่จะ...กลับมาฟังเพลงของเราให้จบแล้ว...”
THE END
"นี่ๆ โยซอบๆ"
"ครับฮยอง?"
"โต๊ะ 5 เพลงนี้นะ..." ว่าแล้วร่างสูงในชุดบาร์เทนเดอร์ก็ยื่นกระดาษสีขาวแผ่นเล็กในมือให้อีกคน
ร่างบางยิ้มบางๆและพยักหน้ารับ
"ครับ..." ร่างบางก้มลงอ่านข้อความบนกระดาษนั้นก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อมันเข้าไปกระตุ้น
ความทรงจำส่วนหนึ่งที่เหมือนจะลืมมันไปเนิ่นนานแล้วโดยบังเอิญ
“Sad…song?”
“วันนี้เลิกซ้อมแค่นี้ก่อนนะ” เมื่อรุ่นพี่หัวหน้าชมรมว่าอย่างนั้น ร่างบางก็จัดการยัดโน๊ตเพลง
ทั้งหมดลงแฟ้มและใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว
“แหมๆ รีบเชียวนะ จะไปหาแฟนอีกล่ะสิ” รุ่นพี่สาวผมทองหันมาถามยิ้มๆ ร่างบางส่ายหน้ารัว
ก่อนจะปฏิเสธทันควัน
“แฟนที่ไหนล่ะครับ? เราเป็นเพื่อนบ้านกันครับ”
“อ่ะจ่ะๆ เชื่อจ้ะเชื่อ งั้นก็รีบกลับบ้านเถอะ ฟ้ามันดูครึ้มๆ”
“ครับ สวัสดีครับพี่จีนา กลับบ้านดีๆนะทุกคน” หันไปยิ้มให้คนอื่นๆในห้องซ้อมก่อนจะหอบของเต็มมือวิ่งไปยังสนามฟุตบอลที่อีกคนน่าจะ
รออยู่
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก”
“อ้าว มาแล้วหรอ?” เสียงทักของอีกคนเรียกให้ร่างบางที่วิ่งเต็มสปีดจากตึกดนตรีมาเงยหน้ามาพยักหน้าตอบก
่อนจะก้มลงเท้าเข่าสองข้างของตัวเองหอบต่อไป
“นี่...ถ้ามันเหนื่อยขนาดนี้ก็ไม่ต้องรีบนักก็ได้นะ ไม่สบายขึ้นมาจะทำไง?”
“ก็เรานัดกันไว้ห้าโมง ฉันไม่อยากมาสาย” ตอบไปส่งๆเพราะไม่อยากพูดไปตรงๆว่าเป็นห่วง ก่อนร่างบางจะเดินมานั่งลงข้างๆ
อีกคนบนสแตนด์เชียร์ข้างสนามฟุตบอล
“ดูสิ...ฟ้าครึ้มมากเลย...อากาศแบบนี้แล้วยังวิ่งซะขนาดนี้ ระวังป่วยเอาล่ะ นายยิ่งต้องรักษาเสียงอยู่”
“ครับพ่อๆ...แล้วนี่พ่อนายมายังอ่ะ?”
“ยังอ่ะ รถติดคงต้องนั่งรอไปก่อน...นี่นายไม่คิดจะกลับบ้านเองมั่งหรอ มานั่งรอรถพ่อฉันทุกวันเนี่ย?”
“เหอะ ไม่อยากให้กลับด้วยก็บอกมาเถอะ ไอ้ใจแคบเอ๊ย” ร่างบางหันไปแขวะเพื่อนตัวสูงก่อนจะจิ๊ปากใส่อย่างหมั่นไส้
“ไม่ใช่อย่างนั้น ก็พ่อฉันเค้าชอบสูบบุหรี่ตอนขับรถ นายแพ้นิโคตินไม่ใช่รึไง ถึงจะนั่งรถพ่อฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วก็เถอะ
แต่เห็นเวลากลับบ้านทีไรนายนั่งกลั้นหายใจตลอด เห็นแล้วทรมานแทนว่ะ”
“น...นายรู้?” คนตัวเล็กถามอีกคนหน้าเหวอ นี่เขาว่าเขาก็พยายามแอบทำเนียนๆแล้วนะ...
“มีอะไรที่นายทำแล้วฉันดูไม่ออกมั้ยล่ะโยซอบ?”
“อย่างน้อยฉันก็ท้องผูกได้โดยนายไม่รู้ก็แล้วกัน”
“ทุเรศ พูดยังกะมีวันที่นายจะไม่ท้องผูก ว่าไป...ผักที่ฉันซื้อมาฝากได้กินรึยัง?”
“กินแล้วๆ กินตั้งแต่วันที่ได้เลยด้วยเหอะ” ...ก็กลัวเก็บไว้นานจะไม่กล้ากิน...แล้วมันจะเน่าเอาซะเปล่าๆน่ะสิ
“เออๆ ไม่เถียงแล้วล่ะ นี่ๆฟังเพลงนี้ๆ” ร่างสูงว่าก่อนจะยื่นหูฟังข้างหนึ่งมาให้ โยซอบเงยหน้ายักคิ้วใส่งงๆ
แต่ก็รับมาใส่จนได้หลังจากอีกคนดูจะคะยั้นคะยอให้เขาฟังเหลือเกิน
ฟังกด~
느린노래 한번 불러볼께
นึลรินนอเร ฮันบอน บุลรอบุลเก
ฉันร้องเพลงอันแสนเศร้า
우리가 함께 늘 즐겨듣던 노래
อุลรีกา ฮัมเก นึล จึลกยอดึทตอน นอเร
เพลงที่เรานั้นเคยฟังด้วยกันทุกครั้ง
어디에선가 너도 같은 노랠 부르고 있을것 같아
ออทดีเอซอนกา นอโด กัททึน นอเร บุลรือโก อิทซึลกอล กัททา
ดูเหมือนว่าคุณคงจะฟังเพลงเดียวกันนี้ที่ไหนสักแห่ง
느린노래 한번 불러볼께
นึลรินนอเร ฮันบอน บุลรอบุลเก
ฉันร้องเพลงอันแสนเศร้า
우리가 함께 늘 즐겨듣던 노래
อุลรีกา ฮัมเก นึล จึลกยอดึทตอน นอเร
เพลงที่เรานั้นเคยฟังด้วยกันทุกครั้ง
어디에선가 너도 같은 노랠 부르고 있을것 같아
ออทดีเอซอนกา นอโด กัททึน นอเร บุลรือโก อิทซึลกอล กัททา
ดูเหมือนว่าคุณคงจะฟังเพลงเดียวกันนี้ที่ไหนสักแห่ง
“ทำไมฟังเพลงเศร้าจังล่ะดูจุน?” ถามติดหัวเราะและหันไปมองซักคำตอบจากอีกคนเพราะปกติคนตัวสูงนี่
วันๆก็เห็นฟังแต่เพลงหน่อมแน้มๆไม่ก็แร็พโย่ไปเลยซะมากกว่า แต่แล้วเจ้าตัวก็หุบยิ้มไปเมื่อเห็นหน้าของอีกคน
ร่างสูงที่ผมเปียกจนเกาะกันเป็นเส้นๆจากการสระผมลวกๆหลังซ้อมกีฬากำลังมองตรงไปที่ยอ
ดต้นไม้เบื้องหน้าอีกฝั่งของ สแตนด์ที่ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยแววตานิ่งจนหน้าใจหาย แขนยาวข้างหนึ่งยกขึ้นเท้ากับ
ที่นั่งชั้นบนโอบรอบๆไหล่เล็กไว้หลวมๆและถอนหายใจเฮือกใหญ่
ดูจุนทิ้งน้ำหนักลงพิงกับที่นั่งข้างหลังและยกยิ้มบางๆเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างใช้คว
ามคิด
ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่โยซอบถาม แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มนั่นก็ไม่ได้ดูมีความสุขที่ได้ฟังเพลงนี้หรือยังไงเลยซักนิด
มันดู...เศร้าแปลกๆ...
너도 나처럼 날 생각하니
นอโด นาชอรอม นัล เซงกักฮันนี
คุณคิดถึงกันเหมือนที่ฉันคิดถึงคุณไหม
너도 가끔은 내 생각에
นอโด กักกึมมึน เน เซงกักเก
คุณร้องไห้เมื่อคิดถึงฉันหรือเปล่า
눈물 흘리며 이렇게 또
นุนมุล ฮึลรีมยอ อีรอกเค ตอ
เหมือนกับที่ฉันคนนี้เป็นอยู่
나처럼 또 슬픈 노래만 부르고 있
นัทชอรอม ตอ ซึลพึน นอเรมัน บุลรือโก อิทนี
คุณร้องเพลงเศร้าๆ เพลงนี้อยู่ไหม?
นอโด นาชอรอม นัล เซงกักฮันนี
คุณคิดถึงกันเหมือนที่ฉันคิดถึงคุณไหม
너도 가끔은 내 생각에
นอโด กักกึมมึน เน เซงกักเก
คุณร้องไห้เมื่อคิดถึงฉันหรือเปล่า
눈물 흘리며 이렇게 또
นุนมุล ฮึลรีมยอ อีรอกเค ตอ
เหมือนกับที่ฉันคนนี้เป็นอยู่
나처럼 또 슬픈 노래만 부르고 있
นัทชอรอม ตอ ซึลพึน นอเรมัน บุลรือโก อิทนี
คุณร้องเพลงเศร้าๆ เพลงนี้อยู่ไหม?
‘ฟุ่บ’
“เฮ้อ~” ร่างบางทิ้งตัวลงกับเตียงและยกแขนก่ายหน้าผากอย่างหนักใจ ในหัวก็คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น
หลังจากถามเรื่องนั้นออกไปแล้วอีกคนไม่ตอบ เขาเองก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ ปล่อยให้ร่างสูงตกอยู่ใน
ห้วงความคิดของตัวเองต่อไปคงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่หลังจากนั้นซักพัก ดูจุนก็เป็นคนหลุดปากเล่าเรื่องต่างๆออกมาเสียเอง
‘ฉันชอบเพลงนี้มากเลยนะ...ที่ว่า...ถึงจะห่างกันไป...แต่ก็ยังฟังเพลงๆเดียวกัน...’
พูดขึ้นมาแค่นี้ก่อนทั้งสองจะนั่งฟังเพลงในหูฟังไปเงียบๆจนมันย้อนกลับมาเริ่มใหม่
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ขึ้นรถกลับบ้านมาจนตอนนี้เนี่ยแหละ
“หมายความว่ายังไงกัน...?”
“วันนี้เราจะมาสรุปเพลงที่จะร้องในคอนเสิร์ตวันปิดภาคเรียนกันนะ...”
“เดี๋ยวครับนูนา!”
“หืม?” จีนาหันไปเลิกคิ้วถามรุ่นน้องตัวเล็กที่นั่งเหม่ออยู่ที่คีย์บอร์ดมาตั้งแต่เมื่อกี๊ ที่อยู่ดีๆก็ตะโกนขัดการประชุมขึ้นมา
“นูนารู้จักเพลงนี้ป่ะ?” ว่าแล้วก็ฮัมทำนองเพลงที่อีกคนเปิดให้ฟังเมื่อวานเท่าที่จำได้ หญิงสาวนั่งฟัง
อย่างตั้งใจจนอีกคนร้องจบ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ โยซอบยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถามชื่อเพลง
“นือรินโนแร... Sad song น่ะจ้ะ ทำไมหรอ?”
“ออ...ไม่มีอะไรหรอกครับ” โยซอบส่ายหน้าตอบและระบายยิ้มบางๆ
“งั้นโยซอบ ร้องเพลง Cherish that person เหมือนเดิมนะ” ร่างบางพยักหน้ารับรู้ก่อนจะกลับมา
นั่งเท้าคางกับคีย์บอร์ดและทอดสายตาเหม่อออกไปที่สนามฟุตบอลอย่างเคย แต่คนที่เขานั่งมองอยู่กลับหายไปจากสนามซะแล้ว
“หายไปไหนซะล่ะเนี่ย?”
가슴이 아파 불러
กัทซึมมี อาพา บุลรอ
ฉันร้องเพลงนี้เพราะหัวใจฉันมันเจ็บ
슬픈 노래만 불러
ซึลพึน นอเรมัน บุลรอ
ฉันร้องแต่เพลงนี้เพลงเดียว
กัทซึมมี อาพา บุลรอ
ฉันร้องเพลงนี้เพราะหัวใจฉันมันเจ็บ
슬픈 노래만 불러
ซึลพึน นอเรมัน บุลรอ
ฉันร้องแต่เพลงนี้เพลงเดียว
“ร้องเพลงเยอะอย่างนี้ไม่เหนื่อยมั่งหรอ? เก็บเสียงไว้วันจริงมั่งก็ดีนะเตี้ย” หลังจากนั่งฟังอีกคนแหกปากซ้อม
ร้องเพลงนี้มาเป็นชั่วโมง ดูจุนก็ถามโยซอบหน้านิ่ง ร่างเล็กหันมาค้อนใส่หน้ายู่ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆร่างสูงบนพื้น
“ก็เพราะว่าวันจริงมันสำคัญน่ะสิ ฉันก็ต้องซ้อมเยอะๆให้พร้อม แล้วถ้าให้ฉันถามนายมั่งเถอะ นายก็เอาแต่ซ้อมบอลๆๆๆ
อยู่ทุกวันอย่างเงี้ย ไม่กลัวร่างกายจะเป็นอะไรขึ้นมาก่อนวันแข่งหรือไง?” ยันตัวขึ้นจากเตียงที่นั่งพิงอยู่และถามร่างสูงขำๆ..
แต่ก็อย่างเมื่อวันก่อน ดูจุนไม่ได้ยิ้มตอบ แต่กลับฉายความกังวลออกมาทางแววตาทั้งสองอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาคมเหลือบขึ้นสบตาร่างบางนิ่ง ราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูจุนก็เลือกที่จะหลบตาคนตรงหน้าไปซะก่อน
“น...นั่นสินะ ฮะๆ” ร่างสูงเกาหัวและหัวเราะเจื่อนๆ ก่อนจะก้มลงอ่านการ์ตูนในมือต่อไม่พูดอะไรออกมาอีก
โยซอบมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ทิ้งตัวกลับลงมานั่งพิงเตียงข้างๆดูจุนอย่างหมดหนท
าง...
ในเมื่อเค้าไม่อยากบอกก็ไม่มีสาเหตุอะไรต้องมาถามให้อีกคนไม่พอใจเอาซะเปล่าๆล่ะนะ แถมยุนดูจุนก็ไม่ชอบพวกถามมากซะด้วย
“แต่ที่ถามมากก็เพราะเป็นห่วงไม่ใช่รึไงล่ะวะ...”
“หือ? พูดอะไรรึเปล่า?”
“อ้อ ไม่ๆๆ แค่บอกว่ามีเวลาเหลือเยอะมาก อ่านไปเถอะไม่ต้องห่วงน่ะ”
“โอเคๆ แต่ฉันไม่ใช่เด็กขนาดนั่งอ่านการืตูนทั้งวันทั้งคืนหรอกน่า เล่มนี้จบฉันก็กลับแล้ว” ดูจุนยิ้มหวานและยีหัวโยซอบจนยุ่ง
“เพราะดีนะ”
“ฮะ?”
“เพลงที่นายให้ฉันฟังเมื่อวานไง”
“อ่อ...อืม” ดูจุนยิ้มรับก่อนจะกลับไปอ่านหนังสือเช่นเดิม เดือดร้อนโยซอบต้องหาเรื่องมาชวนคุยอีก
“แล้วนี่...”
“ไม่ต้องพยายามชวนฉันคุยขนาดนั้นก็ได้...ฉันไม่เป็นไรหรอก” แต่ก่อนจะได้ถามอะไรดูจุนก็ดูจะรู้ทัน
และขัดขึ้นมาก่อน ร่างบางเลยได้แต่อ้าปากกินลมพะงาบๆ
“นี่ก็เพราะอยากให้นายไม่เป็นอะไรไงถึงได้ถาม”
“ไม่เป็นไรจริงๆ...นายไม่ต้องมาทำเป็นห่วงฉันมากขนาดนี้ก็ได้”
“เอ๊า ก็เพราะว่าเป็นห่วงน่ะสิถึงได้...เฮ้!” โยซอบอุทานขึ้นมาเมื่ออยู่ดีร่างสูงก็ทิ้งหนังสือการ์ตูนลงข้างตัว
และดึงเขาเข้าไปกอดเสียแน่นจนหายใจไม่ออก
“พอเถอะนะ...ฉันไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ไม่ต้องมาคิดถึงฉัน ไม่ต้องมามองหาหรือคิดอะไรเกี่ยวกับฉันอีก...”
“อย่าแสดงออก...ว่านายรักฉันอีก” ดูจุนพูดเสียงสั่น ส่วนโยซอบก็ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ
อย่าบอกนะว่า...ดูจุนอ่านเขาออกตั้งแต่แรก...?
“ทำไม...นายรู้?”
“ฉันรู้...แต่ขอโทษนะ...ฉันคงรับมันไว้ไม่ได้หรอก...” ดูจุนปฏิเสธเสียงสั่นก่อนจะผละอ้อมกอดออกมาช้าๆ ดวงตาทั้งสองฉ่ำไปด้วยน้ำตา
ในเมื่อตัวเองก็เสียใจ...แล้วทำไมต้องปฏิเสธกันด้วยล่ะ?
“ท..ทำไม? ตลอดเวลาที่ผ่านมานายไม่เคยคิดเหมือนกันบ้างเลยรึไง? อ...อื้อ” ไม่ทันที่ร่างบางจะพูดจบ
ดูจุนก็ดันไหล่เล็กลงกับพื้นและแนบตัวตามลงไปติดๆ ริมฝีปากของทั้งสองชนกันเบาๆก่อนลิ้นร่อนจะส่ง
เข้าไปตักตวงความหวานจากโพรงปากคนข้างใต้อย่างนุ่มนวล
โยซอบได้แต่เบิกตาโตเหลือบมองซีกใบหน้าอีกคนที่หลับตาลงเบาๆและส่งมอบสัมผัสอ่อนหวาน
ให้เขาอยู่อย่างตกใจ อยู่ดีๆแรงที่จะขัดขืนก็อ่อนระทวย ทำได้เพียงตอบรับจูบนั้นไปอย่างไม่รู้ประสีประสา
อาจเป็นเพราะ...ตัวเขาเองก็รอคอยวันนี้มานานแล้วเหมือนกัน...
“ฉันรักนายมากกว่าที่นายรู้โยซอบ...รักมานานแล้ว...และจะรักวันนี้...เป็นวันสุดท้าย
” ก่อนจะได้เอ่ยถามอะไร
ริมฝีปากร้อนผ่าวของอีกคนก็เบียดลงมาอีกครั้ง มือหนาเริ่มย้ายไปที่สาบเสื้อนักเรียนตัวบางและปลดมันออกอย่างเบามือ
ตามมาด้วยอาภรณ์ครึ่งล่าง
แต่แปลก...ทั้งๆที่โยซอบรู้ว่าไม่ควร และรู้อยู่แก่ใจ..ว่าหลังจากคืนนี้ไป ต้องมีอะไรบางอย่างไม่ดีๆเกิดขึ้น...
สมองกลับสั่งแล้วสั่งอีก...ว่าอย่าปฏิเสธ...เพราะถ้าปฎิเสธ...สิ่งที่จะตามมา...อาจท
ำให้เสียใจยิ่งกว่า
“ฉันขอให้...มันเป็นวันสุดท้ายที่สวยงาม...ได้มั้ย?” เงยหน้าถามร่างบางข้างใต้ร่างกายของตนทั้งน้ำตาแต่ใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้ม
คนที่ถูกถามสบตาอีกคนอย่างไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายก็ระบายยิ้มบางๆและพยักหน้าตอบ
“ขอบคุณ...ขอบคุณนะ” ดูจุนโอบกอดร่างเล็กและพูดซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนน่าใจหาย
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปในคืนนั้น...ก็เป็นเพียงความต้องการของทั้งสอง...
ไม่มีความเจ็บปวด...
ไม่มีการขัดขืนใจ
ไม่มีใครเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป
แต่ทั้งสองจะเสียใจในเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปมั้ย...เรื่องนี้ไม่มีใครรู้...
너를 못잊어 불러 끝난¬ 사랑이지만
นอรึล มทเนจอ บุลรอ กึทนัน ซารังงีจีมัน
ร้องเพราะฉันยังลืมคุณไปไม่ได้ แม้ความรักของเราจะจบไปแล้ว
내사랑 Good Bye, Good Bye, Good Bye
เนซารัง Good Bye, Good Bye, Good Bye
ลาก่อนความรักของฉัน
이렇게 느린 노래로 계속 니 이름만 또 불러
อีรอกเค นอริน นอเรโด กเยซก นี อีรึมมึน ตอ บุลรอ
เมื่อฉันร้องเพลงนี้ ก็เหมือนเรียกชื่อคุณออกมา
นอรึล มทเนจอ บุลรอ กึทนัน ซารังงีจีมัน
ร้องเพราะฉันยังลืมคุณไปไม่ได้ แม้ความรักของเราจะจบไปแล้ว
내사랑 Good Bye, Good Bye, Good Bye
เนซารัง Good Bye, Good Bye, Good Bye
ลาก่อนความรักของฉัน
이렇게 느린 노래로 계속 니 이름만 또 불러
อีรอกเค นอริน นอเรโด กเยซก นี อีรึมมึน ตอ บุลรอ
เมื่อฉันร้องเพลงนี้ ก็เหมือนเรียกชื่อคุณออกมา
“...” ร่างเล็กยังคงนั่งจับขาไมโครโฟรหมุนไปมาหลังจากทำอย่างนั้นมาครึ่งชั่วโมง ตาทั้งสองลอยออกไปข้างนอก
เหมือนไม่ได้รับรู้อะไรในห้องซ้อมเลยซักนิด แม้แต่รุ่นพี่คนสนิทสี่ห้าคนนำด้วยจีนาที่ยืนมองเขาอย่างเป็นห่วงมาได้ซักพักแล้ว
“มีใครรู้บ้างมั้ย...ว่าโยซอบเป็นอะไร?” ในที่สุดประธานชมรมก็ถามขึ้นมาอย่างเหนื่อยใจหลังจากตัวเองที่คิดว่าน่าจะ
เข้าใจหัวอกรุ่นน้องตัวเล็กคนนี้ดีที่สุดคิดไม่ตกมาหลายวันก็ยังไม่รู้ซักทีว่าทำไมย
ังโยซอบผู้ร่าเริงถึงดูหงอยลงไปได้ขนาดนี้
คุณอ่านไม่ผิดหรอก...โยซอบเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว
ก็เพราะหลังจากคืนนั้น...ดูจุนก็หายหน้าไปเลยน่ะสิ
ถ้าแค่ไม่มาให้เห็นหน้าก็ยังว่าไป...แต่นี่ไม่มาโรงเรียน ไม่มาซ้อมบอล ไม่ไปเรียนพิเศษเลยแม้แต่วันเดียว
ไปหาที่บ้านก็ไม่ออกมาหา วันๆอยู่แต่ในห้องนอน
เป็นสาเหตุให้ยังโยซอบต้องมานั่งกังวลอยู่อย่างนี้ไปด้วยอีกคนนี่ไง
“อ๊ะ นั่น!” แต่จู่ๆทุกคนในชมรมก็สะดุ้งไปตามๆกันเมื่อโยซอบลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้และวิ่งหายออก
ไปนอกประตูอย่างกับไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนี้เมื่อซักครู่
จีนาเดินไปยังขอบหน้าต่างบานที่ร่างเล็กนั่งมองอยู่เมื่อกี๊ก่อนจะพึมพำเบาๆอย่างกับ
เข้าใจเรื่องทั้งหมด
“ยุนดูจุน...มาโรงเรียนแล้ว...สินะ”
“แฮ่ก...แฮ่ก...” ร่างบางยืนค้ำประตูหน้าห้องล็อคเกอร์ของนักฟุตบอลโรงเรียนพลางหอบไม่หยุด
เพราะเขาไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย พอต้องมาวิ่งเร็วๆเข้าหน่อยเลยเหนื่อยจนแทบเป็นลม
ก็เพราะต้องอยู่กับคนบ้ากีฬาที่ชอบซ้อมหนักเกินแรงแล้วบาดเจ็บกลับบ้านแทบทุกวัน
ตั้งแต่เด็กเนี่ยสิ ถึงได้ไม่กล้าเล่นกีฬาอะไรเลยตั้งแต่นั้น...
“เธอว่าไงนะดูจุน?” เสียงดังขึ้นจากในห้องทำให้โยซอบต้องรีบปล่อยออกมาจากลูกบิดประตู
และเลือกที่จะเอาหูแนบลงไปฟังจากข้างนอกแทน
“ครับ...ผมคงต้อง...ลาออกจากทีม ไม่สิ...ลาออกจากโรงเรียนด้วย...”
“ว...ว่าไงนะ” หลุดอุทานออกมาเบาจนแทบไม่มีเสียง ร่างบางกัดนิ้วโป้งอย่างเป็นกังวล ในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“ก็ตั้งแต่ซ้อมเมื่อเดือนก่อน...ที่ผมโดนขัดขาล้มน่ะครับ ผมกลับไปหาหมอ
หมอบอกว่าเอ็นร้อยหวายผมแค่อักเสบ แล้วก็ให้ทายาตามปกติ”
“ผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ผมก็รู้สึกดีขึ้น แล้วก็กลับมาซ้อม”
“แต่ผมคงจะสะเพร่าเกินไปเอง...”
“โค้ชจำได้มั้ยครับ วันนั้นที่ผมมาซ้อมแล้วลื่นล้มกลางเกม จนต้องขอเปลี่ยนตัวออกมาน่ะ...”
โยซอบพยายามนึกย้อนกลับไปก่อนจะตาโตขึ้นอย่างนึกขึ้นได้...
มันคือวันที่เขาได้ฟังเพลงนั้นครั้งแรก...Sad song…
“วันนั้นผมคิดว่าอาจจะกลับมาอักเสบอีกเลยไม่คิดว่าเป็นอะไรมาก แต่วันต่อมาที่ผมกลับบ้านก่อนแล้วไปหาหมอ...
ผมก็ได้รู้ว่า...เอ็นร้อยหวายผมขาด และสภาพของมันก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเชื่อมกันติดมั้ย ถึงติด...ก็ไม่รู้จะกลับมา
ใช้การเหมือนเดิมได้รึเปล่าด้วย” ร่างบางหน้าประตูได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหยุดหายใจ...
แล้วคืนนั้น...นายก็ยังอุตส่าห์...มาหาฉัน...?
“อึก...” โยซอบทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างไม่เชื่อหู น้ำตามากมายจากที่ไหนไม่รู้ไหลลงมาราวกับเรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องของตัวเอง
ไม่จริงน่า...ถ้าเอ็นร้อยหวายขาด...แล้วฟุตบอล...?
ไม่สิ...แม้แต่เดินดี...ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับมาทำได้เหมือนเดิมรึเปล่า
แล้วกับยุนดูจุนผู้รักกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ...
มันก็คงเหมือนกับให้ยังโยซอบสูญเสียเส้นเสียง...
“แล้วเธอคิดจะทำยังไงต่อไป? มันเป็นชีวิตของเธอนะดูจุน” โค้ชถามเสียงสั่น เขาเองก็ตกใจไม่แพ้ใครเหมือนกัน
ยุนดูจุน นักกีฬาที่ทุกๆคนในทีมต่าง รัก เคารพ และภาคภูมิใจ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น
“พ่อกับแม่ของผมติดต่อหมอที่ต่างประเทศไว้ให้แล้วล่ะครับ...แต่ก็อย่างที่บอก...
ถึงหมอเก่งแค่ไหน เราก้ยังไม่รู้ผลที่จะตามมาครับ...แล้วไหนจะกายภาพบำบัดอีก...คงหลายปี...หรืออาจจะ
...ไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย...”
“ม...ไม่นะ” ร่างบางหลุดพูดออกมาก่อนจะยกมือป้องปากตัวเองอย่างตกใจ แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป...
“ผมกลับแล้วนะครับ...เจอกันใหม่นะครับอาจารย์”
“โชคดีนะดูจุน...” โค้ชดึงนักเรียนคนสนิทเข้ามากอดหลวมๆทั้งน้ำตาและโบกมือส่งเจ้าตัวจนออกจากประตูไป
‘ครืด...’
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะเตี้ย?” ร่างสูงที่เปิดประตูมาเจอกับร่างบางนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าประตูเอ่ยถามพลางตี
หน้าร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่ถูกเรียกก็เงยหน้ามาสบตาอีกคนอย่างต้องการคำตอบ
“ที่นายพูด...มัน...มันเป็นเรื่องจริงเหรอ? ดูจุนนา...? ฮึก...นาย...เป็นอะไรมากรึเปล่า?”
“เป็นอะไร?...ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ก็แค่เจ็บเท้านิดหน่อย”
“นิดหน่อยเหรอ? ถึงขนาดต้องใช้ไม้ค้ำเดินแบบนี้...ฉันว่ามันไม่นิดหน่อยแล้วนะดูจุน มีอะไรก็อย่าปิดบังกันไม่ได้หรอ?”
โยซอบเอ่ยถามเสียงสั่นไปสะอื้นไป มือเล็กบีบมือของอีกคนแน่น ดูจุนยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอดหลวมๆ
“ฉันไม่เป็นไร...แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย โอเคมั้ย?”
“จะไม่เป็นห่วงได้ยังไง!! ในเมื่อฉันนายคือคนที่ฉันรั..อื้อ” มือหนายกขึ้นปิดปากคนตัวเล็กแน่น
ร่างสูงจ้องตาร่างเล็กผ่านม่านน้ำตาที่เริ่มก่อตัว พลางส่ายหัวด้วยแววตาเว้าวอน
“ขอร้อง...อย่าพูดคำนั้น...”
“ฉันบอกแล้วไง...ว่าเมื่อวันนั้น...จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันรักนาย...และฉันจะไม่รักน
ายอีก”
“อย่าทำให้ฉันรักนายเลยนะโยซอบอา..”
“แล้วก็...นายเองก็...อย่ารักฉันด้วยจะดีที่สุด” เมื่อพูดจบน้ำตาลูกผู้ขายก็ไหลลงมาจากดวงตาทั้งสองเป็นทาง
โยซอบเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมเงียบไปเอง
“ฉันไม่รู้ว่านายมีสาเหตุอะไรที่ต้องทำแบบนี้...แต่ถ้านายต้องการ...ฉันจะยอมปิดหู
ปิดตาทำเป็นไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง...”
“ฉันจะยอมลืม...ลืมเรื่องทุกอย่าง...และจำเพียงเรื่องหลังจากวันนี้เป็นต้นไป”
“ฉันจะลืมว่าฉันรักนาย...ลืมว่านายรักฉัน....ลืม...ว่าเรารักกัน...ไม่สิ...
เราเคยรักกัน...ฮึก” ร่างเล็กพูดเสียงสั่นพลางก้มหน้าร้องไห้ในอ้อมแขนของอีกคน ไหล่บางเริ่มสั่นจากแรงสะอื้น
จนร่างสูงแทบจะร้องไห้หนักขั้นไปอีกคน แต่กลับทำได้เพียงนั่งอดกลั้นฟังอีกคนต่อไปเท่านั้น
“ขอบคุณนะ โยซอบอา” ดูจุนค่อยๆคลายอ้อมกอดออกช้าๆ ยันตัวลุกขึ้นยืนและคว้าไม้ค้ำทั้งสองข้างผนัง
ขึ้นมาประคองตัวเองอย่างเก้ๆกังๆ ต่อหน้าสายตาเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิดของโยซอบ
“ฉัน...ไปนะ” ยกยิ้มให้ดูมีความสุขที่สุดก่อนจะหันหลังเดินออกมา โดยที่ร่างบางก็เลือกที่จะยิ้มกลับมาแบบเดียวกัน
เป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายที่สวยงาม...อย่างที่ทั้งสองคาดหวัง...
“เดี๋ยวดูจุน!!”
“หือ?” แต่เสียงเรียกจากข้างหลังก้รั้งเขาไว้ ก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่ส่งยิ้มหวานให้เขาทั้งน้ำตา
“วันปิดภาค...นายมาดูได้มั้ย?...มาดูฉันร้องเพลง”
“แต่...วันนั้นฉันขึ้นเครื่องบิน”
“หรอ....ยังไงก็...พยายามมาให้ได้นะ...” ดูจุนไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าสัญญาและเดินจากมา
โดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีก...
ก็แค่กลัวเกินไป...ว่าจะเดินกลับออกมาไม่ได้อีกน่ะสิ
몇 번을 생각하고 또 해서
มยอท บุนนึล เซงกักฮาโด ตอ เฮทซอ
ฉันคิดถึงเรื่องของเราซ้ำไปซ้ำมา
내린 결정이 왜 이렇게 힘든건지
เนริน กยอลจองงี เว อีรอกเค ฮิมดึนกอนจี
ฉันตัดใจจากคุณไม่ได้สักที
이 노랠 부를때 마다 니가 또
อี นอเร บูรึลเต มาดา นิกกา ตอ
เพราะไม่ว่าครั้งใดที่ฉันร้องเพลงนี้
생각나서
เซงกักนัทซอ
ก็จะคิดถึงคุณจับใจ
มยอท บุนนึล เซงกักฮาโด ตอ เฮทซอ
ฉันคิดถึงเรื่องของเราซ้ำไปซ้ำมา
내린 결정이 왜 이렇게 힘든건지
เนริน กยอลจองงี เว อีรอกเค ฮิมดึนกอนจี
ฉันตัดใจจากคุณไม่ได้สักที
이 노랠 부를때 마다 니가 또
อี นอเร บูรึลเต มาดา นิกกา ตอ
เพราะไม่ว่าครั้งใดที่ฉันร้องเพลงนี้
생각나서
เซงกักนัทซอ
ก็จะคิดถึงคุณจับใจ
‘…’ เสียงพูดคุยกันจอแจของเหล่านักเรียนบอกให้รู้ถึงจำนวนนักเรียนที่ยืนรอฟังเพลง
อยู่หน้าเวทีที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ตื่นเต้นมั้ยโยซอบอา?”
“ครับ...” ร่างบางหันไปตอบรุ่นพี่คนสวยยิ้มๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆและปล่อยมันออกมาช้าๆ
เพื่อดับความตื่นเต้นในตัว จีนายิ้มเอ็นดูและยกมือลูบหัวรุ่นน้องตัวเล็กเบาๆ
“และต่อไป...ขอเซิญตัวแทนจากระดับชั้นม.3 น้องยังโยซอบครับ” เสียงประกาศของพิธีกรบนเวที
เรียกสติของเจ้าของชื่อกลับมา ก่อนเจ้าตัวจะหันมามองหน้ารุ่นพี่คนข้างๆอย่างเป็นกังวล
“ตาเราแล้วนะโยซอบอา ไปสิ” จีนาส่งยิ้มหวานมาให้อย่างเคยก่อนจะผายมือไปยังทางออกหน้าเวที
“ผมแค่กลัว...เพลงนี้ผมซ้อมมาได้ไม่นานเองนะ...”
“ใช้ใจของเธอร้อง...ร้องให้ไปให้ถึงคนที่เธออยากให้ได้ยิน...เชื่อพี่สิ” ลูบหลังโยซอบอย่างเบามือ
และพูดแบบแอบมีนัยแฝง โยซอบมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจแต่ก็เดินขึ้นเวทีไปเมื่อพิธีกรประกาศเรียกเขาเป็นครั
้งที่สอง
“เฮ่อ~” ถอนหายใจออกมาอย่างตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อก้าวออกมายืนกลางหน้าเวที สายตาที่จับจ้องมา
อย่างคาดหวังทำให้เขาทำตัวไม่ถูก
“สวัสดีครับทุกคน...ผมยังโยซอบจากม.3 ห้อง4 สายดนตรี...” แนะนำตัวพอเป็นพิธี ก่อนโยซอบจะหันไป
พยักหน้าให้คนในวงดนตรีเริ่มบรรเลงดนตรี
“เอ๊ะ ไหนว่าจะร้องเพลง Cherish that person ไม่ใช่หรอ?”
“ชู่ว์... เค้ามีเหตุผลส่วนตัว... แล้วฉันก้ไม่เห็นว่ามันจะส่งผลเสียอะไรตรงไหนนี่” จีนาหันไปจุ๊ปากใส่เพื่อนสาว
อีกคนแล้วขยิบตาให้อย่างมีความลับ...ก็ลับจริงๆนั่นแหละ ขนาดเจ้าของความลับยังไม่รุ้ตัวเลยด้วยซ้ำ...
คิดได้ก็มองไปยังคนตัวเล็กหน้าเวทีที่ยืนกำไมโครโฟนแน่นจนเหงื่อชื้นเต็มมือ และยกยิ้มให้กำลังใจ
“ใช้ใจของเธอร้องยังโยซอบ... ใช้ความรักของเธอ...”
เสียงพูดคุยของทุกคนเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงเกากีตาร์เริ่มเล่นขึ้นมาเบาๆ
บ้างก็นิ่งไปเพราะเป็นเพลงที่ยาก บ้างก็เพราะเป็นเพลงที่ชอบ บ้างก็เพราะเป็นเพลงที่ความหมายโดนใจ
แต่ที่คนบนเวทีนี้ยืนนิ่ง...กลับเป็นเพราะคนๆหนึ่งกับไม้ค้ำสองอันที่ยืนหอบเหงื่อ
ท่วมตัวอยู่ห่างไปจากเวทีไกลพอสมควร แต่ด้วยความสูงจากพื้นของร่างบาง จึงทำให้สังเกตเห็นอีกคนได้ไม่ยากนัก
เมื่อถึงเวลาที่ต้องร้อง ปากบางก็ขยับไปตามดนตรีและส่งเสียงร้องเพลงที่ได้ยินแต่ตาทั้งสองกลับจ้องคนตรงหน้าน
ิ่ง
มาถึงตอนนี้ ทุกอย่างในหัวว่างเปล่า มีเพียงสีขาวว่างโล่งลอยไปมา ไม่รู้หรอกว่าเนื้อร้องท่อนต่อไปคืออะไร
ไม่รู้หรอกว่าคนกี่คนกำลังฟังเขาอยู่
ไม่รู้หรอก...ว่าหลายๆคนเองก็เริ่มสังเกตุสายตาเหม่อลอยของตนและมองตามไปบ้าง
“นั่น! พี่ดูจุนกลับมาโรงเรียนแล้ว” เสียงอุทานของนักเรียนหญิงบางคนดังลอยขึ้นมาจากดนตรียิ่งส่งเสริมให้
โยซอบแน่ใจ...ว่าคนที่เขาเห็นกับคนที่เขาคิดว่าเป็น...คือคนเดียวกัน...
가슴이 아파 불러
กัทซึมมี อาพา บุลรอ
ฉันร้องเพลงนี้เพราะหัวใจฉันมันเจ็บ
슬픈 노래만 불러
ซึลพึน นอเรมัน บุลรอ
ฉันร้องแต่เพลงนี้เพลงเดียว
너를 못잊어 불러 끝난¬ 사랑이지만
นอรึล มทเนจอ บุลรอ กึทนัน ซารังงีจีมัน
ร้องเพราะฉันยังลืมคุณไปไม่ได้ แม้ความรักของเราจะจบไปแล้ว
내사랑 Good Bye, Good Bye, Good Bye
เนซารัง Good Bye, Good Bye, Good Bye
ลาก่อนความรักของฉัน
이렇게 느린 노래로 계속 니 이름만 또 불러
อีรอกเค นอริน นอเรโด กเยซก นี อีรึมมึน ตอ บุลรอ
เมื่อฉันร้องเพลงนี้ ก็เหมือนเรียกชื่อคุณออกมา
กัทซึมมี อาพา บุลรอ
ฉันร้องเพลงนี้เพราะหัวใจฉันมันเจ็บ
슬픈 노래만 불러
ซึลพึน นอเรมัน บุลรอ
ฉันร้องแต่เพลงนี้เพลงเดียว
너를 못잊어 불러 끝난¬ 사랑이지만
นอรึล มทเนจอ บุลรอ กึทนัน ซารังงีจีมัน
ร้องเพราะฉันยังลืมคุณไปไม่ได้ แม้ความรักของเราจะจบไปแล้ว
내사랑 Good Bye, Good Bye, Good Bye
เนซารัง Good Bye, Good Bye, Good Bye
ลาก่อนความรักของฉัน
이렇게 느린 노래로 계속 니 이름만 또 불러
อีรอกเค นอริน นอเรโด กเยซก นี อีรึมมึน ตอ บุลรอ
เมื่อฉันร้องเพลงนี้ ก็เหมือนเรียกชื่อคุณออกมา
‘ตึกๆๆๆ’
“ดูจุน!! ยุนดุจุน!!!” ร่างเล็กเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น วิ่งไปเรื่อยๆตามทางที่เห็นร่างสูงเดินผ่านมา
ทั้งๆที่เป็นคนเหนื่อยง่าย
ทั้งๆที่เริ่มวิ่งมาตั้งแต่ร้องเพลงเมื่อกี๊เสร็จจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมง
แล้ว
แต่ความเหนื่อยกลับไม่ได้ทำให้เขาคิดจะหยุดวิ่งเลยซักนิด...
‘กริ๊ง~’ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือเรียกให้ขาทั้งสองหยุดลง ร่างเล็กหยุดวิ่งและล้วงหยิบมัน
ขึ้นมากดรับสายอย่างไม่รอช้า ปากก็หอบเป็นระยะๆ
“ยอโบเซโย”
(เพลงที่นายร้อง..เพราะมากเลยนะ...) ทันทีที่เสียงของคนปลายสายตอบกลับมา น้ำตาก็พาลจะไหลซะให้ได้
“ด..ดูจุน...”
(ขอบคุณนะ...เสียงของนายไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลย โยซอบอา...) ปลายสายพูดด้วยเสียงสั่นไม่แพ้กัน
และถ้ายังโยซอบได้มานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆอย่างที่คนเป็นพ่อแม่ของร่างสูงนี้นั่
งอยู่
ก็คงจะได้เห็นมือข้างที่กำโทรศัพท์แน่นจนเส้นเลือดขึ้น และข้อเท้าที่ต้องพันผ้ากันปวดหนาขึ้นกว่าปกตินี้บ้าง
“ฉันร้องมันให้นายนะ...ดีแล้วล่ะที่นายชอบมัน...”
(...)
“นี่ดูจุน...นายกำลังจะไปแล้วใช่มั้ย?”
“นายกำลังจะ...จากฉันไปในที่ๆไกลแสนไกล...แล้วใช่มั้ย?”
(อืม...)
“เดินทาง...ปลอดภัยนะ หายไวๆ แล้วก็...กลับมาเล่นฟุตบอลเก่งๆให้ได้เหมือนเดิม...” ร่างบางยกมือปาดน้ำตา
และยกยิ้มบางๆ อย่างน้อยเขาก็โล่งใจว่าดูจุนจะได้ไปรักษากับหมอดีๆซักทีล่ะนะ
(นี่โยซอบ...)
“หืม?”
(จำได้มั้ย...ที่ฉันบอกว่าฉันจะไม่รักนาย แล้วก็ไม่อยากให้นายรักฉันน่ะ)
“อ..อืม” เสียงหวานแผ่วไปเมื่อนึกถึงคืนนั้น...
คงไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาร้องไห่ไปเยอะเท่าไหร่กว่าจะเข้าใจ
แล้วก็คงไม่มีใครรู้เช่นกัน...ว่ายุนดูจุนร้องไห้ไปนานแค่ไหน...
(ฉันแค่จะบอกว่า...ฉันยังไม่พร้อมเท่านั้นแหละ)
(ไม่ใช่ไม่พร้อมที่จะมีความรัก...แต่ยังไม่เพรียบพร้อมพอที่จะดูแลหัวใจของนาย...)
(แต่ฉันสัญญานะ ว่าเมื่อฉันพร้อมฉันจะกลับไปหานาย...ถ้านายยังรอฉันอยู่ล่ะก็)
“อ..อื้อ” รอยยิ้มกลับมาระบายกว้างบนใบหน้าขาวจนขึ้นลักยิ้มที่แก้มทั้งสอง ก่อนเจ้าตัว
จะพยักหน้ารัวราวกับอีกคนจะเห็น
(อีกอย่าง...เมื่อกี๊ฉันก็ฟังเพลงที่นายยังไม่จบด้วย)
“อ้าว”
(แต่ถ้าฉันหายดี..ฉันจะกลับไปฟังให้จบไง ดีมั้ย?)
“อืม อย่าให้ฉันลืมไปซะก่อนก็แล้วกัน” โยซอบตอบกลับพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีขึ้น พลอยดูจุนก็
สบายใจไปด้วย มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองออกเบาๆ เมื่อมั่นใจว่ามันคงไม่ไหลลงมาอีก
“นี่ดูจุนนา...”
(หือ?)
“ตอนอยู่ที่นู่น...”
“ถ้านายเกิดท้อใจ...หรือหมดกำลังใจขึ้นมา..ก็เปิดเพลงๆนี้ฟังนะ”
“ถึงมันจะเป็นเพลงเศร้าไปหน่อย...แต่มันก็เป็นเพลงของเรา...จริงมั้ย?”
(อืม...ฉันต้องไปแล้วล่ะ..ฉันคงต้อง...วางแล้วนะ...)
“อืม...ลาก่อน...ไม่สิ...เจอกันใหม่นะ...ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นเมื่อไหร่”
(ลาก่อนโยซอบอา...ฉัน...รักนายนะ)
“ฉันก็...รักนาย...”
(ติ๊ด)
“계속 니 이름만 또 불러”
(กเยซก นี อีรึมมึน ตอ บุลรอ)
(ฉันเอาแต่เรียกชื่อของคุณ)
บทเพลงเพราะจบลงจากยังโยซอบบจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว
ร่างบางลืมตาขึ้นมองผู้ชมทุกคนช้าๆและยิ้มให้กับเรื่องในอดีตที่ไม่ได้คิดถึงมาเป็นส
ิบปี
เพลงนี้...ไม่ได้ฟังมานานแค่ไหนแล้วนะ
เท่าที่จำได้...ก็นั่งฟังมันทุกวัน...
ฟังอยู่เป็นปีจนถึงจุดหนึ่ง...ก็หมดความอดทน
ก็นะ...ให้รอเป็นสิบปีแบบไร้วี่แววของเป้าหมาย มันก็คงมากเกินไปสำหรับเด็กมัธยมปลายตอนนั้น
เพลงๆนี้เลย...อยู่ในเครื่องเฉยๆอย่างนั้น...จนจำไม่ได้แล้ว...ว่ามี
“เพลงสุดท้ายของคืนนี้จบลงไปแล้วนะครับ ขอบคุณครับทุกคนที่ชอบ แล้วก็ต้องขอบคุณ
คุณลูกค้าท่านที่ขอเพลงนี้มาด้วยนะครับ...มันทำให้ผมได้ทบทวนความหลังอะไรเยอะแยะเลย
”
พูดติดตลกและโค้งลาทุกๆคน ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินลงมาจากเวทีบ้าง
“เหนื่อยจัง~” ปริปากบ่นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม ก่อนร่างบางจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้สูงหน้าบาร์อย่างหมดแรง
“ขออย่างเดิมนะ” ยกมือสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์คนสนิท แต่ก็ถูกขัดขึ้นมาซะก่อน
“อย่าดื่มมากนักเลยครับ แอลกอฮอล์น่ะ เดี๋ยวเส้นเสียงก็เสียหมดหรอก”
“ครับ?” หันไปถามร่างสูงแปลกหน้าที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆขำๆ ก่อนจะยอมเปลี่ยนมาสั่งน้ำเปล่าดื่ม
แทนตามคำแนะนำของอีกคน
“ทำงานที่นี่ ไม่ลำบากแย่หรอครับ?”
“ไม่หรอกครับ นี่มันงานที่ผมชอบ ก็มีความสุขดี”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องร้องเพลง...แต่เรื่องกลิ่นบุหรี่หึ่งร้านขนาดนี้ต่างหาก...” โยซอบหันไปเลิกคิ้วถามคนข้างๆ
ก่อนจะเงียบไปเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนข้างๆเต็มๆ
ถึงเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปี...แต่ก็ใช่ว่ามันจะเปลี่ยนคนๆนึงไปได้โดยสมบูรณ์หรอกนะ...
“แพ้นิโคตินไม่ใช่หรอเรา?...โยซอบ?” ร่างสูงยิ้มบางๆและยกมือลูบหัวโยซอบอย่างเบามือ
“ด...ดูจุน?” เอ่ยถามชื่อของอีกคนไปทั้งน้ำตา มือเล็กทั้งสองก็จับมือของอีกคนที่ย้ายลงมา
ประคองใบหน้าของตัวเองไว้อย่างไม่เชื่อสายตา
“ฉันกลับมาแล้วนะโยซอบอา...”
“ฉันพร้อมที่จะ...กลับมาฟังเพลงของเราให้จบแล้ว...”
THE END
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น