ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dooseob's House!!!

    ลำดับตอนที่ #11 : [OS Project] สัมผัสทั้งห้า: Vision

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 55


    ความรู้สึกที่มองไม่เห็นสิ่งใดรอบตัว...

    ความรู้สึกเหมือนกับ...อยู่ในห้องมืดรอบด้านตลอดเวลา

    ความรู้สึกที่แยกกลางวันกลางคืน หน้าตา ส่วนสูงของผู้คนไม่ได้น่ะ

     

     

     

     

     

    คุณคงไม่เข้าใจหรอก

     

     

     

     

     

    อา...ผมล่ะอยากมองเห็นอีกซักครั้งจริงๆเลย

     

     

     

     

     

     

    “ปึง! โครม! ปัง! ครืดดดดดดด”

    เสียงอึกทึกคึกโครมดังมาจากอีกฟากของผนังห้องปลุกให้ผมต้องตื่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

    ผมเอื้อมมือไปยังโต๊ะหัวเตียงเล็กน้อยก่อนจะตะปบนาฬิกาเรือนยักษ์ไปเต็มแรง

     

    “เจ็ดโมงสิบห้า วันที่ 31 ธันวาคม 2XXX”

    นาฬิการ้องตอบกลับมาเสียงเรียบ แต่ผมกลับขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นปมได้แล้ว

     

    “โอยยยยย ใครเนี่ยย้ายเข้ามาแต่เช้าเลย รู้จักเกรงใจเพื่อนบ้านมั่งสิว้าาาา วันหยุดนะครับวันหยุด”

    ผมโวยวายออกไปดังพอสมควรเผื่อว่าเพื่อนบ้านใหม่จะได้ยินซักนิด แล้วล้มตัวลงนอนบนเบาะนุ่มอีกครั้ง

     

    “ขอโทษคร้าบบบบบบบบบบบบบบ”

    “เฮือก!!!

    เกินคาด...คนจากข้างห้องตะโกนตอบกลับมา ไม่นะ คิดว่าเค้าจะไม่ตอบ

    นี่เราตะโกนดังขนาดนั้นเลยหรอวะ­

    .

    .

    .

    “ซวยแน่...ยังโยซอบเอ๊ย”

     

     

     

    “ก๊อกๆๆๆ อยู่มั้ยครับ ผมคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่น่ะครับ”

    เสียงเคาะประตูดังมาไม่ไกลจากเตียงนักเรียกให้ผมตื่นขึ้นมาอีกรอบ

    “แปะ...แปะ...แกร่ก”

    ผมแปะมือลงไปบนโต๊ะหัวเตียงเพื่อคลำหานาฬิกาอย่างที่ทำปกติ ก่อนจะกดปุ่มด้านบนของมัน

     

    “สิบโมง สามสิบนาที วันที่ 31 ธันวาคม 2XXX”

     

    “โอเค สายแล้ว อย่างนี้ค่อยถูกมารยาทสังคมหน่อย”

    ผมพึมพำกับตัวเองซักนิดก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง ควานหารองเท้าแตะใส่ในบ้านมาสวม แล้วค่อยเดินไปเปิดประตูห้อง

     

    “แกร่ก...”

    “สวัสดีครับ ผมยุนดูจุน เรียนอยู่ปีสอง คณะวิศวะนาโน เพิ่งย้ายมาอยู่ห้อง200ข้างๆคุณ

    เมื่อเช้าทำเสียงดังไม่ถูกเวลาไปหน่อยต้องขอโทษด้วยนะครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”

    “อ...เอ่อ” อึ้งสิ...อึ้งแ*กไปตามๆกัน พอเปิดประตูปุ๊บก็เหมือนมีพายุลูกยักษ์พัดถล่มเข้ามาทันที

    ไม่ใช่อะไรที่ไหน ก็คุณเพื่อนบ้านใหม่นี่แล ไม่ทันจะเปิดประตูเต็มที่ก็พูดรัวมายาวเหยียดยังกับแร็พ

    นี่อีกนิดเดียวจะหงายแล้วนะเนี่ย= =”

     

    “อ่า...ฉันยังโยซอบ ยินดีที่ได้รู้จักแล้วกัน หะๆ...อ้อ ส่วนฉันเรียนคณะดุริยางค์”

    ผมยิ้มบางๆออกไปตามมารยาทก่อนจะจับลูกบิดปิดประตู

    “เดี๋ยวครับ...เอ่อ มือ...”

    เสียงจากคนข้างหน้าค้านมาอีกครั้งทำให้ผมต้องหยุดการปิดประตูชั่วขณะ

    และผมก็คงไม่โง่ขนาดตีความไม่ออกว่าเขาต้องการจะเชคแฮนด์

     

    “อ่า...ขอโทษด้วยนะพอดีผมมองไม่เห็น...อ่ะ”

    ผมชูมือขึ้นตั้งระดับอกและยื่นมันไปข้างหน้าเล็กน้อย ใช้เวลาแป๊บนึงก่อนดูจุนจะเข้าใจความหมายที่ผมบอกแล้วยกมือขึ้นจับกับมือของผมก่อนจะเขย่ามันซักสองสามครั้ง

    “อย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องคนอื่นเลยนะ..แต่ว่า..คุณโยซอบ..”

    .

    .

    .

    “ครับ ก็อย่างที่เห็น ผมตาบอด”

     

     

     

     

     

     

     

    “แล้ววันส่งท้ายปีเก่าอย่างนี้นายไม่คิดจะออกไปไหนหน่อยเหรอ­”

    “ไม่หรอก บ้านฉันอยู่ตั้งแดกูโน่น”

    ผมถามขึ้นระหว่างตักไอติมจากถ้วยในมือเข้าปากอย่างคล่องแคล่ว

    ไม่เหมือนคนตาบอดซักนิด โฮะๆๆๆๆ (น่าภูมิใจเนอะ= =”// ไรเตอร์)

    ถ้าทุกคนสงสัยว่าคนตัวสูงๆนี่เข้ามาอยู่ในห้องนอนผมได้ยังไง...ผมจะเล่าให้ฟังละกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

    อ่า...ขอโทษด้วยนะครับ

    จะขอโทษทำไมล่ะ คุณไม่ใช่คนที่ทำให้ผมตาบอดซะหน่อย

    ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ...แล้วนี่คุณอยู่คนเดียวหรอ­

    อ่าฮะ...ผมว่าไหนๆเราก็อายุเท่ากันแล้วคุยแบบปกติดีกว่ามั้ย รู้สึกแปลกๆ

    โอเค งั้นก็...นายอยู่คนเดียวหรอ­

    ฉันบอกให้พูดปกติ แต่ไม่ได้ให้พูดซ้ำซักหน่อย ตาพิการแต่หูปกติดีครับ

    ฮ่าๆๆๆๆๆ  ยิ่งกว่าปกติซะอีกเนี่ย

    แล้วก็กลายเป็นว่าเราสองคนคุยกันถูกปากถูกคอไปเลย

    สุดท้ายเราสองคนก็เลยมานั่งเปิดฮิเตอร์ซดไอติมกันอยู่ในห้องผมสองคนนี่ไง

    .

    .

    .

    .

    .

    นี่ล่ะนะ วันส่งท้ายปีเก่าของคนโสด= =”

     

    “ว่าแต่นายล่ะ ไม่กลับบ้านไปหาครอบครัวหน่อยหรอ มานั่งเปิดฮีทเตอร์กินไอติมในวันหิมะตกอย่างงี้อ่ะนะ”

    “อืม...ไม่ใช่ฉันไม่กลับ แต่ฉันไม่มีครอบครัวให้กลับไปต่างหาก อุบัติเหตุครั้งที่ทำให้ฉันตาบอดน่ะ...มันไม่ได้เอาไปแค่ความสามารถในการเห็นของฉันอย่างเดียวหรอกนะ...”

    “อ..เอ่อ ขอโทษนะ”

    ดูจุนตอบกลับมาเสียงเอื่อย ผมหันไปทางที่เขานั่งอยู่แล้วยิ้มให้เขาเล็กน้อย

    .

    .

    .

    ไม่ได้เจอคนที่แคร์ความรู้สึกเราขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ

    .

    .

    .

    .

    ตั้งแต่วันที่รถชนจนตาบอด

    .

    .

    .

    .

    ตั้งแต่วันที่ย้ายเข้าโซลมาเรียน มาอยู่คนเดียวแบบนี้­

     

     

    “ยิ้มอะไรเนี่ย ฉันหลอนนะ”

    “ไม่มีอะไรๆ นี่ฉันบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่านายไม่ใช่คนที่ขับรถชนฉันซักหน่อย

    ไม่ต้องขอโทษกันหรอกน่า เรื่องนี้น่ะฉันทำใจได้ตั้งนานแล้ว”

    “อ่า..แหะๆ จะพยายามแล้วกันนะ”

    “แล้วเรื่องกินไอติมน่ะ...ปกติฉันว่ามันก็น่าเบื่ออยู่หรอก”

    .

    .

    .

    .

    “แต่ปีนี้มันก็ดูสนุกดี”

    .

    .

    .

    .

    “อาจจะเพราะมีนายนั่งกินเป็นเพื่อนมั้ง”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ยังงงง โยยยย ซอบบบบบ ตื่นได้แล้วครับ เจ็ดโมงแล้วๆๆ”

    ปลายเตียงที่ยวบลงและเสียงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้นจากข้างหูเรียกให้ผมตื่นขึ้น

    ผมลืมตาขึ้น บิดขี้เกียจนิดหน่อย และยิ้มให้ความฝันเมื่อคืนบางๆ

    “อ่า...กู๊ด มอร์นิ่งดูจุนนา”

     

     

     

     

    อยากอวดมากเลย ผมมีนาฬิกาปลุกใหม่มาได้สามเดือนกว่าแล้วนะทุกคน^^

     

     

     

     

     

     “ไม่ตื่น ฉันเกิดทนไม่ไหวปล้ำแฟนตัวเองไม่รู้นะ ยิ่งไม่มีทางสู้อยู่ ลุงล่ะชอบเหลือเกิน”

    “หยุดคิดไปเลยๆ ตื่นนานแล้วว้อยแค่ไม่อยากลุก”

    ผมตอบกลับไปยิ้มๆ ก่อนมือหนาจะเอื้อมมาลูบหัวผมเบาๆ

     

     

    ใช่ อย่างที่คุณเข้าใจ ผมกับดูจุนตกลงเปลี่ยนสถานะจากเพื่อน...เป็นคนรักกันมาได้สามเดือนกว่าๆแล้ว

    หลังจากรู้จักกันมาปีกว่าๆ และมีความสัมพันธ์กึ่งเพื่อนกึ่งแฟนกันมาอีกเกือบปี

    ในที่สุดเขาก็ขอผมเป็นแฟน... ^^

     

     

    “ถามจริงเถอะ วันนี้มันวันพิเศษอะไรนักหนา มีเรียนก็ไม่มี ปลุกมาซะเช้าเชียว...อ่ะ”

    ผมถามติดงัวเงียเล็กน้อยก่อนจะขยี้ตาเบาๆแล้วอ้าแขนออกให้ดูจุนอุ้มผมขึ้นยืนอย่างที่ทำเป็นประจำ

    “นึกดีๆสิ วันนี้เป็นวันสำคัญของเราเลยน้าาาา”

    ดูจุนกระซิบเข้าที่ข้างหูผมเบาๆพลางดึงตัวผมให้ลุกขึ้น

    “วันไรหว่า.....”

    ผมเลยหน้าขึ้นข้างบนอย่าครุ่นคิด ก่อนดูจุนจะโอบเอวทั้งสอข้างผมเข้าไปกอดหลวมๆ

    “วันนี้ฉันจะพาไปหาพ่อแม่ฉันที่บ้านน่ะ กะว่าจะพาไปเจอตั้งนานแล้วยังไม่ได้ไปซะที”

    “ที่แดกูอ่ะนะ­ แล้วไปยังไง”

    “ก็ขับรถไปดิ ทำไมหรอ­”

    “มันจะดีหรอดูจุนนา หิมะตกขนาดนี้ขับรถถนนลื่นน่าดูเลยนะ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกโย วันนี้วันดีมันก็ต้องมีแต่เรื่องดีๆสิจริงมั้ยฮึ­”

    ดูจุนกระซิบข้างหูผมเบาๆพลางลูบผมปลอบใจ ก่อนจะผมจะรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนวลที่ริมฝีปากที่ดูจุนประทับลงมา

    “อ..อืม จริงด้วยเนอะ”

    ผมยิ้มกว้างให้เขา ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการเตรียมตัว

    .

    .

    .

    .

    .

    นั่นสินะ วันนี้วันดี จะคิดมากไปทำไมกันJ

     

     

     

    “นี่ดูจุนนา แล้วพ่อแม่นายเค้าจะไม่โกรธหรอ..ถ้าท่านรู้ว่านายกับฉัน...เอ่อ”

    “ไม่หรอก พ่อกะแม่รู้แล้วล่ะว่าฉันคบกับนาย แถมฉันยังเคยส่งรูปนายไปให้เค้าดูเลยนะ”

    “เห้ยจริง!­!

    “ไม่ต้องดังขนาดนั้นก็ได้หูจะบึ้มแล้ว ฮ่าๆๆๆ”

    ดูจุนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะผละมือข้างหนึ่งจากเกียร์มาลูบหัวผมเบาๆ

    “ขับรถดีๆไปเถอะน่า ทางมันลื่นนะ”

    “ครับๆๆ”

    มือหนาขยี้ผมผมเยาๆก่อนจะกลับไปขับรถอย่างตั้งใจดังเดิม

     

     

     

    ปั่ก

    “โอ๊ย... มีอะไรหรอดุจุนนา”

    อยู่ดีๆรถก็หักเข้าซ้ายกระทันหันจนหัวผมโขกกระจกรถไปทีนึง ผมยกมือลูบหัวตรงที่เจ็บป้อยๆก่อนจะหันไปถามดูจุน

    “อ๋อ พอดีมีรถแซงไปน่ะ...เข้าจอดข้างหน้าแล้ว สงสัยคงน้ำมันหมดไม่ก็รถเสียมั้ง...ไม่มีอะไรหรอก”

    “อ...อืม ระวังหน่อยนะดูจุนนา...ฉันก็น่าจะมองเห็น จะได้ช่วยดูจุนมองทางบ้าง...”

    “เฮ้ๆ อย่าคิดมากเลยโย ไม่มีอะไรหรอก นายจะมองเห็นหรือไม่เห็นฉันก็รักนายเหมือนเดิมนั่นแหละ”

    “อ...อืม”

    ผมพยักหน้าพร้อมยิ้มบางๆก่อนจะเอนตัวลงนอนพิงเบาะอีกครั้ง

    ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...มันรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเอาซะเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

    เอี๊ยดดดดดด ฟิ้ววววววว โครมมมมมม!!!!!’

    ยังไม่ทันขาดคำ รถก็หักหลบเข้าข้างทางกระทันหันอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับไม่ใช่แค่หลบเล็กน้อยเหมือนเมื่อกี๊

    จู่ๆรถก็ลอยขึ้นจากพื้นถนน ก่อนความรู้สึกเคว้งคว้างจะครอบนำไปรอบตัวของผม

    นี่คงไม่ใช่...รถคว่ำหรอก..ใช่มั้ย­­

     

    “ย..โย เป็นอะไรรึเปล่า บาดเจ็บตรงไหนมั้ย ตอบฉันสิโย”

    “ม..ไม่เป็น...ไร”

    ผมเอ่ยปากตอบไปอย่างอ่อนแรง เสียงรอบตัวมันอื้ออึงไปหมด

    “โย อย่าเป็นอะไรนะโย..โย!!!

    และนั่น...เป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน...

     

     

     

     

     

     

     

    “อ...อือ”

    “ตื่นแล้วหรอโย­ เป็นยังไงบ้าง­”

    “น...นี่ที่ไหน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”

    ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆพลางยกมือขึ้นก่ายหน้าผากช้าๆ

    “แล้วนี่...อะไร”

    ถามออกไปเสียงแห้งผากอีกครั้ง เมื่อมือของผมโดนเข้ากับผ้าก๊อซที่ปิดตาทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้

    “ใจเย็นๆนะโย ตอนนี้เราอยู่โรงพยาบาล พอดีเมื่อวานซืนที่เราไปหาพ่อกับแม่ของฉันกันน่ะจำได้มั้ย

    มีรถตัดหน้าเรา รถฉันก็เลยคว่ำ แล้วนายก็สลบไป ส่วนที่นายโดนปิดตาอยู่อย่างนี้ก็เพราะว่า

    พอดี๊พอดีตอนที่โยสลบอยู่ มีคนบริจาคม่านตาใหม่ให้โยพอดีไง”

    “จริงหรอ­­ งั้นก็แปลว่าฉันจะมองเห็นแล้วใช่มั้ย­”

    “อื้ม ดีใจด้วยนะ”

    ดูจุนพูดก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบหัวเบาๆอย่างที่ผมชอบให้ทำ

    “ฉันล่ะกลัวมากเลยนะว่าโยจะเป็นอะไรไป”

    “ถ้านายยังอยู่ฉันก็จะไม่จากนายไปไหนหรอกดูจุนนา...”

    ผมยกมือกอดตอบเขาไปหลวมๆก่อนจะกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน

    “อืม... ฉันรักนายนะโย ฉันจะไม่ยอมให้นายเป็นอะไรอีกแล้ว”

     

     

     

     

     

    “โย...ยังโยซอบครับ ตื่นได้แล้วนะ”

    “อ..อื้ม กู๊ด มอร์นิ่งดูจุนนา”

    ผมยิ้มให้ต้นเสียงเล็กน้อยก่อนจะยืดเส้นยืดสายและลุกขึ้นนั่งพิงหมอนที่ดูจุนจัดให้ใหม่

    “วันนี้ตื่นสายนะเรา มาๆเดี๋ยวฉันป้อนข้าวเช้าให้ วันนี้มีข้าวต้มกุ้งที่โยชอบด้วยล่ะ”

    “เย้~

    ดูจุนลูบหัวผมเบาๆก่อนจะเดินหายไปเตรียมข้าวเช้าให้ผมอย่างทุกวัน

    “วันพรุ่งนี้ฉันก็จะได้เห็นหน้านายจริงๆแล้วนะดูจุนนา...”

    ผมพูดออกมาลอยๆแล้วยิ้มบางๆ ใช่แล้วพรุ่งนี้ผมจะได้เปิดผ้าพันแผลแล้ว

    ต้องขอบคุณเจ้าของม่านตานี่มาก ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ต้องขอบคุณมากจริงๆJ

     

    “นี่ดูจุนนา พรุ่งนี้ตอนที่ฉันเปิดผ้าปิดตานายจะมาอยู่กับใช่มั้ย­”

    “....”

    ดูจุนไม่ได้ตอบอะไร เสียงก๊อกแก๊กจากการกระทบกันของช้อนส้อมเงียบไปราวดูจุนไม่ได้อยู่ตรงนั้น

    “ด..ดูจุนนา เป็นอะไรรึเปล่า­”

    “อ๋อ...ป..เปล่า อ...เอ่อโย พรุ่งนี้ฉันมีธุระสำคัญต้องกลับไปหาพ่อกับแม่น่ะ

    ฉันอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยตอนนายเปิดผ้า...ไม่เป็นไรใช่มั้ย­”

    “อ่า...เรื่องรถชนสินะ”

    “อืม แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะกลับมาหานายแน่..ซักวันนึง”

    “ม..หมายความว่าไงดูจุนนา ซักวันนึงน่ะ นายจะไปไหน นายจะไปทำอะไรดูจุน­­­”

    “ใจเย็นโย ฉันก็แค่พูดอย่างนี้เพราะว่าฉันจะกลับมาหานายหลังเสร็จธุระไง

    เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องไปอยู่กับพ่อแม่กี่วัน แต่ไม่กี่วันหรอกโยเชื่อฉันสิ”

    “อ...อืม อย่าพูดอย่างนี้อีกนะดูจุนนา อย่าพูดเหมือนกับว่าเราจะไม่ได้เจอกัน”

     

     

     

     

     

     

    “อย่าพูด...ยังกับเราจะไม่ได้เจอกันอีก...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “โอ๋ๆๆๆ อย่าร้องนะเด็กน้อย งั้นเพื่อเป็นการชดใช้ วันนี้ยุนดูจุนจะอยู่ดูแลคนป่วยทั้งวันเลยดีมั้ยเอ่ย­”

    “อื้ม เอาให้สมกับเวลาที่จะหายไปด้วยล่ะ”

    “แน่น๊อนนนนนนนน ที่รักของผม^^

     

     

     

     

     

     

    “พรุ่งนี้ก็จะได้เปิดแผลแล้วนะคะคุณโยซอบ ยินดีด้วยน้าาา”

    “ครับ ขอบคุณนะครับคุณจียอนที่คอยดูแลผม พรุ่งนี้ผมก็จะได้รู้แล้วว่าคุณสวยขนาดไหน คึๆ”

    ผมยิ้มให้นางพยาบาลดูแลไข้ที่คอบดูแลผมอย่างดีมาตั้งแต่วันแรกที่ฟื้นเล็กน้อย

    คุณจียอนดึงผ้าห่มของผมขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะออกจากห้องไปเงียบๆ

    “แหม หม้อสาวไม่อายแฟนเลยนะยังโยซอบ”

    “เหอะ ก็ใครล่ะจะแอบหายไปวันที่แฟนจะได้ลืมตาดูโลกน่ะฮะ­”

    “อ่า ล้อเล่นน่าๆๆๆ อย่างงอนกันนะโยอ่า~

    “...”

    “ขอโทษนะโย นี่โกรธฉันจริงๆหรอ­”

    “...”

    “โย...“

    “ใครว่างอนละโด่ว โง่นะเรา แบร่~

    ผมแยกเขี้ยวใส่ต้นเสียงที่น่าจะนั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะฟุบตัวลงนอนพลางหัวเราะเสียงดัง

    “ถึงจะโง่แต่ก็เป็นแฟนนายไม่ใช่รึไงฮึ­”

    “อ่อ พอดีฉันชอบผู้ชายโง่ไง ฮ่าๆๆๆๆ”

    “รู้สึกพูดนะนาย มานี่เลยยยยย”

    ดูจุนลุกขึ้นโซฟาเข้ามาจี้ที่เอวผมไม่ยั้ง แล้วดึงผมเข้าไปกอดแน่น

    “เป็นไรเนี่ย โถ่คิดว่าโกรธที่ไหนได้หาทางแต๊ะอั๋งเค้านี่หว่า”

    “ก็รักอ่ะ ไม่ได้รึไง­”

    “ได้ๆๆ แต่อย่ากอดแน่นนักเสะ!! เดี๋ยวแผลที่ตามันจะปวด”

    “เกี่ยว­”

    “เกี่ยวดิ แว๊กกกกกก”

    ผมพูดย้ำทฤษฎีปัญญาอ่อนของตัวเอง แต่ดูจุนก็ไม่ฟังอะไร กลับดึงผมเข้าไปกอดแน่นกว่าเดิมซะอีก

    “พรุ่งนี้น่ะ...นายต้องสู้นะโยซอบ ต้องอยู่ให้ได้นะ”

    “ดูจุนนา...เป็นอะไร ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”

    “ก..ก็ ให้นายดูแลตัวเองไง พรุ่งนี้จะได้มองเห็นแล้วนี่เนอะ”

    ดูจุนผละอ้อมกอดออกไปและลูบหัวผมเบาๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ

     

     

     

     

     

     

    ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆจากตัวเขาหรอกนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ตอนนี้กี่โมงแล้วหรอดูจุนนา”

    ผมถามขึ้นหลังจากงีบไปซักพัก โดยมีดูจุนนั่งลูบหัวกล่อมผมอยู่ไม่ห่างจนตื่น

    “สองทุ่มแล้วล่ะ”

    “จริงหรอเนี่ย­­ นี่ฉันนอนไปสามชั่วโมงเลยหรอ­”

    “อื้ม ไม่เห็นต้องตกใจเลยนี่นา ฮึ”

    ดูจุนลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างๆผมและจัดการจับผมลุกขึ้นนั่งพร้อมโอบผมลงซบไหล่เขาช้าๆ

    “แหม ก็วันนี้กะว่าจะอยู่คุยกับดูจุนนาทั้งวัน สุดท้ายต้องให้ดูจุนนามานั่งเฝ้าตอนฉันหลับซะงั้นอ่ะ”

    “ไม่เป็นไรหรอก แค่ฉันได้นั่งมองหน้าโยฉันก็มีความสุขแล้ว”

    ว่าเบาๆก่อนดูจุนจะก้มลงจรดปลายจมูกกับหน้าผากของผมช้าๆแต่กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

    “อีกอย่าง ถึงนายตื่นก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดีนี่เนอะ”

    “อืม... งั้นไหนๆฉันก็ตื่นแล้ว ทำไรกันดี­”

    “งั้นมาเต้นรำกันมั้ย วันนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วยนะ”

    “จะดีหรอ­”

    “อื้ม มาสิๆ”

    ดูจุนว่าพลางจับมือผมและดึงให้ผมลงยืนบนพื้นช้าๆ

    “แต่ฉันเต้นรำไม่เป็นนะ มองไม่เห็นด้วย”

    “ไม่ต้องห่วง... นายมีฉันอยู่ทั้งคนไง”

    ดูจุนกระซิบข้างหูผมเบาๆ ผมยิ้มให้เขาบางๆก่อนดูจุนจะดึงผมเข้าไปใกล้ๆแล้วเอาหูฟังข้างหนึ่งมาใส่ให้ผม

    มือหนาแต่อบอุ่นข้างหนึ่งของเขาสอดเข้าประคองเอวของผมไว้ ก่อนอีกข้างนึ่งจะจับมือของผมไปวางบนไหล่

    และดึงมืออีกข้างของผมเข้าไปประสานนิ้วไว้แน่น

     

     

    ฟังเพลงนี้เพิ่มบรรยากาศเนอะ => DOOSEOB

     

    “ค่อยๆก้าวตามที่ฉันบอกนะ”

    ดูจุนดึงตัวผมเข้าไปกอดจนชิด ก่อนจะค่อยก้าวขาไปตามจังหวะเพลงช้าๆ

    “ก้าวขาขวามางข้างหน้า แล้วก็ไปทางขวา ถอยไปข้างหลัง แล้วก็ก้าวขาซ้ายไปทางซ้าย”

    ผมพยักหน้าหงึกๆก่อนจะค่อยๆเริ่มก้าวเท้าตามดูจุนไปเรื่อยๆ

    “ทำได้แล้วล่ะ^^

    “เก่งมาก... ทำไปเรื่อยๆนะ”

    ผมยิ้มลางๆอีกครั้ง ก่อนเราจะปล่อยให้เสียงเพลงเปิดคลอเบาๆที่เราได้ยินกันเพียงแค่สองคนนำใจและตัวของเราไป

     

     

     

    “นี่โยซอบ”

    “หืม­”

    “ทำไม...นายถึงรักฉันเหรอ­”

    “ถามทำไม่อ่ะดูจุนนา”

    “เปล่า... ฉันก็แค่อยากรู้ว่าฉันดียังไงนายถึงได้รักฉัน”

    “ฉันว่าคนที่ควรจะถามคือฉันมากกว่า ว่าทำไมนายถึงได้มารักคนตาบอดแบบฉัน­”

    “เฮ้ๆ ฉันถามก่อนนะ นายก็ตอบมาก่อนสิ”

    “อืม... สาเหตุที่ฉันรักนายอ่ะหรอ...”

    ผมพิงหัวลงกับไหล่ของดูจุนเบาๆ เอ...ผมจะพูดว่ายังไงดีล่ะ..

     

     

     

     

     

     

     

    ขืนให้พูดทั้งหมด...เป็นวันก็พูดไม่หมดหรอกนะ

     

     

     

     

     

     

    “ก็...ดูจุนนาใจดี อบอุ่น แบ้วก็คอยดูแลฉันมาตลอด”

     

     

     

     

     

     

     

    “ไม่ใช่แบบคนที่สงสารกัน...”

     

     

     

     

     

     

    “แต่แบบคนที่เป็นห่วงกัน”

     

     

     

     

     

     

     

    “แบบที่...ฉันลืมไปแล้วว่ามันเป็นยังไง”

     

     

     

    “แล้วก็...เพราะฉันรู้สึกว่า....ฉัน...เกิดมา..เพื่อเจอกับนาย...”

    ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง ดูจุนลูบหน้าของผมไปมาอย่างทะนุถนอม ก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบลงที่ริมฝีปากผมช้าๆ

    นั่นสินะ... ตั้งแต่คบกันมาเราสองคนยังไม่เคยจูบกันจริงๆซักครั้ง... แบบนี้น่ะ...

    ดูจุนมักจะบอกว่าผมยังไม่พร้อมบ้าง หรืออยากให้เราโตกว่านี้ก่อนบ้าง

    แต่วันนี้เขากลับมอบสัมผัสที่ผมรอคอยมานานโดยที่ผมไม่ได้เอ่ยถามหรือขอเหมือนคราวก่อนๆ

     

     

     

    “วันนี้คิดยังไงถึงยอมจูบกับฉันแล้วล่ะ ปกติล่ะปัดนักปัดหนา”

    ผมเอ่ยถามเมื่อดูจุนผละใบหน้าออกไปและดึงผมเบาๆให้เริ่มก้าวเท้าเต้นอีกครั้ง

    “ก็ฉันกลัวจคะคิดถึงนายนี่นา ถ้านายมองเห็นแล้วไปหลงรักคนอื่นจะทำยังไง อย่างน้อยถ้าฉันเคยจูบนายแล้ว

    นายจะได้จำฉันไปตลอดไง...ในนี้”

    ดูจุนจิ้มนิ้วลงที่หน้าอกข้างซ้ายของผมช้าๆก่อนจะเลื่อนมือมาจับที่ใบหน้าของผมไว้เบาๆ

    สงสัยตอนนี้เขาคงกำลังจ้องหน้าผมแล้วคิดอะไรอยู่ละมั้ง

     

     

     

    “เพลงนี้เพราะเนอะ”

    “อ..อืม”

    ดูจุนเปลี่ยนเรื่องไปหลังจากเงียบไปได้ซักพัก

    “รู้มั้ยว่าเพลงมันเกี่ยวกับอะไร­”

    “ม..ไม่รู้สิ มัวแต่คุยกับนาย ไม่ได้ฟังเลย แหะๆ”

    “เพลงนี้น่ะ...เกี่ยวกับโรมิโอกับจูเลียต”

     

     

     

     

     

     

    “คนสองคนที่รักกัน แต่กลับไม่สามารถจะอยู่ด้วยกันได้”

     

     

     

     

    “มัน..น่าเศร้าจังเนอะ”

    “อ..อืม นี่ดูจุนนาเป็นอะไรหรือเปล่า ซึมมาทั้งวันแล้วนะ”

    ผมยกมือขึ้นจับหน้าของดูจุนเบาๆบ้าง อยากจะถอดผ้าปิดตาบ้าๆนี่ออกให้สิ้นเรื่องไปซักที

    “เปล่าหรอก ก็ฉันอยากอยู่ด้วยตอนนายเปิดตานี่นา เสยดายจังอ่ะ”

    “ก็ไปสายๆหน่อยสิ”

    “ก็อยากอยู่หรอก แต่ฉันมีนัดแล้ว สายไม่ได้ซะด้วย”

    “อืม...”

    “นี่โย...”

    “หืม­”

    “คืนนี้...ก่อนฉันจะไป...”

     

     

     

     

     

    “ฉันขอคำยืนยันได้มั้ย...ว่านายจะไม่ลืมฉัน ตอนที่ฉันไม่อยู่...”

     

     

    สำหรับNC ไปอ่านที่นี่นะครับผม => DOOSEOB

     

     

     

    ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้างๆคนรักบนพื้นที่ว่างบนเตียงช้าๆ มือหนาเกลี่ยผมที่จับตัวกันไปหมดเพราะเหงื่อ

    ของอีกคนออกจากหน้าผากเนียนช้าาๆ ก่อนจะกดปลายจมูกลงเบาๆอย่างเอ็นดู

     

    “ฉันรักนายจังโยซอบ...”

    “อื้ม ฉันก็รักดูจุนนา”

    โยซอบยิ้มกว้างก่อนจะพลิกตัวมากอดดูจุนไว้หลวมๆพลางถูหัวไปมาอย่างที่ชอบทำ

     

    “นี่โย สัญญากับฉันอย่างได้มั้ย­”

    “ถ้าเกิดระหว่างที่ฉันไม่อยู่ แล้วนายเจอใครที่ดีกว่าฉัน คนที่ดูแลนายได้”

    “ถามอะไรเนี่ยดูจุนนา­!­”

    “เดี๋ยวโยฟังก่อน.. โยสัญญาได้มั้นว่าโยจะเปิดรับคนที่ดีกว่าฉัน...”

    “ไม่ ในเมื่อฉันรักดูจุนนา..แล้วดูจุนนาจะให้ฉันไปรักคนอื่นได้ยังไง ทั้งๆที่ฉันไม่ได้อยากเลยซักนิดเนี่ยนะ­!­”

    “ไม่ โย..คือฉัน..”

    “หรือดูจุนนา..ไม่รักฉันแล้วหรอ”

    โยซอบกำมือแน่นพลางซุกหน้าลงกับแผงอกกว้าง เสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะก่อนดูจุนจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสแฉะๆออกมาจากผ้าปิดตาของร่างเล็ก...นี่โยซอบ..ร้องไห้เพราะเขางั้นเหรอ­

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้นโย ฉันแค่อยากให้นายได้เจอคนที่ดีกว่าฉัน...

    ถ้านายเกิดรู้สึกรักใครแบบที่รักฉัน ฉันก็ไม่อยากให้นายมายึดติดกับฉัน...ทำให้กันได้มั้ยโย­”

    “อ.อืม”

    โยซอบพยักหน้าเบาๆ ก่อนดูจุนจะคว้าร่างบอบบางของคนรักมากอดแน่น

     

     

     

    ไม่ใช่ว่าเขาไม่เสียใจ

     

     

     

    ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ร้องไห้

     

     

     

     

     

    ...หรอกนะ

     

     

     

     

     

    “แต่ฉันก็อยากขอให้นายสัญญาอีกอย่าง...”

    “หืม­”

    “ว่าจนกว่าฉันจะกลับมา....”

     

     

     

     

     

    “จนถึงวันนั้น..”

     

     

     

     

     

    “รอฉันนะ... อย่าลืม..อย่าลืมฉันนะ”

    ร่างสูงกลั้นเสียงสะอื้นให้มากที่สุดก่อนจะยิ้มเล็กๆและพูดออกไปราวกับไม่ได้รู้สึกแย่

     

     

     

     

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมดูจุนนาถึงพูดแบบนี้..ฮึก ต..แต่ถ้าดูจุนนาขอ...”

     

     

     

     

    “ฉันก็สัญญา...”

    ดูจุนยิ้มบางๆก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากบางที่เขารักมากที่สุดนั้นอย่างนุ่มนวลและเนิ่นนาน

     

     

     

     

     

     

    ราวกับ...

     

     

     

     

     

     

     

    มันจะเป็นครั้งสุดท้าย...

     

     

     

     

     

     

    “คุณโยซอบคะ...คุณโยซอบตื่นได้แล้วนะคะ”

    “อ...อือ ครับ”

    ร่างเล็กบนเตียงตอบเสียงงัวเงียก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ มือก็จับตัวเองเล็กน้อยเผื่อจะยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า

    แต่ก็โล่งไปได้ เมื่อพบว่าร่างสูงได้จัดการใส่เสื้อผ้าให้เขาเมื่อคืนก่อนจะออกไป

    “ค่อยๆลุกนะคะ เดี๋ยวจะได้ถอดผ้าปิดตาแล้วนะ”

    จียุนเดินเข้ามาช่วยพยุงร่างเล็กขึ้นนั่งเบาๆ แต่เจ้าตัวก็หน้าบิดไปครู่หนึ่ง

    เมื่อความเจ็บที่ช่วงล่างมันช่างทำลายแรงในการลุกเสียจริงๆ

     

    “อ๊ะ!

    “เป็นอะไรรึเปล่าคะคุณโยซอบ”

    “อ..ไม่มีอะไรครับ สงสัยเมื่อคืนจะนอนผิดท่าเลยปวดตัวนิดหน่อย”

    ยิ้มเจื่อนแล้วตอบไปโกหกคำโต

     

    “เอาล่ะงั้นเดี๋ยวเราจะถอดผ้าพันแผลกันเลยนะคะ”

    “ครับ”

    ร่างเล็กยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากนางพยาบาลสาว เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากอีกคนได้ดีเสียจริง

     

    “งั้นก็ หลับตาก่อนนะคะ แล้วพอดิฉันบอกให้ลืมตาก็ค่อยๆลืมตาช้านะคะโอเคมั้ยเอ่ย­”

    “ครับ”

    ว่าแล้วจียุนก็ค่อยๆแกะเทปผันแผลทั้งสองข้างออก แสงจากข้างนอกทะลุผ่านเปลือกตาเข้ามาเล็กน้อยทำให้โนซอบยิ่งตื่นเต้นใจแทบหลุดออกมาจากเบ้า จะได้มองเห็นแล้วสินะ...

     

    “ทีนี้ก็...ค่อยๆลืมตานะคะ... แสงอาจจ้าแต่อย่าขยี้ตานะคะ”

    “ค..ครับ”

    ร่างเล็กพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะค่อยปรือตาลืมขึ้นช้าๆ ตื่นเต้นจนหายใจแทบไม่เป็นจังหวะ

     

    “อ๊ะ”

    อุทานออกมาเล็กน้อยเมื่อแสงรอบตัวมันสว่างซะเหลือเกิน ก่อนจะค่อยลืมตาขึ้นช้าๆอีกครั้ง

     

     

    “ม..ม...มองเห็นแล้ว... ผมมองเห็นแล้วครับคุณจียุน”

    โยซอบตะโกนอย่างดีใจทั้งน้ำตา... น้ำตาแห่งความดีใจหรอกนะ

     

    “อยากให้ดูจุนนามาอยู่ด้วยจัง...”

    ร่างบางพูดลอยๆก่อนจะหันมองไปนอกหน้าต่าง นกตัวเล็กสีสันสดใสบินมาเกาะที่ขอบระเบียงห้องพักของเขาสามสี่ตัว

    ราวกับจะมายินดีที่เขามองเห็นได้อีกครั้งอย่างนั้นแหละ

     

     

     

    “คุณจียุนครับ รู้มั้ยว่าดูจุนออกไปจากห้องผมเมื่อไหร่­”

    “ค..คะ­ เอ่อ คุณดูจุน..คือใครหรอคะ­”

    “อ้าว ก็ผู้ชายที่มาเฝ้าผมทุกวันน่ะครับ ที่ปกติจะนั่งอยู่ตรงโซฟาตัวนั้น”

    โยซอบมองจียุนตาปริบๆก่อนจะชี้ไปยังโซฟาหนังที่มุมห้อง

     

     

     

    “อ..เอ่อ ขอโทษนะคะ แต่เท่าที่ฉันอยู่เฝ้าคุณโยซอบมา ก็ไม่มีใครมาเฝ้าคุณโยซอบนี่คะ

    แถมในประวัติคนไข้ คุณโยซอบก็ไม่มีครอบครัวที่ไหนนะคะ”

    “จ..จะเป็นไปได้ยังไงครับ­ ดูจุนก็คนที่ตัวสูงๆ ที่นั่งรถไปกับผมวันที่รถคว่ำไงครับ

    เค้าอยู่กับผมมาตั่งแต่วันแรกที่ผมตื่นเลยนะ!!

     

     

     

    “...”

    จียุนหน้าถอดสีเล็กน้อยก่อนจะเงียบไปทันที ยิ่งสร้างความสงสัยให้โยซอบมากกว่าเดิม

     

     

    “เงียบทำไมล่ะครับคุณจียุน­­­ นี่คุณแกล้งอะไรผมอยู่หรือเปล่า”

    ร่างบางจับมือนางพยาบาลสาวมากุมไว้หลวมๆก่อนจะจ้องตาอีกคนอย่างต้องการคำตอบ

     

     

     

     

     

     

    “อ..เอ่อ คือ ดิฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี”

     

     

     

     

     

     

    “แต่ตั้งแต่วันแรกที่คุณฟื้น ก็ไม่มีใครอยู่เฝ้าคุณจริงๆนะคะ”

     

     

     

     

     

     

    “แล้วคนที่คุณบอก...ว่านั่งรถไปกับคุณวันที่คุณประสบอุบัติเหตุ”

     

     

     

     

     

     

    “ดิฉันทราบมาว่า.. ตอนที่รถพยาบาลไปถึงที่เกิดเหตุ เขาบาดเจ็บสาหัสมาก”

     

     

     

     

     

    “แต่รถของเราอีกคันยังไปไม่ถึง”

     

     

     

     

     

    “เขาเลยบอกว่า....”

     

     

     

     

     

     

    “ให้พาคุณมาก่อน”

     

     

     

     

     

    “แต่กว่ารถคันที่สองจะไปถึง...”

     

     

     

     

     

     

    “เราก็...”

    “พอแล้วครับ!!! พอเถอะ ผมไม่อยากฟัง นี่คุณกำลังพูดเล่นอะไรรึเปล่าครับ ผ..ผมโดนหลอกเต็มๆเลยนะเนี่ย ฮะๆ”

    โยซอบยกยิ้มทั้งน้ำตา ในใจหวังว่ามันจะเป็นพียงเรื่องล้อเล่น

     

     

     

     

     

    ไม่หรอกน่า...ดูจุนอยู่กับเขามาตลอด

     

     

     

     

    นั่งพูดคุยกับเขาทุกวัน

     

     

     

     

     

    แถมเมื่อคืนยัง...

     

     

     

     

    “ไม่จริงหรอก นี่เรากำลังถ่ายรายการซ่อนกล้องอะไรกันรึเปล่าครับคุณจียุน­”

    มองตานางพยาบาลคนสวยอย่างคาดหวัง หวังเพียงแค่ว่าจียุนจะหลุดยิ้มแล้วบอกเขาว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่เซอร์ไพรส์

     

     

     

     

     

     

     

     

    แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น

     

     

     

     

     

     

    “คุณดูจุน..เสียชีวิตคาที่หลังจากพวกเราพาคุณมาได้ไม่นานค่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “และเขายังทิ้งโน๊ตไว้ในมือถือด้วยว่า....”

     

     

     

     

     

     

     

    “ให้เอาม่านตาของเขา...มาเปลี่ยนถ่ายให้คุณ...”

     

















































     

    THE END

     

     

     

    แน่ะ...

     

     

     

     

     

    แน่ะ....

     

     

     

     

    ค้างอ่ะดิ๊­­­

     

     

     

     

    รู้หรอกน่า 55555 ไม่ต้องห่วงเราไม่ปล่อยให้รีดเดอร์ทุกคนสับสน

     

     

     

     

    ภาคต่อคัมมิ่งซูนจ้า~

    :)  Shalunla

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×