ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dooseob's House!!!

    ลำดับตอนที่ #10 : [OS] Irresistible Lips

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 55


    กลับมาแล้วววววววว
    หลายๆคนคงงงๆว่าโปรเจคต์สัมผัสทั้งห้าของไรเตอร์ไม่จบเอาอะไรมาลง(อันนี้ก็งงเหมือนกัน)
    แต่พอดีหลังจากนั่งฟังเพลงนี้อยู่หลายรอบแล้วไปเปิดเนื้อเพลงอ่าน
    รู้สึกว่าเนื้อโดนใจมากโดยเฉพาะท่อนฮุก เลยอยากเขียนฟิคขึ้นมาทันที ฮุๆๆๆ
    เพลงมันเร็วแต่ฟิคออกจะดราม่า
    และถ้ารีดเดอร์ทุกคนสังเกตุให้ดี ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากOSเรื่องนึงที่ไรเตอร์เคยโพสต์ไว้
    แต่จะเรื่องไหนลองไปเดาเอาเอง(อย่าลืมมาตอบด้วยล่ะเออ^^)
     
    สำหรับเพลงประกอบจะฟังหรือไม่ฟังก็ได้เนอะ เพราะเราแค่เอาแรงบันดาลใจมาจากเนื้อ
    แต่ถ้าอยากฟังก็จิ้มเลยฮะ => DOOSEOB!!
     
     
    คำเตือนก่อนอ่าน!! ระวังนะ มันอาจจะตัดจบโดยไม่รู้ตัว=..=
     
     
     
     
     
    “อ..โอย... ปวดตัวไปหมดแล้ว”
    ร่างสูงเดินทุบหลังตัวเองเล็กน้อยระหว่างเดินออกจากห้องน้ำเพราะความปวดหลังจากการเกมสำคัญเมื่อตอนเย็น
    “อย่างน้อยก็จบซีซั่นแล้วล่ะนะ”
    ยิ้มเนือยๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงใหญ่และค้นยาแก้ปวดกล้ามเนื้อในลิ้นชัก
    มาทาตามตัวจนกลิ่นยาแก้ปวดหึ่งไปทั้งห้อง




     
    คือ อิบซุลรี แปซอซซอ



    “หืม? ใครเนี่ยโทรมาซะดึก”
    บ่นออดแอด ก่อนร่างสูงจะค่อยๆพลุงตัวเองขึ้นยืนแล้วเดินไปรับโทรศัพท์เครื่องสวย
    “ครับ?”
    (นี่กองหน้ายุนดู นอนไปยังวะ?)
    “ยัง แล้วนี่ใคร?”
    (ลืมฉันได้ยังไงเนี่ย ก็ยงจุนฮยองโค้ชทีมแกไง)
    “ล้อเล่นน่า ใครมันจะจำเสียงแกไม่ได้บ้าง”
    (ฮะๆๆๆๆ)
    “แล้วสรุปมีอะไร?”
    (อ๋อ เปล่าพอดีพรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานที่ญี่ปุ่น เลยจะฝากแกมาดูแลแฟนให้หน่อย)
    “เอ๊า แฟนแกแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันวะ?”
    (พอดีแฟนฉันเค้าดูซึมๆน่ะช่วงนี้ เลยอยากให้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนเค้าหน่อย แล้วแกก็ดูไว้ใจได้ที่สุดแล้ว)
    “อ่อ... ก็ถ้าแฟนแกไม่จู้จี้..ก็คง..ได้มั้ง”
    (ดีมาก! งั้นพรุ่งนี้ซักสิบโมงมาหาฉันที่คอนโดนะ เดี๋ยวส่งที่อยู่ไปให้)
    “อืม..”
    (ติ๊ด)
    ปลายสายวางสายไป ก่อนดูจุนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
    “ไหนๆก็ว่างอยู่แล้วน่ะนะ”
    พูดออกมาลอยๆก่อนจะเอนตัวลงนอนแผ่อย่างหมดแรง ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่อยากจะพักผ่อน








     
    แต่หัวใจมันกลับเรียกร้องให้รับซะเหลือเกิน
     
     
     







     
     
    ติ๊งต่อง~’
     
    นิ้วเรียวกดลงบนกริ่งหน้าบ้านของเพื่อนสนิทที่ควบตำแหน่งโค้ชหนุ่มประจำทีมช้าๆ
    อีกมือก็ขยี้ตาไล่ความง่วงเล็กน้อย


    “มาแล้วครับๆ”
    เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากอีกฝั่งของประตู ก่อนเจ้าของเสียงจะเปิดประตูออกเล็กน้อย


    “เอ่อ...ถ้าฉันมาเช้าไปก็ไม่เป็นไรนะไอ้จุน ดูสภาพเข้า..”
    ร่างสูงก้มลงมองเพื่อนรักในกางเกงนอนสีเทาเข้มกับเสื้อยืดสีขาวที่ยืนเช็ดหัวยืนตาแทบปิดอยู่ข้างหน้าตัวเอง


    บอกให้มาแต่เช้าแต่ตัวเองกลับไม่เตรียมตัวเลยเว้ย
    “รู้น่ะว่าแกกำลังด่าฉันในใจ เออๆขอโทษเว้ย พอดีเมื่อคืนทั้งฉันทั้งโยเมา...เลยหนักไปหน่อย”
    เพื่อนรักยิ้มแหยๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปนั่งบนโซฟาหนังสีดำกลางห้อง
    ดูจุนส่ายหัวกับความตรงของจุนฮยองเล็กน้อยก่อนจะเดินตามเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวตรงข้าม



    “แล้วไหนล่ะแฟนแก?”
    “กำลังใส่เสื้ออยู่ เดี๋ยวก็ออกมามั้ง”
    จุนฮยองเพยิดหน้าไปทางประตูห้องนอนข้างหลังดูจุนก่อนจะยกขาไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์



    “นั่นไงมาพอดี กู๊ดมอร์นิ่งครับที่รัก~
    ร่างสูงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยกมือเรียกสมาชิกใหม่ที่เพิ่งออกจากห้องนอนมานั่งข้างๆ



    “ที่รักอะไรกันจุนฮยองอา อายเพื่อนซะมั่งสิ”
    เสียงใสดังขึ้นจากทางข้างหลังก่อนร่างบางในเสื้อเชิร์ตขาวตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินตัวจ้อยจะเดินไปหาแฟนหนุ่ม


    “นี่คือคนที่ฉันจะให้มาเฝ้าโยตอนฉันไปญี่ปุ่นนะ รู้จักไว้สิ”
    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อยุนดู...จุน”
    ดูจุนยิ้มบางๆก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าตามมารยาท พร้อมๆกับร่างเล็กที่นั่งลงบนโซฟาจึงมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน
    ภาพของใบหน้าที่ไม่เคยหายไปจากความคิดของยุนดูจุนแม้แต่วินาทีเดียว... มันทำให้เขานิ่งอึ้งไปทันที



    “อ...ครับ...ยินดี..ที่ได้รู้จัก”
    ร่างบางเองก็มองตาดูจุนตอบมาด้วยอารมณ์ไม่ต่างกัน น้ำใสๆเริ่มก่อตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนเจ้าตัวจะพูดตอบมาเสียงพร่า


    “นี่สองคนรู้จักกันมาก่อนหรอ? ว่าไงโยซอบอา”
    จุนฮยองมองทั้งสองคนสลับไปมาก่อนจะถามขัดขึ้นอย่างประหลาดใจ


    “ป..เปล่าหรอก ก็คุณดูจุนเป็นถึงกองหน้าคนดังของทีมชาติเกาหลี ใครจะไม่รู้จักล่ะจริงป่ะจุนนา”
    โยซอบหันไปยิ้มทะเล้นให้แฟนหนุ่ม จุนฮยองยกมือขึ้นลูบหัวเล็กๆของอีกคนเบาๆแล้วดึงไหล่บางเข้ามาโอบแน่น
    ก่อนจะโน้มตัวลงจูบริมฝีปากของคนตัวเล็กช้าๆ


    “อ..อึก”
    ดูจุนนั่งมองภาพข้างหน้านิ่ง ไม่ใช่ช็อค แต่ไม่เชื่อตาตัวเองมากกว่า
    มือหนาบีบกันแน่นจนมีรอยจิกขึ้นบนอุ้งมือ ยิ่งมองมันก็ยิ่งเจ็บ
    แต่ตาทั้งสองข้างกลับละออกมาจากริมฝีปากบางๆที่กำลังโดนบดเบียดอย่างนุ่มนวลอยู่ต่อหน้าไม่ได้เลย








     
    ริมฝีปากนั้น...ที่ครั้งหนึ่ง










     
    เคยเป็นของเขา
     





     
    “อ..อือ จุนนา อย่าลืมสิว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ด้วยนะ”
    โยซอบดันอกจุนฮยองออกเบาๆก่อนจะมองไปยังร่างสูงอีกคนที่นั่งเงียบอยู่ตรงข้าม


    คนอื่น...
    คำนี้มันทำร้ายความรู้สึกเขาได้ดีซะยิ่งกว่าฉากจูบเมื่อกี๊เสียอีก
     

     














    จริงสินะ...เราเป็นแค่คนอื่นกันแล้ว

















     
    เป็นอย่างนี้มานานแล้ว




















     
    เพราะใครกันล่ะ?
     



     
     
    “ไม่เป็นไรหรอก ฮ่ะๆ”
    “เออ ซอรี่ว่ะดูจุน มันชิน”
    “อย่าบอกนะว่าแกเล่นหนังสดอย่างนี้ทุกวัน”
    “ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ ฮ่าๆๆ”
    “จ..จุนฮยองอา อ..เอ่อ คุณดูจุน ไม่ใช่นะ”
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ คนรักกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา”
    โยซอบตาวูบไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อดูจุนพูดประโยคนั้นออกไปยิ้มๆ คงไม่รู้หรอกว่าถึงจะยิ้มกลับไปแบบนั้น
    คนที่พูดไปนั่นแหละ...ตอนนี้กำลังเจ็บที่สุด




    “พูดอย่างกับเคยทำงั้นล่ะ แหนะๆๆ ไปมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยไม่มีบอกอ่ะ”
    “ก็...คนล่าสุดก็แปดปีที่แล้วนู่น ตอนที่เพิ่งเข้าทีมใหม่ๆน่ะ”
    ดูจุนยิ้มบางๆ พลางแอบชายตาไปมองร่างเล็กข้างๆเพื่อนสนิทที่ก็นั่งมองเขามาด้วยสายตาไม่เข้าใจพอกัน











     
    แปดปีที่แล้ว...คือวันที่ความสัมพันธ์กับคนรักคนสุดท้ายของยุนดูจุนจบลงทั้งๆที่ก็มีความสุขดี















     
    คนๆนั้น...














     
    ก็คือยังโยซอบ....ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่ไง
     


     
    “แล้วไม่ได้มีแฟนใหม่เลยหรอวะ?”
    “อืม ก็งานมันยุ่ง แถมฉันก็ยังลืมเค้าไม่ได้ด้วย”












     
    “ไม่สิ”













     
    “ต้องเรียกว่าฉันยังไม่เคยเลิกรักเค้าเลยต่างหาก”
    ร่างสูงยิ้มเยาะตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงพิงกับโซฟาช้าๆ ในใจก็แอบให้คนตัวเล็กข้างหน้าได้รับรู้ใจของตัวเองซักหน่อย


    “อ...โอ๊ย”
    แต่แล้วรอยยิ้มก็หุบไปเมื่อเขาทิ้งตัวแรงไปนิด ความปวดที่เอวจึงจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง


    “เป็นอะไรมั้ย?...ครับ?”
    โยซอบลุกขึ้นถามอย่างตกใจ ก่อนจะเบาเสียงลงเมื่อรู้สึกว่าตกใจเยอะไปนิด














     
    สำหรับคนที่เป็นแค่....คนอื่น








     
     
    “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่ต้องห่วง”
    “อ..อืม”
    โยซอบพยักหน้าเบาๆแล้วนั่งลงเช่นเดิม



     
    ‘You touch my heart baby~’
    ริงโทนจากโทรศัพท์ของจุนฮยองดังขึ้นขัดบรรยากาศเงียบๆของห้องที่ต่างคนก็ต่างไม่รู้จะพูดอะไร
    ร่างสูงหันมายิ้มให้อีกสองคนเล็กน้อยก่อนจะลุกไปรับโทรศัพท์นอกระเบียง
     






     
    “นาย...สบายดีมั้ย”
    “อ..อืม ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ ก็ยัง..อยู่ได้”
    “อ..อืม”
    “....”
    “....”
    ทั้งสองคนเงียบไป ได้แต่นั่งหลบตากันไปมาอยู่อย่างนั้น
     


    “นี่..คุณดูจุน”
    “ดูจุนนาเถอะ”
    “หืม?”
    “แค่ไม่กี่วันที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน....เรียกฉันว่าดูจุนนาเหมือนที่เคยทำเถอะ”
    “ต..แต่ ตอนนี้เราไม่”
    “งั้นนายจะเรียกฉันว่าอะไรก็เรียกเถอะ...ที่เรียกแล้วสบายใจที่สุด”
    “อ..อืม ด..ดูจุนนา”
    ร่างเล็กพยักหน้าเบาๆ มือเล็กสองข้างกุมกันเองแน่นอย่างอึดอัด
    รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากหยักของร่างสูงเล็กน้อยทางฝั่งที่อีกคนมองไม่เห็น





    “แล้วเรียกฉันขึ้นมา มีอะไรรึเปล่า?”
    “เมื่อกี๊....ที่ดูจุนนาพูดว่า...”
    “ว่า?”
    “ยัง...รักแฟนเก่าอยู่...”
    “อืม”
    “จ..จริงเหรอ?”
    “นายก็รู้....ว่า”
     




    “อ่า... บอสโทรมาบอกว่ารถมารออยู่ข้างล่างแล้ว ฉันไปก่อนนะ บายที่รัก”
    จุนฮยองเดินเข้ามาจูบที่ริมฝีปากของแฟนหน้าหวานของตัวเองอีกครั้งก่อนจะหายเข้าห้องแต่งตัวไปซักพัก
    และออกมาในชุดพร้อมเดินทางกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หลังจากนั้นไม่นาน



    “ไปล่ะนะ~
    ร่างสูงหันมาโบกมือให้อีกสองคนในห้องอีกครั้งก่อนประตูจะปิดลง
    ตามมาด้วยเสียงพูดลอยๆของร่างสูง ที่ทำให้ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาได้ไม่น้อย













     
    “นายก็รู้....ว่าฉันไม่เคยพูดโกหก”
     
     
     
     
     
     










     
     
    ตอนนี้จุนฮยองออกเดินทางไปแล้ว ทั้งสองคนเลยตัดสินใจออกมานั่งดื่มอะไรเล่นๆข้างนอก
    เพราะให้นั่งอยู่ในห้องอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรจะคุยอยู่ดี
    อีกอย่าง....







     
    รอยสีแดงอ่อนๆตามซอกคอและขาอ่อนขาวๆที่โผล่ออกมาจากชายเสื้อเชิร์ตและกางเกงขาสั้นนั่น
    เห็นแล้วมันยิ่งทำให้ดูจุนสมเพชตัวเองไปมากกว่าเดิมซะอีก
     
     
     
    “อ่า...อร่อยจังเลย”
    ร่างเล็กวางแก้วนมอุ่นๆในมือลงเบาๆแล้วพูดออกมายิ้มๆ
    ดูจุนยิ้มออกมาเล็กน้อย มือหนายกขึ้นลูบหัวคนข้างหน้าอย่างลืมตัว แต่ดูเหมือนโยซอบจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
    จึงยกมือจับมือของเขาไว้แน่น ตากลมโตจ้องมองดูจุนอย่างไม่เข้าใจนัก



    “ย...อย่า อย่าทำแบบนี้เลยนะ”
    “ท...ทำไม”
    “ตอนนี้เราเป็นอะไรกันลืมไปแล้วหรอ? แถมฉัน...ก็มีคนรักแล้ว”
    “อ..อึก”
    คำว่าคนรักลอยเข้ามาแทงหัวใจของดูจุนอีกครั้ง ร่างสูงดึงมือกลับมาช้าๆ ตาคมก็มองร่างเล็กกลับไป





    “แล้วคนรักของฉัน ก็เป็นเพื่อนของดูจุน...”
    “แต่ฉันยังรักนายอยู่นะ!”
    ดูจุนขึ้นเสียงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างลืมตัว น้ำตาลูกผู้ชายเริ่มก่อตัวขึ้นที่ม่ายตาสีเข้มจนภาพที่เห็นเริ่มพร่าเลือน








    “ยังรักเหรอ?...มาพูดเอาตอนนี้...มันจะได้อะไรขึ้นมา”
     
     












    “รู้มั้ย....ฉันต้องใช้เวลากี่ปีในการลืมนาย”
     
     








    “ต้องอยู่อย่างทรมานมากี่ปี”
     
     











    “ล่องลอยอย่างกับคนบ้า”
     
     
     










    “จะรักใครก็ไม่ได้ กินข้าวก็ไม่รู้รสชาติ ยิ้มทำยังไงก็ลืมไปแล้ว”
     
     














    “คุยกับเพื่อนก็ไม่สนุกซักเรื่อง มองไปไหนก็เห็นแต่หน้าคนที่บอกเลิกฉันอย่างไร้เยื่อใยลอยไปมาน่ะ”
     
     
     
















    “นายทิ้งให้ฉันต้องเป็นแบบนั้นมากี่ปี”


     
     
     
     
     
     









    “รู้บ้างรึเปล่า..? ฮึก...ตอบฉันมาสิยุนดูจุน!!!”
    โยซอบถามเสียงสั่น น้ำตาใสๆไหลลงมาจากดวงตาที่เคยดูสดใส
    ร่างเล็กกัดปากเล็กน้อยกลั้นไม่ให้เสียงร้องไห้ดังออกมาจนตัวสั่นตามแรงสะอื้น มือเล็กกำกันแน่นจนเส้นเลือดขึ้น
    ภาพที่เห็นกับเรื่องที่ได้ยิน...ยอมรับเลย...ว่ามันทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก










    “ฉันจะไม่แก้ตัวหรอกนะ...เพราะฉันเป็นคนทำผิดเองทุกๆอย่าง”
     
     
     
     






    “ฉันจะไม่แก้ตัวว่าไม่ได้บอกเลิกนายอย่างไร้เยื่อใย”
     
     
     












    “แต่ที่ฉันทำไป...ก็ฉันกลัวว่าฉันจะยุ่งจนไม่มีเวลาให้นาย”
     
     
     













    “ฉันจะไม่แก้ตัวว่าทำให้นายต้องทรมานกับการพยายามลืมฉัน”
     
     
     













    “และฉันก็รู้ว่าฉันคิดผิด ที่คิดว่าถ้านายเลิกกับฉันไป...
    นายจะได้เจอกับคนที่รักนายได้ดีกว่า และมีเวลาดูแลนายได้มากกว่าที่ฉันทำได้”
     
     
     
















    “แต่เปล่าเลย...ฉันไม่เคยลืมนายได้หรอกนะ...ฮึก... นายมันใจร้าย คิดเองเออเองไปคนเดียว!!”
    โยซอบเงยหน้าขึ้นมองอีกคนทั้งน้ำตา ไม่สิ ทั้งสองคนมองตากันทั้งน้ำตาทั้งคู่จะมากกว่า
    ไหล่เล็กสั่นระริกจากแรงสะอื้นและอารมณ์ทั้งโกรธทั้งเสียใจที่ตีกันจนยุ่ง แต่จะควบคุมให้มันอยู่นิ่งๆก็ไม่ได้เหมือนกัน
     
     















    “ถ้านายบอกสาเหตุฉันซักนิด...ฉันก็คงเข้าใจบ้าง”
     
     
     









    “ถ้านายถามฉันบ้างว่าฉันรับได้มั้ยที่นายไม่มีเวลาให้”
     
     
     

















    “ฉันก็คงตอบว่าได้...แล้วก็ไม่เป็นไร”
     
     
     














    “แต่เปล่าเลย...นายจากฉันไป โดยไม่บอกอะไรซักคำ”
     
     
     
















    “แล้วจะมาอะไรเอาตอนนี้”
     
     













    “เอาแต่ใจตัวเองที่สุด นายมันเห็นแก่ตัวยุนดูจุน!!!”
    โยซอบตะคอกคนตรงหน้าอย่างไม่อายคนรอบข้างที่ก็เริ่มจะสนใจเขาขึ้นมาบ้าง













     
    ก็คนนึงเป็นถึงกองหน้าคนสำคัญของทีมชาติ


















     
    อีกคนก็เป็นถึงเจ้าของบริษัทอินทีเรียร์ดีไซน์ชั้นนำของประเทศขนาดนี้
     
     
















     
    “ฉันรู้ว่าฉันเอาแต่ใจ”







     





     
    “ฉันมันโง่เอง”










     
     
     




    “แต่ตอนนั้นฉันยังเป็นแค่เด็กมหาลัย ฉันยังตัดสินใจอะไรได้ไม่ดีพอ”
    ดูจุนมองตาร่างบางตอบไปอย่างเว้าวอน วือหนาเอื้อมไม่กุมมือเล็กของคนข้างหน้าไว้เบาๆ
    หวังว่าคนตรงหน้าจะให้โอกาสเขาซักนิด
















     
    “สายไปหน่อยมั้ย ยุนดูจุน..?”
    โยซฮบยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่สนใจแววตาเศร้าๆของดูจุนเลยแม้แต่น้อย





















     
    แต่จะบอกว่าไม่หวั่นไหวเลยคงไม่ได้หรอกนะ


















     
    แต่ในเมื่อตัดสินใจจะเริ่มชีวิตใหม่แล้ว ก็ต้องไม่หันกลับไป...
     
     
     




    ‘ครืด...
    ร่างบางก้าวออกจากโต๊ะที่นั่งอยู่อย่างยากลำบาก








     
    การทำใจไม่ให้หันกลับไปบอกดูจุนว่าเขารักดูจุนมากแค่ไหน คิดถึงมากแค่ไหน





















     
    มันทำยากจริงๆ
     
     
     






















     
    “หวังว่าเราจะไม่เจอกันอีกนะดูจุนนา”
    ทิ้งท้ายไว้พร้อมก้อนสะอื้น ก่อนจะก้าวเดินฉับๆออกมาโดยไม่สนเรื่องราวเบื้องหลังอีกเลย













    “พอกันที เราเริ่มต้นชีวตใหม่ได้แล้ว เราต้องไม่กลับไปเป็นแบบเดิมอีกนะยังโยซอบ...พอกันที”
     
     
     
     
     
     
    ‘หมับ
    “อ๊ะ!”
    แรงดึงที่ข้อมือจากข้างหลังเรียกให้ร่างบางเซหมุนกลับไปตกอยู่ในอ้อมกอดของใครอีกคน











     
    อ้อมกอดอบอุ่นที่แสนจะโหยหา ตอนนี้กำลังโอบล้อมเขาอยู่อีกครั้ง












    “อ..อึก ป..ปล่อยฉันดูจุน”
    “ไม่! จนกว่าเราจะเคลียร์กัน
    “เราไม่มีอะไรให้เคลียร์กันทั้งนั้น”
    “ไม่! ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไปไหนอีกแล้ว
    “นายเป็นคนที่บอกให้ฉันไปเอง แล้วตอนนี้จะกลับมาทวงสิทธิอะไรอีก อย่าเห็นแก่ตัวนักเลยยุนดูจุน ปล่อยฉัน!”
    โยซอบตะโกนลั่นร้าน ก่อนจะสะบัดข้อมือทิ้งอย่างไม่ใยดี และหันหลังให้ร่างสูงหมายจะเดินหนีไปให้ไกลๆ





    “อ๊ะ!!”
    แต่โยซอบก็ต้องร้องขึ้นมาเมื่อมือหนาจะคว้าเอวเล็กของโยซอบเข้าไปหา
    และกดจูบลงอย่างเร่าร้อนก่อนที่อีกคนจะทันท้วงอะไร
     













    입술을 뺏었어 그래야만 했었어
    กือ อิบซูรึล เพซอทซอ กือเรยามัน เฮทซอทซอ
    ผมต้องไปเอาริมฝีปากนั้นกลับคืนมา
     
















    “อื้ม”
    ถึงแม้การจูบนี้จะเป็นการบังคับ แต่สัมผัสที่ดูจุนกำลังมอบให้โยซอบมันกลับอ่อนหวานและนุ่มนวลเกินกว่าจะปฏิเสธ














    너를 원해서 설명도 변명도 
    นอรึล วอนเฮทซอ ซอลมยองโด บยอนมยองโด
    ผมต้องการคุณ โดยไม่มีเงื่อนไขและข้อแก้ตัวใดๆ
     












    มือเล็กยกขึ้นวางบนแผงอกกว้างแบบนักกีฬาของอีกคนเพื่อหาที่พึ่งพิง
    ไม่ไหวแล้ว...จูบจากยุนดูจุนกำลังจะทำให้เขาล้มทั้งยืน...









    없이 입술을 빼앗았지
    ออบชี นี อิบซูรึล เพอัทซัมจี
    ผมต้องเอาริมฝีปากนั้นกลับคืนมาให้ได้








     
    “อ..อือ”
    ลิ้นอุ่นสอดเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากร่างเล็กอย่างโหยหา
    รสจูบที่ทำให้เขาหลงไหลมาตลอด และไม่เคยจะลืมมันไปได้แม้จะผ่านไปซักแค่ไหน
     













    미친 짓이었지만 하지만 뭐라도 아찔한 짜릿한 
    มิชิน จีชีออทจีมัน ฮาจีมัน มวอราโด อัทจิลฮัน จาริททัน
    มันอาจเหมือนเป็นเรื่องโง่เง่า แต่ไม่ว่ามันจะน่าหวาดกลัวสักแค่ไหน
     











    โยซอบที่มีท่าทางขัดขืนในตอนแรกเริ่มใจเย็นลง
    ก่อนริมฝีปากอิ่มจะจูบตอบสัมผัสน่าหลงไหลจากคนตรงหน้าไปเนิบๆ
    แม้ใจจะปฎิเสธแค่ไหน... แม้จะย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าต้องลืมผู้ชายคนนี้ให้ได้
    แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยกับรสจูบนี้เสียเหลือเกิน... มันหมายความว่า


















     
    จริงแล้วๆ...หัวใจดวงนี้ ไม่เคยลืมอะไรที่เป็นของยุนดูจุน...ได้เลย..รึเปล่านะ?











     
    절대 잊을 잊을 둘만의 기억 만들어야만 했었어
    จอลเด มุม นีจึล มุน นีจึล ดุลมันเน กีออก มันดือรอยามัน เฮทซอทซอ
    ผมก็จะยังคงจดจำความหลังของสองเราไว้ไม่มีวันลืม
     
















    รสจูบหวานๆที่เคยได้รับแบบไหนเมื่อแปดปีก่อน


















     
    ก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่เสมอ























     
    ยังคงเหมือนกับ...ก่อนทั้งสองคนจะพลัดพรากจากกันไป














     
    ยังคง...ทำให้ตกหลุมรักฝ่ายตรงข้ามซ้ำแล้วซ้ำอีก...จนรู้ตัวอีกที


















     
    ก็รักมาก...จนถอนตัวกลับไม่ได้อีกแล้ว...
     
     
     
     
















     
     
     
     
     
    “ฉันยอมเป็นคนเห็นแก่ตัว...ถ้ามันจะทำให้ฉันได้ของๆฉันคืนมาล่ะก็...”
     
     
     
     
     
     
     







     
     
    THE END
     
     
     
     
     
     
     
    แถมๆๆ ริมฝีปากที่ยุนดูจุนหลงนักหลงหนา
     
     
     
    บ๊ายบายยยยยยยย
     
    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×