ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dooseob's House!!!

    ลำดับตอนที่ #1 : [OS] I wonder if you hurt like me..?

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 55


    ©Tenpoints!
     ฟังเพลงนี้แล้วเกิดอินอยากแต่งฟิคขึ้นมา

    ขอเปิดบ้านด้วยเรื่องดราม่าหน่อยแล้วกันนะ 555

     

    Title: I wonder if you hurt like me..?

    Rate: PG Drama อาจเรียกน้ำตาใครบางคน

    Pairing: Dujun(?) x Yoseob

     

    แนะนำให้อ่านไปฟังเพลงนี้ไป จบก็ฟังซ้ำเนอะ 55

    http://www.youtube.com/watch?v=AiWNKD1E7Ng

     




      

     

     








    “เรา... เลิกกันเถอะนะ..โย..”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    5 พ.ค. 2XXX

     

    อา...

     

     

     

    ผ่านไปอีกปีนึงแล้วสินะ...

     

     

     

    หลังจากวันนั้น...ที่ฉันได้ยินประโยคนั้นจากปากของนาย...

     

     

     

    하루종일 생각만 하다가 
    (ฮา รุ จง งิล นี แซง กัก มัน ฮา ดา กา) 
    ผมคิดถึงคุณทุกวัน 

    가닥 눈물이 멋대로 주르륵 흐른다 
    (ฮัน คา ดัก นุน มุล ลี มอด แด โร ชู รือ รึก ฮือ รึน ดา) 
    น้ำตาเพียงหยดเดียวที่ค่อยๆไหลออกมา

     

     

    ร่างเล็กลืมตาขึ้นช้าๆและถอนหายใจเสียงเบากับตัวเอง พลางมองไปยังหมอนใบสีดำข้างๆ...

     

     

    หมอนที่คนๆนั้นเคยนอนหนุนอยู่เสมอ

     

     

    มันอาจดูงมงาย... แต่เขาก็ตื่นมายิ้มให้หมอนใบเดิมที่วางอยู่ตรงนั้นราวกลับรอให้เจ้าของกลับมาใช้เสมอทุกๆเช้า และทุกๆคืนก่อนนอน

     

     

    “อรุณสวัสดิ์นะ... ดูจุนนา”รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบาง แต่เจ้าตัวจะรู้ตัวมั้ยนะ...ว่ามันไม่ได้ช่วยปิดบังน้ำใสๆที่ไหลข้างแก้มนั้นได้เลย

     

     

     

    걸음걸음 모습이 밟혀서 
    (
    คอล ลึม คอล ลึม นี โม ซึบ พี พัล พยอ ซอ) 
    ผมยังเห็นคุณอยู่เสมอ 

    일을 하다가도 나도 모르게 흐른다 
    (
    อิล ลึล ฮา ดา กา โด นา โด โม รือ เก โต ฮือ รึน ดา) 
    แม้กระทั่งตอนผมทำงาน น้ำไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว 

     

     

     

     

    “เป็นอีกครั้งแล้วนะคะ ที่ทีมฟุตบอลทีมชาติเกาหลีของพวกเราทุกคนได้สร้างชื่อเสียงและความประทับใจให้ชาวเกาหลีทุกคน ความดีส่วนใหญ่คงยกให้ใครอื่นไปไม่ได้ นอกจาก ยุนดูจุน กองหน้าคนเก่งของเราที่ทำคะแนนไปได้เกินกว่าครึ่งของคะแนนทั้งหมดตลอดการแข่งขันซีซั่นนี้...”

     

     

    เสียงใสนักข่าวสาวชื่อดัง เรียกให้ร่างบางที่นั่งยุ่งอยู่กับเอกสารต่างๆนาๆบนโต๊ะละสายตาไปมองจอสี่เหลี่ยมที่เปิดทิ้งไว้แก้เหงา

     

     

    “ทำได้อีกแล้วนะ... ดูจุนนา”ร่างบางที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่หน้าจอโทรทัศน์ตั้งแต่เมื่อไหร่ยิ้มเล็ก มือก็แตะลงบนรูปเจ้าของชื่อที่เอ่ยถึงบนหน้าจอ....

     

     

    แค่ได้เห็นหน้าห่างๆ...ก็มีความสุขแล้วล่ะ...

     

     

    “ยินดี..ฮึก...ยินดีด้วยนะ...ฮึก..ด..ดูจุนนา”น้ำตาหยดที่เท่าไหร่ไม่รู้หยดลงจากขอบตาที่ยังคงบวมเล็กน้อยจากการร้องไห้รอบก่อนๆ และคงจะมีรอบต่อๆไป

     

     

     

    노래를 불러도 
    (
    โน แร รึล พุล ลอ โด) 
    แม้กระทั่งตอนร้องเพลง 

    거리를 걸어도 
    (
    คอ รี รึล คอล ลอ โด) 
    แม้กระทั่งตอนเดินอยู่บนถนน 

    온통 생각 뿐인데 
    (
    อน ทง นี แซง กัก ปุน นิน เด) 
    ผมเต็มไปด้วยความคิดถึงคุณ 

     

     

     

     

    We're just ordinary people

    We don't know which way to go
    Cuz we're ordinary people
    Maybe we should take it slow

    (Take it slow oh oh ohh)
    This time we'll take it slow

    (Take it slow oh oh ohh)
    This time we'll take it slow

     

    ร่างบางเดินฮัมเพลงไปตามทางเดินริมถนน เสียงใสๆราวกับนักร้องที่ใครได้ยินก็หลงไหลนั้นเรียกสายตาและความสนใจจากใครหลายๆคนได้เป็นอย่างดี แต่เขากลับไม่ได้รับรู้ถึงสายตาเหล่านั้นเลยซักนิด

     

     

    คงเป็นเพราะอย่างน้อยเขาก็มีความสุขอยู่ในโลกของเขา

     

     

    กับเพลงโปรดของเขา...

     

     

    และใครอีกคน

     

     

    “ตี๊ดๆๆๆ”สัญญาณเตือนให้ข้ามถนนได้ดังขึ้นแล้ว ขาเรียวเล็กสองข้างออกก้าวเดินไปช้าๆอย่างไร้จุดหมาย

     

     

    เขาไม่อยากกลับบ้าน....เพื่อไปเห็นห้องๆเดิมที่เคยมีคนๆนั้นอยู่

     

     

    กลับไปนอนบนเตียงที่พวกเขาเคยนอนกอดกันในวันที่หิมะตกหนักจนต้องโดดงานทั้งคู่

     

     

     

    กลับไปนั่งบนโซฟา ที่พวกเขาแทบจะหมดแรงตายกว่าจะแบกมันเข้าประตูหน้าห้องเล็กๆนั่นไปได้

     

     

     

    กลับไปนั่งกินข้าว ตรงโต๊ะกินข้าวเล็กๆที่เคยมีใครอีกคนนั่งมองเขาและยิ้มอบอุ่นให้เสมอ

     

     

     

    “ปี๊นนนนนนนนนนนน เดินดีๆสิคุณ เดินข้ามถนนตาลอยแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนรถชนตายเข้าซักวันนึงหรอก!!!

     

     

    เสียงบีบแตรและเสียงก่นด่าดังขึ้น เรียกสติให้ร่างบางได้ ก่อนเขาจะพาร่างอันบอบบางที่แทบไม่เหลือแรงจะยืนข้ามถนนไปอีกฝั่งได้ช้าๆ

     

     

     

    “ป่านนี้... นายจะเป็นยังไงบ้างนะ... ดูจุน”

     

     

     

     

    너도 나처럼 이렇게 아픈지 
    (
    นอ โด นา ชอ รอม มี รอค เค อา พึน จี) 
    คุณจะเจ็บเหมือนผมบ้างไหม 

    너도 나처럼 눈물 나는지 
    (
    นอ โด นา ชอ รอม นุน มุล ลา นึน จี) 
    คุณจะร้องไห้เหมือนผมหรือเปล่า

    너도 하루종일 이렇게 추억에 사는지 나처럼 
    (
    นอ โด ฮา รุ จง งิล อี รอค เค ชู ออก เค ซา นึน จี กก นา ชอ รอม) 
    คุณจะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำเหมือนผมหรือไม่ 

     

     

     

     

     

    “เตกีล่าเพิ่มอีกแก้วนึงครับ”ร่างบางพูดกับบาร์เทนเดอร์ใกล้ๆ ก่อนจะฟุบลงกับบาร์

     

     

     

     

    จริงเหรอ...? ที่ว่าแอลกอฮอล์จะทำให้เราลืมความเศร้าไปได้

     

     

     

    ทุกๆคนว่ากันมาอย่างนั้น

     

     

     

    นี่มันแก้วที่ห้าแล้ว...รู้ตัวว่าเมาแล้ว แถมยังมึนหัวจนไม่อยากจะลุกจากเก้าอี้

     

     

     

    แต่ทำไม... ถึงลืมเรื่องพวกนั้นลงไปไม่ได้ซักที

     

     

     

    “เตกีล่าครับ... ไหวมั้ยครับ คุณโยซอบ?”บาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าตาดีที่พอรู้จักและคุ้นเคยกันอยู่วางแก้วเครื่องดื่มสีเหลืองทองแก้วที่หกลงลนเคาน์เตอร์ไม่ห่างจากที่คนที่สั่งมันนัก ก่อนจะถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

     

     

     

     

     

    “ยังพูดไหวอยู่ล่ะครับ...”ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นปรือตามองคนข้างๆหน้าและปรับสายตาที่พร่ามัวจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเจื่อนตอบออกไปตามมารยาท

     

     

     

    “อ้ออีจุนชิ...”

    “ครับ?”

    “จะเป็นอะไรมั้ย...ถ้าผมอยากร้องเพลง”

     

     

     

    เสียงเปียโนใสที่แฝงไปด้วยความเศร้าจากมือเล็กๆทั้งสองข้างของร่างบางในสูทสีดำจากเวทีของร้านดังขึ้นมาพร้อมๆกับที่ไฟทั้งร้านดับลงและสปอตไลท์สีขาวจ้าที่ส่องไปที่แกรนด์เปียโนสีขาวตัวใหญ่บนเวทีของร้าน สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ที่มาของเสียงเสียจนน่ากลัว แต่ร่างบางตรงนั้นกลับไม่รู้สึกตัวใดๆ นิ้วเรียวยังคงบรรจงบรรเลงเพลงต่อไปตามที่หัวใจต้องการ

     

     

    억지라도 웃을 많은데 
    (
    ออก จี รา โด อุด ซึล อิล ชัม มัน นึน เด) 
    การบังคับมันมีเรื่องให้หัวเราะมากมาย 

    태엽 인형처럼 주어진 일처럼 웃는다 
    (
    แท ยอบ อิน ฮยอง ชอ รอม ชู ออ จิน อิล ชอ รอม อุด นึน ดา) 
    เหมือนตุ๊กตาไขลาน เหมือนเรื่องของผม มันช่างน่าหัวเราะ 

     

     

     

    ภาพในอดีตที่ไม่ต้องการคิดถึงไหลกลับเข้ามาในหัวอย่างกับฟิล์มภาพยนตร์

     

     

     

     

    ภาพที่ถึงจะอยากจะลืมแค่ไหน...

     

     

     

     

    พอเห็นมันก็มีอดความสุขไม่ได้ทุกครั้ง...

     

     

     

     

     

    รอยยิ้มเศร้าปรากฏขึ้นบนมุมปากสีชมพูอิ่มที่ซีดไปเล็กน้อย

     

     

     

     

    ก่อนรอบดวงตาจะเริ่มชื้นขึ้นมาอีกครั้ง

     

     

    TV 보아도 
    (
    ที วี รึล โพ อา โด) 
    แม้กระทั่งตอนดูทีวี 

    친구를 만나도 
    (
    ชิน กู รึล มัน นา โด) 
    แม้กระทั่งตอนไปพบเพื่อน 

    온통 생각 뿐인데 
    (
    อน ทง นี แซง กัก ปุน นิน เด) 
    ผมเต็มไปด้วยความคิดถึงคุณ 

     

     

     

     

    ใช่...

     

     

     

    ต่อให้พยายามลืมหรือสั่งตัวเองให้ทำใจกี่ครั้ง...

     

     

     

     

    แค่ได้รับรู้ว่าร่างสูงที่ตนรักที่สุดไม่ได้อยู่ข้างๆตรงนี้แล้ว

     

     

     

     

    ก็กลับไปคิดถึงวันเก่าและรอยยิ้มอบอุ่นที่โหยหาเหลือเกินนั้นทุกที..

     



     

    너도 나처럼 이렇게 아픈지 
    (
    นอ โด นา ชอ รอม มี รอค เค อา พึน จี) 
    คุณจะเจ็บเหมือนผมบ้างไหม 

    너도 나처럼 눈물 나는지 
    (
    นอ โด นา ชอ รอม นุน มุล ลา นึน จี) 
    คุณจะร้องไห้เหมือนผมหรือเปล่า

    너도 하루종일 이렇게 추억에 사는지 나처럼 
    (
    นอ โด ฮา รุ จง งิล อี รอค เค ชู ออก เค ซา นึน จี กก นา ชอ รอม) 
    คุณจะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำเหมือนผมหรือไม่ 

     

     

    อยากรู้เหลือเกิน...

     

     

     

    ว่าสามปีที่ผ่านมา เขาเป็นยังไงบ้าง

     

     

     

     

    สบายดีมั้ย

     

     

     

     

    มีแฟนใหม่รึยัง

     

     

     

     

    ทำงานหนักมั้ย

     

     

     

    ยังกินข้าวไม่ถูกเวลาอยู่มั้ย?

     

     

     

    ยังซ้อมจนดึกดื่นแล้วกลับบ้านตอนเช้าอยู่อีกมั้ย..?

     

     

     

     

    และที่อยากรู้ที่สุด...

     

     

     

     

    ดูจุน...เกลียดผมรึเปล่า...?

     

     

     

     

    매일을 웃으니까 
    เพราะผมยิ้มรับมันในทุกๆวัน 
    (
    แม อิล รึล อุด ซือ นี กา) 

    웃는 모습만 보여주니까 
    เพราะผมโชว์รอยยิ้มของผม 
    (
    อุด นึน โม ซึบ มัน โพ ยอ จู นี กา) 

    내가 행복한 줄만 아나  
    (
    แน กา แฮง บก คัน ชุล มัน อา นา พวา) 
    พวกเขาเลยคิดว่าผมมีความสุข 

    어떻게 웃어 내가 어떻게 웃어 니가 없는데 
    (
    ออ ตอก เค อุด ซอ แน กา ออ ตอก เค อุด ซอ นี กา ออบ นึน เด) 
    แต่ให้ผมยิ้มออกไปได้อย่างไรโดยไม่มีคุณ 

    웃어도 웃어도 눈물이 흘러 
    (
    อุด ซอ โด อุด ซอ โด นุน มุล ลี โต ฮึล รอ) 
    ผมยิ้มทั้งๆที่น้ำตายังคงไหลรินออกมาอีกครั้ง 

     

     

     

     

    น้ำตาหยดแรกหล่นลงมาจากขอบตาชื้นหลังจากพยายามกลั้นไว้มานาน

     

     

     

    ก่อนจะตามมาด้วยหยดที่สอง

     

     

     

     

    หยดที่สาม

     

     

     

    และหยดอื่นๆตามมาอีกเรื่อย ไม่มีท่าว่าจะหยุดลง

     

     



    너도 나처럼 이렇게 아픈지 
    (
    นอ โด นา ชอ รอม มี รอค เค อา พึน จี) 
    คุณจะเจ็บเหมือนผมบ้างไหม 

    너도 나처럼 눈물 나는지 
    (
    นอ โด นา ชอ รอม นุน มุล ลา นึน จี) 
    คุณจะร้องไห้เหมือนผมหรือเปล่า

    너도 하루종일 이렇게 추억에 사는지 나처럼 
    (
    นอ โด ฮา รุ จง งิล อี รอค เค ชู ออก เค ซา นึน จี กก นา ชอ รอม) 
    คุณจะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำเหมือนผมหรือไม่ 

     

     

    “แปะๆๆๆๆๆ  วู้วววววว สุดยอดดดดดดดดดด”เสียงปรบมือชื่นชมยังคงดังมาอย่างต่อเนื่อง ผู้ฟังหลายๆคนถึงกับร้องไห้ตามหลังจากจบเพลง แต่ร่างบางไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นโค้งขอบคุณหรือลงจากเวทีไปด้วยซ้ำ

     

    ร่างเล็กก้มหน้าลงซุกกับแขนทั้งสองข้างเพื่อซ่อนน้ำตา ลำตัวที่เริ่มสั่นเทาเพราะการสะอื้นทำให้คนดูข้างล่างพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนจึงปล่อยให้เขาร้องไห้ต่อไปเงียบๆโดยไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา

     

     

    “วันนี้...เป็นวันพิเศษของผมครับ”เสียงพูดที่อู้อี้เล็กน้อยดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปยังเวทีอีกครั้ง

     

     

     

     

    “เป็นวันครบรอบสามปี...ที่คนที่ผมรักมากที่สุด...ทำสิ่งที่ดีที่สุด..ให้ผม”ร่างเล็กหันไปทางผู้ชมและยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย มือหนึ่งก็ถือไมโครโฟน อีกมือหนึ่งก็ปาดน้ำตาออก

     

     

     

     

    “คือการ...ทำเพื่อความสุขของเค้าเอง...”

     

     

     

     

    “ที่นี่เป็นที่ๆเราสองคนเจอกันครั้งแรกครับ...มานั่งเมารำลึกความหลังแบบนี้...สงสัยผมคงดูละครน้ำเน่ามากเกินไปมั้งนะครับ ฮะๆ”

     

     

     

     

    “เราเลิกกันมาสามปีเต็มๆ ไม่ได้เจอกันหรือติดต่อกันอีกเลย...”

     

     

     

     

    “แต่แปลกนะครับ...ที่ผมยังลืมเค้าไม่ได้ซักที”

     

     

     

     

     

    “แปลกนะ..ที่ผมยังคงเป็นห่วงและติดตามข่าวคราวของเขาเสมอ”

     

     

     

    “ยังคง...รักเค้าเสมอ”

     

     

     

     

    “ถึงแม้เขาอาจจะลืมผมไปแล้วตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ...”น้ำเสียงของร่างเล็กเริ่มสั่น ทำให้เสียงพูดเงียบไป แต่กลับไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา ทุกสายตายังคงจับจ้องไปที่ชายร่างเล็กบนเวทียกสูงอย่างเห็นใจ

     

     

     

     

    “ขอโทษนะครับที่อาจจะมาทำลายค่ำคืนดีๆของพวกคุณหลายๆคน และขอบคุณที่อดทนฟังผมพูดมากมาจนถึงตอนนี้ ฮะๆ ผมนี่แปลกจังเลยนะ”ร่างบางพูดประโยคสุดท้ายและยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย

     

     

     

     

    รอยยิ้มที่ดูฝืนเหลือเกิน...

     

     

     

    เขาดันตัวเองให้ลุกขึ้นช้าๆและเซเล็กน้อย ก่อนจะลงจากเวทีไปช้าๆ

     

     

     

    “พรึ่บ”แสงไฟในร้านกลับมาสว่างดังปกติ ทำให้ร่างเล็กต้องปิดตาลงและลืมตาขึ้นหลังจากนั้นซักพัก

     

     

     

    “ทำไม...ยังมองไม่ชัดอีกล่ะ...”ร่างบางพึมพำขึ้นมาพลางเอามือสองข้างปาดตาตัวเอง

     

     

    “หยุดไหลซักทีสิ น้ำตาบ้า ฮึก ฉันบอกให้หยุดไง...”ร่างบางทรุดลงนั่งกับบันไดข้างตัวเวทีพลางใช้มือปาดตาตัวเองไปมาจนรอบตาเริ่มแดง แต่ร่างกายดูจะตอบกลับมาตรงข้ามกับใจสั่ง น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุดและดูจะหนักขึ้นๆ

     

     

    “หยุดร้องซะทีสิ...ถึงร้องไป... ดูจุน... ก็คงไม่กลับมาแล้วล่ะ... ยังโยซอบ...”

     

     

     






    The End


    เป็นยังไงบ้างคะ เราพยายามเขียนให้ดราม่า เพราะเพลงนี้มันเศร้ามาก

    แต่จะมีใครเศร้าไปกับเรามั้ย//หันซ้ายหันขวา 555

    อ่า...อ่านแล้วเป็นยังไงเอ่ย ไรเตอร์รู้ว่าหลายๆคนคงไม่ชอบตอนจบที่ไม่แฮปปี้อ่ะสิ ฮุๆ

    ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นกันไว้ได้นะคะ

    Credit เนื้อเพลงจาก pingbook.com ด้วย

     

    ขอบคุณที่อุดหนุนค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×