[Identity V] หนึ่งวันในร่างนาย! - [Identity V] หนึ่งวันในร่างนาย! นิยาย [Identity V] หนึ่งวันในร่างนาย! <ชาเขียวปิ้งไก่> : Dek-D.com - Writer

    [Identity V] หนึ่งวันในร่างนาย! <ชาเขียวปิ้งไก่>

    โดย Yami_dark_

    เมื่อGMเมากาว ดันไปปรับระบบให้นาอิบและแจ๊คสลับร่างกัน แจ็คที่กลายเป็นผู้รอดชีวิต และนาอิบที่กลายเป็นฆาตกรก็บังเอิ๊ญมาลงเล่นรอบเดียวกันซะงั้น ไม่รู้หรอกนะว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่จบจากนี้GMโดนกระทืบไม่เหลือซากแน่นอน

    ผู้เข้าชมรวม

    4,171

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    4.17K

    ความคิดเห็น


    17

    คนติดตาม


    116
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ก.ย. 61 / 22:25 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน!

       หลังจากที่ไรท์ได้เล่นเกม Identity V อย่างบ้าคลั่ง และพยายามเก็บลูกเต๋าเอาจิ๊กซอว์มาเปย์น้องชาเขียวอยู่… ไรท์ก็ได้พบว่ามนุษย์คนอื่นๆเขาอวยคู่ Jack x Naib กัน! แม้จะไม่รู้ว่าอวยเพราะอะไรก็เถอะ! แต่พอไปอ่านฟิคแล้วเราก็อวยไปกับเขาด้วย!! (แม้คู่ในดวงใจคือ Kreacher x Emma ก็ตาม… || เรารักโจร~!)

       ข้าน้อยจึงได้ตามหาฟิคอื่นอ่านบ้าง ซึ่ง… เอ่อ... ทั้งแจ๊คทั้งชาเขียวนิสัยไม่เหมือนกันเลยสักฟิค! OH GOD!! 

       คือไรท์อวยว่าทั้งสองเป็นคนแบบ…
       น้องเขียว : หน้าตายแต่วอนส้นพระบาท พร้อมเอาคืนคุณสามีเมื่อมีโอกาส
       แจ๊คปิ้งไก่ : ตามฆ่าน้องเขียวเพียงผู้เดียว เป็นคนอบอุ่นในระดับนึงและชอบยั่วโมโหภรรยาเป็นอย่างมาก ดูๆไปแล้วเหมือนชาเขียวอยู่ในกำมือเขาตลอดเวลา~

       ฉะนั้นในฟิคนี้ทั้งสองจะมีนิสัยในแบบที่เราอวยนะคะ!

       ปล. อาจมีคู่Kreacher x Emmaโผล่มาบ้างตามกิเลสของไรท์เตอร์
       ปล.2 แต่งไปแต่งมา ไรท์ก็เริ่มไม่มั่นใจในตำแหน่งของพวกนางซะแล้ว555
    ……………………………….………

       สลับร่างกับหมอนั่นน่ะเหรอ?
       ฮะฮะ ไม่เห็นเป็นไรเลย

       อย่างเขาน่ะนะจะกล้าฆ่าคน?
       อย่างเขาน่ะนะจะเป็นฆาตกร?
       ดูยังไงเกมนี้ผมก็ชนะใสๆ

       ห้ะ!? ว่าไงนะ!
       หมอนั่นจะถอดหน้ากากผมเหรอ!?
       ถ้างั้นมันคงไม่จบที่ออกประตูแน่…นายทหารรับจ้าง!!
    -Jack The Ripper


       ผมไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้มาก่อน
       แต่ก็ดีแล้วล่ะ
       อยากแก้แค้นแจ๊คมานานมากแล้ว
       คนบ้าอะไรยั่วโมโหผมอยู่ได้
       ไม่เบื่อบ้างรึไง!?

       แต่ว่านะ…
       ถ้าผมสลับร่างกับแจ็คจริง
       งั้นผมก็ถอดหน้ากากเขาได้น่ะสิ!
       ผมจะได้เห็นหน้าเขาแล้วงั้นสิ!
       งานนี้ความลับนายแตกแน่…แจ๊ค
    -Naib The Mercenary
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
        ในห้องทรงลูกบาศก์ขนาดเล็กกระทัดรัดแต่กลับอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมายจนลายตา ชายหนุ่มร่างโปร่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวเก่ง ดวงเนตรสีแปลกเพ่งไมองปยังคอมพิวเตอร์ตรงหน้า
         ชายผู้นี้ถูกเรียกว่าGM เนื่องจากเขาเป็นถึงผู้พัฒนาระบบของเกมแนวเอาชีวิตรอดยอดฮิตอย่างเกมIdentity V ซึ่งกำลังโด่งดังและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
         และวันนี้…เขาก็ต้องมาทำหน้าที่ของเขา ในการอัปเดตตัวเกมให้มีสิ่งใหม่ๆที่น่าสนใจอย่างอีเว้นท์พิเศษ ตัวละครใหม่ หรือสกินสวยๆให้ผู้เล่นได้เก็บสะสมกันไป
         ชายหนุ่มเริ่มรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์จนเกิดเสียงกระทบระหว่างปลายเล็บกับคีย์บอร์ดดังแกรก...แกรก...ไปทั่วห้อง ยิ่งเป็นห้องเงียบๆเช่นนี้ เสียงเหล่านี้ยิ่งชัดเจน

         ตัวเลขดิจิตอลบอกเวลา2.00นาฬิกา
         ดวงตาสีรัตติกาลภายใต้กรอบแว่นหนาจับจ้องไปที่หน้าจอและคีย์บอร์ดก็จริง แต่ตอนนี้จิตใจของเขากลับไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่
         เขาเริ่มง่วง
         เปลือกตาคู่นี้เองก็เริ่มจะหนักขึ้นทุกวินาที การฝืนลืมตาต่อช่างยากลำบากเกินกว่าจะทนไหว ในหัวเริ่มเผลอตัวคิดฟุ่งซ่านพอๆกับดวงตาที่ปรือลงมาจนแทบปิด

         เอาวะ อีกนิดเดียว
         เขาบอกกับตนเองเช่นนั้น พร้อมๆกับที่โค้ดตัวสุดท้ายถูกพิมพ์ลงจนเสร็จสมบูรณ์ เมื่อเห็นว่างานของตนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วชายหนุ่งจึงไม่รีรอที่จะปิดคอมแล้วกระโดดขึ้นเตียงนอนแสนรักทันที ก่อนที่จะหลับไปด้วยความรวดเร็ว

         โดยที่หารู้ไม่ว่า…โค้ดที่ถูกพิมพ์ด้วยความง่วงงุนนั่นน่ะ
         มัน–พิมพ์–ผิด!!
      ………………………………………

         แจ๊คลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง…
         ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าๆตัวหนึ่ง ในคฤหาสน์สยองขวัญหลังหนึ่ง
         และเขาจะไม่แปลกใจเลยสักนิด…หากบนเก้าอี้ข้างๆเขาไม่ปรากฎวิญญาณปริศนาที่โผล่มาแล้วก็จากไป หากที่นั่งอีกสามที่ที่ควรจะว่างเปล่ากลับมีผู้รอดชีวิตคนอื่นๆนั่งอยู่
         และนี่ยังไม่น่าแปลกใจเท่า…
         การที่มีคนเรียกเขาว่านาอิบ!!


         "นาอิบ นายคิดว่ารอบนี้ใครจะเป็นฆาตกร?" เสียงสดใสอย่างสาววัยรุ่นเอ่ยถาม เด็กสาวเจ้าของเรือนผมตัดสั้นสีวอลนัทมองหน้าเขาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆบนใบหน้า หมวกฟางแบบชาวไร่ถูกสวมอยู่บนศีรษะของเธอช่างเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่แค่เห็นก็รู้ว่าใครคือเจ้าของ
         เอ็มม่า วู้ดส์ สาวชาวไร่ที่เหล่าฆาตกรหมั่นไส้นักหนากำลังถามเขาว่าฆาตกรในรอบนี้จะเป็นใครเนี่ยนะ!? 
         นี่มันไม่ปกติแล้วววว!!

         แจ๊ครู้… เขารู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้เป็นฆาตกรอีกต่อไป
         เพราะตั้งแต่ที่เขาเห็นเงาสะท้อนของตนผ่านกระจกในห้องโถงใหญ่ ชายหนุ่มก็พบว่าตนมีรูปร่างเหมือนเด็กหนุ่มทั่วๆไปที่ใส่ฮู้ดสีเขียวปกปิดเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเอาไว้…
         ตอนนี้เขาอยู่ในร่างของนาอิบ!!

         ไม่รู้ว่าทำไม อย่างไร หรือเพราะอะไร
         แต่ตอนนี้แจ๊คโคตะระจะสับสนเลย!!

         "ฉันว่ากวาง" ใครบางคนตอบขึ้นก่อนที่แจ๊คจะได้พูดอะไร "ก็วันนี้กวางฟรีนี่นา วันที่นาอิบฟรีกวางจะฟรีด้วย น่าจะมีคนเล่นเยอะ"
         ครีเชอร์ เพียร์สัน หัวขโมยหนุ่มในชุดสีน้ำตาลเข้มว่า ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นโจรแต่เบื้องหลังการขโมยของแต่ละชิ้นของเขากลับทำให้เราไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาคือคนเลว และเพราะมีประวัติเช่นนี้จึงทำให้ใครต่อใครเรียกด้วยฉายาโรบินฮู้ดแทน
         "นั่นสินะ…คะ" เอ็มม่าตอบเจ้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปด้วยความลังเลว่าควรใช้ภาษาสุภาพกับเขาดีหรือไม่ เธอรู้ว่าเธอควรแสดงความเคารพและนอบน้อมต่อครีเชอร์เพราะเขาถือเป็นผู้มีพระคุณต่อเธอในตอนที่เธอไม่มีที่จะไป 
         แต่กลับกัน เธอกลับไม่รู้สึกอย่างสุภาพกับเขามานัก อยากพูดคุยแบบเพื่อนคุณกันมากกว่าเด็กปรึกษาผู้ใหญ่
         "ไม่ต้องสุภาพหรอก คุยแบบปกติน่ะแหละ" เหมือนชายหนุ่มจะรู้ เขาหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อย เอ็มม่าจึงยิ้มตอบไปพอเป็นพิธี 
         "อืม" เธอตอบรับ

         "เฮ้อ! แต่ฉันไม่อยากเจอเกมคีปเปอร์เลยจริงๆ" เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้น เคิร์ธ แฟรงค์ นักสำรวจเจ้าของสมุดพิศวงเอ่ยขึ้นมาหลังจากเงียบมานาน
         "หมอนั่นแม่นจะตาย อย่างกะแชมป์สไนเปอร์โลก" เขาบ่นอุบอิบพร้อมถอนหายใจเบาๆ
         "เอาน่า ก็ดีกว่าเจอพรีเซนเตอร์แป้งเด็กแคร์หรือพ่อครัวปิ้งไก่นะ" ครีเชอร์ส่ายหัวเบาๆ แจ๊คหลุดขำพรืดกับคำว่าพรีเซนเตอร์แป้งเด็กแคร์ที่ใช้เป็นสรรพนามเรียกแทนเกอิชาของเขา แต่ก็จริงดังว่า มิชิโกะน่ะแต่งหน้าขาวราวหิมะเสียขนาดนั้น ถึงจะเป็นวัฒนธรรมของประเทศบ้านเกิดเธอก็เถอะ แต่คนอื่นๆไม่ได้อยู่ญี่ปุ่นเหมือนเธอนี่ การแต่งหน้าเช่นนั้นจึงดูแปลกตาสำหรับทุกๆคนไป
         ส่วนฉายาปิ้งไก่นี่ แจ๊คชินกับการถูกเรียกด้วยฉายานั้นแล้ว ถึงตอนแรกจะหงุดหงิดอยู่บ้างก็ตาม แหม…หมอกนะไม่ใช่ควันจากเตาบาร์บีคิว เรียกซะจากฆาตกรต่อเนื่องสุดสยองกลายเป็นพ่อค้าขายไก่ย่างข้างทางเชียวนะ

         วิ่ว…
         "…?"

         เสียงเล็กๆคล้ายเสียงลมพัดดังขึ้นข้างๆหู แจ๊ครู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นเสียงลมอย่างแน่นอน ยิ่งคฤหาสน์หลังนี้เป็นพื้นที่ปิด มันจะไปมีลมพัดได้อย่างไร
         เมื่อเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มในร่างเด็กหนุ่มจึงกวาดสายตามองหาต้นตอของเสียงนั้น จนพบกับจดหมายสีขาวประทับตราสีแดงวางอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แจ๊คมั่นใจว่าตอนแรกด้านหน้าเขามีเพียงจานและปลอกแขนแบบเดียวกับที่ทหารรับจ้างมักใช้ ไม่มีเจ้าจดหมายนี่วางอยู่ด้วย
         ดูเหมือนจะไม่มีใครมองเห็นจดหมายฉบับนี้นอกจากเขา ชายหนุ่มไม่รีรอที่จะเปิดจดหมายเพื่ออ่านเนื้อหาข้างใน และหวังให้มันช่วยอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้บ้าง

             สวัสดีแจ๊ค
             ผมGMเองนะ คือ… ผมรู้ว่าตอนนี้คุณคงงงงวยเป็นอย่างมากในการที่ต้องตื่นมาในร่างของนาอิบแบบนี้ ซึ่ง… ผมก็ต้องกราบขอโทษด้วย
             เมื่อคืนผมง่วงไปหน่อยจึงทำให้เขียนโค้ดผิดพลาด ส่งผลให้คุณทั้งสองสลับร่างกัน ตอนนี้คุณอยู่ในร่างนาอิบและนาอิบก็อยู่ในร่างคุณ
             ผมจะรีบแก้ไขปัญหานี้ให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้คุณคงต้องลงเล่นเกมไปก่อน เมื่อจบเกมนี้แล้วทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
             ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง
      –GM

         "เดี๋ยวนะ…" ชายหนุ่มพึมพำหลังอ่านจดหมายเสร็จ ดวงตาสีไพลินหรี่ลงมาเล็กน้อย

         นี่เขาต้องมาเล่นเป็นผู้รอดชีวิตงั้นเหรอ?
         แถมยังเป็นผู้รอดชีวิตที่เขาเคยไปยั่วโมโหบ่อยๆด้วย!?
         แล้วไอ้เจ้าผู้ริดชีวิตคนนั้นก็กำลังเล่นเป็นตัวเขาอยู่เนี่ยนะ!!

         "จบจากนี้แกไม่เหลือซากแน่…ไอ้GMเวร!"

      ……………………………………………………

         สิ่งแรกที่สัมผัสได้หลังเริ่มเกมคือไอเย็นความเย็นที่กระแทกไปทั่วร่างจนเผลอยกมือขึ้นมากอดตัวเองแน่น
         แจ๊คในร่างนาอิบมองไปรอบๆ กำแพงหินสีเทาตรงหน้าบ่งบอกได้ว่าเขาอยู่ในแมพโบสถ์ แมพที่เขาเล่นบ่อยจนแทบจะจำที่ตั้งของเครื่องปั่นไฟ เก้าอี้ประหาร รวมถึงจุดเกิดของหลุมหลบภัยได้หมดแล้ว

         ปกติมันหนาวขนาดนี้เชียว? หรือเพราะเราอยู่ในร่างหมอนี่กันนะ?

         เขาตั้งคำถามกับตัวเอง ทั้งที่ตอนนี้ตนก็ใส่ฮู้ดอยู่แท้ๆ แต่ดูเหมือนมันจะมีไว้กันแดดมากกว่ากันหนาว ส่งผลให้ไม่มีอะไรพอใช้ป้องกันความเย็นเหล่านี้ได้เลย
         แจ๊คไม่เคยรู้สึกว่าแมพมันจะหนาวเหน็บอะไรขนาดนี้มาก่อน อาจเพราะเขาเป็นฆาตกรก็ได้มั้ง แต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าจะเกี่ยว
         ช่างมันเถอะ สุดท้ายก็สรุปออกมาเป็นแบบนั้น…

         ชายหนุ่มจับจ้องไปทางเสาไฟสูงที่มีแสงสีเหลืองกระพริบถี่ๆตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเขาเท่าไหร่นัก แจ๊คมองมันก่อนสักครู่หนึ่งจึงค่อยเดินไปหาเครื่องปั่นไฟเครื่องนั้น
         รองเท้าบูทสีดำเหยียบลงบนพื้นหินหยาบช้าๆอย่างมั่นคง เสียงฝีเท้าดังเปันจังหวะต่อเนื่องเมื่อเริ่มออกเดิน

         มือบางบรรจงวางลงบนแป้นพิมพ์ นิ้วเรียวเริ่มรัวปุ่มต่างๆคีย์บอร์ดเพื่อดีโค้ดหรือถอดรหัสให้เสร็จสมบูรณ์ 
         แจ๊คยอมรับว่าตนไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน…และก็ไม่เคยคิดจะทำด้วย เดิมทีตัวละครทหารจับจ้างก็ถอดรหัสได้เชื่องช้าอยู่แล้ว พอมาบวกกับแจ๊คที่ทั้งชีวิตเพิ่งได้ลองถอดรหัสเป็นครั้งแรก… การดีโค้ดจึงดำเนินไปอย่างช้าๆจนสล็อตแทบจะเป็นตะคริว

         ยิ่งเมื่อยืนถอดรหัสอยู่ได้สักพัก ควันสีขาวก็ค่อยๆปรากฎขึ้นทีละน้อยจนก่อตัวเป็นหมอกหนาบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นไปจนเกือบหมด
         และนั่นก็ทำให้แจ๊ครู้ได้ในทันทีว่าใครเป็นฆาตกร…

         บึ้ม!
         เสียงระเบิดดังก้อง เกิดประกายไฟขึ้นเล็กน้อยจนต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าเพื่อป้องกันตัวเอง
         สาเหตุที่เครื่องระเบิดก็คงหนีไม่พ้นหมอกพวกนี้แหละ ที่ทำให้เขามองแป้นพิมพ์ผิดจนถอดรหัสพลาด

         เฮ้ยๆ…ปกติก็ดีโค้ดช้าเป็นเต่าคลานอยู่แล้ว เครื่องระเบิดแบบนี้มันก็ยิ่งช้าน่ะสิ!!
         ชายหนุ่มได้แต่โวยวายในใจ แต่ก็ว่าอะไรใครไม่ได้ในเมื่อเขาเป็นคนถอดรหัสพลาดจนเครื่องระเบิดเอง

         ตึกตัก ตึกตัก
         เสียงหัวใจเต้นเริ่มดับกว่าปกติ เกิดรอยบางอย่างคล้ายรูปหัวใจสีแดงสดบริเวณกลางอก ความกดดันอันไร้ที่มาเริ่มถาโถมเข้าสู่ตัวจนหายใจติดขัด ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่อัตราการเต้นของหัวใจก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น เพิ่มมากเสียจน…ราวกับหัวใจจะหลุดออกมา

         เพราะแมพโบสถ์เป็นแมพเล็กๆไม่ใช่แมพใหญ่อย่างแมพท่าเรือ
         การทำอะไรที่ส่งสัญญาณไปให้ฆาตกรได้รู้ จึงถือเป็นการฆ่าตัวตายง่ายๆทางหนึ่ง
         หรือก็คือ เพราะแมพเล็ก ต่อให้ฆาตกรจะอยู่ไกลแค่ไหน อดทนรอเพียงไม่กี่อึดใจเดี๋ยวเขาก็หาคุณเจอ…

         ชายหนุ่มละสายตาจากเครื่องถอดรหัสในทันที สองขาวิ่งไปหาแผ่นไม้เล็กๆที่วางพิงอยู่ระหว่างหินขนาดใหญ่สองก้อน เพื่อเตรียมพร้อมในการวิ่งจู๊คหนีจากฆาตกร

         ตึก…ตึก…
         หากเงี่ยหูฟังดีๆ จะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆอยู่ข้างๆหู
         เป็นเสียงที่แสดงถึงความมั่นใจ ประสงค์ร้าย และ…
         โกรธเคือง

         เผลอเพียงชั่ววินาทีเดียว ใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ถูกอาบย้อมตัวแสงสว่างสีแดงฉานโดยไม่ทันตั้งตัว
         ตึกตัก…
         เพราอยู่ใกล้มาก...หัวใจของเขากำลังเต้นแรงเสียจนสั่นไปทั้งร่าง

         โครม!
         ชายหนุ่มผลักแผ่นไม้ล้มลงมาในทันทีที่รู้สึกตัวว่าฆาตกรอยู่ตรงหน้า แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะถอยหลังหลบได้ทันทำให้ไม่โดนสตั๊น
         แจ๊คไม่สนใจว่าฆาตกรจะโดนสตั๊นหรือไม่ เขาวิ่งฉีกออกไปอีกทางเพื่อไปหาจุดจู๊คที่ดีกว่านี้
         ฆาตกรในร่างผู้รอดชีวิตหันกลับมาเพื่อเช็คดูว่าแจ๊คยังตามมาอยู่ไหม
         ไม่สิ… จะเรียกแจ๊คก็ไม่ถูก
         เรียกนาอิบน่าจะดูถูกต้องกว่า

         หนีตัวเองนี่มันรู้สึกแปลกๆแฮะ
         ชายหนุ่มนึกในใจ พลางกระโดดข้ามกรอบหน้าต่างเพื่อหลบการโจมตีของฆาตกรในหน้ากากสีขาว

         ฉึก!
         ปลายเล็บแหลมตวัดลงที่แผ่นหลังของผู้รอดชีวิต มันอาจไม่กลายเป็นแผลลึกน่ากลัวอะไร แต่ก็ทำให้มีเลือดไหลซึมออกมาจากปากแผลได้
         แจ๊คหันหลังกลับไปมองฆาตกรที่กำลังสะบัดมือเพื่อเช็ดเลือดที่ติดอยู่บนปลายนิ้ว ดวงตาสีฟ้าไพลินฉายแววตกใจชัดเจน

         มันตีไกลขนาดนี้เลยเหรอ!?
         ทั้งที่กระโดดข้ามหน้าต่างมาได้แล้วแท้ๆ แต่กลับยังโดนตีจนขึ้นสถานะบาดเจ็บได้
         เล่นฆาตกรมาทั้งชีวิตแจ๊คคิดมาตลอดว่าการโจมตีของเขามันสั้นเหลือเกิน แต่พอได้มาเป็นผู้รอดชีวิตดูบ้าง ทำให้รู้เลยว่าจริงๆแล้วการโจมตีของเขาไกลขนาดไหน
         หากไม่นับเฮียหมึกที่เพิ่งเข้าใหม่สดๆร้อนๆ แจ๊คคือฆาตกรที่มีระยะการโจมตีไกลที่สุดเลยก็ว่าได้ คงเพราะกรงเล็บอันแหลมคมของเขาที่ยาวมาจนถึงเข่านั่นล่ะมั้ง
         นี่ยังไม่ได้พูดถึงการชาร์จแล้วตีนะ…ลองกดโจมตีค้างแล้วปล่อยสิ อื้อหือ RIPล่วงหน้า

         ร่างกายของผู้รอดชีวิตตอบสนองอัตโนมัติเมื่อถูกโจมตี ความเจ็บปวดและความกดดันในสถานการณ์ที่คับขันทำให้อะดรีนาลีนในตัวฉูบฉีดและออกแรงพุ่งตัวไปด้านหน้าเพื่อป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายใดๆที่กำลังใกล้เข้ามา
         ชายหนุ่มวิ่งกลับไปทางแผ่นไม่เดิมที่ตนเคยล้มไว้ กระโดดสไลด์ตัวข้ามมันมาได้หวุดหวิดจนเกือบโดนเล็บขาวๆนั่นฟาดเป็นครั้งที่สอง

         "จะหนีไปไหนน่ะ? นายไม่อยากให้เกมนี้จบเร็วๆเหรอ"
         เสียงทุ้มถูกเอ่ยขึ้นเบาๆพอให้ได้ยิน ฆาตกรสวมหน้ากากจ้องมองไปยังร่างบางของผู้รอดชีวิตที่พยายามวิ่งหนีเขาอยู่ นาอิบแปลกใจเล็กน้อยที่ยังไม่เห็นแจ๊คใช้ความสามารถของปลอกแขนคู่ใจเขาเลยสักครั้ง
         เอาเถอะ… คงใช้ไม่เป็นแหละมั้ง
         เด็กหนุ่มสรุปเช่นนั้น

         โครม!
         แผ่นไม้ถูกดึงลงมากันทางไม่ให้ฆาตกรเดินผ่าน

         "พูดอะไรแบบนั้นล่ะครับคุณชาเขียว" มุมปากของแจ๊คขยับวาดเป็นรอยยิ้มอ่อนๆแต่กลับบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด "ผมไม่ใช่มาโซนะครับ"
         "อ๋อเรอะ ลืมไปว่านายมันS" นาอิบตอบหน้าตาย น้ำเสียงไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรเหมือนอย่างทุกครั้งที่คุยกัน

         เสียงหอบหายใจถี่รัวของผู้รอดชีวิตที่บาดเจ็บเพียงหนึ่งเดียวในเกมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แผ่นไม้น้อยๆที่เป็นที่พักพิงชั้นดีของผู้รอดชีวิตถูกใช้ไปแผ่นแล้วแผ่นเล่า และเมื่อล้มไม้ลงได้ อีกไม่นานไม้เหล่านั้นก็จะถูกพังทิ้งจนไม่เหลือซาก

         พรึ่บ!
         แสงไฟสองดวงสว่างวาบขึ้นมาพร้อมกันไม่ไกลจากจุดที่พวกเขาอยู่เท่าไรนัก เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีคนถอดรหัสเสร็จแล้วถึงสองเครื่องในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน

         "ถอดรหัสกันเร็วดีจริง" แจ๊คพึมพำ มิน่าล่ะตอนเล่นเป็นฆาตกรเผลอแปปๆเครื่องถอดรหัสหายไปเป็นแถบๆ นี่ขนาดไม่มีเจ้าทนายมาลงเล่นด้วยนะเนี่ย
         "คุณไปไล่คนอื่นบ้างไม่ดีกว่าเหรอครับ" เขาถามเด็กหนุ่มที่เดินตามหลังมาโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าอีกฝ่าย หันไปตอนนี้เขาก็ตายน่ะสิ…

         ผัวะ!
         "ไม่ต้องมาใช้ภาษาสุภาพเลย ขนลุก"
         นาอิบตอบพลางสะบัดข้อมือหลังจากโจมตีพลาดไปโดนก้อนหินที่ขวางทาง เด็กหนุ่มแอบทึ่งเมื่อเห็นแจ๊คสามารถวิ่งจู๊คได้นานขนาดนี้ มันน่ามหัศจรรย์มากสำหรับคนเพิ่งเคยจู๊คครั้งแรกที่จะล่อฆาตกรได้จนเพื่อนร่วมทีมถอดรหัสเสร็จไปหลายๆเครื่องเช่นนี้
         "อีกอย่าง ฉันไม่คิดจะทำร้ายเพื่อนหรอกนะ"

         "หูย ใจดีไปอีก" แจ๊คเอ่ยปากขณะกระโดดข้ามกรอบหน้าต่างบานเล็กๆ จากเลือดที่เคยซึมออกมาจากบาดแผลเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับการรักษาเสียทีแผลเล็กๆนั่นจึงเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นจนเลือดไหลเป็นทางยาว ง่ายต่อการตามหาตัว

         "แล้วผมไม่ใช่เพื่อนคุณหรือครับถึงได้ตามฆ่ากันขนาดนี้" ชายหนุ่มถามออกไป คำถามที่ถึงรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็ยังจะถามออกไป
         "โทษที ฉันไม่เคยมองนายเป็นเพื่อน" นั่นไงล่ะ คำตอบที่เดาได้ง่ายๆถูกเอ่ยออกมาแล้ว

         "อ๋อ ไม่เคยมองเป็นเพื่อน แต่เป็นมากกว่านั้นใช่ไหมครั—"

         ฉึก!!
         Terror shock!

         ตุบ...
         ร่างเล็กๆภายใต้ฮู้ดสีเขียวสะดุดตาล้มลงกับพื้นทั้งที่ยังข้ามแผ่นไม่เสร็จดี ทั้งที่คิดว่าอยู่ห่างมากแล้วแท้ๆยังจะตีโดนอีกเหรอเนี่ย

         "ลองพูดอีกทีสิ ฉันจะฆ่านายซะตอนนี้โดยไม่ต้องพาไปนั่งเก้าอี้ประหารเลยคอยดู" 
         แผ่นไม้ถูกพังลงด้วยกรงเล็บเจ้าของฉายาThe Ripper ฆาตกรในหน้ากากขาวก้มลงมองผุ้รอดชีวิตที่ถูกโจมตีจนกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปหมด

         "อะ…อะไรกันครับ? แค่ผม…พูดแค่นี้คุณก็…จะฆ่ากันเลยเหรอ… แค่ก!"
         ถึงจะโดนโจมตีจนล้มลงไปนอนกับพื้นปูน แจ๊คก็ยังพยายามจะพูดคุยยั่วโมโหอีกฝ่ายให้ได้ แม้จะพูดไม่ค่อยได้เพราะความเจ็บปวดที่ถาโถมใส่ร่างก็ตาม

         "ถ้าแค่พูดยังไม่ไหวก็อย่าซ่า"
         นาอิบอุ้มร่างของผู้รอดชีวิตขึ้นจากพื้น แจ๊คที่กำลังดิ้นไปมาเพื่อกันไม่ให้ตนถูกพาไปยังเก้าอี้ประหารแอบนึกในใจว่าทำไมวันนี้นาอิบของเราโหดจัง…

         "สะ…เสียใจด้วยครับ… เก้าอี้แถวนี้… อะ…เอ็มม่าทำลายทิ้งไปหมดแล้ว…ล่ะครับ"
         "บอกว่าถ้าพูดไม่ไหวก็อย่าซ่า"

         ตุบ…
         ร่างบางถูกวางลงกับพื้น แจ๊คแปลกใจเล็กน้อยแต่คิดว่าคงเป็นเพราะนาอิบคิดอยากให้เขาแห้งตายอยู่ตรงนี้ดีกว่าวิ่งวุ่นหาเก้าอี้ประหารที่ยังไม่ถูกทำลายไปทั่วแมพล่ะมั้งนะ
         "ละ...ลืมไปแล้วเหรอครับ…ว่า...ผมมีเปิร์ค…ละ...ลุกเองน่ะ"
         "ชื่อเปิร์คก็จำไม่ได้เนอะ" 

         นาอิบว่าขณะที่เดินไปยังเก้าอี้ประหารที่ถูกพังจนใช้การไม่ได้ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะลงมือจัดแจงซ่อมมันจนกลับไปอยู่ในสภาพเดิม

         เฮ้ย…มันเอาซ่อมเก้าอี้มา…
         แจ๊คนึกในใจด้วยความตื่นตระหนก เอาแล้ว…เขาคงได้ไปสบายก่อนใครคนอื่นแล้วล่ะนะ

         แต่แทนที่นาอิบจะเดินมาอุ้มแจ๊คแล้วจับนั่งลงที่เก้าอี้ประหาร เขากลับเดินเลี้ยวไปที่กล่องสีแดงข้างๆจุดที่ชายหนุ่มนอนอยู่ กล่องใบนั้นถูกเปิดอ้าค้างไว้ แสดงว่าเคยมีคนมาค้นมันก่อนแล้วแต่กลับไม่ได้เอาของที่ค้นเจอไป
         เข็มฉีดยาหลอดเล็กๆบรรจุของเหลวสีแดงใสไว้ภายในถูกวางอยู่นอกกล่องและยังไม่มีใครมาเก็บไป คนที่ค้นกล่องนี้คงค้นเพื่อเอาแต้มไม่ก็กะจะเก็บเจ้าเข็มฉีดยานี่ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
         นาอิบถือหยิบเข็มฉีดยาเล็กๆนั่นขึ้นมา ก่อนจะหันไปหาแจ๊ค

         "คุณ…?"
         "คนเจ็บอย่าพูดมาก"

         ของเหลวสีแดงค่อยๆถูกฉีดเข้าร่างกายของผู้รอดชีวิตทีละนิดจนหมดหลอด เท่านั้นบังไม่พอ นาอิบคว้าเอาผ้าพันแผลสีขาวสะอาดมาพันบริเวณหลังซึ่งเต็มไปด้วยรอยถูกของมีคมแทงอย่างเบามือ
         เลือดที่เคยไหลรินรางเปิดก๊อกค่อยๆหยุด ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าของแจ๊คค่อยๆหายไป สถานะของชายหนุ่มกลับไปเป็นปกติอีกครั้งเหมือนไม่เคยถูกโจมตีมาก่อน

         "คุณทำอะไรน่ะครับ?"
         "ตอบแทนที่เคยพาไปลงหลุมตั้งหลายเกม แถมพอเห็นนายพูดติดๆขัดๆแล้วมันรู้สึกไม่ชอบใจ"

         แจ๊คกระพริบตาติดกันสามครั้งเหมือนไม่มั่นใจว่านี่เรื่องจริง นาอิบช่วยฮีลเขาเนี่ยนะ? บ้าไปแล้ว สมองของหมอนั่นต้องได้รับการกระทบกระเทือนขั้นรุนแรงเป็นแน่
         แจ๊คยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ดวงตาสีฟ้าราวอัญมณีจับจ้องไปยังใบหน้าของฆาตกรหนุ่ม แต่เพราะสวมหน้ากากสีขาวปกปิดใบหน้าทำให้แจ๊คไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหน
         ชายหนุ่มพยายามมองลึกลงไปในดวงตาสีรัตติกาลที่โผล่ให้เห็นผ่านรูเล็กๆของหน้ากาก แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้นาอิบรู้สึกยังไง

         นาอิบน่ะ ตอนเป็นผู้รอดชีวิตก็เป็นคนดี ช่วยล่อฆาตกรให้เพื่อนคนอื่น ทั้งที่เป็นหน้าที่ที่เสี่ยงที่สุดแท้ๆ แต่กลับทำมันด้วยความเต็มใจ
         แล้วพอมาเป็นฆาตกรเด็กหนุ่มคนนี้ก็ยังคงช่วยเหลือคนอื่นๆแม้กระทั่งกับเขา…ที่เคยเป็นถึงฆาตกรที่ตามล่าตัวนาอิบเองก็ตาม

         "คุณนี่น่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ"
         ถึงจะไม่รู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่แจ๊คก็พูดออกไปแบบนั้น

         ฟุ่บ!
         เอ๊ะ…!?

         รู้สึกได้ว่าเสียศูนย์ไปช่วงหนึ่ง ราวกับลอยอยู่กลางอากาศอยู่สักพัก 
         โดยไม่ทันตั้งตัวแรงกระชากบริเวณแขนทำให้แจ๊คเซไปตามแรงนั้นอย่างง่ายดาย

         ตุบ!
         เอี๊ยด…
         แกรก…แกรก…

         หะ…หา? เดี๋ยวนะ... เดี๋ยวววว!!
         รู้สึกเหมือนถูกโยนมาที่ไหนสักที่ ที่ที่มีสัมผัสนุ่มๆคล้ายเบาะอะไรสักอย่าง พร้อมเสียงเอี๊ยดๆอย่างไม้กระทบกันและเสียงสุดท้ายดังแกรกติดกันสองครั้งเหมือนเวลาล๊อคกุญแจเหล็ก
         ใช่…แจ๊คถูกจับนั่งเก้าอี้ประหาร

         "ได้ไงกันครับ!? ผมก็ไม่ได้อยู่ในสถานะล้มสักหน่อยนี่!"
         ชายหนุ่มออกแรงดิ้นไปมาบนเก้าอี้สีแดงทันทีหวังให้ไอ้ลวดหนามนี่หลุดออกไปจากตัวแต่ก็ไม่สำเร็จ

         "ช่วยไม่ได้ ฮีลแล้วไม่หนีเอง" นาอิบยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เด็กหนุ่มเดินเข้าประชิดเก้าอี้ประหารที่แจ๊คนั่งอยู่ โน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าของผู้รอดชีวิต

         "ตอนแรกว่าจะปล่อยแล้วแท้ๆ นายทำฉันเปลี่ยนใจเองนะ"

         วันนี้มันโหดและกวนตีนขึ้นจริงๆว่ะ…
         เป็นไม่กี่ครั้งที่แจ๊คจะหลุดคำหยาบออกมาแบบนี้…

         นาอิบย่อตัวลงข้างๆแจ๊คที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีแดง ดวงตาภายใต้หน้ากากยาวสบเข้ากับดวงตาของอีกฝ่ายไม่หันหนี
         "อะไรกันครับ นี่คุณจะแก้แค้นหรือไง"
         แจ๊คยิ้มแห้งๆเมื่อรู้ตัวว่าฆาตกรคนนี้คิดจะเฝ้าเหมือนที่ตนเคยแกล้งนาอิบแบบนี้บ่อยๆ
         "ไม่ได้เฝ้าสักหน่อย แค่อยากมองหน้านายนานๆ" นาอิบหัวเราะในลำคอ ส่วนแจ๊คได้แต่ก้มหน้าเมื่อถูกตอบกลับด้วยประโยคที่ตัวเองเคยใช้บ่อยๆตอนเฝ้าอดีตทหารรับจ้าง
         เวรกรรมตามทันแล้วสินะเรา…

         "ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าทำไมต้องใส่หน้ากาก"
         "เอ๊ะ?"

         เมื่อนาอิบเปิดบทสนทนามาแบบนั้นทำเอาแจ๊คงงไปชั่วขณะ "ทำไมต้องใส่หน้ากาก… อยู่ๆคุณถามอะไรน่ะครับ?"
         "ก็เหมือนที่นายถามฉันว่าทำไมต้องสวมฮู้ดนั่นแหละ" เด็กหนุ่มสวนทันที "ฉันไม่คิดว่าหน้านายจะแย่จนต้องปิดไว้นี่นา"
         "พูดแบบนี้แปลว่ายอมรับว่าผมหล่อ?"
         "พูดแบบนี้แปลว่าอยากตาย?"

         "ฮะๆ ผมอยู่บนเก้าอี้ประหารอย่างนี้แล้ว ก็ถือว่าตายไปครึ่งหนึ่งแล้วนี่ครับ" แจ๊คหัวเราะเบาๆ การถูกจับนั่งบนเก้าอี้ประหารติดจรวดนี่ ถึงยังมีโอกาสรอดแต่ก็ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว เพราะคุณอาจไม่มีโอกาสรอดอีกเป็นครั้งที่สองก็ได้
         …เกมนี้ไม่สามารถฆ่ากันโดยปราศจากเก้าอี้เหล่านี้ได้…

         "เฮ้อ…"
         เด็กหนุ่มถอนหายใจแรงๆ

         "จริงๆแล้วนายก็ต่อล้อต่อเถียงไม่เบาเหมือนกันนี่นา" เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆ ดวงตาภายใต้หน้ากากขาวจ้องมองร่างของตนที่นั่งอยู่
         "พอดีติดมาจากใครบางคนแถวนี้น่ะครับ" แม้ตัวเองจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ประหารแต่ดูเหมือนแจ๊คจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเท่าไหร่ เขายังคงยิ้มอ่อนๆและพูดคุยโต้ตอบกับนาอิบซึ่งเป็นฆาตกรในขณะนี้ได้สบายๆ

         Don't rescue me!
         ข้อความสั้นๆถูกส่งไปให้เพื่อนร่วมทีมทุกคนรับรู้เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาช่วยเขาจริงๆ

         "นายอยากตายขนาดนั้นเลย?" นาอิบเลิกคิ้วเล็กน้อยกับการกระทำของคนตรงหน้า
         "คงงั้นมั้งครับ" แจ๊คหัวเราะเบาๆ "ผมอยากอยู่กับคุณต่ออีกหน่อยน่ะ"

         "สมองนายได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง? ตอนนี้นายคือผู้รอดชีวิตนะไม่ใช่ฮันเตอร์ มีผู้รอดชีวิตคนไหนอยากอยู่ใกล้ฮันเตอร์บ้าง?"
         "แต่จบเกมนี่ผมก็กลับไปเป็นฮันเตอร์เหมือนเดิมนะครับ"
         "นายอาจมีโอกาสเป็นผู้รอดชีวิตแค่ครั้งเดียวเองนะ ไม่อยากลองวิ่งหนีให้เต็มทีหน่อยหรือไง?"
         "ทีคุณยังไม่ไล่ฆ่าอย่างเต็มที่เลยนี่"

         มีความยอกย้อน…
         ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่นาอิบรู้เหมือนกำลังเถียงกับตัวเองยังไงชอบกลแถมยังรู้สึกว่าตัวเองเริ่มใช้คำพูดคล้ายแจ๊คมากขึ้นทุกวันอีกต่างหาก นี่มันแค่สลับร่างหรือสลับจิตใจไปด้วยกันแน่เนี่ย!

         "อา... เอาเถอะ ยังไงซะเถียงกับนายไปก็เหนื่อยเปล่า" นาอิบถอนหายใจเบาๆ ทุกครั้งที่เขากับแจ๊คมีบทสนทนาร่วมกันมันไม่เคยจบลงได้ดีสักครั้ง
         นาอิบนั่งลงกับพื้นแข็งๆตรงหน้าเก้าอี้ประหารที่แจ๊คนั่งอยู่ ดวงตาของทั้งคู่สบกันอยู่นาน
         "คุณทำอะไรน่ะครับ?"
         "เมื่อย"
         ". . ."
         แจ๊คถึงกับกินจุดกับคำตอบของอีกฝ่าย แน่นอนว่าที่นาอิบนั่งลงไม่ใช่เพราะเมื่อยอย่างที่บอกแน่ๆ หมอนี่จงใจกวนเขาอยู่ชัดๆ
         แจ๊คเหลือบไปเห็นว่าด้านหลังของฮันเตอร์มีร่างในชุดสีฟ้ายืนอยู่ใกล้ๆแผ่นไม้เพื่อรอจังหวะเจ้ามาช่วยเขาจากเก้าอี้ประหาร ชายหนุ่มลืมไปว่ามันมีผู้รอดชีวิตจำพวกไม่ว่ายังไงก็จะช่วยเพื่อนให้ได้อยู่ ซึ่งดูเหมือนเคิร์ธจะเป็นหนึ่งในนั้น

         Don't rescue me! 
         แจ๊คส่งข้อความเน้นย้ำไปอีกว่าไม่ต้องเข้ามาช่วย แต่ดูเหมือนนักสำรวจคนนี้จะไม่ฟังเอาเสียเลย

         "อยากเห็นหน้านายจังแฮะ"
         จู่ๆนาอิบก็พูดสิ่งที่เจ้าตัวไม่น่าจะพูดออกมา ทำให้เคิร์ธที่ไม่รู้เรื่องที่พวกเขาสลับร่างกันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
         "ตอนนี้ร่างนายก็เป็นของฉันไปแล้ว งั้นฉันจะทำอะไรก็ได้ถูกไหม" มือข้างที่ปราศจากกรงเล็บถูกยกขึ้นมาสัมผัสหน้ากากสีขาวที่ปิดบังใบหน้าของฮันเตอร์อยู่และค่อยๆออกแรงขยับหน้ากากนั่นช้าๆ
         ใบหน้าภายใต้หน้ากากถูกเผยให้เห็นทีละน้อย นาอิบยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจที่ได้เอาคืนคนตรงหน้าเสียบ้าง


         "เฮ้! หยุดนะ!"
         จากที่แจ๊คนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยปราศจากการดื้นรนขัดขืนใดๆ เขาเริ่มพยายามดิ้นไปดิ้นมาแล้ว อยากจะเอื้อมมือไปจับคนตรงหน้าแล้วสั่งให้หยุดแต่ก็ทำไม่ได้ อยากจะลุกออกไปหยุดสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะทำแต่ก็ทำไม่ได้

         แจ๊คจะไม่ว่าอะไรเลยถ้านาอิบถอดหน้ากากเขาออกตอนที่อยู่ด้วยกันแค่สองคน เนื่องจากที่นี่ไม่มีกระจก ไม่ว่าอย่างไรนาอิบก็ไม่สามารถเห็นหน้าจริงๆของเขาได้ และแน่นอนว่าเขาเคยเห็นหน้าของตัวเองมาก่อนอยู่แล้วมันจึงไม่มีผลอะไร
         แต่ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยล่ะก็...

         ตึกตักตึกตัก
         เสียงหัวใจ...มันดังกว่าปกติหรือเปล่านะ?


         It's not safe! get away from me!
         แจ๊คส่งข้อความเน้นไปอีกครั้งว่าให้ทุกคนออกไปให้ห่างจากเขาซะ

         ดวงตาสีฟ้าพยายามสื่อสารทางสายตาให้นักสำราจคนนั้นออกไปไกลๆ ดวงตาของแจ๊คฉายแววน่ากลัวมากเสียจนเคิร์ธสะดุ้งโหยง

         ตอนนี้ชายหนุ่มอยากจะบีบคอผู้รอดชีวิตที่ไม่รู้เรื่องอะไรคนนี้เสียเดี๋ยวนี้ ถ้าเป็นไปได้จบเกมนี้เมื่อไหร่เขาจะฆ่าหมอนี่อย่างทารุณที่สุดเท่าที่จะทำได้

         แต่เคิร์ธดูจะไม่ทำตามที่แจ๊คต้องการ เขาทำท่าเหมือนจะวิ่งเข้ามาช่วยอีกต่างหาก


         "ไม่ต้องมาช่วย!!"

         แจ๊คตะโกนบอก เขารู้ว่านาอิบจงใจจะถอดหน้ากากของเขาต่อหน้าผู้รอดชีวิตคนอื่น ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้ทำแบบนั้นอย่างแน่นอน ไม่ว่ายังไงก็ตาม


         ไม่ได้!

         ไม่ว่าจะใครก็ไม่ยอมให้เห็นหน้าหรอก!!


         เคิร์ธวิ่งเข้ามาช่วยทั้งที่แจ๊คไม่ต้องการและไม่เคยต้องการความช่วยเหลือแบบนี้เลยสักนิด นาอิบที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงเพื่อนคนนี้ก็ต้องวิ่งเข้ามาช่วยยอมปล่อยให้เหยื่อของตนหลุดรอดไปได้

         แต่ก็ต้องแลกกับบางอย่าง


         วินาทีที่ลวดหนามรอบตัวถูกดึงออกจนได้รับอิสระกลับมาอีกครั้งเป็นวินาทีเดียวกับที่หน้ากากสีขาวที่เคยปกปิดใบหน้าของฆาตกรคนนี้ถูกถอดออก

         จนเผยให้เห็นใบหน้าที่แจ๊คไม่อยากให้ใครเห็น


         ไม่! ไม่ได้!

         ขอแค่เรื่องนี้เท่านั้น!!


         แม้แต่ฆาตกรด้วยกันแจ๊คยังไม่เคยยอมให้ใครเห็นหน้าของเขามาก่อน ไม่ว่ายังไงก็ไม่ให้เห็นเด็ดขาด ขอแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่จะยอมให้ไม่ได้

         แต่ไอ้เจ้าบ้านี่กลับ


         "บอกว่าไม่ต้องมาช่วยไง!!"


         ฟุ่บ!

         ร่างของนักสำรวจหนุ่มถูกกระชากอย่างแรงจนเซ แรงของแจ๊คที่คว้าเอาคอเสื้อของเคิร์ธมาทำให้เสื้อสีฟ้าของเขายับยู่ยี่ไม่หมด

         "นาอิบ?" เคิร์ธพึมพำด้วยความตกใจกับการกระทำของเพื่อนร่วมทีม

         "ฉันไม่ใช่นาอิบ!!" แจ๊คตวาดเสียงดังด้วยความโกรธ ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเรื่องง่ายๆแค่นี้เลยนะ? ทำไมต้องทำให้มันกลายเป็นเรื่องขึ้นมาด้วยนะ?

         ทั้งที่เรื่องสลับร่างบ้าๆนี่น่ะขอแค่จบแมชท์นี้เรื่องมันก็จบแล้วแท้ๆ!!


         "พอเถอะ!"

         เป็นนาอิบที่ตะโกนขัดขึ้นมา

         "ปล่อยเพื่อนฉันแจ๊ค" นาอิบว่าต่อ เมื่อเห็นท่าทางโมโหของแจ๊คเขาก็ยอมรีบสวมหน้ากากกลับไปเหมือนอย่างเดิม บางทีเขาอาจจะล้ำเส้นเกินไปแล้วก็ได้

         "หึ! ก็ได้ครับ" ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม น้ำเสียงของเขาฟังดูเย็นชากว่าปกติ


         ผลัก!

         เขาผลักร่างของเคิร์ธออกไปไกลๆอย่างไม่ใส่ใจ แจ๊คสบตากับนาอิบเล็กน้อย

         "ขอโทษที่ไปยุ่งเรื่องของคุณ" เสียงของเขาดูแข็งกระด้างจนน่าตกใจ "ต่อไปนี้ผมจะไม่ยุ่งอะไรกับคุณอีกแล้วครับ คุณนาอิบ"

         "เดี๋ยว!"


         แจ๊คไม่เคยเรียกเด็กหนุ่มว่านาอิบ

         นาอิบไม่เคยได้ยินแจ๊คเรียกชื่อตนเองเลยสักครั้ง ทั้งที่เขาก็เรียกชายหนุ่มว่าแจ๊คแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เรียกชื่อเขาเสียที แต่กลับใช้สรรพนามแทนว่าคุณมาตลอด

         และนั่นก็ทำให้รู้สึกห่างเหินแบบแปลกๆ


         จริงอยู่นาอิบอยากให้แจ๊คเรียกชื่อเขาบ้าง

         แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้!



         "เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว!"

         เด็กหนุ่มพยายามตะโกนรั้งผู้รอดชีวิตในฮู้ดสีเขียวไว้ แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจเขาเลย แจ๊คเดินตรงไปด้านหน้าโดยไม่คิดจะหันกลับมามองหน้าเขาแม้สักนิด

         "แจ๊ค!"


         แม้จะพยายามเดินตามสักเท่าไหร่ แต่เมื่อใกล้จะถึงตัวแล้วแจ๊คก็จะใช้สกิลติดตัวพุ่งตัวออกไปจากเขาเสมอ

         ทั้งที่อีกนิดเดียวก็คว้าได้แล้วแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับDashผ่านไปเสียอย่างนั้นเป็นแบบนี้ติดกันสี่รอบห้ารอบหกรอบ


         อยากจะขอโทษ

         แต่อีกใจก็คิดว่ามันไม่แฟร์


         ทำไมก่อนหน้านี้แจ๊คสามารถแกล้งเขาแรงๆได้? แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงเอาคืนบ้างไม่ได้?

         ทำไมเขาต้องขอโทษในเมื่อแจ๊คไม่เคยขอโทษเขาเลย?


         อาไม่สิ เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก

         จะยอมให้วันหนึ่งก็แล้วกัน



         หมับ


         "ขอโทษนะ"

      แขนเรียวคว้าเอาตัวคนตรงหน้ามากอด ใบหน้าของผู้รอดชีวิตซบกับอกของฆาตกร นาอิบยกมือขึ้นมาลูบหัวของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา



         ทั้งแจ๊คทั้งนาอิบ ลึกลงไปในใจของทั้งคู่ต่างโหยหาอะไรบางอย่างอยู่เช่นกัน

         โหยหาบางคนเพื่อมาเติมเต็มบางอย่าง

         บางอย่างที่ไม่ำด้รับมานานจนแทบจะลืมเลือนไป


         "นายไม่ชอบใช่มั้ย งั้นฉันจะไม่ทำอีกแล้ว" เด็กหนุ่มกระซิบข้างๆหูของคนที่อยู่ในอ้อมแขน เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น วางบนข้างที่ไม่มีอาวุธลงบนฮู้ดสีเขียวคล้ายชาญี่ปุ่นที่ตนมักสวมอยู่ประจำ

         แจ๊คไม่ตอบโต้อะไร เขาไม่ได้ปัดมือนั้นออก ไม่ได้พยายามดิ้นให้หลุดจากตรงนี้

         "ปล่อย…" เสียงอันแผ่วเบาลอดออกมาจากริมฝีปากบาง


         "ไม่ ไม่ปล่อย"

         นาอิบยิ้มอ่อนๆ แม้จะรู้ว่าแจ๊คไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเขากำลังยิ้มให้อีกฝ่ายอยู่ก็ตาม เขาใช้มือสัมผัสกับฮู้ดแล้วค่อยๆดึงมันลงมาอย่างช้าๆและนุ่มนวล

         เผยให้เห็นเส้นผมสีน้ำตาลสวยที่มักถูกซ่อนไว้ภายใต้ฮู้ดตัวนี้ตลอดเวลา...

         "ตอนนี้ก็เท่าเทียมกันแล้วนะ"

         "อา…"



         ตึกตัก...

         เสียงหัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนทุกครั้ง

         บางทีเขาก็สงสัยเหมือนกันว่า

         หัวใจนี่มันเต้นแรงเพียงเพราะอยู่ใกล้ฮันเตอร์จริงๆน่ะหรือ?


         เด็กหนุ่มรั้งสะโพกของขึ้นฝ่ายให้แนบตัวมากขึ้น แจ๊คก้มหน้าลงเหมือนไม่อยากสบตากับเขาอย่างไรอย่างนั้น

         "คุณรู้ไหม…" ชายหนุ่มเริ่มขยับตัว เขาค่อยๆโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่าย จนใบหน้าของทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน แจ๊คค่อยๆขยับใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นทีละนิดๆจนในที่สุด

         "คุณน่ะเป็นคนแรกเลยนะ…"

         ริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสกัน



         อาจไม่สามารถบอกว่านี่คือจูบได้เต็มปาก เพราะมีหน้ากากบางๆคั่นกลางระหว่างทั้งสองทำให้ริมฝีปากไม่ได้ประกบกันดี

         แต่ถึงจะไม่ได้สัมผัส

         ก็แต่รู้สึกได้


         รู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มและอบอุ่น

         รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนและนุ่มนวล

         รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เฝ้ารอและโหยหามานาน


         บางสิ่งที่เรียกว่า

         ความรัก


         แจ๊คละริมฝีปากออก เด็กหนุ่มได้แต่นิ่งค้างไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้

         ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม มือบางสัมผัสกับหน้ากากสีขาวที่ถูกสวมอยู่ก่อนจะค่อยๆขยับมันออก

         "ถ้าเป็นนาอิบล่ะก็" แจ๊คเอ่ยเสียงแผ่ว "จะยอมให้เห็นก็ได้"


         หน้ากากสีขาวร่วงหล่นลงกับพื้น

         ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากากดูดหมือนจะทำอะไรไม่ถูก ผมสีดำนิลลงมาตามใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนลูกมะเขือเทศ ดวงตาสีทองที่ควรฉายแววน่ากลัวกลับอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

         แจ๊คยิ้มอ่อนๆให้ถาพที่เห็นตรงหน้า

         ถึงจะรู้สึกแปลกๆเพราะมันเป็นร่างกายของเขาก็เถอะ

         แต่เจ้าของปฏิกิริยานี่ก็คือนาอิบนี่นา


         "รักนะ คุณชาเขียว"

         "ระ...รักนายเหมือนกัน"


      [END]
      ……………………….…….…...……..………

         ~สนทนาหลังอ่านจบ~

         ฮะฮะฮะฮะฮะ//หัวเราะแห้งหลังเขียนเสร็จและพบภัยพิบัติครั้งใหญ่มา
         เกลียดความเออร์เรอร์ของเด็กดี!! ใครใช้ให้มาเออร์เรอร์ตอนยังไม่อัพห๊าาาา!?

         ขอบ่นสักเล็กน้อย
         ไรท์เขียนเรื่องนี้จบไปแล้ว และเมื่อกำลังจะอัพเท่านั้นแหละ เด็กดีเกิดเอ๋ออัพไม่ได้ เราเลยบันทึกแบบร่างไว้ก่อนแล้วกดรีเฟซหน้าจอ
         กลับมาอีกทีหายหมดเลยค่าาาา เย่!!=_="
         คือเซฟไว้เยอะนะไม่ใช่นานๆเซฟที ทำไมหายไปเยอะเกินครึ่งเรื่องได้อะไม่เข้าใจ นี่ต้องมานั่งเขียนใหม่หมดเลยอะ หัวร้อนมาก

         เราลืมบอกไปว่าไม่เคยแต่งวายมาก่อน… มันเลยออกมาทุลักทุเลแบบนี้แหละค่ะ 555//หัวเราะแห้ง
         เป็นมนุษย์ที่ไม่ได้เฉียดใกล้การเขียนแนวโรแมนซ์มาก่อน แถมชีวิตยังไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกับคำว่าโรแมนติกเลย... พอเขียนมันเลยได้แค่นี้แหละค่ะ ขออภัยจริงๆ...

         หวังว่ารีดทักท่านจะชอบนะคะ! ขออภัยในทุกความผิดพลาดค่ะ!!
        //สถานีต่อไปฟิคน้องลัคกี้♡

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×