อ่านใจเธอให้เจอรัก [I can hear your love] - นิยาย อ่านใจเธอให้เจอรัก [I can hear your love] : Dek-D.com - Writer
×

    อ่านใจเธอให้เจอรัก [I can hear your love]

    แปลกไหม ถ้าผมอ่านใจใครต่อใครได้ แต่ทำไม่ได้แค่กับเธอ ความสงสัยนี้มันค้างคามาตลอดจนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้ยินเสียงเธอขณะที่เรากำลัง....กัน

    ผู้เข้าชมรวม

    694

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    694

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    15
    จำนวนตอน :  9 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ส.ค. 65 / 14:06 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    คุณเชื่อไหมว่ากระบวนการของจิต ทำหน้าที่ของมันได้เพียงแค่ 40 เปอร์เซนต์ สำหรับการรับรู้ คิด จดจำ และรู้สึก ซึ่งกระบวนการทำงานของจิตเป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนอธิบายและเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ ส่วนใหญ่ก็จะพบเห็นมันตามหนังสือที่เกี่ยวกับศาสนา พวกการเดินทางของดวงจิต หรือการนั่งฌาน เข้าสมาธิ อะไรทำนองนั้น 

    แต่นั่นก็จะออกแนวความเชื่อมากกว่าจะเป็นทฤษฎีที่น่าเชื่อถือว่าไหม

    ให้ลองนึกเล่นๆ ถ้าหากว่าดวงจิตเราสามารถทำงานได้มากกว่า 40 เปอร์เซนต์นั้น มันจะเป็นยังไง

    เราอาจจะกลายเป็นคนพิเศษถึงขั้นว่า เคลื่อนย้ายสิ่งของด้วยจิต รักษาโรคได้ หรืออ่านใจสิ่งมีชีวิตได้ไหม

    มีแต่เขาที่รู้……..

    “หลี่เสี่ยวหรง” ชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างกำยำ อายุ 23 ปี ตัวสูง 187 ซม. ใบหน้าคมหล่อ นัยตาหวานมีเสน่ห์ มีสันจมูกที่โด่งรับกับริมฝีปากสีโอลด์โรส สวมเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็กสีเทาดูมีภูมิฐาน ใบหูข้างหนึ่งใส่หูฟังไร้สายที่มีดนตรีเสียงดังเล็ดลอดออกมา แต่อีกข้างหนึ่งว่างเปล่าเหมือนเปิดเอาไว้ฟังสิ่งที่คนตรงข้ามกำลังพูด

    เขากำลังนัดบอด

    ตั้งแต่เสียพ่อและแม่ไปกับอุบัติเหตุตอน 9 ขวบ หลี่เสี่ยวหรงในวัยเด็กตอนนั้นได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจกับการสูญเสีย ไม่พูดจากับใครอยู่พักใหญ่ ใช้เพียงแววตาเรียบเฉยในการสื่อสาร ซึ่งในขณะที่เขาอยู่ในความสับสนนั้นมีน้องชายของพ่อ หรือ หลี่ฉางอัน เป็นผู้ดูแลเขาอย่างดี 

    ตอนนั้นหลี่เสี่ยวหรงค้นพบว่าตัวเองอ่านใจคนได้ จากการที่ได้ยินเสียงแว่วบางอย่างจากจิตใต้สำนึกคน ซึ่งโดยทั่วไปเสียงที่ได้ยินมันจะแผ่วเบา แว่วเข้ามา และเสียงนั้นเป็นเนื้อเสียงเดียวกับเสียงจริงของผู้คิด แต่ก็จะขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของความคิดด้วย ถ้าผู้คิดมีความรู้สึกกับมันอย่างแรงกล้า เสียงก็จะดังเป็นพิเศษ แต่เขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง

    หลี่เสียวหรงไม่ได้มีความสุขกับการอ่านใจใครต่อใครเลยสักนิด เพราะมันทำให้เห็นสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ ความคิดเบื้องลึกที่ทำให้มนุษย์เป็นสัตว์ที่น่าขยะแขยงที่สุด บางทีการไม่รับรู้อะไรเลยน่าจะดีเสียกว่า เขาเคยชินและเพิกเฉยต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่แสนน่ารังเกียจ รวมถึงผู้หญิงมากหน้าหลายตาที่พยายามจะเข้าหา เพราะเขาอ่านใจพวกเธอได้หมดว่าเข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์อะไร

    จนกระทั่งวันหนึ่งในตอนอายุ 18 ปี ขณะที่เขากำลังจะกลับบ้านหลังเลิกเรียน กลับได้ยินเสียงแว่ว จากคนร้องตะโกนให้ช่วย ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่เสียงร้อง แต่เป็นเสียงจากจิตใต้สำนึกกำลังขอความช่วยเหลือต่างหาก

    “ขอร้องล่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันกลัว ช่วยฉันที ฉันยังไม่อยากตาย” มันเสียงแหลมเล็กของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงมันแข็งแรงมาก แปลว่าเขากำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เสียงนั้นคิดวนไปวนมาเพื่อขอความช่วยเหลือ และไม่มีวี่แววว่าจะหยุด

    หลี่เสี่ยวหรงเดินตามหาต้นเสียงบริเวณนั้น จนมาหยุดอยู่ที่ห้องเก็บของร้างหลังอาคาร มีประตูไม้สีฟ้า เก่า เปื่อย ผุพัง แต่ห้อยแม่กุญแจใหม่สะอาดดูขัดแย้งกันจนเห็นได้ชัด

    “อยู่ในนี้สินะ”

    หลี่เสี่ยวหรงหาของแถวนั้นมาทุบแม่กุญแจ เนื่องจากไม้เก่ามาก ทำให้เปิดประตูออกได้อย่างง่ายดาย เผยให้เห็นเด็กผู้ชายชุดนักเรียนลายเดียวกันคนหนึ่งนอนหายใจโรยอยู่ในห้องที่อับชื้นนั้น 

    โชคดีมากที่หลี่เสียวหรงโทรแจ้งหน่วยงานให้เข้าช่วยเหลือเด็กชายคนนั้นได้ทันท่วงที สืบใจความรู้มาว่าเขาถูกเจ้าหนี้ของแม่รุมจับมาขังไว้เพื่อไถ่เงิน

    “โจวซื่อซิง” จึงกลายเป็นเพื่อนรักคนเดียวของเขาในเวลาต่อมา

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น