เรื่องนี้ใครเป็นตัวร้าย(ภาคเทพเซียน) - นิยาย เรื่องนี้ใครเป็นตัวร้าย(ภาคเทพเซียน) : Dek-D.com - Writer
×

    เรื่องนี้ใครเป็นตัวร้าย(ภาคเทพเซียน)

    ผู้คนยกย่องให้ข้าเป็นเทพ ข้าหาได้ใส่ใจไม่ หากภาคหน้าผู้คนเล่านั้นชี้หน้าว่าข้าเป็นมาร ข้าก็ยังรู้สึกเช่นเดิม คำยกย่อง คำด่าทอ ข้าล้วนไม่ใส่ใจ พวกเจ้าไม่เคยมีตัวตนในสายตาข้ามาตั้งแต่แรกหมิงหลัน

    ผู้เข้าชมรวม

    725

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    725

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    11
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  14 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  14 ส.ค. 66 / 16:20 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    คำโปรย

    “ข้าคือข้า  ไม่มีผู้ใดสร้างมา และไม่มีผู้ใดกล้าควบคุม  สวรรค์คือดินแดนของพวกเจ้า  หาใช่สิ่งที่ข้าต้องปกป้องไม่  หากยังดึงดันจะเป็นข้าเองที่ทำลายมันให้สิ้น”

            หมิงหลัน 


     

    “ชีวิตข้าดำรงอยู่เพื่อแก้แค้นเท่านั้น  ความคะนึงหาเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการคาดหมาย  ข้ารักเจ้า  อีกทั้งยังรักลึกซึ้งในความแค้น  ทุกก้าวเดินที่เต็มไม่คมดาบจะจับมือเจ้าไปได้อย่างไร”  

    หลางอี้


     

    “ชีวิตที่ได้มาล้วนไม่ถูกต้อง  ข้ารับรู้  และข้าก็เจ็บปวด  แต่เจ้าช่วยตอบข้าได้หรือไม่  เหตุใดต้องโยนบาปทั้งหมดมาที่ข้า  ชีวิตที่ข้าไม่เคยร้องขอ ชีวิตที่ถูกยัดเยียด  ชีวิตที่ถูกตราหน้าว่าทรราช  ชีวิตที่ไม่มีเจ้าอีกแล้ว”

    หยางเกา


     

    “เหตุใดรักของข้า ต้องอาบย้อมด้วยโลหิตของใต้หล้าเสมอ  สิ่งนี้เป็นข้าหรือท่านที่ต้องการกันแน่ ท่านใช้ข้าเพียงรับคมดาบ ท่านใช้ข้าเพื่อให้ตนไม่แปดเปื้อน ท่านโยนคำครหานี้มาให้แด่ข้า อย่าหลอกใช้ความรักของข้าอีกเลย”


     

    “ข้าเดินมาส่งพวกเจ้าได้เพียงเท่านี้  ศิษย์รักของข้า”

    เทพฮุ่ยเหอ


     

    สปอยตอนใกล้จบ  หึหึ   ไม่อยากเดาทางออกก็ลงไปอ่านแนะนำตัวละครได้เลยจ้า

    “ถูกผิดยังแยกแยะมิได้ กล้าดีอย่างไรถึงชี้นำข้า....เทียนตี้”  หมิงหลันประกาศกร้าวดังก้องไปทั่วพื้นพิภพ สายตาที่เต็มไปด้วยความชิงชังจ้องมองบุรุษตรงหน้าอย่างหยิ่งทนง สองมือบางจับดาบแน่นเตรียมฟาดฟันศัตรูที่อยู่ตรงหน้าให้ดับสูญ จิตใจที่แหลกลาญเพราะบุรุษผู้นั้นพลักดันให้นางก่อสงครามกับสวรรค์

    “ข้าไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อท่าน เลือกเอาหากวันนี้ไม่ปล่อยข้าไป.....ก็ยกดาบออกมาหยุดข้า” นางเอ่ยขึ้นก่อนเดินหันหลังจากไป คำกล่าวสุดท้ายที่นางฝากไว้คือคำบอกลาอย่างสันติ คือสิ่งที่นางยอมถอยเพื่อตอบแทนบุญคุณของเขาครั้งสุดท้าย

    บุรุษอาภรณ์ขาวยื่นนิ่งงันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่อาจปล่อยวางสตรีที่ตนรักไปได้ แต่ก็ไม่อาจฉุดรั้งนางต่อไปได้อีกเช่นเดียวกัน

    “เทียนตี้” เสียงเข้มดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด เทพสงครามหานตงเอ่ยเรียกพร้อมคุกเข่าคาราวะบุรุษอาภรณ์ขาวตรงหน้า

    บุรุษอาภรณ์ขาวค่อยๆ ปรายตากลับมามองอย่างเชื่องช้า ดวงตาเยือกเย็นส่งต่อความกดดันให้เทพสงครามจนเขาต้องลดหน้าก้มลง

    “ปล่อยหรือ.....ตั้งแต่ที่เจ้าเลือกไปจากข้า.......สงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้วหมิงหลัน” เสียงเย็นยะเยือกเค้นผ่านลำคอด้วยความเครียดแค้น ยามนี้ความสุขุมที่เคยมีเลือนหายไปจนสิ้น บุรุษที่เคยอบอุ่นเริ่มร้อนลุ่มยิ่งกว่าเปลวเพลิงโลกันตร์ เขาเลือกที่จะก่อสงครามกับจอมมารหลางอี้อีกครั้ง

    ชีวิตที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตาแห่งเคราะห์กรรมจะเป็นเช่นไร บุณคุณ ความแค้น ความรัก ความลุ่มหลง เชื่อมโยงชะตาของทั้งสี่ไว้คลายปมที่ไม่มีวันแก้

    แนะตัวละครแบบไม่สปอย

    ปฐมเทพฮุ่ยเหอ เทพที่สามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ ความลับสวรรค์ที่เขาล่วงรู้ทำให้หวาดกลัวอนาคตที่กำลังเกิดขึ้น ความเมตตา ความห่วงหา พลักดันให้เขาพยายามเปลี่ยนแปลงอนาคต แม้จะถูกสวรรค์ลงโทษก็ยินยอม ปฐมเทพฮุ่ยเหออายุยืนยาวมากว่าห้าหมื่นปี รูปทรงอ้วนท้วม ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา สีผิวที่ดำละเอียดกับสีผมที่ขาวโผนดั่งหิมะหนุนส่งความน่านับถือให้เขามากทีเดียว ร่างเติมของเขาเป็นเต่ายักษ์บริวารของเทพแห่งน้ำ นามเสวี่ยนอู่ หลังจากเกิดสงครามระหว่างเทพแห่งไฟและเทพแห่งน้ำ เขาก็หลีกทางโลกหลบกายซ่อนตนอยู่บนหุบเขาไร้นาม  ปฏิญาณตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับสามภพ มีศิษย์ลูกศิษย์ทั้งหมดสี่คน

    ศิษย์เอก หยางเกา บุรุษที่เชื่อมั่นในอุดมคติของตน ความสุขุมที่แฝงได้ด้วยความเยือกเย็นถูกเก็บซ่อนอยู่ในกายไม่มีผู้ใดล่วงรู้  เป็นคนแน่วแน่หากมีจุดประสงค์อันใดต้องฝ่าฟันทำให้สำเร็จ หยางเกาเข้ามาอยู่ในสำนักคนเเรกด้วยการฝากฝังของเทพมังกรชั้นสูงผู้หนึ่ง ต้นกำเนิดของเขายังเป็นปริศนา การดำรงอยู่เรียบง่าย เขาฝักใฝ่ตำราธรรมและกลศึกยุทธศาสตร์ นานวันจึงจมอยู่ในหอคัมถีร์ไม่สุงสิงกับศิษย์คนใด ยกเว้นศิษย์น้องเล็กที่แวะเวียนมาหยอกล้อเขาเป็นประจำ ด้วยรูปร่างที่สูงสง่า ดวงตาสีน้ำตาลที่ดูอบอุ่นและรอยยิ้มอ่อน ทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูใจดี

    ศิษย์อันดับสอง เยว่ฉี ถูกขนาดนามว่า สตรีที่งดงามที่สุดในสามภพ ทั้งร่างระหงที่สมส่วนชวนฝัน ทั้งกริยาที่เพียบพร้อม ทำให้นางได้ฉายานามนี้มาโดยง่าย เดิมเยว่ฉีเกิดในเผ่าหงส์แดง แต่กลับไร้วาสนา ในยามที่นางเกิดมากลับไร้ขนแลดูน่ารังเกลียด เผ่าหงส์แดงยึดถือความเพียบพร้อมยิ่งนักจึงขับไล่นางออกจากเผ่า ความเจ็บปวดในครานั้นส่งผลให้นางมีจิตใจที่อ่อนแอไร้ความเชื่อมั่น ไม่กล้าเผชิญกับเรื่องต่างๆ ปฐมเทพฮุ่ยเหอเวทนาต่อเคราะห์กรรมของนางจึงรับนางเข้าเป็นศิษย์ของตน และพร่ำสอนวิธีปรุงยาจากดอกไม้ให้นาง

    ศิษย์อันดับสาม หลางอี้ ร่างกายกำยำ สีผิวออกคล้ำไม่ขาวผุดผ่องดังคนทั่วไป ใบหน้าคมคายบรับกับดวงตาสีเทาหม่นแลดูชวนหลงไหล เขาเป็นคนดื้อรั้นไม่เชื่อฟังใคร แต่ก็ฉลาดพอที่รู้ว่าเวลาใดควรลุกเวลาใดควรถอย สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดคือวางค่ายกล เขตอาคมที่เขาสร้างขึ้นล้วนแต่แข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้ง่าย อีกทั้งสมองยังเต็มไปด้วยเหล่เหลี่ยม เขาไม่ละอายหากต้องลวงหลอกผู้อื่นเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ แต่แล้วความเจ็บปวดในอดีตก็ทำให้เขาตั้งสินใจผิดพลาดจนก่อสงครามอันยิ่งใหญ่ขึ้น สงครามในครานี้ไม่เพียงแต่พรากชีวิตผู้คนมากมาก แต่มันยังพรากจิตวิญญาณเสี้ยวสุดท้ายของเข้าไปด้วย

    ศิษย์อันดับสี่ หมิงหลัน รูปร่างเล็กกว่ามาตรฐานหญิงทั่วไป ใบหน้าที่ดูอ่อนหวานมักจะทำให้คิดว่านางยังเป็นเด็กอยู่เสมอ ผิวขาวเนียนละออดุจไข่มุกเม็ดงาม ดวงตากลมโตเป็นประกายใสดั่งหยกน้ำ จมูกเรียวเล็กรับกับปากที่อวบอิ่มสีแดงระเรื่อ เครื่องหน้างดงามเหนือสตรีอื่น แต่นิสัยแปลกประหลาดเดาทางยากประกอบกับความดื้อรั้นที่ชอบกลั้นแกล้งผู้อื่นจึงไม่มีสหายมากนัก หมิงหลันกำเนิดจากปราญหินทั้งห้าส่งผลให้นางสามารถสร้างสรรค์ศัสตราวุธที่มีอนุภาพร้ายกาจ

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น