ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พี่รหัสคนนี้ผมจองแล้ว #Update ตอนพิเศษ (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #2 : ​ตอนที่ 02 : อยู่ในสายตา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 449
      17
      16 เม.ย. 62

    ​ตอนที่ 02 : อยู่ในสายตา

    #Shinชิน (พี่รหัส)



    แปลกชะมัด ไอ้เด็กนั่น หึ

    หลังจากเป็นพิธีกรช่วยเพื่อนและน้องๆทำกิจกรรมแสนประหลาดของสาขาอยู่นั้น ผมก็ได้เป็นพี่รหัสเสียอย่างนั้น เชื่อเขาเลย เหตุผลของเซ็น คือไม่มีพี่รหัสเหลือให้เลือกแล้ว บ้าชะมัด


    "ขอบคุณพี่ชินมากนะครับที่มาช่วย"

    "อืม" ผมตอบสั้นๆกลับไป ก่อนจะขอตัวกลับ จะว่าไปเพื่อนผมมันไปไหนหมดว่ะ ทิ้งให้กูดูแลน้องทำกิจกรรมคนเดียว ทั้งๆที่หลังเลิกเรียนพวกเราก็ยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย


    โรงเพาะชำ

    ที่ๆผมและเพื่อนต่างมาดูแล 'น้องๆต้นไม้' กันทุกๆเย็น นั่นไงไอ้กาย ไอ้พริ้ง ไอ้ไว และไอ้เต้ย อยู่กันหมดเลยนี่หว่า

    "เหี้ย! อยู่นี่กันหมดไม่มาช่วยกูว่ะ"

    "ไม่อ่ะ ขี้เกียจ" กาย

    "ไม่ว่างดูแลน้องอยู่" พริ้ง

    "อย่างกับกูไม่ต้องดูแล" ผมบ่นก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ประจำ โรงเพาะชำแม่งเหมือนห้องชมรมของพวกเราไปแล้วครับ ตอนแรกอาจารย์มีโรงเรือนนี้เพื่อที่นักศึกษาจะได้มาทดลองพืชพันธ์ใหม่ และปลูกเพาะได้อย่างอิสระ แต่เรือนนี้มันเก่าแล้ว เขาเลยปิดร้างและไปใช้เรือนใหม่กัน พวกผมเลยทำการยึดเพราะมีน้องๆที่ไปไหนไม่ได้ต้องดูแล


    "แล้วรับน้องเป็นไงบ้างว่ะ"

    "ก็ดี หึ" ผมว่า นึกไปถึงไอ้เด็กที่วิ่งขึ้นเวทีและคว้าหมับ! เพราะคิดว่าผมเป็นพี่รหัส อ่อ! ขอบอกตรงนี้เลยว่าผมไม่ใช่พี่รหัสมันอย่างที่คิดหรอกครับ แต่เพราะน้องรหัสของผมมันไหว้วานให้มาช่วยเป็นพิธีกร บวกกับที่ตัวเองว่างเลยยอมมา ไม่คิดไม่ฝันกูจะได้น้องรหัสมาอีกคน หึ


    "เฮ้ยๆ ครั้งนี้ไม่บ่นว่ะ ไปเจอของดีเข้าหรือไง"

    "ของดี? ถ้าอย่างนั้นเรียกว่าของดี ก็คงจะใช่"

    "แม่ง! ไม่ปฏิเสธด้วยเว้ย แจ่มมากไหมว่ะ สวยไหม ใคร คนไหน บอกเพื่อนหน่อย เพื่อนอยากรู้" ไอ้ไวรีบมาจับแขนผมเลยครับ แหม๊ ไอ้นี่ก็ไม่น้อยหน้าเหลือเกินพอเป็นเรื่องผู้หญิง

    "ไหนมึงบอกจะไม่เล่นในคณะไงว่ะ?" ไอ้พริ้งเพื่อนสาวเพียงคนเดียวว่า ก็จริงอย่างที่มันพูด ถึงพวกผมจะสันดานเสีย แต่ก็ไม่เคยเล่นในมหาลัยฯ เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาเดี๋ยวจะเป็นเหมือนไอ้คิงปีสี่ ที่แม่งตบกันหน้าคณะจนโดนคณบดีเรียกไปทั้งมือที่หนึ่งสองสามสี่และตัวต้นเรื่อง

    "ก็ไม่ได้คิดจะเล่น" ผมตอบอย่างจริงจัง เจอครั้งเดียวจะไปสปาร์คได้ยังไงจะบ้าหรือเปล่า 

    "แล้วอีกอย่าง มันก็เป็นผู้ชาย"

    "ห๊า?" พวกมันมองอย่างตกใจ เพราะผมไม่เคยแสดงปฏิกริยาว่าสนใจเพศเดียวกันให้พวกมันเห็นมาก่อน จริงๆแล้วผมไม่ได้เหยียดเพศหรืออะไรหรอกครับ


    แค่ ...

    มีความหลังบางอย่างกับ 'เพศเดียวกัน' เท่านั้นเอง


    เรื่องนี้ช่างมันเถอะ มาสนไอ้พวกบ้าสี่ตัวนี่ก่อนดีกว่า

    "ปกติก็คั่วแต่กับผู้หญิงนี่หว่า" ไอ้พริ้งบ่น

    พริ้งมันเป็นคนสวยครับ เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม รู้จักกันมาตอนปีหนึ่ง รู้ไหมมันทักคำแรกกับผู้ชายแสนหล่อและเพอร์เฟคอย่างไอ้ไวว่ายังไง 'เฮ้ยมึงอ่ะ! เอางานมาลอกดิ๊' เชื่อเค้าเลย 

    “นั่นดิ ตั้งแต่ปีหนึ่งก็ไม่เห็นมันจะเบี่ยงเบน”

    ไอ้ที่พูดอยู่คือกาย มันเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาถ้าไม่สนิท แต่กับเพื่อนก็เฮฮาปกติ ที่สำคัญสุดๆมันเป็นเกย์แบบเปิดเผยตั้งแต่ปีหนึ่ง ว่ากำลังคบกับเต้ยเพื่อนสนิท

    “เราก็ไปว่าเขาไม่ได้หรอกนะครับ” เต้ยว่า

    อย่างที่แนะนำไปเต้ยคือแฟนของกายมัน เห็นว่าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมแต่มาเปิดตัวว่าคบกันเป็นแฟนตอนอยู่มหาลัยฯ พวกผมที่พึ่งรู้จักก็ไม่ได้รังเกียจอะไร นิสัยมันก็ดี ออกจะดีเกินกว่าสมาชิกคนอื่นในกลุ่มด้วยซ้ำ

    “กูชักอยากเห็นหน้าเห็นตา” ไอ้ไว

    เรื่องแบบนี้มันไวกว่าคนอื่นมากครับ ก็ไม่แปลกเรื่องชาวบ้านไอ้นี่ไวสมชื่อ มันสูงพอๆกับผมเลย หน้าตาก็หล่อใสสไตล์เกาหลีสาวๆก็กรี๊ดกร๊าดเป็นที่สุด เจ้าชู้เป็นที่หนึ่ง  แต่ก็เห็นมันสับรางทันแม่งทุกครั้ง สกิลมันดีชิบหาย และนี่คือเพื่อนๆที่ผมรู้จักกันมาได้เกือบสามปี คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้ขึ้นปีสาม

    “แล้วตอนเย็นเอาไงไปผับChillหลังมอ.กับกูไหม” ไอ้ไวหันมาถาม เพื่อนผมคนนี้มันเป็นเจ้าของผับครับ บริหารและดูแลเก่งผิดกับหน้าตาและนิสัยอันไม่เสเพลของมันมาก และผับนี้จะไม่เกิดหากขาดพวกผมไป ก็แน่ละคนที่ร่วมลงขันกับมันก็คือผม ไอ้กาย และไอ้เต้ยที่ยังโดนบังคับมาให้ร่วมลงขัน แต่พวกผมมันไม่ถนัดเข้าไปดูแล เลยยกภาระให้ไอ้ไวแต่เพียงผู้เดียว และคอยแบมือรับตังค์ตอนสิ้นเดือน สบายๆ

    “อื้ม ก็ดี” ผมว่า

    “กูไม่ไปนะ วันนี้จะไปซื้อของเข้าคอนโดกับไอ้เต้ย” กาย

    “ตามนั้นครับ” เต้ย

    “แล้วมึงเอาไงพริ้ง” ไอ้ไวถามหญิงสาวหนึงเดียวของกลุ่ม

    “มีหรือจะพลาด กูเปรี้ยวปากมาตั้งแต่เมื่อวาน” อื้อหือ นี่หรือสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม พวกผมส่ายหน้ากันอย่างระอา แต่ก็ทำอะไรแม่สาวร่างบางนิสัยห่ามๆนี้ไม่เคยได้


    ‘ผับChill’ 

    บรรยากาศภายในยังคงเหมือนเดิม ตลบอบอวลไปด้วยแสงสีและกลิ่นควันแห่งความมัวเมา แขกส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษามอ.เรานี่ละครับ เพราะมหาลัยฯอยู่ห่างจากตัวเมืองมากพอสมควรทำให้ไม่ค่อยมีผับเยอะเท่าไหร่ จะมีก็ถัดออกไปอีกสามสี่ซอย บางคนขี้เกียจก็เลยมาจบลงที่นี่ ซึ่งเป็นผับใหม่พึ่งเปิดเมื่อปีที่แล้ว ช่วงที่พวกผมขึ้นปีสองใหม่ๆ

    “พวกมึงจะเปิดห้องVipไหม?” ไวถาม เพราะปกติพวกเราก็ขึ้นไปสถิตข้างบน และนี่คือข้อดีของการเป็นเจ้าของ เป็นหุ้นส่วน ทำให้อะไรๆก็ง่ายไปเสียหมด ไอ้พริ้งแม่สาวห่ามแสนสวยแต่ใจเสือส่ายหน้าปฏิเสธ ผมว่ามันกำลังคิดจะออกล่าเหยื่อมากกว่า ดูจากสายตามันได้ ไอ้นี่มันก็ไม่ธรรมดาหรอกครับไม่งั้นคงคบกับพวกผมไม่ได้หรอก

    “แล้วมึงเอาไงไอ้ชิน” ไวหันมาถามผม ไม่มีใครอยู่กับกูสักคนจะเปิดห้องให้เปลืองเงินตัวเองทำไม สู้เอาไปให้แขกจองดีกว่า เผลอๆเงินปลิวว่อนใส่มือวันนี้พรุ่งนี้ ผมส่ายหน้าปฏิเสธอีกคนและจับจองพื้นที่นั่งตรงเค้าเตอร์บาร์ ส่วนไอ้ไวก็ไวสมชื่อมันหนีไปหลังร้านเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ไอ้เสือสาวที่นั่งอยู่ข้างๆผมดวงตากลมใสลุ่มลึกกวาดมองไปทั่วร้านเหมือนกำลังสแกนหาอะไรบางอย่าง

    “มึงนี่ก็ยังไม่เข็ดเนอะ” ผมติ เมื่อมองตามันไปจนไปสบเข้ากับร่างสูงหุ่นนักกีฬา หน้าตาคุ้นเคย มันเป็นอดีตเดือนมหาลัยฯรุ่นพวกผมนี่ละครับ หรือพูดง่ายๆคือแฟนเก่าไอ้พริ้งมัน

    “คนเราถ้ามันจะคู่กันมันก็ได้คู่เว้ย ถ้าไม่ใช่ทำแทบตายก็คือแห้ว กูแค่อยากลองพยายามเอาให้เจ็บและจะได้จบ” มันว่า ดวงตาที่ทอดมองอย่างแน่วแน่มีแววสั่นไหวตามอารมณ์ ผมถอนหายใจเมื่อมันเดินออกไป


    ‘ชีวิตมึง คนที่จะตัดสินได้ก็มีแต่มึงนั่นละพริ้ง’

    ผมละสายตาจากเพื่อนสาวกลับมาที่แก้วใสตรงหน้าที่ยังคงมีไวน์รสดี รสประจำที่ผมชอบอยู่ในนั้น หมุนแก้วในมือไปมาอย่างไร้จุดหมายทอดมองไปทั่วเหมือนคนไม่มีอะไรทำจนกระทั่ง ตรงหน้าเค้าท์เตอร์มีใครคนหนึ่งยืนค้ำหัวอยู่

    “หืม!? พี่รหัสนี่หว่า” เสียงโคตรคุ้น หน้าตาก็โคตรจะคุ้นเหมือนพึ่งเจอกันในห้องประชุมเมื่อเช้า อื้อหือ! นี่มันไอ้เด็กบ้าที่มาคว้าตัวเขาไปเป็นพี่รหัสมันนี่หว่า ไม่รู้ทำไม แค่เห็นหน้าก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา หึ

    “เซ็น?”

    “ครับ! ทำไมพี่ชินทำหน้าเหมือนลืมผมเร็วนักละ ผมเป็นน้องรหัสพี่ไม่ใช่หรอ” อีกฝ่ายแสร้งทำหน้างอ ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นเชิงให้ผมรอ ส่วนตัวเองวิ่งออกไปเสิร์ฟเครื่องดื่ม อื้อหือ! นี่เป็นบาร์เทนเดอร์หรอว่ะ ผมคิดในใจ มหาลัยฯผมไม่มีกฎห้ามทำงานพิเศษก็จริง แต่ไอ้ทำงานในร้านผับร้านเหล้าแบบนี้ มันก็ยังไม่สมควรสำหรับนักศึกษาปีหนึ่งไม่ใช่หรอ แอบขมวดคิ้วไม่ชอบใจโดยไม่รู้ตัว


    “เซ็น”

    “ครับ?”

    “ทำงานที่นี่หรอ” แกล้งถามไปงั้น เอาตรงๆผมก็มาที่นี่บ่อยนะ แต่ไม่ยักจะเห็นมัน หรือว่าไม่ค่อยได้สนใจอยู่แล้วไหมว่ะเลยไม่ได้มอง เซ็นส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้ง มันชงเครื่องดื่มอีกชนิดให้แล้วรินใส่แก้วที่ว่างเปล่า

    “เปล่าครับพี่ อย่าจ้องจับผิดขนาดนั้นสิครับ ผมมาทำแทนเพื่อนเฉยๆ อย่าพึ่งฟ้องครูนะ” อีกฝ่ายว่าทีเล่นทีจริง ถึงฟ้องไปอาจารย์ก็ไม่ว่ามึงหรอก ว่าแต่ผมทำหน้าบึ้งออกอาการขนาดนั้นเลยหรอว่ะ

    “ก็ดี”

    “แต่พี่ชินอย่าไปบอกใครนะ เพื่อนผมมันไม่อยากออกจากงาน” ผมพยักหน้ารับส่งๆไปงั้น เพราะถึงฟ้องไปก็เท่านั้น มหาลัยฯแล้วไม่มีใครมาห้ามปรามหรือท้วงติงติเตียนได้มากนักหรอก มันเป็นสังคมที่เราต้องตัดสินใจและเดินหน้าด้วยตัวเองเสียมากกว่า


    “อื้ม”

    “พี่ชินๆ”

    “ว่า?”

    “ผมชงอร่อยไหมครับ” อีกฝ่ายยิ้มตาหยี จนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ผมพยักหน้ารับจนเซ็นมันพยักหน้างึกหงักหัวเราะชอบใจกับคำชมที่ได้รับเล็กๆน้อยๆ “ดีจัง เอาตรงๆผมชงไม่เป็น ฮ่าฮ่า”

    “อ้าว!?” ผมทำหน้าเหวอ มองแก้วในมือสลับกับใบหน้าสดใสของรุ่นน้อง

    “หน้าพี่โคตรฮา ผมแค่จะบอกว่าแก้วนี้เป็นแก้วแรกเลยครับหลังจากที่ฝึกชงกับเพื่อน” อีกฝ่ายยิ้มอีกครั้ง ทำไมมันยิ้มง่ายจังว่ะ ผมได้แต่มองรอยยิ้มของมันอย่างเพลินตาจนเวลาล่วงเลยไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า และด้วยช่วงเวลาสั้นๆนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า ‘เซ็น’ มันเป็นเด็กอัธยาศัยดี ยิ้มง่าย หัวเราะเก่ง ดูๆไปแล้วลูกค้าก็ชอบมันนะ เพราะความเอาอกเอาใจ และความคุยเก่งของมัน แต่ที่เป็นข้อเสียสุดๆเห็นจะเป็นความขี้เกรงใจ อย่างเช่นว่า แขกโต๊ะนั้นเหมือนจะถูกอกถูกใจ มีเรียกให้มันไปนั่งตักทั้งๆที่มันเป็นผู้ชาย มันก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ พยายามเอามือออก แต่ก็ไม่ยอมโวยวาย เห็นแล้วขัดใจชอบกล


    “น้องครับ!”

    “คะ ครับ!?” เซ็นมองมาที่ผมอย่างงุนงง

    “น้องครับ ขอโทษนะครับ ห้องน้ำชั้นสองเหมือนจะเสีย ช่วยไปดูให้หน่อยได้ไหมครับ” แต่เพราะการปรากฏตัวของผมทำให้มันหลุดพ้นจากลูกค้ามารยาททรามบางคนออกมาได้ มันรีบเดินตามผมมาจนมาจบกันอยู่หน้าห้องน้ำชั้นสอง ผมหันกลับไปจ้องมันดุๆ จนเซ็นยิ้มเจื่อน ก็รู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตัวเอง แต่เห็นแล้วมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึก ‘ไม่ชอบใจ’


    “ขะ ขอบคุณครับพี่เซ็น”

    “อืม”



    มหาลัยฯ โรงเพาะชำ

    “มึงๆ น้องอ้อนกูจะตายแล้ว ไอ้เหี้ย!!” ไอ้พริ้งกรี๊ดร้องขึ้นมาในเช้าของอีกวัน วันนี้พวกผมมีเรียนเย็นครับ เลยมาสถิตกันที่โรงเพาะชำที่ประจำของพวกเรา ‘น้องอ้อน’ ที่ว่าคือต้นพันธ์พิลึกที่ไอ้พริ้งผสมพันธ์สองชนิดลงไปและดูแลมันอย่างดี แต่ติดตรงที่อากาศมันเปลี่ยนบ่อยจนน้องอ้อนของมันภูมิต้านทานต่ำ

    “กูว่าไม่น่ารอด” ไอ้ไว

    “เรียกอาจารย์ไหมครับ” เต้ย

    “กูว่าเรียกปอเต็กตึ๋ง” กาย

    “เฮ้อ คนมันจะไปยังไงก็ไปไง มึงบอกกูเอง” ผมกวนตีนไอ้พริ้งกลับไป จนมันกระทืบลงมาที่รองเท้าหนังมันวาวของผม 

    สัส! ผมเลิกสนใจมันล้มตัวลงนอนบนม้านั่งโต๊ะประจำสายตาก็มองออกไปด้านนอกอย่างเรื่อยเปื่อย ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ เคยไหมอยู่ๆก็รู้สึก เบื่อ แบบไม่มีสาเหตุ เออ! แบบนั้นเลยครับ


    หืม! นั่นมัน

    พรวด!

    ผมรีบลุกและเดินออกจากโรงเพาะชำทันที เมื่อเห็นใครคนนึงที่คุ้นเคย ‘เซ็น’ รุ่นน้องที่ผมเจอเมื่อคืนนั่นไง อ้าว! แล้วนี่กูจะเดินตามมันมาทำไมว่ะ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็หมุนเตรียมตัวกลับไปยังที่เดิม แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน

    “ไปไหนว่ะชิน พวกกูตกใจหมด อยู่ๆก็ลุกพรวดออกมา!” ไอ้พริ้งว่า อย่าว่าแต่มึงงงเลย กูเองก็งงว่าเดินออกมาทำไม แค่เห็นไอ้เซ็นเดินออกมากับใครสักคนด้วยสีหน้าแววตายิ้มแย้ม(ปกติ) กูนี่เป็นเอามากจริงๆ ผมส่ายหัวให้มันแล้วเดินกลับไปนอนที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ไอ้ชินไปได้แล้วโว้ย อีกสิบนาทีจะได้เวลาเรียนแล้ว” พริ้งสะกิด ผมพยักหน้ารับค่อยๆลุกขึ้นปรับแสง อื้อหือ นอนไปกี่ชั่วโมงว่ะเนี่ย จากแดดเปรี้ยงๆฝนตกเสียอย่างนั้น หันซ้ายหันขวา 

    อื้อหือ ไอ้ไวกับไอ้กายและเต้ยหายไปหมดแล้ว


    “ไปไหนกันหมดว่ะ”

    “ไวไปผับ บอกว่าเย็นนี้ไม่เข้า” พริ้งตอบ

    “แล้วไอ้คู่มดหวานนั่นอ่ะ”

    “คุณชายเต้ยสะดุดน้องอ้อนกูล้ม ไอ้กายเลยพาไปหาหมอ ไม่เข้าเหมือนกัน” หืม! สะดุดตอนไหน ไอ้กูนี่ก็นอนไม่รู้เรื่องรู้ราว ผมหันไปมองต้นไม้กระถางเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลแตกระเอียดเลยครับ อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมกูไม่ได้ยินว่ะ ช่างเถอะไปเรียนก่อนแล้วกัน

    “เออพริ้ง คืนนี้ไปผับเหมือนเดิมป่ะว่ะ” ผมถามขณะที่กำลังเดินออกจากเพาะชำ

    “ไม่ว่ะ” หืม คำตอบของเพื่อนสาวคนสนิททำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ดวงตาที่ทอประกายอย่างสดใสมาตลอดกลับหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นกับมันสินะ


    “มีไรว่ะ”

    “หึ” มันคงยังไม่พร้อมจะบอกละมั้ง ผมเลิกถาม ไว้มันพร้อมมันก็คงจะมาระบายกับพวกผมเอง แต่คงหนีไม่พ้นเรื่องของ ‘แฟนเก่า’ ระหว่างที่อาจารย์กำลังสอน ผมก็ฟุบหลับอย่างเบื่อหน่าย มันคงเป็นกิจวัตรไปแล้ว ที่เวลา ‘เบื่อๆ’ เอาอะไรมาฉุดก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ 


    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×