Millennial Sin - นิยาย Millennial Sin : Dek-D.com - Writer
×

    Millennial Sin

    กว่าหมื่นปีของประวัติศาสตร์มนุษย์ ไม่มียุคสมัยใดเลย ที่เผ่าพันธุ์นี้จะรู้จักคำว่าสันติ สงครามและการฆ่าล้างสังหาร ยังคงอยู่คู่กับมนุษย์ชาติต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่ในศตวรรษที่ 23 นี้ก็ตาม

    ผู้เข้าชมรวม

    9,588

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    63

    ผู้เข้าชมรวม


    9.58K

    ความคิดเห็น


    238

    คนติดตาม


    167
    หมวด :  สงคราม
    จำนวนตอน :  90 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ย. 66 / 16:15 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

         โลกในปลายศตวรรษที่ 21

         นับตั้งแต่การค้นพบ 'ไฮเปอร์สเปซ' เส้นทางทับซ้อนระหว่างมิติ ที่สามารถย่นระยะทางในการเดินทางข้ามห้วงอวกาศที่ใช้เวลานับร้อยๆปี ให้เหลือเพียงไม่กี่วัน เมื่อปี ค.ศ.2080 ทำให้ความฝันที่จะท่องไปกลางหมู่ดาว ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับมนุษย์ชาติอีกต่อไป

         ภายในเวลาเพียงไม่ถึงศตวรรษ อาณานิคม และดวงดาวที่ได้กลายเป็นบ้านแห่งใหม่ของมนุษย์ ก็แผ่ขยายไปทั่วทั้งแกแล็กซี่ทางช้างเผือก แผ่ขยายไปไกล..ไกลที่สุดเท่าที่มนุษย์จะสามารถก้าวไปได้ จนไม่ว่าใครก็เชื่อว่านี่แหละคือยุคทองอย่างแท้จริงของมนุษยชาติ
        
         ทรัพยากรและแร่ธาตุมีค่าใหม่ๆ ความมั่งคั่งจากดาวบริวารอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้อารยธรรมของมนุษย์ก้าวหน้าในทุกๆด้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ ความมั่นคง วิทยาการและความรู้ในด้านต่างๆ แม้แต่ประเทศที่เคยยากจนแร้นแค้นที่สุด ก็กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยและมีเพียบพร้อมทัดเทียมกับนานาชาติ

         เมื่อทุกคนเกิดมาในยุคที่มีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างสงครามและความขัดแย้งก็ค่อยๆจางหาย สหพันธ์สหประชาชาติ (United Federation of Nations) ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้การดูแลของบรรดาชาติมหาอำนาจและกลุ่มนายทุน ช่วยสร้างเสถียรภาพ ความมั่นคง และความเป็นปึกแผ่น จนแทบจะไม่เหลือการแบ่งแยกของรัฐ เชื้อชาติ และศาสนาอีกต่อไป

         คริสตศักราชที่ 2212

         โลก บ้านเกิดและสูญกลางการปกครองของมนุษยชาติ ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ซึ่งทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพขึ้นในมิติไฮเปอร์สเปซ ระบบดาวโลก ถูกตัดขาดออกจากดาวอาณานิคมทั้งหมดโดยเด็ดขาด เป็นเวลาหลายปี หลังจากการพยายามกู้คืนไฮเปอร์เลนได้สำเร็จ ชาวอาณานิคมได้พบว่า รัฐบาลโลก ได้ล่มสลายลงจากเหตุการณ์ 'สงครามโลกครั้งที่ 3'
        
         สงครามครั้งนั้นเกิดขึ้นเพียง 4 ปี แต่มันทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งชาติมหาอำนาจผู้เคยปกครองโลกมานานหลายร้อยปี ศูนย์กลางการปกครองและเศรษฐกิจ ความสงบสุข แม้กระทั่งสหพันธ์สหประชาชาติ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล่มสลายลงทันทีในเวลาไม่กี่ปี

         เมื่อไร้ซึ่งผู้นำ ไม่มีผู้เป็นกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งต่างๆอีกต่อไป บรรดาระบบดาวอาณานิคม เริ่มประกาศตั้งตนเป็นรัฐเอกราช กลายเป็นชาติมหาอำนาจเข้าแทนที่มหาอำนาจเดิม เริ่มแข่งกันสร้างอำนาจ ทางด้านทหารและเศรษฐกิจเพื่อข่มขู่ชาติที่อ่อนแอกว่า เกิดความวุ่นวายและความขัดแย้งไม่ต่างอะไรจากบรรพบุรุษเมื่อสมัยอยู่บนโลก

         ศตวรรษที่ 23 ปัจจุบัน 

         โลกในขณะนี้ได้กลายเป็น 'จักรวรรดิ (The Empire)' รัฐเผด็จการเบ็ดเสร็จโดยจักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว ได้ประกาศ 'สงครามเพื่อความเป็นหนึ่ง (Unification War)' กับดาวอาณานิคมทุกดวง ด้วยความเหนือกว่าในด้านวิทยาการทางการทหาร ในเวลาไม่นาน จักรวรรดิสามารถรวบรวมอาณานิคมเกือบทั้งหมดกลับมาอยู่ภายใต้ผืนธงอินทรีย์ทองคำสองเศียรได้สำเร็จ

         ดาวอาณานิคมชายขนาดใหญ่ที่ยังหลงเหลือ เช่น สหภาพซิริอุส สมาพันธรัฐอาราบี-นิวแอฟริกา สหประชาชาติแห่งเซนทูเรีย และบรรดารัฐเอกราชที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด จึงจำเป็นต้องยุติความขัดแย้ง และรวมกันจัดตั้งสัมพันธมิตรแห่งดวงดาว (Interstellar Entente) ขึ้นเพื่อร่วมกันต่อต้านกองทัพจักรวรรดิ

         เทวิน ไรอัน เด็กหนุ่มอนาคตไกล หนึ่งในครอบครัวกลุ่มผู้ลี้ภัย ซึ่งอพยพหนีภัยสงครามมาจากโลกมาที่สหภาพซิริอุสเมื่อหลายปีก่อน จำต้องจับปืนเข้าร่วมกับกองทัพตั้งแต่อายุยังน้อย เขาไม่มีครอบครัว ไม่เหลือคนรักใดๆ สูญเสียทุกอย่างไปให้กับสงคราม.. สงครามพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา และเขาจะไม่ยอมให้มันพรากบ้านแห่งสุดท้ายนี้ไปจากเขาโดยเด็ดขาด

         แต่ชายหนุ่มยังไม่รู้ว่า นอกจากภัยจากจักรวรรดิซึ่งเป็นมนุษย์ด้วยกันเองแล้ว ยังมีศัตรูที่เขาไม่รู้จัก กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ.....

    ========================================================

         สวัสดีครับ ผมเป็นนักเขียนใหม่ครับผม ใหม่จริงๆ เรื่องที่เขียนนี้ก็เป็นเรื่องแรกในชีวิต เป็นเรื่องที่วางพลอตไว้ในหัวนานมากแล้ว ผ่านการเรียบเรียงและวางโครงเนื้อเรื่องมาหลายปี ปรับปรุงมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็คิดว่าน่าจะดีพอที่จะเขียนเผยแพร่ให้คนอื่นอ่านได้แล้ว
         
         โดยที่ไม่มีแม้แต่รูปปกเรื่อง หรือตัวละคร ก่อนหน้านี้ได้มีการเขียนฉบับแรก เผยแพร่ลงในกลุ่มที่ตัวเองอยู่ ให้สมาชิกกลุ่มช่วยกันอ่าน วิจารณ์ และแนะนำ ในขณะเดียวกันก็คิดว่าอยากได้ความเห็น ข้อติชม เสนอแนะของคนอื่นๆบ้าง จึงมีความคิดที่จะเขียนลงเว็บครับ โดยนำฉบับแรกที่ดราฟไว้มาเพิ่มเนื้อหา และปรับปรุง ลงบนเว็บ Dek-D แห่งนี้ ก็พูดได้ว่าเวอร์ชั่นบนเว็บนี้คือเวอร์ชั่นดราฟ 2 ก็ว่าได้ครับ ซึ่งส่วนตัวมองว่าในอนาคตจะมีการปรับปรุง รีไรท์ใหม่เรื่อยๆ จนกว่าจะคิดว่านี่คือเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ซึ่งก็ต้องอาศัยคำวิจารณ์และแนะนำจากท่านผู้อ่านทุกท่านนี่แหละครับ ต้องขอน้อมรับและขอบคุณล่วงหน้าด้วยครับ

         ส่วนตัวเป็นคนชอบนวนิยาย ภาพยนต์ และเกมที่เป็นแนวสงคราม แอคชั่น ไซไฟ อาจจะมีแฟนตาซีผสมบ้างเล็กน้อย และถ้ามีข้อมูลเชิงลึกของจักรวาลนั้นๆ เช่นประวัติศาสตร์ของเรื่อง ปมปริศนาและทฤษฎีที่ต้องนำมาขบคิดกันหลังจากดูจบ เช่น Star Wars ยิ่งชอบไปใหญ่ครับ ใครเป็นแฟนคลับ Star Wars มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ

         ต้องบอกว่าในเรื่องนี้ได้ไอเดียมาจาก เรื่องที่แต่งขึ้นในสมัยเด็กกับเพื่อนสนิท ผสมผสานกับสิ่งที่ชอบจากในภาพยนต์ อนิเมะ หนังสือ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยต่างๆ ทั้งที่มีอยู่จริง ไม่มีอยู่จริง โดยนำความชอบแต่ละอย่างมาผสมกัน เช่นยานอวกาศ หุ่นยนต์ สาวเรือ พลังเหนือมนุษย์ สงคราม และการเมือง แต่ยึดหลักประจำใจที่ว่า พยายามทำให้การนำมาผสมกัน ไม่มั่ว และมีเหตุผลมากที่สุด อย่างเทคโนโลยีภายในเรื่องก็พยายามหาเหตุผลมาอธิบายถึงหลักการทำงาน โดยอิงเทคโนโลยีที่ใกล้ที่สุดจากโลกจริง หรือบางอย่างก็เป็นเทคโนโลยีที่เป็นรุ่นทดลอง ยังไม่มีการนำมาใช้จริง แต่ผมมองว่าน่าสนใจ ก็จะนำมาใส่ในเรื่อง พร้อมกับพยายามใส่อ้างอิง อธิบายรายละเอียดแทรกในแต่ละตอนให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ทั้งผู้อ่านและผู้เขียน จะได้ความรู้ไปพร้อมๆกัน

         เนื่องจากเรื่องนี้ได้รับอิทธิพลจากสื่อที่ผมชอบ จึงทำให้อาจจะทำให้มีบางอย่าง หรือบางฉากภายในเรื่องที่คล้ายคลึงกับเรื่องอื่นๆ อาทิเช่น เทคโนโลยี คำศัพท์เฉพาะ หรือแม้แต่ฉากที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ที่ผมใช้เป็นแบบอ้างอิง แต่จะพยายามดัดแปลงออกมาให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ

         สำหรับชื่อเรื่อง Sin of Millennium ต้องบอกว่าใช้เวลาคิดนานมากๆ ขนาดว่าคิดเนื้อเรื่องเสร็จหมดแล้วเป็นปียังคิดชื่อเรื่องไม่ได้ ตอนแรกว่าจะใช้ชื่อ millennium dawn แต่มันดันไปซ้ำกับชื่อ mod millennium dawn ของเกม Heart of Iron IV ก็เลยต้องเปลี่ยน ต้องขอบคุณเพื่อนๆ และพี่ๆในกลุ่ม Thai Paradox RTS ทุกคนที่ช่วยกันคิดและแนะนำชื่อเรื่องให้ด้วยครับ

         เนื้อเรื่องหลักๆทั้งหมดที่คิดไว้ในหัว ตอนนี้ได้วางไทม์ไลน์อย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ว่าจะเขียนตอนสุดท้ายออกมาได้วันไหน ปีไหน สถานะผู้เขียนตอนนี้ต้องบอกว่า งานท่วมหัว เนื่องจากอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างเรียนจบ ทั้งโปรเจ็คต์จบ สถานที่เรียนต่อ รวมถึงการเตรียมพร้อมรับใช้ชาติในฐานะทหาร มันถาโถมมาพร้อมๆกัน ในขณะที่ใจก็ยังอยากจะเขียนต่อให้จบ ดังนั้นผมจะพยายามหาเวลามาเขียนจนจบให้ได้ ทั้งเพื่อผู้อ่าน และเพื่อผู้เขียนเองจะได้ตายตาหลับด้วย


         ที่วางโครงเรื่องไว้เนื้อหาในช่วงแรกจะเป็นธีม สงคราม และการเมืองในโลกไซไฟ อนาคต แบบที่สามารถเห็นได้ในหนัง เกม และนิยายทั่วไป แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนประเภทชอบเรื่องที่มีการถกเถียง ปมปริศนาให้แฟนคลับได้ขบคิด และเถียงกันใน Pantip จึงมีการวางปมของเรื่องไว้ใน Chapter แรก ส่วน Chapter 2 จะเข้าสู่บทคลายปมปริศนา และดราม่าเต็มตัว ส่วน Chapter 3 จะเป็นไคล์แม็กซ์ ซึ่งผมจะพยายามดึงวัตถุดิบจาก 2 Chapter แรกมาใช้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ Chapter 3 อลังการงานสร้างให้มากที่สุดราวกับเป็น Avenger End Game

         สุดท้ายนี้ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน ที่เข้ามาอ่านและติดตาม Millennial Sin ซึ่งเป็นนิยายธีมแอ็คชั่น ไซไฟ แฟนตาซี หมวดที่น่าจะแทบไม่มีใครอ่านมากที่สุดของผม ส่วนเรื่องที่ผมอยากจะรบกวนผู้อ่านทุกท่านสักนิด ก็คืออยากให้ทุกท่านช่วยคอมเม้นท์ แนะนำการเขียน ความรู้สึกหลังจากอ่านจบแต่ละตอน ด้วยครับผม เพื่อที่ผมจะได้ทราบว่าแต่ละท่านที่อ่านแล้วรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้บ้าง เช่น ความรู้สึกหลังจากอ่านจบตอน การอธิบายเหตุผล ความ Make Sense ปมปริศนา และความเชื่อมโยงต่างๆ ว่าผมสามารถเขียนได้ดีพอหรือยัง เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงในครั้งหน้า

    ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    "Dynamic ความดุเดือด น้ำตา การเมือง และความฮาที่ลงตัว"

    (แจ้งลบ)

    ความรู้สึกในตอนแรกที่ได้อ่าน ให้อารมณ์เหมือนกับกำลังดื่มด่ำหนังสือชีวประวัติทหาร อารมณ์แบบ Band of Brothers ดูจริงจัง ติดดิน ไม่ประนีประนอม ทำให้ผมรู้สึกว่าตนได้กลับไปสัมผัสฝุ่นสีแดงๆ และอากาศร้อนผ่าว เหนียวเหนอะหนะ ที่เขาชนไก่อีกครั้ง แต่ทว่า ผ่านไปสักพัก บรรยากาศของนิยายทหารทั่วไป ก็ตัดเข้าสู่ความอลังการและความสิ้นหวัง เมื่อต้องรบกับเผ่าพันธุ์ ... อ่านเพิ่มเติม

    ความรู้สึกในตอนแรกที่ได้อ่าน ให้อารมณ์เหมือนกับกำลังดื่มด่ำหนังสือชีวประวัติทหาร อารมณ์แบบ Band of Brothers ดูจริงจัง ติดดิน ไม่ประนีประนอม ทำให้ผมรู้สึกว่าตนได้กลับไปสัมผัสฝุ่นสีแดงๆ และอากาศร้อนผ่าว เหนียวเหนอะหนะ ที่เขาชนไก่อีกครั้ง แต่ทว่า ผ่านไปสักพัก บรรยากาศของนิยายทหารทั่วไป ก็ตัดเข้าสู่ความอลังการและความสิ้นหวัง เมื่อต้องรบกับเผ่าพันธุ์ต่างดาวที่เหนือกว่าตนอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์ยังกับ UNSC ตีกับ Covenant ในซีรี่ย์ Halo ซึ่งผู้เชียนถ่ายทอดบรรยากาศความสิ้นหวังและความสูญเสียออกมาได้ดีมาก ลืมบรรยากาศการต่อสู้เพื่อชัยชนะแบบตอนแรกๆ ได้เลย เพราะนี่คือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด พอมีการเปิดตัวนางเอก (นางเอกแหล่ะ) นิยายก็ได้ดึงอารมณ์จากความสิ้นหวัง หนักอึ้งให้กลับมาเบาสมอง ให้มีเรื่องให้น่าอภิรมณ์ในชีวิตได้ ถือว่าเป็น Balance ที่ดี แม้ว่าฝ่ายจักรวรรดิจะดูยิ่งใหญ่จนเกือบจะ Mary Sue/Gary Stu ไปบ้าง แต่ถ้าคำนึงถึง Scale ของศัตรู บางทีมันก็พอยอมรับได้ การเมือง ค่อนข้างใช้ได้ ไม่หนักไป นี่คือนิยายไม่ใช่ตำรารัฐศาสตร์ เรื่องก็จะวนเวียนไปมา ระหว่าง Aspect เหล่านี้ โดยรวมแล้ว บาลานซ์ดีมาก   อ่านน้อยลง

    CometSighted | 28 ต.ค. 63

    • 0

    • 0

    คำนิยมล่าสุด

    "Dynamic ความดุเดือด น้ำตา การเมือง และความฮาที่ลงตัว"

    (แจ้งลบ)

    ความรู้สึกในตอนแรกที่ได้อ่าน ให้อารมณ์เหมือนกับกำลังดื่มด่ำหนังสือชีวประวัติทหาร อารมณ์แบบ Band of Brothers ดูจริงจัง ติดดิน ไม่ประนีประนอม ทำให้ผมรู้สึกว่าตนได้กลับไปสัมผัสฝุ่นสีแดงๆ และอากาศร้อนผ่าว เหนียวเหนอะหนะ ที่เขาชนไก่อีกครั้ง แต่ทว่า ผ่านไปสักพัก บรรยากาศของนิยายทหารทั่วไป ก็ตัดเข้าสู่ความอลังการและความสิ้นหวัง เมื่อต้องรบกับเผ่าพันธุ์ ... อ่านเพิ่มเติม

    ความรู้สึกในตอนแรกที่ได้อ่าน ให้อารมณ์เหมือนกับกำลังดื่มด่ำหนังสือชีวประวัติทหาร อารมณ์แบบ Band of Brothers ดูจริงจัง ติดดิน ไม่ประนีประนอม ทำให้ผมรู้สึกว่าตนได้กลับไปสัมผัสฝุ่นสีแดงๆ และอากาศร้อนผ่าว เหนียวเหนอะหนะ ที่เขาชนไก่อีกครั้ง แต่ทว่า ผ่านไปสักพัก บรรยากาศของนิยายทหารทั่วไป ก็ตัดเข้าสู่ความอลังการและความสิ้นหวัง เมื่อต้องรบกับเผ่าพันธุ์ต่างดาวที่เหนือกว่าตนอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์ยังกับ UNSC ตีกับ Covenant ในซีรี่ย์ Halo ซึ่งผู้เชียนถ่ายทอดบรรยากาศความสิ้นหวังและความสูญเสียออกมาได้ดีมาก ลืมบรรยากาศการต่อสู้เพื่อชัยชนะแบบตอนแรกๆ ได้เลย เพราะนี่คือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด พอมีการเปิดตัวนางเอก (นางเอกแหล่ะ) นิยายก็ได้ดึงอารมณ์จากความสิ้นหวัง หนักอึ้งให้กลับมาเบาสมอง ให้มีเรื่องให้น่าอภิรมณ์ในชีวิตได้ ถือว่าเป็น Balance ที่ดี แม้ว่าฝ่ายจักรวรรดิจะดูยิ่งใหญ่จนเกือบจะ Mary Sue/Gary Stu ไปบ้าง แต่ถ้าคำนึงถึง Scale ของศัตรู บางทีมันก็พอยอมรับได้ การเมือง ค่อนข้างใช้ได้ ไม่หนักไป นี่คือนิยายไม่ใช่ตำรารัฐศาสตร์ เรื่องก็จะวนเวียนไปมา ระหว่าง Aspect เหล่านี้ โดยรวมแล้ว บาลานซ์ดีมาก   อ่านน้อยลง

    CometSighted | 28 ต.ค. 63

    • 0

    • 0

    ความคิดเห็น