ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [衛霄] เพลิงวิญญาณบรรพกาล

    ลำดับตอนที่ #9 : 九

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.94K
      1.06K
      1 ก.ย. 63





              
    เว่ยซูลี่ปรี่เข้าไปช่วยตบกระโปรงสีชมพูอย่างลนลาน  ส่วนเว่ยซูเม่ยกำลังกลอกตามองหาตัวช่วย  พลันสายตาของนางก็บรรจบลงที่ทะเลสาบไม่ใกล้ไม่ไกล  

              เขตตะวันตกของจวนแม่ทัพ  นอกจากป่าไผ่ขวางกั้นระหว่างเรือนของเว่ยเซียวกับเรือนอื่นๆแล้ว  ยังมีทะเลสาบผืนใหญ่ตั้งอยู่แถบนี้มาแต่โบราณ

              หากมิใช่แวดล้อมบรรยากาศเปลี่ยวคนไปสักหน่อย  ก็นับว่าเป็นเขตแดนที่ทิวทัศน์งดงามไม่หยอก

              เว่ยซูเม่ยตื่นเต้นดีใจ  รีบเอื้อมมือไปเขย่าเรียกเว่ยจิ่นจี๋ พี่สี่!  ใช้น้ำน้ำจากทะเลสาบเจ้าค่ะ!”

              เว่ยจิ่นจี๋ปัดมือนางออกอย่างรำคาญ เจอน้ำเจ้าก็รีบไปตักสิ  จะมาเรียกข้าทำไมเล่า  ลี่เอ๋อเจ้าก็ไปด้วย... ไปเร็วเข้า!”

              “จะ เจ้าค่ะ! สองแฝดกระวนกระวายรับคำ  วิ่งตรงไปยังขอบทะเลสาบทันที

              พวกนางใช้สองมือสั่นเทาวักน้ำขึ้นมา  แต่พอเดินกลับไปถึงเว่ยจิ่นจี๋กลับพบว่าน้ำได้รั่วไหลลงพื้นไปจนหมด

              เว่ยจิ่นจี๋อ้าปากค้างแทบกลืนหมูได้ทั้งตัว  ไม่รู้ว่าสมควรด่าอย่างไร 

              เพียะ!  เพียะ!

              เมื่อได้สติพลันสะบัดมือตบไปที่หน้าของสองแฝดด้วยความหงุดหงิด นังพวกโง่!  ใช้การไม่ได้เรื่อง!”

              เว่ยจิ่นจี๋ในตอนนี้โมโหเสียจนหน้ามืดตามัว  ไม่คิดแยกแยะอันใดทั้งสิ้น

              นางที่ต้องรีบเข้าพบองค์รัชทายาทก่อนพระองค์จากไปกลับต้องมาติดพันอยู่ตรงนี้  เรือนหลักของนางก็แสนห่างไกล  กว่าจะเร่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาใหม่คงไม่ทันกาล...

              แล้วเปลวไฟบัดซบนี่  เหตุใดทำอย่างไรก็ไม่หายไปเสียทีเล่า!

              เว่ยจิ่นจี๋ผู้น่าสงสาร  นางไม่มีทางตระหนักเลยว่าสิ่งนี้หาใช่เปลวไฟธรรมดาไม่  ทั้งเป้าหมายที่ถูกกำหนดก็คือเสื้อผ้าของนาง 

              เว่ยซูลี่กุมปิดแก้มซ้ายที่โดนตบ  นางกัดริมฝีปากข่มกลั้น  โดยปกติเว่ยจิ่นจี๋ก็เป็นผู้ฝึกปราณที่มีพละกำลังเป็นทุนเดิม  ตอนนี้ยังลงมือกับพวกนางโดยไม่ผ่อนแรงสักนิดเดียว

              สายตาของเว่ยซูเม่ยฉายแววอันตรายชั่วครู่  แล้วจึงกลับเป็นอ่อนแอเช่นเดิม  นางดึงมือเว่ยจิ่นจี๋ไปทางทะเลสาบ พี่สี่มายืนตรงนี้เจ้าค่ะ  จะตักน้ำได้ง่ายขึ้น

              คนทั้งสามรีบวิ่งไปที่ขอบทะเลสาบ  ใช้มือน้อยๆช่วยกันวักน้ำสาดชายกระโปรงสีชมพู

              ทว่า การกระทำของพวกนางเมื่อต้องลงมือกับเปลวไฟที่ไม่ธรรมดา  จึงเปรียบเสมือนการโยนกิ่งไม้เติมเชื้อเพลิง

              เพลิงสีชาดไม่ขึ้นตรงต่อกฎแห่งธรรมชาติ  ดังนั้นนอกจากเปลวเพลิงจะไม่มอดดับแล้ว... เว่ยเซียวยังส่งพลังให้มันเร่งความเร็วในการลุกลามอีกด้วย

              เว่ยจิ่นจี๋เห็นภาพนั้นก็กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ  ชี้นิ้วคาดคั้นไปที่สองแฝด กรี๊ดนังพวกหน้าโง่นี่พวกเจ้ารวมหัวกันแกล้งข้าใช่หรือไม่

              เว่ยซูเม่ยส่ายหน้าลนลาน  และเป็นแฝดผู้พี่เว่ยซูลี่ที่เริ่มอดรนทนไม่ไหว พี่สี่พวกเราก็อยู่ในสายตาท่านมาโดยตลอด  จะวางแผนทำร้ายท่านได้อย่างไรกัน

              เว่ยซูเม่ยกระตุกแขนเสื้อของพี่สาวฝาแฝด  และรีบออกความเห็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ พี่สี่… ข้าว่าท่านโดดลงน้ำเถอะ!”

              ไม่ว่าจะเกลียดชังเว่ยจิ่นจี๋เพียงใด  ต่อหน้าพี่สี่ผู้นี้ทั้งสองยังไม่อาจไม่เคารพนางได้ 

              มิเช่นนั้นต่อให้ท่านพ่อเอ็นดูพวกนางสักเพียงใด  พี่ใหญ่และพี่หญิงรองก็คงไม่ปล่อยพวกนางเอาไว้อย่างแน่นอน

              เพียะ!

              เว่ยจิ่นจี๋โกรธจนหน้าแดงก่ำ  สะบัดข้อมือตบเว่ยซูเม่ยไปอีกหน  

              จากใบหน้าที่ม่วงช้ำอยู่แล้ว  เมื่อเพิ่มอีกรอยตบก็ยิ่งบวมเป่งประหนึ่งหัวหมูไหว้เจ้า

              “นังบ้า!  เจ้าไม่มีสมองหรืออย่างไร?  คิดให้คุณหนูสี่ตระกูลแม่ทัพผู้มีเกียรติอย่างข้ากระโดดลงน้ำโสโครกนี่งั้นรึ!”

              เว่ยซูลี่รู้สึกโมโหแทนแฝดคนน้องยิ่งนัก  ทว่าในตอนนั้นเอง  สายตาของนางพลันเหลือบไปเห็นบ่าวรับใช้ที่วิ่งหน้าตื่นมาทางนี้  

              “อ๊ะ!  เจ้า...  รีบไปตามท่านพ่อกับฮูหยินใหญ่มาเร็วเข้า!” เว่ยซูลี่ตะเบ็งออกคำสั่งโดยไม่ต้องหยุดคิด  ยามนี้นางไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของเว่ยจิ่นจี๋อีกต่อไปแล้ว

              หากยังปล่อยให้เว่ยจิ่นจี๋สะบัดมือตบพวกนางต่อไป  มีหวังใบหน้างดงามของพวกนางคงกลายเป็นหัวหมูห้อเลือดที่ถูกอบจนระเบิดแน่ๆ

              บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักฝีเท้าก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปทันที

              เว่ยจิ่นจี๋มองเว่ยซูลี่อย่างไม่เชื่อสายตา  แทบกระอักเลือดด้วยความเดือดดาล ตามท่านพ่อ?  ตามท่านพ่อมาด้วยทำไมหากเรียกท่านพ่อมิใช่ว่าองค์รัชทายาทก็ต้องตามมาด้วยรึ?  นังหมูตัวเมีย!”

              เว่ยจิ่นจี๋รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่เข้าที  นางใคร่ครวญดูแล้วจึงคิดล้มเลิกความตั้งใจเพื่อไปพบองค์รัชทายาท  หมายมาดรีบหนีไปก่อนท่านพ่อจะรุดหน้ามาถึง  

              แต่ไม่คาดว่าตอนนั้นเอง  เว่ยซูลี่ที่มักทำตัวเป็นไม้อ่อนตลอดเวลากลับหาญกล้าชี้นิ้วตะคอกใส่ตน

              พี่สี่  ท่านอย่ามากเรื่องนักเลย  หรือควรรอให้ไฟไหม้เสื้อผ้าของท่านจนไร้สิ่งกำบังเสียก่อนถึงจะพอใจ?” 
    เว่ยซูลี่ขบกรามแน่น  ยามนี้นางถูกความโกรธครอบงำจนลืมเป้าหมายที่พยายามประจบประแจงเว่ยจิ่นจี๋ไปสิ้น 
      
              เว่ยจิ่นจี๋ถูกน้องห้าตวาดจนหน้าหงาย 

              ชั่วขณะนั้น  นางพลันบังเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว… นังเว่ยซูลี่นี่แหละคือผู้ที่วางแผนลอบทำร้ายนาง  ต้องเป็นมันแน่ๆ!


              “นังแพศยา อย่าอยู่เลย!! จบคำก็โคจรพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือ  เปิดฉากพุ่งเข้าไปกระชากผมของเว่ยซูลี่จนหลุดติดมือเป็นกระจุก 


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×