ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 九
เขตตะวันตกของจวนแม่ทัพ นอกจากป่าไผ่ขวางกั้นระหว่างเรือนของเว่ยเซียวกับเรือนอื่นๆแล้ว ยังมีทะเลสาบผืนใหญ่ตั้งอยู่แถบนี้มาแต่โบราณ
หากมิใช่แวดล้อมบรรยากาศเปลี่ยวคนไปสักหน่อย ก็นับว่าเป็นเขตแดนที่ทิวทัศน์งดงามไม่หยอก
เว่ยซูเม่ยตื่นเต้นดีใจ รีบเอื้อมมือไปเขย่าเรียกเว่ยจิ่นจี๋ “พี่สี่! ใช้น้ำ… น้ำจากทะเลสาบเจ้าค่ะ!”
เว่ยจิ่นจี๋ปัดมือนางออกอย่างรำคาญ “เจอน้ำเจ้าก็รีบไปตักสิ จะมาเรียกข้าทำไมเล่า ลี่เอ๋อเจ้าก็ไปด้วย... ไปเร็วเข้า!”
“จะ… เจ้าค่ะ!” สองแฝดกระวนกระวายรับคำ วิ่งตรงไปยังขอบทะเลสาบทันที
พวกนางใช้สองมือสั่นเทาวักน้ำขึ้นมา แต่พอเดินกลับไปถึงเว่ยจิ่นจี๋กลับพบว่าน้ำได้รั่วไหลลงพื้นไปจนหมด
เว่ยจิ่นจี๋อ้าปากค้างแทบกลืนหมูได้ทั้งตัว ไม่รู้ว่าสมควรด่าอย่างไร
นางที่ต้องรีบเข้าพบองค์รัชทายาทก่อนพระองค์จากไปกลับต้องมาติดพันอยู่ตรงนี้ เรือนหลักของนางก็แสนห่างไกล กว่าจะเร่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาใหม่คงไม่ทันกาล...
เว่ยซูลี่กุมปิดแก้มซ้ายที่โดนตบ นางกัดริมฝีปากข่มกลั้น โดยปกติเว่ยจิ่นจี๋ก็เป็นผู้ฝึกปราณที่มีพละกำลังเป็นทุนเดิม ตอนนี้ยังลงมือกับพวกนางโดยไม่ผ่อนแรงสักนิดเดียว
สายตาของเว่ยซูเม่ยฉายแววอันตรายชั่วครู่ แล้วจึงกลับเป็นอ่อนแอเช่นเดิม นางดึงมือเว่ยจิ่นจี๋ไปทางทะเลสาบ “พี่สี่… มายืนตรงนี้เจ้าค่ะ จะตักน้ำได้ง่ายขึ้น”
คนทั้งสามรีบวิ่งไปที่ขอบทะเลสาบ ใช้มือน้อยๆช่วยกันวักน้ำสาดชายกระโปรงสีชมพู
ทว่า… การกระทำของพวกนางเมื่อต้องลงมือกับเปลวไฟที่ไม่ธรรมดา จึงเปรียบเสมือนการโยนกิ่งไม้เติมเชื้อเพลิง
เพลิงสีชาดไม่ขึ้นตรงต่อกฎแห่งธรรมชาติ ดังนั้นนอกจากเปลวเพลิงจะไม่มอดดับแล้ว... เว่ยเซียวยังส่งพลังให้มันเร่งความเร็วในการลุกลามอีกด้วย
เว่ยจิ่นจี๋เห็นภาพนั้นก็กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ ชี้นิ้วคาดคั้นไปที่สองแฝด “กรี๊ด! นังพวกหน้าโง่! นี่พวกเจ้ารวมหัวกันแกล้งข้าใช่หรือไม่”
เว่ยซูเม่ยส่ายหน้าลนลาน และเป็นแฝดผู้พี่เว่ยซูลี่ที่เริ่มอดรนทนไม่ไหว “พี่สี่! พวกเราก็อยู่ในสายตาท่านมาโดยตลอด จะวางแผนทำร้ายท่านได้อย่างไรกัน”
เว่ยซูเม่ยกระตุกแขนเสื้อของพี่สาวฝาแฝด และรีบออกความเห็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ “พี่สี่… ข้าว่าท่านโดดลงน้ำเถอะ!”
ไม่ว่าจะเกลียดชังเว่ยจิ่นจี๋เพียงใด ต่อหน้าพี่สี่ผู้นี้ทั้งสองยังไม่อาจไม่เคารพนางได้
มิเช่นนั้นต่อให้ท่านพ่อเอ็นดูพวกนางสักเพียงใด พี่ใหญ่และพี่หญิงรองก็คงไม่ปล่อยพวกนางเอาไว้อย่างแน่นอน
เพียะ!
เว่ยจิ่นจี๋โกรธจนหน้าแดงก่ำ สะบัดข้อมือตบเว่ยซูเม่ยไปอีกหน
“นังบ้า! เจ้าไม่มีสมองหรืออย่างไร? คิดให้คุณหนูสี่ตระกูลแม่ทัพผู้มีเกียรติอย่างข้ากระโดดลงน้ำโสโครกนี่งั้นรึ!”
เว่ยซูลี่รู้สึกโมโหแทนแฝดคนน้องยิ่งนัก ทว่าในตอนนั้นเอง สายตาของนางพลันเหลือบไปเห็นบ่าวรับใช้ที่วิ่งหน้าตื่นมาทางนี้
หากยังปล่อยให้เว่ยจิ่นจี๋สะบัดมือตบพวกนางต่อไป มีหวังใบหน้างดงามของพวกนางคงกลายเป็นหัวหมูห้อเลือดที่ถูกอบจนระเบิดแน่ๆ
บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักฝีเท้าก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปทันที
เว่ยจิ่นจี๋มองเว่ยซูลี่อย่างไม่เชื่อสายตา แทบกระอักเลือดด้วยความเดือดดาล “ตามท่านพ่อ? ตามท่านพ่อมาด้วยทำไม! หากเรียกท่านพ่อมิใช่ว่าองค์รัชทายาทก็ต้องตามมาด้วยรึ? นังหมูตัวเมีย!”
“พี่สี่ ท่านอย่ามากเรื่องนักเลย หรือควรรอให้ไฟไหม้เสื้อผ้าของท่านจนไร้สิ่งกำบังเสียก่อนถึงจะพอใจ?” เว่ยซูลี่ขบกรามแน่น ยามนี้นางถูกความโกรธครอบงำจนลืมเป้าหมายที่พยายามประจบประแจงเว่ยจิ่นจี๋ไปสิ้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เว่ยจิ่นจี๋ปัดมือนางออกอย่างรำคาญ “เจอน้ำเจ้าก็รีบไปตักสิ จะมาเรียกข้าทำไมเล่า ลี่เอ๋อเจ้าก็ไปด้วย... ไปเร็วเข้า!”
“จะ… เจ้าค่ะ!” สองแฝดกระวนกระวายรับคำ วิ่งตรงไปยังขอบทะเลสาบทันที
พวกนางใช้สองมือสั่นเทาวักน้ำขึ้นมา แต่พอเดินกลับไปถึงเว่ยจิ่นจี๋กลับพบว่าน้ำได้รั่วไหลลงพื้นไปจนหมด
เว่ยจิ่นจี๋อ้าปากค้างแทบกลืนหมูได้ทั้งตัว ไม่รู้ว่าสมควรด่าอย่างไร
เพียะ! เพียะ!
เมื่อได้สติพลันสะบัดมือตบไปที่หน้าของสองแฝดด้วยความหงุดหงิด “นังพวกโง่! ใช้การไม่ได้เรื่อง!”
เว่ยจิ่นจี๋ในตอนนี้โมโหเสียจนหน้ามืดตามัว ไม่คิดแยกแยะอันใดทั้งสิ้น
นางที่ต้องรีบเข้าพบองค์รัชทายาทก่อนพระองค์จากไปกลับต้องมาติดพันอยู่ตรงนี้ เรือนหลักของนางก็แสนห่างไกล กว่าจะเร่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาใหม่คงไม่ทันกาล...
แล้วเปลวไฟบัดซบนี่ เหตุใดทำอย่างไรก็ไม่หายไปเสียทีเล่า!
เว่ยจิ่นจี๋ผู้น่าสงสาร นางไม่มีทางตระหนักเลยว่าสิ่งนี้หาใช่เปลวไฟธรรมดาไม่ ทั้งเป้าหมายที่ถูกกำหนดก็คือเสื้อผ้าของนาง
เว่ยซูลี่กุมปิดแก้มซ้ายที่โดนตบ นางกัดริมฝีปากข่มกลั้น โดยปกติเว่ยจิ่นจี๋ก็เป็นผู้ฝึกปราณที่มีพละกำลังเป็นทุนเดิม ตอนนี้ยังลงมือกับพวกนางโดยไม่ผ่อนแรงสักนิดเดียว
สายตาของเว่ยซูเม่ยฉายแววอันตรายชั่วครู่ แล้วจึงกลับเป็นอ่อนแอเช่นเดิม นางดึงมือเว่ยจิ่นจี๋ไปทางทะเลสาบ “พี่สี่… มายืนตรงนี้เจ้าค่ะ จะตักน้ำได้ง่ายขึ้น”
คนทั้งสามรีบวิ่งไปที่ขอบทะเลสาบ ใช้มือน้อยๆช่วยกันวักน้ำสาดชายกระโปรงสีชมพู
ทว่า… การกระทำของพวกนางเมื่อต้องลงมือกับเปลวไฟที่ไม่ธรรมดา จึงเปรียบเสมือนการโยนกิ่งไม้เติมเชื้อเพลิง
เพลิงสีชาดไม่ขึ้นตรงต่อกฎแห่งธรรมชาติ ดังนั้นนอกจากเปลวเพลิงจะไม่มอดดับแล้ว... เว่ยเซียวยังส่งพลังให้มันเร่งความเร็วในการลุกลามอีกด้วย
เว่ยจิ่นจี๋เห็นภาพนั้นก็กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ ชี้นิ้วคาดคั้นไปที่สองแฝด “กรี๊ด! นังพวกหน้าโง่! นี่พวกเจ้ารวมหัวกันแกล้งข้าใช่หรือไม่”
เว่ยซูเม่ยส่ายหน้าลนลาน และเป็นแฝดผู้พี่เว่ยซูลี่ที่เริ่มอดรนทนไม่ไหว “พี่สี่! พวกเราก็อยู่ในสายตาท่านมาโดยตลอด จะวางแผนทำร้ายท่านได้อย่างไรกัน”
เว่ยซูเม่ยกระตุกแขนเสื้อของพี่สาวฝาแฝด และรีบออกความเห็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ “พี่สี่… ข้าว่าท่านโดดลงน้ำเถอะ!”
ไม่ว่าจะเกลียดชังเว่ยจิ่นจี๋เพียงใด ต่อหน้าพี่สี่ผู้นี้ทั้งสองยังไม่อาจไม่เคารพนางได้
มิเช่นนั้นต่อให้ท่านพ่อเอ็นดูพวกนางสักเพียงใด พี่ใหญ่และพี่หญิงรองก็คงไม่ปล่อยพวกนางเอาไว้อย่างแน่นอน
เพียะ!
เว่ยจิ่นจี๋โกรธจนหน้าแดงก่ำ สะบัดข้อมือตบเว่ยซูเม่ยไปอีกหน
จากใบหน้าที่ม่วงช้ำอยู่แล้ว เมื่อเพิ่มอีกรอยตบก็ยิ่งบวมเป่งประหนึ่งหัวหมูไหว้เจ้า
“นังบ้า! เจ้าไม่มีสมองหรืออย่างไร? คิดให้คุณหนูสี่ตระกูลแม่ทัพผู้มีเกียรติอย่างข้ากระโดดลงน้ำโสโครกนี่งั้นรึ!”
เว่ยซูลี่รู้สึกโมโหแทนแฝดคนน้องยิ่งนัก ทว่าในตอนนั้นเอง สายตาของนางพลันเหลือบไปเห็นบ่าวรับใช้ที่วิ่งหน้าตื่นมาทางนี้
“อ๊ะ! เจ้า... รีบไปตามท่านพ่อกับฮูหยินใหญ่มาเร็วเข้า!” เว่ยซูลี่ตะเบ็งออกคำสั่งโดยไม่ต้องหยุดคิด ยามนี้นางไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของเว่ยจิ่นจี๋อีกต่อไปแล้ว
หากยังปล่อยให้เว่ยจิ่นจี๋สะบัดมือตบพวกนางต่อไป มีหวังใบหน้างดงามของพวกนางคงกลายเป็นหัวหมูห้อเลือดที่ถูกอบจนระเบิดแน่ๆ
บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักฝีเท้าก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปทันที
เว่ยจิ่นจี๋มองเว่ยซูลี่อย่างไม่เชื่อสายตา แทบกระอักเลือดด้วยความเดือดดาล “ตามท่านพ่อ? ตามท่านพ่อมาด้วยทำไม! หากเรียกท่านพ่อมิใช่ว่าองค์รัชทายาทก็ต้องตามมาด้วยรึ? นังหมูตัวเมีย!”
เว่ยจิ่นจี๋รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่เข้าที นางใคร่ครวญดูแล้วจึงคิดล้มเลิกความตั้งใจเพื่อไปพบองค์รัชทายาท หมายมาดรีบหนีไปก่อนท่านพ่อจะรุดหน้ามาถึง
แต่ไม่คาดว่าตอนนั้นเอง เว่ยซูลี่ที่มักทำตัวเป็นไม้อ่อนตลอดเวลากลับหาญกล้าชี้นิ้วตะคอกใส่ตน
“พี่สี่ ท่านอย่ามากเรื่องนักเลย หรือควรรอให้ไฟไหม้เสื้อผ้าของท่านจนไร้สิ่งกำบังเสียก่อนถึงจะพอใจ?” เว่ยซูลี่ขบกรามแน่น ยามนี้นางถูกความโกรธครอบงำจนลืมเป้าหมายที่พยายามประจบประแจงเว่ยจิ่นจี๋ไปสิ้น
เว่ยจิ่นจี๋ถูกน้องห้าตวาดจนหน้าหงาย
ชั่วขณะนั้น นางพลันบังเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว… นังเว่ยซูลี่นี่แหละคือผู้ที่วางแผนลอบทำร้ายนาง ต้องเป็นมันแน่ๆ!
“นังแพศยา! อย่าอยู่เลย!!” จบคำก็โคจรพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือ เปิดฉากพุ่งเข้าไปกระชากผมของเว่ยซูลี่จนหลุดติดมือเป็นกระจุก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น