ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : 二 十 一
เขาตามตัวพวกนางเพื่อให้มายืนปัดความรับผิดชอบใส่กันเช่นนี้หรือ?
ไม่ใช่!
สี่ชีวิตภายในโถงสะดุ้งเฮือก เสียงสูดหายใจดังพร้อมเพรียง พวกนางรีบก้มหน้าไม่กล้าสบตาท่านแม่ทัพ ไม่กล้าแม้จะกล่าวสิ่งใดออกมาอีก
แม่ทัพบูรพายามนี้โมโหขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว!
เมื่อโถงหลักคืนสู่ความสงบดังเดิม เว่ยหลางจึงหันไปมองเว่ยจิ่นจี๋เป็นอันดับแรก “จี๋เอ๋อ... การที่องค์รัชทายาทเอ่ยปฏิเสธข้อเสนอของพ่อไป เจ้าคงไม่คิดถือโทษผู้ใดใช่หรือไม่?”
หากนางยังไม่สำนึกผิดและยอมกล่าวโทษตนเอง… เว่ยหลางก็ไม่รู้ว่าตนควรปฏิบัติเช่นไรกับบุตรสาวไร้ยางอายผู้นี้แล้วจริงๆ
ต่อให้เอ็นดูเพียงใด ...ถ้าไม่เห็นแก่หน้าเจ้าใหญ่และมี่เอ๋อ เว่ยหลางคงไม่แคล้วจับบุตรสาวสี่ผู้นี้ไปทิ้งที่แดนทุรกันดารนอกเมืองเสียให้ได้
เว่ยจิ่นจี๋ข่มกลั้นโทสะหน้าดำหน้าแดง นางกัดริมฝีปากจนห้อเลือด น้ำเสียงโฮกฮากแข็งกระด้างยิ่ง “เจ้าค่ะ!”
พลันนั้นให้รู้สึกเปียกชื้นที่ข้างแก้ม เว่ยจิ่นจี๋อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป นางเงยหน้ามองสบเว่ยซูลี่อย่างโกรธแค้น หันหลังวิ่งออกไปทันที
เพราะพวกมัน… เป็นเพราะนังแพศยาพวกนั้น! นางสูญเสียตำแหน่งในใจองค์รัชทายาทไปแล้ว… จะทำอย่างไรดี
“จี๋เอ๋อ!” ฟ่านอวี่ตะโกนเรียกบุตรสาว รู้สึกรวดร้าวคล้ายมีคนเอาค้อนทุบตีโดยไม่ปราณี
หากสือเอ๋อกับมี่เอ๋ออยู่ด้วยล่ะก็... พวกนางสองแม่ลูกคงไม่ต้องถูกผู้คนรังแกเฉกเช่นนี้!
เส้นเลือดบนขมับเว่ยหลางเต้นตุบๆ ดวงตาทอประกายเย็นชาขณะมองฟ่านอวี่ เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ปล่อยนางไป… จากนี้ให้นางสำนึกผิดอยู่แต่ในเรือน หากไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามผู้ใดปล่อยนางออกมาเพ่นพ่านโดยเด็ดขาด!”
ได้ยินวาจาตัดขาดเยื่อใยนั้น เปลวไฟพลันคุโชนในดวงตาของฟ่านอวี่ นางจ้องมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านพี่…”
ตั้งแต่ท่านพี่รับนังแพศยาแซ่เฝิงนั่นเข้ามา… ก็เห็นได้ชัดว่าความรักที่เขามอบให้นางเริ่มตัดทอนลง กระทั่งบัดนี้ยังลามปามมาถึงบุตรสาวของนางอีกหรือ?!
“อวี่เอ๋อ เจ้าก็ไปเสีย… อย่าทำให้ข้าต้องโหดร้ายไปมากกว่านี้เลย ” เว่ยหลางรู้สึกรำคาญใจนัก ฟ่านอวี่ในยามนี้มิได้บานสะพรั่งเช่นวันวาน ดังนั้นเขาจึงหมดสิ้นอารมณ์ทุกคราที่ได้มองใบหน้าเหี่ยวย่นของนาง
โถงเรือนหลักหลงเหลือเพียงสามชีวิต ฮูหยินใหญ่หลังได้ยินวาจาไร้เยื่อใยของสามี นางก็ปิดหน้าร่ำไห้ชอกช้ำวิ่งตามบุตรสาวไปอีกคน
เว่ยหลางเหนื่อยหน่ายใจทว่ามิได้รั้งนางไว้ เขาหันไปมองดูบุตรสาวฝาแฝดทั้งสอง “พวกเจ้า… ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
สำหรับท่านแม่ทัพผู้กรำศึก เฝิงซวงอี๋ซึ่งทั้งอ่อนโยนฉลาดเฉลียวนั้นเปรียบดั่งดอกเหมยชั้นยอดที่ผลิบานในเหมันตฤดู แม้สถานะของนางไม่อาจเทียบเท่าฟ่านอวี่ผู้มีบุตรชายคนโตคอยเสริมบารมี แต่ก็เพราะด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้สึกว่านางช่างคล้ายบุปผางามน้อยๆ ควรค่าแก่การถนอมบำรุง
ถามไถ่สุขภาพกันสักพัก เมื่อเห็นท่านพ่อมิได้ติดใจเอาความเรื่องเมื่อวานกับพวกนาง เว่ยซูเม่ยพลันเดินก้าวขึ้นไปข้างหน้าและเริ่มร่ายรำการแสดง
ดวงตาไร้เดียงสากลอกไปมา ท่าทีอ้ำอึ้งราวกับลังเลที่จะพูดบางสิ่ง “ท่านพ่อ… คือว่า…”
“หืม?” เว่ยหลางเลิกคิ้วสงสัย บุตรสาวผู้นี้มักขี้อายพูดน้อยอยู่เสมอ แล้วนางมีเรื่องใดจะกล่าวกับเขางั้นหรือ
เว่ยซูเม่ยแสร้งประหม่าก้มหน้ามองพื้น ปกปิดนัยน์ตาชั่วร้ายของตน “อันที่จริง… ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่ริมทะเลสาบ… เม่ยเอ๋อ… เอ่อ… กับพี่สาวทั้งสอง… ก่อนหน้านั้น... ไปเยี่ยมพี่สามมา… เจ้าค่ะ”
นางกล่าวพลางลอบสังเกตแววตาของท่านพ่อไปด้วย เห็นเขายังไม่มีท่าทีใดๆ จึงเริ่มพูดต่อไป “เม่ยเอ๋อกับพี่สี่และพี่ห้า… เข้าไปเยี่ยมพี่สาม… ทว่าเมื่อผลักประตู… ภายในห้อง… ไม่รู้ว่าพี่สามหายไปที่ใดแล้ว… เจ้าค่ะ”
เว่ยซูลี่ปรายมองน้องสาวฝาแฝดด้วยสายตายกย่อง นี่นางหลงลืมไปได้อย่างไรว่ายังมีเรื่องของนังสารเลวเว่ยเซียวนั่น!
หากท่านพ่อรู้ว่ามันลอบออกจากจวนโดยมิได้รับอนุญาต ท่านพ่อจะต้องไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ๆ
เว่ยหลางขมวดคิ้วหน้าบึ้ง “เม่ยเอ๋อ… เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เว่ยเซียวพี่สามของเจ้าหายตัวไปเช่นนั้นรึ?”
เว่ยซูลี่ไม่รีรอ รีบผงกศีรษะสมทบโดยเร็ว “เจ้าค่ะ! ท่านพ่อ… ลี่เอ๋อคิดว่าพี่สามคงมีธุระสำคัญบางอย่าง จึงหายตัวไปจากจวนโดย... โดยไม่ได้มาขออนุญาตท่านก่อนเจ้าค่ะ”
เว่ยหลางมองแววตากระจ่างใสของบุตรสาวฝาแฝดก่อนจะผุดยืนช้าๆ เขาเกลียดที่สุดคือผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่เห็นหัวแม่ทัพบูรพาเช่นเขา “หากนางลอบออกจากจวนไปจริง ความผิดนี้พ่อไม่อาจปล่อยเอาไว้ได้”
กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อ แบกเมฆดำเร่งออกจากโถงมุ่งสู่ทิศตะวันตก... ตำแหน่งเรือนรกร้างห่างไกลผู้คน
เว่ยซูเม่ยตระหนักถึงความจริงข้อนี้ดียิ่ง แม้ขนบประเพณีของแคว้นเป่ยเจิ้งมิได้เคร่งครัดและค่อนข้างเน้นความสำคัญของผู้ฝึกปราณเป็นหลัก สามเชื่อฟังสี่จรรยาจึงไม่อาจพบเห็นในยุคนี้...
...ทว่านังเว่ยเซียว แต่ไหนแต่ไรก็ถูกท่านพ่อสั่งกักบริเวณเอาไว้ ไม่สามารถก้าวออกจากจวนโดยพละการ เว่ยซูเม่ยไม่ลังเลที่จะใช้มันต่างคมดาบเพื่อจัดการกับเว่ยเซียว
นางเป็นคนแค้นลึก แค้นอาฆาต... แล้วจะปล่อยนังคนไร้ค่าที่พูดแดกดันให้นางต้องอับจนหนทางในวันนั้นไปได้อย่างไร
ครั้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เว่ยซูเม่ยก็เผลอนึกไปถึงกิริยาลุ่มลึก กอปรวาจาฉะฉานต่างไปจากเดิมของเว่ยเซียว ประกายความคิดบางอย่างจุดวาบ ดวงตาราวกวางน้อยเริ่มทอแววครุ่นคิด
เมื่อวาน… นอกจากพี่สี่และพวกนางก็ไม่มีผู้ใดรั้งอยู่บริเวณนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่า… เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะเป็นฝีมือของนังสารเลวนั่น?
แน่นอน พวกนางกล้าเอาศีรษะยืนยันว่าไม่ได้เป็นฝ่ายลอบทำร้ายพี่สี่ เช่นนั้นแล้ว... จะพ้นฝีมือผู้ใดไปได้อีกเล่า
เว่ยซูเม่ยสีหน้าหมองคล้ำลงทันตา นางรีบหันไปป้องปากกระซิบบอกแฝดผู้พี่ เพียงไม่นานการแสดงออกของทั้งสองก็ดูคล้ายมรสุมแห่งเพลิงพิโรธ
หากตรองให้ดี เหตุการณ์น่าอับอายที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ... ไม่ว่าพวกนางหรือเว่ยจิ่นจี๋ กระทั่งท่านพ่อและฮูหยินใหญ่ล้วนตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำยากจะพลิกฟื้น เดินหมากตัวเดียวกินเรียบทั้งกระดาน
อีกทั้ง... คนที่มีความแค้นกับพวกนางนอกจากนังเว่ยเซียวแล้วก็ไม่มีใครอื่น
เว่ยซูเม่ยเริ่มมั่นใจในการคาดเดาของตนถึงแปดเก้าส่วน แม้ยังคิดไม่ตกว่าเว่ยเซียวลอบใช้กลอุบายใด ...แต่ทั้งหมดนี่ต้องเป็นแผนชั่วช้าของนังสารเลวนั่นอย่างแน่นอน!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น