ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [衛霄] เพลิงวิญญาณบรรพกาล

    ลำดับตอนที่ #20 : 二 十

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.67K
      1.01K
      1 ก.ย. 63





              ฟู่เหวินหยางสะกดอารมณ์พลางเดินเข้าไป  ครั้นเห็นตัวปัญหานอนพิงเสาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไร้การป้องกันเช่นนั้น  คิ้วรูปดาบพลันกระตุกถี่ยิบ 

              ยังมีหน้ามานอนหน้าระรื่น!

              สุดท้าย  ฟู่เหวินหยางทอดถอนใจ  ช่างมันเถอะ... ก็แค่สมบัติกองเดียว  วังลู่เสียนแห่งนี้ยังมีเหลืออีกตั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าห้องให้เขาได้คอยชื่นชม  

              หรือต่อให้นางจะขนมันไปจนหมดทั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าห้อง… เขาก็ยังมีสำรองที่ตำหนักเฟยเจินอีกห้าร้อยประตูทองคำ

              ฟู่เหวินหยางมิได้เรียกปลุกเด็กสาวขึ้นมาคั้นคำตอบ  เพียงตรงเข้าไปช้อนตัวนางไว้ในอ้อมอกและหันหลังออกจากห้องสมบัติไป

              แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทันสังเกต  นิสัยเผื่อแผ่ไม่หาความเช่นนี้  นอกจากเด็กสาวตรงหน้าแล้ว  ฟู่เหวินหยางผู้อารมณ์แปรปรวนร้ายกาจ  ไม่เคยยั้งไมตรีต่อผู้ใดมาก่อน 

              กระทั่งองครักษ์เงาทั้งเจ็ดนาย  ยังประหลาดใจอย่างมากในอิริยาบถไม่เข้าท่าที่ท่านอ๋องของพวกเขามีให้แก่คุณหนูสามเว่ย

              เหล่าองครักษ์เงาแลกเปลี่ยนสายตากัน  เด็กสาวผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ทำให้หยินอ๋องผู้หวงแหนทรัพย์สมบัติประหนึ่งลูกในไส้ยอมปล่อยนางไปโดยไม่คิดถือโทษ  ทั้งได้รับการปฏิบัติที่ไม่เลวจากพระองค์อีกด้วย

              พวกเขารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหนังศีรษะอีกครั้ง  หรือสมองของท่านอ๋องจะพลิกกลับด้านไปเสียแล้ว

              คิดมาถึงตรงนี้ทุกคนต่างรีบส่ายหน้าพัลวัน  หยุดความคิดผายลมเสีย!  หยินอ๋องผู้มากเล่ห์สุดเท่ของพวกเขาจะเอาไปรวมเข้ากับคนปัญญาอ่อนได้อย่างไร

              ฟู่เหวินหยางเดินเอื่อยไปทางห้องนอนที่ทั้งสองเข้ามา  ทันใดนั้นเหมือนเพิ่งนึกเรื่องที่ไม่สำคัญขึ้นมาได้  เขาชะงักฝีเท้า  หรี่ตามองเงาที่ก้มหน้าตามหลังรอรับคำสั่งอยู่เงียบๆ
     
              ฟู่เหวินหยางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ย้ายสมบัติของเจ้านั่นมาไว้ที่นี่ก็แล้วกัน

              แม้นรู้สึกว่าตนยังคงหลงลืมเรื่องสำคัญอีกประการไป  แต่อย่างไรก็นึกไม่ออกเสียที  ท้ายสุดจึงทำเพียงปล่อยผ่านเลย

              “พ่ะย่ะค่ะองครักษ์เงาทั้งเจ็ดรับคำสั่งพร้อมเพรียง  ค่อยผลุบหายไปจากจุดยืนราวปีศาจ

              
    ‘เจ้านั่น’ ที่หมายถึงก็คือองค์รัชทายาทฟู่เหวินเหอ  ก่อนหน้านี้  ท่านอ๋องมีประสงค์ให้สร้างตำหนักเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง  เพื่อใช้เก็บสมบัติที่ริบได้จากองค์รัชทายาทสมองกลวงผู้นั้นทั้งในปัจจุบันและภายภาคหน้า  ไม่คาดว่าวันนี้จะต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน



              ฟู่เหวินหยางถีบประตูห้องนอน  อุ้มเด็กสาวกลับออกทางเดิมที่ใช้พาเข้ามา  

              การกระทำของหยินอ๋องนุ่มนวลเงียบเชียบ  ไม่รบกวนเว่ยเซียวซึ่งกำลังหลับใหลแม้แต่น้อย

              เทพสังหารผู้นี้ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา  นั่นเป็นความจริงที่ทุกคนประจักษ์แจ้ง

              ทว่ากับเด็กสาวผู้นี้  กลิ่นอายบางอย่างรอบกายนางดึงดูดฟู่เหวินหยางได้ชะงัด  ทำให้เขาไม่อาจมองข้ามหรือสังหารนางทิ้งเพื่อช่วงชิงสมบัติมาเป็นของตน  

              ดังนั้น... ก่อนค้นพบคำตอบของความรู้สึกน่ารำคาญใจนี่  ฟู่เหวินหยางจึงหมายเก็บนางไว้ดูเล่นสักระยะหนึ่ง  ปั้นแต่งให้กลายเป็นหมากที่สามารถหยิบใช้ได้ทุกเมื่อ  

              จิตบรรพกาลที่นางถือครองอาจมอบประโยชน์ให้แก่เขาไม่มากก็น้อย



              เมื่อพาเว่ยเซียวกลับมาส่งถึงเรือนตามคำสัญญา  ฟู่เหวินหยางค่อยบรรจงวางนางลงบนเตียง  ตรองชั่วครู่ก็หยิบขวดหยกลายครามวางไว้ข้างๆพร้อมแนบบอกวิธีใช้งาน  แล้วจึงหมุนตัวจากไปพร้อมความมืดมิด

              เว่ยเซียวลืมตื่นอีกครั้งในยามซื่อ [1]  และพบว่าตนกลับมานอนอยู่ในห้องที่คุ้นเคยโดยไร้ซึ่งรอยตำหนิใด

              ฟู่เหวินหยางผู้นั้นแม้ร้ายกาจสองอารมณ์แต่ก็หาใช่คนสับปลับไม่  ทั้งมิได้หลงลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับนาง  นับเป็นบุรุษมีสัจจะผู้หนึ่ง
     
              เว่ยเซียวตั้งท่าจะลุกลงจากเตียง  หางตาถึงเหลือบไปเห็นขวดหยกลายครามวางอยู่ข้างลำตัว

              สิ่งนี้คือ?

              เว่ยเซียวนำขวดหยกมาเพ่งพินิจ  ก่อนสังเกตเห็นกระดาษเล็กร่วงลงมา  นางกวาดสายตาไล่อ่านตัวอักษรบนกระดาษแผ่นนั้น  ครบถ้วนทุกแถวไม่ตกหล่น

              วารีเทพสมุทร  ชำระล้างพิษ  เป็นลายมือที่ตวัดเขียนได้ดุดันแข็งกร้าวทีเดียว 

              ใช่ฟู่เหวินหยางทำตกไว้หรือไม่?  ...ช่างมันเถอะ  ถือเสียว่าเขามอบให้นางโดยไม่ตั้งใจก็แล้วกัน  เพียงอย่ามาทวงหาด้วยการบีบคอนางอีกเป็นใช้ได้

              เว่ยเซียวโยนขวดหยกลายครามลงมิติลับอย่างไม่ใส่ใจ  นางมีห้วงสมุทรดาราไว้คอยทำหน้าที่กำจัดพิษทุกแขนง  ดังนั้นสิ่งนี้คงไม่จำเป็นเท่าไหร่ 

              แต่หากนำไปขายคงได้ราคาดีไม่น้อย...

              ช่างน่าเศร้าที่วารีเทพสมุทร  หนึ่งในตัวยาระดับสูงซึ่งผู้คนล้วนเพียงเฝ้ามองไม่อาจสัมผัสต้อง  ถูกตีค่าต่ำติดดินโดยเด็กสาวนามเว่ยเซียว  โยนทิ้งขว้างไม่แยแสไว้มุมหนึ่งในห้วงมิติลับ

              กระทั่งเว่ยหลาง  บิดาไร้มโนธรรมของนาง  ยังไม่มีปัญญาสูดดมแม้กลิ่นของมัน  หากผู้คนได้มาเห็นการปฏิบัติอันแสนหยาบคายของเด็กสาว  แน่นอนพวกเขาคงไม่ลังเลที่จะไล่ทุบนางให้ตายเพื่อชิงวารีเทพสมุทรไปเป็นของตน

              ยามนี้กองทุนไม่ใช่ปัญหาสำหรับเว่ยเซียวอีกต่อไป  เหลือเรื่องยุ่งยากเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น  นางจะนำมันไปแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วเงินอย่างไรดี

              เว่ยเซียวยังไม่มั่นใจในความสามารถของตน ...ว่าจะรอดพ้นสายตาผู้คุ้มกันจวนไปได้หรือไม่  

              คงมีแต่ต้องไปพบบิดาไร้มโนธรรมผู้นั้นอีกสักครั้ง   



              เวลาเดียวกันภายในโถงเรือนหลัก  แม่ทัพบูรพาผู้มีใบหน้าถมึงทึงกำลังจับจ้องไปที่บุตรสาวทั้งสามและฮูหยินใหญ่ของตน

              “เมื่อวานนี้พวกเจ้าก่อเรื่องอะไรเอาไว้  รู้ตัวหรือไม่?” เว่ยหลางมืดแปดด้าน  ยากนักที่จะคุมโทสะมิให้พวยพุ่งถึงชั้นฟ้า  ความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างองค์รัชทายาทต้องหมองหม่นเพียงเพราะเหตุการณ์ไร้ยางอายเมื่อกลางวันนั้น!

              แม้เว่ยหลางปรารถนาอย่างยิ่งที่จะปรี่เข้าไปตบฟ่านอวี่สักฉาด  หากก็ต้องยับยั้งชั่งใจไว้เสียก่อน

              เขายังเห็นแก่หน้าบุตรชายคนโตและบุตรสาวคนรองซึ่งออกจากบ้านไปหาประสบการณ์  เสริมสร้างชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูล

              เว่ยจิ่นจี๋ผู้ได้รับการรักษาจนแผลเริ่มหายดีก้มหน้างุด  เก็บซ่อนประกายอาฆาตในดวงตา ท่านพ่อ ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นเพราะนังสารละ น้องห้าที่วางแผนทำร้ายจี๋เอ๋อนางลอบเผากระโปรงของจี๋เอ๋อ  ท่านแม่เพียงต้องการปกป้องจี๋เอ๋อเท่านั้นเจ้าค่ะ

              เว่ยซูลี่ชักสีหน้าทันใด พี่สี่จนบัดนี้ท่านก็ยังโยนความผิดมาให้ข้าอีกงั้นหรือ?

              เว่ยซูลี่ในตอนนี้โมโหมาก  มากเสียจนอยากพุ่งเข้าไปบีบคอเว่ยจิ่นจี๋ให้ตายคามือ  ใช่พี่สี่จะรู้สึกอับอายคนเดียวเสียที่ไหน?  นางก็ต้องทนต่อสายตาขององค์รัชทายาทเฉกเดียวกันมิใช่รึ!

              เว่ยซูเม่ยดึงกระตุกชายอาภรณ์ของพี่สาวฝาแฝด  นางสั่นศีรษะบอกเป็นนัยให้อยู่นิ่งๆเอาไว้

              “ลี่เอ๋อ!  แม่ใหญ่เห็นกับตาว่าเจ้าประทุษร้ายจี๋เอ๋อ  ยามนี้ต่อหน้าท่านพ่อของเจ้า  ก็ยังไม่ยอมคุกเข่าขอขมาพี่สาวของเจ้าอีกหรือ!” ฟ่านอวี่ตำหนิเว่ยซูลี่เสียงดัง  เพราะนังเด็กแฝดนรกคู่นี้แท้ๆ  ทำให้นางต้องกล้ำกลืนความอัปยศพวกนั้นลงไป  กลายเป็นตัวตลกเพียงชั่วข้ามคืน

              และที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าคือ... ไม่ว่านางต้องการสำรอกมันออกมาเพียงใดก็มิอาจกระทำได้!

              ปัง!

              “เงียบ!!” เว่ยหลางพลันขัดจังหวะถกเถียงของเหล่าสตรีด้วยการทุบเก้าอี้หยกจนเนื้อแตกละเอียด  ใบหน้าแดงก่ำของเขาชวนให้ผู้คนนึกถึงโคมฉลองเทศกาลปีใหม่ขึ้นมา

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    [1] ยามซื่อ : การนับเวลาของจีนโบราณ เท่ากับเวลา 09.00 น. - 10.59 น.



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×