ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #8 : Clarity. ความกระจ่าง

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 58


              การครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...ณ กระท่อมน้อยกลางป่าสนที่มีแต่หิมะสีขาวปกคลุม มันดูสะอาดตาเมื่อได้มองเข้าไป แต่อุณหภูมิติดลบของมันแทบทำให้ไม่มีใครอยากเข้าไปหากระท่อมหลังนั้น และแล้ว..ประตูกระท่อมก็เปิดออกมา หญิงสาวผมสีบลอนด์ทองเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเหมือนกับท้องนภาได้ชะเง้อออกมาดูด้านนอก ในมือของหล่อนถือตะกร้าใบเล็กที่สานด้วยเส้นสีน้ำตาล ในตะกร้าเต็มไปด้วยแอปเปิ้ลสีแดงสดเหมือดวงอาทิตย์ยามเย็น เด็กสาวเอื้อมมือไปหยิบผ้าคลุมสีแดงที่แขวนอยู่กับไม้แขวนเสื้อภายในกระท่อมมาคลุมหัวก่อนจะเดินหน้าออกจากกระท่อมหลังนั้น หล่อนเดินลัดเลาะเข้าไปยังป่าสน มือสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ หล่อนเดินเข้าไปยังอาคารหลังใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางหิมะ ชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบสีขาวคนหนึ่งเอามือมาขวางเด็กสาวเอาไว้เหมือนกับไม่ต้องการให้เด็กสาวเข้าไป

              “จะไปไหน”อีกคนถามเป็นภาษรัสเซีย

              “...”เด็กสาวได้แต่ใช้ดวงตากลมโตมองชายคนนั้นก่อนจะกระพริบตา

              “หล่อนอาจไม่เข้าใจนะ”คนที่กันหล่อนเอาไว้

              “ขอโทษนะคะ หนูไม่เข้าใจว่าพวกหน้าพูดเรื่องอะไร”

              ชายสองคนนั้นหันไปกระซิบกระซาบกัน แล้วอีกคนก็หันมา

              “ขอโทษนะ หนูจะไปไหนเหรอ”

              เด็กสาวยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง”ให้หนูเข้าไปได้มั้ยคะ?”

              “คงไม่ได้ละมั้งสาวน้อย”

              เด็กสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพวกผู้ใหญ่สองคนนั่นด้วยแววตาที่เปล่งประกายเหมือนเพชร ชายสองคนหันหน้าไปคุยกันอีกที ก่อนจะหันมา เด็กสาวยิ้มอย่างขอร้องให้กับชายทั้งสองคน

              “โอเค-ก็ได้ น้าให้เวลายี่สิบนาทีนะ รีบออกมาเร็วๆถ้าไม่อยากกลายเป็นอาหารของมังกรที่ยู่ข้างในนั่นน่ะ”

              “ค่ะ! หนูจะรีบออกมาเร็วๆ”

              ชายคนนั้นยิ้มให้เด็กสาวก่อนจะหันไปเปิดประตูให้หล่อน เด็กสาวผมบลอนด์ยิ้มให้พวกเขาสองคนก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับตะกร้าแอปเปิ้ลในมือ หล่อนเดินเข้าไปในอาคารท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้คนในเครื่องแบบเดียวกับน้าทั้งสองเมื่อครู่ ต่างคนต่างมองหล่อนเหมือนกับตัวประหลาด แต่เด็กสาวไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หล่อนเดินผ่านคนพวกนั้นไปยังห้องๆหนึ่งที่อยู่ทางขวามือ เด็กสาวหยุดเดินก่อนจะยื่นมือไปเคาะประตูไม้บานนั้น

              ก็อกๆๆ..

              “เข้ามา!

              เสียงนั่นดังมาจากอีกด้านของประตู หล่อนยิ้มก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ในห้องนั้นเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ โต๊ะทำงานตัวใหญ่วางอยู่ด้านหน้าของเธอ เด็กสาวกำหูตะกร้าแอปเปิ้ลแน่นก่อนจะเดินเข้าไปหาชายที่นั่งท่ามกลางแผ่นกระดาษที่วางเต็มอยู่บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลดำ เขาเงยหน้าจากกองกระดาษเพ่งมองมายังหล่อนด้วยสายตาเดียวกับคนด้านนอก

              “เชิญนั่งสิหนู”เขาพูดก่อนจะผ่ายมือมายังเก้าอี้ไม้ตรงหน้า

              “ขอบคุณค่ะ”หล่อนเดินมานั่งลงบนเก้าอี้

              “มีธุระอะไรเหรอ”

              หล่อนทำท่านึก ก่อนจะพูดอ๋อ”หนูเอาแอปเปิ้ลของคุณย่ามาฝากค่ะ”

              “จริงเหรอ ขอบใจมากนะแม่หนูน้อยหมวกแดง”เขาหยิบแอปเปิ้ลลูกหนึ่งออกมาจากตะกร้าใบเล็ก”ลุงขอชิมซักลูกได้มั้ย?”

              “ได้สิคะ! หนูเอามาให้ลุงนี่”

              “น่ารักจริงๆเลย”เขาคิด ก่อนจะกัดแอปเปิ้ลในมือ

              “เป็นไงบ้างคะ อร่อยมั้ย”เด็กสาวถาม

              “อร่อยมากจ้ะ”

              หล่อนแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว”งั้นเหรอ..”

              และทันใดนั้น..

              “อ็อก!!”ชายคนนั้นยกมือขึ้นจับคอตัวเองก่อนจะดิ้นลงไปนอนกับพื้น เด็กสาวผมบลอนด์คนนั้นค่อยๆถอดผ้าสีแดงที่คลุมอยู่ออกมาถือแทนตะกร้า

              “อร่อยมากเลยเหรอคะ? ฮิๆๆ”

              “ก..แก..แก..ใส่อะไร...ล..ลงใน..แอป...”เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เด็กสาวที่ดูเหนือกว่ายิ้ม

              “แค่สารพิษที่เหลือจากการทดลองในแล็ปน่ะค่ะ หนูคิดว่ามันจะอร่อยซักอีก”แล้วหล่อนก็หยิบปืนกระบอกเล็กออกมาจากตะกร้าแอปเปิ้ล

              “จ..จะทำอะ..ไรน่ะ! แค่กๆ”

              หล่อนหยิบผ้าสีแดงที่เคยเอามาคลุมหัวมาเช็ดกระบอกปืนด้วยสีหน้ารื่นรม

              “Gute Nacht..(ฝันดีนะคะ)”

              ปัง!

              -นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่ารับของจากคนนอก-

    ------------------------------------------------------------------------------

    If our love is tragedy, why are you my remedy?
    If our love’s insanity, why are you my clarity?

    Why?

    Why?

    Why?
    ....
    ..
    .....
    ...
    .

    15 เมษายน ค.ศ.1935

    ปารีส, ฝรั่งเศส 10.00น.

    “ปารีส!!! ให้ตายสิ! เจ๋งชะมัดยาด!
                เบ็ธวิ่งนำหน้าฉันกับครีนัสไปอย่างรวดเร็ว ฉันอมยิ้มให้กับท่าทางของเธอ เบ็ธวิ่งกึ่งกระโดดไปยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลอย่างอารมณ์ดี 
    หล่อนเดินเข้าไปสั่งลาเต้ของโปรดก่อนจะหันมาถามกับครีนัส
                "เอาอะไรมั้ยแม่สาวอังกฤษ"
                "ถ้าไม่มีไวน์ฉันก็ไม่เอาหรอก"ครีนัสพูดพลางส่ายหัวไปมา
                "แล้วเธอละจ๊ะ"แล้วหล่อนก็หันมาถามฉันต่อ
                "ม...ไม่เป็นไรหรอก เกรงใจเธอน่ะ.."
                "โธ่..มีแต่พวกผู้ใหญ่ทั้งนั้น"เบ็ธหันกลับไปสั่งลาเต้ทันที
                ฉันหันไปหาครีนัสที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเดียว หล่อนใส่แว่นกรอบสีดำเวลาอ่านหนังสือเท่านั้นล่ะ บางทีฉันก็แอบอิจฉาในความสง่าของหล่อน เพราะไม่ว่าจะไปไหน ทั้งปากกา...สมุดจด..และผ้าพันคอที่ดำจะตามเธอไปทุกที่ นอกจากนี้...นาซีที่ตามเธอมาก็เป็นอีกสิ่งที่ติดตามหล่อนมาเช่นกัน 
               "คาร์ลไปไหนแล้วละ"ฉันถามพลางหันไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นนาซีคนนั้น
               "ไปสูบบุหรี่ละมั้ง ช่างเขาเถอะ.."
               "ก็ได้.."
               เบ็ธเดินมาพร้อมกับกล่องกระดาษใหญ่ มันห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญ ผูกริบบิ้นสีฟ้าสดใส่ดูน่ารัก หล่อนยื่นมาให้ฉันทันทีที่จัดริบบิ้นเสร็จ
               "สุขสันต์วันเกิดนะแนต"
               "ขอบคุณมากเบ็ธ"ฉันยิ้มตอบก่อนจะรับกล่องใบนั้นมาแกะริบบิ้นออก นาฬิกาพกเรือนสีทองขนาดเล็กอยู่ในนั้นนั่นเอง ฉันหยิบมันขึ้นมาด้วยท่าทางสนใจมาก เลขโรมันอยู่รอบเป็นวงกลมตามหน้าปัด สายสีทองกระทบกับแสงอาทิตย์เป็นประกายแวววาวสวยงาม ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเบ็ธซึ่งกำลังยิ้มอยู่ ก่อนจะยิ้มให้หล่อน
               "เดี๋ยวฉันมานะ"ครีนัสพูดก่อนจะเดินออกจากกลุ่ม
               "เดี๋ยวสิ! ฉันมีของให้เธอเหมือนกันนะ แม่สาวอังกฤษ!"เบ็ธหยิบนาฬิกาเรือนเดียวกับของฉันให้ครีนัส หล่อนรับมันมาก่อนจะพยักหน้านิดหน่อยเหมือนกับขอบคุณ
               "จะไปไหนเหรอครีนัส"ฉันถามหล่อน
               "ไปตามคาร์ลน่ะสิ ไปสูบบุหรี่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เดี๋ยวเจอกันอีกสิบนาทีนะ"
               "จ้ะๆ รีบละกันพ่อฉัยจะมารับกลับแล้ว"
               "รู้แล้วน่า-"
               ..
               ฉันเดินออกจากกลุ่มของเบ็ธและนาตาชาร์ออกมา ตอนนี้ฉันต้องตามหาคาร์ลก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหน ที่ฉันรู้อย่างเดียวตอนนี้คือ..ต้องตามหาเขาให้เจอก่อนที่พ่อของเบ็ธจะมาซะก่อน ฉันไม่เข้าใจเลยซักนิดว่าทำไมเขาต้องมาเป็นภาระฉันด้วย 
              "ไปไหนอีกแล้วละ"
              ฉันเดินไปท่ามกลางฝูงชนมากมายที่พูดคุยกันอยู่อย่างสำราญ หลังสงครามครั้งแรกจบไปและพวกเขาเป็นฝ่ายชนะ หลังจากนั้นการใช้ชีวิตแบบเดิมๆก็หวนกลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆตอนนี้ฉันเจอคาร์ลแล้วละ เขานั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวในสวนสาธารณะ ในมือคีบบุหรี่เอาไว้ เฮอะ..หาตัวยากนะเนี่ย
                ฉันก้าวเท้าเดินเข้าหาคาร์ลอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า..ใครบางคนก็เดินมาขวางฉันเอาไว้ เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นดู ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันก็ยื่นมือมาอย่างเป็นมิตร ฉันมองตรงไปยังใบหน้าของเขาทันที
                 "Bonjour,les femmes (สวัสดีคุณผู้หญิง)"
                "Bonjour"ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
                "คุณเป็นอเมริกันใชไหมครับ?"
                "ไม่ใช่ค่ะ.."ฉันยิ้ม"ฉันเป็นคนอังกฤษ"
                 อันที่จริง..ฉันไม่ใช่อังกฤษอย่างเดียวหรอกนะ แต่ฉันแค่อยากจะดูหมอนี้หน่อยว่าดูฉันออกมั้ย
                  "เหรอครับ.."
                  "ขอตัวนะคะ"ฉันรีบเดินออกมาจากเขาก่อนจะมุ่งหน้าไปที่คาร์ล แต่ทว่า..เขาหายไปแล้ว..
                  ...ใช่! เขาหายไปแล้ว!!
                  "บ้าเอ๊ย.."ฉันกัดฟันพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันหลังกลับไปอีกครั้ง
                  "จะไปไหนครับมาดาม.."
                  ชายคนเดิมที่ฉันเห็นเมื่อครู่แสยะยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาเหมือนกับคนใหญ่คนโตในปารีส ฉันกระพริบตาสองสามครั้งในใจยังคงสงสัยว่าคาร์ลหายไปไหน แต่สิ่งที่ฉันคิดตอนนี้คือ..จะต้องเอาตัวรอดจากไอ้ผู้ชายตรงหน้าให้ได้ก่อน!
                  "ขอโทษนะคะ...แต่อย่าขวางทางได้มั้ย?"
                  "โฮ่--อย่าพูดแบบนั้นสิ เป็นผู้หญิงพูดแบบนี้ไม่ได้นะครับ.."เขาแสยะยิ้ม"..เฟราไลน์"
                  วูบ...
                   ฉันรีบหันกลับไปทันที! ชายอีกคนย่องมาข้างหลังพร้อมกับเอามือมาล็อกฉันไว้
    แรงของเขาที่มีมากกว่าทำให้ฉันสลัดออกมาจากเขาไม่ได้ และทันใดนั้น...ผู้ชายตรงหน้าก็ซัดกำปั้นเข้ามาที่ท้องฉันอย่างหนักหน่วง ฉันก้มหน้าลงทันที พยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่เสียงมันไม่ออกมา...สิ่งที่ฉันนึกเอาไว้ก่อนจะสลบคือ..
                  ...คาร์ล..
                  ...
                  คุณอยู่...ไหน..
                  -----
                  'นังนี้ตัวหนักเป็นบ้าเลยวะ'
                  ....
                  ...
                  'ฉันจอผ้าพันคอนะเว้ย..ท่าทางจะแพงวะ"
                  ...
                  .
                  ฉัน...
                  ...
                  ..
                  ฉัน..เป็นใคร?
                  'เฮ้ย..มันชื่ออะไรวะ'
                  'จะไปรู้มั้ยเนี่ย ไอ้นี่..ถามแปลกๆ'
                  ....
                  ..
                  .
                  "Woher kommen..Sie? (พวกแกมาจากไหน"
                  เสียงนั้นดังขึ้นมาตอนฉันยังรวบรวมสติไม่ค่อยได้ ภาษา..สำเนียง..และน้ำเสียงนั่นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน..มันคุ้นหูมากเลย..
                    หรือว่าจะเป็น...
                    "เฮ้ย! แกเป็นใครวะ!?"
                    ชายฉกรรจ์สี่คนพร้อมกับอาวุธครบมือยืนขึ้นก่อนจะเดินตรงมาที่ชายในเครื่องแบบสีดำเต็มยศ เขาหยิบบางอย่างออกมา..มันคือมีดพกที่มีสวัสติกะนาซีประทับอยู่ ก่อนจะถอดหมวกออก ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีครามเทากระตุกยิ้ทที่มุมปากเป็นเชิงที่บอกให้คู่ต่อสู้รู้ว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า คมมีดนั่นกระทบกับแสงก่อให้เกิดประกายแวววาวอยู่ที่คมมีดที่กำลังจะเปื่อนเลือดในไม่ช้า...
                       "ถ้าอยากตาย..ก็เข้ามาเลย"
                       "หน็อย..ไอ้พวกที่แพ้สงครามนี่หว่า!!"
                      ชายคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่เขาอย่างไม่กลัวตาย ชายหนุ่มตวัดปลายคมมีดขึ้นกรีดหน้าชายคนนั้นก่อนจะถีบจนล้มไปกองกับพื้น แล้วชายอีกสองคนก็พุ่งเข้ามาอีก อีกคนหนึ่งเข้าไปล็อกมือชายหนุ่มคนนั้นก่อนจะสลัดมีดพกทิ้งไป ชายอีกคนเข้ามาพร้อมกับซัดกำปั่นไปยังหน้าของเขาจนเลือดกบปาก แต่ชายหนุ่มก็แก้สถานการณ์ได้และกลับมาคุมเกมอีกครั้ง ในที่สุด..เขาหยิบปืนพก Colt M1911 ขึ้นมาเหนี่ยวไกใส่ทุกคน!
                  ปัง!
                  ปัง!
                  ปัง!
                  เขาหันมายังชายหนุ่มอีกคนที่ยืนสั่นชิดกำแพงอยู่ ดูเหมือนว่าเขากำลังจะร้องขอชีวิตกับผู้ที่เคยแพ้สงคราม "ข..ขอร้องล่ะ..อย่า..ฆ..ฆ่าฉันเลย ฉันมีแม่ที่จะต้องดูแลนะ..เพื่อน..."เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน
                   "แม่นายคงเสียใจที่มีลูกเลวอย่างนายนะ...อีกอย่างฉันไม่ใช่เพื่อนของนาย.."
                  ปัง!
                  ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดลอยเลือดที่ริมฝีปาก ก่อนจะหยิบหมวกขึ้นมาสวม เขาก้มลงไปมองหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก่อนจะขยับตัวหล่อนขึ้นหงาย
                  "แอดเลอร์..ได้ยินผมมั้ย.."
                  "..อ..อือ"ในที่สุดหล่อนก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าฉายแววสบตานาซีหนุ่มคนนั้น
                 "ให้ตายสิ..นึกว่าจะไม่ตื่นซะแล้ว.."เขาพูดก่อนจะพยุงตัวของหญิงสาวขึ้นยืน"เดินไหวมั้ย?"
                 "ด..ได้มั้ง"
                 "งั้นผมจะปล่อยตัวคุณแล้วนะ..."
                 "รู้แล้วน่า.."
                 .....
                 ...
                 ..
                 Cause you are the piece of me,
                 เพราะคุณคือส่วนหนึ่งของฉัน..
                 I wish I didn't need.
                 ที่ฉันหวังว่า ฉันจะไม่ต้องการมันเลย
                 Chasing relentlessly,still fine and I don't know why
                 ไล่ตามไม่มีหยุดหย่อน ยังคงปกติดี..แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม..
                 ....
                 ..
                 If our love is tragedy,why are you my remedy?
                 ถ้ารักของเราคือโศกนาฏกรรม ทำไมคุณถึงเป็นยารักษาของฉันละ..
                 If our love's insanity,why are you my clarity?
                 ถ้ารักของเราคือความบ้าคลั่ง ทำไมคุณคือความกระจ่างชัดเจนของฉันล่ะ?
                 ....
                 ..
                 ....
                 .
                 ...
                 ฉันรักคุณ..แต่ฉันเกลียด..เกลียดในความอบอุ่นที่คุณมี...
                 ...ฉันเกลียด ที่ฉันรักคุณ...

                 --------------------------
                 ปล.ตอนนี้แค่บอกเล่าเรื่องราวของแอดเลอร์ในอดีตผ่านเพลงเท่านั้นค่ะ ไม่มีอะไรดีมากกว่านิทานเปิดตัวแว้ว~~
                 *เพลงที่เขียนเมื่อกี้ชื่อเพลง Clarity ค่ะ ไปหาโหลดได้เลยหน่า---- #โฆษณาเพลง โปรดอย่าสนใจ

     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×