คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Clarity. ความกระจ่าง
การครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...ณ กระท่อมน้อยกลางป่าสนที่มีแต่หิมะสีขาวปกคลุม มันดูสะอาดตาเมื่อได้มองเข้าไป แต่อุณหภูมิติดลบของมันแทบทำให้ไม่มีใครอยากเข้าไปหากระท่อมหลังนั้น และแล้ว..ประตูกระท่อมก็เปิดออกมา หญิงสาวผมสีบลอนด์ทองเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเหมือนกับท้องนภาได้ชะเง้อออกมาดูด้านนอก ในมือของหล่อนถือตะกร้าใบเล็กที่สานด้วยเส้นสีน้ำตาล ในตะกร้าเต็มไปด้วยแอปเปิ้ลสีแดงสดเหมือดวงอาทิตย์ยามเย็น เด็กสาวเอื้อมมือไปหยิบผ้าคลุมสีแดงที่แขวนอยู่กับไม้แขวนเสื้อภายในกระท่อมมาคลุมหัวก่อนจะเดินหน้าออกจากกระท่อมหลังนั้น หล่อนเดินลัดเลาะเข้าไปยังป่าสน มือสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ หล่อนเดินเข้าไปยังอาคารหลังใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางหิมะ ชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบสีขาวคนหนึ่งเอามือมาขวางเด็กสาวเอาไว้เหมือนกับไม่ต้องการให้เด็กสาวเข้าไป
“จะไปไหน”อีกคนถามเป็นภาษรัสเซีย
“...”เด็กสาวได้แต่ใช้ดวงตากลมโตมองชายคนนั้นก่อนจะกระพริบตา
“หล่อนอาจไม่เข้าใจนะ”คนที่กันหล่อนเอาไว้
“ขอโทษนะคะ หนูไม่เข้าใจว่าพวกหน้าพูดเรื่องอะไร”
ชายสองคนนั้นหันไปกระซิบกระซาบกัน แล้วอีกคนก็หันมา
“ขอโทษนะ หนูจะไปไหนเหรอ”
เด็กสาวยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง”ให้หนูเข้าไปได้มั้ยคะ?”
“คงไม่ได้ละมั้งสาวน้อย”
เด็กสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพวกผู้ใหญ่สองคนนั่นด้วยแววตาที่เปล่งประกายเหมือนเพชร ชายสองคนหันหน้าไปคุยกันอีกที ก่อนจะหันมา เด็กสาวยิ้มอย่างขอร้องให้กับชายทั้งสองคน
“โอเค-ก็ได้ น้าให้เวลายี่สิบนาทีนะ รีบออกมาเร็วๆถ้าไม่อยากกลายเป็นอาหารของมังกรที่ยู่ข้างในนั่นน่ะ”
“ค่ะ! หนูจะรีบออกมาเร็วๆ”
ชายคนนั้นยิ้มให้เด็กสาวก่อนจะหันไปเปิดประตูให้หล่อน เด็กสาวผมบลอนด์ยิ้มให้พวกเขาสองคนก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับตะกร้าแอปเปิ้ลในมือ หล่อนเดินเข้าไปในอาคารท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้คนในเครื่องแบบเดียวกับน้าทั้งสองเมื่อครู่ ต่างคนต่างมองหล่อนเหมือนกับตัวประหลาด แต่เด็กสาวไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หล่อนเดินผ่านคนพวกนั้นไปยังห้องๆหนึ่งที่อยู่ทางขวามือ เด็กสาวหยุดเดินก่อนจะยื่นมือไปเคาะประตูไม้บานนั้น
ก็อกๆๆ..
“เข้ามา!”
เสียงนั่นดังมาจากอีกด้านของประตู หล่อนยิ้มก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ในห้องนั้นเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ โต๊ะทำงานตัวใหญ่วางอยู่ด้านหน้าของเธอ เด็กสาวกำหูตะกร้าแอปเปิ้ลแน่นก่อนจะเดินเข้าไปหาชายที่นั่งท่ามกลางแผ่นกระดาษที่วางเต็มอยู่บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลดำ เขาเงยหน้าจากกองกระดาษเพ่งมองมายังหล่อนด้วยสายตาเดียวกับคนด้านนอก
“เชิญนั่งสิหนู”เขาพูดก่อนจะผ่ายมือมายังเก้าอี้ไม้ตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ”หล่อนเดินมานั่งลงบนเก้าอี้
“มีธุระอะไรเหรอ”
หล่อนทำท่านึก ก่อนจะพูดอ๋อ”หนูเอาแอปเปิ้ลของคุณย่ามาฝากค่ะ”
“จริงเหรอ ขอบใจมากนะแม่หนูน้อยหมวกแดง”เขาหยิบแอปเปิ้ลลูกหนึ่งออกมาจากตะกร้าใบเล็ก”ลุงขอชิมซักลูกได้มั้ย?”
“ได้สิคะ! หนูเอามาให้ลุงนี่”
“น่ารักจริงๆเลย”เขาคิด ก่อนจะกัดแอปเปิ้ลในมือ
“เป็นไงบ้างคะ อร่อยมั้ย”เด็กสาวถาม
“อร่อยมากจ้ะ”
หล่อนแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว”งั้นเหรอ..”
และทันใดนั้น..
“อ็อก!!”ชายคนนั้นยกมือขึ้นจับคอตัวเองก่อนจะดิ้นลงไปนอนกับพื้น เด็กสาวผมบลอนด์คนนั้นค่อยๆถอดผ้าสีแดงที่คลุมอยู่ออกมาถือแทนตะกร้า
“อร่อยมากเลยเหรอคะ? ฮิๆๆ”
“ก..แก..แก..ใส่อะไร...ล..ลงใน..แอป...”เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เด็กสาวที่ดูเหนือกว่ายิ้ม
“แค่สารพิษที่เหลือจากการทดลองในแล็ปน่ะค่ะ หนูคิดว่ามันจะอร่อยซักอีก”แล้วหล่อนก็หยิบปืนกระบอกเล็กออกมาจากตะกร้าแอปเปิ้ล
“จ..จะทำอะ..ไรน่ะ! แค่กๆ”
หล่อนหยิบผ้าสีแดงที่เคยเอามาคลุมหัวมาเช็ดกระบอกปืนด้วยสีหน้ารื่นรม
“Gute Nacht..(ฝันดีนะคะ)”
ปัง!
-นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่ารับของจากคนนอก-
------------------------------------------------------------------------------
If our love is tragedy, why are you my remedy?
If our love’s insanity, why are you my clarity?
Why?
Why?
Why?
....
..
.....
...
.
15 เมษายน ค.ศ.1935
ปารีส, ฝรั่งเศส 10.00น.
“ปารีส!!! ให้ตายสิ! เจ๋งชะมัดยาด!”
เบ็ธวิ่งนำหน้าฉันกับครีนัสไปอย่างรวดเร็ว ฉันอมยิ้มให้กับท่าทางของเธอ เบ็ธวิ่งกึ่งกระโดดไปยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลอย่างอารมณ์ดี
"เอาอะไรมั้ยแม่สาวอังกฤษ"
"ถ้าไม่มีไวน์ฉันก็ไม่เอาหรอก"ครีนัสพูดพลางส่ายหัวไปมา
"แล้วเธอละจ๊ะ"แล้วหล่อนก็หันมาถามฉันต่อ
"ม...ไม่เป็นไรหรอก เกรงใจเธอน่ะ.."
"โธ่..มีแต่พวกผู้ใหญ่ทั้งนั้น"เบ็ธหันกลับไปสั่งลาเต้ทันที
ฉันหันไปหาครีนัสที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเดียว หล่อนใส่แว่นกรอบสีดำเวลาอ่านหนังสือเท่านั้นล่ะ บางทีฉันก็แอบอิจฉาในความสง่าของหล่อน เพราะไม่ว่าจะไปไหน ทั้งปากกา...สมุดจด..และผ้าพันคอที่ดำจะตามเธอไปทุกที่ นอกจากนี้...นาซีที่ตามเธอมาก็เป็นอีกสิ่งที่ติดตามหล่อนมาเช่นกัน
"คาร์ลไปไหนแล้วละ"ฉันถามพลางหันไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นนาซีคนนั้น
"ไปสูบบุหรี่ละมั้ง ช่างเขาเถอะ.."
"ก็ได้.."
เบ็ธเดินมาพร้อมกับกล่องกระดาษใหญ่ มันห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญ ผูกริบบิ้นสีฟ้าสดใส่ดูน่ารัก หล่อนยื่นมาให้ฉันทันทีที่จัดริบบิ้นเสร็จ
"สุขสันต์วันเกิดนะแนต"
"ขอบคุณมากเบ็ธ"ฉันยิ้มตอบก่อนจะรับกล่องใบนั้นมาแกะริบบิ้นออก นาฬิกาพกเรือนสีทองขนาดเล็กอยู่ในนั้นนั่นเอง ฉันหยิบมันขึ้นมาด้วยท่าทางสนใจมาก เลขโรมันอยู่รอบเป็นวงกลมตามหน้าปัด สายสีทองกระทบกับแสงอาทิตย์เป็นประกายแวววาวสวยงาม ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเบ็ธซึ่งกำลังยิ้มอยู่ ก่อนจะยิ้มให้หล่อน
"เดี๋ยวฉันมานะ"ครีนัสพูดก่อนจะเดินออกจากกลุ่ม
"เดี๋ยวสิ! ฉันมีของให้เธอเหมือนกันนะ แม่สาวอังกฤษ!"เบ็ธหยิบนาฬิกาเรือนเดียวกับของฉันให้ครีนัส หล่อนรับมันมาก่อนจะพยักหน้านิดหน่อยเหมือนกับขอบคุณ
"จะไปไหนเหรอครีนัส"ฉันถามหล่อน
"ไปตามคาร์ลน่ะสิ ไปสูบบุหรี่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เดี๋ยวเจอกันอีกสิบนาทีนะ"
"จ้ะๆ รีบละกันพ่อฉัยจะมารับกลับแล้ว"
"รู้แล้วน่า-"
..
ฉันเดินออกจากกลุ่มของเบ็ธและนาตาชาร์ออกมา ตอนนี้ฉันต้องตามหาคาร์ลก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหน ที่ฉันรู้อย่างเดียวตอนนี้คือ..ต้องตามหาเขาให้เจอก่อนที่พ่อของเบ็ธจะมาซะก่อน ฉันไม่เข้าใจเลยซักนิดว่าทำไมเขาต้องมาเป็นภาระฉันด้วย
"ไปไหนอีกแล้วละ"
ฉันเดินไปท่ามกลางฝูงชนมากมายที่พูดคุยกันอยู่อย่างสำราญ หลังสงครามครั้งแรกจบไปและพวกเขาเป็นฝ่ายชนะ หลังจากนั้นการใช้ชีวิตแบบเดิมๆก็หวนกลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆตอนนี้ฉันเจอคาร์ลแล้วละ เขานั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวในสวนสาธารณะ ในมือคีบบุหรี่เอาไว้ เฮอะ..หาตัวยากนะเนี่ย
ฉันก้าวเท้าเดินเข้าหาคาร์ลอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า..ใครบางคนก็เดินมาขวางฉันเอาไว้ เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นดู ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันก็ยื่นมือมาอย่างเป็นมิตร ฉันมองตรงไปยังใบหน้าของเขาทันที
"Bonjour,les femmes (สวัสดีคุณผู้หญิง)"
"Bonjour"ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"คุณเป็นอเมริกันใชไหมครับ?"
"ไม่ใช่ค่ะ.."ฉันยิ้ม"ฉันเป็นคนอังกฤษ"
อันที่จริง..ฉันไม่ใช่อังกฤษอย่างเดียวหรอกนะ แต่ฉันแค่อยากจะดูหมอนี้หน่อยว่าดูฉันออกมั้ย
"เหรอครับ.."
"ขอตัวนะคะ"ฉันรีบเดินออกมาจากเขาก่อนจะมุ่งหน้าไปที่คาร์ล แต่ทว่า..เขาหายไปแล้ว..
...ใช่! เขาหายไปแล้ว!!
"บ้าเอ๊ย.."ฉันกัดฟันพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันหลังกลับไปอีกครั้ง
"จะไปไหนครับมาดาม.."
ชายคนเดิมที่ฉันเห็นเมื่อครู่แสยะยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาเหมือนกับคนใหญ่คนโตในปารีส ฉันกระพริบตาสองสามครั้งในใจยังคงสงสัยว่าคาร์ลหายไปไหน แต่สิ่งที่ฉันคิดตอนนี้คือ..จะต้องเอาตัวรอดจากไอ้ผู้ชายตรงหน้าให้ได้ก่อน!
"ขอโทษนะคะ...แต่อย่าขวางทางได้มั้ย?"
"โฮ่--อย่าพูดแบบนั้นสิ เป็นผู้หญิงพูดแบบนี้ไม่ได้นะครับ.."เขาแสยะยิ้ม"..เฟราไลน์"
วูบ...
ฉันรีบหันกลับไปทันที! ชายอีกคนย่องมาข้างหลังพร้อมกับเอามือมาล็อกฉันไว้
แรงของเขาที่มีมากกว่าทำให้ฉันสลัดออกมาจากเขาไม่ได้ และทันใดนั้น...ผู้ชายตรงหน้าก็ซัดกำปั้นเข้ามาที่ท้องฉันอย่างหนักหน่วง ฉันก้มหน้าลงทันที พยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่เสียงมันไม่ออกมา...สิ่งที่ฉันนึกเอาไว้ก่อนจะสลบคือ..
...คาร์ล..
...
คุณอยู่...ไหน..
-----
'นังนี้ตัวหนักเป็นบ้าเลยวะ'
....
...
'ฉันจอผ้าพันคอนะเว้ย..ท่าทางจะแพงวะ"
...
.
ฉัน...
...
..
ฉัน..เป็นใคร?
'เฮ้ย..มันชื่ออะไรวะ'
'จะไปรู้มั้ยเนี่ย ไอ้นี่..ถามแปลกๆ'
....
..
.
"Woher kommen..Sie? (พวกแกมาจากไหน"
เสียงนั้นดังขึ้นมาตอนฉันยังรวบรวมสติไม่ค่อยได้ ภาษา..สำเนียง..และน้ำเสียงนั่นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน..มันคุ้นหูมากเลย..
หรือว่าจะเป็น...
"เฮ้ย! แกเป็นใครวะ!?"
ชายฉกรรจ์สี่คนพร้อมกับอาวุธครบมือยืนขึ้นก่อนจะเดินตรงมาที่ชายในเครื่องแบบสีดำเต็มยศ เขาหยิบบางอย่างออกมา..มันคือมีดพกที่มีสวัสติกะนาซีประทับอยู่ ก่อนจะถอดหมวกออก ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีครามเทากระตุกยิ้ทที่มุมปากเป็นเชิงที่บอกให้คู่ต่อสู้รู้ว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า คมมีดนั่นกระทบกับแสงก่อให้เกิดประกายแวววาวอยู่ที่คมมีดที่กำลังจะเปื่อนเลือดในไม่ช้า...
"ถ้าอยากตาย..ก็เข้ามาเลย"
"หน็อย..ไอ้พวกที่แพ้สงครามนี่หว่า!!"
ชายคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่เขาอย่างไม่กลัวตาย ชายหนุ่มตวัดปลายคมมีดขึ้นกรีดหน้าชายคนนั้นก่อนจะถีบจนล้มไปกองกับพื้น แล้วชายอีกสองคนก็พุ่งเข้ามาอีก อีกคนหนึ่งเข้าไปล็อกมือชายหนุ่มคนนั้นก่อนจะสลัดมีดพกทิ้งไป ชายอีกคนเข้ามาพร้อมกับซัดกำปั่นไปยังหน้าของเขาจนเลือดกบปาก แต่ชายหนุ่มก็แก้สถานการณ์ได้และกลับมาคุมเกมอีกครั้ง ในที่สุด..เขาหยิบปืนพก Colt M1911 ขึ้นมาเหนี่ยวไกใส่ทุกคน!
ปัง!
ปัง!
ปัง!
เขาหันมายังชายหนุ่มอีกคนที่ยืนสั่นชิดกำแพงอยู่ ดูเหมือนว่าเขากำลังจะร้องขอชีวิตกับผู้ที่เคยแพ้สงคราม "ข..ขอร้องล่ะ..อย่า..ฆ..ฆ่าฉันเลย ฉันมีแม่ที่จะต้องดูแลนะ..เพื่อน..."เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน
"แม่นายคงเสียใจที่มีลูกเลวอย่างนายนะ...อีกอย่างฉันไม่ใช่เพื่อนของนาย.."
ปัง!
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดลอยเลือดที่ริมฝีปาก ก่อนจะหยิบหมวกขึ้นมาสวม เขาก้มลงไปมองหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก่อนจะขยับตัวหล่อนขึ้นหงาย
"แอดเลอร์..ได้ยินผมมั้ย.."
"..อ..อือ"ในที่สุดหล่อนก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าฉายแววสบตานาซีหนุ่มคนนั้น
"ให้ตายสิ..นึกว่าจะไม่ตื่นซะแล้ว.."เขาพูดก่อนจะพยุงตัวของหญิงสาวขึ้นยืน"เดินไหวมั้ย?"
"ด..ได้มั้ง"
"งั้นผมจะปล่อยตัวคุณแล้วนะ..."
"รู้แล้วน่า.."
.....
...
..
Cause you are the piece of me,
เพราะคุณคือส่วนหนึ่งของฉัน..
I wish I didn't need.
ที่ฉันหวังว่า ฉันจะไม่ต้องการมันเลย
Chasing relentlessly,still fine and I don't know why
ไล่ตามไม่มีหยุดหย่อน ยังคงปกติดี..แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม..
....
..
If our love is tragedy,why are you my remedy?
ถ้ารักของเราคือโศกนาฏกรรม ทำไมคุณถึงเป็นยารักษาของฉันละ..
If our love's insanity,why are you my clarity?
ถ้ารักของเราคือความบ้าคลั่ง ทำไมคุณคือความกระจ่างชัดเจนของฉันล่ะ?
....
..
....
.
...
ฉันรักคุณ..แต่ฉันเกลียด..เกลียดในความอบอุ่นที่คุณมี...
...ฉันเกลียด ที่ฉันรักคุณ...
--------------------------
ปล.ตอนนี้แค่บอกเล่าเรื่องราวของแอดเลอร์ในอดีตผ่านเพลงเท่านั้นค่ะ ไม่มีอะไรดีมากกว่านิทานเปิดตัวแว้ว~~
*เพลงที่เขียนเมื่อกี้ชื่อเพลง Clarity ค่ะ ไปหาโหลดได้เลยหน่า---- #โฆษณาเพลง โปรดอย่าสนใจ
ความคิดเห็น