คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Lie. คำโกหก
“ความจริงก็คือเรื่องโกหกในอีกด้านหนึ่งนั่นแหละ...ผู้หมวด”
-Bert Karl-
-----------------------
'ทำไมคุณต้องโกหกฉันด้วยคาร์ล!?'
หญิงสาวคนหนึ่งตะโกนใส่หน้า
คาร์ลด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความโมโหถึงขั้นที่สุด หล่อนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในขณะที่คาร์ลยืน หล่อนเอาแต่มองคาร์ลไม่หยุดด้วยสีหน้าโกรธแค้นของหล่อน ส่วนคาร์ลก็กูเหมือนไม่สนใจหล่อนเลย เขาเสมองไปทางอื่นเรื่อยเปื่อย
'ให้ตายสิ!! คุณบ้ารึไง!?'
หล่อนตะโกนอีกครั้ง
ทำไมฉันถึงเห็นภาพนี้นะ...มันเกี่ยวข้องอะไรกับเขารึเปล่า...หรือว่าฉันคิดไปเอง?
....
..
......
.
'ฉันจะภักดีต่อนาซีและท่านผู้นำเท่านั้น'
คำสาบานที่ฉันพูดไว้ต่อหน้าสวัสติกะนาซีในตอนนั้น...ฉันพูดไว้ว่าจะภักดีและไม่มีวันทรยศ..แต่นี่มัน..ไม่ใช่
มัน...ไม่ใช่เลยซักนิด...
..ที่จริงตัวฉันเป็นใคร และต้องการอะไรจากสงครามครั้งนี้? หรือคำสาบานนั่น..ฉันโกหกมันมาก่อน..ใช่ทุกสิ่งที่ฉันเคยพูดมาทั้งหมด..ฉันโกหก..
เพราะฉันอาศัยอยู่ในคำโกหกมาตลอดตั้งแต่เด็ก...
...
..
I'm dirty when I turn of the lights.
....
..
ฟึ่บ..
ฉันลืมตาขึ้นพบกับเพดานไม้โล่งๆ และก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงเก่าๆ ฉันใช่แรงผลักตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะก้มลงดูแผลถูกยิงที่ขาตัวเอง มันมีผ้าพันแผลพันรอบๆบริเวณที่เป็นแผล แต่ยังคงมีเลือดเปื้อนอยู่ตรงขากางเกง ใครที่ทำแผลให้ฉันกันนะ?
"ตื่นแล้วเหรอ.."เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา คาร์ล..
"..."ฉันค่อยๆขยับตัวแล้วกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่คาร์ลกลับเดินมาที่ฉันเหมือนกับไม่อยากให้ฉันลุกขึ้น
"คุณต้องการอะไรจากฉันคาร์ล!!?"
"มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรจากผมต่างหาก!!"
"คุณโกหกฉัน...คุณหลอกให้ฉันมาที่นี่แล้วให้พวกนาวิกนั้นตามจับฉันใช่มั้ย!! แถมคุณยังเป็นสายให้กับพวกนั้นอีก! สรุปคุณโกหกฉันทุกอย่างเลยใช่มั้ย!!!"
"แอดเลอร์ผม.."
"หุบปากซะ!!!"
ฉันตะโกนใส่หน้าเขาทั้งๆที่เขาเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ เขาเงียไปเลย..เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะสติแตกและมันอาจทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ในตอนนี้
"บางครั้งเราก็ต้องปกปิดความจริงเพื่อปกป้องใครซักคน.."
"หมายความว่าอะไร?"
"ถ้าเจสันรู้ว่าผมเป็นสายให้กับสเปนเซอร์ เขาก็จะตามล่าผมและคุณ สเปนเซอร์เขาอยากพบคุณในวันนี้เพื่อบอกความจริงบางอย่าง แต่คุณไม่ยอมฟังเขาเอง"
"หึหึ.."ฉันหัวเราะ"พวกนาวิกอังกฤษนี่มีวิธีการเชิญฉันมาที่ฐานทัพของพวกมันด้วยการซ้อมฉันแล้วลากมาหาหัวหน้าของมันใช่มั้ย"
"..."เขาเงียบ
"สุภาพบุรุษมาก..ฉันขอชม"
ฉันลุกขึ้นก่อนจะพยุงตัวเดินไปที่ประตู ในหัวพยายามคิดหาทางกลับไปที่ฐานทัพ ก่อนจะเอื่อมมือไปผลักประตู แล้วเดินออกไป คาร์ลยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ไม่นานเขาก็ค่อยๆเดินตามหลังฉันมา
"แล้วก็.."
"..."
"ขอบใจที่ทำแผลให้นะ"
เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก
ณ ฐานทัพของอังกฤษ
"ให้ตายสิ..ทำไมพวกนายถึงปล่อยให้ผู้หมวดแอดเลอร์หนีไปได้ฮึ?"
"..."ทหารพวกนั้นเงียบ
"อย่าขู่พวกนั้นสิ ริค"
หญิงสาวผมสีแดงพูด ก่อนจะยกหนังสือขึ้นมาอ่าน สเปนเซอร์หันไปหาหล่อนแล้วยิ้มให้ ก่อนจะหันมาทางทหารพวกเดิม
"ไปตามจับผู้หมวดนั่นมาซะ.."เขาพูด"..แล้วก็จับเป็นละ ถ้ามันจำเป็นจริงๆก็ฆ่าได้เลย"
"ครับหัวหน้า!!"ทหารพวกนั้นพูดพร้อมกันก่อนจะหันหลังเดินออกจากเต้นท์ไป
สเปนเซอร์หันมาทางผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง"มีอะไรอีกละ เอลลิซาเบธ"
"เปล๊า.."หล่อนทำเสียงสูง
"งั้นก็ไปได้แล้ว ผมมีงานที่จะทำต่ออีกเยอะ"
เอลลิซาเบธหัวเราะอย่างขบขันในระหว่างที่สเปนเซอร์เดิมานั่งที่โต๊ะทำงานตัวเดิม หล่อนเดินมาที่โต๊ะตัวนั้นก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนโต๊ะ สเปนเซอร์หันมามองด้วยสายตาระอานิดหน่อยก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาซเก่าๆที่ว่าอยู่บนโ๊ต๊ะ แต่สายตายังคงมองไปที่เอลลิซาเบธ
"ต้องการอะไร"
"เหอะ..รำคาญฉันสินะ ก็ได้งั้นฉันลงจากโต๊ะนี่ก็ได้"หล่อนทำท่าจะลงจากโต๊ะ ก่อนกลับถูกสเปนเซอร์ฉุดมือไว้ก่อน
"ผมไม่ได้ไล่คุณซักหน่อย แล้วก็ไม่ได้รำคาญคุณด้วย"
"แล้วไป"หล่อนยิ้ม
"ว่าแต่..มีอะไรเหรอ"
หล่อนยิ้มนิดหน่อยก่อนจะพูด"เรื่องตามจับพันตรีนั่นน่ะ ฉันขอได้มั้ย?"
เขาทำหน้าไม่ไว้ใจก่อนจะพูด"คงไม่ได้ละมั้ง"
"ขอร้องละ!! เราครอบครัวเดียวกันนะ"หล่อนยังคงอ้อนไม่หยุด
"..."
"อย่าเงียบสิพี่! เรื่องนี้ฉันขอละนะ!"
สเปนเซอร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอม"โอเค ก็ได้!"เขาพูด"แต่อย่าให้พลาดละ เรื่องนี้มีผลต่อยศของพี่ด้วย"
"ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอน!!"หล่อนยกมือทำวันทยหัตถ์อย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินกึ่งกระโดดออกไปนอกเต็นท์ สเปนเซอร์ยังคงนั่งหน้าเครียดอยู่หลังโต๊ะทำงานเหมือนเดิม
"มีน้องสาวแบบนี้มันลำบากชิบ.."
ฐานทัพของทหารอเมริกัน
5:45 PM
ฉันเดินมาที่ห้องบรรชาการ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปพรวดพราดโดยไม่เคาะประตู ทำให้เจสันและทหารศสูงอีกคนหนึ่งถึงกับมีสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นฉันทำแบบนี้ แหงละ ตอนนี้ฉันมีเรื่องรีบมากๆต้องมาเรียนให้เจสันรู้เดี๋ยวนี้เลย!!
"ขออภัยที่ทำเสียมารยาทค่ะ! แต่ดิฉันมีเรื่องด่วนที่จะต้องแจ้งให้ผู้พันเจสันทราบเดี๋ยวนี้"ฉันพูดไปพลางจัดเอกสารในมือ
"นาซีนี่...เรื่องนี้คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนี่ผู้พันเจสัน!"ทหารยศสูงคนนั้นหันไปทางเจสัน
"ขออภัยครับท่าน แต่ผมเกรงว่าตอนนี้ท่านต้องไปแล้วละ..พันตรีมาช่วยทางนี้หน่อย!"เจสันหันไปทางคาร์ลซึ่งยืนอยู่มุมห้องเขาเดินมาก่อนจะลากนายทหารคนนั้นออกไปนอกห้อง
"ผมเกลียดพวกยศสูงเพราะแบบนี้แหละ"เขาพูดพลางสะบัดมือ
"ว่าแต่มีอะไรเหรอผู้หมวด?"เจสันหันมาถามฉันอย่างสนใจ
"จ่าเรน่า ฮิลล์ เป็นสายให้กับอังกฤษค่ะ!"
"คุณรู้ได้ยังไง"คาร์ลถามฉันบ้าง
ฉันทิ้งเอกสารในมือลงบนโต๊ะทำงานของเจสัน บางชุดล่วงลงบนพื้น ฉันรีบก้มลงเก็บเอกสารที่ล่วงอยู่ขึ้นมาวางบนโต๊ะของเจสันทันที บัดนี้โต๊ะทำงานของเขาที่เคยว่างเปล่า กลับกลายเป็นโต๊ะที่มีแต่เอกสารวางกองอยู่เต็ม
"ใจเย็นๆสิผู้หมวด คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของพันตรีเบิร์ต คาร์ลเลยนะ"เจสันพูดพลางจัดเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะให้เรียบร้อย
ฉันรวบรวมสติก่อนจะพูดออกมา"ขอโทษค่ะท่าน เพื่อนของฉันจากแนวหน้ากำลังแทรกซึมอยู่ในฐานทัพของอังกฤษอยู่น่ะค่ะ"
"คุณมีเพื่อนอยู่ในนั้นด้วยเหรอ แถมมาจากแนวหน้าด้วย ทำไมผมไม่รู้เลยละว่ามีอเมริกันแทรกซึมอยู่ในนั้นด้วยน่ะ"
"นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกค่ะ"ฉันพูดก่อนจะหยิบรูปถ่ายขาวดำในซองเอกสารขึ้นมาให้เจสันดู"มันคือรูปของจ่า
ฮิลล์ในฐานทัพอังกฤษค่ะ ท่านอาจไม่เขื่อ แต่มันคือความจริง!"
"แล้วเพื่อนของคุณ..."
ฉันรีบพูดก่อนที่เจสันจะพูดจบ"อีกสิบนาทีเพื่อนฉันก็จะมาแล้วค่ะ! เอาไว้ท่านรอถามหล่อนเองดีกว่าค่ะ ขอตัวนะคะ!"
ฉันรีบเดินออกมาจากห้องบัญชาการทันทีด้วยความเร่งรีบ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่ฉันรู้อยู่ก็คือตอนนี้งานฉันเยอะมากๆเลย แถมต้องเขียนรายงานอีกด้วย ในเวลานี้ฉันแทบไม่ได้ออกไปข้างนอกเหมือนวันก่อนๆเลยซะด้วยซ้ำ ดีหน่อยที่วันนี้เบ็ธกลับมาก่อน บางที่หล่อนอาจขอช่วยทำงานอื่นๆของหล่อน ให้ตายสิ! ถ้าหล่อนขอให้ช่วยแล้วฉันจะทำงานต่อยังไงละ!? เฮ้อ..
ฉันเดินตรงไปที่ห้องของฉัน แต่ว่าไม่ทันไรก็มีคนมาขวางฉันเอาไว้ก่อน คาร์ลอีกแล้วสินะ ให้ตาย! ทั้งๆที่รู้ว่าฉันรีบแท้ๆ นี่กะว่าจะถ่วงไม่ให้ฉันทำงานเลยใช่มั้ยเนี่ย?
"จะเอาอะไรอีกละ"ฉันพูดก่อนจะเดินต่อไป แต่เขาเอามือมาขวางเอาไว้ซะก่อน
"คุณรีบไปไหนเหรอผู้หมวด"ดูเหมือนว่าเขาจะถามฉัน"งานน่ะเอาไว้ก่อนก็ได้แล้วค่อยกลับมาทำ ถ้ามันเยอะมากเดี๋ยวผมช่วยเองก็ได้"
คราวนี้ฉันถึงกับหันไปหาเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกให้เขาเอามือที่ขวางฉันลง..เดี๋ยวนี้
"โอเค..คุณนี่มันไม่เหมือนเมื่อสิบปีก่อนเลยซะด้วยซ้ำ คุณในตอนนั้นน่ะแถบจะไม่มายุ่งกับฉันเลยไม่ว่าเรื่องอะไร แต่ตอนนี้น่ะนะ..คุณเอาแต่ตามฉันไปทั่วไม่ว่าฉันจะไปไหน ขนาดฉันรีบขนาดนี้ยังไม่ปล่อยฉันไปเลย!!"
"..."
"คาร์ล..ฉันขอละเลิกยุ่งกับฉัน..ซักที"
"..."
"ได้โปรด"
"เฮ้!!"เสียงใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา ฉันรีบหันไปหาเขาทันที
"เบ็ธ? นั่นเธอเหรอ?"
ฉันรีบเดินไปหาหล่อนทันที แววตาสีอำพันยังคงเหมือนเมื่อสิบปีก่อนไม่เคยเปลี่ยนเลย
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเนี่ย..แอด"
"หยุดเรียกฉันแบบนั้นได้แล้ว"ฉันยิ้ม
"แล้วนั้น.."หล่อนหันไปหาคาร์ล
"นั่นคู่หูฉันเอง"ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแปลกจากเมื่อกี้นิดหน่อย
"ว้าว..เธอนี่มันเหลือเชื่อจริงๆเลย ในที่สุด.."
ฉันเอามือปิดปากหล่อนก่อนจะลากหล่อนออกห่างจากคาร์ล ก่อนจะพูดกับหล่อนต่อ
"ฉันขอละอย่าพูดต่อหน้าเขา เข้าใจมั้ย? ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะยุ่งกับเขาซะเท่าไหร่"
"เข้าใจแล้ว"เบ็ธพยักหน้า
"ดี..."
ฉันยิ้มก่อนจะเดินออกไปหาคาร์ลอีกครั้ง เขายืนกอดอกเหมือนกับกำลังรอฉันอยู่ยังไงยังนั้น เขาหันมาหาฉันด้วยสีหน้าเดิมๆ ที่ฉันเห็นแล้วรู้สึกว่าเขาดูแปลกๆไปจากเมื่อกี้ ฉันเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะพูดเรื่องที่อยากพูดก่อนจะลืมมัน
"โอเค..คาร์ลฟังฉันนะ.."
"..."
ฉันถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ"ภารกิจต่อไปคณต้องทำคนเดียวแล้วละ.."
"เดี๋ยวนะ..คุณกำลัง.."
"ใช่..แต่ฉันขอแค่ภารกิจเดียว...ครั้งเดียวเท่านั้น.."
"..."
ฉันพยายามทำให้ตัวเองดูหน้าเชื่อถือมากที่สุดเมื่อขออะไรบางอย่างจากคาร์ล ฉันจ้องนัยน์ตาสีครามเทาคู่นั้นด้วยท่าทางนิ่งสนิท ไม่มีทางหรอกที่คนอย่างเขาจะไม่อนุญาตให้ฉันไปกับเบ็ธ เพราะมันคือสัญชาตญาณของฉัน เขาก็
เหมือนวูล์ฟ์นั่นแหละ แต่นิสัยต่างกันก็เท่านั้น และ..ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ไม่หวั่นไหวกับผู้หญิงเด็ดขาด! ฮะฮ่า..
บ..บ้าเอ๊ย..ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย!?
"ฉันขอละ ฉันไม่ได้เจอเบ็ธมานานมากแล้ว มีอะไรหลายอย่างที่จะต้องคุยกันอีกมาก คุณรู้ดีไม่ใช่เหรอ?"
"..."เขายังคงเงียบ
คราวนี้ฉันหันกลับไปหาเบ็ธ หล่อนดูงงมากๆกลับสิ่งที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ หล่อนทำท่าทางพูดประมาณว่า"เธอทำอะไรของเธอเนี่ย?"
"แอดเลอร์"
"ว่าไง.."ฉันหันไปหาคาร์ลอีกครั้ง
เขายกมือขึ้นมาแตะที่แก้มของฉัน
"อุ๊บ.."เบ็ธยกมือขึ้นปิดปาก
....
..
...
.
"ก็ได้.."
"ฮะ. ?"
"แต่มีข้อแรกเปลี่ยน"
"ข้อแรกเปลี่ยนเหรอ อะไรละ?"
"พรุ่งนี้.."คาร์ลลากเสียง
"..."
เหมือนกับความเงียบเข้าปกคลุม คาร์ลเอามือที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลลง ก่อนจะโน้มตัวมากระซิบที่หูของฉัน เบ็ธยังคงยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเหมือนเดิม
"..เจอกันที่นี่นะ"
เขายื่นกระดาษเก่าๆแผ่นหนึ่งให้กับฉัน ก่อนจะเดินจากไป แต่เขาทิ้งท้ายด้วยคำพูดประโยคหนึ่ง
"ผมไม่ได้โกหกคุณ แอดเลอร์"
เรื่องนั้น..
"แต่คุณไม่ควรจะมีอิสระ"
-เวลาต่อมา-
"ฮะๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามั้ย"
"ฉันก็ว่าอย่างนั้นละ"
ฉันหยิบแก้วกาแฟให้เบ็ธ หล่อนหยิบไปจิบนิดหน่อย "งานเธอเยอะมากเลยเหรอ"หล่อนถามก่อนจะวางแก้วกาแฟลง
"ยิ่งกว่าเยอะอีกละ"
หล่อนพยักหน้านิดหน่อย ก่อนจะดีดนิ้ว
"ใช่แล้ว นึกอยู่นานเลยว่าจะถามเรื่องอะไร!"
"อะไรเหรอ.."
เบ็ธยิ้มก่อนจะกลั่นหัวเราะ หล่อนหยิบบางอย่างขึ้นมาให้ฉันดู ฉันหยิบสิ่งนั้นขึ้นมา มันคือรูปถ่ายเด็กผู้หญิงสามคน ด้านหลังของพวกหล่อนเป็นหอไอเฟลสัญลักษณ์ของกรุงปารีส...ฝรั่งเศส แค่มองก็รู้ว่าพวกหล่อนเป็นใคร คนแรกนาตาชาร์..เบ็ธ และฉันที่ท้ายสุด รูปนี้...ถูกถ่ายเมื่อตอนที่พวกเราไปเที่ยวในปารีส เนื่องในวันเกิดของนาตาชาร์..
"ยังจำได้รึเปล่า"เบ็ธเก็บรูปถ่ายใบนั้น
"แน่นอน"
"เราสามคนไม่น่าอยู่คนละฝ่ายเลยว่ามั้ย"
ฉันยิ้ม
..ใช่...
"ว่าแต่นั่นคาร์ลใช่มั้ย"
หล่อนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะหยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีก
"ช..ใช่ ทำไมเหรอ"
"ก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ"หล่อนเบาเสียงจนแถบไม่ได้ยิน เหมือนกับกำลังกระซิบ"แต่ฉันว่าเขาดูมีเสน่ห์"
"อะไรขอเธอ"ฉันหุบยิ้มทันที"เขาเจ้าเล่ห์มากเลยรู้มั้ย"
"ไม่หรอก เขามีเสน่ห์ไปอีกแบบ"
"ยังไง?"
เบ็ธยิ้มอีกครั้ง"เธอก็รู้ว่าฉันดูคนเป็น"
"หึๆ"ฉันหัวเราะ"งั้นบอกหน่อยว่าคาร์ลนิสัยยังไง"
"ขอเวลาหน่อย"
เบ็ธหลับตาเหมือนกับกำลังคิดบางอย่าง แล้วก็ลืมตาขึ้น หล่อนมีสีหน้าต่างไปจากเมื่อครู่มาก
"ว่ายังไง"
หล่อทำท่าครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะพูด
"ฉันคิดไม่ออกน่ะ ขออีกทีละกัน"แล้วหล่อนก็หลับตาอีกครั้ง
"คิดออกรึยัง"ฉันยิ้ม
"แน่นอน!!"
"แล้วว่ายังไง"
เบ็ธยิ้มอีกก่อนจะเริ่มลืมตา
"ถึงเขาจะดูเหมือนกับเย็นเป็นน้ำแข็ง ดูเหมือนวางท่าอยู่ตลอดเวลาอ่ะนะ.."หล่อนกระพริบตาให้ฉัน"..แต่เขาเป็นคนอบอุ่นมาก"
"จริงเหรอเธอแน่ใจได้ยังไง"ฉันยังไม่ปักใจเชื่อ
"แน่ใจมากๆเลยละ..แอด!"
แล้วเบ็ธหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู มันเป็นเรือนเดียวกับของฉันนั่นแหละ "งั้นฉันไปก่อนนะ งานเธอเยอะก็ไม่อยากรบกวนเธอหรอก เดี๋ยวเจอกันนะ...ครีนัส"
ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินเอาแก้วกาแฟไปเก็บ เหลือแค่ไปหาคาร์ลสินะ เขานัดฉันไว้ข้างนอก อยากรู้เหมือนกันว่าเขาให้ฉันไปทำอะไรข้างนอกนั่น
ฉันขึ้นบันไดจนออกมาอยู่ข้างนอก สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือโต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีหมากรุกตั้งอยู่ เหมือนกับมันกำลังรอให้คนมาเล่น ฉันรีบลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะตัวนั้นก่อนจะนั่งลง ตรงหน้ายังคงว่างเปล่า...ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากฉันมั้งเนี่ย
"มาแล้วเหรอ"
เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลังของฉัน ไม่บอกก็รู้ว่าเสียงใคร
"ผมรอคุณตั้งนาน"เจ้าของเสียงค่อยๆเดินมานั่งตรงหน้าฉัน
"มีอะไรมิทราบ..."
"ไม่มีอะไรมากหรอก ผมรู้ว่าคุณกำลังยุ่งกับงาน"
"..."
"ผมแค่นัดคุณมาคุยเรื่องภารกิจต่อไป..ก็เท่านั้น"
"งั้นทำไมต้องให้ออกมาข้างนอกด้วยละ"
คาร์ลยิ้มที่มุมปาก
"เอาละ....เรามาเล่นหมากรุกกันดีกว่านะผู้หมวด"เขาพูก่อนจะหยิบตัวคิงขึ้นมาถือ
"ขอโทษนะ..แต่ฉันไม่เวลาว่างมากขนาดนั้นหรอก"
ตึก...
"..."
บางอย่างที่ฉันคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น คาร์ลท่าทางจะอารมณ์ไม่ดีสุดๆ ในขณะที่ภาพลักษณ์ของเขาในตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม หลังจากฉันพูดจบ...เขาก็หยิบปืนพกขอเขาขึ้นมาวางเอาไว้บนโต๊ะทันที มันเป็นปืนโคลต์กระบอกเดียวกับที่ฉันเห็นเมื่อสิบปีก่อน มันเต็มไปด้วยลอยขีดข่วนโดยเฉพาะตรงด้ามจับปืน
"ปืนสวยนะ"ฉันพูด ดูก็รู้ว่าฉันประชด
"ขอบคุณ"
ฉันมองงานที่จะทำสลับกับมองกระดานหมากรุกบนโต๊ะ พอเหล่ตาไปอีกหน่อย ก็เล็งเห็นปืนของคาร์ลตั้งอยู่ ฉันยกมือขึ้นกุมขมับ ในที่สุดความคิดบางอย่างก็แล่นขึ้นมาจากส่วนลึกความทรงจำ งานที่ฉันถือมาตลอด มันก็เป็นแค่งานที่ฉันรับมาล่วงหน้าก็เท่านั้นเอง มันทำให้ตัวฉันเหมือนกับยุ่ง แต่ที่จริง..ตอนนี้ฉันแทบไม่มีงานให้ทำเลยซะด้วยซ้ำ
ฉันเงยหน้าขึ้นมา คาร์ลมองฉันอย่างจับผิด แล้วเขาก็หยิบปืนที่ตั้งอยู่ข้างๆกระดานหมากรุกเก็บเข้าซอง เขาคงหยิบขึ้นมาขู่ฉันเฉยๆละมั้ง ในใจฉันก็คิดแบบนั้นนะ เขาไม่ยิงฉันหรอก จะว่าไปเขาอาจจะยิงฉันเพราะฉันไปยั่่วโมโหก็ได้..เอาเถอะ เล่นกับเขาหน่อยก็ได้
"ก็ได้...ฉันยังว่างอยู่"
เขากระตุกยิ้มอีกครั้ง"ขอบคุณ ยังเล่นได้เก่งเหมือนเมื่อก่อนมั้ยละ"
ฉันเหล่ตาไปทางอื่นก่อนจะพูด"คงไม่ละมั้ง"
ใช่ พอสงครามเริ่ม หนังสือที่บ้านก็ไม่ค่อยได้อ่าน หมากรุกก็ไม่ค่อยได้เล่น วันนี้ได้กลับมาเล่นอีกครั้งก็ดีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเล่นเก่งเหมือนตอนที่เล่นกับพ่อรึเปล่า ถ้าไม่..คาร์ลก็มีโอกาศชนะฉันได้ง่ายๆเลยละ
"ฝ่ายขาวเดินก่อนสินะ"คาร์ลพูด สายตาเพ่งมองไปยังกระดานหมากรุก ดูเหมือนว่าเขาคงไม่สนใจฉันแล้วละ
"ใช่"ฉันหยิบตัวเบี้ยเดินไปช่องจัตุรัสที่อยู่ตรงหน้า
"ผมดูก็รู้แล้วละ ว่าคุณเล่นได้ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนเท่าไหร่"เขาพูดก่อนจะเดินตัวเบี้ยไปยังจัตุรัสด้านหน้าเหมือนๆกับฉัน
"แล้วเรื่องภารกิจละ"
คาร์ลมีสีหน้างงนิดหน่อย "ใช่..เกือยลืมไปแล้วถ้าคุณไม่ถามน่ะ"
เขาละสายตาจากเกมที่เล่นอยู่ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างมาวางบนกระดารหมากรุก มันคือรูปถ่ายขาวดำของชายคนหนึ่ง อายุราวยี่สิบต้นๆ เขาใส่แว่นสายตาและสวมสูทสีดำท่าทางราคาแพงไม่เบา ดูเหมือนเป็นพวกอัจฉริยะยังไงอย่างนั้น
"นักวิทยาศาสตร์เหรอ"ฉันพูดก่อนจะเดินหมากต่อไป
"ดร.เอริช ชไวร์เกอร์เป็นนักวิทยาศาสตร์สัญชาติเยอรมัน เขาทำงานให้กับหน่วยเอสเอสของนาซี และหน้าที่ของเขาคือทำการวิจัยเกี่ยวกับอาวุธเคมีและอื่นๆ"เขาอธิบาย"เป้าหมายสำคัญของเรา"
"จับตัวเขามาเหรอ หรือฆ่าเขา"
"คำสั่งบอกให้ฆ่า"คาร์ลหยิบตัวเบี้ยอีกตัวมาเดิน ดูเหมือนว่าเขามีสมาธิในการเล่นหมากรุกมากเลยนะเนี่ย
"แล้ว..?"
"ผู้หมวด..ตรงนี้คุณต้องตั้งใจฟังผม"เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉัน"ดร.ไคลร์กับเป้าหมายของเรา...เคยทำงานร่วมกันมาก่อน"
"งั้นเหรอ"ฟังดูว่าฉันดูไม่ค่อยจะสนใจเรื่องพวกนั้นเลยนะ
"ฟังดูคุณไม่สนใจฟังสิ่งที่ผมพูดเลยนะผู้หมวด..."เขายื่นมือมาดีดนิ้วใส่หน้าฉันที่กำลังนั่งก้มดูกระดานหมากรุกอยู่"มีสมาธิหน่อยผู้หมวด เรื่องนี้ก็เป็นอีกเบาะแสการตายของพ่อคุณอีกเบาะแสหนี่งนะ"
"ก็ได้ค่ะ พันตรี ขออภัยที่ดิฉันเอาแต่จดจ่ออยู่กับกระดานหมากรุกจนไม่ได้ตั้งใจฟังคุณเลย หรือเป็นเพราะว่าคุณดูมีสาระเกินไปจนฉันฟังแล้วก็เบื่อไปเลย หรือเป็นเพราะ..."
"เพราะอะไร"คราวนี้เขาจ้องตาฉันด้วยสายตาที่เหมือนเหยี่ยวที่จ้องจะกินหนูนา เฮอะ...คิดว่าฉันจะกลัว เหรอ
"แล้วแต่จะคิดละกัน"ฉันแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์"ฉันหยิบตัวบิชอปขึ้นมาวางบนจัตุรัสในแนวทะแยง
"เอาสิ จะแข่งกับผมเรื่องหมากรุกเหรอ"เขาพูดก่อนจะเดินตัวอัศวินไปยังช่องที่อยู่ใกล้ที่สุด
"ฉันไม่แพ้คุณเรื่องนี้หรอกคาร์ล"
ฉันเดินตัวบิชอปต่อจนสามารถยึดตัวเบี้ยของคาร์ลได้ แต่เขาก็หยึดตัวเบี้ยฉันไปเหมือนกัน แบบนี้เขาเรียกว่าได้อย่างเสียอย่างใช่มั้ย ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องไปสนมันแล้วละ แค่เอาชนะคาร์ลให้ได้ก็พอ ในที่สุดพวกเราก็เสียหมากไปมากเท่าๆกัน ฉันเหลือควีน คิง และอัศวินอีกตัวหนึ่ง ส่วนคาร์ลเหลือคิง เรือ และก็ตัวบิชอป เราเหลือหมากเท่ากัน และมีโอกาศที่จะทำให้เราเสมอกัน แต่ฉันไม่ยอมให้มันเสมอ และจะไม่ยอมแพ้ด้วย เพราะฉะนั้น...คาร์ล! อย่าหวังว่าฉันจะยอมแพ้เลย!
....
..
.....
...
.
"ยอมแพ้ซะผู้หมวด..คุณไม่มีวันชนะผมหรอก"
"ฉันไม่ยอมแพ้หรอก อย่าหวังไปเลย!"
ในที่สุด คาร์ลก็มีโอกาสที่จะเอาคิงเดินไปหาเรือซึ่งอยู่ในแรงค์ที่หนึ่ง หรือที่เรียกว่าการเข้าป้อม แต่..เขาไม่ทำ ตอนนี้ฉันเหลือหมากเพียงตัวเดียวคือคิง การสละหมากสองตัวที่แล้วมันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยซักนิด! ให้ตายสิ...
ฉันแพ้แน่ๆ
และแล้ว...
"รุกฆาต...."
"..."
ให้ตายสิ..เล่นมาตั้งนาน นี่ฉันแพ้เหรอ..แพ้อีกแล้วเหรอเนี่ย?
"ทำใจยอมรับความแพ้ของตัวเองซะแอดเลอร์"คาร์ลพูดพลางปัดมือของตัวเอง"คนอย่างคุณน่ะ...ต้องไปเรียนรู้อะไรอีกเยอะ"
เขาทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก แต่ก็ต้องชะงักเพราะคำพูดที่ตามมาของคนแพ้อย่างฉัน
"สรุป ภารกิจนี้มีเป้าหมายอะไร ของสั้นๆนะ"
เขาหัวเราะหึๆก่อนจะหันมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ตอนนี่ฉันอยากจะหยิบปืนรัสซียของฉันมายิงเขาจริงๆเลย
"ฆ่าชไวร์เกอร์"เขาพูดก่อนจะหันไปหยิบปืนซุ่มยิงของเขาที่วางพิงอยู่กับกำแพง"ถ้าให้ดีก็เอาเบาะแสเรื่องการทำงานของพ่อคุณกับเขามาด้วย"
"ขอบคุณสำหรับคำตอบนะ"ฉันพูดก่อนจะทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม"ขอบคุณ"
"หึ"เขาก้มหน้านิดหน่อยก่อนจะหันกลับไป แล้วค่อยๆก้าวเดินออกไปข้างนอก
-----------------------------------------------------------------------
"อย่าเสียใจเรื่องหมากรุกเลยผู้หมวด ยังไงมันก็แค่เกม"
เขาเคยพูดเอาไว้
"ต่อไปนี้แหละ...มันคือสงครามจริงๆ"
ความคิดเห็น