ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #4 : Friendship. มิตรภาพในสงคราม

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 58


               Friendship always occur. Even in war time. -Bert Karl- (มิตรภาพเกิดขึ้นได้เสมอ แม้กระทั่งในสงครามก็ตาม)

         -------------------------------------

    “นาตาชาร์!?”

                ฉันมองตรงไปยังใบหน้าของหญิงคนนั้น หล่อนมองฉันด้วยสายตาสงสัยก่อนจะลดปืนพกสัญชาติรัสเซียลง สายตาของหล่อนเริ่มเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ที่มองฉันเหมือนศัตรู หล่อนเดินเข้ามาโอบกอดฉันอย่างน่าประหลาด ฉันเหล่ตาไปหาคาร์ลที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง เขาทำสีหน้าประมาณว่า”เกิดอะไรขึ้น”หรืออะไรทำนองนั้น

                นาตาชาร์...เธอคลายกอดฉันก่อนจะยื่นมือมาจับไหล่ฉันแทน “โธ่...ฉันคิดว่าเธอโดนพวกอเมริกันฆ่าตายแล้วซะอีกนะเนี่ย”

                “...ไม่หรอก”

                “เธอดูแปลกไปนะ เป็นอะไรรึเปล่าครีนัส?”หล่อนถามฉัน ซึ่งฉันเอาแต่ตื่นเต้นจนไม่ได้พูดอะไรเลย

                “ม..ไม่หรอก ฉันสบายดี”

                “แล้วนี่ใครล่ะ”หล่อนหันไปหาคาร์ล”ใช่คนที่ผู้พันเอมิลล์ตามหาอยู่รึเปล่า”

                “ใช่...นี่เบิร์ต คาร์ล”

                “...เหรอ?”

                “คู่หูฉันเอง”

                คราวนี้หล่อนหันมาหาฉัน”อะไรนะ!?”
                 คาร์ลยกนิ้วชี้ขึ้นแตะลิมฝีปากของตัวเอง เป็นแนวว่าอยากให้นาตาชาร์เงียบ แล้วหล่อนก็เงียบจริงๆด้วยละนะ นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่เห็นคาร์ลทำแบบนี้นะ? ตั้งแต่ฉันเจอเขา ฉันก็ไม่เคยเห็นคาร์ลทำท่าทางแบบนี้เลยด้วยซ้ำ สงสัยเขาคงแตกต่างจากเมื่อก่อนไปแล้วละมั้ง ยิ่งตอนที่...เอ่อ...ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากนึกถึงอดีตแล้วละ
                 "อย่ามัวแต่เล่นกันเลยละ ตอนนี้พวกคุณต้องกลับไปฐานทัพคุณเดี๋ยวนีเลย ทางหนีคือลงจากห้องนี้ไปทางกำแพงโบสถ์ ทหารพวกนั้นจะไม่เห็น ถ้าพวกคุณเงียบที่สุด เข้าใจสินะ?"นาตาชาร์อธิบาย พร้อมกับทิ้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบเอาไว้
                 ฉันพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆเดินออกนอกห้อง แต่บางอย่างที่ฉันอยากจะบอกกับนาตาชาร์ ฉันหันหลังกับไปทันที     
                  "คุณมีสิทธิ์โดนเอมิลล์เล่นงานนะเนี่ย คุณผู้หญิง"
                  "ไม่เห็นอะไรเลยนี่คะ พันตรี"หล่อนหันมายิ้มให้กับคาร์ล สิ่งที่คาร์ลถามนาตาชาร์เมื่อครู่ คือสิ่งที่ฉันกำลังจะถามนาตาชาร์เมื่อกี้นี่เอง
                  "ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นละ"คาร์ลยกมือขึ้นกอดอก"หืม?"
                  "สำหรับนั้นน่ะ มิตรภาพสำคัญกว่าเยอะ เธอรีบไปได้แล้วละ ครีนัส"
                  หล่อนพูดก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ฉันคิดว่า เธอรู้ดีแล้วรู้อยู่เสมอว่า การช่วยศัตรูอย่างฉันแล้วก็คาร์ล มันมีผลถึงการงานและหน้าที่ของเธอโดยตรง แต่ฉันคิดว่าเธอต้องเอาตัวรอดได้อยู่แล้วละ...เธอเก่งนี่...นาตาชาร์...
                    เช้าวันต่อมา...
                     ณ ฐานทัพใหญ่นาซี
                    "ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้พาตัวผู้หมวดแอดเลอร์มาน่ะ!!"
                    "ดิฉันขออภัยค่ะท่าน"
                    "ยิ่งเธอคนนั้นไปเป็นคนของสัมพันธมิตร พวกนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะชนะสงครามมากขึ้นน่ะ คุณไม่รู้เหรอ!!?"
                    "ดิฉันจะแก้ไขเรื่องนี้เองค่ะ.."
                    "ไปให้พ้นหน้าผมเลยนะ"
                    "ค่ะ..."
                    เอี๊ยด....
                    หญิงสาวเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าที่เหมือนกับคนขอทาน หล่อนโดนหัวหน้าเรียกพบเพราะเรื่องเมื่อวาน...เรื่องที่หล่อนหาทางออกให้กับทหารทรยศสองคนนั่น ตอนนี้..พวกสัมพันธมิตรมีโอกาศที่จะชนะสงคราม...มากขึ้น หากเรื่องนั้นเป็นจริง หล่อนต้องโดนประหาร แต่ถ้าหากว่า หล่อนแก้ไขเรื่องนี้ได้ มันก็จะตรงกันข้าม...!
                       "เป็นอะไรรึเปล่านาตาชาร์?"
                       ชายหนุ่มในเครื่องแบบสีดำพร้อมกับยศที่ติดกำกับอยู่ที่ปกเสื้อว่าอยู่ในยศพลตรีถามหญิงสาวด้วยสีหน้าเป็นห่วง
                       "แค่นี้สบายมากค่ะ!"หล่อนพยายามทำตัวให้ปกติดีที่สุด
                       "ขอโทษนะผมช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย เฮ้อ..."
                       "ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะ วูล์ฟฟ์"
                       หล่อนพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำเอาชายหนุ่มตรงหน้าถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเลยทีเดียว นั่นคือเสน่ห์ของหล่อนละ
                       "อยู่ต่อหน้าพวกนี้อย่าเรียกชื่อผมสิ!"ชายหนุ่มเตือนพลางมองซ้ายขวา
                       "ไม่เป็นไรหรอกน่า ตอนนี้ฉันกอดคุณยังได้เลยนะ"
                      เขามีสีหน้าเขินยิ่งขึ้น
                      "ฉันล้อเล่นน่ะ อย่าใส่ใจเลย"
                      วูล์ฟฟ์ยิ้มอีกครั้ง ก้อนจะถามหญิงสาว"แอดเลอร์เป็นไงมั่งละ เธอสบายดีรึเปล่า"
                       "อืม!!"
                       "งั้นเหรอ"
                       หญิงสาวสังเกตเห็นสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปของชายตรงหน้า ตอนนี้หล่อนไม่รู้ว่าตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง หลังจากที่โดนพวกยศสูงอย่างเอมิลล์เล่นงานมา
                       เฮอร์แมน วูล์ฟฟ์ คือบุคคลที่พวกสัมพันธมืตรเกรงกลัวที่สุดในเบื้องหน้า เพราะคิดว่าจะมีฝีมือที่เก่งไม่น้อย แต่ในเบื้องหลัง เขาคือบุคคลธรรมดาที่อยู่ภายใต้เครื่องแบบนาซี ทั้งความสามารถและฝีมือการยิงปืน เขาทำอะไรพวกนั้น"ไม่เป็นเลย"แต่ที่เขามาเป็นนาซีคือเส้นสายของพ่อของเขา..
    แบรอน แวนน์ ลอล์ฟ และแน่นอน...เขาและแอดเลอร์ถูกหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก... 
                         วูล์ฟฟ์เดินนำหน้านาตาชาร์ไปไม่กี่ก้าว หล่อนเดินตามหลังเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ดีเลย อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ทำให้หล่อนเงียบขนาดนี้ 
                          "ตอนนี้มีงานอะไรเหลืออยู่รึเปล่าล่ะ"วูล์ฟฟ์ถามหญิงสาวตามประสาหัวหน้าและลูกน้อง
                         "เหลือเรื่องที่เข้าไปเป็นสายลับในอังกฤษเท่านั้นละ อย่างอื่นฉันเคลียร์หมดแล้ว..."หล่อนลากเสียง"...ค่ะ"
                         วูล์ฟฟ์ยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านั้นจากปากของหญิงสาวเนื้อคู่ ถึงแม้นาตาชาร์จะมีนิสัยเป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่ง แต่ลักษณะการทำงานของหล่อนจะหมดจดและขาวสะอาดไม่เหมือนกับการทำงานของวัยรุ่นทั่วไป ทั้งการกำจัด การวางแผน และการลงมือทำ สิ่งเหล่านี้หล่อนทำได้ดีเหมือนกับเคยเก่งมาก่อน
                          "แล้วเรื่องการเคลื่อนไหวของพวกสัมพันธมิตรละ"
                          "สายของเรายังคงแทรกซึมได้ดีค่ะ"หล่อนพูดพลางถอดแว่นออกมาเช็ดเลนส์
                         "งั้นก็ดีมาก!!"
                         "โธ่คุณอย่าพยายามเลียนแบบพันตรีเบิร์ต คาร์ลเลย มันไม่ใช่คุณนะวูล์ฟฟ์"นาตาชาร์พูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
                          "จะบ้าเหรอ!? ผมไม่เลียนแบบไอ้เลวนั่นหรอกนะ คุณเข้าใจผิดแล้วนาตาชาร์"
                          หญิงสาวยกแว่นขึ้นส่วมก่อนจะหัวเราะคิกคัก ทำให้วูล์ฟฟ์ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แล้วหล่อนก็ตั้งสติ ยกมือขึ้นดันแว่าก่อนจะยืนตัวตรง เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว บุคคลตรงหน้าจึงค่อยๆกลับมารวบรวมสติอีกครั้งเช่นกัน
                           "ทำไมคุณถึงคิดว่าคาร์ลเป็นคนเลวละวูล์ฟฟ์"สีหน้าของนาตาชาร์ดูเหมือนอยากฟังคำตอบมาก
                           "อย่ารู้เลย"
                           "คงเป็นเพราะคุณรักครีนัสมากสินะ ใช่มั้ย?"
                           "..."
                           "คาร์ลไม่ได้เลวมากนะ..."
                           "ผมรู้"เขาค่อยๆรี่ตาลง"แต่ว่าการที่มันเอาแอดเลอร์ไปก็ไม่ถูกเหมือนกันละ"
                           "นั่นไง! แค่ดูก็รู้แล้วว่าคุณหึงครีนัสน่ะ ว๊าว!!! ความรักผลิบาน!"
                           "เดี๋ยวเถอะๆ"
                           ...อีกด้านหนึ่ง...
                           ฉันเดินไปมา ณ ที่แห่งเดิมคือห้องพักของฉัน พลางคิดถึงรูปถ่ายของฉันที่อยู่ในซองนั่นหยิบมันขึ้นมาดู มันเป็นภาพที่ฉันกำลังนั่งทำความสะอาดปืนอยู่ในสวนตอนนที่มาเป็นนาซีใหม่ๆ ซึ่งมันน่าจะผ่านมาหลายปีแล้วนะเนี่ย ว่าแต่...ใครเป็นคนถ่ายรูปฉันละ??
                            "มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าผู้หมวด"
                            ฉันหันไปด้านหลังทันที
    คาร์ลนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่โอ๊กตัวโปรดของฉัน เขาหยิบรูปของฉันอีกรูปขึ้นมาดู ก่อนที่จะมองมาที่ฉันแล้วกระตุกยิ้มเช่นเคย ให้ตายาิเขาเข้ามาที่ห้องของฉันได้ยังไงกันเนี่ย
                            "มารยาทคุณหายไปไหนหมด เข้าห้องคนอื่นแบบนี้มันเรียกว่านิสัยเสียนะรู้ไว้ด้วย"ฉันพูดใส่เขาด้วยน้ำเสียงรำคาญ
                            "โธ่ ผมก็แค่อยากช่วยคุณนะ"
                            "งั้นก็ช่วยหุบปากได้มั้ย ฉันใช่สมาธิอยู่นะเนี่ย"
                            ฉันหันกลับไปพูดกับคาร์ลอีกครั้ง แล้วเขาก็เงียบไปเลย แบบนี้แหละดีแล้ว เวลาที่มีเสียงอะไรก็ตามเข้ามาใหูฉัน มันทำให้ฉันสมาธิเตลิดทุกครั้งเลยล่ะ ยิ่งตอนนี้ฉันยังต้องใช้สมาธิเยอะอยู่ด้วย
                             "คุณดูไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยนะ แอดเลอร์"
                             เอาอีกแล้ว...
                             ฉันทำท่าหันไปว่าเขาอีกครั้ๆ แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอม เขามองฉันด้วยสายตาและสีหน้าที่ต่างจาเมื่อกี้มาก ตอนนี้ดูเหมือนว่าคาร์ลต้องการให้ฉันพูดสินะ แต่เวลานี้มันไม่เหมาะเลยที่จะมาลื้อฟื้นอดีตขึ้นมาพูดน่ะ
                               "แล้วไงล่ะ ฉันไม่ใช่อายุ18แล้วนี่"
                               "อันนั้นผมรู้"
                               "..."
                               "ผมไม่เชื่อว่าคุณลืมอดีตไปทั้งหมดหรอกนะ คนอย่างคุณต้องมีความทรงจำที่ยากจะลืมอยู่ในหัวคุณด้วยน่ะแหละ"
                              ฉันหันกลับไปอีกครั้ง"เรื่องพ่อฉันสินะ?"ฉันพูด"ฉันไม่ลืมเรื่องพ่อฉันหรอก"
                               "วูล์ฟฟ์?"
                               อะไรนะ เมื่อกี้คาร์ลพูดว่าอะไรนะ?
                              "มาดูรูปนี้สิ"
                              ฉันเดินไปหาคาร์ลทันที ก่อนที่จะก้มลงดูรูปถ่ายในมือของคาร์ล มันเป็นรูปที่เพิ่งถ่ายไม่นานแน่ๆ แถมมีรอยไหม้ด้วยอีกต่างหาก ในรูปเป็นรูปที่ฉันกับวูล์ฟฟ์ยืนอยู่ตรงหอนาฬิกาบิ๊กเบนในลอนดอน ใครมันตามฉันไปจนถึงอังกฤษเนี่ย
                                "คุณไปอังกฤษเมื่อไหร่"
                                "3 วันก่อนได้รับภารกิจให้ตามหาคุณนี่แหละ"
                                "เพิ่งผ่านมาไม่นานเอง..."คาร์ลลากเสียง"เจสันต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น"
                               9.45 AM ณ ห้องบัญชาการ
                                "คุณพูดเรื่องอะไรของคุณเนี่ย?! ผมไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าคนในภาพเป็นใครน่ะ!"
                               "ตอนนั้นคุณไปอังกฤษไม่ใช่เหรอครับ ผู้พัน?"
                                "ผมไม้ได้ไปลอนดอนซักหน่อย ผมไปที่เวลส์ต่างหากล่ะ!"
                                "...งั้นก็ขอบคุณที่สละเวลาค่ะ"
                                ฉันพยายามฉุดคาร์ลที่กำลังบีบผู้พันเจสันอยู่นั้นให้ออกมา แต่ว่าเขาก็พยายามต่อต้านฉัน เขาหันมาส่งสายตาเย็นชาให้กับฉันชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปหาเจสันอีกครั้ง
                                 "นี่ผมเข้าใจนะว่าคุณคงไม่ชอบที่ผมทำกับคุณเมื่อวันก่อน แต่นั่นมันคือสิ่งที่คุณทำมันขึ้นมาเองนะ"เจสันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
                                  "งั้นเหรอ"
                                 "มันก็ตามนั้นแหละ อ้อ!แล้วก็ภารกิจที่เบื้อบนส่งมา"
                                  เจสันที่กำลังกลัวหยิบซองเอกสารซองหนึ่งที่อยู่ในลิ้นชักออกมาด้วยมือชองตัวเองที่กำลังสั่นเทา เขายื่นให้ฉันซึ่งอยู่ไกลกว่าคาร์ล(ฉันยืนอยู่มุมห้องส่วนคาร์ลยืนอยู่ที่โต๊ะเขาน่ะ)ฉันก็สงสัยนะว่าทำไมเขาถึงยื่นให้ฉันแทนที่จะยื่นให้คาร์ล เขาคงรู้สึกกลัวละมั้ง แต่ฉันก็เดินไปรับซองนั่นแล้วเปิดมันขึ้นมาดูเอกสารที่อยู่ข้างใน
                                   "ทำลายสะพาน?"
                                   "ใช่"ผู้พันเจสันตอบ
                                   ฉันเปิดเอกสารดูไปเรื่อยๆ แล้วสรุปใจความได้ว่าให้ระเบิดสะพานแล้วก็รับสัมภาระที่อยู่บนตึกฝั่งตรงข้าม โอเค ท่าทางจะง่ายนะเเนี่ย ดีกว่าภารกิจที่แล้วอีกเยอะเลย
                                   "คาร์ล"
                                   ฉันเงยหน้าขึ้นเรียกคาร์ลก่อนจะเดินไปหาเขาอีกครั้ง คราวนี้เขายอมเดินตามฉันมาโดยดี แล้วก็ออกจากห้องมาโดยที่ทิ้งผู้พันเจสันไว้ด้านหลัง
                                   "ภารกิจอะไรอีกละ"คาร์ลพูดในระหว่างที่เดินมากับฉัน
                                   "ระเบิดสะพานแล้วก็เอาสัมภาระแค่นั้นแหละ ง่ายสินะ?"
                                   "ก็...ง่ายอยู่.."
                                   ฉันเหล่ตาไปมองคาร์ล
    นิดหน่อย ก่อนที่จะเซ็นต์รับภารกิจให้มันจบๆไป แล้วก็เดินเอาเอกสารไปวางบนโต๊ะของผู้พันเจสัน คาร์ลดูเหมือนว่าจะอารมณ์เสียกับผู้พันเจสันมาก แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังอดทนไม่ให้ตัวเองหยิบปืนพกขึ้นมาจ่อใส่หัวผู้พันเจสัน ฉันเคยเห็นคาร์ลโมโหมากกว่านี้นะ ตอนนั้นเขาน่ากลัวกว่าเอมิลล์เป็นร้อยเท่า คนอย่างคาร์ลมีความอดทนสูงก็จริง แต่ถ้าเขาระเบิดอารมณ์ของตัวเองออกมา เขามีอำนาจที่สามารถสั่งฆ่าใครก็ได้ที่ทำให้เขาโกรธ แม้แต่เอมิลล์ก็ตาม นั่นแหละ...คืออารมณ์โกรธของเขาละ แต่นี่มันส่วนน้อย ถ้ามากกว่านี้ สงครามครั้งนี้นาซีอาจโดนล้างเผ่าพันธุ์ก็ได้ละนะ
                               "คาร์ลคุณไม่เป็นไรนะ?"
                               คราวนี้เขาหันมา"ทำไมละ เป็นห่วงผมรึไงผู้หมวด"
                                "ฉันไม่ห่วงคุณเรื่องอารมณ์ของคุณในตอนนี้หรอกนะ"ฉันพูดก่อนจะเดินนำหน้าเขา"..แต่อย่าเอาอารมณ์ของตัวเองมาใช่กับฉันละ"
                                 "..."
                                 "หึ.."
                                 กลางดึกคืนนั้น
                                ทางตอนเหนือของรัสเซีย
                                 ฟิ้ว....
                                 ลมที่แบกหิมะขึ้นไปมาค่อยๆพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าชายวัยอายุสามสิบคนหนึ่ง เครื่องแบบที่เขาใช้สวมเป็นเครื่องแบบประจำกองทัพแดงหรือกองทัพรัสเซีย เขาเงยหน้าขึ้นมองหิมะสีขาวคล้ายก้อนสำลีที่กำลังโปรยลงมาไม่ขาดสาย อากาศตอนนี้หนาวเย็นมากจนไม่สามารถออกไปข้างนอกโดยไม่มีเสื้อกันหนาวได้ 
                                 ชายหนุ่มคนนั้นค่อยๆหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาหยิบมันขึ้นมา แล้วค่อยๆจ้องมันโดยไม่ละสายตาจากมันเลย มันคือรูปถ่ายใบเก่าๆใบหนึ่ง บุคคลในรูปถ่ายคือหญิงสาวผมบลอนด์ และสวมแว่นสายตา หล่อนยิ้มเหมือนกับกำลังยิ้มมาที่เขา ในมือของหล่อนถือดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ ชุดที่หล่อนใส่ก็ไม่ใช่เครื่องแบบทหาร แต่กลับเป็นชุดเดรสสีขาวเหมือนดอกไม้ในมือแทน
                                   เขาดูรูปแล้วก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น ดูเหมือนว่าคนในรูปจะมีหน้าตาคล้ายกลับหัวหน้าของเขา...นายพลชูครอฟ
                                   "ดูอะไรอยู่เหรอ"
                                   เสียงบางอย่างดังขึ้นข้างหลังเขา แล้วเขาพร้อมกับหยิบปืนขึ้นจ่อหน้าคนเจ้าของเสียง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของคนๆว่าเป็นผู้หญิง เขาก็ลดปืนลง
                                   "เดี๋ยวนี้ทักกันด้วยปืนเลยรึไง รูดอล์ฟ..ไม่สิ..พวกนั้นเรียกคุณว่าคิวานอฟนิ"
                                   "เรียกอะไรมันก็เรื่องของคุณละ"
                                   หญิงสาวผมสีแดงสั้นค่อยๆเผยอยิ้มก่อนที่จะเดินมาที่ๆเขายืนอยู่
                                    "อเมริกันอย่างคุณมาทำอะไรในฐานทัพรัสเซียละ"
                                    "ก็หน้าที่ของฉันคือสายลับนี่"
                                    "สายลับอะไร สายลับของอังกฤษเหรอ"
                                    "คงงั้น"
                                    พวกเขาสองคนทอดสายตามองดินแดนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
    โดยเฉพาะหญิงสาวที่ดูเหมือนว่าจะชอบหิมะมาก แต่บางอย่างก็เริ่มผิดปกติ มีสิ่งมีชีวิตกำลังเคลื่อนไหวในพุ่มไม้ใกล้ๆเขาสองคน คิวานอฟหยิบปืนซุ่มยิงขึ้นมา ก่อนที่จับจ้องตาไปยังสโคปปืน เขาหลับตาข้างหนึ่งเพื่อให้ดูชัดเจนขึ้น และ....
                              เปรี้ยง!!
                              "ถ้าที่หลังจะยิงปืนก็บอกฉันด้วยก็ได้นะ เพื่อน"
                              "ใครเพื่อนคุณ"
                              "อย่าแกล้งทำเป็นลืมเลย
    คิวานอฟ...ฉันจำคุณได้ละนะ"
                               "เหรอความจำดีชะมัดเลยผู้หญิงนี่"เขาพูดพลางหัวเราะในลำคอ
                               "แค่เห็นหน้าคุณฉันก็จำได้แล้วละ เอ...แล้วนั่นรูปอะไรเหรอ"
                               แล้วหญิงสาวก็ยื่นมือไปฉกรูปถ่ายในมือชายหนุ่มมา เขาทำหน้าเอื้อมละอา เหมือนยินยอมให้หญิงสาวเอารูปนั้นไปดูโดยดี
                                "แม่สาวสัญชาติอังกฤษรัสเซียเหมือนคุณเลย ใครละ? แอบชอบเธอรึไง"หญิงสาวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
                               "บ้ารึไง ใครจะไปแอบชอบลูกสาวหัวหน้าตัวเองกัน"
                               "ก็คุณไง!"
                               "โธ่เอ๊ย!.. เรน่า!! เอารูปถ่ายนั่นคืนมาซะเดี๋ยวนี้เลยนะ!!"
                               "นี่พวกคุณทำอะไรกันอยู่เนี่ย เสียงดังลั่นเลยนะ"
                               สิ้นเสียงของใครคนหนึ่ง
    คิวานอฟรีบหันไปยืนตรงทันที ในขณะที่
    เรน่ายังคงดูรูปถ่ายใบนั้นอยู่ นายพลชูครอฟถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นลูกน้องตัวเองเล่นกันเหมือนเด็ก ถึงจะยังไงก็ตาม เขาก็เดินไปตบบ่าคิวานอฟ ก่อนจะเดินไปยังที่ๆชายหนุ่มยืนอยู่ เขายื่นรูปถ่ายอีกสองรูปให้กับคิวานอฟ และคิวานอฟเองก็เปิดดูอย่างสนใจ
                        "เก็บให้หมด อย่าให้รอด"
                         คิวานอฟพยักหน้าพลางเลื่อนดูรูปถ่ายภาพแรก มันเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลของเธอดัดเป็นลอน ตาสีน้ำเงินของเธอเปล่งประกายเหมือนกับดวงดาว หล่อนสวมเครื่องแบบนาซี ส่วนอีกรูปหนึ่งเป็นรูปของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ผมของชายคนนั้นมีสีคล้ายกับหญิงสาวในรูปแรก แต่มีสีเข้มกว่า สวมเครื่องแบบนาซีเช่นกัน ในรูปเขายืนเท้าเอวอยู่ ท่าทางมั่นใจในตนเอง ฉลาดหลักแหลม และรูปหล่อ
                            "เก็บกวาดให้ดีละ อย่าให้เหลือหลักฐานใดๆทั้งสิ้น เข้าใจสินะ"
                            "...ครับท่าน"
                            คิวานอฟพูดทั้งๆที่สายตายังคงจดจ่ออยู่ที่รูปถ่ายใบแรก เขาแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว เมื่อเขารู้ว่าคนในรูปนั้นเป็นใคร
    หญิงสาวคนนั้น...เขารู้จักเธอ...
                            "ร้อยโทครีนัส แอดเลอร์..หวังว่าอีกไม่นานผมจะได้เจอกับคุณนะ..."
                            เบอร์ลิน 21.40 AM
                            ฉันเดินมาจากด้านหลังของคาร์ล เขาดูไม่สนใจฉันเลยด้วยซ้ำ เพราะในระหว่างนั้นเขากำลังจดจ่ออยู่กับกล้องในมือมากกว่า ฉันเดินไปข้างๆเขา แต่ก็เหมือนเดิม...เขาไม่สนใจฉันเลย
                              "มีอะไรรึเปล่า"
                              เขาพูดทั้งๆที่ตายังคงจดจ่ออยู่กับกล้อง ทีแรกฉันคิดว่าเขาไม่สนใจฉันซะอีก 
                              "ช่วย..หันมาพูดกับฉันได้มั้ย คุณดูไม่สนใจฉันเลย"
                              คาร์ลวางกล้อง ก่อนที่จะหันมา"ว่าไง"
                              ฉันถอนหายใจก่อนจะพูด"เรื่องภารกินี้ คุณจะเอายังกันแน่?"
                              "ก็แล้วแต่คุณ"
                              ดูเหมือนว่าเขาดูเปลี่ยนไปนะ นิ่งซะยิ่งกว่าเดิมอีก เขาต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าเรื่องที่เจสันไม่ตอบคำถามเขา ทำให้เขาเกิดโกรธขึ้นมาละ แต่เขาไม่ดูเหมือนโกรธเลยนี่ ดูเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่ต่างหาก
                      "หมายความว่าไงแล้วแต่ฉันเนี่ย?"
                      คาร์ลยืนขึ้น"คุณคิดจะเริ่มทำภารกิจนี่ตอนไหนละ"
                      "คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะคาร์ล"
                      "คำถามของผมก็คือคำตอบของคุณนะแหละแอดเลอร์"
                     ฉันมองหน้าเขา สรุปคือเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่"ก็ได้! โอเค..."
                     "...ว่ายังไง"
                     "ฉันเคยได้ยินมาว่า พรุ่งนี้พวกกองทัพแดงจะลำเลียงอาวุธไปอีกด้านหนึ่งของเบอร์ลินในเวลาบ่ายโมงครึ่ง เพราะฉะนั้น เราต้องทำลายสะพานโดยการเอาระเบิดไปติดเอาไว้ หาจุดซุ่มยิง แล้วก็ยิงระเบิดนั่นทำลายสะพานซะ"ฉันอธิบาย"พอใจรึยัง?"
                     ...
                 แปะ...แปะ...แปะ..
                         เสียงปรบมือเมื่อครู่ดังออกมาจากคาร์ล เขาปรบมือให้ฉันอย่างช้าๆ แล้ว
    กระตุกยิ้มเหมือนที่เขาเคยทำ ดูเหมือนว่าคาร์ลลูกขุน พร้อมกับเดินมาหาฉันยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง
                         "ถึงจะไม่ละเอียดเท่าไหร่ แต่ก็ใช้ได้...ยินดีที่ได้ร่วมงานอย่างเป็นทางการ ผู้หมวดแอดเลอร"
                        คาร์ลยื่นมือมาที่ฉัน
                        "..."
                        ".."
                        "...เช่นกัน พันตรีเบิร์ต คาร์ล"
                       เขาจับมือฉันเหมือนกับทำความรู้จักแบบพวกอเมริกัน เขายิ้มให้ฉันนิดหน่อย ก่อนจะพูด
                        "ผมจะตอบคำถามที่คุณเคยถามไว้เมื่อสิบปีก่อนก็ให้ก็ได้นะ"
                        "..."
                        "คุณจำได้รึเปล่า ว่าคุณเคยถามผมว่าอะไร"
                       ฉันทำหน้าคิด"ฉันไม่อยากจำอะไรให้มากหรอกนะ"
                       คาร์ลถอนหายใจก่อนจะเริ่มพูด..."คุณเคยถามผมว่า สงครามคืออะไร"
                       ดูเหมือนว่าคาร์ลจะปล่อยมือฉันแล้ว ฉันจึงค่อยๆเอามือของตัวเองขึ้นมากอดอก"แล้วมันคืออะไรละ ไอ้สงครามนี่แหละ"
                       "...ก็ได้"
                       ".....ว่ายังไง"
                       "สงครามคือ..."
                       คาร์ลลากเสียง
                       "...สันติภาพ"
    ---------------------------------------
                                
            

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×