คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Valkyrie. นางฟ้าสีดำ
“อย่าทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียวสิ...”
มิเชล...
“อย่าทำแบบนั้น...”
ไม่...
“ไมค์...เธอได้ยินฉันมั้ย...”
ไม่...มิเชล...
“ไมค์...”
“มิเชล!!”
เขาสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าแสดงถึงความตกใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้าของคำพูดของชื่อที่เขาเรียกเมื่อครู่นั้นยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเงียบไปง่ายๆ แฮนสันยกมือขึ้นกุมศรีษะของตนเอง ทำไมเขาถึงรู้สึกปวดหัวมากขนาดนี้กัน...มันเหมือนกับว่าเขาหลับๆปนานเป็นปีเสียอย่างนั้น...แล้วเขาอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย...
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
เสียงนั่นดังขึ้น มันฟังเหมือนกับมีสำเนียงเยอรมันปนเข้ามาด้วยนิดหน่อย ชายหนุ่มหันควับไปยังต้นเสียง หญิงสาวผมบลอนด์ในชุดพยาบาลสีขาวกำลังยืนจัดดอกไม้อยู่ตรงมุมห้อง ผมของเธอถูกเกล้าเอาไว้อย่างเรียบร้อยและมีหมวกพยาบาลปิดอยู่ เขามองเธอคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยเต็มที มันเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอคนนั้นหันมาพอดี
“ฝันร้ายหรือคะ”ใบหน้าสะสวยนั่นดูมีความสงสัยเต็มเปี่ยม
“ค..ครับ..”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆอย่างขบขัน ก่อนจะเผยอปากขึ้นยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชินไปเอง”เธอหันกลับไปจัดดอกไม้อีกครั้ง”ตอนนี้คุณอยู่ในโรงพยาบาลนอกเขตสงครามค่ะ”
เขาก้มหน้าลงนิดหน่อย หมายความว่าเขาสลบไปเหรอเนี่ย...
“แล้วคุณ...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ พยาบาลสาวคนนั้นก็เกิดหัวเราะขึ้นมาเสียก่อน...เสียงหัวเราะนั่นฟังเหมือนกับเสียงของกระดิ่งยามต้องลม
“ฉันทำงานเป็นพยาบาลที่นี่ค่ะ ฉันชื่อแอมเบอล์”เธอยิ้มละมัย”หรือจะเรียกฉันว่าวัลคีรีเหมือนกับที่คนอื่นเรียกก็ได้ค่ะ นั่นฉายาฉันเอง”
“วัลคีรี...”เขาทวนคำพูดของเธอ”...คืออะไรเหรอครับ”
เธอหัวเราะขึ้นมาอีก ดวงตาสีอำพันเหมือนกับชื่อของเธอจ้องมองมายังเขาอย่างอ่อนโยน
"เป็นชื่อของนางฟ้าสีดำน่ะค่ะ..."เธอเริ่มอธิบาย"วัลคีรีมีหน้าที่เสาะแสวงหานักรบผู้เสียชีวิตในการต่อสู้ และพาตัวกลับมายังวาลฮัลลาบนสรวงสวรรค์ นักรบเหล่านี้เรียกว่า'ไอน์แฮเรียร์' พวกเขาได้รับเลือกร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าทวยเทพในศึกวันสิ้นโลกแร็กน่าเริ้ค...พวกเขาจะได้รับการดูแลจากวัลคีรีอย่างดี และในทุกๆวันนั้น...ไอน์แฮเรียร์จะต้องทำการซ้อมรบด้วยอาวุธจริงและเครื่องป้องกันจริง แต่หลังจากที่ตายไปแล้วจะได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาซ้อมต่อ...ช่างเป็นสวรรค์ที่โหดร้ายจริงๆเลยนะคะ"
แอมเบอล์หัวเราะขบขันท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ แฮนสันได้แต่จ้องมองเธออย่างสนใจ เขารู้แล้วล่ะว่าทำไมเธอถึงได้รับฉายาว่า"วัลคีรี" มันมาจากงานที่เธอทำนั่นเอง
...แต่เขายังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่
"เอ่อ...ผม..."
"คะ?"
ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน แอมเบอล์หรือวัลคีรีได้ก้าวเดินไปเปิดประตูนั่น ตรงหน้าของเธอคือหัวหน้าพยาบาลของเธอนั่นเอง
"มีคนบาดเจ็บหนักมาอีกแล้ว ขอช่วยหน่อย"
"ค่ะสักครู่..."
แอมเบอล์ปิดประตูห้องก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงผู้ป่วย สีหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ทุกๆวันจะมีคนที่บาดเจ็บหนักเข้ามาถึงมือเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน...หรือทหารก็ตาม เมื่อวานนี้เธอเพิ่งจะปฐมพยาบาลคนที่ไปโดนระเบิดมานี่เอง วันนี้ก็จะลองทายดูว่าจะเป็นบาดเจ็บหนักแบบไหน
"ดิฉันขอตัวก่อนะคะ"คำพูดของเธอเหมือนกับคำบอกลา"เดี๋ยวค่อยเจอกันอีก.."
"ค..ครับ"
เธอยิ้มก่อนจะก้าวไปเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปด้านนอก ทิ้งให้แฮนสันอยู่ในห้องพักคนเดียว เขาก้มหน้าลง นึกตำหนิตัวเองที่ไม่ได้แนะนำตัวให้เธอรู้จักเสียก่อนที่เธอจะออกไปด้านนอก ดูเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเธอคนนั้นมีนิสัยอย่างไร ฟังจากลักษณะคำพูดแล้วนั้น...เธอคงจะเป็นคนมีมารยาทและเรียบร้อย ส่วนบุคลิกนั่น....รู้สึกว่าจะเหมือนกับใครสักคนที่เขารู้จัก...
....เหมือนกับ...คนที่เขารู้จัก...แต่ไม่น่าเป็นไปได้แน่...
ตึกๆๆ
แอมเบอล์เดินตามหัวหน้าพยาบาลของตนเองลงมายังชั้นล่างด้วยท่าทางเร่งรีบเป็นที่สุด หัวหน้าของเธอบอกว่ามีคนบาดเจ็บหนักเข้ามาในโรงพยาบาลนี้อีกแล้ว ซึ่งมันก็เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องช่วยเหลือคนพวกนั้นไม่ให้ตายก่อนสงครามจะจบ
"ไม่ทราบว่ามีกี่คนคะ"เธอถามในขณะที่เดินตามหัวหน้าพยบาลไปยังห้องพักผู้ป่วย
"สองคน ชายทั้งหมด อีกคนอเมริกัน อีกคนเยอรมัน...ท่าทางจะเป็นนาซี"
เธอพยักหน้ารับช้าๆเมื่อได้รับคำตอบ โรงพยาบาลนี้มีคนบาดเจ็บหนักๆเข้ามาไม่ขาดสายเลย ไม่แปลกหรอกที่จะมีนาซีเข้ามาด้วย
แอมเบอล์เดินไปยังเตียงผู้ป่วยที่มีคนในเครื่องแบบทหารฝ่ายสัมพันธมิตรนอนอยู่ เขาร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดในขณะที่พยาบาลคนอื่นๆกำลังทำแผลเขาให้ ทั้งหมดถูกแอมเบอล์ดันออกไป เธอเดินเข้าไปตรงเตียงนั่นแล้วมองไปยังคนที่นอนอยู่...เขาคงจะไปเดินเหยียบระเบิดมาแน่ๆ ขาขวาของเขามีเลือดอกเต็มไปหมดแต่ไม่ขาด...แต่บางทีเธอต้องตัดมันออก...
...ได้เวลางานของนางฟ้าสีดำแล้ว..
"จ่า อยู่นิ่งๆเอาไว้นะ เดี๋ยวฉันจะตัดขาของคุณออกไปก่อน โดนระเบิดแบบนี้เอาไว้ไม่ได้แน่"
เธอพูดพลางหยิบยาชาขั้นมาฉีดใส่เขาด้วยท่าทางนุ่มนวลอย่างเร่งรีบ เธอเอาผ้ามาซับเลือดไว้ก่อนจะหยิบเลื่อยขึ้นมาเตรียมพร้อม พยาบาลที่ยืนอยู่สองสามคนด้านหลังพากันหันหลังกลับไปก่อนจะเอามือปิดตา อีกไม่นานฉากสยดสยองก็คงจะแล่นขึ้นมาอีก แต่มันก็ชาชินแล้วสำหรับแอมเบอล์
"บอกชื่อของคุณมาเลยจ่า"เธอพูดพลางใช้ผ้าซับของเหลวสีแดงให้หมด
"ว...วินเซนต์...ผ..ผมชื่อวินเซนต์!"
"โอเควินเซนต์...ฉันอยากให้คุณคลายเครียดให้มากที่สุด คุณจะได้ไม่เจ็บมาก"
เธอค่อยๆวางเลื่อนไว้บนขาขวาของเขา ก่อนทำท่าจะเลื่อย...ทุกคนยกมือขึ้นปิดตากันหมด ถึงแม้จะทำงานด้านนี้มานาน แต่ก็ไม่มีใครรับมือกับภาพอันสยดสยองแบบนี้ได้ไหวสักคน...ยกเว้นแอมเบอล์
และทันใดนั้น....
"เดี๋ยว!!!"
"อะไรๆ มีอะไรคะจ่า!?"
แอมเบอล์รีบวางเลื่อยลงทันดีก่อนจะหันไปมองทหารที่นอนอยู่ตรงหน้า
"ผ...ผมจะรอดมั้ยครับ!?"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงๆคุณก็ต้องปลอดภัยแน่นอน"
อีกด้านหนึ่ง...
ถึงแม้ว่าจะถูกสั่งมห้นอนอยู่กับที่ แฮนสันก็พยายามลุกขึ้นมาเดินจนได้...พยาบาลคนนั้นหายไปไหนแล้วนะ? นั่นคือคำถามเดียวที่อยู่ในหัวของเขา เขายังไม่ได้บอกชื่อของตัวเองให้เธอรู้จักเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนี้กันนะเนี่ย!?
"...ยังไงๆคุณก็ต้องปลอดภัยแน่นอน"
เสียงนั่นดังขึ้น เขาไม่รู้ว่าเขาเดินผ่านห้องอะไร แต่เมื่อขะโงกหน้าไปดูตรงช่องประตูที่แง้มอยู่นั้น...เขาก็เห็นเธอ พยาบาลคนเมื่อกี้...ท่าทางเธอเหมือนกับกำลังช่วยชีวิตทหารอเมริกันที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไรอย่างนั้นเลย ในมือของเธอถือเลื่อยอยู่ ท่าทางเหมือนกำลังจะตัดขาของทหารคนนั้น...แฮนสันรีบละสายตาจากช่องประตูนั่นทันที
ครืด...ครืด...
"ว้ายตาย! ฉันทนดูภาพนี้ไม่ได้เลย!"เสียงของพยาบาลคนหนึ่งภายในห้อง
แฮนสันหายใจถี่ลง ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองเองเลยว่านางพยาบาลคนนั้นจะเป็นคนแบบนี้ ถ้าไอ้หมอนี่โดนตัดขา อีกรายต่อไปก็คงไม่โดนตัดแขนสินะ...ให้ตายสิ โลกนี้มันช่างโหดร้ายเกินกว่าที่เธอจะรับไว้...สำหรับหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
"โอเค...เสร็จแล้วจ่า"เธอพูดพลางส่งเลื่อยนั่นให้กับพยาบาลคนข้างหลัง"คราวนี้คุณนอนพักได้เลย พักเรื่องรบไว้ก่อนละกัน"
"ขอบคุณ...ขอบคุณมากครับ!"
เธอยิ้มให้เขาเป็นนัยๆว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเดินไปกระซิบบอกกับพยาบาลอีกคนหนึ่ง แล้วเดินออกมาที่ประตู...ซึ่งแฮนสันก็ยังมองเธออยู่ตรงประตูนั่น
"อ้าวคุณ..."เธอรู้สึกประหลาดใจทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบยืนดักรออยู่หน้าห้อง ทั้งๆที่จริงแล้วนั้น...เขาควรจะอยู่ในห้องมากกว่า
"ขอโทษที่ลืมแนะนำตัวนะครับ...ผมแฮนสัน"
"โอเคค่ะ คุณควร...จะไปนอน...พักผ่อนนะ"
เธอชี้ไปตรงบันไดทางขึ้นที่เขาเพิ่งลงมาราวกับกำลังจะให้เขากลับไปอีกครั้ง
"ผมไม่เป็นอะไรแล้วคุณพยาบาล ดูสิผมเดินได้แล้วนะเห็นมั้ย"
"โถ่คุณ...อย่าลืมสิยังไงคุณก็เดินได้อยู่แล้ว...คุณไม่ได้โดนตัดขาเหมือนกับจ่าวินส์นี่"
เขาพยักหน้ารับ"มีงานอีกรึเปล่าล่ะ"
"มีสิ งานฉันมีทุกวันนั่นแหละ ต่อไปต้องไปที่ห้องพักอีกห้องหนึ่ง นาซีบาดเจ็บรออยู่ที่นั่น"
แอมเบอล์ไม่รอช้า เธอรีบเดินไปยังห้องพักที่ว่านั่นทันที แฮนสันเองก็ตัดสินใจเดินตามเธอไป เพราะการที่พักอยู่แต่ในห้องมันไม่ช่วยให้เขาเดินทรงตัวได้ดีขึ้นเลยสักนิด สู้ออกมาเดินน่าจะดีกว่า
"ทำไมคุณต้องแยกห้องให้เขาล่ะ"
"นี่เป็นความคิดของหัวหน้าฉันเอง..."เธอ
เล่า"...เผื่อเอาไว้เวลาคนพวกนี้เกิดอยากเล่นตุกติกขึ้นมาไงล่ะ ที่นั่น...เราเตรียมยามฝีมือเยี่ยมให้เฝ้าหน้าประตูเอาไว้แล้ว"
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ นัยน์ตาสีฟ้าครึ้มมองตามหลังของเธอด้วยท่าทีที่แสดงถึงความสงสัยเต็มเปี่ยม
"คุณรวบรัดดีนะ"เขาว่า"เหมือนกับทหารเลย"
หญิงสาวหัวเราะออกมา เสียงของเธอฟังคล้ายกับเสียงของนกอันเล็กแหลม
"แหงล่ะค่ะ พี่ชายของฉันทำงานให้กับกองทัพ"
หญิงสาวหยุดเดินตรงหน้าห้องๆหนึ่ง มีชายสองคนยืนเรียบประตูซ้ายขวา จะเรียกได้เลยว่าแม้แต่หนูสักตัวก็ไม่สามารถเล็ด ลอดสายตาของพวกเขาไปได้ แอมเบอล์บอกให้แฮนสันยืนอยู่หน้าประตูเพราะไม่อยากเขาเผลอทำอะไรวู่วามเวลาเข้าไปด้านใน
"เสียใจค่ะจ่า...คุณเข้าไปด้านในไม่ได้"
"ครับก็ได้ ผมเป็นคนใจร้อนอยู่ด้วย งั้นผมรออยู่ด้านนอกนะครับ"
เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะหมุนลูกบิดประตูเขาไปด้านในห้อง มันเป็นเหมือนกับห้องพักของแฮนสัน มีเพดานสีขาวโล่งเหมือนกัน ตรงมุมห้องก็มีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ บนโต๊ะตัวนั้นก็มีแจกันดอกไม้วางอยู่ มันเหมือนกันทุกอย่างยกเว้นดอกไม้ในแจกัน มันเหี่ยวแห้งเพราะไม่ได้รับน้ำมาหลายวันแล้ว...ใครล่ะจะกล้าเขาไปเปลี่ยนน้ำในแจกันในห้องที่มีบุคคลอันตรายอยู่อย่างนี้กัน
"มีธุระอะไรอีกล่ะ"
เสียงของชายในห้องดังขึ้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พาดขาไว้บนโต๊ะอย่างเสียมารยาท ผมของเขามีสีดำเข้ม สำเนียงที่พูดออกมานั้นก็ไม่ใช่สำเนียงพูดที่คนอื่นจะฟังรู้เรื่องเลย หากแต่ว่ามันเป็นภาษาเยอรมัน
"ได้เวลาเช็กดูแผลของคุณแล้วล่ะค่ะ"
แอทเบอล์ทำใจดีสู้เสือ น้ำเสียงของเธอแทบจะไม่มีความกลัวอยู่เลย
"ไม่ต้องมาเช็กแล้ว ผมไม่เป็นอะไรหรอกน่า กลับไปซะ"
"คุณถูกยิงนะคะ แถมยังเสียเลือดด้วย ฉันอยากรู้ว่า...."
เธอยังพูดไม่จบเขาก็ขัดขึ้นก่อน น้ำเสียงของเขาฟังดูฉุนเฉียวเต็มที
"ไปไกลๆเลย ผมไม่อยากจะเจอใครตอนนี้"
หญิงสาวตัดสินใจเดินเข้าไปที่เขาอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมกับเตรียมเข็มฉีดยาเอาไว้ด้านหลัง เขาดูแปลกประหลาดใจเต็มที่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ทำตามที่เขาพูด
"ขอโทษนะคะ"เธอเตรียมเข็มฉีดยาขึ้นมา"แต่ดิฉันคงทำตามที่คุณบอกไม่ได้"
แอมเบอล์กระตุกยิ้มมุมปาก เธอก้าวเดินเข้าไปหานาซีหนุ่มคนนั้นพร้อมกับเข็มฉีดยาในมือ เขาดูมีสีหน้าประหลาดใจเต็มที่ คงจะสงสัยกระมังว่าเธอคิดจะทำอะไรเขา
"เฮ้ยๆๆ อย่าเข้ามาพร้อมไอ้เข็มบ้านั่นนะ"เขายกมือห้ามเธอ
"แหม..แหม..."แอมเบอล์จับมือข้างหนึ่งของเขาขึ้นมา"ไม่อยากจะเชื่อว่ามีนาซีกลัวเข็มอยู่ในโลกใบนี้ด้วยนะ"
เธอใช้ปลายเข็มเสียบลงไปบนแขนของเขาอย่างนุ่มนวล ก่อนจะฉีดสารบางอย่างเข้าไป ซักพักหนึ่งเธอก็ดึงเข็มออกมา นาซีคนนั้นมีแววตาเปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นเดินเซไปเซมาราวกับสูญเสียการทรงตัวไป
"น...นี่คุณ...เอา..."
แอมเบอล์รีบเข้าไปพยุงเขาก่อนที่นาซีคนนั้นจะสะดุดขาเตียงเสียก่อน เธอคลี่ยิ้มบางๆให้เขาอีกครั้งแล้วพยุงเขาขึ้นนั่งบนเตียง เธอสังเกตได้ว่าเขามีสีหน้าและแววตาเปลี่ยนไป...อาจเป็นฤทธิ์ยาที่เธอฉีดให้เขาเมื่อครู่
"มอร์ฟีนน่ะค่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก"
"คุณ...คุณฉีดมอร์ฟีนให้ผมเหรอ..."
หญิงสาวพยักหน้าช้าๆก่อนจะดันตัวของเขาให้นอนลงบนเตียง"ทำใจให้สบายค่ะ ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล"
ดวงตาไร้แววคู่นั้นกรอกมามองเธอ ท่าทางมันตั้งใจจะบอกบางให้เธอรู้
"...ผมเป็นนาซีนะ...ลืมไปแล้วเหรอ..."
"ดิฉันไม่ลืมตัวตนของคุณหรอก..."
แอมเบอล์คลี่ยิ้ม"...ฉันแค่อยากช่วยคุณเท่านั้น"
ในขณะที่เธอคลี่ยิ้มให้เขานั้น หญิงสาวสังเกตบางอย่างบนใบหน้าของเขาได้...มันเริ่มจะมีน้ำตาไหลออกมา...
"...ขอบคุณ...ขอบคุณมากครับ..."
แอมเบอล์ยกมือยื่นไปที่ใบหน้าของเขาแล้วปาดน้ำตาบนใบหน้าของชายหนุ่ม เธอไม่เคยเห็นชายคนไหนร้องไห้ต่อหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ วันนี้คงจะเป็นครั้งแรก...เธอเข้าใจพวกเขา...เธอรู้ดีว่า"จิตใจ"ของทหารจะเป็นอย่างไรเมื่อโดนเพื่อนร่วมรบทิ้งให้ตายท่ามกลางศัตรูนับร้อย...
...เพราะพี่ชายของเธอก็เป็นทหาร...ในสมัยที่ยังอยู่ด้วยกันนั้นเขามักจะเล่าให้เธอฟังเสมอว่าเรื่องราวในสนามรบมันเป็นอย่าง
ไร...มันช่างน่าเศร้ามากสำหรับคนที่ต้องเป็นเหยื่อให้คนอื่นไล่ฆ่า...เช่นเขา...
"ไม่เป็นไรค่ะ...อย่างร้องไห้นะคะ"
เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้...รอให้หมอมาก่อนแล้วค่อยออกไป
แฮนสันยังคงยืนอยู่ที่เดิม...
พยาบาลคนนั้นเข้าไปด้านในนานแล้วแต่ก็ยังไม่กลับออกมาเลย เขาแทบจะสติแตกตายอยู่แล้วนะเนี่ย!
สักพักประตูก็เปิดออก แอมเบอล์ก้าวออกมาจากห้องแล้วยิ้มให้เขาเล็กน้อย เธอเดินเลี่ยงพวกยามนั่นออกมาด้านนอกโดยไม่ลืมที่จะหันไปปิดประตูด้านหลัง
"ซักพักหมอก็จะมาแล้ว"เธอพูดขึ้น"เขาจะต้องไม่เป็นอะไร"
แฮนสันมองเธออย่างเพ่งพินิจ เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงแตกต่างจากคนอื่นมากขนาดนี้ เธอกล้าเขาไปอยู่กับนาซีในห้องนั้นเพียงคนเดียวกับเข็มฉีดยาที่มีมอร์ฟีนอยู่อีกหนึ่ง เธอกล้าแม้กระทั้ง...เข้าไปฉีดมอร์ฟีนให้เขา ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ทำอย่างนั้นแน่ แต่สำหรับเธอ...นั่นคือไม่...
"ทำไมคุณถึงช่วยเขา...นาซีนั่น"เขาถามในระหว่างที่เดินตามหลังเธอไป
"เราเป็นมนุษย์ เขาก็เหมือนกัน"นั่นคือคำตอบ"...มนุษย์ต้องช่วยเหลือกัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมิตรหรือศัตรู"
เธอยิ้มให้เขาตบท้าย รอยยิ้มของเธอดูคล้ายกับรอยยิ้มของพระแม่มารี...มันเปี่ยมไปด้วยความกรุณา...
"ผมก็คิดแบบนั้นนะ...ทหารคนอื่นๆก็คงจะคิดแบบนั้น แต่สงครามมันบดบังสามัญสำนึกของมนุษย์ไปหมดแล้วล่ะครับ"
"นั่นสินะคะ...ไม่เหลือความคิดแบบนั้นอีกแล้วในหัวของมนุษย์ตอนนี้"
แอมเบอล์เดินมานั่งตรงเก้าอี้ตัวหนึ่ง ท่าทางเธอจะเหนื่อยมาก ราวกับว่าเธอไม่ได้พักผ่อนมาเป็นนานแล้วอย่างไรอย่างนั้น แฮนสันนั่งลงข้างๆเธอ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินคำพูดเกี่ยวกับพี่ชายของเธอในกองทัพที่เธอพูดออกมา เขาอยากรู้เหมือนกันว่าเขาคนนั้นคือใคร...
"ก่อนหน้านี้...คุณพูดถึงพี่ชายของคุณ..."
"คะ?"เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย
แฮนสันถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจถามออกไป
"เขาชื่ออะไรหรือครับ"
เธอเพ่งพินิจมองใบหน้าของเขามากขึ้นหลังจากที่เขาจบคำถามนั่น ก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาเล็กน้อย
"นี่...คุณไม่รู้จักพี่ชายของฉันเหรอคะเนี่ย เขาออกจะดังนะคะ"
"คุณยังไม่บอกชื่อผมแล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ"
แอมเบอล์มองหน้าของชายหนุ่ม เธอยิ้มอีกครั้งก่อนจะตอบคำถามของเขา
"เขาชื่อ..."
"ชื่อ..."เขาลากเสียง เพื่อรอคำตอบ
"...ชื่อ...."
แอมเบอล์ยิ้มอีกครั้ง
"เขาชื่อเบิร์ต...เบิร์ต คาร์ล"
....
...
..
.
"รู้รึเปล่าว่าจะเป็นสมาชิกหน่วยนี้ต้องทำยังไงบ้างผู้หมวด"
"ไม่ค่ะ"
"ตอบตรงมาก ผมชอบคนที่ตรงไปตรงมา"
ฉันยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้า นี่มันก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วเห็นจะได้ ฉันเข้ามานั่งในห้องนี้นานขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย นี่ไม่ได้ว่างขนาดมานั่งเฉยๆแบบนี้กรอกนะ คาร์ลคิดอะไรถึงย้ายให้ฉันมาอยู่หน่วยนี้กันนะ!?
"ผู้กองคะ ดิฉันมีงานเยอะนะคะ รีบเข้าเรื่องเร็วๆสิคะ!"
"ใจเย็นสิผู้หมวด มันเพิ่มจะเริ่มเท่านั้นเองนะเนี่ย"
หลังจากที่เขาจบคำพูดนั้น ฉันกำหมัดแน่นก่อนจะกรอกตาขึ้นมองไปหาเขา แววตาของฉันตอนนี้เต็มไปด้วยความโมโหสุดๆ ห้องนี่ก็ร้อน แถมทหารยศใหญ่ตรงหน้าก็เอาแต่เคี้ยวสเต็กเนื้อในปากไม่ยอมเข้าเรื่องสักที เขาพล่ามประโยคนี้มาเป็นสิบๆครั้ง...ไม่สิ!เป็นร้อยๆครั้งแล้วละมั้ง ทั้งๆที่รู้ว่าฉันกำลังยุ่งยังจะทำเล่นอยู่อีก!!
"โอเค งั้นผมจะเข้าประเด็นเลยละกัน"
"รอคำนี้มานานเลยนะคะ รีบๆเลยค่ะงานดิฉันยุ่งอยู่"
เขาหยิบเอกสารแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่านก่อนจะเริ่มถามคำถามฉัน
"คุณชื่อครีนัส แอดเลอร์สินะ"
"ค่ะ"ฉันพยักหน้า
"ชื่อแปลกเนอะ ใครตั้งให้เนี่ย"เขาถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ
"พ่อของฉันเองค่ะ ดร.ไคลร์ แอดเลอร์"
เขาพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะถามคำถามต่อไป
"คุณอายุยี่สิบแปด อืม...แล้วคุณเคยแต่งงานอะไรนี่รึยังครับ"
ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก"ไม่ค่ะ หมั้นแล้วครั้งนึง"
ฉันรู้สึกว่าคำถามมันจะ...เอ่อ...
"โอเค...คุณถนัดเรื่องอะไรในสนามรบบ้างหมวด"
"สอดแนมอะไรพวกนี้น่ะค่ะ กับวางแผนการรบ"
เขาพยักหน้าอีกครั้ง ฉันเริ่มอยากจะถอดเสื้อคลุมหนังบ้าๆนี่ออกแล้วแฮะ
"ผมพอจะหางานให้คุณทำได้นะผู้หมวดถ้าคุณเก่งเรื่องสอดแนม"
ฉันพยักหน้าตามคำพูดของเขา ในที่สุด...ในที่สุดฉันก็ได้รับงานใหม่แล้วสินะ ให้ตายสิ! อยากจะรู้เหลือเกินว่างานในหน่วยนี่มันมีอะไรบ้าง ฉันถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะพาดมันไว้บนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ใต้เสื้อคลุมคือเครื่องแบบเต็มยศของฉันที่ไม่ได้สวมมานานนับปี จะแน่ใจได้ยังไงว่าฉันจะไม่โดนพวกนี้ซ้อมก่อนจะได้เริ่มงาน ที่นี่มันมีแต่ทหารอันธพาลเต็มไปหมด
"เอาล่ะ..."
"..."
"...ยินดีต้อนรับสู่หนวยโอเอสเอสนะผู้หมวดแอดเลอร์!"
---------------------------------
ความคิดเห็น