ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #22 : Valkyrie. นางฟ้าสีดำ

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 58


    “อย่าทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียวสิ...”

    มิเชล...

    “อย่าทำแบบนั้น...”

    ไม่...

    “ไมค์...เธอได้ยินฉันมั้ย...”

    ไม่...มิเชล...

    “ไมค์...”

    “มิเชล!!

    เขาสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าแสดงถึงความตกใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้าของคำพูดของชื่อที่เขาเรียกเมื่อครู่นั้นยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเงียบไปง่ายๆ แฮนสันยกมือขึ้นกุมศรีษะของตนเอง ทำไมเขาถึงรู้สึกปวดหัวมากขนาดนี้กัน...มันเหมือนกับว่าเขาหลับๆปนานเป็นปีเสียอย่างนั้น...แล้วเขาอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย...

    “ตื่นแล้วเหรอคะ”

    เสียงนั่นดังขึ้น มันฟังเหมือนกับมีสำเนียงเยอรมันปนเข้ามาด้วยนิดหน่อย ชายหนุ่มหันควับไปยังต้นเสียง หญิงสาวผมบลอนด์ในชุดพยาบาลสีขาวกำลังยืนจัดดอกไม้อยู่ตรงมุมห้อง ผมของเธอถูกเกล้าเอาไว้อย่างเรียบร้อยและมีหมวกพยาบาลปิดอยู่ เขามองเธอคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยเต็มที มันเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอคนนั้นหันมาพอดี

    “ฝันร้ายหรือคะ”ใบหน้าสะสวยนั่นดูมีความสงสัยเต็มเปี่ยม

    “ค..ครับ..”

    หญิงสาวหัวเราะเบาๆอย่างขบขัน ก่อนจะเผยอปากขึ้นยิ้ม

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชินไปเอง”เธอหันกลับไปจัดดอกไม้อีกครั้ง”ตอนนี้คุณอยู่ในโรงพยาบาลนอกเขตสงครามค่ะ”

    เขาก้มหน้าลงนิดหน่อย หมายความว่าเขาสลบไปเหรอเนี่ย...

    “แล้วคุณ...”

    ก่อนที่เขาจะพูดจบ พยาบาลสาวคนนั้นก็เกิดหัวเราะขึ้นมาเสียก่อน...เสียงหัวเราะนั่นฟังเหมือนกับเสียงของกระดิ่งยามต้องลม

    “ฉันทำงานเป็นพยาบาลที่นี่ค่ะ ฉันชื่อแอมเบอล์”เธอยิ้มละมัย”หรือจะเรียกฉันว่าวัลคีรีเหมือนกับที่คนอื่นเรียกก็ได้ค่ะ นั่นฉายาฉันเอง”

    วัลคีรี...”เขาทวนคำพูดของเธอ”...คืออะไรเหรอครับ”

    เธอหัวเราะขึ้นมาอีก ดวงตาสีอำพันเหมือนกับชื่อของเธอจ้องมองมายังเขาอย่างอ่อนโยน
                 "เป็นชื่อของนางฟ้าสีดำน่ะค่ะ..."เธอเริ่มอธิบาย"วัลคีรีมีหน้าที่เสาะแสวงหานักรบผู้เสียชีวิตในการต่อสู้ และพาตัวกลับมายังวาลฮัลลาบนสรวงสวรรค์ นักรบเหล่านี้เรียกว่า'ไอน์แฮเรียร์' พวกเขาได้รับเลือกร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าทวยเทพในศึกวันสิ้นโลกแร็กน่าเริ้ค...พวกเขาจะได้รับการดูแลจากวัลคีรีอย่างดี และในทุกๆวันนั้น...ไอน์แฮเรียร์จะต้องทำการซ้อมรบด้วยอาวุธจริงและเครื่องป้องกันจริง แต่หลังจากที่ตายไปแล้วจะได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาซ้อมต่อ...ช่างเป็นสวรรค์ที่โหดร้ายจริงๆเลยนะคะ"
                 แอมเบอล์หัวเราะขบขันท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ แฮนสันได้แต่จ้องมองเธออย่างสนใจ เขารู้แล้วล่ะว่าทำไมเธอถึงได้รับฉายาว่า"วัลคีรี" มันมาจากงานที่เธอทำนั่นเอง
                ...แต่เขายังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่
             "เอ่อ...ผม..."
               "คะ?"
               ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน แอมเบอล์หรือวัลคีรีได้ก้าวเดินไปเปิดประตูนั่น ตรงหน้าของเธอคือหัวหน้าพยาบาลของเธอนั่นเอง
          "มีคนบาดเจ็บหนักมาอีกแล้ว ขอช่วยหน่อย"
          "ค่ะสักครู่..."
          แอมเบอล์ปิดประตูห้องก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงผู้ป่วย สีหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ทุกๆวันจะมีคนที่บาดเจ็บหนักเข้ามาถึงมือเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน...หรือทหารก็ตาม เมื่อวานนี้เธอเพิ่งจะปฐมพยาบาลคนที่ไปโดนระเบิดมานี่เอง วันนี้ก็จะลองทายดูว่าจะเป็นบาดเจ็บหนักแบบไหน
          "ดิฉันขอตัวก่อนะคะ"คำพูดของเธอเหมือนกับคำบอกลา"เดี๋ยวค่อยเจอกันอีก.."
          "ค..ครับ"
          เธอยิ้มก่อนจะก้าวไปเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปด้านนอก ทิ้งให้แฮนสันอยู่ในห้องพักคนเดียว  เขาก้มหน้าลง นึกตำหนิตัวเองที่ไม่ได้แนะนำตัวให้เธอรู้จักเสียก่อนที่เธอจะออกไปด้านนอก ดูเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเธอคนนั้นมีนิสัยอย่างไร ฟังจากลักษณะคำพูดแล้วนั้น...เธอคงจะเป็นคนมีมารยาทและเรียบร้อย ส่วนบุคลิกนั่น....รู้สึกว่าจะเหมือนกับใครสักคนที่เขารู้จัก...
          ....เหมือนกับ...คนที่เขารู้จัก...แต่ไม่น่าเป็นไปได้แน่...
          ตึกๆๆ
          แอมเบอล์เดินตามหัวหน้าพยาบาลของตนเองลงมายังชั้นล่างด้วยท่าทางเร่งรีบเป็นที่สุด หัวหน้าของเธอบอกว่ามีคนบาดเจ็บหนักเข้ามาในโรงพยาบาลนี้อีกแล้ว ซึ่งมันก็เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องช่วยเหลือคนพวกนั้นไม่ให้ตายก่อนสงครามจะจบ
          "ไม่ทราบว่ามีกี่คนคะ"เธอถามในขณะที่เดินตามหัวหน้าพยบาลไปยังห้องพักผู้ป่วย
          "สองคน ชายทั้งหมด อีกคนอเมริกัน อีกคนเยอรมัน...ท่าทางจะเป็นนาซี"
          เธอพยักหน้ารับช้าๆเมื่อได้รับคำตอบ โรงพยาบาลนี้มีคนบาดเจ็บหนักๆเข้ามาไม่ขาดสายเลย ไม่แปลกหรอกที่จะมีนาซีเข้ามาด้วย
          แอมเบอล์เดินไปยังเตียงผู้ป่วยที่มีคนในเครื่องแบบทหารฝ่ายสัมพันธมิตรนอนอยู่ เขาร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดในขณะที่พยาบาลคนอื่นๆกำลังทำแผลเขาให้ ทั้งหมดถูกแอมเบอล์ดันออกไป เธอเดินเข้าไปตรงเตียงนั่นแล้วมองไปยังคนที่นอนอยู่...เขาคงจะไปเดินเหยียบระเบิดมาแน่ๆ ขาขวาของเขามีเลือดอกเต็มไปหมดแต่ไม่ขาด...แต่บางทีเธอต้องตัดมันออก...
          ...ได้เวลางานของนางฟ้าสีดำแล้ว..
          "จ่า อยู่นิ่งๆเอาไว้นะ เดี๋ยวฉันจะตัดขาของคุณออกไปก่อน โดนระเบิดแบบนี้เอาไว้ไม่ได้แน่"
          เธอพูดพลางหยิบยาชาขั้นมาฉีดใส่เขาด้วยท่าทางนุ่มนวลอย่างเร่งรีบ เธอเอาผ้ามาซับเลือดไว้ก่อนจะหยิบเลื่อยขึ้นมาเตรียมพร้อม พยาบาลที่ยืนอยู่สองสามคนด้านหลังพากันหันหลังกลับไปก่อนจะเอามือปิดตา อีกไม่นานฉากสยดสยองก็คงจะแล่นขึ้นมาอีก แต่มันก็ชาชินแล้วสำหรับแอมเบอล์
          "บอกชื่อของคุณมาเลยจ่า"เธอพูดพลางใช้ผ้าซับของเหลวสีแดงให้หมด
          "ว...วินเซนต์...ผ..ผมชื่อวินเซนต์!"
          "โอเควินเซนต์...ฉันอยากให้คุณคลายเครียดให้มากที่สุด คุณจะได้ไม่เจ็บมาก"
          เธอค่อยๆวางเลื่อนไว้บนขาขวาของเขา ก่อนทำท่าจะเลื่อย...ทุกคนยกมือขึ้นปิดตากันหมด ถึงแม้จะทำงานด้านนี้มานาน แต่ก็ไม่มีใครรับมือกับภาพอันสยดสยองแบบนี้ได้ไหวสักคน...ยกเว้นแอมเบอล์
         และทันใดนั้น....
          "เดี๋ยว!!!"
          "อะไรๆ มีอะไรคะจ่า!?"
          แอมเบอล์รีบวางเลื่อยลงทันดีก่อนจะหันไปมองทหารที่นอนอยู่ตรงหน้า
          "ผ...ผมจะรอดมั้ยครับ!?"
         "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงๆคุณก็ต้องปลอดภัยแน่นอน"
          อีกด้านหนึ่ง...
           ถึงแม้ว่าจะถูกสั่งมห้นอนอยู่กับที่ แฮนสันก็พยายามลุกขึ้นมาเดินจนได้...พยาบาลคนนั้นหายไปไหนแล้วนะ? นั่นคือคำถามเดียวที่อยู่ในหัวของเขา เขายังไม่ได้บอกชื่อของตัวเองให้เธอรู้จักเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนี้กันนะเนี่ย!?
          "...ยังไงๆคุณก็ต้องปลอดภัยแน่นอน"
          เสียงนั่นดังขึ้น เขาไม่รู้ว่าเขาเดินผ่านห้องอะไร แต่เมื่อขะโงกหน้าไปดูตรงช่องประตูที่แง้มอยู่นั้น...เขาก็เห็นเธอ พยาบาลคนเมื่อกี้...ท่าทางเธอเหมือนกับกำลังช่วยชีวิตทหารอเมริกันที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไรอย่างนั้นเลย ในมือของเธอถือเลื่อยอยู่ ท่าทางเหมือนกำลังจะตัดขาของทหารคนนั้น...แฮนสันรีบละสายตาจากช่องประตูนั่นทันที 
          ครืด...ครืด...
          "ว้ายตาย! ฉันทนดูภาพนี้ไม่ได้เลย!"เสียงของพยาบาลคนหนึ่งภายในห้อง
          แฮนสันหายใจถี่ลง ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองเองเลยว่านางพยาบาลคนนั้นจะเป็นคนแบบนี้ ถ้าไอ้หมอนี่โดนตัดขา อีกรายต่อไปก็คงไม่โดนตัดแขนสินะ...ให้ตายสิ โลกนี้มันช่างโหดร้ายเกินกว่าที่เธอจะรับไว้...สำหรับหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
          "โอเค...เสร็จแล้วจ่า"เธอพูดพลางส่งเลื่อยนั่นให้กับพยาบาลคนข้างหลัง"คราวนี้คุณนอนพักได้เลย พักเรื่องรบไว้ก่อนละกัน"
          "ขอบคุณ...ขอบคุณมากครับ!"
          เธอยิ้มให้เขาเป็นนัยๆว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเดินไปกระซิบบอกกับพยาบาลอีกคนหนึ่ง แล้วเดินออกมาที่ประตู...ซึ่งแฮนสันก็ยังมองเธออยู่ตรงประตูนั่น
          "อ้าวคุณ..."เธอรู้สึกประหลาดใจทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบยืนดักรออยู่หน้าห้อง ทั้งๆที่จริงแล้วนั้น...เขาควรจะอยู่ในห้องมากกว่า
          "ขอโทษที่ลืมแนะนำตัวนะครับ...ผมแฮนสัน"
          "โอเคค่ะ คุณควร...จะไปนอน...พักผ่อนนะ"
          เธอชี้ไปตรงบันไดทางขึ้นที่เขาเพิ่งลงมาราวกับกำลังจะให้เขากลับไปอีกครั้ง
          "ผมไม่เป็นอะไรแล้วคุณพยาบาล ดูสิผมเดินได้แล้วนะเห็นมั้ย"
          "โถ่คุณ...อย่าลืมสิยังไงคุณก็เดินได้อยู่แล้ว...คุณไม่ได้โดนตัดขาเหมือนกับจ่าวินส์นี่"
          เขาพยักหน้ารับ"มีงานอีกรึเปล่าล่ะ"
         "มีสิ งานฉันมีทุกวันนั่นแหละ ต่อไปต้องไปที่ห้องพักอีกห้องหนึ่ง นาซีบาดเจ็บรออยู่ที่นั่น"
          แอมเบอล์ไม่รอช้า เธอรีบเดินไปยังห้องพักที่ว่านั่นทันที แฮนสันเองก็ตัดสินใจเดินตามเธอไป เพราะการที่พักอยู่แต่ในห้องมันไม่ช่วยให้เขาเดินทรงตัวได้ดีขึ้นเลยสักนิด สู้ออกมาเดินน่าจะดีกว่า
          "ทำไมคุณต้องแยกห้องให้เขาล่ะ"
          "นี่เป็นความคิดของหัวหน้าฉันเอง..."เธอ
    เล่า"...เผื่อเอาไว้เวลาคนพวกนี้เกิดอยากเล่นตุกติกขึ้นมาไงล่ะ ที่นั่น...เราเตรียมยามฝีมือเยี่ยมให้เฝ้าหน้าประตูเอาไว้แล้ว"
          ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ นัยน์ตาสีฟ้าครึ้มมองตามหลังของเธอด้วยท่าทีที่แสดงถึงความสงสัยเต็มเปี่ยม
          "คุณรวบรัดดีนะ"เขาว่า"เหมือนกับทหารเลย"
         หญิงสาวหัวเราะออกมา เสียงของเธอฟังคล้ายกับเสียงของนกอันเล็กแหลม
          "แหงล่ะค่ะ พี่ชายของฉันทำงานให้กับกองทัพ"
          หญิงสาวหยุดเดินตรงหน้าห้องๆหนึ่ง มีชายสองคนยืนเรียบประตูซ้ายขวา จะเรียกได้เลยว่าแม้แต่หนูสักตัวก็ไม่สามารถเล็ด ลอดสายตาของพวกเขาไปได้ แอมเบอล์บอกให้แฮนสันยืนอยู่หน้าประตูเพราะไม่อยากเขาเผลอทำอะไรวู่วามเวลาเข้าไปด้านใน
          "เสียใจค่ะจ่า...คุณเข้าไปด้านในไม่ได้"
          "ครับก็ได้ ผมเป็นคนใจร้อนอยู่ด้วย งั้นผมรออยู่ด้านนอกนะครับ"
          เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะหมุนลูกบิดประตูเขาไปด้านในห้อง มันเป็นเหมือนกับห้องพักของแฮนสัน มีเพดานสีขาวโล่งเหมือนกัน ตรงมุมห้องก็มีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ บนโต๊ะตัวนั้นก็มีแจกันดอกไม้วางอยู่ มันเหมือนกันทุกอย่างยกเว้นดอกไม้ในแจกัน มันเหี่ยวแห้งเพราะไม่ได้รับน้ำมาหลายวันแล้ว...ใครล่ะจะกล้าเขาไปเปลี่ยนน้ำในแจกันในห้องที่มีบุคคลอันตรายอยู่อย่างนี้กัน
           "มีธุระอะไรอีกล่ะ"
          เสียงของชายในห้องดังขึ้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พาดขาไว้บนโต๊ะอย่างเสียมารยาท ผมของเขามีสีดำเข้ม สำเนียงที่พูดออกมานั้นก็ไม่ใช่สำเนียงพูดที่คนอื่นจะฟังรู้เรื่องเลย หากแต่ว่ามันเป็นภาษาเยอรมัน
          "ได้เวลาเช็กดูแผลของคุณแล้วล่ะค่ะ"
          แอทเบอล์ทำใจดีสู้เสือ น้ำเสียงของเธอแทบจะไม่มีความกลัวอยู่เลย
          "ไม่ต้องมาเช็กแล้ว ผมไม่เป็นอะไรหรอกน่า กลับไปซะ"
          "คุณถูกยิงนะคะ แถมยังเสียเลือดด้วย ฉันอยากรู้ว่า...."
          เธอยังพูดไม่จบเขาก็ขัดขึ้นก่อน น้ำเสียงของเขาฟังดูฉุนเฉียวเต็มที
          "ไปไกลๆเลย ผมไม่อยากจะเจอใครตอนนี้"
          หญิงสาวตัดสินใจเดินเข้าไปที่เขาอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมกับเตรียมเข็มฉีดยาเอาไว้ด้านหลัง เขาดูแปลกประหลาดใจเต็มที่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ทำตามที่เขาพูด
          "ขอโทษนะคะ"เธอเตรียมเข็มฉีดยาขึ้นมา"แต่ดิฉันคงทำตามที่คุณบอกไม่ได้"
          แอมเบอล์กระตุกยิ้มมุมปาก เธอก้าวเดินเข้าไปหานาซีหนุ่มคนนั้นพร้อมกับเข็มฉีดยาในมือ เขาดูมีสีหน้าประหลาดใจเต็มที่ คงจะสงสัยกระมังว่าเธอคิดจะทำอะไรเขา
          "เฮ้ยๆๆ อย่าเข้ามาพร้อมไอ้เข็มบ้านั่นนะ"เขายกมือห้ามเธอ
          "แหม..แหม..."แอมเบอล์จับมือข้างหนึ่งของเขาขึ้นมา"ไม่อยากจะเชื่อว่ามีนาซีกลัวเข็มอยู่ในโลกใบนี้ด้วยนะ"
          เธอใช้ปลายเข็มเสียบลงไปบนแขนของเขาอย่างนุ่มนวล ก่อนจะฉีดสารบางอย่างเข้าไป ซักพักหนึ่งเธอก็ดึงเข็มออกมา นาซีคนนั้นมีแววตาเปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นเดินเซไปเซมาราวกับสูญเสียการทรงตัวไป
          "น...นี่คุณ...เอา..."
          แอมเบอล์รีบเข้าไปพยุงเขาก่อนที่นาซีคนนั้นจะสะดุดขาเตียงเสียก่อน เธอคลี่ยิ้มบางๆให้เขาอีกครั้งแล้วพยุงเขาขึ้นนั่งบนเตียง เธอสังเกตได้ว่าเขามีสีหน้าและแววตาเปลี่ยนไป...อาจเป็นฤทธิ์ยาที่เธอฉีดให้เขาเมื่อครู่
          "มอร์ฟีนน่ะค่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก"
          "คุณ...คุณฉีดมอร์ฟีนให้ผมเหรอ..."
          หญิงสาวพยักหน้าช้าๆก่อนจะดันตัวของเขาให้นอนลงบนเตียง"ทำใจให้สบายค่ะ ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล"
          ดวงตาไร้แววคู่นั้นกรอกมามองเธอ ท่าทางมันตั้งใจจะบอกบางให้เธอรู้
          "...ผมเป็นนาซีนะ...ลืมไปแล้วเหรอ..."
          "ดิฉันไม่ลืมตัวตนของคุณหรอก..."
    แอมเบอล์คลี่ยิ้ม"...ฉันแค่อยากช่วยคุณเท่านั้น"
          ในขณะที่เธอคลี่ยิ้มให้เขานั้น หญิงสาวสังเกตบางอย่างบนใบหน้าของเขาได้...มันเริ่มจะมีน้ำตาไหลออกมา...
          "...ขอบคุณ...ขอบคุณมากครับ..."
          แอมเบอล์ยกมือยื่นไปที่ใบหน้าของเขาแล้วปาดน้ำตาบนใบหน้าของชายหนุ่ม เธอไม่เคยเห็นชายคนไหนร้องไห้ต่อหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ วันนี้คงจะเป็นครั้งแรก...เธอเข้าใจพวกเขา...เธอรู้ดีว่า"จิตใจ"ของทหารจะเป็นอย่างไรเมื่อโดนเพื่อนร่วมรบทิ้งให้ตายท่ามกลางศัตรูนับร้อย...
          ...เพราะพี่ชายของเธอก็เป็นทหาร...ในสมัยที่ยังอยู่ด้วยกันนั้นเขามักจะเล่าให้เธอฟังเสมอว่าเรื่องราวในสนามรบมันเป็นอย่าง
    ไร...มันช่างน่าเศร้ามากสำหรับคนที่ต้องเป็นเหยื่อให้คนอื่นไล่ฆ่า...เช่นเขา...
          "ไม่เป็นไรค่ะ...อย่างร้องไห้นะคะ"
          เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้...รอให้หมอมาก่อนแล้วค่อยออกไป
          แฮนสันยังคงยืนอยู่ที่เดิม...
           พยาบาลคนนั้นเข้าไปด้านในนานแล้วแต่ก็ยังไม่กลับออกมาเลย เขาแทบจะสติแตกตายอยู่แล้วนะเนี่ย!
           สักพักประตูก็เปิดออก แอมเบอล์ก้าวออกมาจากห้องแล้วยิ้มให้เขาเล็กน้อย เธอเดินเลี่ยงพวกยามนั่นออกมาด้านนอกโดยไม่ลืมที่จะหันไปปิดประตูด้านหลัง
           "ซักพักหมอก็จะมาแล้ว"เธอพูดขึ้น"เขาจะต้องไม่เป็นอะไร"
           แฮนสันมองเธออย่างเพ่งพินิจ เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงแตกต่างจากคนอื่นมากขนาดนี้ เธอกล้าเขาไปอยู่กับนาซีในห้องนั้นเพียงคนเดียวกับเข็มฉีดยาที่มีมอร์ฟีนอยู่อีกหนึ่ง เธอกล้าแม้กระทั้ง...เข้าไปฉีดมอร์ฟีนให้เขา ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ทำอย่างนั้นแน่ แต่สำหรับเธอ...นั่นคือไม่...
          "ทำไมคุณถึงช่วยเขา...นาซีนั่น"เขาถามในระหว่างที่เดินตามหลังเธอไป
         "เราเป็นมนุษย์ เขาก็เหมือนกัน"นั่นคือคำตอบ"...มนุษย์ต้องช่วยเหลือกัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมิตรหรือศัตรู"
          เธอยิ้มให้เขาตบท้าย รอยยิ้มของเธอดูคล้ายกับรอยยิ้มของพระแม่มารี...มันเปี่ยมไปด้วยความกรุณา...
          "ผมก็คิดแบบนั้นนะ...ทหารคนอื่นๆก็คงจะคิดแบบนั้น แต่สงครามมันบดบังสามัญสำนึกของมนุษย์ไปหมดแล้วล่ะครับ"
          "นั่นสินะคะ...ไม่เหลือความคิดแบบนั้นอีกแล้วในหัวของมนุษย์ตอนนี้"
         แอมเบอล์เดินมานั่งตรงเก้าอี้ตัวหนึ่ง ท่าทางเธอจะเหนื่อยมาก ราวกับว่าเธอไม่ได้พักผ่อนมาเป็นนานแล้วอย่างไรอย่างนั้น แฮนสันนั่งลงข้างๆเธอ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินคำพูดเกี่ยวกับพี่ชายของเธอในกองทัพที่เธอพูดออกมา เขาอยากรู้เหมือนกันว่าเขาคนนั้นคือใคร...
         "ก่อนหน้านี้...คุณพูดถึงพี่ชายของคุณ..."
         "คะ?"เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย
         แฮนสันถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจถามออกไป
         "เขาชื่ออะไรหรือครับ"
         เธอเพ่งพินิจมองใบหน้าของเขามากขึ้นหลังจากที่เขาจบคำถามนั่น ก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาเล็กน้อย
         "นี่...คุณไม่รู้จักพี่ชายของฉันเหรอคะเนี่ย เขาออกจะดังนะคะ"
          "คุณยังไม่บอกชื่อผมแล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ"
         แอมเบอล์มองหน้าของชายหนุ่ม เธอยิ้มอีกครั้งก่อนจะตอบคำถามของเขา
          "เขาชื่อ..."
         "ชื่อ..."เขาลากเสียง เพื่อรอคำตอบ
         "...ชื่อ...."
         แอมเบอล์ยิ้มอีกครั้ง
        "เขาชื่อเบิร์ต...เบิร์ต คาร์ล"
        ....
        ...
        ..
        .
        "รู้รึเปล่าว่าจะเป็นสมาชิกหน่วยนี้ต้องทำยังไงบ้างผู้หมวด"
        "ไม่ค่ะ"
        "ตอบตรงมาก ผมชอบคนที่ตรงไปตรงมา"
        ฉันยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้า นี่มันก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วเห็นจะได้ ฉันเข้ามานั่งในห้องนี้นานขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย นี่ไม่ได้ว่างขนาดมานั่งเฉยๆแบบนี้กรอกนะ คาร์ลคิดอะไรถึงย้ายให้ฉันมาอยู่หน่วยนี้กันนะ!?
         "ผู้กองคะ ดิฉันมีงานเยอะนะคะ รีบเข้าเรื่องเร็วๆสิคะ!"
         "ใจเย็นสิผู้หมวด มันเพิ่มจะเริ่มเท่านั้นเองนะเนี่ย"
         หลังจากที่เขาจบคำพูดนั้น ฉันกำหมัดแน่นก่อนจะกรอกตาขึ้นมองไปหาเขา แววตาของฉันตอนนี้เต็มไปด้วยความโมโหสุดๆ ห้องนี่ก็ร้อน แถมทหารยศใหญ่ตรงหน้าก็เอาแต่เคี้ยวสเต็กเนื้อในปากไม่ยอมเข้าเรื่องสักที เขาพล่ามประโยคนี้มาเป็นสิบๆครั้ง...ไม่สิ!เป็นร้อยๆครั้งแล้วละมั้ง ทั้งๆที่รู้ว่าฉันกำลังยุ่งยังจะทำเล่นอยู่อีก!!
         "โอเค งั้นผมจะเข้าประเด็นเลยละกัน"
        "รอคำนี้มานานเลยนะคะ รีบๆเลยค่ะงานดิฉันยุ่งอยู่"
         เขาหยิบเอกสารแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่านก่อนจะเริ่มถามคำถามฉัน
         "คุณชื่อครีนัส แอดเลอร์สินะ"
          "ค่ะ"ฉันพยักหน้า
         "ชื่อแปลกเนอะ ใครตั้งให้เนี่ย"เขาถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ
         "พ่อของฉันเองค่ะ ดร.ไคลร์ แอดเลอร์"
         เขาพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะถามคำถามต่อไป
         "คุณอายุยี่สิบแปด อืม...แล้วคุณเคยแต่งงานอะไรนี่รึยังครับ"
          ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก"ไม่ค่ะ หมั้นแล้วครั้งนึง"
          ฉันรู้สึกว่าคำถามมันจะ...เอ่อ...
          "โอเค...คุณถนัดเรื่องอะไรในสนามรบบ้างหมวด"
         "สอดแนมอะไรพวกนี้น่ะค่ะ กับวางแผนการรบ"
        เขาพยักหน้าอีกครั้ง ฉันเริ่มอยากจะถอดเสื้อคลุมหนังบ้าๆนี่ออกแล้วแฮะ
         "ผมพอจะหางานให้คุณทำได้นะผู้หมวดถ้าคุณเก่งเรื่องสอดแนม"
         ฉันพยักหน้าตามคำพูดของเขา ในที่สุด...ในที่สุดฉันก็ได้รับงานใหม่แล้วสินะ ให้ตายสิ! อยากจะรู้เหลือเกินว่างานในหน่วยนี่มันมีอะไรบ้าง ฉันถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะพาดมันไว้บนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ใต้เสื้อคลุมคือเครื่องแบบเต็มยศของฉันที่ไม่ได้สวมมานานนับปี จะแน่ใจได้ยังไงว่าฉันจะไม่โดนพวกนี้ซ้อมก่อนจะได้เริ่มงาน ที่นี่มันมีแต่ทหารอันธพาลเต็มไปหมด 
         "เอาล่ะ..."
         "..."
         "...ยินดีต้อนรับสู่หนวยโอเอสเอสนะผู้หมวดแอดเลอร์!"
          ---------------------------------
        
          
          

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×