คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : War and Sacrifice. Episode 2:Cemetery Memories Roses.
ฉันยืนอยู่ ณ จุดที่เคยยืนอยู่เมื่อห้าปีก่อน..
..ต่อหน้าหลุมฝังศพของพ่อ..
ใช่..วันนี้เป็นวันที่ฉันเสียพ่อไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ...
ฟึ่บ...
ฉันวางดอกกุหลาบสีขาวในมือไว้หน้าแผ่นหินที่ตั้งตะหงานอยู่ตรงหน้า มันสลักชื่อของพ่อเอาไว้...พร้อมกับวันเดือนปีที่พ่อของฉันจากไป พร้อมกับประโยคเล็กๆเอาไว้ มันเขียนว่า"บิดาผู้เป็นที่รักตลอดไป"ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันสลักเอาไว้บนป้ายหลุมศพ
วันนี้อาจไม่มีใครสังเกตเห็นชายในเครื่องแบบสีดำตามฉันเข้ามาในสุสาน ที่จริงฉันไม่เห็นคาร์ลตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนและก็ไม่สนใจด้วยว่า..เขาจะหายไปไหน เพราะฉันไม่อยากจะรู้อยู่แล้ว ฉันวางดอกไม้ไว้หน้าหลุมศพของพ่อเสร็จแล้ว แต่เหลือบไปเห็นหลุมศพของแมี่ที่อยู่ข้างๆกัน ฉันหยิบดอกกุหลาบสีขาวที่เหลืออยู่แค่ดอกเดียวในมือวางไว้หน้าหลุมศพของแม่ อากาศหนาวจากสุสานค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาฉันทีละน้อย ฉันได้ยินเสียงสะอื้นของคนที่อยู่ในสุสาน ฉันเห็นคนที่ทรุดลงนั่งหน้าหลุมศพของคนที่เป็นที่รักของตัวเองแล้วร้องไห้..ทุกสิ่งทุกอย่าง มันวนเวียนกันอยู่ในหัวของฉัน..ทั้งภาพ กลิ่น และเสียง
ฉันก้าวเท้าออกจากสุสานไปยังด้านนอกเพื่อหลบหลีกกลิ่นอายของความเศร้า ฟอร์ดปี 1932 คันสีดำที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานกำลังจอดรอใครบางคนอยู่ที่หน้าทางเข้าสุสาน ฉันเดินไปยังรถคันนั้นทันที และดูเหมือนว่าคนขับกำลังรอฉันอยู่นะ
"ไงเฮอร์แมน"ฉันยิ้มให้กับเขา สงสัยเขาคงรอฉันจนแทบจะหลับอยู่แล้วล่ะมั้ง
"อ้อ..มาแล้วเหรอ ผมรอคุณมาเกือบชั่วโมงแล้วนะ"เขาพูดก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถให้ฉัน
"อันที่จริงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย"
เขายิ้ม"งั้นผมคงมั่วไปเอง"
เฮอร์แมนเดินไปเปิดประตูรถให้ฉันขึ้นไปนั่ง ก่อนจะเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ฉันสงสัยจริงๆเลยว่าเขาไปเอารถมาจากไหน
"คุณไปถอยรถมาจากไหนเนี่ย เมื่อวานฉันยังไม่เห็นคุณขับรถเลย"
"รถพ่อผมเอง สวยใช่มั้ยล่ะ"เขาหันมายิ้มให้
"ไม่ยักรู้ว่าคุณขับรถเป็นด้วยนะเฮอร์แมน"ฉันเสมองออกไปนอกกระจก
"เรารู้จักกันมาพักนึงแล้วนะ เรียกชื่อผมก็ได้"
"เฮอะๆ"
ฉันหัวเราะเบาๆด้วยเสียงเนือยๆ สายตายังคงมองออกไปนอกกระจกรถ ฉันเห็นผู้คนมากมายเดินอยู่บนถนน ต่างคนต่างทำงานของตัวเองอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง ท่าทางพวกเขามีความสุขดีนะ แล้วฉันก็เห็นเด็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในร้านอาหารสุดหรูกับครอบครัว
ของเธอ หล่อนทำให้ฉันนึกถึงสมัยที่ฉันยังเด็ก...อยู่กับครอบครัว ทำอะไรๆมากมายกับพ่อแม่ แต่เดี๋ยวนี้ฉันแทบจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "ครอบครัว" อย่างแท้จริงแล้วล่ะ
แต่เดี๋ยวสิ..ฉันมีอะไรต้องถามวูล์ฟฟ์
"คุณเห็นคาร์ลรึเปล่า"
เขายังคงมองไปยังทางข้างหน้าท่าทางจะมีสมาธิกับการขับรถมากเลยนะ
"เบิร์ตน่ะเหรอ?"เขาตอบฉันโดยไม่หันมา"หมอนั้นชอบหายไปทุกๆวันที่สิบแปดของเดือนนี้ เอ่อ..วันที่ด็อกเตอร์แอดเลอร์ตายน่ะ เขาหายไปตลอด ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขาหายไปไหน"
"งั้นเหรอ.."
"บางทีเขาก็หายไปก่อนจะถึงวันนี้ซะอีก
อย่างวันนี้ไง"
เขาค่อยๆชะลอรถจอดอยู่หน้าบ้านของฉัน อันที่จริงเขายกให้ฉันมากกว่า..วูล์ฟฟ์น่ะ
"ขอบคุณที่มาส่งนะ"ฉันเปิดประตูรถลงไปยืนอยู่บนทางเท้าก่อนจะหันมาปิดประตูรถ
"ยินดีเสมอครับ.."เขายิ้มก่อนจะขยับหมวกนิดหน่อย
ฉันยิ้มให้เขากลับแล้วหันหลังเดินไปยังประตูบ้าน พลางใช้มือคลำหากุญแจบ้านที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย ฉันหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขกลอน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านในบ้านหลังใหญ่
ฉันหันหลังกลับไปปิดประตูก่อนจะหันมาตั้งใจจะเดินไปเก็บเสื้อโค้ต แต่ทว่าสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็น...
"คาร์ล?"ฉันพูดก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก เขาเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือในมือก่อนจะกระตุกยิ้มให้ฉัน"ไงสาวน้อย"
"คุณเข้ามาบ้านฉันได้ยังไง"ฉันถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ สายคายังคงจับจ้องไปยังเขา
"ผมขอกุญแจมาจากวูล์ฟฟ์"เขาหยิบกุญแจขึ้นมาสั่นเสียงของมันดังก้องไปทั่วห้อง"คิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆเหรอ"
"มัน..ไม่ดีเลยนะที่คุณเข้ามาในบ้านฉันแบบนี้น่ะ แล้วเครื่องแบบหายไปไหนแล้วล่ะ"
ใช่...วันนี้เขาไม่ได้มาพร้อมกับชุดเครื่องแบบของเขา เสื้อเเจ๊คเก็ตสีดำและกางเกงขายาวสีดำคือสิ่งที่เขาใช้แทนเครื่องแบบของเขา ในมือถือกระป๋องเบียร์เอาไว้
"ผมขอเป็นตัวของตัวเองบ้างก็ดีนะสาวน้อย"
"โอเค! ตามสบายเลย!"ฉันเดินกระ แทกเท้าเสียงดังไปที่โต๊ะก่อนจะพลาดเสื้อโค้ตเอาไว้บนนั้น"แล้วทีหลังหยุดเรียกฉันว่าสาวน้อยได้แล้ว!"
ฉันได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคนดังออกมา ฉันมั่นใจได้เลยว่าคนที่ทำเสียงประหลาดๆแบบนี้มีแค่คนเดียวที่ฉันรู้จัก และไม่อยากจะเอ่ยชื่อซ้ำอีกด้วย เฮ้อ..เขาต้องการอะไรจากฉันกันนะ
"คุณคงสงสัยว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่บ้านของคุณในวันนี้สินะ"
ฉันเดินกลับไปอีกครั้ง"ก็แล้วแต่จะคิดเถอะ"
"มีอะไรรึเปล่า ท่าทางคุณรีบมากเลยนะ"
ฉันเดินวนไปวนมาเหมือนกับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปไหน คาร์ลคงสังเกตเห็นท่าทางของฉันอยู่นานละมั้งเขาถึงได้พูดขึ้นมาน่ะ
"เฮอะ..ฉันดูเหมือนว่าเป็นคนเพี้ยนๆรึไง"ฉันเดินกลับไปตรงโต๊ะที่เขานั่งอยู่ ก่อนจะหยิบกระป๋องเบียร์เปล่าของเขาแล้วเดินไปทิ้ง
"อะไรของคุณน่ะ กระป๋องนั้นผมยังไม่ดื่มเลยนะ"
กึก..
ฉันรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่ทิ้งกระป๋องเบียร์นั่นลงถังไปแล้ว ใช่..มันยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ สงสัยฉันคงเพี้ยนไปแล้วจริงๆ
"อ้อเหรอ ฉันคงเพี้ยนไปจริงๆนั่นแหละ"
คาร์ลหัวเราะฉันอีกครั้งก่อนจะปา
กระป๋องเบียร์ในมือลงถัง เขายกขาขึ้นพาดไว้บนโต๊ะอย่างเสียมารยาทก่อนจะหยิบเบียร์อีกกระป๋องขึ้นมาเปิด ฉันมองเขาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความไม่พอใจที่สุด แบบนี้มันเสียมารยาทเกินไปแล้ว!
"นี่..กรุณามีมารยาทหน่อยได้มั้ย"
เขาวางเบียร์ลงบนโต๊ะตัวเดิมก่อนจะเอาขาของตัวเองลงจากโต๊ะ ให้มันได้อย่างนี้สิ! เขานี่มันชักจะวางอำนาจในบ้านคนอื่นมากเกินไปแล้ว
"คุณนี่..ไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงคนอื่นที่ผมเคยเจอเลยนะ คุณฉลาดและกล้าพูดกับผมแบบนั้น..."เขากระตุกยิ้มให้ฉันอีก"..ผมชอบมันนะ"
"ขอบคุณ วันนี้ฉันต้องตามเก็บกระป๋องเบียร์ของคุณไปทิ้งอีกแล้วเหรอเนี่ย
!? ให้ตายสิ! ทำไมฉันต้องไล่เก็บให้คุณด้วย"
"ผมไม่ได้ขอให้ช่วยนี่ เหอะทำเป็นบ่นไปได้"เขาหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มก่อนจะวางมันลง ฉันคิดว่าเขาคงซื้อเบียร์มาเป็นโหลแน่
"นานๆทีจะเห็นคุณพูดถึงนิสัยของฉันบ้างนะ"
ฉันเดินไปหยิบหนังสือที่ชั้นมาก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ฉันเปิดหนังสือหาหน้าที่อ่านค้างเอาไว้เมื่อวาน ก่อนจะตั้งใจอ่านมันให้จบ
"เย็นนี้คุณว่างมั้ย"
อยู่ๆเขาก็ถามขึ้นมา ฉันมองเขาด้วยหางตาก่อนจะก้มลงไปอ่านหนังสือต่อ
"เฉพาะช่วงเย็น"
"ดีเลย!"ท่าทางนั่นจะเป็นคำตอบที่เขาต้องการ"ผมอยากจะพาคุณไปหาใครบางคน"
.....
....
...
.
-เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น-
17 มิถุนายน ค.ศ.1934
21.34 PM
บรรยากาศในบาร์เหล้าดูครึกครื้นมีชีวิตชีวา เสียงเพลงสบายๆดังคลอไปในขณะที่ชายสามสี่คนเล่นสนุ๊กเกอร์อยู่มุมห้อง
พวกเขาหัวเราะเฮฮาดังไปทั่วร้าน อีกคนหยิบขวดเหล้าขึ้นมากระดกก่อนจะทิ้งขวดเหล้าเปล่าลงพื้น ส่วนอีกคนหนึ่งก็เอาแต่ตามจับสาวเสิร์ฟแสนสวยที่คอยเสิร์ฟเหล้าให้กับพวกขี้เมาในร้านเป็นปกติ
มาอยู่อีกมุมหนึ่งที่เคาเตอร์บาร์ ชายคนหนึ่งนั่งคุยกับบาร์เทนเดอร์ถึงเรื่องที่น่าดีใจในครอบครัวของเขาอย่างสนุกสนาน ฝ่ายบาร์เทนเดอร์ก็ตั้งอกตั้งใจฟังชายหนุ่มอย่างมีสมาธิมากๆ พวกเขาสนทนากันด้วยภาษาถ้อยคำที่เป็นกันเอง และยังคงหยิบเหล้าขึ้นมาดื่มเป็นพักๆ
..ทุกอย่างในบาร์ดูมีสีสัน ยกเว้นชายในเครื่องแบบที่นั่งอยู่มุมห้อง..ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเป็นนาซี..
"หนุ่มหล่อคนนั้นใครกันน่ะ"สาวเสิร์ฟคนหนึ่งที่ยืนตรงเคาเตอร์บาร์หันไปซุบซิบกับพวกเพื่อนของหล่อนด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
"จะไปรู้เหรอ อยากรู้ก็ไปถามเองสิ!"
"ใครจะกล้า! เดี๋ยวก็โดนเชือดหรอก!"
"พวกเธอนี่ไม่ไหวจริงๆเลยน้า..."
ทั้งสองหันกลับไปด้านหลัง สาวผมแดงคนหนึ่งที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้เชิ่ดหน้าขึ้น "กระจอกจริงๆเล้ยกะอีแค่นาซีคนเดียว"
"ก็เพราะว่าเขาเป็นนาซีน่ะสิ!"หล่อนพูดกับสาวผมแดงคนนั้น"ฉันไม่เดินไปเสิร์ฟเหล้าให้มันหรอก!!"
"ฉันด้วย! ยังไงฉันก็ไม่ไป"
แล้วสาวผมแดงก็เอื้อมมือขึ้นมาตีศรีษะของเพื่อนสาวเสิร์ฟทั้งสอง พวกหล่อนพากันยกมือขึ้นจับศรีษะของตัวเองที่ระบมไปด้วยความเจ็บปวด
"เดี๋ยวฉันจัดการเอง"สาวผมแดงหุ่นดีเซ็กซีค่อยๆลุกขึ้นเดินไปยังนาซีคนนั้น
ตึก...ตึก..ตึก...
หล่อนค่อยๆนั่งลงตรงหน้าเขา
"จะรับอะไรดีคะ.."
"เบียร์สอง"เขาตอบสั้นๆ ท่าทางจะไม่สนใจหล่อนซักเท่าไร
หล่อนเริ่มจะไม่สบอารมณ์เมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทีว่าไม่ค่อยสนใจหล่อน สาวเสิร์ฟผมแดงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่เคาเตอร์บาร์เพื่อเอาเบียร์มาตามคำที่ชายคนนั้นสั่ง
"ว่าไงซิลเวียร์"เพื่อนสาวเสิร์ฟของหล่อนถามอย่างสนใจ แต่หล่อนกับหลีกเลี่ยงที่จะคำถามนั่น
"หน้าอย่างนี้..เขาคงไม่สนใจเธอสินะ..อุ๊บ!"
สาวเสิร์ฟรีบเอามือปิดปากของตัวเองก่อนจะเผลอหลุดปากพูดคำนั้นออกมา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันการณ์ซะแล้ว สาวเสิร์ฟยกมือขึ้นตบกระบาลหล่อนอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์
"หุบปากเลยเธอถ้าไม่อยากโดนดี"
"ขอโทษจ้า.."
สาวเสิร์ฟผมแดงหันมามองไปยังนาซีคนนั้นก่อนจะเดินไปพร้อมกับเบียร์ราคาถูกสองกระป๋อง ทั้งๆที่มาคนเดียวแต่กลับสั่งมาสองกระป๋อง แถมสั่งเบียร์ที่ขายราคาถูกอีกต่างหาก มันต้องมีอะไรแน่ๆ เจ้าหล่อนคิด
แต่ยังไงก็ตาม..ไม่มีชายใดที่ไม่พ่ายต่อสตรีหรอก ไม่ว่าจะใจแข็งแค่ไหน ยังไงก็ต้องมีจุดที่อ่อนไหวอยู่บ้างล่ะ!
เขานั่งรออยู่ไม่นานนัก สาวเสิร์ฟผมแดงคนเดิมก็กลับมาพร้อมกับเบียร์สองกระป๋องตามสั่ง เขาเสมองไปทางอื่นเช่นเคย
มือก็หยิบเบียร์ที่เพิ่งเสิร์ฟมาเปิด ก่อนจะดื่มมันเข้าไป ดูเหมือนชายหนุ่มจะมองสาวเสิร์ฟสุดสวยคนนั้นเป็นแค่ฝุ่นไปซะแล้ว
ทนไม่ไหวแล้วเว้ย!!
"เอ่อ..คุณ.."
ในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจพูดกับเขาก่อนถึงแม้ว่าจะไม่อยากก็ตาม
"ครับ?"
เสียงนั่นฟังดูเหมือนกับเสียงของเทวดาขวัญใจของหล่อน สาวเสิร์ฟคนสวยเอาแต่ยิ้มเมื่อพบว่าการที่ทักไปเมื่อครู่มันไม่ใช่อากาศที่พัดผ่านชายหนุ่มไปเท่านั้น
อ๊าย...เสียงเพราะจังเลย!.. มีมารยาทด้วย.. นี่ล่ะอาหารใจของฉัน!
"เอ่อ...จะรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ"
"ไม่ครับ ขอบคุณ"เขาหันมายิ้มให้หล่อนอย่างอบอุ่นก่อนจะหันกลับไปจิบเบียร์ในมืออีกครั้ง สาวเสิร์ฟร่างระหงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนกับคนที่ไม่มีสติเมื่อสบกับรอยยิ้มนั่น แบบนี้ล่ะที่ซิลเวียร์ จอห์นสันคนนี้ต้องการ หล่อนคิด
"เอ่อ..ดิฉันชื่อซิลเวียร์ค่ะ..ซิลเวียร์ จอห์นสัน"หล่อนยื่นมือเข้าไปขอทำความรู้จัก
"ชไนเดอร์ครับ"
ใช่..นั่นไม่ใช่ชื่อจริงของเขา แต่ถ้าสาวเสิร์ฟนี่รู้ชื่อจริงของเขา เขาอาจจะมีปัญหาตามมาก็ได้
"คุณเป็นอเมริกันนี่นา แต่ทำไมคุณถึงใช้ชื่อเหมือนกับคนเยอรมันล่ะคะ?"หล่อนตั้งข้อสังเกต ถึงแม้ว่าหล่อนจะมีเสน่ห์แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ 'ฉลาด' เอาซะเลย
แต่ก็ดีแล้วล่ะที่หล่อนไม่เป็นแบบนั้น
"..."แต่คำตอบที่ตอบกลับมาเป็นเพียงแค่รอยยิ้มนิดหน่อยเท่านั้น
หญิงสาวเริ่มจะทนไม่ไหว การที่เขาเอาแต่เงียบแล้วก็ตอบคำถามหล่อนด้วยถ้อยคำสั้นๆ มันเป็นเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจหล่อนซะด้วยซ้ำ สงสัยวันนี้สาวเจ้าคงต้องอดไป..
หล่อนตัดสินใจเดินออกมาจากโต๊ะตัวนั้น เดินผ่านพวกเพื่อนๆตัวแสบแล้วกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง เพื่อนๆพากันมองตามหล่อนไป
"คิดดีแล้วที่ไม่ยุ่งกับนาซีนั่น ซิลเวียร์คงจะเสียหน้ามากเลยมั้ง"
"เฮอะๆว่างั้นเถอะ แต่ว่านาซีคนนั้นหายไปแล้วนะ"หล่อนชี้ไปที่โต๊ะตัวนั้นที่บัดนี้กลับว่างเปล่า
"คนรึอะไรเนี่ย หายตัวเร็วชะมัด"
ชายหนุ่มเดินออกมาจากบาร์นั่น จุดมุ่งหมายต่อไปของเขาคือจุดนัดพบที่นาซีอีกคนนัดเขาไว้คุยเรื่องเด็กสาวคนนั้น เขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้หล่อนยอมมากับเขา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล วันนี้เขากับเพื่อนจะต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ซักที
คาร์ลเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งในสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เขาวางเบียร์ที่เหลืออยู่เอาไว้บนโต๊ะตัวนั้น ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางใกล้กับโต๊ะ แล้วเขาก็หยิบสมุดจดเล่มเดิมขึ้นมาเปิดไปหน้าสุดท้าย ก่อนจะหยิบปากกาหมึกซึมในกระเป๋าออกมา
เรายังไม่ได้แซลมอนเลย
เขาวางมันไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินออกไป ดูหมือนกับว่าเพื่อนเขาจะไม่มาตามนัดหรือว่ามาช้ากว่าที่นัดเอาไว้ สำหรับเขาคือถ้ามาช้าไปหนึ่งนาทีก็เท่ากับว่าเสียเวลาไปหนึ่งชั่วโมงสำหรับการหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง จริงๆแล้วเขาไม่ค่อยชอบคนที่ไม่ตรงต่อเวลาเท่าไร การเขียนรหัสที่เพื่อนของเขาคนนั้นไว้ให้..ดูเหมือนว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
แต่ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามาใกล้โต๊ะตัวที่เขานั่งอยู่ เขาไม่หันไปก็รู้ว่าผู้มาเยือนนั่นเป็นใคร
"นายมาสายวูล์ฟฟ์"
"อะไร! มาช้าไปแค่สิบห้านาทีเอง"ชายในเครื่องแบบนาซีอีกคนพูดก่อนจะนั่งลงตรงหน้าชายหนุ่ม เขามองเห็นกระดาษจดที่ชายหนุ่มฉีกเอาไว้เมื่อครู่ มันมีข้อความเขียนเอาไว้ ซึ่งนั่นก็คือรหัสโง่ๆที่เขาคิดขึ้นมานั่นเอง
"นี่นายจะใช้รหัสของฉันเหรอเบิร์ต"
"ใช้แน่ๆถ้านายมาช้ากว่านี้"เขาพูดก่อนจะถอดหมวกออก"เรากำลังจะเสียผลประโยชน์"
"เรื่องแอดเลอร์เหรอ"เขาถามด้วยสีหน้าเครียด"ฉันว่านายน่าจะหาคนอื่นที่อัจฉริยะเท่าๆกับแอดเลอร์นะ นายก็เห็นว่าหล่อนไม่อยากไปกับเรา"
คาร์ลยกมือขึ้นมากอดอก"ดร.ไคลร์บอกให้ฉันทำให้แอดเลอร์มาเป็นนาซีให้ได้ แล้วนายจะให้ทำไงล่ะ ในโลกนี้จะมีซักกี้คนกันที่อัจฉริยะเหมือนแอดเลอร์"
"นายทำให้หล่อนเสียใจหลายครั้งเลยนะ ตั้งแต่นายบอกกับหล่อนว่าเป็นคนฆ่าไอรีน แอดเลอร์ก็เปลี่ยนไป"
"นายแคร์แอดเลอร์เหรอ"
คำพูดนั้นทำให้วูล์ฟฟ์ปิดปากเงียบ เขาคงลืมไปว่าตัวเองพูดอยู่กับใคร บุคคลตรงหน้าคือเบิร์ต คาร์ล ไม่ใช่ครีนัส แอด
เลอร์ เขาคงจะเป็นเหมือนกับที่เพื่อนของเขาพูดจริงๆ
"นี่ฉันคุยอยู่กับหมอโรคจิตอยู่นี่ เหอะ.."
"นายมันอ่านง่าย"เขาพูดด้วยสีหน้านิ่ง"ถ้านายรักแอดเลอร์จริงก็จงทำให้แอดเลอร์ทำตามคำสั่งนายให้ได้ เข้าใจมั้ย"
"ก็ได้! ฉันยกหน้าที่นี้ให้นาย ทำยังไงก็ได้ให้แอดเลอร์มากับนาย"
"พูดง่ายเนอะ แต่ยังไงฉันก็มีแผนอยู่แล้ว"
คำพูดนั้นดูเหมือนว่าจะทำให้วูล์ฟฟ์สนใจมากขึ้น เขากลับมาตั้งสมาธิและตั้งใจฟังเพื่อนร่วมงานของเขาอีกครั้ง
"แผนของนายเป็นไง"
"เดี๋ยวก็รู้เอง"เขาพูดก่อนจะชะเง้อมองไปด้านหลังคู่สนทนา"มีคนมาหานายแล้ว"
วูล์ฟฟ์หันไปด้านหลังทันที สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาคือาวสวยผมบลอนด์ในชุดทำงาน หล่อนเดินตรงมายังเขาทันทีด้วยรอยยิ้ม คาร์ลเริ่มจะก้าวออกไปจากตรงนั้น ดูก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
"ขอตัวก่อนนะ"
เขาเดินออกมาไกลจากสวนสาธาร ณะแล้ว และดูเหมือนว่าเขาสังเกตเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าร้านเครื่องประดับเมื่อเขาดูก็รู้เลยว่า 'เธอ' เป็นใคร ไวเท่าความคิด เขารีบสาวเท้าเดินไปยังร้านเครื่องประดับร้านนั้นทันที
“เรน่า”
คำเรียกของเขาได้ผล ผู้หญิงผมสั้นสีน้ำตาลแดงหันมาทันทีพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ “ไงเบิร์ต”
“คุณคงอยากได้เพชรพวกนี้มากเลยสินะ”ชายหนุ่มพูดพลางกวาดสายตามองเพชรนิลจินดาที่ส่องแสงประกายอยู่หลังกระจกอย่างสนใจ
“ไม่หรอก..คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อของพวกนี้น่ะ”
“ท่าทางคุณสบายดีนี่”เขายิ้ม แต่คำตอบที่ตอบออกมาเป็นเพียงแค่เสียงถอนหายใจที่เต็มไปด้วยความหดหู่
"ผมเคยเห็นคุณวาดรูปนี่"เขาทำท่าคิด"คุณน่าจะไปเป็นจิตรกร"
หญิงสาวอมยิ้มอย่างเขินอายเมื่อได้ยินคำพูดนั้นออกมาจากปากของชายหนุ่ม
"จริงสิ ฉันรู้จักคนๆนึงที่เป็นจิตรกรมีฝีมือดีมาก เขาวาดรูปขายอยู่แถวๆบ้านฉันน่ะ"
"ไปขอเขาเรียนวาดรูปซะ ว่าแต่อเล็กซิสเป็นยังไงบ้าง..เธอสบายดีรึเปล่า"
"ไม่หรอก เจ้าหล่อนงอแงอยากจะเจอคุณอยู่เรื่อยเลย คุณนี่เป็นขวัญใจของเด็กด้วยนะเนี่ย"หล่อนหัวเราะ สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นเมื่อมองไปยังเขา
"ผมต้องไปแล้วเรน่า.."
"โชคดีค่ะ"หล่อนยิ้มแทนการกล่าว่า "ลาก่อน" ให้ชายหนุ่มคนนั้น เขายิ้มกลับมาก่อนจะเดินไปตามทางที่ใจสั่ง
หญิงสาวยังคงยืนอยู่หน้าร้านเครื่องประดับ หล่อนคิดถึงช่วงเวลาที่ได้คุยกับเขาเมื่อครู่ มันเป็นเหมือนความฝัน...แต่ก็เป็นฝันที่มีความสุขที่สุดเมื่อได้คุยกับคนที่ชอบ.. หล่อนอยากจะบอกไปตรงๆ ไม่ใช่ไม่มีความกล้าพอหรืออะไรก็แล้วแต่ เหตุผลที่ต้องปิดบังเป็นเพราะงานที่เขาทำอยู่ต่างหาก
ใช่...ทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามีความสุขก็พอ ดีกว่าที่จะมาเสียใจภายหลัง
...
เวลาปัจจุบัน
ฉันยืนรออยู่หน้าสุสานที่ฝังศพของพ่อ คาร์ลบอกว่าจะให้รู้จักกับใครบางคน แล้วก็นัดไว้ที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกันแน่ วันนี้ฉันควรจะได้อยู่บ้านและอ่านคัมภีร์ไบเบิลให้กับรูปถ่ายของพ่อ แต่ดันต้องเสียเวลามารอเขาซะได้! แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเลยชัดๆ
ในที่สุด...ฉันก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในสุสานเพราะการรอในสุสานมันดีกว่าที่จะยืนรออยู่ด้านนอกนะ ฉันกลับเข้ามาในนั้นอีกครั้ง ความรู้สึกเมื่อครู่ถูกสลัดทิ้งไปทันทีเมื่อได้เข้ามาสุสาน ฉันได้ยินเสียงร้องไห้อีกครั้งหนึ่ง ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากมารอเขาในนี้หรอกนะ ไม่ใช่กลัวสิ่งที่สูญเสียไปแล้วหรืออะไรก็ตาม เพราะสุสานกับฉันมันอยู่กันมาห้าปีแล้ว...ฉันคงจะชินกับมันแล้วมั้ง
ฉันเดินเข้ามาเรื่อยๆ สายตากวาดมองป้ายหลุมศพเหมือนเป็นงานอดิเรก ใช่..ฉันชอบอ่านชื่อคนในป้ายหลุมศพ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แล้วฉันก็สังเกตเห็นครอบครัวๆหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลุมฝังศพ..เด็กผู้หญิงตัวเล็กถือตุ๊กตาตัวหนึ่งเอาไว้ในมือ เมื่อฉันเพ่งมองไปยังเด็กคนนั้นแล้ว..นี่เป็นที่ิอยู่ในร้านอาหารร้านนั้นนี่ วันนั้นหล่อนนั่งอยู่กับพ่อและแม่ แต่วันนี้กลับไม่มีพ่อ..พ่อของหล่อนหายไป..ใช่ ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นเหมือนที่ฉันคิดก็ได้..บางทีพ่อของหล่อนอาจไม่อยู่แล้ว
เด็กคนนั้นกับแม่ของเธอเดินกลับไปแล้ว ฉันค่อยๆก้าวเข้าไปยังหลุมศพที่พวกเขายืนดูอยู่เมื่อครู่ ก่อนจะกวาดสายตาอ่านข้อความในป้ายนั่น
" แอล.เจ.โธมัส
ผู้เป็นสามีและพ่อที่สมบูรณ์แบบ
1870-1916. "
เดี๋ยวนะ....
ฉันเพ่งมองไปยังตัวเลขพวกนั้นมากขึ้น ปี1870ถึงปี1916 นี่มันนานมาแล้วนี่..งั้นก็แสดงว่าชายคนนี้เขาเสียชีวิตตั้งแต่สง ครามครั้งแรก..งั้นผู้ชายที่ฉันเห็นนั่งอยู่กับเด็กคนนั้นเมื่อเช้าล่ะ..เป็นไปไม่ได้แน่ๆที่คนที่ตายแล้วจะ..พระเจ้าฉันไม่น่ามองลอดออกไปนอกกระจกเลยซะด้วยซ้ำ
หมับ..
"อ๊ะ"
ฉันหันหลังกลับไปทันที คนที่จับไหล่ฉันเมื่อครูู่เหมือนว่าจะเป็นคนที่นัดฉันมาในวันนี้ คาร์ล..
"เป็นอะไรของคุณ"นี่สิ่งแรกที่เขาถามขึ้นหลังจากที่เจอหน้าฉัน
"ม..ไม่มีอะไร"
"ก็ดีแล้ว"เขาก้าวเดินไปยังด้านหน้า"ตามผมมา"
ฉันตัดสินใจเดินตามชายในแจ๊คเก็ตสีดำตรงหน้าไป เพราะดูเหมือนว่ามันจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ จะว่าไปก็รู้สึกไม่ชินเหมือนกันนะที่ฉันต้องเดินตามคาร์ลแทน ที่เขาจะเดินตามฉันเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งตอนที่เขาไม่ใส่ชุดเครื่องแบบ มันเหมือนกับว่าเขาแทบจะไม่ใช่เขา อาจเป็นเพราะฉันไม่เคยเห็นคาร์ลเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง
เขาพาฉันออกมาจากหลุมฝังศพเมื่อกี้ เขาอาจจะรู้ว่าฉันรู้สึกประหม่าไปนิดหน่อย หรืออาจจะไม่ ฉันหันกลับไปมองแผ่นหินที่ตั้งอยู่ตรงหลุมฝังศพนั่นอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นอะไรแปลกๆ ฉันไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติหรือเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ บางทีเมื่อเช้าฉันอาจจะมึนงงไปหน่อยแล้วเห็นภาพหลอนอะไรทำนองนี้ แต่การเลิกคิดถึงมัน จะเป็นสิ่งที่ฉันควรทำที่สุดแล้วล่ะในตอนนี้
"เฮ้.."เสียงของคาร์ลดังขึ้น มันทำให้ฉันสะดุ้งขึ้นตื่นอีกครั้ง แบบนี้มันไม่ดีเลย
"อ..อะไร"
"แอดเลอร์ ท่าทางคุณจะไม่สบายดีนะ"
"ป..เปล่า ฉันสบายดี แค่สับสนนิดหน่อย"
เขามองฉันอย่างจับผิดเมื่อฉันพูดเสร็จ ใช่..ถ้าเกิดฉันสบายดีจริงๆ ฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก
"เรามาถึงแล้ว"
ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือบาร์เหล้าที่ตั้งอยู่ตรงหน้า คาร์ลเดินเข้าไปด้านในก่อนฉันซะอีก นี่เขาพาฉันมาบาร์เนี่ยนะ และทำไมถึงนัดไว้ที่สุสานล่ะ? เหอะ..เขาคงมีเหตุผลของเขาล่ะมั้ง
ฉันเดินเข้าไปด้านในของตัวบาร์ ดูเหมือนว่าสถานที่นี้มันจะเงียบเหงามากเลยนะ มันไม่เหมือนบาร์เลยซะด้วยซ้ำ ฉันกวาดสายตาไปรอบๆห้องสี่เหลี่ยม คาร์ลเดินเข้าไปนั่งที่เคาเตอร์บาร์ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มจากบาร์เทนเดอร์ ส่วนฉันก็ไม่รู้ว่าจะวางตัวเองไว้ตรงไหนดี ฉันมองไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงเคาเตอร์บาร์ ข้างๆเก้าอี้ตัวนั้นมีชายผมเข้มคนหนึ่งนั่งจิบเบียร์อยู่คนเดียว ถ้าทางว่าจะเป็นที่ๆดีที่สุดในบาร์เลยนะเนี่ยสำหรับฉัน
ตึก..ตึก..
ฉันเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นตามความคิด ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะหันมามองฉันนิดหน่อยนะ
"ไงคะ"ฉันหันไปทักทายเขา
"ครับ"
สำเนียงของเขาฟังเหมือนกับภาษารัสเซียปนเข้ามานิดหน่อย เขาคงเป็นคนรัสเซียสินะ
"บาร์เทนเดอร์! เบียร์อีก"
ฉันหันไปตรงมุมห้อง ชายอีกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นตะโกนเสียงดังพร้อมกับชูกระป๋องเบียร์เปล่าในมือขึ้นมา และต่อมาสาวเสิร์ฟคนหนึ่งก็เดินไปพร้อมกับถาดที่มีเบียร์ตั้งอยู่ ใบหน้าของหล่อนดูเหมือนกับไม่อยากไปเสิร์ฟเบียร์ให้ชายคนนั้นเลย ท่าทางชายขี้เมาคนนั้นคงจะน่ารำคาญมากเลยสินะ
ฉันหันไปมองคาร์ล เขาคุยอยู่กับบาร์
เทนเดอร์คนนั้นอยู่ หรือคนที่เขาจะแนะนำให้ฉันรู้จักคือบาร์เทนเดอร์คนนี้...? แล้วทำไมเข้าถึงไม่เรียกฉันไปล่ะ บางที..ฉันอาจเป็นแค่คนที่ติดตามเขามา อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้
"เอ่อ..คุณ"
"คะ?"
ฉันไปยังชายที่นั่งจิบเบียร์อยู่ข้างๆ เขาเรียกฉันเหรอ
"มีอะไรเหรอคะ"
"ผมอัลเบิร์ตครับ"เขายิ้มให้ฉันนิดหน่อย"คุณคงเป็นคนอังกฤษสินะ ดูหน้าก็รู้แล้ว"
"เอ่อค่ะ"ฉันตอบไป ถึงแม้ว่าจะยังงอยู่ก็ตามว่าเขาเป็นใคร
"คุณชื่ออะไรเหรอครับ"
อะไรกันเนี่ย บทสนทนาแบบนี้
"แอด.."
ฉันยังไม่ทันจะพูดจบ คาร์ลก็ดึงแขนฉันออกมาจากเขา ซึ่งดูเหมือนว่าชายคนนั้นทำหน้างงไปเลยประมาณว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
"อะไรของคุณนี่.."ฉันแกะมือของคาร์ล ออกหลังจากที่เขาพาฉันออกมานอกบาร์
"อย่าคุยกับผู้ชายคนนั้น"
"ทำไมล่ะ"
"อัลเบิร์ต สวาซกี้เพิ่งออกมาจากคุกเมื่อวาน หมอนี่เคยเป็นฆาตกรฆ่าตำรวจ ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นพวกที่เกลียดคนอย่างคุณอีก"
"เกลียดคนอย่างฉัน ทำไมล่ะ"ฉันยังไม่หายสงสัย
"โอเค..ฟังผมนะ มันเกลียดผู้หญิงที่มีเชื้อสายเยอรมัน เข้าใจมั้ย"
อะไร ทำไมไม่เหตุผลแบบนี้ล่ะ มันแปลกๆนะ ไอ้ที่เขาเป็นฆาตกรน่ะเข้าใจอยู่ แต่ทำไมต้องเกลียดผู้หญิงที่ทีเชื้อสายเยอรมันอย่างฉันด้วยล่ะ มันฟังดูไม่มีเหตุผลเลยนะ
"แล้วไงล่ะ ฉันจะคุยกับใครมันก็เรื่องของฉันนี่ คุณไม่ใช่พ่อฉันซักหน่อย"ฉันพูด นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันพูดกับคาร์ลแบบนี้
"ถึงผมจะไม่ใช่พ่อของคุณ แต่ยังไงผมก็รู้จักด็อกเตอร์ไคลร์ อาจรู้จักมากกว่าคุณซะด้วยซ้ำ"
“ฮะๆ คุณพูดแบบนี้เป็นด้วยเหรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณรู้จักพ่อดีกว่าฉันน่ะ”ฉันพูดไปตามความคิด ทั้งๆที่บางทีมันอาจเป็นไปได้ว่าฉันยังไม่รู้จักพ่อฉันดี แต่คาร์ลอาจไม่เป็นแบบนั้น
“ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่”
ฉันตัดสินใจเดินออกห่างจากเขา บางทีการฟังเขานานๆอาจจะกลายเป็นบ้าก็ได้นะ
“สรุป...ธุระมีแค่นี้ใช่มั้ย”
“ก็แค่นั้น”นั่นคือคำตอบของเขา
เสียเวลาชะมัด ฉันแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยซะด้วยซ้ำที่มากับเขาในวันนี้ นี่ฉันมานี่เพื่ออะไรกันเนี่ย บางทีถ้าฉันบอกเขาว่าฉันไม่ว่างไปก็น่าจะดีกว่านะ ทำไมเขาไม่เหมือนกับวูล์ฟฟ์..เฮ้อให้ตายสิ
“งั้นขอตัวก่อนละกันนะ ฉันไม่อยากอยู่ว่างๆแบบนี้หรอก”
ฉันพูดกับเขาเป็นประโยคสุดท้ายโดยไม่สนใจว่าเขาจะให้ฉันไปจริงๆหรือเปล่า แต่ยังไงเขาก็ขัดขวางฉันไม่ได้หรอก
“ลาก่อนแอดเลอร์”
กึก..
ฉันหยุดเดิน คิดว่าเขาจะเป็นเหมือน วูล์ฟฟ์ซะอีกนะ เวลาฉันจะไปไหนวูล์ฟฟ์มักจะถามฉันด้วยความเป็นห่วงหรือว่าขวางฉันไว้ แต่สำหรับคาร์ลเขาคงเข้าใจล่ะมั้งว่าฉันเกลียดอย่างนั้น หรือว่าฉันอาจจะกีดกั้นตัวเองมากเกินไป ใช่—ฉันอาจกีดกั้นไม่ให้ตัวเองรู้จักเขาจริงๆ แต่ยังไงก็เถอะ..
“ถ้าคุณมีธุระกับฉันอีก..”
“...”
“เอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ”
----------------------------------
ความคิดเห็น