คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Bert Karl. พบเจอ
"เบิร์ต คาร์ล...?"
ฉันมองไปยังใบหน้าของเขา เบิร์ต คาร์ลค่อยๆเผยอยิ้มที่มุมปาก ฉันพยายามถามตัวเองว่า...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย!!!?
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะผู้หมวด"
บุคคลตรงหน้าได้แต่มองฉันอย่างสนใจ โดยไม่ตอบคำถามฉันซักข้อ เขาเริ่มเดินเข้ามาที่ตัวฉัน ส่วนฉันก็ได้มองเขาอย่างแปลกประหลาด
"คุณเปลี่ยนไป"คาร์ลพูดพลางยิ้มที่มุมปาก
"..."ฉันค่อยๆยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง"ฉันเพิ่งอ่านประวัติคุณเมื่อคืนก่อนที่คุณจะมาถล่มที่นี่น่ะ"
คาร์ลเผยอยิ้มที่มุมปากอีกครั้งก่อนจะพูด"งั้นคุณคงอ่านประวัติผมได้ไม่ละเอียด"
ควันไฟเริ่มมีมากขึ้น อาคารข้างหลังฉันเริ่มถล่มลงมา ฉันได้กลิ่นควันไฟโชยมาเป็นระยะๆ ประกอบกับสติที่เริ่มไม่อยู่กับตัว ในเวลานี้...ณ ตอนนี้...ฉันอยากจะเดินไปให้ห่างจากตรงนี้ มันอึดอัดชะมัด
ฉันยกมือขึ้นปาดคราบเลือดที่อยู่บนหน้า ก่อนจะเดินออกห่างจากคาร์ล ซึ่งเขาก็ดูสงสัยไม่น้อยเลยละนะ
"นี่ อย่าให้ผมพูดอยู่คนเดียวสิ"เขาชะเง้อมองป้ายบอกยศที่หัวไหล่ฉัน"ผู้หมวด"
ฉันหันกลับไปพร้อมกับเข้าหาตัวของคาร์ล ก่อนจะกระชากผ้าพัันคอสีคลึ้มๆของเขาขึ้น เขายังคงนิ่งเมื่อฉันทำอย่างนี้
"กรุณาเถอะนะ เงียบซัก10นาทีได้มั้ย"
"ผู้หมวด ผมขอเตือนไว้ก่อนนะ..."มือที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลของคาร์ล ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาแตะที่มือของฉัน"เอามืออกจากตัวผมเดี๋ยวนี้ ผมไม่อยากทำให้หน้าสวยๆของคุณเปื่อนเลือดนะ"
ฉันค่อยๆคลายมือออกจากผ้าพันคอของคาร์ล ก่อนที่จะเดินหนีไปทางอื่น ให้ตายสิ...กาลเวลาทำให้ฉันหวนกลับมาเจอเขาอีกครั้งเหรอ...เบิร์ต คาร์ล
"อย่าเพิ่งเดินหนีผมสิผู้หมวดแอดเลอร์.."
ฉันจำเป็นต้องหยุดเดินอย่างไม่มีทางเลือกหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่ปีแต่กลับเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยเหรอ...
"ผทไม่ได้เห็นคุณในชุดเครื่องแบบอย่างนี้มานานเลยล่ะ..."เขาเว้นวรรค"และที่สำคัญ ผมมาที่นี่พร้อมกับข้อเสนอ"
ฉันหยุดฟังเขา ข้อเสนออีกแล้วเหรอ!? ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยนะกับข้อเสนอของเขาน่ะ แต่ใจฉันสั่งมาว่า...ถ้าไม่อยากผิดหวังซ้ำสอง...ห้ามรับข้อเสนอของเขาเด็ดขาด!
"ข้อเสนอบ้าอะไรอีกวะ"ฉันพึมพำเบาๆ
"คราวนี้ถ้าคุณตอบรับข้อเสนอของผม...ผมก็จะช่วยหาคนที่ฆ่า ดร.ไคลร์ให้ น่าสนใจใช่มั้ย..."
ฉันเหล่ตากลับไปมองนิดหน่อย เจอหน้ากันก็เล่นสงครามจิตวิทยากับฉันเลย
เหรอเนี่ย เขาคงบอกให้ฉันใจอ่อนแล้วรับข้อเสนอของเขาเหมือนกับสิบปีที่แล้วสินะ หึ..
คาร์ลแสร้งหันไปทางอื่น เขาหันไปมองอาคารที่บัดนี้ เหลือเพียงแค่ซากตึกเท่านั้น เขามองมันเหมือนกับกำลังชื่นชมผลงานของตัวเอง ก่อนที่จะหันมามองฉันด้วยการยิ้มแบบเย็นชา..."คุณคงไม่เข้าใจหรอก ว่าทำไมผมถึงเลือกที่ขะทรยศพวกตัวเอง"
"คุณอย่างคุณมันทำให้ยศพันตรีต้องปนเปื่อนกับความทรยศ"
"แอดเลอร์อย่าลืมสิว่าผมเป็นคนนำทางให้คุณมาเจอกับนาซีน่ะ"เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ"รับข้อเสนอของผมซะ.."
"ไม่..."
"รับซะ..."
"ไม่..."ฉันยังคงยืนยันด้วยคำว่า'ไม่'
"แอดเลอร์...รับซะ"
ฉันหันกลับไปมองเขาด้วยสายตาที่แสดงถึงความเย็นชา"Nein..(ไม่)"
"โอเค ขอบคุณที่ตอบตกลงนะ"
ประโยคนั่นทำให้ฉันถึงกับขมวดคิ้วเป็นโบ นี่เล่นกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ
"ฉันยังไม่ตอบตกลงเลยนะ"
เขายิ้มอย่างเย็นชามาให้ฉันฉันอีกครั้ง"คุณไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังเล่นอยู่กับใคร"
"..."
"มากับผมสิ..แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"
"อย่าได้ใจไปนักเลย ยังไงฉันก็ไม่ไปกับคุณหรอกคาร์ล"ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
"คุณไม่อยากรู้จักชื่อคนที่ลอบสังหารดร.ไคลร์รึไง ผู้หมวดแอดเลอร์"
"..."
"งั้นก็หมดแล้วละ ความหวังสุดท้ายของคุณ แอดเลอร์"
กดดันชะมัด...
ฉันค่อยๆยกมือตัวเองขึ้นกุมขมับ ก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อย คาร์ลกลับมามีสีหน้านิ่งอีกครั้ง เขาค่อยๆยื่นมือที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลของตัวเองมาที่ฉันราวกับกำลังหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้
ฉันเงยหน้าของตัวเองขึ้น ก่อนจะเจอมือของคาร์ลที่ยื่นมา ฉันมองตาสีฟ้าแกมเทาที่ไร้แววตาของคาร์ลอีกครั้ง มันส่อแววตาที่ให้ความรู้สึกถึงความหวังของคำตอบที่ฉันเฝ้าคอยมาตลอดทั้งชีวิต
"คุณมีทางเลือกเดียวแล้วละผู้หมวดแอดเลอร์"
คาร์ลค่อยๆเผยอยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง"...คุณต้องไปกับผมแล้วละ..."
10.23 AM
เบอร์ลิน,เยอรมนี
ฉันมองซากตึกที่เรียงรายไปตลอดการเดินทาง คาร์ลขับรถจากพอทสดัมมาถึงเบอร์ลินโดยปลอดภัย ตลอดทางที่ฉันอยู่บนรถกับศัตรูนั้น ฉันได้เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เคยเห็น ทั้งศพของเหล่าทหารที่กำลังเน่าเปื่อยกับซากพาหนะที่เคยเป็นของเหล่าทหารฝ่ายต่างๆ แต่บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่เศษซากและโครงสร้างของมันเท่านั้น การเห็นของพวกนี้และการกลับมายังบ้านเกิดของตัวเอง ทำให้ฉันนึกถึงบทกวีบทหนึ่งที่พ่อและแม่เคยพูดให้ฟังตอนฉันยังเด็ก แต่เพราะกาลเวลาทำให้ฉันค่อยๆลืมเลือนมันไป แต่ในตอนนี้...ฉันกลับนึกถึงมันอีกครั้ง...บทกวีบทนั้น...
"เงียบมาตลอดทางเลยนะผู้หมวด การกลับมาบ้านเกิดครั้งนี้ทำให้คุณนึกถึงอะไรบางอย่างรึไง"เขาพูดในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ปลายทาง
"..."
ในที่สุดหลังจากการนั่งรถฮัมวี่เก่าๆที่คาร์ลเจอในตึกที่เขาวางระเบิดทำลายมัน ก็มาถึงปลายทางจนได้วย ฉันเปิดประตูรถลงไปยืนดูมหานครขนาดใหญ่ที่ยังคงหลงเหลือความเจริญรุ่งเรืองมาให้ฉันเห็นกับตาตัวเองภายในซากตึกและบ้านหลังน้อยใหญ่ มันไม่เหมือนกรุงเบอร์ลินที่ฉันเคยเห็นในวัยเด็กเลยซักนิดเดียว...ไม่เลยซักนิด...
"อื้ม...ยินดีต้อนรับสู่เบอร์ลิน"คาร์ลพูดหลังจากที่เขาเดินลงมาจากรถ"เปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย..."
"คุณพาฉันมาเบอร์ลินเพื่ออะไรกัน คาร์ล"
ฉันถามเขาไป แต่คำตอบที่เขาตอบกลับมานั้นกลับเป็นเพียงรอยยิ้มที่มุมปากเท่านั้น
"ถ้าอยากรู้...ก็ตามผมมาสิ"เขาพูด ก่อนที่จะเดินไปทางตึกโทรมๆหลังหนึ่ง
ฉันค่อยๆเดินตามเบิร์ต คาร์ลเข้าไปในตึกหลังนั้น มันดูเป็นซากตึกธรรมดาทั่วไป ฉันอยากจะถามคาร์ว่าพาฉันเข้ามาที่นี่เพื่ออะไรกัน แต่หลังจากที่ฉันเดินตามคาร์ลไปยังห้องๆหนึ่ง มันดูเหมือนห้องลับละนะ ในห้ดังนั้น ใต้เท้าพวกเรามีประตูรูปร่างสี่เหลี่ยมขนาดกลางติดอยู่ คาร์ลค่อยๆยกมันออก จนข้างล่างนั้นเป็นบันไดลงไป และมีทางเดินอยู้คน
"เชิญครับคุณผู้หญิง"
ฉันค่อยๆหย่อนตัวลงไปในช่องแคบๆนั้นเป็นคนแรก ก่อนที่คาร์ลจะตามลงมาทีหลัง ฉันไปตามทางซักประมาณ4-5เมตร ก่อนจะเจอกับประตูเหล็กบานหนึ่ง...
หรือว่า...นี่อาจเป็น...
"เอาละ..หลังจากที่คุณผ่านประตูนี้ไปนะ..."คาร์ลพูด"หลังประตูนี้คือค่ายของฝ่ายสัมพันธมิตร คุณเข้าไปแล้วทำตัวให้เงียบเข้าไว้ละ ทหารในนี้ไม่ค่อยปลื้มนาซีอย่างคุณเท่าไหร่หรอกนะ"
"ฉันรู้แล้วน่า!"
คาร์ลเปิดประตูเข้าไป ฉันเดินตามหลังเขามา ทหารหนุ่มสาวมากมายที่ยืนพูดคุยกันอยู่นั้น ถึงกับหยุดพูดกันเลยทีเดียวเมื่อเห็นฉันเดินตามหลังคาร์ลเข้ามา คนพวกนั้นหันมาด้วยสายตาที่ฉันเองก็รู้สึกหวาดหวั่นเมื่อได้เห็น การที่นาซีอย่างฉันเข้ามาที่ค่ายของพวกสัมพันธมิตรนี่ ถือเป็นการฆ่าตัวตายเลยทีเดียวละ...
และแล้ว...ฉันก็เดินหนีสายตาเคียดแค้นของพวกทหารข้างนอกนั่นมาที่ห้องๆหนึ่ง ถึงภายนอกจะดูคับแคบก็เถอะ แต่ภายในฐานทัพแห่งนี้ก็ใหญ่ใช่ย่อยเลยละ ถ้าเกิดฉันรอดจากฐานทัพนี่ไปได้ละก็...หากฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้พันเอมิลล์ละก็...บางที ฉันอาจจะได้กลับไปเป็นนาซีอีกครั้งก็ได้...!
บ้าเอ๊! ฉันคิดเรื่องนี้ได้ยังไงกันเนี่ย!!บ้าชะมัด...อย่าลืมสิแอดเลอร์! ผู้พันเอมิลล์ทรยศเรานะ! เธอยังคิดที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกเขาอีกเหรอ!!?
ให้ตายสิ...ด้านมืดในใจฉัน..มันกำลังกลืนกินฉันอย่างหิวกระหาย...ให้ตายสิ!ให้ตาย!!!
"เป็นอะไรอีกละ ผู้หมวด เข้าไปหาผู้พันได้แล้ว"
คำพูดของคาร์ลปลุกฉันให้ตื่นมาในโลกแห่งความจริงอีกครั้ง ฉันสะดุ้งก่อนจะหันไปมองคาร์ล เขาทำท่าบุ่ยใบ้ให้ฉันเข้าไปในห้อง ฉันค่อยๆพยักหน้ารับ ก่อนจะถอนหายใจและยกมือขึ้นหมุนลูกบิดประตู
เอี๊ยด...
"ไง ผู้หมวดแอดเลอร์!"
ฉันมองอเมริกันคนหนึ่งในเครื่องแบบสีดำ ด้วยสัญชาตญาณ ฉันรู้ทันทีว่าชายตราหน้า ไม่ใช่เป็เพียงแค่ทหารในเครื่องแบบธรรมดาเท่านั้น เขายิ้มให้ฉันหนึ่งครั้งก่อนจะพูด"เชิญนั่งครับ ผู้หมวด"
ฉันค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ไม้โอ๊กตัวหนึ่งที่ผู้พันลากมันมาให้ ฉันนั่งแล้วมองสิ่งที่อยู่บนโต๊ะของเขา ทั้งเอกสารเป็นสิบๆฉบับ รูปถ่ายสิบๆรูป ปากกา และอีกหลายสิ่ง เขานั่งมองฉันเหมือนกับที่ฉันมองเอกสารของเขา ในที่สุด เขาก็เริ่มต้นพูดสนทนากับฉันหลังจากที่เงียบมานาน
"คุณกับเบิร์ต คาร์ลคงรู้จักกันแล้วสินะ ผมเป็นผู้บังคับบัญชาของที่นี่ เจสัน เจมส์ เมื่อเร็วๆนี้ผมได้ข่าวว่าค่ายคุณโดนบุกรุกสินะ ฝีมือของคาร์ลเองละ คุณก็คงรู้อยู่ เขานี้เป็นมือดีอย่างที่ล่ำลือกันจริงๆ!"
"ลูกน้องของคุณน่ะ ฆ่าเพื่อนร่วมรบของฉันไปหลายคนเลยละค่ะ"ฉันเว้นวรรค"ผู้พันเจสัน..."
"ขอโทษแทนลูกน้องผมด้วยละครับ"
ฉันคลี่ยิ้มบางๆครั้งนึง ก่อนที่จะเงียบลง ซะแล้ว ผู้พันเจสันก็หยิบซองเอกสารขึ้นมา1ซอง ก่อนที่จะยื่นมันมาให้ฉัน
"เอาละ.."เขายิ้มบางๆ"เข้าเรื่องได้แล้วละนะ ตอนนี้คุณมีข่าวร้ายกับข่าวร้ายมากๆ มิทราบว่าคุณอยากฟังเรื่องไหนก่อนผู้หมวด"
"แล้วแต่คุณจะพูดถึงข่าวเรื่องไหนก่อน"
เขาหัวเราะ"ฮะ งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกข่าวร้ายก่อนละกันนะ"
ฉันพยักหน้ารับอีกครั้ง
"ข่าวร้ายคือตอนนี้คุณกับนาซีเยอรมัน ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้วละ"
ฉันสะดุ้ง!ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้พันเจสัน เขาคงรู้ว่าฉันสงสัยมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและเขาก็พูดถึงอีกข่าวหนึ่ง "ยังมีข่าวร้ายกว่านั้นอีกนะผู้หมวดแอดเลอร์!"ผู้พันเจสันเว้นวรรค"คุณได้เป็นคู่หูกับคุณเบิร์ต คาร์ลแล้วละนะ!! ดีใจด้วย!"
8.50 PM
ให้ตายเถอะ!!ไม่จริง! นี่ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ โธ่เว๊ยย!! ฉันไม่ยอมทำงานร่วมกับคาร์ลเด็ดขาดเลย! ไม่ว่าจะเหตุผลไหนก็ตาม!!
ก๊อกๆๆ..
ฉันค่อยๆหันไปมองที่ประตูห้อง ก่อนที่หยิบปืนพกคู่ใจเตรียมไปด้วย ฉันมองผ่านตาแมวที่ประตู เพื่อที่จะรู้ว่าใครกันที่มาหาฉัน...ศัตรู?มิตร?
"แอดเลอร์ อยู่รึเปล่า"
เสียงนี้...ไม่ใช่คาร์ล...ใครกันนะ...?
"...ทหารในนี้ไม่ค่อยปลื้มนาซีอย่างคุณเท่าไหร่หรอกนะ..."
"ผู้หมวดแอดเลอร์คร้าบ! ผมมีข่าวสำคัญมาบอกนะ กรุณาเปิดประตูให้ผมหน่อยสิ..."
เอี๊ยดดดดดด...
ฉันตัดสินใจเปิดประตูที่คั่นกลางระหว่างฉันกับนายทหารจากฝ่ายสัมพันธมิตรคนนั้น เนื่องจากการที่เขามาบอกถึงข่าวสำคัญ ฉันอยากรู้จริงๆว่ามันสำคัญขนาดไหน ถึงได้มายืนเคาะประตูถึงห้องฉันอย่างนี้
เมื่อฉันเปิดประตูออกไปก็พบกับ...
"จ...จ่าสเวกเกอร์"
ไม่จริงหรอกน่า แต่นายทหารที่อยู่ตรงหน้าฉัน คือจ่าสเวกเกอร์จริงๆ
"ผ...ผมไม่ใช่จ่าสเวกเกอร์หรอกครับ เขาเป็นพี่ชายผมเองละ!"
ทั้งบุคลิกและลักษณะการพูดของเขา มันคล้าย...ไม่ใช่สิ...เหมือนเลยมากกว่า...นายทหารคนนี้เป็นน้องของสเวกเกอร์จริงๆเหรอเนี่ย ทำไมจ่าสเวกเกอร์ไม่เคยพูดถึงน้องชายเขาเลยนะ?
"เอ่อผู้หมวดครับ! ก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีเรื่องที่คุณไปเป็นคู่หูของคุณคาร์ลนะครับ คุณ2คนมีทักษะเท่ากัน พวกคุณอาจเข้ากันได้ดีนะครับ!"
"หา..ฮะ?"
ฉันมองนายทหารตรงหน้าอย่างสงสัย ไม่ยักกะเชื่อว่าในค่ายนี่จะมีทหารนิสัยแปลกๆแบบนี้ด้วยแฮะ
"เอ่อ...มีอะไรรึเปล่าครับผู้หมวด"เขาถามฉันด้วยสีหน้าสงสัย
"เปล่า..ว่าแต่มีอะไรเหรอ..."
"อ๋อ!ใช่ๆ คุณยังไม่รู้จักผมสินะ ผมชื่อจ่าดัลตัน และนี่..."เขายื่นแฟ้มเอกสารในมือให้ฉัน"...ภารกิจแรกของคุณครับผู้หมวด!"
ฉันรับแฟ้มนั่นมาอย่างงงๆ พลางเปิดอ่านคร่าวๆ อยู่ดีๆก็มีทหารฝ่ายตรงข้ามมายื่นภารกิจให้ทำแบบนี้มันยังไงๆอยู่นะเนี่ย...
เมื่อเปิดดูภารกิจนั่น มันก็แค่ภารกิจ
ธรรมดาๆเองนี่ ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรทำแต่ภารกิจอย่างนี้เหรอ คิดอย่างนี้ฉันอยากกลับไปที่นาซีเหมือนเดิมน่าจะดีกว่านะ
"นี่เป็นภารกิจที่คุณต้องทำให้มันสำเร็จด้วยตัวเอง เพราะว่าคุณคาร์ลบอกผมมาอย่างนี้ละครับ!"
หา..คาร์ลบอกให้ฉันทำคนเดียวเหรอ แล้วคำว่าคู่หูเนี่ย สำหรับเขามันมีความหมายว่าอะไรกันนะเนี่ย!? ให้ตายสิให้ตาย...
"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ภารกิจนี้เริ่มทำพรุ่งนี้นะครับ!"
แล้วจ่าดัลตันก็เดินหายไปทันที ฉันเดินกลับเข้าห้อง แล้ววางแฟ้มภารกิจนั่นไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้อง ทหารในค่ายนี้ก็ดูแปลกๆเหมือนกันนะเนี่ย ทำไมแค่ตามหาคนที่ฆ่าพ่อฉัน แล้วต้องมาอยู่ท่ามกลางทหารแปลกๆแบบนี้ด้วยนะเนี่ย ถ้าทั้งค่ายนี้มีแค่คาร์ลคนเดียวที่ฉันควรไว้ใจ ชีวิตฉันมันจะเป็นยังไงต่อเนี่ย
ฉันเดินเรื่อยเปื่อยมาแถวโถงทางเกว้างๆ ทหารหญิงกลุ่มหนึ่งยืนคุยกันอย่างเฮฮา หนึ่งในนั่นหันมาที่ฉัน ก่อนที่จะทำท่าแปลกใจ ฉันอยากให้หล่อนไม่เดินมาหาฉันละนะ...แต่...
"ผู้หมวดแอดเลอร์นี่!! สวัสดี! ฉันชื่อเดียน่า นี่เอง แล้วก็เรน่าค่ะ! โห..ได้เห็นผู้หมวดแอดเลอร์แห่งกองทัพนาซีตัวจริงก็วันนี้ละ! พวกเราขอฝากตัวด้วยนะคะ!"
อ...อะไรกันเนี่ย ทหารในค่ายนี้มีแต่ทหารแปลกๆแฮะ นี่ฉันต้องทำไงต่อดีเนี่ย ฉันไม่อยากบ้าตายกับคนพวกนี้นะ ให้ตายสิ!
"เอ่อ..ผู้หมวดคะ พวกเราคลั่งไคล้ผู้หมวดมากเลยนะคะ!"
"พอเถอะเดียน่า.."
"เธอน่ะเงียบไปเลยเรน่า"เจนหันไปทางเรน่า
"งั้นฉันไปก่อนนะ"
"เดี๋ยวสิเรน่า! โธ่ ไปซะ เราช่างเรน่าเถอะค่ะ คู่หูเธอโดนนาซีฆ่าน่ะค่ะ เรน่าจึงไม่ค่อยชอบผู้หมวดค่ะ!"
"อ..อืม"
ฉันพยักหน้าไปทั้งๆที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้เขาพูดเรื่องอะไรอยู่ เพราะดูเหมือนว่าหล่อนจะพูดไปแบบไม่สนใจคู่สนทนาเลยด้วยซ้ำว่าเขาต้องพูดเรื่องอะไร และฉันก็ไม่ค่อยปลื้มกิริยาแบบนี้เท่าไหร่หรอกนะ เดียน่า...เธอน่าจะสนใจฟังฉันบ้างนะ...
อยู่ดีๆ เดียน่าก็หยุดพูดไป คงเป็นเพราะสายตาที่แสดงออกถึงความรำคาญของฉันละทิ้ง หล่อนแสดงสีหน้าเหมือนกำลังขอโทษฉัน
"ง...งั้นดิฉันขอตัวนะคะ!! ผู้หมวดแอดเลอร์ เชิญตามสบายค่ะ"แล้วเดียน่าก็เดินหนีฉันไปกับเจน
ฉันมองตามหลังเดียน่าไป ทหารที่นี่มีนิสัยแปลกๆทั้งนั้นเลยนะเนี่ย การตามหาคนที่ฆ่าพ่อฉันคนเดียวนี่ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้นะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ โธ่..ให้ตายสิ!
"ไง..ผู้หมวด รู้สึกว่าคนที่นี่ปลื่มคุณมากกว่าที่ผมคิดนะเนี่ย"
"คุณอีกแล้วเหรอ"
คำพูดที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเนือยๆของฉันทำให้คาร์ลค่อยๆเผยรอยยิ้มให้ฉันเห็น
"แอดเลอร์..ผมรู้ว่าคุณรำคาญผมนะ"
"งั้นก็เลิกตามฉันได้แล้ว ถ้าคุณรู้ว่าฉันรำคาญคุณน่ะ"
แล้วคาร์ลก็กระตุกยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่จะค่อยๆเดินมาหาฉัน บอกตรงๆเลยนะว่าฉันเกลียดสิ่งที่เขาทำมากเลยนะ
"แอดเลอร์.."คาร์ลลากเสียง"...ผมชอบคุณนะ"
"คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่คาร์ล"
"ผมไม่เคยเจอใครที่กล้าต่อปากต่อคำกับผมเลยนะ แต่คุณมันแตกต่าง"
"คุณกำลังหมายความว่า ฉันต่อปากต่อคำกับคุณอยู่เหรอ"
"หรือไม่ใช่ละ"
"อันที่จริงนะ..."ฉันคลี่ยิ้มบางๆ"ก็ใช่"
คาร์ลยิ้มอครั้ง ก่อนจะชูแฟ้มบางอย่างขึ้นมาก่อนจะยื่นมาให้ฉัน
"งานแรกของคุณ..เตรียมตัวให้พร้อมซะ.."
ความคิดเห็น