รามเกียรติ์ 1,000 ชาติ
จะเป็นยังไง หากเรื่องราวในวรรณคดีชื่อดัง ไม่ได้จบ แบบที่เราเคยรู้จัก เรื่องราวการต่อสู้ที่ดำเนินมาถึงยุค ปัจจุบัน จะดุเดือดแค่ไหน อะไรที่ทำให้การต่อสู้นั้น ยาวนานขนาดนี้กันนะ
ผู้เข้าชมรวม
60
ผู้เข้าชมเดือนนี้
13
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รามเกียรติ์ 1,000 ชาติ
บทที่1
จะกล่าวถึงอภิมหาสงครามตามวรรณคดีอันลื่องชื่อ ที่เกิดขึ้นนับต่อจากนั้น ไม่เพียงจบที่การสิ้นชีวาของทศกัณฐ์ หรือพระรามแต่อย่างใด
ในดินแดนอันแสนกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา พื้นที่ที่มีแต่ความแห้งแล้ง ต้นไม้ยืนต้นตาย ที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันจากดินแดงอย่างทึบหนาเสมือนหมอกหน้าหนาวก็ไม่ปาน หากแต่ภายในนั้น มีร่างไร้วิญญาณของยักษาและวานรเป็นจำนวนมากแต่มีร่างร่างหนึ่ง ที่กำลังนอนแผ่หายใจอย่างโรยรินและจะสิ้นชีวาในอีกไม่ช้า
“นี่ข้าแพ้อีกแล้วหรือนี่”
เสียงพูดอันแผ่วเบาที่ออกมาจากปากของพญายักษ์แห่งกรุงลงกา “ทศกัณฑ์” ในหัวของเขาได้แต่ครุ่นคิดว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ที่ทำให้เขาต้องมาพบจุดจบในสภาพอันน่าเวทนาแบบนี้ แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปไกลกว่านี้ ก็มีเงาของใครคนหนึ่งเดินฝ่าออกมาจากดงควันที่ปลิวล่องลอยมาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือด ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยขนสีขาวนวล มีรูปร่างคล้ายลิง แต่ท่าทางทุกย่างก้าวเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ พร้อมกับคำพูดที่ตัดความคิดของพญายักษ์ลงในทันที
“เพราะความถูกต้องยังไงล่ะ”
หนุมานพูด พร้อมกับหยุดยืนมองไปยังร่างของทศกัณฐ์ที่มีศรปักกลางใจอย่างเวทนา เขาไม่ปล่อยให้คำพูดขาดช่วงพลางกล่าวต่อว่า
“สิ่งที่เจ้าทำมันผิด ถึงได้มีจุดจบแบบนี้”
สิ้นสุดคำพูดของวานรเผือก ผ่านไปชั่วอึดใจ ก็มีเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ก่อนที่มันจะค่อยๆดังขึ้น กลายเป็นเสียงหัวเราะที่ดังราวกับเจ้าของเสียงนั้นสติแตก แล้วตามมาด้วยคำพูดของทศกัณฐ์
“ถูกต้องหรือ? ถูกต้องอย่างนั้นหรือ!!!”
ทศกัณฐ์ตะคอกสุดเสียงที่ตัวเองนั้นจะสามารถทำได้ พร้อมกับตะโกนพูดต่อว่า
“อะไรที่เจ้าเรียกว่าถูกต้องกันล่ะ? เผาเมืองของข้าอย่างนั้นหรือ? แอบจำแลงกายเป็นข้าเพื่อหลับนอนกับเมียข้าอย่างนั้นหรือ? ใช้กลอุบายต่างๆเพื่อที่จะเอาชนะข้าอย่างนั้นหรือ? นั่นน่ะหรือคือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าความถูกต้อง!!!”
สายตาที่ดูอาฆาตพยาบาทได้จ้องมองไปปะทะกับสายสายตาและใบหน้าที่ดูนิ่งเฉย หนุมานไม่แสดงอาการใดๆ กล่าวเพียงสั้นๆว่า
“เพราะเจ้าขโมยตัวนางสีดามา หากเจ้าไม่คิดทำชั่วตั้งแต่แรก เจ้าก็คงไม่ต้องพบจุดจบแบบนี้”
ทศกัณฐ์ฟังแล้วก็สะดุดคำว่า “ชั่ว” พลางโต้ตอบกลับไปว่า
“เพราะข้าทำชั่ว ถึงได้มีจุดจบแบบนี้หรือ? เพราะข้าทำชั่ว ข้าถึงได้เป็นผู้แพ้อย่างงั้นหรือ?”
คำพูดของหนุมาน ได้ไปสะกิดคำถามในใจที่ทศกัณฐ์สงสัยมาตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่เพียงแต่ปล่อยให้จบเพียงเท่านั้น ทศกัณฐ์ได้กล่าววาจาที่มาพร้อมกับความคิดอย่างหนักแน่นต่อไปว่า
“ได้!! ข้าขอเป็นผู้ที่แบกรับความชั่วนี้ไว้เอง แล้วข้าจะพิสูจน์ให้ดู ว่าไม่ใช่ความดีที่ถูกเสมอไป ไม่ว่าจะทศวรรษ ศัตวรรษ หรือจะสหัสวรรษ ข้าจะใช้ความชั่ว ชนะความดีให้ดู!!!”
นั่นคือคำพูดเฮือกสุดท้าย ก่อนที่สายตาคู่นั้นของทศกัณฑ์จะเริ่มเลือนลาง ภาพสุดท้ายที่เขาเห็น คือรอยยิ้มอันอ่อนโยนของวานรคู่แค้นคู่อาฆาตของเขา พร้อมดูเหมือนจะขยับปากพูดอะไรสักอย่าง…
“เฮือกกกกก…..!!!”
ณ ห้องแห่งหนึ่งในคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง ชายหนุ่มผู้ตื่นจากฝันร้ายนั่งหอบอย่างรุนแรงอยู่บนเตียง ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงจานาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น เป็นการเตือนว่าเวลานี้เจ็ดโมงเช้าแล้ว ชายหนุ่มรูปร่างสูงผมสีเขียวขี้ม้ายาวประบ่านามว่า “ทศ” ได้ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวพร้อมที่จะเข้าไปมหาวิทยาลัย เขาจำได้ทุกอย่างในอดีตชาติทั้งพันปีที่ผ่านมา มีหลงๆลืมไปบ้างในบางชาติมีแต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยลืมเลยคือศัตรูคู่แค้นของเขานั้นเป็นใคร เพราะทุกชาติที่เขาเกิดล้วนแล้วแต่มีผู้คนที่เขารู้จักเกิดมาแล้วจดจำอดีตชาติได้เฉกเช่นเดียวกับเขา ราวกับว่าเป็นคำสาปที่เขาเคยลั่นวาจาเอาไว้
ในชาตินี้เป็นชาติที่ 1,000 พอดีที่เขาเกิดมา เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี ฐานะร่ำรวย มีพร้อมและดีทุกอย่าง เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ในแบบที่ใครหลายคนใฝ่ฝันและอิจฉา ก่อนจะไปเรียน เขาไม่ลืมที่จะพรมน้ำหอมราคาหลักแสน พร้อมกับหยิบกุญแจรถหรูที่มีเพียงไม่กี่คันบนโลก ขับไปตามถนนท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ที่มองมาที่เขาราวกับเป็นซุปเปอร์สตาร์ โดยมีปลายทางเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังใจกลางกรุงเทพ แหล่งรวมเหล่าเซเลบและคนดังอีกมากมาย แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ออร่าที่จับตัวเขามัวหมองลงเลยสักนิด เรียกได้ว่าเป็นดาวในหมู่ดาวก็ไม่เกินจริงเลย
ในขณะที่เขากำลังจะเลี้ยวหัวรถเข้ามหาวิทยาลัย สายตาก็พลันเหลือบไปเห็น ผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินโดยมีผู้ชายอีกคนเกินตามมาติดๆ
“ดา รอเราก่อน กลับมาคุยกับเราก่อนได้มั้ย”
นั่นคือประโยคพูดของชายหนุ่มนักศึกษาที่เดินตามนักศึกษาสาวอีกคนมา
“ก็บอกแล้วไง เราคุยกันจบกันแล้วราม ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”
ใช่แล้ว นั่นคือบทสนทนาของผู้ที่มีอดีตชาติเป็นพระรามกับนางสีดา ซึ่งดูเหมือนเธอจะยังคงโกรธเคืองในเรื่องเมื่อ 1,000 ชาติที่แล้ว แม้จะผ่านมาจนปัจจุบัน แต่ดูนางสีดาที่ในปัจจุบันเธอมีชื่อว่าดา จะยังคงโกรธรามที่เป็นคนรักเก่าไม่จางหาย หากใครเคยติดตามรามเกียรติ์ ก็จะรู้ดีว่าพระรามทำอะไรไว้กับนางสีดา
แล้วก่อนที่มือของรามจะถึงข้อมือของดา เสียงแตรจากรถหรูของทศก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งดาและรามต้องละสายตาแล้วหันไปมองที่ทศ
“ดา ไปด้วยกันมั้ย”
ทศเชิญดาขึ้นรถของเขา ดาที่กำลังสับสนไม่รู้จะเอายังไงดี จึงได้ติดสินใจขึ้นรถของทศไป ไม่ใช่เพราะอยากจะนั่งรถหรู หรือเห็นว่าทศมีรูปร่างหน้าตาและฐานะดี เพียงแต่ต้องการที่จะสลัดรามออกไปให้พ้นจากตรงนั้น ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้าจ๋อย ยืนมองภรรยาในอดีตชาติ ไปกับศัตรูคู่อริในอดีตขาติเช่นเดียวกัน
ถึงแม้เรื่องราวจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว แต่พอได้เห็นภาพแบบนี้มันก็ทำให้รามรู้สึกปวดใจอยู่ดี เขารู้ดีว่าในชาตินี้เขาเกิดมาไม่มีอะไรสู้ทศได้เลย ทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะ เหตุผลเดียวที่เขาได้เข้ามาเรียนมหาลัยหรูแห่งนี้ ก็เพราะโควต้าจากการที่เขามีความฉลาดเป็นอย่างมาก แต่สิ่งนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเขาซักเท่าไหร่เลยในรั้วมหาลัย ที่มีเงินและฐานะเป็นตัวกำหนดชีวิต บ่อยครั้งที่เขามักจะโดนดูถูกจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ได้บั่นทอนความตั้งใจของเขา ที่ต้องการจะคืนดีกับดา แม้ว่าชาติก่อนๆที่ผ่านมาเขาจะทำไม่สำเร็จ รามไม่รู้ว่าเหตุผลอะไร ที่ทำให้ดายังคงโกรธเคืองเขามาได้เนิ่นนานขนาดนี้
ยังไม่วายที่จะถูกมองด้วยหางตาจากทศ ก่อนที่รถจะเลี้ยวเข้าประตูลับหายไป สายตาคู่นั้นราวกับจะบอกว่ายังคงแค้นเคืองเรื่องในอดีตอยู่ รามได้แต่ยืนเซ็ง เหมือนไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อ ในขณะเดียวกันก็มีฝ่ามือใหญ่และหนาตบเข้ามาที่ไหล่อย่างแรง ทำเอารามถึงกับสะดุ้ง พร้อมกับหันไปหาเจ้าของฝ่ามือ
“เฮ้ยดูสิ ไอ้หมาขี้แพ้ที่ไหนมายืนทำหน้าหงอยอยู่แถวนี้วะ”
นั่นคือประโยคของไมค์ ผู้ที่มีอดีตชาติเป็นยักษ์ที่ชื่อว่าไมยราพ หลานของทศกัณฐ์ ที่มาพร้อมกับลูกน้องยักษ์ในอดีตอีกสองคน แน่นอนว่าความแค้นเมื่อชาติปางก่อนได้จางหายไปแล้ว แต่ในยุคปัจจุบัน ปี2024 ก็ยังคงเหลือเป็นความหมั่นไส้ พอได้เห็นหน้าแล้ว ก็เกิดอารมณ์อยากจะเล่นสนุกกับราม
“ชาตินี้เกิดมาบุญน้อย ยังจะสะเออะเข้ามาเรียนที่ดีๆอีกนะ”
ไมค์สบถคำพูดที่เสียดสีถึงฐานะของราม ซึ่งเป็นการบูลลี่ที่ดูเหมือนจะมีเยอะมากในสังคมปัจจุบัน จนหลายคนมองว่ามันกลายเป็นเรื่องปกติ เป้าหมายของไมค์คือต้องการจะยั่วโมโหราม ซึ่งเขารู้ดีว่ารามไม่สามารถจะตอบโต้อะไรเขาได้ ในยุคที่สามารถเปลี่ยนผิดให้เป็นถูกได้ด้วยเงิน แต่รามก็ไม่ตอบโต้ใดๆ เขาสามารถอดทนได้ เพราะมีดาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และเป็นเช่นนั้นมาตลอดหลายหมื่นปี
ลึกๆแล้วไมค์ก็นับถือใจราม ที่ยังคงยึดมั่นในรักเดียวมาได้นานขนาดนี้ แต่ศัตรูยังไงก็คือศัตรู เมื่อเห็นรามเงียบไม่พูดอะไรจึงได้ถามไปอีกว่า
“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอ?”
รามฟังแล้วก็ค่อยๆหันหน้าไปพูดกับไมค์
“เราไม่อยากมีเรื่อง ต่างคนต่างอยู่เหอะ”
อาการที่ดูเหมือนจะอวดดี ทั้งที่ไม่มีอะไรของราม มันทำให้ไมค์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเป็นคนเริ่มก่อน เขาง้างมือตบเขาไปที่หน้ารามอย่างจังๆ รามได้แต่ยืนเงียบไม่ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้ดีว่าหากสวนกลับไป นักเรียนโควต้าอย่างเขาก็ย่อมผิดเสมอ ดีไม่ดีอาจจะโดนไล่ออกด้วยซ้ำ นั่นจะทำให้เขามีโอกาสได้เจอดาได้ยากขึ้น
ไมค์และลูกน้องมองดูพลางหัวเราะชอบใจ มองดูรามเหมือนลูกไก่ในกำมือ พร้อมกับง้างมือพร้อมจะตบรามอีกรอบ รามได้แต่ยืนนิ่งหลับตาปี๋ แต่ก่อนที่มือของไมค์จะถึงใบหน้าของราม ก็ได้มีฝ่าเท้าปริศนาประทับลงมาที่หัวของไมค์อย่างแรงกระแทกพื้นอย่างจัง ส่งผลให้ไมค์สลบไปทันที ลูกน้องอีกสองคนมองไปทางต้นตอเจ้าของบาทา ปรากฏเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างเหมือนเด็กมอปลาย แต่ดูเหมือนเขาจะดูเด็กกว่าวัย เพราะจริงๆแล้วเขาอยู่ในระดับมหาลัยเช่นเดียวกับราม ผมสีขาวสะท้อนแสงอันเป็นเอกลักษณ์ นั่นทำให้ต่อมความกลัวลูกน้องของไมค์ทำงาน
“พวกแก รู้มั้ยว่ากำลังยืนเกะกะทางเดินอยู่”
นุ หรือหนุมานในชาติแรกของเขา พูดออกมาด้วยเสียงที่ดูเด็กไม่สมวัย แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวยำเกรง ที่แม้แต่ไมค์ยังขยาดไม่อยากเข้าใกล้ แต่วันนี้ถือว่าเขาดวงซวย ทำให้ต้องลงไปนอนคุยกับฟุตบาต ลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของไมค์ไม่รีรอช้า พากันพร้อมใจวิ่งหนีเอาตัวรอดเข้ามหาลัยไป ปล่อยให้ไมค์นอนสลบอยู่ตรนั้นมคง เป็นเพราะความกลัวที่ถูกฝังอยู่ใน DNA เพราะไม่ว่าจะชาติไหน ความสามารถของหนุมานก็ไม่เคยถดถอย ทั้งความเร็ว ทั้งกำลัง แม้แต่ในชาตินี้ ที่เขาเป็นนักกีฬาเทควันโดระดับประเทศ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขากล้าทำแบบนั้นกับไมค์ ซึ่งมีพ่อเป็นทนายและมีแม่เป็นพลเอกหญิง
เพียงแต่บ้านของนุ ก็มีฐานะที่ถือว่าค่อนข้างดี ถึงแม้พ่อแม่จะไม่ใช่คนใหญ่คนโต แต่ก็สามารถเชิดหน้าชูตาในรั้วมหาลัยแห่งนี้ได้
นุจ้องเขม็งไปที่ร่างของไมค์ ก่อนที่จะละสายตาหันไปมองที่รามต่อ ทันใดนั้นเขาก็พุ่งไปหาราม รามตกใจเผลอยกมือกันหน้าตัวเองพร้อมหลับตาปี๋อีกรอบ คิดว่าคงต้องโดนเข้าให้แล้ว
แต่ผิดคาด เมื่อเขาค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งที่เขาเห็นคือนุนั่งคุกเข่าต่อหน้าเขา ยกมือขึ้นเหนือหัวพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า
“ถวายบังคมพระเจ้าค่าาาาา~”
การกระทำของนุ ทำให้เป็นที่สนใจของคนที่สัญจรไปมาแถวนั้นเป็นอย่างมาก
แม้ว่าตอนนี้จะไม่ต้องส่องกระจกมอง รามก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองกำลังหน้าแดงด้วยความเขินอาย
End Chapter1
ผลงานอื่นๆ ของ World_write_Web ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ World_write_Web
ความคิดเห็น