คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 02 การก่อเหตุของเลดี้ คิลเลอร์
“เดินตรงไปเลย
ห้องสุดท้ายทางซ้ายมือนั่นแหละหน้าละอ่อน”
ตำรวจวัยกลางคนตอบคำถามพลางชี้ไปยังด้านหลังของตน
ก่อนกลับมาให้ความสำคัญกับกองเอกสารที่อยู่ตรงหน้าที่เขาต้องรับผิดชอบทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
แทบจะไม่มีเวลาไปให้ความสนใจกับตำรวจหนุ่มผู้ยืนถามเลยแม้แต่น้อย
ตำรวจหน้ามนผู้เอ่ยคำถามมองไปยังทางที่ถูกชี้นิ้วเมื่อครู่
เขาเห็นห้องทึบและประตูบานหนึ่งอยู่ตรงนั้นพอดีก่อนหันกลับมายังผู้ตอบคำถามที่ตั้งใจทำงานยิ่งกว่าใคร
ๆ
“อะ
ขอบคุณครับ” เขาว่าพร้อมกับก้มหัวลงไป
หลังจากที่ได้คำตอบมาแล้วตำรวจหนุ่มจึงย่างไปตามทางเดินแล้วหยุดลงไปที่หน้าประตูของห้องสารวัตร
เขาฉุกคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าใช่หรือเปล่าก่อนตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
แต่แล้วเขาก็ต้องมาเจอเรื่องที่น่าตะลึงงันเข้าจนได้เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าคือสาวสวยรุ่นใหญ่ที่กำลังถอดเสื้อตำรวจด้วยความอึดอัดหลังโต๊ะทำงาน
โดยสาวเจ้าคนนั้นก็คือสารวัตรที่เขาจะต้องมาทำงานด้วยนั่นเอง
และยิ่งไปกว่านั้นคือเขาแทบจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสารวัตรที่ว่าจะกลับกลายเป็นผู้หญิงไปแบบนี้เสียได้
มิหนำซ้ำเธอยังดูสะสวยเสียจนไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงกลับไปอีกด้วย
ดวงตามีเสน่ห์ของตำรวจสาวนาม
“รัตนา” มองตรงไปยังหนุ่มหน้ามนที่กำลังอ้าปากค้างอยู่
เธอไม่ได้มีท่าทีเอียงอายหรือโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อยที่จู่ ๆ
ตำรวจหนุ่มก็เปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นเธอในสภาพแบบนี้
“เคาะประตู”
ตำรวจหญิงบอก ขณะเดียวกันก็กลับไปถอดเสื้อออกให้เสร็จโดยที่ไม่กลัวว่าเขาจะมองหรือเห็นอะไรของเธอหรือเปล่า
และถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถอดเสื้อซับในออกด้วยก็ตามแต่เพียงแค่นั้นมันก็เผยให้เห็นสัดส่วนหรือว่าเนื้อหนังที่ดูวาบหวามเสียจนไม่มองไม่ได้อยู่พอสมควร
“อะ
ครับ” ตำรวจหนุ่มตอบแบบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เขาปิดประตูแล้วโทษตัวเองใจใจที่ทะเล่อทะล่าเข้าห้องคนอื่นโดยที่ไม่ได้เคาะประตูไปได้ยังไง
ก่อนจะสูดหายใจแล้วเคาะประตูตามที่บอกทีหลัง
“เข้ามาได้”
เสียงของหญิงสาวดังขึ้นจากข้างใน
ตำรวจหนุ่มที่ยืนรออยู่ข้างนอกก็ได้ยินคำตอบเต็มสองรูหู
เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ตำรวจหนุ่มจึงเปิดประตูเข้าไปข้างในอีกครั้ง
แต่แล้วครั้งนี้กลับต้องมาเจอเรื่องที่น่าตะลึงงันหนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาถูกตำรวจหญิงกระชากคอเสื้อแล้วผลักให้ติดกับผนังของห้องไปอย่างทันท่วงที
แต่ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงร้องอะไรเขาก็ถูกอีกฝ่ายเอามือปิดปากเอาไว้อย่างเร็วไวเหมือนกัน
“อื้อ”
เขาร้องเสียงหลงทั้ง ๆ ที่ยังถูกปิดปาก
มองไปยังหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าพร้อมทั้งหายใจถี่เร็วที่โดนกระทำโดยไม่ทันตั้งตัว
ตำรวจหญิงสบตากับชายหนุ่มทันควัน
ขณะเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างปิดประตูเอาไว้โดยที่ไม่ได้ละสายสายตาจากเขาเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าอยากดูก็ขอกันดี
ๆ ไม่ใช่พรวดพราดเข้ามา”
“ม ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
ตำรวจหนุ่มตอบเสียงอู้อี้เพราะยังถูกปิดปาก เขารู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อยที่จะถูกลงโทษเพราะเรื่องที่ตัวเองทำผิดไปตั้งแต่เมื่อครู่
“แปลว่าไม่ได้อยากดูงั้นสิ”
ตำรวจหญิงพยายามเล่นลิ้น ทำเอาตำรวจหนุ่มรู้สึกกลัวขึ้นมากับน้ำคำของเธอ
เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรจากตนกันแน่ และในขณะเดียวกันเขาก็ไม่อาจหักห้ามไม่ให้เผลอมองหน้าอกอันกลมมนและเต่งตึงของเธอได้เลย
เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายแบบนั้นตำรวจหญิงจึงใช้มืออีกข้างวางบนอกผึ่งผายของเขาแล้วใช้ปลายนิ้วไล้ลงข้างล่างอย่างไม่รีบร้อน
“ชื่ออะไรหน้าละอ่อน”
“อ
‘อ้น’ ครับ”
ตำรวจหนุ่มควบคุมสติตนเองไม่ได้ ลืมไปแล้วว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เขาต้องแนะนำตัวกันยังไง
และยิ่งถูกไล้ลงต่ำไปมากเท่าไหร่ตำรวจหนุ่มก็ยิ่งควบคุมสติตนเองไม่ได้เท่านั้น
สายตาของเขามองตามปลายนิ้วเย้ายวนที่เลื่อนผ่านกระดุมเสื้อเม็ดแล้วเม็ดเล่าอย่างเลี่ยงไม่ได้
ก้อนเหงื่อเม็ดเล็กค่อย ๆ เล็ดซึมออกมาตามใบหน้า แขนกำยำทั้งสองข้างดูไร้เรี่ยวแรงที่จะยกขึ้นมาห้ามมือของเธอเอาไว้
ทำได้เพียงแค่หรี่ตาสุดขีดเมื่อปลายนิ้วงาม ๆ เลื่อนไล้ลงไปจนถึงหัวเข็มขัดและต่ำกว่านั้นจนถึงอะไรต่อมิอะไร
“ก็หน้าตาดีใช้ได้เลยหนิ”
ริมฝีปากอวบอิ่มถูกยื่นเข้าไปกระซิบใกล้ ๆ กับใบหูของตำรวจหนุ่ม
แต่เขาผู้นี้จะรู้หรือเปล่าว่าสาวสวยที่อยู่ตรงหน้ากำลังหมายถึงอะไรอยู่กันแน่
ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่เงียบสงบ
ณ ช่วงเวลาก่อนที่วันใหม่จะมาถึง ผู้คนเริ่มพลุกพล่านตามท้องถนนน้อยลงไปในทุก ๆ
นาที แต่ทว่าวิถีชีวิตของคนในเมืองยังคงดำเนินอยู่อย่างนั้นต่อไป
ไม่นานเสียงไซเรนที่คุ้นหูกันดีก็ส่งเสียงดังขึ้น
รถตราโล่หลายคันแห่กันมาเป็นขบวนมุ่งตรงไปยังที่ที่หนึ่งซึ่งอยู่ในเขตของตัวเมือง
ชาวเมืองที่อยู่ในบริเวณนั้นหันคอมองตามด้วยอยากรู้อยากเห็น
แทบไม่ต้องรอให้รถหยุดนิ่งแม้แต่อย่างใดเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่โดยสารอยู่ด้านหลังก็กระโจนลงพื้นกันเป็นที่เรียบร้อย
พวกเขากรูกันเข้าไปยังตึกหลังหนึ่งพร้อมปืนครบมือ
ส่วนตำรวจที่เหลือที่ตามมาทีหลังก็รวมกลุ่มกันเป็นหลายกอง
โดยแต่ละกองอยู่ห่างกันออกไปเพื่อดูความเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่างจากทั่วทิศทาง
ห่างจากจุดที่กลุ่มตำรวจรวมตัวกันพอประมาณ
ในอีกมุมหนึ่งของตึกหลังใหญ่ที่ไม่มีใครสัญจรไปมาจู่ ๆ
ก็มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดลำลองสีดำโผล่ออกมาจากในเงามืดอย่างไร้ซุ่มเสียง
เธอจับตาดูกลุ่มคนในเครื่องแบบที่ยกโขยงกันมาโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยสักนิด
“คิดถูกหรือเปล่านะที่ไปท้าพวกตำรวจแบบนี้น่ะ”
สาวชุดดำที่ชื่อ “น้ำ” พึมพำกับตัวเอง เธอไม่นึกมาก่อนเลยว่าพวกตำรวจจะเตรียมรับมือได้ตั้งขนาดนี้ทั้ง
ๆ ที่มันก็ดึกไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ
หญิงสาวกวาดตาไปทางอื่นบ้าง
พอเห็นว่าทุกอย่างปลอดภัยจึงเข้าไปหลบยังหน้าตึกหลังนั้นที่เต็มไปด้วยกระถางดอกไม้และม้านั่งทันที
เธอหลบซ่อนอยู่ในมุมที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้โดยง่ายก่อนจะวางเป้ที่อยู่บนหลังลงแล้วควักถุงมือมาใส่อย่างไม่ติดขัด
ตามมาด้วยปลอกขาที่เหน็บมีดสั้นและแม็กกาซีนสำรองเอาไว้อีกตั้งหลายอันภายในเวลาไม่นาน
“คราวนี้เสี่ยงไม่ใช่เล่นเลยแฮะ”
เธอว่าพลางนับดูจำนวนตำรวจที่ตนกำลังจะเผชิญไปแบบคร่าว ๆ
ก่อนจะตรวจสอบทุกอย่างให้พร้อมอีกที “เดี๋ยวแม่จะยิงไม่เลี้ยงเลยคอยดู”
ในอีกมุมหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากกองตำรวจมากนักจู่
ๆ ก็มีรถเก๋งสีดำวิ่งเข้ามาจอดอยู่ใกล้ ๆกับที่แห่งนั้น
ก่อนที่เจ้าของรถอย่างรัตนาในเครื่องแบบตำรวจครบครันจะก้าวลงมาจากมันในเวลาไม่นาน
ส่วนตำรวจหน้ามนอย่างอ้นที่ติดรถมาด้วยก็รีบลงมาแทบจะไม่แพ้กัน แล้ววิ่งอย่างแข็งขันไปยังตำรวจหญิงที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“คนร้ายบอกว่าจะลงมือที่นี่จริง
ๆ อย่างนั้นเหรอครับ” ตำรวจหน้าใหม่ถามขึ้นทันที
การลงปฏิบัติงานจริงเป็นครั้งแรกทำให้เขาตื่นเต้นมากกว่าที่ควร
ส่วนสารวัตรหญิงก็กวาดตาดูรอบ ๆ ว่ามีอะไรผิดสังเกตไปบ้างหรือเปล่า
“ใจเย็น
ๆ หน้าละอ่อน จับคนร้ายมันไม่ใช่อะไรที่ง่าย ๆ ขนาดนั้น”
“อะ
ครับ จับคนร้ายไม่ใช่เรื่องง่าย”
หลังจากตำรวจหนุ่มได้รับคำตอบทั้งสองจึงเริ่มเดินหาที่เหมาะ
ๆ
สำหรับการซุ่มยิงหรือกำบังตัวเพราะว่าบางทีคนร้ายอาจจะเล่นของหนักมากกว่าที่คิดก็เป็นได้
ขณะเดียวกันก็มีตำรวจวัยเริ่มชรานายหนึ่งวิ่งเข้ามาหาสารวัตรหญิงอย่างรัตนาภายในเวลาไม่นานอีกด้วย
“สารวัตรครับ”
เขารีบทัก
ทำเอารัตนากับอ้นต้องหันไปดูไปเพียงครู่เดียวก่อนที่ทั้งสามจะก้าวเดินต่อไปพร้อม ๆ
กัน “ตอนนี้เราเจอตัวเหยื่อแล้วครับ กำลังพาเธอไปหลบอยู่ในที่ปลอดภัย
หากคนร้ายโผล่มาตอนนี้ก็ยังพอจะเปลี่ยนไปหลบอยู่ในโกดังเก็บไม้ใกล้ ๆ
นี้ได้อยู่ครับ”
“โอเคจ่า
ทำตามแผนที่วางเอาไว้นั่นแหละ คุ้มกันเหยื่อเป็นหลัก ถ้าจำเป็นก็จับตายคนร้ายได้ ระวังตัวไว้ให้ดี”
แต่ทันทีที่สารวัตรหญิงพูดจบจู่
ๆ ก็มีปืนดังลั่นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาตำรวจวัยเริ่มชราคนเมื่อครู่ถึงกับฟุบลงพื้นไปอย่างทันท่วงที
พร้อมกันนั้นก็ยังมีเลือดสีแดงข้นคลั่กหลั่งไหลออกมาจากกลางกบาลของเขาอีกด้วย
ส่วนชาวเมืองและเจ้าหน้าที่ชุดดำที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลต่างก็ตกใจกับเสียงเมื่อครู่แล้วรีบมองหาที่มาของเสียงลั่นทันที
แต่ไม่ทันจะหาที่มาของเสียงที่ว่านั้นได้ตำรวจอีกนายก็ถูกเล่นงานที่กลางกบาลไปบ้างเหมือนกัน
และถึงแม้ว่าจะโดนเล่นงานเข้าไปอีกรอบติด ๆ แต่ทว่าคราวนี้ตำรวจที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ก็สามารถจับตำแหน่งของคนร้ายได้ในที่สุด
“มันอยู่นั่นเลดี้
คิลเลอร์” ตำรวจนายหนึ่งตะโกนเสียงดัง
หันปืนไปยังรถกระบะคันหนึ่งที่ผู้ก่อการร้ายปริศนาได้ใช้กำบังตัว
ฝั่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เริ่มกราดกระสุนตอบโต้คืนบ้าง เสียงลั่นจากอาวุธสังหารสร้างความโกลาหลไปทั่วบริเวณ
ชาวเมืองเลิกให้ความสนใจกับข้าวของแล้วหาที่กำบังตัวเอาไว้โดยไว
บ้างก็วิ่งไปให้ไกลจากจุดเกิดเหตุ บ้างก็ถ่ายวิดีโอเอาไว้ด้วยความตื่นเต้นโดยที่ไม่กลัวเลยว่าอาจจะมีลูกหลงพุ่งเข้ามาหาตัวเองก็ได้
ผู้ก่อการร้ายกลายเป็นฝ่ายถูกรุมยิงบ้าง
แต่ทว่ากลับไม่มีกระสุนลูกใดจะต้องตัวเธอได้เลยสักนิด เธอในตอนนี้มีแว่นกันลมขนาดใหญ่คาดอยู่บนใบหน้าเพื่อปิดบังตัวจริงกับปืนพกในมืออีก
2 กระบอกที่พร้อมจะปลิดชีพเป้าหมายได้ทุกเวลา แต่แล้วเธอกลับเก็บเจ้าปืนพวกนั้นกลับเข้าซองที่ต้นขาตามเดิมก่อนจะควักเอาระเบิดมือจากช่องใส่ของข้างกระเป๋าออกมา
แล้วเธอก็ใช้มันขว้างออกไปยังกลุ่มตำรวจที่กำลังยิงสวนตน
เพียงไม่กี่วินาทีระเบิดลูกนั้นก็ทำงานจนได้
มันส่งเสียงกระหึ่มและปล่อยสะเก็ดจนโดนตัวเป้าหมายเข้าไปอย่างจัง
ตำรวจหลายนายที่อยู่ในรัศมีของระเบิดแทบจะเสียชีวิตและบาดเจ็บหนักกันเป็นว่าเล่น
ขณะที่ตำรวจคนอื่น
ๆ กำลังตกใจอยู่นั้นน้ำก็อาศัยโอกาสอันน้อยนิดนี้วิ่งตรงไปยังที่กำบังตัวแห่งใหม่
ฝ่าดงกระสุนของเหล่าตำรวจที่ไล่ยิงตามหลังอย่างไม่ขาดสาย
ก่อนหายตัวไปยังด้านหลังของรถอีกคันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เดิมนัก
แต่เพียงไม่กี่อึดใจเธอก็ออกไปยิงถึง
3 นัดติด ๆ กันแล้วหลบเข้าที่เดิมด้วยความรวดเร็ว
ทำเอาตำรวจต้องล้มลงพื้นและเสียชีวิตด้วยกันอีก 2 คนภายในเวลาไม่นาน สร้างความตระหนกให้กับเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เอาเป็นอย่างมากเพราะความแม่นยำที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ
หลังจากที่เห็นอย่างนั้นตำรวจหน้าใหม่อย่างอ้นก็ถึงกับอึ้งในการปฏิบัติงานจริงครั้งแรกที่ตนไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
คิดอยู่ในใจว่าตัวเองจะต้องมาเผชิญกับผู้ก่อการร้ายสุดอันตรายอย่างนี้จริง ๆ
น่ะหรือ
“นี่น่ะเหรอ
‘เลดี้ คิลเลอร์’ ที่ว่า”
ตำรวจหนุ่มพึมพำพลางมองตาค้างไปยังตัวคนร้าย
ที่หลังรถคันเดิม
ขณะที่ผู้ก่อการร้ายสาวกำลังหลบซ่อนอยู่นั้นเธอก็สังเกตเห็นว่ามีตำรวจหญิงคุ้นหน้ากำลังวิ่งอ้อมเข้ามาจากที่ไกล
ๆ เธอที่เห็นอย่างนั้นจึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาภายในทันที
“หน็อยยัยกากี
รู้งี้รีบฆ่าทิ้งไปตั้งแต่ทีแรกซะก็ดี”
น้ำเก็บปืนเข้าซองอีกครั้งก่อนขว้างระเบิดไปยังผู้ที่ทำให้ตนต้องเผยความโกรธออกมา
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเดิมทีเธอก็ไม่ชอบขี้หน้าของสารวัตรหญิงคนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ระเบิดของผู้ก่อการร้ายตกลงไปใกล้กับรัตนาเอาเป็นอย่างมาก
เธอที่เห็นอย่างนั้นจึงวิ่งไปหลบในซอกแคบ ๆ
ของอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลอย่างสุดชีวิต และเพียงไม่นานระเบิดลูกนั้นก็ทำงานไปในที่สุด
มันออกแรงทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีของมัน
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจทำอะไรสารวัตรหญิงที่หลบได้ทันเลยแม้แต่นิดเดียว
“บ้าเอ้ย
อีกนิดเดียวแท้ ๆ” ตำรวจหญิงว่าอย่างเจ็บใจ เธอพลาดโอกาสที่จะจับกุมคนร้ายโดยไม่ต้องจับตายไปจนได้เสียแล้ว
เมื่อเวลาหนีมาถึงผู้ก่อการร้ายสาวจึงวิ่งออกจากที่กำบังในทันทีทันใด
เธอตรงไปยังซอกตึกที่อยู่ด้านหลังก่อนหันไปยิงเพื่อกันไม่ให้ใครไล่ตามมา
“ตามไปเร็ว”
ตำรวจนายหนึ่งรีบออกคำสั่ง พร้อมกันนั้นก็วิ่งนำคนอื่นไปด้วยความกล้าหาญ ส่วนตำรวจที่เหลือก็กรูตามคนร้ายไปอย่างไม่กลัวตาย
มีเพียงแต่อ้นคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ตามไปเหมือนกับคนอื่นเขา
ตำรวจหน้ามนวิ่งตรงไปยังซอกตึกแห่งหนึ่งที่ซึ่งมีสารวัตรหญิงอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
เขาตรงเข้าไปดูเธอเผื่อว่าอีกฝ่ายอาจจะได้รับบาดเจ็บอะไร
“เป็นอะไรมั้ยครับสารวัตร”
“ช่างฉันเถอะน่า
รีบตามคนร้ายไปเร็ว” สารวัตรหญิงตอบอย่างไม่สบอารมณ์
ใช้มือของตนกุมไหล่ข้างที่รู้สึกเจ็บ เพราะแม้ว่าเมื่อครู่จะสามารถหลบพลังทำลายของระเบิดมาได้แต่ก็ดันโชคไม่ดีที่ไหล่ของตนดันไปชนเข้ากับผนังตึกอย่างจัง
“อะ
ครับ” ตำรวจหนุ่มตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนตัดสินใจวิ่งไปยังเส้นทางที่คนร้ายใช้หนีไป
ทิ้งให้สารวัตรหญิงอยู่เพียงลำพังเพราะเห็นว่าเธอนั้นปลอดภัยแล้ว
หัวไหล่ของรัตนาดูเจ็บไม่ใช่น้อยจากอุบัติเหตุที่เธอเพิ่งได้รับ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามอดกลั้นเอาไว้แล้วยันตัวเองให้วิ่งไปยังอีกทาง
เจ้าหน้าที่ทุกนายวิ่งตามคนร้ายไปจนถึงโรงงานกระดาษที่ดูเหมือนจะว่างเปล่าผู้คน
ทางตำรวจจึงรู้สึกโล่งใจที่จะไม่มีใครได้รับอันตรายใด ๆ จากการเข้าปะทะกันภายในครั้งนี้
จากนั้นจึงค่อย ๆ ก้าวเข้าไปทำภารกิจด้วยความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด
ตำรวจนายหนึ่งยกคันโยกเบรกเกอร์ตรงทางเข้าขึ้นไปจนสุดพร้อมทั้งลองกดสวิตช์ไฟดู
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนพบว่ามันชำรุดอย่างหนักเนื่องจากถูกยิงเข้าไปที่แผงวงจร
พวกเขาทุกคนจึงตัดใจจากมันแล้วอาศัยแสงสว่างจากภายนอกที่เล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างกระจกในการตามหาตัวคนร้ายแทน
ตำรวจคนเดิมเริ่มออกคำสั่งให้แยกย้ายกันออกไปเพื่อตามหาตัวคนร้ายอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว
ตำรวจที่เหลือจึงยอมทำตามโดยไม่ขัดแย้งเลยแม้แต่น้อย
รีบกระจายกำลังออกไปตามห้องต่าง ๆ ที่อยู่ข้างในภายในทันที
บ้างก็เลือกที่จะไปเป็นคู่ บ้างก็เลือกที่จะไปคนเดียว
ตำรวจหน้าใหม่อย่างอ้นสูดลมหายใจเต็มปอดก่อนที่จะปล่อยเอามันออกมา
เขาตัดสินใจเข้าไปสำรวจยังห้องห้องหนึ่งด้วยตัวของเขาแต่เพียงผู้เดียว
แต่พอเดินเข้าไปถึงก็พบว่ามันเป็นห้องที่ค่อนข้างจะใหญ่อยู่พอสมควร
เต็มไปด้วยเหล่าเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ใช้ซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี
เขาเลือกที่จะเดินลึกเข้าไปโดยที่ไม่ลืมระมัดระวังตัวให้ดีอยู่ตลอด
ทั้งสอดส่ายสายตาและเงี่ยหูฟังอยู่ในทุก ๆ ย่างก้าว
มือทั้งสองกำปืนไว้แน่นในสภาพพร้อมยิงอย่างกับอะไรดี
ไม่นานตำรวจหนุ่มก็สังเกตเห็นว่ามีเงาดำบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่หลังเครื่องจักรเครื่องหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป
เขาจึงรีบเล็งปืนไปยังเงาที่ว่านั่นพร้อมกับรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี
“หยุดอยู่แค่นั้นแหละเลดี้
คิลเลอร์ วางอาวุธที่อยู่ในมือลงแล้วยอมมอบตัวกับทางตำรวจซะ”
ตำรวจหนุ่มชี้ปืนไปยังเป้าหมายด้วยความแน่วแน่
ทำเอาเจ้าของเงาที่อยู่ข้างหลังเครื่องจักรเครื่องนั้นถึงกลับไม่กล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้ากันเลยทีเดียว
“
‘เลดี้ คิลเลอร์’ งั้นเหรอ
เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าคุณตำรวจ” เจ้าของเงาที่ว่าว่า
“ไม่ต้องพูดมาก
ค่อย ๆ ขยับออกมาจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าของเงาที่ว่าจึงค่อย
ๆ เดินออกมาจากข้างหลังเครื่องจักร แสงสว่างจาง ๆ
ที่ตกกระทบได้เผยให้เห็นว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสาวคนเดิมที่เพิ่งก่อเหตุไปเมื่อไม่กี่นาทีมานี้
โดยเธออยู่ในสภาพหันหลังและยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นโดยเป็นการยอมแพ้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีอาวุธอันตรายอยู่ในมือซ้ายของเธออยู่เหมือนเดิม
“อ้ะ
ๆ ๆ วางปืนที่อยู่ในมือลงแล้วโยนมันทิ้งไปให้ไกล ๆ”
ตำรวจหนุ่มออกคำสั่งต่ออย่างคนได้ใจ แอบดีใจอยู่ลึก ๆ
ที่ตัวเองปฏิบัติงานได้ดีจนถึงขนาดนี้
ส่วนผู้ก่อการร้ายสาวก็หมดหนทางที่จะหนีเอาตัวรอดไปได้จึงเลือกที่จะทำตามคำสั่งของเขาด้วยการค่อย
ๆ ลดระดับปืนลงไป
ทว่าสุดท้ายผู้ก่อการร้ายสาวก็ไม่คิดที่จะยอมง่าย
ๆ ไปอย่างนั้นจริง ๆ
เธอตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนั้นยกปืนในมือขึ้นมาอีกครั้งแล้วเสียงร้อง “ปัง”
จึงดังก้องไปทั่วโรงงาน
การก่อเหตุของเลดี้
คิลเลอร์
E – Villain: Lady Killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท
………………………………………………………………………………………………………………………
แก๊กท้ายตอน
รัตน์: ชื่ออะไรหน้าละอ่อน
อ้น: “อ้น” ครับ
รัตน์: ก็หน้าตาดีใช้ได้เลยหนิ
อ้น: ลองใช้ดูได้นะครับ ฟรี
ช่วงนี้มีสาระ
(มั้ง)
ประชาชนธรรมดาอย่างเรา
ๆ ไม่สามารถที่จะมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองได้นะครับ มันผิดกฎหมาย
หากจะมีก็ต้องทำการเดินเรื่องเพื่อขอใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนเสียก่อนถึงจะได้
แต่ถ้ามีแล้วก็ใช่ว่าจะเอามันมาไล่ยิงใครก็ได้นะครับ ฮ่า ๆ ๆ
มันก็ยังมีกฎหมายหรือว่าข้อห้ามที่ห้ามฆ่าใครอยู่ดี แค่เรามีมันเอาไว้อย่างถูกกฎหมายก็เท่านั้นเอง
ยังไงก็ดีอย่าไปยุ่งกับมันเลยจะดีกว่านะครับ
เอ๊ะ
เมื่อกี้ผมใช้คำว่า “ยังไงก็ดี” งั้นเหรอ ?
หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ
***
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วนะครับก็ต้องขอย้ำเอาไว้อีกครั้งว่า
“นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่คอนข้างรุนแรง
เหมาะสำหรับผู้ที่บรรลุนิติภาวะหรือแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้เท่านั้น” ฉะนั้นแล้วเด็ก
ๆ ทั้งหลายที่บังเอิญผ่านเข้ามาได้โปรดอย่างทำร้ายตัวเอง ตัวนักเขียน และตัวนิยายทางอ้อมด้วยการอ่านต่อเลยนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามผลงาน
ขอให้สนุก
ความคิดเห็น