ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    E - Villain คนประลัยสายพันธุ์อี

    ลำดับตอนที่ #3 : 03 เหยื่อล่อของเลดี้ คิลเลอร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 122
      11
      29 ก.ย. 65

                    หลังจากที่ถูกตำรวจหนุ่มต้อนจนจนมุมผู้ก่อการร้ายสาวจึงค่อย ๆ ย่อตัวและลดระดับปืนลงไปอย่างช้า ๆ อย่างผู้ยอมแพ้ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างด้วยการยกปืนขึ้นมาอีกครั้งแล้วเสียงร้องปังจึงดังก้องไปทั่วโรงงาน...

                   เสียงปืนเมื่อครู่มันส่งเสียงดังไปไกลจนลอยเข้าหูของเจ้าหน้าที่ชุดดำที่อยู่ในโรงงานทั้งหมดทุกคน มันทำให้พวกเขารู้ตำแหน่งและรีบตรงไปยังต้นเสียงทันที

     

                   ที่พื้นราบเรียบมีอาวุธอันตรายกระบอกหนึ่งหล่นอยู่บนพื้นอย่างไร้คนถือ และใกล้ ๆ นั้นก็มีเจ้าของของมันอยู่ในท่าทรุดตัวพร้อมทั้งเอามือกุมแขนที่มีบาดแผลเอาไว้ ผู้ก่อการร้ายสาวได้พลาดท่าเข้าจนได้จนในตอนนี้รู้สึกเจ็บใจเอาเป็นอย่างมาก เธอใช้แววตาเดือดดาลจ้องผ่านแว่นกันลมไปยังนายตำรวจผู้ยิงแขนเธอ

                   “อาศัยทีเผลอตอนยอมแพ้ แบบเนี้ยเห็นในหนังมาเยอะ” ตำรวจหนุ่มพูดขึ้นอย่างผู้ชนะ ชี้ปืนไปยังกลางลำตัวของคนร้ายเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายเล่นตุกติกอีกครั้ง

                   “ชิ”

                   “เอาล่ะ ทีนี้อยู่เฉย ๆ ห้ามขยับอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวปืนลั่นไม่รู้ตัว งานนี้จับตายได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

                   “หน็อยแน่ อย่าได้ใจให้มันมากนักนะ”

                   “ฮ่า ๆ ๆ พูดได้พูดไป แค่ยืนรอให้เจ้าหน้าที่คนอื่นเข้ามารวบตัวแค่นี้งานฉันก็เสร็จเรียบร้อย” เขาว่าอย่างอารมณ์ดี ขณะเดียวกันตำรวจที่เหลือก็ตามมาจนถึงห้องห้องนี้ได้ในที่สุด

                   “งั้นเหรอ” ผู้ก่อการร้ายสาวว่า ก่อนที่เธอจะแอบกดสวิตช์ในรีโมตเล็ก ๆ ที่ข้างปลอกขาที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วภายในทันที “งั้นก็แย่หน่อยนะ”

                   ทันทีที่เธอพูดจบระเบิดหลายลูกที่แอบวางเอาไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ก็เริ่มทำงานแทบจะในทันที เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่วิ่งเข้ามาภายในห้องนี้แทนที่จะได้จับกุมตัวคนร้ายก็กลับกลายเป็นว่าต้องมาโดนแรงระเบิดอัดกระแทกอย่างจังเอาเสียอย่างนั้น พวกเขาหลายคนถูกเป่ากระเด็นกันไปคนละทิศละทางอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้กระทั่งตำรวจหนุ่มอย่างอ้นที่อยู่ตรงใจกลางห้องก็ยังต้องปลิวไปตาม ๆ กัน

                   “ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !

                   เมื่อได้โอกาสผู้ก่อการร้ายสาวจึงใช้จังหวะนั้นรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งไปยังทางหน้าต่างทันที เธอแทบจะไม่มีเวลาไปเก็บเอาปืนหรือว่าจัดการกับคนที่ยิงแขนจนเลยแม้แต่อย่างใด

                   ขณะเดียวกันตำรวจหนุ่มคนเดิมก็ดันดวงดีที่ไม่ได้เสียชีวิตเหมือนกับเพื่อนร่วมงานอย่างคนอื่นเขา เพราะตัวของเขาเองดันอยู่ห่างจากจุดที่เกิดการระเบิดไปไกลอยู่พอสมควรจนทำให้ได้รับบาดเจ็บไปไม่มากเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นแรงกระแทกที่เขาได้รับบวกกับที่ล้มลงหัวฟาดพื้นจนแตกก็ทำให้เขามึนหัวอยู่ไม่ใช่เล่น

                   ตำรวจหนุ่มพยายามประคองสติตัวเองเอาไว้พร้อมทั้งยันกายให้ลุกขึ้นมา และแม้ว่าเมื่อครู่จะเห็นผู้ก่อการร้ายสาวหลบหนีไปได้ต่อหน้าต่อตาแต่เขาก็ไม่อาจจะคว้าปืนขึ้นมาเพื่อไล่ยิงได้เลย ในตอนนี้จึงทำได้แต่พยายามลุกขึ้นแล้วหนีไปให้ไกลจากที่นี่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่เครื่องจักรเครื่องต่าง ๆ จะถูกเผาไหม้และระเบิดตามมาในท้ายที่สุด

     

                   ผู้ก่อการร้ายสาววิ่งมาจนถึงที่ที่หนึ่งที่ตัวเองใช้จอดบิ๊กไบก์ของตนเอาไว้ เธอรีบติดเครื่องแล้วขับมันออกไปจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำเอาตำรวจหนุ่มผู้สุดจะถึก ทนที่ยังอุตส่าห์รีบไล่ตามมาต้องยอมหยุดลงไปอย่างไม่มีทางเลือก

                   “แฮก แฮก แฮก โอ้ย เหนื่อย”

                   เมื่อไล่ตามไม่ทันตำรวจหนุ่มจึงขอยอมแพ้แล้วยืนค้ำเข่าด้วยความเหน็ดเหนื่อย มือข้างหนึ่งก็ยังคงกุมศีรษะของตนเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เลือดไหลออกมาจนมากกว่าที่ควรจะเป็น

                   “แฮก แฮก แฮก ยัยนี่เป็นแค่เหยื่อล่อหรอกเหรอเนี่ย” ตำรวจหนุ่มรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ภายในครั้งนี้ได้ มิหนำซ้ำยังเข้าใจผิดอีกว่าเธอคนเมื่อกี้คือ “เลดี้ คิลเลอร์” ตามคนอื่นไปอีกเสียด้วย มันเป็นการเสียหน้าครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาจะเคยได้รับมาแล้วภายในชีวิตนี้

                   และเพียงไม่นานตำรวจหนุ่มก็หันไปยังทางกลางเมืองที่อยู่ด้านหลังของตัวเองบ้าง ก่อนที่เขาจะให้ความสนใจไปยังจุดแรกสุดที่ผู้ก่อการร้ายได้ใช้ปรากฏตัวและทำการก่อเหตุจนมีผู้คนล้มตาย

                   “แวะซื้อผ้าพันแผลจะทันมั้ยเนี่ย”

     

                   ขณะเดียวกัน ณ จุดเกิดเหตุแรกสุดที่ตัวคนร้ายได้ปรากฏออกมาเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หลายนายที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตลงไปหมดแล้ว แต่ก็ยังพอมีบ้างบางนายที่ยังอดทนต่อความเจ็บไว้ได้และได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลดังมาแต่ไกล

                   และในอีกหนึ่งจุดที่อยู่ไม่ไกลกันนักก็มีโกดังแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างใหญ่อยู่พอประมาณ ภายในเต็มไปด้วยไม้แปรรูปมากมายหลายหน้าหลายศอกที่ถูกวางเรียงจนเป็นกองอย่างดี และในนั้นยังมีเจ้าหน้าที่ชุดดำอีกหลายนายที่นอนแน่นิ่งและไร้ลมหายใจแทบจะไม่ต่างกัน

                   ในอีกมุมหนึ่งของกองไม้ขนาดใหญ่มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่ เธอยกมืออันแสนจะสั่นเทาขึ้นไหว้ใครอีกคนที่กำลังเอาปืนเก็บเสียงจ่อหัวของตนอยู่ภายในขณะนี้

                   “ฮือ ๆ ขอร้องล่ะอย่าทำอะไรฉันเลยนะ” เหยื่อสาวพูดทั้งร้องไห้ ไม่รู้ว่าทำไมบุคคลคนนี้ถึงจ้องจะเอาชีวิตของตนไปด้วย

                   “ฉันไปทำอะไรกับคุณเอาไว้งั้นเหรอ ทำไมคุณจ้องจะฆ่าฉันด้วย” เธอยังคงถามหาเหตุผลกับชายปริศนาที่ยังจ่อหัวของตนไว้อยู่ แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทำให้เขาปริปากอะไรออกมาได้เลย จะเดาเอาเองก็ทำไม่ได้เพราะชายถือปืนคนนี้เล่นใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ด้วยเลยทำให้ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครและกำลังต้องการอะไรกัน

                   “อย่าฆ่าฉันเลยนะฉันขอร้องล่ะ ฉันยังมีลูกที่ต้องเลี้ยงดูอยู่อีกทั้งคนนะ” และถึงแม้ว่าจะพยายามไปอีกสักกี่ครั้งตัวชายในชุดเกราะกันกระสุนคนนี้ก็ยังคงนิ่งเงียบไปไม่ต่างจากเดิม

                   เมื่อเห็นอย่างนั้นหญิงสาวผู้มีเคราะห์ร้ายก็ถึงกับจนปัญญาที่จะไต่ถามอีก จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะเลิกร้องไห้แล้วมองเข้าไปยังนัยน์ตาภายใต้หน้ากากของเขาคนนั้นแทน

                   “อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่าคุณเป็นใคร และต้องการอะไรจากฉัน”

                   “ผมไม่ได้เป็นใครสำหรับคุณ” และในที่สุดชายชุดเกราะก็ยอมตอบเหยื่อสาวกลับไปสักที ทำเอาอีกฝ่ายที่เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเธอจะรู้สึกดีไปกับคำพูดคำนั้นของเขา และยิ่งไปกว่านั้นคือเสียงที่เธอได้ยินมันกลับดูคุ้นหูและช่างคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าอะไรดี

                   “...และสิ่งที่ผมต้องการคุณไม่สามารถให้มันกับผมได้”

                   และแล้วเหยื่อสาวก็ได้ยินเขาว่ามาอีก แต่เนื้อเสียงของเขาบวกกับโครงหน้าที่ยังเหลือให้เห็นอยู่บ้างมันก็ทำให้เธอรู้และมั่นใจได้แล้วว่าชายปริศนาภายใต้หน้ากากคนนี้เป็นใครกันแน่ มิหนำซ้ำยังรู้ไปอีกว่าที่ทำไปทั้งหมดเขาทำไปเพื่ออะไรกัน ทำเอาเธอถึงกับตาเบิกกว้างหลังจากที่ได้รับรู้และเข้าใจในทุก ๆ สิ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไรเธอก็ถูกอีกฝ่ายเหนี่ยวไกไปยังหน้าผากภายในทันที ทำเอาเลือดกระเซ็นอาบหน้าแล้วฟุบลงพื้นไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

                   ในที่สุดชายชุดเกราะก็ปลิดชีวิตของเหยื่อลงไปสำเร็จ ก่อนที่เขาจะทิ้งการ์ดที่เป็นสัญลักษณ์ของตนเอาไว้บนร่างแน่นิ่งเหมือนกับทุกทีที่เขาเคยทำ เพียงเท่านี้ภารกิจของเขาก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นและควรจะหนีไปจากตรงนี้ได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะมองดูเธอเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจ มองลึกลงไปยังนัยน์ตาที่เบิกค้างคู่นั้นว่ามันเคยมีเขาอยู่ข้างในบ้างไหม

                   ฉับพลันชายชุดเกราะก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นแล้วรีบยิงปืนไปยังทางเข้าโกดังทันที จากนั้นก็วิ่งหายจากตรงนี้ไปแล้วซ่อนตัวให้ไวจากใครคนหนึ่งที่แอบย่องเข้ามา

                   ขณะเดียวกันรัตนาที่หลบอยู่หลังกองไม้บริเวณทางเข้าก็เผยสีหน้าเจ็บใจที่ไม่สามารถเล่นงานคนร้ายได้อีกออกมา ก่อนโผล่ออกไปดูสถานการณ์แล้วย่างไปยังจุดที่คนร้ายเคยอยู่เมื่อสักครู่นี้เอง

                   ไม่นานตำรวจหญิงคนเดิมก็เดินมาจนถึงศพของเหยื่อที่นอนแน่นิ่งไปไม่ต่างจากเพื่อนร่วมงานของตนอย่างคนระมัดระวัง แต่พอเห็นว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้แล้วจึงตัดสินใจที่จะก้าวเดินต่อเพื่อตามหาคนร้ายและจับกุมต่อไป

                   เรียวขาทั้งสองข้างค่อย ๆ ย่างก้าวอย่างไร้ซุ่มเสียง มือเรียวเล็กกำปืนเอาไว้แน่นในสภาพพร้อมยิงอยู่ตลอดเวลา ใบหูและดวงตาคอยค้นหาเป้าหมายที่เอาแต่หลบซ่อนอย่างไม่ยอมให้พลาด

                   แต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างกระทบกันขึ้นจนเกิดเป็นเสียงขึ้นมาจนได้  ทำเอาตำรวจหญิงต้องรีบหันปืนไปยังกองไม้กองหนึ่งที่อยู่ด้านหลังไปอย่างทันท่วงที แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ใจร้อนวิ่งเข้าไปหาต้นเสียงที่ว่าแบบนั้นแต่อย่างใด และในทางกลับกันเธอกลับค่อย ๆ เดินเข้าไปหาแล้วคอยฟังเสียงไว้ให้ดีกว่าเดิม

                   เพียงไม่นานจู่ ๆ ก็มีการระเบิดเกิดขึ้นตรงจุดที่เพิ่งจะได้ยินเสียงไปเมื่อสักครู่ ตำรวจหญิงที่อยู่อีกฟากของกองไม้พอดีจึงไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ตกใจจนต้องเผลอก้มหลบไปก็เท่านั้นเอง

                   แต่ทันทีที่ตั้งตัวได้เธอก็ถูกอะไรบางอย่างลอบเข้ามาจับจากทางด้านหลังพอดี ร่างทั้งร่างถูกแขนอันทรงพลังบีบรัดสุดแรงจนแทบจะหายใจไม่ออก มิหนำซ้ำอะไรบางอย่างที่ว่านั้นยังใช้โอกาสนั้นแย่งปืนจากเธอไปอีก เธอที่สู้แรงไม่ไหวจึงได้แต่แพ้ทางให้กับอีกฝ่ายไปแบบง่าย ๆ อย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ

                   “ฮึบ อ้ะ”

                   แต่ถึงแม้ว่าจะถูกจับตัวและแย่งปืนไปได้ก็ใช่ว่าเธอจะยอมแพ้ง่าย ๆ ตำรวจหญิงผู้แสนจะอาจหาญพยายามอดทนต่อแรงกอดรัดแล้วเหวี่ยงตัวไปมาเพื่อหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการในครั้งนี้ให้ได้ มิหนำซ้ำยังคงใช้เท้ายันพื้นเพื่อผลักให้อีกฝ่ายถอยติดกับกองไม้ไป

                   “โอ้ย” อะไรบางอย่างที่ว่าเผลอส่งเสียงร้องออกมาเพราะศีรษะของเขากระแทกเข้าไปกับเหลี่ยมมุมของท่อนไม้อย่างจัง แล้วในเหตุการณ์ที่ว่านั้นมันก็ถึงกับทำให้ตำรวจหญิงยอมหยุดขัดขืนลงไปอย่างฉับพลันเพราะเสียงที่เธอได้ยินไปนั้นมันช่างดูคุ้นเคยราวกับว่าเป็นของคนรู้จักที่มักคุ้นกันดีกันก็ไม่ปาน

                   “ห้ะ เสียงนี้มัน...”

                   ตำรวจหญิงรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเอาเป็นอย่างมาก เธอจึงหันไปดูเพื่อความแน่ใจว่ามันจะใช่อย่างที่เธอคิดจริง ๆ หรือเปล่า แต่พอได้เห็นใบหน้าแค่เฉพาะในส่วนที่ไม่ได้ถูกปกปิดของอีกฝ่ายเท่านั้นนั่นล่ะมันก็ทำให้เธอได้รู้แล้วว่าตัวจริงของคนที่จับตัวเธอเอาไว้จริง ๆ แล้วเป็นใครกันแน่ ยิ่งเฉพาะนัยน์ตาภายใต้หน้ากากใบนั้นด้วยแล้วมันก็ยิ่งทำให้เธอมั่นใจเป็นร้อยเท่า พันเท่า หรือมากขึ้นกว่าเดิมเสียยิ่งกว่าอะไรดี

                   “ห้ะ เกียรติ ! คุณนี่เอง”

     

                   เหยื่อล่อของเลดี้ คิลเลอร์

                   E – Villain: Lady Killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท

     

      ..................................................................................................................................................................

     

                   แก๊กท้ายตอน

                   รัตน์: ห้ะ เสียงนี้มัน

                   เกียรติ: หึ

                   รัตน์: หรือว่าคุณคือ...

                   เกียรติ: หึ ใช่แล้วล่ะ

                   รัตน์: อินทรีย์แดง

                   เกียรติ: ว ว็อต ?

     

                   ช่วงนี้มีสาระ (มั้ง)

                   ลำกล้องเก็บเสียงหรือท่อเก็บเสียงที่มีไว้ติดที่ปลายกระบอกปืนน่ะมันผิดกฎหมายนะครับ และประชาชนทั่วไปไม่สามารถทำการเดินเรื่องเพื่อขอใบอนุญาตพกพาได้ด้วยเพราะว่ามันไม่มี ฮ่า ๆ ๆ คือมันมีไว้สำหรับการซ้อมยิงของพวกตำรวจหรือทหารหรือกลุ่มคนบางกลุ่มที่เขาชอบเล่นปืนกันอะนะ เสียงมันจะได้ไม่ไปรบกวนชาวบ้านชาวช่องเขา แต่เขาว่าถ้าใส่ไปแล้วมันจะทำให้ความแม่นยำในการยิงลดลงล่ะนะ ยังไงก็ดีอย่าไปยุ่งกับเจ้าของพวกนี้เลยจะดีกว่านะครับ

                   เอ๊ะ ผมใช้คำว่า “ยังไงก็ดี” อีกแล้วงั้นเหรอ ?

                   หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×