หวานชีวิต
มีใครบ้างไม่ชอบขนม ขนมคือข้าวกับนมผสมกัน แต่สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือ รางวัลชีวิตที่เราเติมให้ตัวเอง ขนมจะอร่อยมีค่าก็ต่อเมื่อคนกินเห็นค่าของขนม และคนทำเคารพตนเองตั้งใจทำขนมให้กินอย่างละเมียดละไม
ผู้เข้าชมรวม
163
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ ๑
เสียงสวดอภิธรรมเหมือนเสียงระฆังพักยก บัวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเสียงสวดของพระสงฆ์ช่วยหันเหสายตานับร้อยที่จ้องเธอไปสนใจงานสวดศพของปกรณ์ หญิงสาวอดถามตัวเองไม่ได้ว่าตัดสินใจถูกหรือผิดที่มางานคืนนี้ เธอเหลือบมองแม่ที่นั่งเคียงข้าง แม่ช่อพเยียปั้นหน้านิ่งไม่สะทกสะท้อนกับแววตาตำหนิที่จ้องมา นี่ยังไม่รวมเสียงนินทาที่แว่วมากระทบหูตั้งแต่เดินเข้ามาในงาน แม่ยังนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ หรืออาจเป็นเพราะชายผู้วายชนม์ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแม่ แต่เขาเป็นคู่หมั้นของบัว
เพียงเท่านี้น้ำตาเจ้ากรรมก็เอ่อล้นเกือบนองหน้า เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้มันดันก้อนความขมขื่นที่จุกคอไหลลงไปสักที
“คนนี้นะเหรอคู่หมั้นปกรณ์” เสียงแว่วจากด้านหลังดังทันทีที่พระหยุดสวด ต้นเสียงไม่เกรงใจว่าเธอนั่งห่างไม่ถึงเมตร
“อย่างนี้หม้ายขันหมากนะสิ” เสียงเดิมตอกย้ำจนบัวคอตั้ง ต่อจากนั้นเป็นเสียงซุบซิบแผ่วเบาที่เธอไม่ได้ยิน แต่กลับทำให้บัวรู้สึกร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้
“ต๊าย จริงเหรอ แล้วยังมีหน้ามาที่นี่อีก”
เพียงเท่านี้แม่ก็หันไปสยบเหตุการณ์ให้เธอแล้ว
“พระสวดอีกรอบแล้วค่ะ ช่วยกันส่งวิญญาณผู้ตายดีกว่า”
ค่ำคืนที่หดหู่ในวันนี้จะตอกย้ำว่าปกรณ์ไม่อยู่สานฝันกับบัวแล้ว เวลานี้เมื่อหลายคืนก่อนเธอกับปกรณ์คุยกันเรื่องชีวิตหลังแต่งงาน เขาอยากเป็นเชฟส่วนตัวให้กับคนดังในต่างประเทศ เธอเองก็เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว โดยเฉพาะเชฟครัวร้อนอาหารไทยฝีมือเยี่ยมที่จะทำงานร่วมกับชายคนรัก เธอจำบรรยากาศอาหารค่ำคืนนั้นได้ ปกรณ์เกริ่นกับเธอว่าอยากรับหลานสองคนไปอยู่ด้วย เพราะเด็กเป็นกำพร้าอยากให้เธอเป็นแม่และเขาเป็นพ่อ เด็กจะได้ไม่มีปัญหา จะไปยากอะไรบัวเข้าใจความรู้สึกนี้ ความรู้สึกว้าเหว่เพราะกำพร้าพ่อทำให้บัวยอมรับเงื่อนไขอย่างรวดเร็ว
ปกรณ์บอกแต่เพียงว่าเด็กเป็นญาติทางฝั่งพ่อ บัวไม่ถามรายละเอียดอีก เพราะรู้ว่าปกรณ์ไม่เป็นที่ยอมรับจากญาติฝั่งโน้น การที่เขารับดูแลเด็กทั้งสองคน อาจช่วยให้พ่อของปกรณ์เข้าใจและยอมรับเขามากกว่าเดิมก็เป็นได้ เธอเห็นใจเขา ปกรณ์คงทนไม่ได้ที่เด็กสองคนไม่มีใครดูแล ดีเสียอีกที่หลานของปกรณ์จะเป็นพี่เลี้ยงให้กับลูกของเธอในวันข้างหน้า
แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า ทานอาหารเที่ยงด้วยกันเมื่อวาน เขาหุนหันออกจากร้านอาหารเพราะมีธุระด่วน มันคงด่วนมากจริงๆ เพราะปกรณ์ไม่แตะอาหารแม้แต่คำเดียวบัวไม่คิดว่านั่นเป็นการเจอกันครั้งสุดท้าย หากรู้สักนิดว่าความรีบเร่งจะพรากเขาไป บัวจะรั้งเขาไว้ไม่ให้ปกรณ์ออกจากร้านอาหารเลย
สิ้นเสียงพระสวดช่อพเยียหันมาสบตาลูกสาวเหมือนชวนบัวออกจากงานไปก่อนที่คณะเจ้าภาพจะกรูมาที่เธอเพราะยังถวายพานที่เตรียมไว้ให้พระสงฆ์ทั้ง ๔ รูป ด้วยความอาลัยรักบัวไม่มีแรงก้าวขาออกจากพื้นที่และนั่นเป็นชนวนดึงสายตาคนนับร้อยหันมามองเธออีกครั้ง
“ยังมีหน้ามาอีกนะ”
บัวหันไปมองต้นเสียง รุจิราพี่สาวฝาแฝดของปกรณ์มายืนเบื้องหน้า
“หัวใจเธอทำด้วยอะไร” รุจิราแผดเสียงจนคนทั้งศาลาหันมามองเธอกันหมด “ไอ้นิสัยเอาแต่ใจ โทรจิกโทรตามไม่เว้นเวลา ทำให้น้องฉันต้องตายยังไม่สาแก่ใจหรือไง ยังมีหน้ามางานเขาอีกเหรอ”
รุจิราทุบเขื่อนน้ำตาของบัวจนแตกเธอยืนน้ำตาร่วงอยู่อย่างนั้น จนแม่ต้องกันเธอจากสถานการณ์ บัวไม่รู้ว่าแม่ทำอะไรให้รุจิราและรุเลขาเงียบเสียง เพราะม่านน้ำตามันปิดบังภาพตรงหน้า หญิงสาวหันไปมองภาพถ่ายที่ตั้งหน้าโลงศพเหมือนถามหากำลังใจจากคนที่จากไปแล้ว
“แม่เธอนี่สุดยอดเลยอ่ะบัว แฝดนั้นเงียบกริบเลย”
บัวจ้องหน้าเจ้าของเสียง จะเป็นใครเสียอีกเล่าถ้าไม่ใช่สิปางอดีตเพื่อนสนิท เธอปาดน้ำตาออกจากหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดตอนนี้คือโกรธแค้นหรือว่าชิงชังอดีตเพื่อนคนนี้กันแน่
“อย่าแตะแม่ฉัน”
หากดังกว่านี้อีกนิด คงจะบอกอารมณ์ข่มขู่ของบัวได้ถนัด
“นี่ เมื่อก่อนเธอนั่งนินทาแม่เธอให้ฉันฟังเป็นวันๆ คราวนี้เธอมาปกป้องแม่เนี่ยนะ”
สิปางยื่นหน้ามาอีกนิด น้ำเสียงถากถางไม่เท่ากับสีหน้าเยาะเย้ย น้ำตาแห่งโทสะไหลที่หางตาอย่างรวดเร็ว ไม่คิดตั้งคำถามใดๆ กับสิปางอีก แต่เชื่อแม่สุดหัวใจว่าคนอย่างสิปางคบไม่ได้ แม้ว่าก่อนหน้าช่อพเยียจะห้ามปรามไม่ให้สนิทสนมแต่บัวก็คบ และคิดว่าสิปางดีกับเธอในบางครั้งคิดว่าดีมากกว่าแม่จนกระทั่งปกรณ์เสียชีวิตเพียงข้ามคืน ฤทธิ์ของสิปางก็แจ่มแจ้ง เธอโพนทะนาเรื่องของบัวกับปกรณ์ให้ทุกคนรับรู้ รวมถึงโครงการเชฟไทยในต่างแดน ที่บัวดึงคนในโรงแรมที่เธอทำงานอยู่มาร่วมโครงการ นอกจากจะกระเทือนกับหน้าที่การงานแล้ว ยังกระทบชื่อเสียงในเชิงลบจนยากจะกู่กลับ
“แล้วเธอคุยกับเชฟใหญ่หรือยัง ถ้ายังพรุ่งนี้มางานเผานะ...เขาอยากคุยกับเธอที่ดึงศิวัฒน์ไปเป็นเชฟครัวร้อน อยากได้ยินจากปากเธอว่าเธอทำจริงหรือเปล่า แต่ศิวัฒน์เขาบอกกับบอสไปแล้วว่า...เขาไม่ทำงานกับคนอย่างเธอหรอก”
จังหวะทิ้งท้ายของสิปาง ทำให้บัวหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ทุกคนมองบัวเหมือนเศษสวะที่ลอยตามน้ำ คนที่เคยขอความช่วยเหลือจากบัว แสดงเจตจำนงอยากทำงานร่วมกับเธอต่างปฏิเสธกันเสียงแข็ง เขี่ยเธอออกจากรัศมีชีวิต
“ใครจะไม่ทำก็เรื่องของเขา อีกอย่างบัวลาออกจากที่นั่นแล้ว”
เสียงของช่อพเยียทำให้ทุกอย่างสงบ แม้แต่รอยระรื่นบนหน้าของสิปางก็ดูหายไปด้วยเช่นกัน
“แหม คุณอาคะ บัวเขาพยายามที่จะ...” สิปางหันไปลอยหน้าลอยตากับแม่ แต่ต้องระงับเสียงพูดไม่จบประโยค เพราะสายตาเขม็งที่มองมา
“แล้วสิปางมากับใคร ยังไม่กลับอีกเหรอ” ไม่ไล่ก็เหมือนไล่ ช่อพเยียถามสิปางด้วยน้ำเสียงที่เรียบสนิท
แม่เดินมาดันแขนบัวออกจากงานทันที ทั้งคู่เดินตรงไปที่ลานจอดรถ ส่วนสิปางก็เดินตามมาไม่ห่าง
“ถ้าไม่ทำงาน แล้วบัวจะทำอะไรต่อคะ” สิปางยังรุกคืบไม่หยุด
“ไปเรียนต่อต่างประเทศ” แม่เธอตอบพลางสาวเท้าให้ไวกว่าเดิม จนบัวต้องเร่งฝีเท้าเดินตามให้ทัน
“ที่ไหนคะ” เสียงของสิปางลอยมาด้านหลัง
“ก็ให้เขาไปดูสถานที่เรียนก่อน” ช่อพเยียตอบแบบไม่มองหน้าและไขกุญแจรถ ส่วนบัวเดินอ้อมรถไปด้านหลังเพื่อเตรียมขึ้นรถฝั่งข้างคนขับ
“เอ...แล้วจะเตรียมหนังสือเดินทางทันเหรอคะ” เสียงของสิปางเหมือนหยั่งเชิง
“ทำไมจะไม่ทัน ฉันทำทุกอย่างเพื่อลูกได้อยู่แล้ว” แม่หันไปประจันหน้ากับสิปางทันที แล้วบัวก็รู้ว่าเรื่องยุ่งยากที่เธอปิดแม่กำลังจะเผยตัวอีกอย่าง
“ก็ถามดูค่ะ แค่อยากให้แน่ใจว่าคุณอารู้แล้วว่าบัวเขาเปลี่ยนชื่อแล้ว เขาบอกกับคุณอาด้วยหรือเปล่าคะ”
ระเบิดลูกล่าสุดของสิปางได้ผล เพราะแม่หันมาสบตามองเธอท่ามกลางความมืด บัวไม่ตอบคำถามนั้นจนแม่หันไปมองหน้าสิปางแทน
“บัวเพิ่งเปลี่ยนชื่อเมื่อวันที่ปกรณ์ตาย เปลี่ยนเป็นเทียนแก้ว...คุณอายังไม่รู้ใช่ไหมคะ”
สิปางเดินจากไปแล้ว แต่เธอกับแม่ยังยืนสบตากัน บัวไม่รู้จะอธิบายอย่างไร รู้แต่ว่าท่ามกลางความนิ่งสงบของแม่ ข้างในนั้นเดือดดาลราวกับลาวาที่จะไหลมาราดรดตัวเธอด้วย
“ใครบอกให้แกเปลี่ยนเป็นเทียนแก้ว ใครให้แกเปลี่ยนชื่อนี้”
ผลงานอื่นๆ ของ พลอยมณี แก้วชิงดวง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ พลอยมณี แก้วชิงดวง
ความคิดเห็น