จอมเวทย์ทะลุโลก - นิยาย จอมเวทย์ทะลุโลก : Dek-D.com - Writer
×

    จอมเวทย์ทะลุโลก

    เมื่อจอมเวทย์อย่างข้าถูกฆ่าตายโดยสัตว์อสูรและถูกส่งมาต่างโลกในร่างของเด็กหนุ่มพร้อมกับพลังที่แสนจะงุนงง ห้ะ! รถยนต์? โทรศัพท์?..แล้วข้าจะใช้ชีวิตในโลกแสนวุ่นวายนี่ได้ยังไงกันเนี่ย..

    ผู้เข้าชมรวม

    377

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    377

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    9
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  31 ม.ค. 63 / 17:49 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ
            เมื่อจอมเวทย์อย่างข้าถูกฆ่าตายโดยสัตว์อสูรและถูกส่งมาต่างโลกในร่างของเด็กหนุ่มพร้อมกับพลังที่แสนจะงุนงง ห้ะ! รถยนต์? โทรศัพท์?..แล้วข้าจะใช้ชีวิตในโลกแสนวุ่นวายนี่ได้ยังไงกันเนี่ย...

    ❖❖❖❖

    ตอนที่ 0 การตายของข้า

    โฮรกกกกกกกกกก

            เสียงคำรามดังก้องทั่วบริเวณปลุกสติที่เลือนลางของชายหนุ่มที่นอนจมกองเลือด เขาพยายามลืมตาที่พร่าเลือนจ้องมองสิ่งรอบข้าง ร่างยักษ์ใหญ่ยี่สิบเมตรลำตัวมีเกร็ดสีดำเลื่อมสะท้อนแสง ดวงตาเรืองรองแผ่อำนาจลึกลับ ปีกที่กลางหลังสยายออกเพื่อขวัญศัตรูอย่างอหังการ เจ้าสิ่งมีชีวิตในตำนานที่ถูกเรียกว่าจอมทำลายล้าง เทพมังกรปีศาจ เดียโบล ชายหนุ่มจ้องมองร่างใหญ่อย่างสิ้นหวัง ทำไมเขาถึงมาอยู่ในสถานการ์ณนี้กันนะ ฉับพลันเสี้ยวสติก็หวนคืนไปยังเรื่องราวต่างๆในอดีตราวความทรงจำสุดท้ายก่อนตาย....


            ข้าเทียร์ลิน เด็กน้อยจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ วันนี้เป็นวันครบรอบอายุสิบปีของข้าและเป็นวันที่ข้าต้องเข้าศีลจุ่มเพื่อรับพลังจากสวรรค์ โปรดเถอะ ข้าขอให้ข้าได้พลังดีๆเพื่อไปอวดยัยลีอาซักหน่อย

            ไง ข้าเทียร์ลินตอนนี้ข้าอายุสิบสองแล้ว ผ่านมาสองปีตั้งแต่ที่ข้าได้พลังมาอย่าง'ตื่นรู้'ซึ่งเป็นเป็นพลังในตำนานที่มหานักปราชญ์ทั้งสิบสองในอดีตมีกัน ข้าถูกเคี่ยวเข็นฝึกซ้อมให้เก่งกาจเพื่อให้กลายเป็นมหานักปราชญ์คนที่สิบสามและทำภารกิจที่เป็นความหวังของมนุษยชาติอย่างการไปปราบจอมมาร ช่วงนี้ข้าเหนื่อยสายตัวแทบขาดเช้าต้องอ่านหนังสือเพื่อเพิ่มจิตวิณญาณเวทย์ บ่ายก็ต้องฝึกร่ายเวทย์แถมกลางคืนก็ต้องไปร่วมงานของพวกขุนนางอีก ตัวข้ารู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินแต่เพราะลีอาข้าจึงกัดฟันและอดทนต่อไปได้ เพื่อที่ซักวันข้าจะได้เป็นชายที่คู่ควรกับนาง


            สวัสดีเราเจอกันอีกครั้งแล้วนะ ข้าเทียร์ลิน อายุสิบเจ็ด หลังจากห้าปีแห่งความพยายามตอนนี้ข้าได้กลายเป็นปราชญ์ฝึกหัดแล้วซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประศาสตร์ในโลกนี้ที่มีคนอายุน้อยเท่านี้ได้เป็นนักปราญ์ วันนี้ข้าตัดสินใจจะบอกรักลีอาหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักปราชญ์อย่างเป็นทางการจากองค์ราชา ซึ่งดูจะเป็นวันที่ดีของข้าแต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งส่งชายคนนี้มา เอเธอร์ ลูกชายของบารอนผู้หนึ่งที่ดันมีปฏิกิริยากับดาบศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนในห้องโถงต่างแตกตื่นกันยกใหญ่ พิธีแต่งตั้งของข้าถูกส่งมอบอย่างง่ายๆและทุกคนก็หันไปสนใจเอเธอร์'ผู้กล้า'ที่ถูกเลือกกัน แต่ถึงจะโดนแย่งความเด่นข้าก็ไม่สนใจ ข้าหันไปมองลีอาที่อยู่ในชุดสตรีนักบุญ นางดูสง่างามชายหลายคนต่างหมายมั่นในตัวนางทั้งซึ่งนั้นก็รวมถึงข้าด้วย แต่เหมือนใจโดนกรีดแทงนางจ้องมองไปยังเอเธอร์อย่างสนอกสนใจในเพศตรงข้างต่างกับสายตาที่นางมองข้าซึ่งเหมือนสายตาที่มองมายังพี่ชาย คืนนั้นข้าตัดสินใจสารภาพรักกับนางแต่นางกลับบอกว่าเราควรเป็นเพื่อนกัน แน่นอน ข้าเสียใจและกลายเป็นคนเซื่องซึมไปเลย

            ข้าเทียร์ลินมหาจอมปราชญ์คนที่สิบสาม ข้าอายุยี่สิบแล้ว ตอนนี้กำลังภารกิจเพื่อมนุษยชาติอย่างการปราบจอมมาร โดยมีตัวข้า นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ลีอา ผู้เป็นที่รักแห่งพงไพรเจ้าหญิงเอลฟ์นาเดเรีย กุหลาบโลหิตเรย์และสุดท้ายผู้กล้าในรอบพันปีเอเธอร์ ข้าจ้องมองไปยังกลุ่มสี่คนด้านหน้ามองไปยังลีอาที่เดินมองหน้าเอเธออย่างเสน่หา ข้าอดกลั้นความขมขื่นไว้ในใจแล้วเดินตามกลุ่มคนข้างหน้าอย่างโดดเดี่ยว เวลาล่วงเลยพวกเราใช้เวลากว่าสามเดือนจนในที่สุดก็จัดการปราบจอมมารได้สำเร็จ เราเดินทางกลับอาณาจักรและได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ข้าถูกให้เสนอให้เป็นผู้นำสภาเวทย์มนต์และทุกคนในกลุ่มก็ได้รับรางวัลกันต่างไป แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือเมื่อได้รับรางวัลแล้วผู้กล้าอย่างเอเธอร์ก็ประกาศกับสาธารณชนว่าจะแต่งงานกับนักบุญหญิงลีอา น้ำใสพลันไหลแกมาจากตาของข้า ข้านั้นเสียใจอย่างยิ่งกับข่าวนี้จึงตัดสินไม่รับตำแหน่งที่ได้มาแล้วออกเดินทางออกนอกอาณาจักรอย่างเงียบๆในคืนแต่งงานของพวกเขา


            ข้าเทียร์ลินจอมเวทย์เร่ร่อน ตอนนี้ข้ายี่สิบสองแล้ว หลังเดินทางออกมาจากอาณาจักรเพราะความเสียใจ เขาเดินทางไปทั่วโดยไร้จุดหมายจนไปพบโบราณสถานที่หนึ่งที่มีข้อมูลของเดียโบล มังกรปีศาจโบราณที่เป็นเบื้องหลังในการรุกรานมนุษยชาติโดยที่มันเป็นผู้ชักใยจอมมารอีกที ข้าเสาะหาเบาะแสกว่าหนึ่งปีจนในที่สุดก็มาถึงหุบเขาที่เป็นที่อยู่ของมัน

            ภาพแต่ละฉากในอดีตผุดขึ้นราวดอกเห็ด ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวแล้วจดจ่อกับศัตรูตรงหน้า เดียโบที่หยุดคำรามก็เริ่มทำการโจมตีศัตรูตัวจ้อยของมันอีกครั้ง ละอองเวทย์ในอาการเริ่มไหลรวมไปยังปากของเทพมังกรปีศาจราวน้ำหลาก ไฟสีทมิฬก่อประกายแลดูน่าหวาดกลัว ฉับพลันเปลวเพลิงก็พุ่มเข้าใส่ร่างจอมเวทย์ที่พึ่งลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ชายหนุ่มก็เหมือนกับเดาการโจมตีนี้ไว้ก่อนอยู่แล้ว

    "ย่นระยะ...เหมันต์ วาโย โทโส หลอมรวม มหามนตราโบราณ ดินแดนพายุเยือกแข็ง"เทียร์ลินหลบด้วยการใช้เวทย์ระดับเจ็ดอย่างย่นระยะแล้วหายตัวไปโผล่ทางซ้ายมือจากนั้นก็ร่ายเวทย์โบราณระดับสามสวนกลับไป เดียโบลที่เห็นเวทย์โบราณก็ขู่ในลำคอเบาๆก่อนจะกระพือปีกอย่างแรงจนเกิดเป็นพายุสีดำเข้าไปปะทะกับพายุของอีกฝ่าย เสียงกัมปะนาทของสายลมราวกับฟ้าถล่มแต่จอมเวทย์ก็หาได้สนใจแต่อย่างใด เขารีบร่ายเวทยป้องกันทันทีที่เห็นศัตรูตรงหน้าเตรียมพ่นไฟใส่อีกครั้ง

            หลังจากสู้กันยาวนานถึงสองชั่วโมงตามเนื้อตัวของชายหนุ่มมีแต่รอยไหม้ส่งกลิ่นฉุน บรรากาศรอบข้างร้อนระอุราวอยู่บนแอ่งภูเขาไฟ ผิดกับทางเทพมังกรปีศาจที่แทบดไม่เป็นอะไรเลยคงมีแต่เสียงหอบหายใจเบาๆเท่านั้นที่แตกต่างจากตอนก่อนสู้ เทียร์ลินขมวดคิ้วเป็นปม หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาต้องถูกย่างสดก่อนปลิดชีพศัตรูตรงหน้าได้แน่ เขาเริ่มคิดแก้ปัญหาพลังเวทย์ไม่เพียงพอที่ต้องต้อได้รับการแก้ไขโดยด่วนในขณะนี้

            ฉับพลันความคิดหนึ่งก็พุ่งพรวดเข้ามาในสมอง ชายหนุ่มรีบเปิดมิติเก็บของแล้วหยิบของชิ้นหนึ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้นออกมาออกมา มันคือผลึกสีดำด้านที่เขาได้มาจากหลังการปราบจอมมาร สิ่งนี้เป็นของที่จอมมาปกป้องมานานหลายทศวรรษเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรรู้เพียงว่าของสิ่งนี้มีพลังเวทย์ถูกบรรจุไว้ข้างในอย่างมหาศาล แต่ขณะจะดูดซับพลังเวทย์ดวงตาของเขาก็สั่นไหวเพราะความกลัว แน่นอนการดูดซับพลังเวทย์จากผลึกนั้นเป็นหนทางเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้แต่ค่าใช้จ่ายจากการดูดซับเวทย์โดยตรงนั้นจะสร้างภาระให้ร่างกายเป็นอย่างมากและวิธีแก้ไขคือเขาต้องวาดวงเวทย์ระดับแปดเป็นอย่างต่ำซึงศัตรูเขาคงไม่ปล่อยให้เขาวาดเสร็จแน่

            ทางมังกรปีศาจเมื่อมันเห็นผลึกสีดำมันก็คำรามเกรียวกราดเร่งรุดเข้ามาราวกับเป็นบ้า จนลำบากเทียร์ลินที่ต้องร่ายเวทย์ป้องกันจนกระอักลิ่มเลือด เขาจ้องมองไปทางมังกรดำที่แลดูคลุ้มคลั่งก็พลันแน่ใน สิ่งนี้สามารถฆ่ามันได้แน่

    'นี้ข้าต้องตายแล้วงั้นหรอ...อยากกินขนมฝีมือยัยนั้นอีกซักครั้งจังนะ'เทียร์ลินยืนนิ่งทำใจ ชั่วลมหายใจพลังเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ก็ระเบิดออกกมาจากตัวเขา ดวงตาเรืองอำนาจสีฟ้าครามจ้องมองไปยังร่างยักษ์ทมิฬตรงหน้าพร้อมกับเวทย์ที่ทรงอำนาจที่สุดของเขาก็ประจักษ์ พลังเวทย์หลากสีไหลรวมไปยังวงเวทย์เบื้องหน้าจากนั้นก็กลั่นเป็นของเหลวเจ็ดสีดูลึกลับและสวยงาม มันค่อยๆลอยไปยังเทพมังกรอย่างช้าๆ แต่ช่างน่าประหลาดที่เดียร์โบไม่ขยับหนีแม่แต่น้อยราวกับถูกฝ่ามือที่มองไม่เห็นตรึงไว้กับที่ จนในที่สุดบอลเวทย์ที่ค่อยๆลองก็ชนกับร่างของมัน

    "กำเนิด ธาตุ มนตรา ดับสูญ เวทย์แห่งการดับสูญ ระเบิดสี่วิถีมนตรา ไปตายซะไอ้กิ้งก่าเวร"นั่นคือคำพูดสุดท้ายของมหาจอมปราชญ์ที่จะกลายเป็นตำนานของทั้งสองโลก

    ฟุบ ฮร๊ากกกกกกก ตูมมมมมมม

            แสงสีขาวสว่างวาบแล้วก็กลายเป็นสีดำชั่วพริบตา

    [ตรวจพบภาชนะที่ดูดซับได้เร็จ]

    [ทำการตรวจสอบภาชนะ...อัตราเข้ากันได้97.99819%]

    [ทำการติดตั้งระบบลงในภาชนะ...ล้มเหลว ตรวจพบความผิดปกติทางด้านกายภาพ ทำการโอนย้ายจิตวิญญาณไปยังมิติที่33915202]

    [การซิงโครเสร็จสิ้น ทำการติดตั้งระบบลงในภาชนะ...เสร็จสิ้น]

    [ยินดีด้วยท่านคือผู้ได้การคัดสรรให้เป็นผู้ใช้ระบบคนที่3]

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น