Star Dust Online เมื่อหมู่ดาวพร่างพราวเต็มฟากฟ้า - นิยาย Star Dust Online เมื่อหมู่ดาวพร่างพราวเต็มฟากฟ้า : Dek-D.com - Writer
×

    Star Dust Online เมื่อหมู่ดาวพร่างพราวเต็มฟากฟ้า

    ซีโร่กับจอนนี่ได้พบเจอกันที่ รร.แห่งหนึ่ง มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจนทำให้ทั้งคู่สนิทกัน จากนั้นสองหนุ่มก็ได้พบกับเกมส์ออนไลน์ภาพเสมือนจริงซึ่งเป็นโลกที่จะพาทั้งคู่ไปผจญภัยร่วมกัน ฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    851

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    118

    ผู้เข้าชมรวม


    851

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    10
    จำนวนตอน :  10 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  16 ก.ย. 67 / 00:11 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ณ โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ เวลา 7.30 น.
    โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ในพื้นที่ขนาด 50 ไร่ซึ่งประกอบด้วย อาคารเรียน 6 หลัง สนามฟุตบอลและฟุตซอล สระว่ายน้ำ ค่ายมวยและอีกมากมาย ทำให้โรงเรียนแห่งนี้ดูครบเครื่องเรื่องการเรียนและกีฬา

    เด็กหนุ่มวัย 16 ปีหน้าตาคมเข้มผิวแทน สูง 175 ซม. รูปร่างสมส่วน ตัดผมรองทรงสูง สวมชุดนักเรียน ม.ปลายกางเกงขาสั้นสีดำ เดินส่ายอาดๆมาถึงหน้าโรงเรียนโดยมือซ้ายมีกระเป๋านักเรียนหนังสีดำแบบถือเอาไว้ และมีตัวหนีบบีบด้านข้างทั้งสองจนทำให้กระเป๋าแบนเรียบ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่มีหนังสือเรียนสักเล่มเดียว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนักเรียนชายประเภทชอบเกเรที่มีค่านิยมผิดๆจึงทำตามกันมาแบบนี้

    เด็กหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาในประตูรั้วโรงเรียนพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆเที่ยวหนึ่ง มองเห็นเหล่านักเรียนชายและหญิงเดินกันขวักไขว่ทั่วบริเวณด้านในโรงเรียน

    “ที่นี่งั้นหรอ‘อชิระวิทยา’ที่เขาว่ากันว่ารวมเด็กเกเรจากย่านนี้เอาไว้ที่นี่ทั้งหมด”เด็กหนุ่มผิวแทนพึมพำกับตนเองพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปด้านในโรงเรียนมากยิ่งขึ้น

    โดยโรงเรียนแห่งนี้แม้มองดูภายนอกจะเป็นโรงเรียนที่ดูโอ่อ่าไฮโซ แต่กลับรวบรวมพวกเด็กเกเรและพวกเด็กที่โดนไล่ออกจากที่ต่างๆมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แทบทั้งสิ้น เด็กหนุ่มผิวแทนเดินลึกเข้าไปอีกประมาณ 50 เมตรก็พบกับร้านขายขนมกับเครื่องดื่มเล็กๆซึ่งทางโรงเรียนมีไว้บริการเด็กๆในโรงเรียน เขาไม่รอช้าเดินเข้าไปหวังจะซื้อน้ำมาดื่มสักแก้วเพื่อดับกระหาย 
    แต่ยังเดินไม่ทันถึงหน้าร้านกลับโดนขวางทางเอาไว้ด้วยเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันสามคน ซึ่งที่ทราบว่าเป็นคนรุ่นเดียวกันเพราะเห็นมีดาวสีแดงหนึ่งดวงปักอยู่บนปกเสื้อของทั้งสาม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักเรียนชั้นม.4 นั่นเอง

    “เห้ย! หน้าไม่คุ้นเลยวะ เป็นเด็กใหม่ใช่ป่าว เอามา 5 บาทดิ๊!”เด็กร่างอ้วนท้วนผิวขาวเอ่ยทักขึ้นด้วยเสียงที่ดังอยู่ไม่น้อย โดยมีเด็กร่างผอมอีกสองคนที่มาพร้อมกันยืนกระจายวงล้อมด้านซ้ายและขวาของเด็กหนุ่มผิวแทนพร้อมกับแสยะยิ้มกว้าง

    เด็กหนุ่มผิวแทนที่กำลังก้มลงหยิบกระเป๋าสตางค์ได้ยินดังนั้นจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นจ้องมองผู้พูดพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นแล้วกล่าวสวนกลับไปหน้าตายว่า“พูดกับฉันหรอ?”

    เด็กร่างอ้วนได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหางคิ้วกระตุกพร้มกับคิดในใจ 'เห็นชัดๆว่ายืนล้อมมันอยู่ ไม่คุยกับมันแล้วจะให้คุยกับใคร ไอหมอนี่ท่าจะเพี้ยนแหะ' แต่ปากก็พูดขึ้นว่า “พูดกับเอ็งนั่นแหละ ข้าเกื้อเสือร้าย หัวหน้าห้อง ม.4/5 เป็นเด็กเก่าของที่นี่ตั้งแต่ ม.ต้น อย่าคิดหือจะดีกว่าไอเด็กใหม่”

    ได้ยินดังนั้นแทนที่เด็กหนุ่มผิวแทนจะหวาดกลัว เขากลับแสยะยิ้มกว้างกลับคืนพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า
    “อ้อ แกเองหรอหัวหน้าห้อง 5 พอดีเลยจะได้ไม่ต้องเดินหา”สิ้นคำก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกเท้าขวายันเข้าใส่ยอดอกของเด็กร่างอันทันที!
    โครม! โอ๊ย!
    เด็กชายร่างอ้วนกลิ้งหงายหลังเป็นลูกขนุน ส่วนเพื่อนอีกสองคนที่มาพร้อมกันก็ตกใจไปวูบหนึ่ง จากนั้นหนึ่งในสองก็กัดฟันกรอดพร้อมกับพูดขึ้น“หนอย! แกกล้าทำเพื่อนฉันหรอ”
    กล่าวจบก็พุ่งหมัดขวาตรงเข้าชกเด็กหนุ่มผิวแทนดังฟุบ! หมัดพุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็ว แต่เด็กหนุ่มผิวแทนไม่แยแสสนใจ เขาเพียงเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยก็ดึงหลบหมัดนั้นได้แบบสบายๆ พร้อมกันนั้นเขาก็ยกเท้าขวาขึ้นถีบเข้าท้องน้อยเด็กชายคนนั้นจนลงไปนอนจุกอยู่ที่พื้นอีกราย ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนเห็นฝีมือของเด็กหนุ่มผิวแทนก็ไม่กล้าผลีผลามเข้าไปช่วยเพื่อน ได้แต่ยืนยึกยักอยู่กับที่

    “จำเอาไว้ฉันชื่อ 'ซีโร่' ม.4/4 เด็กใหม่สายอังกฤษ - เยอรมันเว้ย!” เด็กหนุ่มผิวแทนหรือซีโร่กล่าวอย่างอหังการแถมยังยืนเก๊กหล่อเต็มที่ เนื่องจากขณะนี้รอบๆบริเวณมีนักเรียนทั้งชายและหญิงมามุงดูกันอยู่เต็มไปหมด…
    ปี๊ดๆๆๆๆ!!!
    แต่เสียงนกหวีดแหลมบาดหูก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะความเท่ห์ของซีโร่พร้อมกับที่มีชายกลางคนวัย 40 กว่าปีผิวคล้ำร่างผอมสูงสวมชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำโรงเรียนวิ่งเข้ามาระงับเหตุ

    “น้าเบิ้มมา วิ่งเร็ว!”เกื้อเสือร้ายพูดขึ้นกับพวกพร้อมกับรีบลุกขึ้นล้วออกวิ่งโกยอ้าวไปคนแรกโดยมีเพื่อนร่างผอมอีกสองคนวิ่งตามไปติดๆ แต่ซีโร่ที่เป็นนักเรียนใหม่ของที่นี่ยังคงยืนแอ็คอาร์ทวางมาดอยู่กับที่ด้วยความมั่นหน้าสุดๆ

    “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ไหน เด็กคนไหนก่อเรื่อง!”พนักงานรักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียนที่มีชื่อว่า
    'น้าเบิ้ม' พูดขึ้นเสียงดังพร้อมกับแหวกกลุ่มนักเรียนเพื่อมายังสถานที่เกิดเหตุ
    ส่วนซีโร่ที่พึ่งจะรู้ตัวก็หันกลับมามองน้าเบิ้มพร้อมกับยิ้มแห้งๆพร้อมเกาหัวแก้เขิน “ผมเองครับน้า แหะๆ”
    น้าเบิ้มจ้องเขม็งไปยังซีโร่ตัวต้นเรื่องพร้อมกับกล่าวเสียงเข้ม “ตามฉันมาที่ป้อมหน้าโรงเรียน” พูดจบก็หันหลังกลับพร้อมกับออกเดินนำไปโดยมีซีโร่เดินตามไปอย่างว่าง่าย

    เมื่อเดินไปถึงก็พบกับป้อมเล็กๆขนาด 5x5 เมตรโดยมีเพียงพัดลมเพดานหนึ่งตัวกับโต๊ะและเก้าอี้อีกสองตัวตั้งอยู่ตรงกลางป้อมเล็กๆแห่งนี้ ไว้เพื่อให้น้าเบิ้มได้พักผ่อนระหว่างทำงาน
    “นั่งก่อนสิ”น้าเบิ้มพูดพร้อมกับชี้ไปยังเก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่
    “ขอบคุณครับ”ซีโร่ตอบพร้อมกับนั่งลงอย่างเรียบๆร้อยๆ
    “พึ่งเข้ามาเรียนใหม่ที่นี่งั้นหรอพ่อหนุ่ม?”น้าเบิ้มถาม
    “ใช่ครับน้า”ซีโร่ตอบสั้นๆ
    “อืม ไหนว่ามาสิมีเรื่องอะไรกัน”น้าเบิ้มถามต่อ
    “ผมกำลังจะเดินไปซื้อน้ำแล้วไอสามคนนั้นมันมาดักไถเงินผมครับ”ซีโร่อธิบาย
    “อ่อ ก็เลยมีเรื่องกัน”น้าเบิ้มต่อให้
    “ใช่ครับ”ซีโร่รับคำสั้นๆ
    “อืม เอาละน้าก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอก เพราะจริงๆแล้วเรื่องเมื่อครู่ก็ถือเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆสำหรับที่นี่ละนะ เอ็งเป็นเด็กใหม่เดี๋ยวคงจะได้เจออะไรอีกเยอะ ที่เรียกมานี่เพรพาะจะมาเตือนให้ระวังเอาไว้บ้าง เพราะที่นี่รวมบรรดาเด็กเกเรที่อยู่แถวนี้เอาไว้ทั้งหมด แถมยังมีบางคนเป็นลูกคนใหญ่คนโตซะด้วย ระวังจะไปเจอตอเข้าให้สักวัน”น้าเบิ้มกล่าวเตือนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
    “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับน้าเบิ้ม”ซีโร่พูดพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกับขอตัวจากไป
    “เฮ้อ…โรงเรียนนี้มันก็ต้องอลเวงแบบนี้แหละนะ ถ้าหากวันไหนไม่มีเรื่องมีราวสิคงจะเหงาแย่ ฮ่าๆ”น้าเบิ้มพึมพำกับตนเองพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ

    หลังจากที่ออกมาจากป้อมขอน้าเบิ้มแล้วก็ใกล้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติพอดี ซีโร่จึงเดินไปเข้าแถวตรงจุดที่เขากำหนดเอาไว้ให้ โดยมีป้ายกำกัยด้านหน้าว่าห้อง ม.4/4
    และเนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก เหล่านักเรียนจึงชุลมุนวุ่นวายอยู่ไม่น้อย โดยมีทั้งเด็กใหม่และเด็กเก่าปะปนกันวุ่นวายโดยเฉพาะนักเรียนชั้นม.1 และ ม.4 ที่ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนใหม่แกะกล่องของโรงเรียนแห่งนี้ จึงทำให้ยังคงทำตัวไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่
    ซีโร่เดินวนไปมาสักพักก็หาแถวของตนเองเจอ เขาตัดสินใจเดิินไปต่อที่ท้ายแถวซึ่งขณะนี้ยืนกันในลักษณะแถวตอนลึก
    เมื่อเดินไปถึงท้ายแถวก็พบกับเด็กหนุ่มหน้าตาลูกครึ่งผมทองโดดเด่นกว่าใครเพื่อนยืนอยู่ท้ายแถว ซีโร่หยุดมองอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินไปยืนต่อจากเด็กหนุ่มลูกครึ่งคนนั้น
    เด็กหนุ่มลูกครึ่งเองรู้สึกได้ว่ามีคนเดินมาทางด้านหลังก็หันกลับไปมอง จึงทำให้ซีโร่ได้เห็นหน้าเด็กหนุ่มลูกครึ่งคนนี้ชัดๆ เขาเป็นเด็กหนุ่มผิวขาว ผมสีทองอ่อนๆ จมูกโด่งเป็นสันเล็กน้อย นัยย์ตาทั้งสองเ็นสีน้ำตาลดูมีเสน่ห์ ส่วนสูงไล่เลี่ยกับซีโร่ประมาณ 175 ซม. รูปร่างสมส่วน
    เด็กหนุ่มลูกครึ่งนั้นเมื่อหันมาเจอซีโร่ก็ยิ้มกว้างให้พร้อมกับทักทายด้วยภาษาไทยแปล่งๆที่ติดสำเนียงฝรั่งอยู่ซะส่วนใหญ่ว่า“สวัสดี นายอยู่ห้อง ม.4/4 เหมือนกันหรอ”
    “อืม”ซีโร่ตตอบสั้นๆพร้อมกับยิ้มน้อยๆกลับไปตามมารยาท
    “ฉัน 'จอนนี่' เป็นลูกครึ่งไทย - อังกฤษ ตอนแรกฉันเรียนอยู่ที่อังกฤษแต่พอดีมีปัญหานิดหน่อยเลยย้ายมาเรียนที่นี่”
    เด็กหนุ่มลูกครึ่งหรือจอนนี่ร่ายยาวแนะนำตัวพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
    “ฉันซีโร่ เป็นคนไทยแท้ 100% ย้ายมาเรียนที่นี่เพราะต้องการเป็นเบอร์หนึ่งของที่นี่”ซีโร่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นประกอบกับแววตาที่แน่วแน่มั่นคงนั่นแล้ว ทำให้เด็กลูกครึ่งอย่างจอนนี่ต้องเปลี่ยนมุมมองเพื่อมองซีโร่ใหม่ แต่กระนั้นจอนนี่ก็ยังคงถามต่อว่า“Why? ทำไมถึงอยากเป็นนัมเบอร์วันของที่นี่ละ”
    “เพราะที่นี่รวมพวกเด็กเกเรละแวกนี้ไว้ทั้งหมดนะสิ ถ้าฉันเป็นเบอร์หนึ่งของที่นี่ก็เท่ากับฉันมีอิทธิพลเหนือกว่าวัยรุ่นคนไหนในละแวกนี้ทั้งหมด”ซีโร่ตอบอย่างมั่นใจ
    “แล้วถ้ามีอิทธิพลเหนือคนอื่นแล้วนายจะทำอะไรหรอ”จอนนี่ยังคงถามต่อ
    ‘ไอนี่พูดไม่ค่อยชัด ดันขยันพูดซะด้วย’ซีโร่นึกในใจอย่างหมั่นไส้แต่ก็ตอบไปว่า"ทำอะไรงั้นหรอ…ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เอง"
     

    ถึงซีโร่จะกล่าวไปผ่านๆแบบนั้นแต่จริงๆแล้วเหตุผลจริงๆของความคิดอันบ้าระห่ำนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน
    เมื่อ 2 ปีก่อนซีโร่เป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับดีถึงดีมาก แต่ที่ซีโร่ชอบทำส่วนใหญ่กลับเป็นกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนเช่น การแข่งกีฬาประเภทต่างๆทำให้ซีโร่มีร่างกายที่อดทนและมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ในตอนนั้นซีโร่พึ่งอยู่ชั้น ม.2 และได้พบรักกับรุ่นพี่ ม.4 ต่างโรงเรียน โดยทั้งคู่ต่างคุยกันอย่างถูกคอ ซีโร่จึงตัดสินใจจะขอเธอเป็นแฟน แต่ในตอนนั้นเอง ‘โอ’ รุ่นพี่ ม.4 ที่เรียนโรงเรียนเดียวกับหญิงสาวก็มาประจันหน้ากับซีโร่ ละบอกว่ากำลังคบกับผู้หญิงคนนั้นที่ซีโร่กำลังคุยด้วยอยู่ ซึ่งความจริงแล้วซีโร่ในตอนนั้นไม่รู้จักการต่อยตีสักเท่าไหร่ แต่ด้วยการที่เขามีร่างกายที่แข็งแรงจึงพอฟัดพอเหวี่ยงกับโอรุ่นพี่ และเมื่อโอเห็นสู้กันสูสีจึงตัดสินใจเรียกเพื่อนมาช่วยกันรุมซีโร่จนสะบักสะบอมพร้อมกับจากไปกับหญิงสาวคนนั้น 
    และนี่ก็เป็นแผลในใจของซีโร่เมื่อสองปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลทำให้เขาย้ายมาเรียนที่นี่เพื่อจะเอาคืนชายหนุ่มชื่อโอ
    แต่อนิจจา 2 ปีผ่านไปซีโร่ซึ่งพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่ทั้งศิลปะป้องกันตัว ความแข็งแรง ไหวพริบปฏิภาณกลับต้องมาพบว่าโอโจทก์เก่าของเขานั้นก็พัฒนาตัวเองโดยขึ้นเป็นหัวโจกใหญ่ 1 ใน 3 กลุ่มใหญ่ประจำโรงเรียนแห่งนี้ไปซะได้ ซีโร่ที่หวังแก้แค้นจึงต้องคิดอ่านวางแผนในการแก้แค้นใหม่ โดยได้แรงบัลดาลใจจากภาพยนต์เรื่องหนึ่ง โดยซีโร่วางแผนที่จะยึดชั้นเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้ได้ทั้งหมด จากนั้นก็รวบรวมสมัครพรรคพวกเพื่อไปท้าชนกับกลุ่มของโอที่เป็นรุ่นพี่ ม.6

    กลับมาที่ปัจจุบัน หลังจากเลิกแถวเคารพธงชาติเสร็จ นักเรียนทุกคนต่างก็แยกย้ายไปเรียนยังห้องเรียนของตนเอง
    โดยซีโร่กับสมาชิกในห้อง ม.4/4 ก็พากันมุ่งหน้าตรงไปยังอาคาร 4 ชั้นแรกที่มีป้ายไม้แกะสลักสวยงามแขวนเอาไว้หน้าห้องว่า‘มัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 4’
    เมื่อเข้ามาถึงซีโร่ก็เลือกที่นั่งท้ายห้องฝั่งติดกับหน้าต่าง ซึ่งเป็นมุมสุดฮิตของบรรดาพระเอกในการ์ตูนดังหลายๆเรื่อง 
    เมื่อนั่งลงแล้วก็พบว่าด้านหน้าถัดไปหนึ่งที่นั่งนั้นปรากฏเจ้าจอนนี่เด็กหนุ่มลูกครึ่งผมทองนั่งส่งยิ้มกว้างมาให้
    "นั่งด้วยคนนะซีโร่"จอนนี่กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
    "อืม ตามสบาย"ซีโร่ตอบแบบไม่ใส่ใจมากนัก จากนั้นทั้งสองก็คุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อยจนเริ่มรู้จักกันมากขึ้นเล็กน้อย
    ครืดดด..
    เสียงเปิดประตูเลื่อนหน้าห้องดังขึ้นจึงทำให้เสียงจอแจของเหล่านักเรียนที่กำลังคุยกันอยู่เมื่อครู่นั้นเบาลงไป พร้อมกับที่สายตาทุกคู่หันไปมองที่ประตูทางเข้าห้องอย่างพร้อมเพรียงกัน
    หญิงสาวอายุประมาณ 30 ปีสวมแว่นตาเล็กๆสีฟ้าอ่อน ใบหน้ารูปไข่ ปากนิดจมูกหน่อย องคาพยพโดยรวมถือว่าเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีพอสมควร เมื่อเหล่่านักเรียนได้หยุดคุยกันจนห้องเงียบสนิทครูสาวก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานใส่ว่า"สวัสดีจ้ะเด็กๆ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะจ้ะ ครูชื่อ ‘อริสา’ หรือจะเรียกครูสาก็ได้นะจ้ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครูจะมาเป็นครูประจำชั้นของพวกเธอห้อง ม.4/4 นะจ้ะ"

    จากนั้นก็มีนักเรียนหญิงร่างอวบผิวขาวที่นั่่งอยู่หน้าห้องพูดขึ้น "นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ"
    "สวัสดีครับ/ค่ะคุณครู"นักเรียนทุกคนในห้องพูดประสานเป็นเสียงเดียวกันพร้อมกับยกมือไหว้ครูอริสา
    "สวัสดีอีกรอบจ้ะเด็กๆ"ครูอริสายกมือรับไหว้พร้อมรอยยิ้มเมตตา
    จากนั้นก็หันไปมองเด็กผู้หญิงคนเมื่อครู่แล้วเอ่ยถาม"เธอชื่ออะไรจ้ะ"
    "หนูชื่อ 'โอปอ' ค่ะคุณครู"เด็กสาวตอบพร้อมยิ้มแป้น
    "อืม ต่อไปนี้ครูขอแต่งตั้งให้เธอเป็นหัวหน้าห้อง ม.4/4 ละกันนะ นักเรียนที่เหลือมรใครคัดค้านรึเปล่าจ้ะ"ครูอาริสาพูดแล้วหันไปถามนักเรียนที่เหลือในห้อง ซึ่งก็พากันส่ายหน้ากันหมด
    "เอาละงั้นต่อไปโอปอจะเป็นหัวหน้าห้อง ม.4/4 อย่างเป็นทางการนะจ้ะ ครูฝากด้วยละ"ครูอริสาพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่ซ้ายของโอปอ
    "หนูจะทำให้ดีที่สุดค่ะ"เด็กหญิงผิวขาาวร่างอสบหรือโอปอยิ้มตอบ
    "แล้วโอปอรู้รึเปล่าว่าหัวหน้าห้องต้องทำอะไรบ้าง"ครูอริสาเอ่ยถาม
    "ก็พอจะรู้อยู่บ้างค่ะ พอดีตอน ม.ต้น หนูเป็นหัวหน้าห้องมาตลอดเลยนะค่ะ"โอปอตอบ
    "ถ้าแบบนั้นก็ดีเลยจ้ะ ครูคงจะวางใจได้เยอะเลย"ครูอริสาพูดขึ้นอย่างสบายใจแล้วเอ่ยต่อว่า"งั้นต่อไปเราจะมาเริ่มแนะนำตัวทำความรู้กกันใหม่กันทั้งหมดเลยก็แล้วกัน เพราะยังไงก็ต้องอยู่ห้องเดียวกันไปอีก 3 ปีเต็มๆ"
    "ครับ/ค่ะ"เด็กๆต่างขานรับกันอย่างพร้อมเพรียง
    "งั้นเริ่มจากหัวหน้าห้องก่อนเลยก็แล้วกัน โอปอเชิญจ้ะ"ครูอริสาพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเมตตา
    "ได้ค่ะ"โอปอรับคำพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปยืนหน้าห้องเรียนและเริ่มแนะนำตัว"สวัสดีเพื่อนๆทุกคน ฉันโอปอ เป็นเด็กเก่าของที่นี่ั้งแต่ ม.ต้น ส่วนเหตุผลที่เลือกเรียนสาขาอังกฤษ-เยอรมันนี้ก็เพราะที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไหล่รถยนต์นำเข้าจากเยอรมัน ฉันเลยต้องมาศึกษาภาษาเอาไว้เพื่อช่วยงานที่บ้านต่อในอนาคตนะ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะทุกคน"โอปอร่ายยาาวด้วยน้ำเสียงมั่นใจของคนที่มีภาวะผู้นำและมีความรับผิดชอบ จากนั้นเธอก็ยิ้มกว้างพร้อมกับโค้งตัวน้อยๆเป็นเชิงถ่อมตัว ซึ่งเรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวจากเพื่อนๆร่วมห้องได้เป็นอย่างดี

    หลังจากนั้นโอปอก็กลับมานั่งประจำที่และจากนั้นก็มีนักเรียนอีกหลายคนผลัดเปลี่ยนกันออกไปแนะนตัวหน้าห้องเรียนจนวนมาถึงรอบของจอนนี่ เด็กหนุ่มลูกครึ่งผมทองกับดวงตาสีน้ำตาลอันทรงเสน่ห์
    "สวัสดีทุกคนผมชื่อ จอนนี่ ดรูอิธ เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ และเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนให้มาเรียนที่นี่ ส่วนเหตุผลที่เลือกเรียนสายอังกฤษ-เยอรมันก็เพราะคนสมัครเรียนห้องนี้น้อยดี ฉันไม่ชอบคนเยอะๆนะ ฮ่าๆๆ"จอนนี่อธิบายพร้อมยิ้มขำแต่กระแสตอบรับกลับเป็นความเงียบดุจป่าช้าแทน ซึ่งอันที่จริงจอนนี่ก็กล่าวไม่ผิดห้อง ม.4/4นี้เป็นห้องเรียนที่มีคนมาสมัครเรียนน้อยที่สุดในบรรดาทั้งหมด 8 ห้องเรียน โดยเฉลี่ยนักเรียนห้องอื่นจะมียอดราวๆ 40-45 คนแต่ห้อง ม.4/4นี้มีนักเรียนเพียง 26 คนเท่านั้น ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่าการที่จะใช้ภาษาเยอรมันในการต่อยอดอนาคตนั้นมีตัวเลือกที่น้อยกว่าสายภาษาของห้องเรียนอื่น จึงทำให้ห้อง ม.4/4 นี้มีสมาชิกน้อยกว่าปกติเกือบเท่าตัว

    และเมื่อครูอริสาเห็นบรรยากาศแปลกๆจึงรีบปรบมือเสียงดังพร้อมกล่าวว่า"เอาละทุกคนปรบมือให้เพื่อนหน่อย"
    นักเรียนที่เหลือได้ยินดังนั้นจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆพร้อมกับปรบมือเปาะแปะและมองจอนนี่ที่เดินยิ้มร่ากลับมานั่งที่ของตนเองด้วยสายตามองคนประหลาด
    "ต่อไปคนสุดท้ายเชิญจ้ะ"จากนั้นครูอริสาก็เอ่ยทำลายความเงียบพร้อมกับภายมือไปทางซีโร่ที่นั่งอยู่รมหน้าต่างท้ายห้อง
    ซีโร่ได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาแนะนำตัว "สวัสดีผมซีโร่ เป็นนักเรียนใหม่ของที่นี่ ส่วนเหตุผลที่ย้ายมาห้องนี้ก็เหมือนกับที่จอนนี่พูดไปเมื่อกี้ คนมันน้อยดี ฉันไม่ชอบวุ่นวาย ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน"
    ซีโร่กล่าวจบก็ไม่สนใจสายตารอบด้านที่มองเขาเป็นตัวประหลาดคนที่สอง ชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมแบบมั่นหน้าสุดๆ
    เมื่อกลับมาแล้วจอนนี่ก็กล่าวขึ้น"ฮ่าๆๆ Nice! นายแจ๋วดีวะ ฉันนึกว่าฉันจะเป็นไอบ้าคนเดียวในห้องซะแล้ว"
    ซีโร่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหางคิ้วกระตุก"ที่ฉันมีเหตุผลเหมือนนายก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะเป็นไอบ้าเหมือนนายซะหน่อย"
    "ฮ่าๆ ชั่งเถอะๆ ถึงจะบ้าแต่ว่าไม่โง่ก็พอ"จอนนี่สวนกลับอย่างไม่มีความสลดแม้แต่น้อย

    จากนั้นก็เป็นการเริ่มคาบเรียนแรก ซึ่งเป็นวิชาคณิตศาสตร์ในเวลา 8.30น. - 9.30น. และต่อด้วยคาบที่สองวิชาภาษาไทยเวลา 9.30น. - 10.30น. และเมื่อจบทั้งสองวิชานี้แล้วก็เป้นเวลา 10.30น. ซึ่งทางโรงเรียนจะมีพักเบรค 10 นาทีเพื่อให้นักเรียนแต่ละคนได้มีเวลาพักสมองและลุกออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา โดยมีนักเรียนบางส่วนเดินออกไปทำธุระส่วนตัว แต่ซีโร่กับจอนนี่ยังคงนั่งคุยกันอยู่ในห้อง และเพียงไม่นาน จู่ๆก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากประตูหน้าห้องว่า
    "เห้ย! ใครชื่อซีโร่วะ"ผู้พูดเป็นเด็กหนุ่มร่างกำยำสูง 180 ซม. ผิวขาวหน้าตาตี๋ๆแบบคนจีน
    "ฉันเอง"ซีโร่ที่นั่งอยู่ท้ายห้องพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน ซึ่งทำให้จอนนี่ที่กำลังนั่งคุยอยู่ด้วยต้องหันไปมองชายหนุ่มหน้าตี๋ที่ยืนอยู่ตรงประตูหน้าห้อง
    "อ่อ แกเป็นเด็กใหม่นี่หว่า ถึงว่าทำไมกล้ามายุ่งกับไอเกื้อเพื่อนฉัน"ชายหนุ่มหน้าตี๋กล่าว เขาหันไปมองเพื่อนที่เดิมตามมาอีก 4 คนแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้สัญญาณพร้อมกับพูดขึ้นเสียงเข้ม "ลุยเว้ย!"
    พูดจบชายทั้ง 5 คนก็วิ่งอ้อมโต๊ะนักเรียนที่ขวางทางอยู่มายังซีโร่ที่อยู่ด้านหลังห้องริมหน้าต่าง
    ซีโร่เองก็ไม่ได้ตกใจอะไร ซึ่งจริงๆแล้วดูเหมือนจะชินกับเรื่องแบบนี้ไปซะแล้วด้วยซ้ำแถมยังยิ้มมุมปากน้อยๆพร้อมกับพึมพำกับตัวเองเบาๆ "แบบนี้ก็ดีเหมือนกันแหะ พวกตัวหัวโจกมาให้เชือดทิ้งทีละคนเลย"
    จากนั้นซีโร่ก็หันหลังเข้าหน้าต่างเพื่อป้องกันการโดนลอบโจมตีจากด้านหลัง เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนเยอะกว่า
    หนุ่มตี๋ที่พุ่งเข้ามาเป็นคนแรกกระโดดถีบเท้าขวาใส่ซีโร่โดยหวังจะให้โดนช่วงท้องของซีโร่ แต่ซีโร่เพียงแค่เบี่ยงตัวไปทางขวาเล็กน้อยพร้อมกับใช้แรงเบี่ยงตัวนี้เหวี่ยงหมัดขวาฮุคโค้งเข้าใส่เต็มๆกรามซ้ายของหนุ่มหน้าตี๋
    ผัวะ! อ็อก! 
    เสียงหมัดกระทบกรามดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด หนุ่มหน้าตี๋เซถอยหลังไปสามก้าวซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพื่อนอีก 4 คนวิ่งอ้อมมาสมทบทันพอดี ทำให้ชายหนุ่ม 2 ใน 4 ที่พึ่งมาใหม่พุ่งเข้าไปประคองหนุ่มหน้าตี๋เอาไว้ได้ ส่วนอีกสองคนก็พุ่งเข้ามาโจมตีซีโร่ต่อเป็นจังหวะต่อเนื่อง
    ชายคนแรกหวดแข้งขวาเข้าใส่ลำตัวเองซีโร่ แต่ชายหนุ่มยกขาซ้ายขึ้นสูงใช้หน้าแข้งของตนเองตั้งรับไว้ จากนั้นเมื่อซีโร่ปล่อยขาซ้ายลงพื้นก็บิดเอวขวาหวดแข้งขวาคืนสนองกลับไปทันควัน ชายคนแรกไม่ทันตั้งตัวว่าซีโร่จะป้องกันแล้วโจมตีสวนกลับมาทันทีทำให้ลำแข้งลุ่นๆของซีโร่หวดเข้าไปเต็มๆซี่โครงด้านซ้ายแบบเต็มรัก
    อ็อก! ชายคนแรกร้องออกมาด้วยความจุกพร้อมเซถลาไปด้านข้างและพยายามเอามือไขว่คว้าอากาศรอบด้านเพื่อหวังจะหาที่จับเพื่อช่วยพยุงตัวไม่ให้ล้มลงจนในที่สุด…
    หมับ!
    ชายหนุ่มคนแรกก็หาที่พึ่งทางกายเจอจนได้ แต่เมื่อสายตาหันไปมองว่าตนเองกำลังจับอะไรค้ำยันอยู่ก็ถึงกับต้องยิ้มแห้งๆออกมาแทน
    จอนนี่หนุ่มลูกครึ่งที่นั่งเฉยๆอยู่แต่แรกบัดนี้กำลังจ้องชายตรงหน้าเขม็งเนื่องจากมีมือข้างหนึ่งกำลังมาค้ำหัวของเขาอยู่
    "แกรู้ไหมว่านอกจากครอบคัสแล้วก็มีแค่ช่างตัดผมนั่นแหละที่มีสิทธิ์มาจับหัวฉัน!"จอนนี่คำรามรอดไรฟันพร้อมกับใช้มือซ้ายสะบัดปัดมือข้างที่ค้ำหัวของเขาออกพร้อมกับลุกขึ้นใช้เท้าซ้ายยันเข้าที่ใบหน้าอีกฝ่ายไปเต็มๆเป็นการตอบแทน ทำให้ชายคนแรกผู้โชคร้ายหงายหลังลงไปกองกับพื้นกรรมการนับแปดทันที
    "บาทาลูบพักตร์อะรู้จักป่าว"จอนนี่พูดพร้อมกับแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม
    ซีโร่ที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เอ่ยกับจอนนี่ทั้งที่ยังคงจ้องคุมเชิงกับชายคนที่สองอยู่ว่า"เอาไง แบบนี้ก็เท่ากับนายมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยแล้วนะ"
    "ช่วยไม่ได้ บังอาจมาจับหัวฉันก่อนเอง แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน กำลังคันไม้คันมืออยู่พอดีเลย"จอนนี่พูดพร้อมกับทำท่าหักนิ้วมือทั้งสองข้างดังกรอบแกรบ
    "พูดก็ไม่ค่อยชัด ยังจะขยันพูดจริงๆนะไอหรั่ง"หนุ่มหน้าตี๋ที่มีเพื่อนอีกสองคนประคองอยู่เริ่มตั้งตัวได้แล้วพูดขึ้นขัดจังหวะ จากนั้นก็หันไปพูดกับเพื่อนของเขาว่า"เรายังมีตั้ง 4 คน 4 ต่อ 2 ยังไงก็ได้เปรียบ พวกเราลุย!"พูดจบก็พากันย่างสามขุมเข้าหาซีโร่กับจอนนี่ทันทีโดยมีเพื่อนอีก 3 คนตามเข้ามาติดๆ
    "คนละสองละกัน" จู่ๆซีโร่ก็เอ่ยขึ้น
    "ฉัน 3 นาย 1 ดีกว่า"จอนนี่คุยโว
    "งั้นนายนั่งเฉยๆเดี๋ยวฉันจัดการ 4 คนเอง"ซีโร่เกทับ
    "เอางั้นหรอ ก็ดีนะ"จอนนี่กวนโอ้ยพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งหน้าตาเฉย ซีโร่ที่เห็นดังนั้นถึงกับหางคิ้วกระตุกพร้อมคิดในใจว่า
    ‘เหอะ รอให้จัดการไอ 4 คนนี้ก่อนเถอะ แกจะได้เป็นรายต่อไปเจ้าจอนนี่ตัวแสบ’แต่ภายนอกตอนนี้ซีโร่ยกสองมือขึ้นมาตั้งการ์ดเตรียมปะทะเต็มที่ เขาคิดจะใช้การป้องกันเป็นหลักแล้วหาโอกาสโจมตีสวนไป
    "นี่ๆ จะไม่ทักท้วงสักหน่อยหรอ"เสียงยียวนของจอนนี่ดังขึ้นขัดจังหวะ
    "ฉันไม่เคยขอให้ใครช่วย"ซีโร่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
    "ฉันก็ไม่ได้จะช่วย แต่ฉันแค่อยากมีส่วนร่วมด้วยอะ มีคนมาให้อัดถึงที่แบบนี้ พลาดไปคงเสียดายแย่ ฮ่าๆๆ"จอนนี่ยิ้มขำพร้อมกับลุกขึ้นมายืนข้างซีโร่
    "พวกแกจะโม้กันอีกนานไหมวะ"ชายหนุ่มหน้าตี๋ที่ทนฟังมานานแล้วกล่าวขัดขึ้น
    "ฮ่าๆ ขอบใจที่พวกแกมีมารยาท ไม่ขัดจังหวะเวลาคนเขาคุยกัน เอาละ เรามาต่อเรื่องของพวกเรากันดีกว่า"จอนนี่พูดพร้อมแสยะยิ้มกว้าง
    "พวกเรา ลุย!"ชายหนุ่มหน้าตี๋กล่าวเปิดฉากการตะลุมบอนหมู่พร้อมกับกระโจนเข้าหาซีโร่กับจอนนี่โดยมีเพื่อนอีก 3 คนตามมาติดๆ
    "เหอะๆ"ซีโร่เพียงแค่นเสียงในลำคอแล้วพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายเช่นกัน
    "ฮ่าๆ เข้ามาเลย"จอนนี่หัวเราะร่าพร้อมกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าและท่าทางดุจสัตว์ป่าที่หิวกระหายมานาน

    และแล้วการตะลุมบอนกันของบรรดาเด็กหนุ่มวัยรุ่นไฟแรงแบบ 4 ต่อ 2 ก็เริ่มอุบัติขึ้น โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า การต่อสู้ร่วมกันของซีโร่และจอนนี่ครั้งแรกนี้ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นขึ้น จะเป็นชนวนเหตุของความวุ่นวายที่ทำให้ทั้งในโลกไซเบอร์และโลกแห่งความจริง ในอนาคตอันใกล้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่…
     

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น