คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : [#31] Suggestion
href="file:///C:\DOCUME~1\Windows\LOCALS~1\Temp\msohtml1\02\clip_filelist.xml" />
ประตูบานหนาหนักถูกเปิดออก กลิ่นเหม็นอับภายในจึงไหลสู่ภายนอกให้อำมาตย์เฒ่าที่ยืนอยู่หน้าประตูย่นจมูกลงเล็กน้อย ผิดกับหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรนอกจากออกเดินนำเข้าไปก่อน
คุกใต้ดินคือชื่อเรียกของสถานที่แห่งนี้ แต่ห้องขังส่วนใหญ่ว่างเปล่าเพราะคาโนวาลไม่มีงบประมาณให้กับนักโทษ และไม่ประสงค์ให้ถูกตราหน้าว่าไร้คุณธรรม ปล่อยให้นักโทษอดตาย ดังนั้นโทษส่วนใหญ่ถ้าไม่จบด้วยการพ้นผิดก็จะลงเอยด้วยการประหาร
เฟรินก้าวไปตามทางเดินสลัวด้วยแสงคบเพลิงในมือ ฝีเท้าสม่ำเสมอและมั่นคงจนตัวเองยังแปลกใจ ทั้งที่เธอกำลังไปหาคนที่เกือบจะฆ่าคนที่เธอรัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในอกเธอยังร้อนระอุเหมือนมีกองไฟกองใหญ่สุมอยู่ อาจเป็นเพราะสภาพที่ค่อยๆ ผ่านตาของเธอไปก็เป็นได้
ภาพของห้องขังที่ไม่มีอะไรเลยแม้แต่ฟางสักเส้น มีเพียงพื้นที่ชื้นแฉะตลอดเวลาและกรงเหล็กที่ล้อมรอบ กระทั่งแสงสว่าง ซึ่งถ้าดับคบเพลิงในมือซะ...ทุกอย่างก็จะตกอยู่ในความมืดมิดดุจราตรีกาล
ทหารบอกว่ามีเดียถูกขังอยู่ในห้องที่ลึกที่สุด
ตาสีน้ำตาลจ้องฝ่าความมืดเบื้องหน้า เสียงตะโกนกรีดร้องบางอย่างลอยมาให้ได้ยิน ไม่นานนักร่างเล็กที่เหมือนจะคุ้นตาก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็น
ผู้ที่ถูกคุมขังพลันหยุดร้องเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังตรงเข้ามา ก่อนจะผละจากกรงเหล็กทันทีที่เห็นว่าคนที่อยู่หน้าสุดเป็นใคร ตาสีมรกตเขม้นมองเล็กน้อยก่อนยืดตัวเองให้สูงขึ้นเท่าที่ร่างอุ้ยอ้ายของเธอจะทำได้ มือปัดผมที่ปรกลงมา ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยตามการสั่งสอนที่ได้รับมา...กลายเป็นท่านหญิงแห่งฟรานซ์คนเก่าเพียงชั่ววินาที
“ราชินีเฟลิโอน่า! เสด็จกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เพคะ” มีเดียถามด้วยน้ำเสียงสั่น แต่จะสั่นด้วยความดีใจหรือความกลัวนั้นเฟรินไม่อาจบอกได้ เธอมองอาการเหล่านั้นอย่างขำไม่ออก จะว่าสงสารก็ไม่ใช่แต่จะว่าสมเพชมันก็ไม่ร้ายแรงขนาดนั้น
“ตำแหน่งราชินี...สำหรับเธอมันไม่พอหรือยังไง มีเดีย” นั่นคือคำถามแรก คำถามที่วนเวียนอยู่ในใจของเธอนับตั้งแต่รู้ว่าหล่อนคือตัวการ
คนถูกถามชะงัก นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ลองถามตัวเธอเองดูสิธิดาแห่งความมืด เธอที่ได้ตำแหน่งนั่นไปแล้ว คิดว่ามันเพียงพอหรือเปล่าเพคะ...ราชินีแห่งคาโนวาล” ประโยคท้ายเน้นหนักเยาะเย้ย กลีบปากบางเหยียดยิ้มอย่างไม่คิดจะปิดบังความเกลียดชังของตัวเองอีกต่อไป
“ถูกขังอยู่ในคุกแล้วก็ยังไม่สำนึกอีกอย่างนั้นหรือ” คำถามนั้นมาจากอำมาตย์เฒ่าที่ยืนเยื้องไปด้านหลัง หากมีเดียกลับทำเพียงแค่ชายตามองอย่างเหยียดหยามเท่านั้น
“เธอใช้ยาอะไร” เฟรินเข้าเรื่องโดยเร็ว ถ้าปล่อยเวลาต่อไปอาการของคาโลจะยิ่งทรุดก็เป็นได้ อดีตพระสนมหันมาเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้มหวานดุจน้ำผึ้งที่อาบใบมีดคมกริบ
“แล้วเรื่องอะไรที่ฉันจะต้องบอกเธอด้วยล่ะ”
“หรือเธอคิดจะฆ่าคาโล” เฟรินถามกลับ
“คิงคาโลจะตายหรือไม่ฉันก็ตายอยู่ดีไม่ใช่หรือไง” คำตอบนั้นแสดงให้เห็นว่าหล่อนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หากจะมีสักสิ่งที่พอจะง้างปากได้คือคำสั่งนิรโทษกรรม ซึ่ง...หล่อนไม่มีวันจะได้มา
เฟรินพยายามหายใจเข้าลึก ๆ ค่อย ๆ ประเมินสถานการณ์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองท้องที่โป่งนูน
“ลูกของเธอ...อยากให้เขากำพร้าพ่อหรือไง” คำถามนั้นกระตุกร่างของมีเดียเบา ๆ เป็นเครื่องหมายว่าเฟรินคว้าด้ายเส้นสุดท้ายมาไว้ในมือได้ในที่สุด เธอมองสีหน้าของมีเดียที่เริ่มซีดลงทีละนิด
“รู้ใช่ไหม ว่าถ้าเธอไม่บอกว่าใช้ยาอะไร เรื่องจะจบลงที่เธอกับลูกจะตายพร้อม ๆ กัน” เฟรินถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสงบ ตาสีน้ำตาลสงบนิ่งคล้ายกับว่าสิ่งที่ตนกำลังพูดเป็นเรื่องปกติธรรมดา
“แต่ถ้าเธอยอมพูด...”
“ถ้าฉันพูดแล้วจะปล่อยฉันอย่างนั้นเหรอ? หรือจะยอมให้ฉันคลอดเด็กออกมาเสียก่อนแล้วค่อยฆ่าฉันล่ะ?”
เฟรินเงียบกับประโยคที่สวนกลับมา นึกชื่นชมความเข้มแข็งของอีกฝ่ายที่สามารถพูดเรื่องเช่นนั้นออกมาได้โดยที่เสียงไม่สั่นสักนิด
หากในความเป็นจริงแล้ว...มีเดียกำลังหวาดกลัวถึงขีดสุด ทั้งจุดจบที่คืบคลานใกล้เข้ามา และทั้งตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่ทำให้เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ราวกับจะบอกว่าต่อให้เธอไม่บอกว่ายานั่นคือยาอะไร อีกฝ่ายก็มีวิธีที่จะทำให้รู้ได้อยู่ดี
อย่างนั้นแล้วไพ่ตายที่เธอคิดว่าจะสามารถใช้เป็นเครื่องต่อรองชีวิตได้ก็เป็นได้แค่ไพ่ธรรมดา ๆ ที่ไร้ค่า
“งั้นก็ลองคิดดูสิ...” เฟรินพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ระหว่างจะตายโง่ไปพร้อมกัน กับเหลือเลือดเนื้อตัวเองไว้เพื่อคอยเวลาแก้แค้น แบบไหนมันจะดีกว่ากัน”
สิ้นคำพูด อำมาตย์เรเชอร์ที่ยืนเงียบก็ถึงกับเบิกตาค้าง ในเมื่อฟังยังไงก็เหมือนราชินีคาโนวาลกำลังแนะให้คนอื่นแทงข้างหลังตัวเอง
แน่นอน...มีเดียเองก็เช่นกัน
“นี่เธอ... “ หล่อนหยุดค้างไป ก่อนจะเหยียดยิ้มและหัวเราะออกมาดังก้องไปทั่วทั้งคุกใต้ดิน ทั้งขบขัน เยาะเย้ยแต่กระนั้นก็มีเสี้ยวหนึ่งที่คล้ายจะยอมรับอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก
“บ้าไปแล้วสินะ?! รู้ว่าถ้าปล่อยให้เติบโตขึ้นก็อาจกลับมาแว้งกัด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จะทำอย่างนั้นเหรอ? ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะติดต่อกันเป็นเวลานานจนอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงเสียสติไปแล้ว ถ้าไม่เพราะจู่ ๆ เสียงหัวเราะนั้นจะหยุดลง
“ตกลง ฉันบอกเธอก็ได้ว่ายานั่นคืออะไร”
เฟรินรอฟังคำตอบนั้นโดยปราศจากความดีใจ แววตา สีหน้า ท่าทางยังคงสงบ
“ยานั่นไม่มีชื่อ เป็นยาที่ปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะ” มีเดียเริ่มพูด ขณะลูบท้องตัวเองแผ่วเบา เธอไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ธิดาแห่งความมืดพูดมานั้นจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน แต่...ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
“คนที่ปรุงยานั่น...ชื่อว่า ลูคัส ซาโดเรีย”
ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะ เฟรินเบิกตากว้างเป็นครั้งแรก สมองที่คิดเตรียมการโน่นนี่พลันหยุดชะงัก เหลือเพียงชื่อที่เพิ่งได้ยินดังก้องไปมา
“ลู..คัส?” เฟรินพึมพำอย่างลืมตัวให้สองคนที่เหลืออยู่หันมามอง
“ลูคัส ซาโดเรีย?” หญิงสาวทวนถามอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ใช่ รู้จักงั้นหรือไง” มีเดียถามกลับ ตาสีเขียวหรี่มองสงสัย แต่เฟรินก็ดึงสติกลับมาได้ก่อน แววตาจึงกลับมาสงบเช่นเดิม
“แล้วรู้รึเปล่าว่าจะหายาแก้ได้ที่ไหน”
คนที่อยู่หลังลูกกรงเงียบไป สายตาจ้องจับผิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะยอมตอบ
“ได้ยินมาแค่ว่า ตัวยาส่วนใหญ่มาจากเดมอส กับเส้นสายของธิดาแห่งความมืดคงมีวิธีหาส่วนประกอบพวกนั้นได้อยู่แล้วสินะ”
ท้ายประโยคขึ้นเสียงสูงตามด้วยสายตาเหยียดหยาม เป็นคำตอบที่ดูจะไม่ค่อยให้ความกระจ่างสักเท่าไหร่นักสร้างความหงุดหงิดให้เฟรินอยู่ไม่น้อย และมีเดียเองก็ดูจะพอใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น ก่อนจะล้วงเอาซองสีน้ำตาลเล็ก ๆ โยนออกมาด้านนอก
“ถือเป็นของสั่งลาก็แล้วกัน”
เฟรินก้มลงเก็บมันขึ้นมา ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ว่าเป็นซองใส่ยาที่ให้คาโลกิน เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ยืนหันหลังให้ เป็นสัญญาณว่าบทสนทนาจะจบลงแค่นี้
“ขอบใจ”
คำนั้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ เฟรินมองแผ่นหลังเล็กนั่นอยู่อีกชั่วอึดใจ ก่อนหมุนตัวกลับ
“ไม่กลัวว่าคาโนวาลจะพังทลายรึไง”
จู่ ๆ คนที่คิดว่าจะไม่ยอมพูดอะไรอีกแล้วก็เอ่ยขึ้น คนถูกถามหันมาและเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหันหลังให้เธอ
“คาโนวาลจะพังรึไม่ ฉันไม่รู้”
เฟรินตอบช้าชัด
“ฉันรู้เพียงแค่จะไม่ยอมให้หมอนั่นตาย...ก็เท่านั้นเอง”
--------------------------------------
“ราชินีเฟลิโอน่า” เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังเปิดประตูห้องชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินนำเข้าไปในห้องทรงงานที่ยังคงสภาพเดิมนับตั้งแต่เจ้าของห้องถูกหามออกไป
“กระหม่อม...มีความเห็นจะเสนอ” อำมาตย์เฒ่าก้าวตามพลางเอ่ยอย่างลังเล ทว่าเรื่องนี้เขาได้คิดมาตั้งแต่อยู่ในคุกใต้ดิน ตาสีน้ำตาลมองแผ่นหลังเล็กที่ตอนนี้คงหนักอึ้งด้วยน้ำหนักของหน้าที่และความเจ็บปวด
ร่างนั้นหยุดอยู่กลางห้องเพียงครู่หนึ่ง ก่อนเดินไปนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ตาสีน้ำตาลไหวระริกจนคนที่เฝ้ามองสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ราชินีแห่งคาโนวาลมองปากกาที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะก่อนเอื้อมมือไปแตะ และหยิบมันขึ้นมาลูบเบา ๆ คล้ายตกอยู่ภวังค์ ทว่าในเวลาต่อมาตาคู่โตนั้นก็กลับมามั่นคงได้เช่นเดิม
“ว่ามาสิ” เฟรินว่าเสียงแหบแห้ง แม้จะไม่มีอาการสั่นเครือแต่คนฟังก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงพยายามสะกดกลั้นมันอยู่ เธอลงมือ ‘ทำงาน’ ที่ค้างอยู่โดยเริ่มจากเอกสารที่ใกล้มือที่สุด แต่แค่ไล่สายตาไปตามบรรทัดแรก คิ้วบางก็ต้องขมวดมุ่นเข้าหากันก่อนจะวางปากกาลง และเงยหน้าขึ้นออกคำสั่ง
“เรียกประชุมด่วนภายในสิบนาที ย้ำลงไปว่าทุกคนต้องเข้าร่วม”
อำมาตย์เฒ่านิ่งอึ้งไปก่อนโค้งตัวรับคำสั่ง เดินออกจากห้องเพื่อกระจายคำสั่งเมื่อครู่ และเมื่อกลับเข้ามาอีกครั้งเขาก็เห็นว่าราชินีแห่งคาโนวาลกำลัง ‘อ่าน’ งานทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ชายชราลังเลเล็กน้อย เพราะดูเหมือนจะไม่ใช่เวลาที่เขาจะมากราบทูลเรื่องใดทั้งสิ้น
“ว่ามาสิ ท่านเรเชอร์” ผู้อยู่หลังโต๊ะทำงานเอ่ยอีกครั้ง บอกให้รู้ว่าเธอกำลังฟังอยู่แม้ตาจะไม่ได้มองก็ตาม
“เรื่อง...เจ้าหญิงมีเดีย” เรเชอร์เอ่ยเข้าเรื่อง แม้จะมีความผิดสถานหนักและถูกปลดออกจากตำแหน่งสนม แต่อย่างน้อยเจ้าหล่อนก็ยังมีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงแห่งฟรานซ์ ตาสีน้ำเงินมองคู่สนทนาที่ยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยต่อ
“กระหม่อมคิดว่า... ราชินีควรรับเด็กที่จะคลอดในไม่ช้านี้เป็นบุตรบุญธรรม”
“เพื่ออะไร?”
เรเชอร์ถอนหายใจเฮือก คำถามสั้น ๆ นั่นชี้ชัดว่าเจ้าตัวไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
“เพื่อตำแหน่งราชินีที่สมบูรณ์กระหม่อม”
ปึง!
เสียงตบโต๊ะดังลั่นแต่นั่นก็อยู่ในการคาดเดาของคนพูดอยู่แล้ว ชายชราก้มหน้านิ่งเตรียมรับพายุโทสะที่กำลังจะพัดมา
“ฉันไม่อยากได้ตำแหน่งนั่นจนถึงขนาดแย่งลูกของคนอื่นมาเป็นของตัวเองหรอกนะท่านอำมาตย์” เฟรินพูดเสียงต่ำ ตาสีน้ำตาลเย็นเยียบเหมือนใครบางคนที่นอนหลับใหลอยู่ในวิหาร
“แต่เด็กคนนั้นจะทำให้ราชินีสามารถอยู่เคียงข้างฝ่าบาทได้”
บรรยากาศตึงเครียดปะทุขึ้นทันทีที่สิ้นประโยค คำพูดนั้นคือความจริงที่เฟรินไม่อยากยอมรับ ว่าด้วยลำพังตัวเธอนั้นจะไม่มีวันได้รับการยอมรับจากสภาอำมาตย์และประชาชนส่วนใหญ่ของคาโนวาล
“อีกอย่าง ไม่ว่าอย่างไรเด็กคนนั้นจะต้องดำรงตำแหน่งรัชทายาทอยู่แล้ว หากราชินียอมรับ เรื่องแบบวันนี้ก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก”
“ท่านอำมาตย์!!” เฟรินขึ้นเสียงดังคับห้อง กองไฟที่ให้ความอบอุ่นวูบไหวอย่างแรงจนเกือบมอดดับ ขณะที่คบไฟส่วนอื่นนั้นดับพรึ่บพร้อมกันในทันทีด้วยโทสะของธิดาแห่งความมืด
“พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมเพียงแค่...”
“หุบปากของท่านซะ!” ไม่รอให้อีกฝ่ายชี้แจงเหตุผล เฟรินก็ตวาดขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามดับความโกรธที่ปะทุขึ้น ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกและค่อย ๆ ผ่อนออกมา
“เด็กคนนั้น...” นานกว่าที่เธอจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ตาสีน้ำตาลจับจ้องอยู่ที่ร่างชราของผู้ที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกล เฟรินเข้าใจความหวังดีของอีกฝ่าย แต่...
“เด็กคนนั้นไม่ใช่ของเล่นที่จะโยนไปโยนมา ที่สำคัญ...ถ้าวันหนึ่งเขาได้รับรู้ความจริงว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ที่แท้จริงของเขาตาย สุดท้ายคาโนวาลคงจะได้ล่มสลายตามที่มีเดียว่าจริง ๆ”
ทว่าเฟรินรู้เหตุผลที่แท้จริงดี เธอกลัว...กลัวว่าจะรักและเอ็นดูเด็กที่ไม่ใช่ลูกของตัวเอง กลัวว่าถ้ารักขึ้นมาแล้วเธอคงทนไม่ได้เมื่อถึงวันที่เขารู้ความจริง ทนไม่ได้ถ้าจะต้องสูญเสียเขาไป ดังนั้น...
หากไม่อยากเจ็บปวด...ก็ไม่สมควรจะก่อความรู้สึกใด ๆ ขึ้นมาอีก
TBC...
*******************************
Talk > สรุปแล้วก็ตัดสินใจยืดออกไปอีกตอนค่ะ = =
ความคิดเห็น