ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Believed

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 18 : ผู้มาใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 645
      0
      26 พ.ย. 49


               
    แสงแดดยามบ่ายทออ่อนลอดผ่านใบไม้ตกกระทบกับผิวขาวของร่างที่นั่งพักสบายอารมณ์อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเนินสูง และแม้จะเป็นยามบ่ายแต่เมื่อเทียบกับหลายวันก่อนแล้วแดดในวันนี้ค่อนข้างสลัวจากเมฆที่แผ่กระจายเต็มท้องฟ้า ใบไม้ไหวเสียดสีกันแผ่วเบาเพราะสายลมหนาวที่พัดผ่านมา บ้านเรือนเบื้องล่างเริ่มปิดหน้าต่างบางบานเพื่อป้องกันลมหนาว ควันสีเทาจากปล่องควันหลายสายลอยสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ให้รู้สึกว่าฤดูหนาวกำลังย่างเข้ามาแล้วจริงๆ


               
    ตาสีแดงกลมโตกวาดสายตามองภาพเหล่านั้นพร้อมยกยิ้มน้อยๆ อย่างสบายใจ หากเป็นปกติช่วงเวลานี้เธอกับเวซิลก็คงทำงานอยู่ที่ไหนซักแห่ง ไม่ได้มีเวลามานั่งมองสภาพรอบตัวแบบนี้


               
    หากแต่เวลาแบบนี้...มันไม่ยั่งยืน


               
    รอยยิ้มน้อยคลายตัวลง นัยน์ตาสีแดงทอประกายความรู้สึกหลากหลายภายในใจ หลังงานจบเธอกับเวซิลก็กลับไปใช้ชีวิตนักฆ่าตามปกติ ส่วนสองคนนั่นก็กลับไปคาโนวาล อยู่อย่างสุขสบายและลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็ว


               
    เรื่องจริง...ที่เธอกำลังปฏิเสธมัน


               
    เหตุผลของการปฏิเสธนั้น...ไม่มี


               
    ไม่มี...หรือมีแต่ไม่ยอมรับกันแน่?


               
    ซีเวียถอนหายใจหนัก หนังสือในมือถูกปิดและวางลงบนตัก แผ่นหลังบางเอนพิงลำต้นใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อนกับความคิดของตัวเอง คงเพราะอยู่กับไอ้เจ้าชายสองคนนั่น เลยทำให้เธอต้องกลายเป็นพวกคิดมาก


               
    "วิวสวยดีนี่" ซีเวียหันขวับกลับไปมองใบหน้าคุ้นตาของคนที่เธอเคยติดเกาะอยู่ด้วยกันมาร่วมอาทิตย์ จะผิดกันก็แต่สีตา สีผม และ...รอยยิ้มกวนบนใบหน้าขาวนั้น เนอินกระโดดคว้ากิ่งไม้เหนือหัวก่อนจะโยนตัวขึ้นไปนั่งอย่างชำนาญ


               
    "มาอยู่แถวนี้คู่หมั้นนายไม่เต้นผางเรอะไง" ตาสีฟ้าเบิกกว้าง แล้วหลุดหัวเราะออกมาเสียก๊ากใหญ่


               
    "สมกับที่เป็นเพื่อนซี้กันนะ พูดอะไรก็ใกล้เคียงกัน" ซีเวียละสายตาลงมา มือกางหนังสืออีกครั้งเพื่อต้องการบอกแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ว่าเธอต้องการสมาธิในการอ่านหนังสือ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล


               
    "กิลดิเรกนี่สวยสมกับที่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับสามที่ฉันอยากไป" เนอินเริ่มชวนคุยแม้จะรู้ดีว่าคนที่เขาชวนน่ะอยากจะถีบหัวส่งเขาไปให้ไกลๆ เสียมากกว่า


               
    "รู้ไหม นอกจากเป็นเมืองท่องเที่ยวแล้วที่นี่ยังเป็นที่ที่คู่บ่าวสาวชอบมาจัดงานแต่งงานด้วย"


               
    สภาพทิวทัศน์หลากสีของดอกไม้ที่ผลัดกันบานตลอดปี นั่นคงเป็นหนึ่งในเหตุผลของการเลือกนั้น


               
    ตาสีฟ้าปรายลงมองศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมละเอียดสีแดงเพลิงอย่างเซ็งนิดๆ


               
    มนุษยสัมพันธ์แย่พอๆ กับเนอาร์เลยวุ้ย มิน่า...ถึงเข้ากันได้


               
    "ทะเลาะกับเนอาร์รึไง" ไร้คำตอบ มีเพียงเสียงเปิดหน้ากระดาษแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบโดยรอบ "น่าสงสารมันจังนะ อุตส่าห์ได้เจอคนที่ตัวเองรักแต่ดันแห้ว"


               
    เนอินเปรยปนขำ ใช้สองมือรองศีรษะเมื่อเอนพิงกับลำต้นด้านหลัง ตาสีฟ้าเหลือบมองคนที่ผุดลุกขึ้นยืนอย่างกระทันหัน หลังจากที่มีเสียงกระแทกปิดหนังสือดังปึงใหญ่


               
    "ถ้าคิดว่าสนุกนักกับการพูดโกหก เห็นทีคาโนวาลคงแย่ที่ได้รัชทายาทแบบนี้"


               
    "โกหก? ตรงไหนล่ะ ตรงที่เนอาร์เจอคนที่รัก หรือตรงที่มันไม่สมหวัง"


               
    ฉึก!!


               
    มีดสั้นสีเงินเล่มเล็กปักเฉียดใบหน้าคนพูดห่างไม่ถึงสองเซนต์ไปอย่างน่าหวาดเสียว ทำให้เนอินต้องหาเหตุผลใหม่สำหรับความมือไวนี้


               
    อาจจะไม่เกี่ยวกับแอเรียส หรือพวกนักฆ่าจะมือไวกันหมด?


               
    อืม...น่าคิด


               
    "เคยมีใครเตือนนายเกี่ยวกับคำพูดบ้างไหม ว่านายเป็นพวกปากเสีย" เนอินทำหน้าครุ่นคิดหนักจนดูน่าถีบให้ตกจากต้นไม้มากกว่า "มีถมไป" เนอินตอบสั้น ยิ้ม แล้วเอ่ยต่อ


               
    "เอ..มีใครบ้างนะ ท่านแม่ เนอาร์ เคนอล อ้อ...เพื่อนของเธออีกคนด้วย" ซีเวียจะแปลกใจมากกว่าถ้าในรายชื่อพวกนั้นจะไม่มีชื่อของเวซิลอยู่ด้วย เพราะทั้งเธอกับเพื่อนของเธอนิสัยคล้ายกัน


               
    คือเกลียดพวกราชวงศ์และขุนนางเหมือนกัน!!


               
    "น่าแปลกนะ มีคนเตือนสตินายมากขนาดนั้นแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว รึไม่มีสมองจะคิด" ถ้าเป็นคนอื่นคงได้หัวหลุดออกจากบ่า แต่รายนี้เป็นข้อยกเว้น เนอินเองก็ดูอารมณ์ดีเกินกว่าจะถือสาหาความกับคำพูดพวกนั้น อันที่จริงเขาก็อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว


               
    "คนเรามีโอกาสให้พูดในสิ่งที่คิดอยู่ไม่มากหรอกนะ เพราะฉะนั้นคิดอะไรก็รีบๆ พูด เก็บเอาไว้..อืม...ภาษาผู้หญิงเขาว่ายังไงนะ อ้อ! เก็บเอาไว้มากๆ อกจะแตกตาย" ซีเวียยกยิ้มเยาะ


               
    "รัชทายาทแห่งคาโนวาลจะพูด ใครที่ไหนจะกล้าห้าม" เนอินยิ้มช้าๆ ตาสีฟ้ามองไปยังบ้านเรือนตรงหน้าราวกับว่ามันคือคาโนวาล ถึงที่คาโนวาลดอกไม้จะไม่เยอะขนาดนี้ก็ตามที


               
    "เพราะศักดิ์ยิ่งสูง คำพูดจึงต้องระวัง ยิ่งถ้าได้เป็นคิงยิ่งต้องระวัง ในการทูตผิดคำเดียวอาจหมายถึงสงคราม ถ้าไม่พอใจใครแล้วบอกประหารๆ แล้วจะมีใครให้ปกครองจริงไหม?" คนฟังอึ้งเล็กน้อยกับน้ำเสียงจริงจังนั่น ชั่วแวบเดียวที่ซีเวียรู้สึกว่าคนตรงหน้ามีส่วนเหมือนกับแฝดผู้น้องมากแค่ไหน


               
    "เพราะฉะนั้นถ้ารักไอ้เนอาร์มัน ก็รีบๆ บอกมันไปซะ ไอ้นี่น่ะเรื่องอื่นก็พอจะฉลาดอยู่หรอก แต่เรื่องแบบนี้ถ้าผู้หญิงไม่รุกมันก็ไม่มีทางรู้เรื่อง แต่ฉันก็เป็นห่วงจริงๆ นะ เพราะทั้งเธอทั้งเนอาร์นิสัยดันคล้ายๆ กัน เงียบๆ แบบนี้มีหวังไปเถียงกับท่านแม่ไม่ทันหรอก"


               
    ฉึก!!!


               
    คราวนี้มีดเล่มใหม่ปักใกล้ยิ่งกว่าเดิม เส้นผมสีน้ำตาลด้านข้างร่วงกราว


               
    ซีเวียผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หมุนตัวกลับมามองคนยอกย้อนด้วยประกายตากร้าว ซึ่งเนอินเองก็มองสบตาสีแดงวาวโรจน์นั้นกลับพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า


               
    "ถึงฉันจะเป็นแค่นักฆ่าธรรมดา แต่ก็มีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ยอมเป็นของเล่นให้ใคร ต่อให้คนๆ นั้นจะเป็นคิงประเทศไหนก็ตาม!!" สิ้นคำพูดร่างบางนั้นก็เดินกระทืบเท้าปึงปังจากไป


               
    เนอินถอนหายใจเฮือก


               
    จะที่ผิดกันก็คงเป็นตอนโกรธ เอะอะอะไรก็ปามีด อยากรู้จริงว่าในตัวพกมีดไว้กี่เล่ม


               
    คิดแล้วเผลอกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์


               
    อยากรู้ก็ต้องพิสูจน์ ว่าแต่...


               
    ผมแหว่งแบบนี้...หมดหล่อสิเรา



    -------------------------------------------
     


               
    บทสนทนาของคนในห้องทำงานใหญ่ชะงักลงเมื่อหูสดับเสียงปึงปังอันหาได้ยากจากสถานที่ที่สงบอย่างวิหารของศาสนจักร เจ้าของห้องผมเงินลุกจากเก้าอี้ยาวไปเปิดประตูห้องสอบถามนักบวชที่เดินผ่านมาเพียงครู่แล้วปิดประตูห้องเหมือนเดิม


               
    "แม่สาวนักฆ่าดูท่าทางจะอารมณ์เสีย" กัสเปรยแผ่วเบาให้โรหัวเราะน้อยๆ ตั้งข้อสงสัยว่าใครกันที่ทำให้นักฆ่าสาวมาดนิ่ง ซึ่งจะเป็นเวซิลหรือซีเวียก็ตามแต่ต้องโมโหถึงขนาดเดินกระแทกส้นไปตามทางได้ แต่เมื่อนึกไปนึกมาดีๆ คำตอบที่ได้ก็ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะให้ดังขึ้นจนกัสต้องหันมามอง


               
    คนที่ได้รับวิชาการยั่วโมโหคนอื่นน่ะ...มีอยู่คนเดียว


               
    "แล้วอย่างนี้จะไปรอดรึเนี่ย" กัสเปรยออกมาอีกครั้งอย่างหนักใจ ตาสีฟ้าคมมองอยู่ที่กระดาษแผ่นบางสองสามแผ่นบนโต๊ะเบื้องหน้า


               
    "จะรอดรึไม่รอดก็ต้องลอง เตรียมงานมาตั้งขนาดนี้แล้ว นายคงไม่อยากให้เสียเปล่า"


               
    หรือถ้าพูดให้ถูก...ปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้


               
    กัสที่รู้ความหมายนั้นดีลอบถอนหายใจ รับหน้าที่อาร์คบิชอฟมาก็หลายปี งานหนักแค่ไหนก็ไม่หนักใจเท่างานนี้


               
    สมกับเป็นอดีตตัวหาเรื่องประจำป้อม


               
    จบไปแล้วยังสามารถหาเรื่องมาให้เพื่อนร่วมป้อมได้ปวดหัวอีก


               
    "เรื่องที่จะต้องบอกท่านหญิง...นายเป็นคนไปบอกก็แล้วกัน" ตาสีเขียวเบิกกว้าง แล้วหลุดขำออกมาเล็กน้อย ส่วนคนถูกขำก็ยังคงตีหน้าเรียบ


               
    "หาได้ยากนะ ที่นายจะโยนงานให้คนอื่น"


               
    "ฉันแค่มีงานอื่นต้องทำ" กัสให้เหตุผลเรียบๆ โรพยักหน้ารับว่าง่ายยกแก้วชาในมือขึ้นจิบ ตาสีฟ้าที่มองตัวอักษรในกระดาษบ่นสบถพึมพำแล้วยืดตัวขึ้น โรมองอากัปกิริยานั้นแล้วหัวเราะ


               
    "อยากรู้จริงว่า อะไรทำให้นายยอมทำตามที่เฟรินว่า" กัสเหลือบมองคนพูดแล้วลุกขึ้นไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะทำงาน ค้นกุกกักเพียงครู่ก็โยนจดหมายจ่าหน้าลายมือเรียบร้อยลงบนตักโร


               
    แน่นอน...ไม่ใช่ลายมือของไอ้ตัวแสบนั่น


               
    แต่เป็นลายมือคิงแห่งคาโนวาล สงสัยว่าจะป้องกันการเปิดอ่านเพราะด้านหลังยังมีตราประทับเป็นรูปดาบคู่ประสานประทับอยู่ด้วย


               
    อะไรมันจะเรื่องใหญ่โตปานนั้น


               
    โรคิดแล้วหัวเราะหึๆ ขณะแกะซองนั้นหยิบกระดาษสีขาวเต็มไปด้วยตัวอักษรยึกยือคุ้นตาออกมาอ่าน


               
    เนื้อหาภายในก็แค่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบทั่วไป ก่อนจะต่อด้วย'คำขอ'ที่ยาวเป็นหางว่าวพร้อมพล่ามพรรณนาเหตุผลต่างๆ อย่างที่มันชอบทำ ก่อนจะจบด้วยประโยคเด็ด


               
    'ตั้งแต่เรียนด้วยกันมา ฉันไม่เคยขอให้แกทำอะไรให้ นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ถือว่าช่วยเพื่อนเถอะว่ะ ลงชื่อ...เฟริน เดอเบอโรว์'


               
    เรียกว่ามีจิตวิทยาในการพูดมากขึ้น...หรืออาร์คบิชอฟคนนี้ใจอ่อนเกินไป?


               
    โรคิดพลางพับกระดาษเก็บใส่ซองตามเดิมและยื่นให้กัสเก็บในลิ้นชัก


               
    สองคนนั้นจะพังที่นี่ทันทีที่งานเริ่ม แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าจะเป็นคำสั่งจากสองคนที่น่ากลัวที่สุดในคาโนวาลก็ตาม ถึงเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังไม่คิดจะห้ามหรือคัดค้าน


               
    เพราะมัน...น่าสนุกดี


               
    เสียงเอะอะจากภายนอกห้องเรียกสติของคนทั้งสองให้หันไปสนใจอีกครั้ง คราวนี้ดูจะเสียงดังมากกว่าครั้งแรกและตรงมาที่ห้องนี้ เสียงแผดดังสลับเสียงแผ่วเบาระคนหนักใจ ไม่นานประตูห้องก็เปิดผางออกพร้อมผู้คนนับสิบ...หรืออาจจะนับร้อยยืนอยู่หน้าห้องจนแน่นขนัดไปหมด ทุกคนอยู่ในชุดหรูหรางดงาม อัญมณีราคาแพงส่องแสงวูบวาบจนชวนให้คิดถึงแม่อดีตหัวขโมยตัวดีที่ถ้ามาเห็นคงจะคันไม้คันมืออยากใช้วิชาหากินเต็มที แต่สิ่งที่ดึงดูดยิ่งกว่านั้น...


               
    "ขออภัยที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตค่ะ" น้ำเสียงหวานใสแผ่วเบารับกับใบหน้าหวาน คิ้วเข้มโก่งเหนือดวงตาสีน้ำเงินกลมโตเป็นประกาย ริมฝีปากเป็นกลีบบางสีชมพู ผิวแก้มสีระเรื่อจากการบำรุงเป็นอย่างดีตั้งแต่เด็ก เส้นผมยาวตรงถึงกลางหลังมัดยกสูง เหลือแต่ผมด้านหน้าปล่อยให้ทิ้งตัวลงล้อมกรอบใบหน้าขาวนั้น เศษผมบางส่วนหลุดเกลี่ยลำคอระหงส์ ชุดกระโปรงสีอ่อนยาวจนเกือบระพื้นทำให้ไม่เห็นข้อเท้าเล็กของหล่อน สร้อยคอที่มีทับทิมสีแดงเม็ดเล็กประดับอยู่ตรงลำคอทำให้ขับผิวนั้นให้ขาวยิ่งขึ้น มือบางข้างหนึ่งวางอยู่บนมือมหาดเล็กข้างตัว รูปร่างของเธอบางเล็กเสียจนน่ากลัวว่าหากมีลมแรงๆ พัดมา ร่างบอบบางนี้จะหลุดปลิวไปตามลมด้วย


               
    คำถามในใจของทุกคนที่เห็นแขกผู้งดงามคนนี้นั้น


               
    เธอ...เป็นใคร?


               
    หากไม่ใช่กับขอทานแห่งทริสทอร์ผู้ที่มีตำแหน่งห้องสมุดเดินได้พ่วงติดตัว


               
    "เรื่องที่นายกลัว...คงหนีไม่ได้แล้วล่ะกัส"


               
    และเมื่อสองแฝดนั่นรู้ว่าใครมา...ก็คงแทบจะขนของหนีทันทีในวินาทีที่ได้ยิน


               
    ท่านหญิงอาเวเรีย ราสตาร์ เดอะเสจ ออฟ คาโนวาล


    *******************************TBC....

    Talk > เรื่องหนังสือ...คงไม่ได้ทำ เพราะทำแล้วคงไม่มีคนซื้อเจ้าค่ะ T[]T

    แอบดีใจ มีคนชอบนาตาชา >[]<!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×