ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -FanFic บารามอส- เวลากับสายลม

    ลำดับตอนที่ #9 : [#9] Gift

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 50


                "มีทูตจากทริสทอร์มาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ" คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องถึงกับเลิกคิ้วสูง


               
    ทูตจากทริสทอร์แล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ?


               
    "
    คาโลไม่อยู่งั้นหรอ...แปลกจริง ถ้าอย่างนั้นบอกให้เขาไปรอที่ห้องรับรองนะ" มหาดเล็กก้มศีรษะต่ำรับคำแล้วถอยออกจากห้องไป เฟรินปิดหนังสือลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวเอง เธอสูดหายใจลึกแล้วชะงัก ก่อนจะขำคิกคักให้ผีที่ยืนดูอยู่ต้องเอ่ยปากถาม


               
    "
    มีอะไรน่าขำเหรอคะนายหญิง" เฟรินโบกมือปฏิเสธ "เปล่าหรอก แค่นึกอะไรขึ้นมาได้นิดหน่อยน่ะ"


               
    ใช่...นิดหน่อย


               
    ก็แค่คิดว่าเธอติดนิสัยสูดหายใจลึกแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่


               
    เอาเถอะ...จะนานเท่าไหร่คงไม่สำคัญเท่ามันใช้ได้ดีเวลาที่ต้องใช้สมาธิและทำใจกับสิ่งที่จะเผชิญ


               
    เฟรินยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งก่อนเปิดประตูเดินออกจากห้องไป

     


    -------------------------------------


               
    ร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเกือบทำให้เธออุทานออกมาหากเพราะทูตหนุ่มนั้นหันหน้ามาทำความเคารพจึงยั้งปากได้ทัน


               
    เหมือนจนเข้าใจผิด


               
    "
    ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ" ทูตหนุ่มก้มตัวต่ำขณะที่เฟรินเดินมานั่งลงยังเก้าอี้ตรงหน้า


               
    "
    ตามสบายเถอะ" ร่างสูงก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้น ตาสีฟ้าคมเหมือนใครบางคน เพียงแต่ปราศจากความเย็นชาอย่างที่เธอคุ้นเคย


               
    "
    ข้า.." เฟรินรีบยกมือห้ามก่อนขยับยิ้มบาง "ไม่ต้องมีพิธีมากก็ได้ ฉันไม่ชอบอะไรที่มันมีพิธีมากๆ" เธอตั้งใจละคำว่าน่าเบื่อทิ้งไปเพราะในห้องนี้เต็มไปด้วยนางกำนัลและมหาดเล็กที่ยืนอยู่ที่ประตูอีกคน


               
    การลดหย่อนมารยาทมีได้บ้าง แต่สุดท้ายก็จะต้องเป็นราชินีที่เพียบพร้อมในด้านกิริยาอยู่ดี


               
    ทูตหนุ่มขยับยิ้มก้มศีรษะรับ


               
    "
    กระหม่อมได้รับหน้าที่ให้นำของกำนัลมามอบแด่ราชินีเฟลิโอน่าแห่งคาโนวาลพระเจ้าค่ะ" ทูตหนุ่มถวายม้วนกระดาษให้เธอรับมาดู มันเป็นผังการเล่นหมากรุกอย่างง่ายๆ คิงสีขาวที่โดนควีนสีดำประกบ อีกทั้งขุนสีดำทั้งสองก็จ่อคิวรอรุกฆาต ขณะที่ควีนขาวนั้นกลับอยู่กลางกระดานรวมกลุ่มกับขุนสีขาวเคียงข้างกันนั้นมีเบี้ยสีดำวางอยู่ในมุมที่ขุนตัวนั้นไม่สามารถจับกินได้


               
    นัยน์ตาสีน้ำตาลไหววูบ ก่อนจะยิ้มบางม้วนกระดาษเก็บอย่างเดิม


               
    "
    เป็นหมากที่น่าสนใจดี" ร่างสูงนั้นก้มศีรษะลงพร้อมกับระบายยิ้ม "ฝ่าบาทของกระหม่อมฝากทูลเพิ่มเติมว่า 'ถ้าเป็นหมากกระดานเกียรติยศคงจะน่าสนใจกว่านี้"


               
    เฟรินเลิกคิ้วสูงแล้วหัวเราะพยักหน้า


               
    "
    จะว่าไปฉันก็ไม่ได้เล่นหมากรุกซะตั้งนาน ฝีมือคงทื่อไปหมด"


               
    "
    ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเล่นบ่อยๆ พระเจ้าค่ะ ฝีมือจะได้กลับมา บางที...อาจจะก้าวล้ำหน้าไปยิ่งขึ้น" เฟรินหัวเราะเบาๆ ถูกใจ ดูท่าทางทูตคนนี้คงไม่ใช่แค่คัดมาส่งกระดาษแผ่นนี้ให้เธอเพียงอย่างเดียว


               
    "
    จะเก่งถึงขนาดสู้คิงเธอได้เหรอ" คนถูกถามตอบช้าๆ โดยที่รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้า "ฝ่าบาทเคยเล่าให้กระหม่อมฟังว่าเคยชนะราชินีเพียงครั้งเดียวพระเจ้าค่ะ" คิ้วบางเลิกสูงแปลกใจไม่คิดว่าคนที่เกลียดความพ่ายแพ้อย่างไอ้เจ้าขอทานนั่นจะยอมเล่าให้คนอื่นฟัง


               
    "
    เอาเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆ ยังไงก็พักผ่อนเสียก่อน"


               
    "
    ทูลราชินี กระหม่อมมีหน้าที่นำของกำนัลมาถวาย เมื่อเสร็จหน้าที่แล้วเห็นจะต้องรีบกลับพระเจ้าค่ะ" ทูตหนุ่มรีบเอ่ยขัดเสียงนุ่มฟังไม่เหมือนถูกขัดแต่เป็นการชี้แจงอย่างสุภาพ เฟรินชะงักไปเล็กน้อย ตอนแรกเธอตั้งใจว่าอยากจะคุยเรื่องจดหมายนี่อีกซักหน่อย รวมถึงอีกหลายๆ เรื่องแต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังนั่นแล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างเสียดาย


               
    "
    เข้าใจแล้ว ดูเหมือนทริสทอร์จะงานเยอะนะ" คราวนี้ไร้รอยยิ้มจากคนฟัง กลับมีสีหน้ากระอั่กกระอ่วนใจเข้ามาแทน


               
    "
    จะว่า...เยอะก็ไม่ผิดพระเจ้าค่ะ ถ้า....คนจัดการมีเพียงพอ" เฟรินเลิกคิ้วอีกครั้งก่อนถาม "น่าแปลกใจที่คนทำงานในวังทริสทอร์ไม่พอ จะแบ่งจากที่นี่ไปบ้างไหมล่ะ" พูดจบก็หัวเราะเบาๆ ให้ดูเป็นเรื่องหยอกล้อตามประสาคนที่มีอัธยาสัยที่ดี


               
    "
    อันที่จริงก็มักขาด...เพียงคนเดียวพระเจ้าค่ะ" เฟรินเบิกตากว้างแล้วหัวเราะขึ้นมาก่อนกลั้นไว้อย่างยากลำบาก พยักหน้าเร็วๆ พูดเสียงกลั้วหัวเราะ


               
    "
    เข้าใจล่ะ ขาดคนเดียว...สินะ" ทูตหนุ่มยิ้มกว้างแล้วโค้งตัวถอยออกจากห้องไป ในขณะที่เฟรินยังคงกลั้นหัวเราะท้องขดท้องแข็งรีบเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว



    ------------------------------------ 



               
    "
    ขำอะไรกันนักหนาคะนายหญิง" ผีสาวลอยลงมาอยู่ด้านข้างเมื่อเฟรินระเบิดหัวเราะทันทีที่ปิดประตูห้องลง เธอสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างยากลำบาก มือก็โบกปัด


               
    "
    ไม่มีอะไรๆ ก็แค่....คนขาด อุ๊บ!!" ว่าแล้วก็ขำก๊ากอีกรอบ ก่อนเดินไปนั่งยังที่ประจำของเธอใกล้หน้าต่าง มือบางยกขึ้นปาดน้ำที่ริมขอบตาออกลวกๆ อีกมือหนึ่งก็วางม้วนกระดาษที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่ลงบนโต๊ะ


               
    "
    นี่เหรอคะของกำนัล คุณโรนี่ชอบให้ของแปลกๆ นะคะ" เฟรินไม่ว่าอะไร แต่อาการขำกิ๊กกั๊กเมื่อครู่หยุดไปแล้ว เธอกางม้วนกระดาษนั่นมองอีกครั้ง ตาสีน้ำตาลจับจ้องอยู่ที่คิงสีขาวที่มีควีนดำกระหนาบนิ่ง


               
    คิงที่โดดเดี่ยว...อย่างนั้นเหรอ


               
    เฟรินไล่สายตามองทั่วรูปวาดนั่นช้าๆ ราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง ส่วนผีสาวที่ดูไม่รู้เรื่องก็ลอยนิ่งอยู่ข้างๆ ปล่อยให้นายตนนั่งคิดไปเรื่อยๆ จนเสียงเคาะประตูดังขึ้น


               
    "
    เจ้าหญิงมีเดียมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ" คนที่กำลังนั่งคิดอยู่ภายในห้องถึงกับเลิกคิ้วสูงแต่ก็ยอมพยักหน้าอนุญาตให้เข้ามา เฟรินม้วนกระดาษเดินไปเก็บไว้ที่โต๊ะหัวเตียงแล้วเดินกลับมานั่งพร้อมกับหยิบหนังสือมาวางไว้ที่ตักราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


               
    "
    ดูท่าทางวันนี้คงพิเศษ เพราะมีแต่คนเอาของกำนัลมาให้" เฟรินเอ่ยขำๆ ขณะที่ใจก็อดกังวลไม่ได้


               
    หวังว่ามาขอพบคราวนี้จะไม่มีเรื่องกวนใจมาให้เหมือนครั้งที่แล้ว


               
    "
    จะดีเหรอคะนายหญิง" ผีสาวที่ลอยนิ่งอยู่นานเอ่ยถามไม่แน่ใจ เธอเองก็พอจะได้ยินกิตติศัพท์แม่สนมคนใหม่มาเหมือนกัน สำคัญที่สุดคือเพราะสนมคนนี้นายทั้งสองถึงได้แตกกันแบบนี้ หากเฟรินกลับยิ้ม


               
    "
    ไม่มีเหตุผลที่จะห้ามเขาไม่ให้พบนี่" ร่างโปร่งใสมองคนพูดอย่างอ่อนใจ


               
    "
    นายหญิงใจดีเกินไปค่ะ" เฟรินหัวเราะเบาๆ "ใจดีน่ะดีกว่าใจร้ายนะพี่สาว ฉันไม่อยากให้เขาว่าราชินีคาโนวาลใจแคบ เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องอื่นๆ ว่าแต่พี่สาวเถอะ มีเดียเขาไม่เคยเห็นพี่สาว ลอยอยู่อย่างนี้เขาเข้ามาจะได้หัวใจวายตาย"


               
    "
    เพคะ!" ผีสาวทำหน้าอูมงอนก่อนจะกระแทกเสียงเบาๆ แล้วหายตัวไป ทิ้งไว้แต่เฟรินที่นั่งหัวเราะคิกคักที่นานครั้งจะได้แกล้งผี


               
    "
    ถวายพระพรเพคะ" มีเดียถอนสายบัวต่ำงดงามในชุดกระโปรงสีครีมยาว ไม่ว่าดูกี่ครั้งกี่หนก็ต้องยอมรับว่าได้รับการอบรมมาดี


               
    "
    อุตส่าห์มาถึงที่นี่แบบนี้ มีอะไรเหรอ" ที่ถามไปเพราะเห็นว่าห้องของเธออยู่ในจุดที่เกือบจะลึกที่สุดของวังคาโนวาล หญิงสาวก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนเอ่ย "ตอนที่มาที่คาโนวาล เสด็จพ่อได้ประทานผ้าเนื้อดีจากฟรานส์มาให้เพคะ บอกว่าเป็นของกำนัลแด่ราชินี แต่ช่วงนั้นเห็นราชินีกำลังทรงยุ่งเลยไม่มีจังหวะจะนำมาถวาย"


               
    นางกำนัลจากฟรานส์เดินเข้ามาถอนสายบัวถวาย ในมือมีม้วนผ้าสีน้ำเงินไพลิน แค่ดูห่างๆ ก็รู้ว่าคนทอนั้นทอได้อย่างประณีตแค่ไหน


               
    นัยน์ตาสีน้ำตาลมีแววประหลาดใจ ก่อนปรับให้กลับมานิ่งเรียบเช่นเดิม


               
    ของกำนัล...ดูท่าทางคิงแห่งฟรานส์จะมั่นใจในตัวลูกสาวเหลือเกิน


               
    "
    ไม่เห็นจะต้องลำบากถึงขนาดนั้น" มีเดียยิ้มบางส่ายหน้าช้า "ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกเพคะ ถือเป็นของกำนัลจากฟรานส์เพคะ"


               
    ยิ่งพูดนัยน์ตาคนฟังก็ยิ่งเป็นประกายวิบวับให้ดูน่ากลัว หากใบหน้าขาวนับกลับประดับด้วยรอยยิ้มสวย


               
    "
    ขอบคุณนะ" คำขอบคุณสั้นๆ ให้นางกำนัลคนสนิทที่ยืนเงียบก้าวเข้ามารับม้วนผ้านั้น


               
    "
    เอ...คาโนวาลจะส่งอะไรเป็นของตอบแทนดีนะ" เฟรินเปรยรำพึงกับตัวเอง ก่อนทำท่าเหมือนจะนึกขึ้นเธอจึงยิ้มแล้วเอ่ยต่อ "ขอโทษนะ อย่าคิดว่าฉันเสียมารยาทอะไรเลย แต่เมื่อมีรับก็ต้องมีให้"


               
    คนฟังแย้มยิ้มก้มศีรษะลง


               
    "
    แค่ราชินีไม่ปฏิเสธก็ถือเป็นการให้แล้วเพคะ และถ้าเป็นไปได้...หม่อมฉันแค่อยากให้ราชินีทรงประทานความเมตากรุณาให้หม่อมฉันบ้างเพคะ" เฟรินเบิกตาโตเล็กน้อยแล้วหัวเราะเบาๆ


               
    "
    ฉันไปร้ายกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอมีเดีย"


               
    "
    มิได้เพคะ เพียงแต่...ขอประทานอภัย หม่อมฉันรู้ตัวดีว่าเป็นคนเข้ามาสร้างความขัดเคืองพระทัยให้ทั้งคิงคาโลและราชินี เพราะฉะนั้นหากราชินีจะทรง...ไม่ชอบใจหม่อมฉันก็ถือเป็นเรื่องปกติเพคะ" เฟรินขยับยิ้มบาง


               
    "
    ฉันเองก็เข้าใจฐานะของเธอ การแต่งงานโดยที่ไม่มีความรักน่ะเจ็บปวด ยิ่งแต่งเพราะหน้าที่ก็ยิ่งเจ็บปวด" เสียงหวานใสพูดเรื่อยๆ หากทำให้นัยน์ตาสีฟ้าเงยขึ้นสบอย่างลืมมารยาท


               
    "
    เธอกับฉันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก อยู่ด้วยตำแหน่ง มีชีวิตด้วยหน้าที่ เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องที่ฉันจะไม่ชอบใจเพราะเธอมาเป็นสนมคาโลคงเป็นไปไม่ได้" มีเดียรู้สึกตัวจึงก้มศีรษะรับและระบายยิ้ม


               
    "
    เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ รบกวนราชินีมานานมากแล้ว หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ" หญิงสาวถอนสายบัวต่ำอีกรอบแล้วค่อยๆ ก้าวออกจากห้องไปอย่างเงียบกริบ เมื่อบานประตูปิดลงเฟรินก็ปิดตาผ่อนลมหายใจแทบจะทันที


               
    "
    ก็เป็นคนดีนะคะ" เสียงหวานดังลอยมา แม้ไม่เปิดตามาดูก็รู้ว่าแม่ผีสาวตอนนี้ลอยมาปรากฏตัวอยู่ข้างๆ เธอแล้ว เฟรินลืมตามองผ้าม้วนสวยในมือนางกำนัลนิ่งก่อนสั่งโดยที่สายตายังคงจับจ้องผ้าม้วนนั้นจนกระทั่งบานประตูปิดลง


               
    "
    เอาผ้าไปเก็บที่ห้องคลังนะ ถือไว้คงหนัก"


               
    "
    ผ้าสวยมากเลยนะคะ ถ้าตัดออกมาเป็นชุดคงยิ่งสวย แต่ถ้าให้นายหญิงใส่ต้องสวยที่สุดแน่เลยค่ะ" ร่างโปร่งบางหัวเราะกับคำยกยอนั้น "สวยน่ะสวย ฉันกำลังคิดนะพี่สาวว่าผ้าผืนนั้นถ้าเอาไปขายที่ตลาดนัดเดือนนี้จะได้ราคาซักเท่าไหร่"


               
    "
    นายหญิง!! คนเขาอุตส่าห์ให้มา ทำไมคิดจะเอาไปขายซะได้" คนฟังยิ่งหัวเราะหนัก หยิบหนังสือที่วางนิ่งอยู่บนตักไปวางบนโต๊ะราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้


               
    "
    เพราะมันสวยเกินน่ะสิ ถ้าฉันเห็นก็คงคิดเหมือนพี่สาวที่ว่าถ้าเอาไปตัดเป็นชุดก็คงสวย แต่ชุดฉันก็มีเต็มตู้จนใส่ไม่หมด จะให้วางเก็บไว้นานวันเข้ามันก็เปื่อยยุ่ยเสียของ เพราะฉะนั้นให้คนอื่นเขาที่อยากได้จริงๆ จะดีกว่า"


               
    "
    ถ้าอย่างนั้นทำไมต้องขายล่ะคะ ให้เฉยๆ ก็พอ" เฟรินฉีกยิ้มกว้างเหมือนกำลังรอจังหวะให้ถามคำถามนี้


               
    "
    ก็เพราะมีให้ก็ต้องมีรับไงล่ะ เรื่องอะไรฉันจะให้ฟรีๆ ของฟรีไม่มีในโลกหรอกนะพี่สาว" ว่าแล้วก็หัวเราะเบาชอบใจ ใช่...ของฟรีไม่มีในโลก ผ้าชั้นดีหนึ่งม้วนแลกความเมตตาจากเธอ...คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม


               
    และจะยิ่งคุ้มกว่านี้หากโอรสแห่งคาโนวาลประสูติขึ้นจากเจ้าหญิงมีเดีย


               
    เฟรินถอนหายใจหนักลุกขึ้นเดินไปเก็บหนังสือเหนือเตาผิงใหญ่


               
    แกร๊ก..


               
    สัมผัสแผ่วเบาตรงปลายเท้าทำให้เธอต้องก้มมอง เศษหินชิ้นเล็กทอแสงแวววาว เมื่อหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นเศษหินสีแดงคล้ำงดงาม คำถามคือ มันเข้ามาอยู่ในห้องเธอได้ยังไง


               
    ตาสีน้ำตาลหรี่ลงอย่างใช้ความคิด เพราะสองสามวันมานี้เธอไม่ค่อยได้ทำอะไรกับห้องมากเท่าไหร่นัก นอกจากไม่นั่งอ่านหนังสือก็นอนแค่นั้นเอง หากความทรงจำเพียงแวบหนึ่งก็แทรกเข้ามา


               
    ตอนนั้น...ที่คาโล....


               
    เธอจำได้ว่าเหมือนจะได้ยินเสียงอะไรแตกหรือจะเป็นหินนี่ แล้วคาโลพกหินนี่ทำไม? ปกติก็ไม่เห็นจะสนใจอะไร ยิ่งเครื่องประดับแล้วได้มาก็ยัดใส่กองคลังเสียหมด


               
    เฟรินยืนคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะส่ายศีรษะไปมา เพราะไม่รู้จะคิดมากกับมันไปทำไม ถ้ามันจะเป็นอัญมณีเลิศเลอสูงค่าแค่ไหน ตอนนี้มันกลับเป็นเพียงแค่หินบิ่นๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้นเอง


               
    "
    นายหญิงคะ ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วค่ะ" ผีสาวลอยมาบอกให้เฟรินพยักหน้าก่อนวางหินลงบนพื้นที่ว่างเหนือเตาผิงใหญ่นั่นแล้วเดินออกจากห้องไป


    *******************************TBC...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×