คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [#6] Love
ไอแดดร้อนแรงจนต้องเอื้อมขึ้นดึงฮูดที่บดบังใบหน้าให้ต่ำลงมาอีก ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ใครรู้ แต่...มันร้อน!!!
ตาสีน้ำตาลฉายแววไม่พอใจซักเท่าไหร่นัก เริ่มนึกสงสัยความบ้าอะไรในตัวเธอถึงทำให้อยากเดินตลาดตอนใกล้เที่ยงแบบนี้ คิดแล้วก็เหลือบมองนึกสงสารทหารรักษาพระองค์ที่ต้องออกมาตากแดดกับเธอ และถึงทหารทั้งสองคนจะสลัดชุดราชการออกเพื่อไม่ให้สะดุดตา แต่ไอ้การใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ใต้แดดใกล้เที่ยงนี่ก็ออกจะสะดุดตาอยู่บ้าง ในขณะที่ตัวเธอเองก็รื้อเอาชุดเก่าๆ ขึ้นมาใส่ ผลก็คือผีพี่สาวสวดยับเล่นเอาหูชาไปหลายนาทีเหมือนกัน นี่ถ้าไม่อ้างความกลมกลืนคงต้องฟังกันนานกว่านั้น
หากความคิดหงุดหงิดก็ต้องหยุดเมื่อเท้าทั้งสองได้พาเธอมาหยุดลงตรงกลางตลาดนัด ตาสีน้ำตาลพราวระยับอย่างตื่นตากับบรรดาร้านค้าเร่มากมายที่มาชุมนุม มีทั้งของแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไหนจะพวกอาวุธ เสื้อผ้า เครื่องประดับ แต่เห็นที่จะถูกใจที่สุดในตอนนี้คงจะเป็นร้านขายอาหาร
"ใกล้จะเที่ยงแล้ว เอาเป็นว่าหาอะไรทานก่อนก็แล้วกัน จะได้มีแรงเดินดูของ" เฟรินเอ่ยเสียงใสแล้วเดินนำเข้าร้านอาหารไป
เสียงกระดิ่งที่แขวนติดกับขอบประตูดังขึ้น เจ้าของร้านชราก้าวเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มบริการเต็มที่
"กี่ท่านครับ" เฟรินตั้งท่าจะยกนิ้วสามนิ้วแต่แล้วต้องชะงักไปแปปนึงก่อนจะยิ้ม "สามที่จ้ะลุง แต่ขอแบ่งเป็นสองโต๊ะจะได้ไหม พอดีว่าฉันไม่ทานเนื้อ จะสั่งอะไรก็ลำบากคนที่มาด้วยกันน่ะ"
"ได้สิครับ งั้นเชิญทางนี้เลย" เจ้าของร้านยิ้มรับพลางเดินนำเข้าไปด้านใน ที่นั่งจัดอยู่ค่อนข้างจะกลางร้าน ยังดีที่โต๊ะตัวหนึ่งติดริมหน้าต่างทำให้มองสภาพขวักไขว่ของผู้คนได้อย่างชัดเจน เฟรินพาตัวเองนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง ขณะที่ทหารทั้งสองคนนั่งโต๊ะข้างๆ กัน
"ขอโทษนะที่มาแบ่งแยกกันอย่างนี้ แต่จะให้พวกเธอมาทานกับฉันที่ค่อนข้างจะทานอะไรได้ยากก็เห็นจะเป็นการรบกวน" ถ้อยคำนุ่มนวลตามแบบฉบับของผู้ที่รับการฝึกสอนอีกทั้งความเป็นกันเองในระดับหนึ่งสร้างความตื้นตันและนับถือให้กับทหารทั้งสองนาย พวกเขาก้มหน้าเล็กน้อย
"เป็นพระ...เป็นความกรุณาแล้วครับ" ทหารคนหนึ่งตอบชะงักด้วยสายตาจ้องจับผิดของผู้มีศักดิ์สูงกว่า ที่ตกลงกันก่อนออกจากวังว่าให้เลิกใช้คำราชาศัพท์ชั่วคราว ได้เต็มที่แค่คำสุภาพปกติเท่านั้น เฟรินยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่ 'ควร' จะได้ยิน เป็นเวลาเดียวกับที่บริกรหนุ่มก้าวเข้ามารับรายการอาหาร มีเพียงประโยคแนะนำอาหารขึ้นชื่อสองสามอย่างแต่เมื่อได้รับการปฏิเสธจากลูกค้าจึงได้รับรายการอาหารออกไปเงียบๆ
ตาสีน้ำตาลมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ดึงฮูดลง คงไม่อยากมีใครคนไหนอยากเห็นราชินีที่ดีและเพียบพร้อมแห่งคาโนวาลอยู่ในชุดซอมซ่อแบบนี้นักหรอก
เด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าสิบหกกลุ่มหนึ่งเดินหยอกเล่นตบหัวเพื่อนกันอย่างสนุกสนานก่อนจะให้ความสนใจกับร้านขายอาวุธจากเมืองอื่น นัยน์ตาใสหม่นแสงลง อย่างน้อย...เธอก็เคยเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้...เธอเป็นแค่ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่หันไปมองอดีตที่เคยลืมเลือน
เธอเคยคิด...หากคาโลไม่ใช่เจ้าชาย มีอาชีพธรรมดาทั่วไปอย่างหัวขโมย ขอทาน หรือนักฆ่า ไม่ต้องแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบใดก็คงดี
แต่...นั่นก็คงไม่ใช่คาโลที่เธอรัก
รอยยิ้มเหยียดยกขึ้นมุมปากราวเยาะตัวเอง
รักแรก...มักเป็นอะไรที่สวยงาม
มองอะไรก็สวยงาม มองอะไรก็เป็นทางราบไม่มีหินหรือฝุ่นมาให้สะดุด ถ้าจะมีก็มั่นใจว่าจะปัดมันหรือข้ามมันไปได้อย่างแน่นอน เธอก็เป็นเช่นนั้น แรกเริ่มเธอมั่นใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอที่เป็นขโมยที่ดีแต่หาเรื่องกลายเป็นเจ้าหญิงสองดินแดน ต้องเจอกับเหตุการณ์มากมาย ทั้งสนุกสนาน เฮฮาตามประสา รวมไปถึงการเฉียดตายนับครั้งไม่ถ้วน เธอคนนี้ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ต้องสามารถผ่านพ้นไปได้
แต่วันนี้เธอกลับต้องคิดหนัก หนักอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิต มือบางทั้งสองข้างบีบเบาๆ ราวกับให้รู้ว่าตัวเองยังมีความรู้สึกอยู่ ริมฝีปากบางเม้มแน่น
เธอรักคาโล เธอมั่นใจ...แต่คาโลล่ะ??
รู้ว่าตำแหน่งคิงที่ยิ่งใหญ่ต้องและกับความเสียสละที่ใหญ่หลวงพอกัน ค่าแลกเปลี่ยนที่หลายคนยากจะทำใจรับแต่ก็หอมหวลเสียจนถอนตัวไม่ขึ้น
คนเหนือคน...คิงที่อยู่เหนือประชาชน
คาโลที่สืบทอดนิสัยความคิดทุกอย่างจากคิงบาโร คิงเหนือคิงที่ได้รับการยอมรับทั้งเอเดนย่อมไม่มีทางปัดหน้าที่นี่ทิ้งเพียงเพราะสิ่งที่เรียกว่าความรัก
หน้าที่เพื่อประชาชน
หน้าที่เพื่อคาโนวาล
หน้าที่...ที่ทำให้เธอต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่จนบัดนี้
เธอรักคาโล...แต่ก็รักตัวเธอเองเช่นกัน
เธออยากอยู่เคียงข้างคาโล...แต่ก็โหยหาอิสระเช่นกัน
เธออยากเป็นที่ยอมรับ...แต่ก็อยากทำตามใจตัวเองเช่นกัน
เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อคาโล...แต่ดูสิ่งที่มันตอบแทน!!
นึกแล้วยิ่งหงุดหงิดไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงยอมอยู่ในสภาพน่าอึดอัดนี่มานานถึงสามปี แต่ก็นั่นล่ะพอคิดว่าจะเลิกก็อดห่วงไม่ได้ทุกทีว่าคาโลมันจะอยู่ยังไง
เฟรินถอนหายใจหนัก ความคิดนี้ดูท่าทาคงไม่มีทางละทิ้งไปจากสมอง และถึงจะคิดให้ตายก็คงหาข้อสรุปไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งพาลแต่จะกลายเป็นโทสะให้ทะเลาะกันใหญ่โต คนที่เจ็บก็ไม่พ้นเธออีกอยู่ดี
"อาหารที่สั่งได้แล้วครับ" เสียงบริกรเรียกสติให้เฟรินหันกลับมาเอ่ยขอบคุณหลังจากที่อาหารทั้งหมดจัดวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย ควันสีขาวลอยฉุยจากจานหลายจานชวนน้ำลายสอ ตาสีน้ำตาลจ้องมองอาหารตรงหน้าเงียบๆ กับข้าวง่ายๆ ที่หากินได้ตามร้านอาหารทั่วไป ส่วนประกอบก็หาได้จากตลาดที่มีทุกเช้า ไม่ถึงกับดีเลิศแต่ก็ไม่ใช่ของเสียหรือของค้างคืน น่าแปลก...ที่มันดูน่ากินกว่าอาหารเลิศรสในราชวังใหญ่นั่น
เฟรินยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนจับช้อนเตรียมจัดการกับอาหารตรงหน้า หากหางตาที่เหลือบมองเห็นร่างสูงโปร่ง แม้ไม่คุ้นตาแต่ให้ความคุ้นเคยอย่างประหลาด ร่างบางลุกพรวดจนคนคอยระวังระไวที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ต้องลุกพรวดตามด้วยคิดว่านายเหนือหัวตนเห็นบุคคลที่อาจจะเป็นอันตราย ตาคมสองคู่สอดส่ายไปทั่วขณะที่ลูกค้าที่นั่งทานอาหารเฮฮาหยุดเงียบและหันมามองพฤติกรรมแปลกๆ นี่กันทั้งร้าน
"พระรา..." น้ำเสียงขาดหายเมื่อหันกลับมายังโต๊ะเบื้องหน้าก็ไร้ร่างของบุคคลที่พวกเขาต้องเฝ้าถวายอารักขาด้วยชีวิตเสียแล้ว
---------------------------
ไม่ใช่...ไม่น่าเป็นไปได้
แต่...
สองขาที่พาตัวเองวิ่งออกมาจากร้านอาหารไม่ยอมหยุดง่ายๆ สายตาทั้งคู่ยังคงจ้องไปเบื้องหน้าควานหาแผ่นหลังคุ้นตาเมื่อครู่อย่างไม่ลดละ ฮูดที่บดบังใบหน้านั้นหล่นลงมาตั้งแต่เธอเริ่มออกวิ่ง แต่เพราะความวุ่นวายของผู้คนทำให้ไม่มีใครนึกอยากจะสนใจเพ่งหน้าว่าใครเป็นคิงใครเป็นควีนของประเทศไหน
พลั่ก!!
"จะรีบไปไหนกันน่ะ!! ดูทางซะบ้างสิ" เสียงโวยวายตามทางที่เธอวิ่งผ่าน ความรีบร้อนทำให้เฟรินลืมที่จะกล่าวขอโทษหรือแม้แต่จะหันไปมอง ในสมองตอนนี้มีเพียงคำว่า
ทำไม
ทำไมหมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้!
ตาสีน้ำตาลวูบไหวไปมา แม้จะไม่แน่ใจแต่ก็หวัง หวังอย่างที่เคยบอกตัวเองว่าความหวังเป็นเพียงการให้กำลังใจตัวเองและไม่มีทางเป็นจริงมาตลอดสองปี
ปึก!
โครม!!!
ด้วยความที่สายตาเอาแต่มองภาพเบื้องหน้า สองขาที่ลัดเลาะไปตามพื้นที่จึงสะดุดเข้ากับตะกร้าเปล่าที่คนขายลืมเก็บเข้าไปในร้านส่งให้ร่างบางๆ นั้นล้มโครมลงกับพื้น เฟรินหยัดตัวเองขึ้นมาลูกหัวตัวเองด้วยความมึนงง ยังดีที่ไม่ได้เอาคางลง ไม่งั้นคงได้เห็นดาว
"ตายแล้ว!! เป็นยังไงบ้างแม่หนู ป้าขอโทษๆ" ป้าเจ้าของร้านรีบเดินออกมาขอโทษขอโพยให้คนที่ยังนั่งมึนอยู่บนพื้นยิ้มแห้งๆ ปฏิเสธ "ไม่เป็นไรจ้ะป้า ฉันเองก็วิ่งไม่ดูทาง ขอโทษนะจ้.."
เฟรินรู้สึกวูบพร้อมกับแรงกระชากที่แขนให้ลุกขึ้นยืน เธอตวัดสายตาหันกลับไปมองเพื่อที่จะขอบคุณแต่แล้วก็ต้องชะงักค้าง
นานเหลือเกินแล้ว...ที่เธอดูจะลืมเลือนคำว่า
...สมตามความหวัง...
"นั่งแหมะอยู่นั่นจะขวางทางคนขายของเขารึไง แกนี่ยังขยันหาเรื่องไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ" คนช่วยฉุดตกใจเมื่อเห็นหยาดน้ำใสแล้วเริ่มลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คุ้นเคย อีกทั้งเป็นน้ำตาจากคนตรงหน้าด้วยแล้วยิ่งทำอะไรไม่ถูก มือใหญ่ล้วงเอาผ้าสะอาดที่มักพกติดตัวขึ้นมาปาดน้ำออกจากแก้มใสนั้นแรงๆ เหล่าคนที่เดินสวนไปสวนมาเริ่มเห็นเหตุการณ์ผิดสังเกตจึงหยุดมอง
"แกจะร้องไห้อะไรตรงนี้" ผ้าสะอาดนั้นยังคงป้ายเช็ดน้ำตาที่ยังคงไหลลงมาจากนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยไม่หยุด
ความเหนื่อยล้าจากการวิ่งหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เธอไม่รู้ รู้เพียงแต่ภาพตรงหน้านั้นพร่าเลือนด้วยม่านใสที่เอ่อจนล้นขอบตาไหลอาบแก้มขาวที่แดงเพราะความเหนื่อยหอบ ทำนบความรู้สึกที่กักขังทุกสิ่งค่อยๆ ปริร้าวให้กระแสความเจ็บปวดที่ทนเก็บมาไหลซึมซับไปทั้งร่าง ลำคอตีบตันทั้งที่คิดว่าหากได้เจอคงมีเรื่องที่จะคุยกันมากมายแต่ตอนนี้กลับมีเพียงลมอากาศหลุดออกมา
"...."
"อะไร"
"...."
"อยากพูดอะไรเฟริน"
น้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจของคนพูดทำให้เส้นความอดกลั้นและอิฐก้อนสุดท้ายของใจถูกดึงออกมา
กำแพง...พังทลาย
ร่างบางโผกระโดดเข้ากอดร่างสูงอย่างไม่อายสายตานับสิบที่จ้องมองพร้อมกับเสียงสั่นเครือที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางอย่างยินดีที่สุด
"...คิล..."
*****************************TBC...
ความคิดเห็น