ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -FanFic บารามอส- เวลากับสายลม

    ลำดับตอนที่ #4 : [#4] Visitor

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 50



               
    หนวกหู และ...น่าเบื่อ


               
    เฟรินเกือบจะอ้าปากหาวหลายต่อหลายครั้ง แต่สิ่งที่ทำได้คือการหลับตาพักหนึ่งและลืมตาขึ้นมาดูภาพเดิมๆ ฟังคำถามเดิมๆ แต่เพราะสายตาปรามของคนภายในห้องโถงทั้งหมดทำให้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องนั่งคอแข็งรอจนกว่าจะได้ตัวสนมอย่างน้อยหนึ่งคนในบรรดาเจ้าหญิงและท่านหญิงทั้งหลายที่รุดมาถวายตัวให้คิงแห่งคาโนวาลได้เลือก


               
    แต่ละคน 'ทรงเครื่อง' กันมาอย่างเต็มที่ ทั้งเพชรพลอยแวววาว ไหนจะชุดราตรีงดงามหลากสีและมีเอกลักษณ์ตามแต่ประเทศของตน ภายนอกห้องโถงก็เต็มไปด้วยเหล่าบรรดาผู้ติดตามทั้งหลายที่เธอคิดว่าน่าจะยกกันมาลุ้นเกือบหมดวัง


               
    ตาสีน้ำตาลพราวระยับด้วยความขัน


               
    เหมือนตู้เครื่องประดับกับตู้เสื้อผ้าเคลื่อนที่


               
    อย่างนี้เหรอ เหล่าคนที่สภาอำมาตย์คัดเลือก?


               
    ยิ่งคิดก็ยิ่งขำ นึกยอมรับในใจ เพราะอย่างนี้ไง ถึงเป็นได้แค่สนม ไม่ใช่...ราชินี


               
    ตาสีน้ำตาลทอวาววับกับความคิดตน 3 ปีที่ผ่านมาสอนอะไรให้เธอรู้สึกหลายอย่างเกี่ยวกับคำว่า 'ราชินี' ทั้งการฝึกหฤโหดเพื่อการเป็นราชินีที่เพียบพร้อมทั้งกริยา ท่าทาง ความอดทนเหนือคน การมองไกลกว่าที่คนทั่วไปมอง รวมไปถึงค่าตอบแทนที่ได้รับมาในรูปแบบของการที่ประชาชนคาโนวาลยอมรับและเทิดทูนจนสุขตื้นตันไปทั้งใจ และการห่างเหินของเธอกับคาโลที่ทำให้ร้าวไปทั้งกาย ตาสีน้ำตาลไหววูบเล็กน้อย แม้จะทำใจมาร่วมสองวันแต่ก็ยากเหลือเกินที่จะทำได้อย่างที่คิด


               
    เฟรินสูดหายใจลึก เมื่อรู้ตัวว่าอารมณ์กำลังเข้ามาแทนที่สติ


               
    เอาเถอะ...ถึงอย่างนั้นในบรรดาหญิงสาวที่มาทั้งหมดก็ใช่แต่จะมีพวกแม่คุณหนูที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวที่มาสมัครเป็นสนม ตาสีน้ำตาลปรายมองหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่ยืนสำรวมอยู่ด้านหลังแล้วเผลอขยับยิ้มน้อยๆ ไม่ให้คนอื่นทันสังเกต


               
    สิงโตตัวเมียเวลาล่าเหยื่อน่ะมักหมอบต่ำ...และไม่ให้เป็นที่สนใจ


               
    สวยงาม สง่า อันตราย!


               
    "ราชินีทรงคิดเห็นว่าอย่างไร" เสียงหัวหน้าอำมาตย์ถามดังขึ้น น่าแปลกใจที่จู่ๆ ก็มาถามความเห็นของเธอ หากเฟรินกลับทำแค่ยิ้มแต่ตอบช้าๆ


               
    "ท่านควรจะถามฝ่าบาทดีกว่า ท่านอำมาตย์มานิค" ว่าพลางก็หันไปมองยิ้มๆ ให้คนที่นั่งดึงหน้าเรียบข้างตัว ไอเย็นแผ่ไปทั่วจนคนที่อยู่ในโถงรู้สึกได้เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดเท่านั้น คาโลมองคนที่โยนคำถามโครมมาให้ดุก่อนหันกลับไปพยักหน้าให้สภาอำมาตย์ตัดสิน


               
    "ยินดีต้อนรับสู่คาโนวาล...มีเดีย อากอส เดอะปริ้นเซส ออฟฟรานส์"


               
    ความเจ็บปวดแล่นริ้วเข้าสู่หัวใจก่อนจะลามไปทั้งตัว ถึงอย่างนั้นเฟรินก็ยังลุกขึ้นมายืนได้อย่างมั่นคงจนตัวเองยังแปลกใจ ตาสีน้ำตาลมองหญิงสาวผู้จะมาเป็นหนึ่งใน 'ครอบครัว' ของเธอนับตั้งแต่วันนี้


               
    ในฐานะ...ภรรยาอีกคนของคนที่เธอรัก


               
    แม้จะเชื่อใจแค่ไหนว่าคาโลไม่มีทางที่จะหันไปรักหรือให้ความสำคัญกับคนอื่นนอกจากตัวเธอ แต่...เธอก็ยังกลัว กลัวต่อความงามตรงหน้า ร่างบางเล็กย่อตัวถวายความเคารพต่อหน้าคาโลและเธอสวยงาม ดวงหน้าขาวใส ริมฝีปากแดงอมชมพู จมูกโด่งงาม ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีทองหยักโศกยาวถึงกลางหลังยิ่งเมื่อต้องแสงไฟก็ยิ่งดูระยิบระยับสวยงาม ผิวพรรณขาวเนียนที่อยู่นอกร่มผ้าแม้ไม่ได้เพ่งมองก็รู้ว่าได้รับการบำรุงเป็นอย่างดี อาจจะตั้งแต่ที่เธอคนนี้เกิดมาเลยก็เป็นได้ กลิ่นน้ำหอมอ่อนโชยมาแตะจมูก แม้เฟรินจะเป็นพวกแพ้น้ำหอมแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลิ่นนั้นหอมกรุ่นหากไม่ฉุนเหมือนอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปชอบพรม เสื้อผ้าดูหรูหราฟู่ฟ่า ลวดลายกลีบดอกไม้งามที่ปักด้วยดิ้นเงินเป็นงานฝีมืออันวิจิตร


               
    สมกับที่เป็นฟรานส์


               
    นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายเล็กน้อยขณะที่คนที่เป็นคิงกลับมองอย่างระแวงว่าคนข้างๆ จะขุดเอานิสัยเจ้าชู้สมัยยังเป็นหัวขโมยขึ้นมาใช้รึไม่


               
    "ท่านงามนัก เจ้าหญิงมีเดีย คิดว่าอย่างนั้นไหมฝ่าบาท" คำพูดแรกหลุดจากริมฝีปากถามผู้เป็นสามีให้หันมองสบตาอย่างพยายามอ่านความคิด สิ่งที่เห็นมีเพียงกำแพงสูงใหญ่ที่เขาไม่อาจจะมองทะลุเข้าไปภายในได้ ตาสีฟ้าไหววูบเพียงแวบหนึ่งแล้วกลับมาสงบนิ่งตามเดิมก่อนพยักหน้ายอมรับ


               
    "ชมเกินไปแล้วเพคะ ราชินีทรงสิริโฉมกว่าหม่อมฉันเยอะเพคะ" เสียงหวานใสเพราะพริ้ง เรียวปากแย้มยิ้ม หากยิ่งทำให้ใจคนฟังหวั่นไหว


               
    กลัว...กลัวความสูญเสีย


               
    "ขอบใจนะ เอาเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆ พักผ่อนเสียก่อน ค่ำนี้เรามีงานเลี้ยงต้อนรับท่าน"


               
    "เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันทูลลา" มีเดียย่อตัวต่ำแล้วก้าวถอยเดินออกจากห้องโถงไป เฟรินจึงหันมาหาหัวหน้าอำมาตย์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก


               
    "เราเองก็ขอตัวไปพักก่อนนะท่านอำมาตย์ ฝากเรื่องงานคืนนี้ด้วย" อำมาตย์เฒ่าโค้งตัวต่ำ เฟรินถึงเดินออกจากห้องโถงด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง


               
    หน้าที่ ตำแหน่ง...หนักเหลือเกิน


    ------------------------------
     

                มือบางเอื้อมปิดประตูหนาหนักอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะกี่ปีที่เธอจะทนไม่ได้เห็นจะเป็นการเสแสร้งในงานเลี้ยงของพวกสังคมชั้นสูงนี่ล่ะ เฟรินก้าวเข้ามาหยุดยืนหน้าเตาผิงใหญ่ภายในห้องถูกจุดไว้เพื่อให้แสงสว่างและความอบอุ่น ตาสีน้ำตาลมองเปลวไฟที่ลุกไหวราวกับเต้นระบำเฉลิมฉลองอย่างมีความสุขเหมือนในโถงเลี้ยงในเวลานี้


               
    เฟรินขอตัวออกมาจากงานก่อนด้วยเหตุผลที่ว่าเธอเหนื่อย และอาการไข้ก็เหมือนจะยังไม่หายดี แม้จะเป็นการโกหกเสียครึ่งแต่พวกอำมาตย์ก็ยอมให้เธอออกมาเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกเธอดี


               
    ...ราวกับน้ำหยดน้อย...


               
    ภายในห้องเงียบกริบเพราะวันนี้เธอขอให้คาโลไม่ต้องเรียกผีสาวออกมาอยู่เป็นเพื่อน อ้างว่าง่วง อยากนอนไม่อยากฟังเสียงบ่น น่าดีใจที่สามีเธอยอมทำตามที่ขอเพราะเธอไม่ต้องการให้ใครเห็นความอ่อนแอ


               
    พรมสีแดงหรูหรารับหยดน้ำที่ร่วงลงมากระทบ นัยน์ตาสีน้ำตาลโตคลอไปด้วยหยาดน้ำที่เอ่อล้น หากสายตานั้นยังไม่ละไปจากเปลวเพลิงตรงหน้า ราวกับเธอต้องการให้มันไหลออกมา...เงียบๆ


               
    พร้อมกับความปวดใจที่ทนมาหลายวัน


               
    "ก็เป็นแบบนี้ซะทุกที" เสียงทุ้มไม่คุ้นหูดังขึ้นหลังจากมุมมืดที่แสงไฟส่องไปไม่ถึงให้เฟรินหันขวับ ดาบใหญ่ถูกเรียกมาอยู่ในมือด้วยสัญชาตญาณ น้ำตายังคงคลอหน่วยตาเพราะเจ้าตัวไม่สนใจที่จะเช็ด


               
    "ใครน่ะ!" เสียงใสเอ่ยเย็นระวังตัว ไม่ว่าจะเป็นใครแต่เล็ดลอดพวกยามที่ถูกวางไว้มากกว่าปกติสามเท่าเพื่อให้ความคุ้มกันแขกบ้านแขกเมืองเข้ามาซ่อนตัวถึงห้องบรรทมกษัตริย์ได้


               
    ย่อมไม่ธรรมดา!!


               
    ผู้บุกรุกก้าวออกจากมุมมืดช้าๆ ด้วยรอยยิ้มบางและสงบ แม้ว่าการแสดงตัวของเขาอาจจะทำให้ถูกจับในฐานะบุกรุกวังหลวงก็ตาม


               
    "ไม่ได้เจอกันนานนะ" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยทักทายขณะที่คนถูกทักตอนนี้ยืนอึ้งอยู่กับที่ ร่างสูงโปร่งกับนัยน์ตาสีเขียวที่เป็นประกายเรียบไม่ต่างไปจากเมื่อครั้งที่พบกันครั้งสุดท้าย ผมสีน้ำตาลอ่อนที่แม้จะยาวขึ้นมาบ้างทำให้ใบหน้านั้นดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเก่า


               
    "...โร..."


               
    คนถูกขานชื่อโค้งตัวคำนับให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวว่ามันกำลังประชด ฝ่ามือบางยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนฉีกยิ้มเดินฉับๆ เข้าไปหา


               
    "มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วนี่เข้ามาได้ยังไง" ตาสีน้ำตาลใสมีชีวิตชีวาผิดกับเมื่อไม่กี่นาทีก่อนลิบลับ


               
    "จะไม่ให้ฉันนั่งพักก่อนเหรอไง" เฟรินสะดุ้งเล็กๆ รีบกุลีกุจอเดินนำไปนั่งยังเก้าอี้ริมหน้าต่าง แล้วยืนหันซ้ายหันขวาก้าวออกไปนอกห้องปล่อยให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญนั่งยิ้มอยู่คนเดียว ครู่ใหญ่เจ้าของห้องก็กลับมาพร้อมกับถาดน้ำชาและขนม


               
    "ไม่บอกว่าจะมาจะได้เตรียมห้องไว้ให้พัก" เฟรินติทั้งๆ ที่ยิ้มกว้าง มือก็รินน้ำชาให้สหายที่ไม่ได้พบกันนานอย่างอารมณ์ดี โรเอ่ยขอบคุณรับมาจิบอย่างทุกทีที่ชอบทำ เฟรินมองเพื่อนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตนแล้วนั่งยิ้มอยู่คนเดียว


               
    "แกนี่ท่ายังไงก็ยังเป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยนไปเลยนะ งานนี้ทริสทอร์คงเปลืองงบไปกับค่าใบชาของคิงน่าดู" โรหัวเราะเบาๆ "มีให้ดื่มฉันก็ดื่ม แต่ถ้าไม่มี..."


               
    "แกก็หามาดื่มจนได้นั่นล่ะ" อดีตหัวขโมยรีบตอบดักคอให้คนฟังยิ้มน้อยๆ


               
    "แล้วมาถึงคาโนวาลเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกฉันจะได้ไปหา"


               
    "วันนี้"


               
    "วันนี้? ทำไมฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ อย่างน้อยถ้านายมาพวกอำมาตย์หรือคาโลก็ต้องมาบอกฉัน" โรขยับยิ้ม


               
    "ใครบอกว่าฉันมาในฐานะคิงของทริสทอร์ล่ะ" คราวนี้คิวบางเลิกสูงไม่เข้าใจก่อนจะฉีกยิ้มกวน


               
    "อย่าบอกนะว่าเบื่อตำแหน่งคิงแล้วจะกลับไปเป็นขอทาน" คิงแห่งทริสทอร์หัวเราะก่อนตอบ "ก็น่าสน ถ้ามีหัวขโมยอยู่เป็นเพื่อน"


               
    เฟรินสะดุ้งเฮือกนึกเสียรู้ไอ้เพื่อนตัวดีที่ยังไม่ทิ้งมาดใดๆ เลยแม้แต่ชื่อห้องสมุดเคลื่อนที่


               
    "แล้วเข้ามาในห้องนี่ได้ไง เวรยามวันนี้เยอะกว่าเดิมตั้งสามเท่า แค่หนูซักตัวยังไม่พ้นสายตา" โรพยักหน้ายกชาขึ้นดื่มช้าๆ


               
    "ก็เพราะหนูถึงเข้ามาได้" เฟรินยกมือเกาหัวตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีหลังจากที่หูชาไปเพราะโดนสวดว่าด้วยเรื่อง 'มารยาทพันสองร้อยที่ราชินีควรหลีกเลี่ยง'


               
    นึกปลงกับความคิดที่จะหาทางถามเอาความจริงจากพ่อคิงแห่งทริสทอร์คนนี้


               
    "ตกลงว่านี่แกยอมทิ้งงานมานั่งดื่มชานี่นะ" เฟรินถามขึ้นอีกครั้งก่อนที่ความคิดอยากยั่วคนแวบเข้ามาในหัว ตาสีน้ำตาลหรี่เล็กลงก่อนถามต่อ "หรือว่าคิดถึงฉัน?"


               
    "ถ้าฉันคิดถึงนายจริงแล้วจะยอมไปเป็นราชินีของทริสทอร์ไหมล่ะ" โรตอบพลางยิ้ม ขณะที่คนฟังนั้นผงะจนเกือบตกเก้าอี้


               
    "อย่า..อย่าล้อเล่นน่ะ" เฟรินเอามือทาบอก หาตาสีเขียวฉลาดนั้นกลับไม่มีวี่แววของการหยอกเล่นเลยแม้แต่น้อย


               
    หรือมันคิดจริง?


               
    "3 ปีแล้วนะโร นายยังมีคนที่ดีกว่าฉันให้เลือกตั้งเยอะ" หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วขณะที่ได้รอยยิ้มอย่างที่อีกฝ่ายชอบยิ้มเป็นคำตอบ โรยิ้มกับความห่วงใยของเฟริน แต่เพราะ 3 ปีนั่นล่ะ...ถึงทำให้เขามั่นใจ


               
    ระยะทาง ความห่างไกล และเวลา...พิสูจน์หัวใจคน


               
    เช่นเดียวกับคิงคาโล แห่งคาโนวาล


               
    ตาสีเขียวจ้องมองหญิงสาวที่กำลังทำหน้าลำบากและกระอักกระอ่วนใจกับคำพูดของเขาจนใจอ่อน ทำให้โรต้องยิ้มออกมาช้าๆ


               
    เพราะอย่างนี้...เขาถึงแย่งมาไม่ได้


               
    "ฉันล้อเล่น" โรตอบให้คนฟังถอนหายใจโล่งอก เกือบหัวใจวายตายไปแล้วไหมล่ะ


               
    "แล้วนี่จะนอนไหนล่ะ พรุ่งนี้จะได้ไปหา" โรส่ายหน้าเป็นคำตอบ เฟรินเบิกตากว้าง "นี่นายมาถึงคาโนวาลตอนไหนเนี่ย!"


               
    โรทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย


               
    "ซักสองชั่วโมงที่ผ่านมา พอดีว่าเสียเวลาหาทางเข้าไปหน่อย" เฟรินกุมขมับกับความบ้าบิ่นที่ดูจะมากกว่าเดิมของเพื่อนคนนี้ ก่อนตัดสินใจ


               
    "งั้นนายนอนนี่ล่ะคืนนี้" คำชวนสร้างความแปลกใจระคนตกใจให้กับโร นี่มันไม่คิดถึงสถานภาพตัวเองเลยใช่ไหม เฟรินตั้งใจมั่นเหมาะแล้วเดินไปลากผ้าห่มผืนใหญ่ลงมาปูที่หน้าเตาผิง ตามด้วยหมอนทั้งสองใบให้คนมองยิ่งสับสน อย่าบอกนะว่า...


               
    "คืนนี้นอนด้วยกันนะโร ฉันอยากฟังว่าหลังจากจบไปนายไปเจออะไรมาบ้าง" นั่นปะไร...โรทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ครู่ก่อนหัวเราะออกมา


               
    "คาโลคงได้ถลกหนังหัว" มือที่กำลังจัดที่นอนชะงักกึกก่อนจะกลบเกลื่อนเป็นการลูบผ้านั้นให้เรียบ


               
    "คืนนี้คาโลไม่กลับมานอนที่ห้องหรอก ไม่ต้องมาถามลองใจฉัน ฉันรู้ว่านายรู้ว่าวันนี้ที่นี่มีงานอะไร" ใช่..เขารู้ และเพราะรู้ถึงได้ยอมทิ้งงานดั้นด้นมาถึงนี่ โรยิ้มบาง


               
    "ไม่กลัวว่าฉันจะทำอะไรนายตอนหลับรึไง" เฟรินหันหน้ามามองแล้วหัวเราะจนน้ำตาเล็ด


               
    "ถ้านายจะทำ คงไม่รอถึงตอนนี้ล่ะมั้ง เร็วเข้าสิ! ฉันอยากฟัง" โรส่ายหน้ากับนิสัยรู้ดีของเพื่อนสาวแล้วยอมลุกไปนอนหน้าเตาผิงโดยดี


    -----------------------------
     

                เวลาผ่านไปนานมากแล้ว เสียงพูดคุยก็เงียบหายไปนานแล้วเช่นกัน หากตาสีเขียวนั้นยังไม่หลับพักผ่อนอย่างที่คนข้างตัวหลับไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยความเหนื่อยทั้งใจและกาย เสียงฟืนปะทุขึ้นเบาๆ หากก้องเพราะความเงียบที่ปกคลุม โรหยัดตัวเองขึ้นมานั่งชันเข่าข้างหนึ่ง ตามองฝ่าความมืดที่ดูจะกินพื้นที่มากขึ้นจากการโรยราของฟืน


               
    "อาการดีกว่าที่คิดสินะ" เปรยกับความมืดนั้นราวกับพูดกับตัวเอง หากมีอีกเสียงหนึ่งตอบโต้กลับมา


               
    "แย่กว่าที่คิดต่างหาก" ร่างสูงอีกร่างก้าวออกมาจากมุมมืด ตาสีม่วงสะท้อนแสงไฟสวยงามขณะมองร่างเจ้าของห้องที่กำลังอยู่ในนิทราอย่างมีความสุข


               
    "ก็เห็นว่ายังหัวเราะดี" โรพูดต่อให้คิลหันมาสบตาและยิ้มส่ายหน้า "นายน่าจะรู้ดีที่สุดนะโร"


               
    แน่นอนสิ...ตลอดเวลาที่เขาเล่าเรื่องหลายเรื่องให้เฟรินฟัง ตาสีน้ำตาลนั้นเต็มไปด้วยความโหยหา เหมือนกับนกที่มองออกไปบนท้องฟ้าหลังกรงสีทองสวยงาม


               
    "เฟรินน่าจะอยากเจอนายมากกว่า" คิลหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้ม ไหวไหล่เหมือนไม่ใส่ใจเดินไปหยิบขนมที่ยังคงเหลืออยู่บนโต๊ะขึ้นมากิน "ขืนได้คุยมีแต่มันจะร้องไห้ขี้แยเป็นเด็ก" โรหัวเราะเห็นด้วยกับคำพูดนั้น ขณะเดียวกันก็นึกชื่นชมฝีมือที่พัฒนาถึงขนาดพาเขาผ่านเวรยามเข้ามาอยู่ในห้องบรรทมกษัตริย์ได้อย่างเงียบเชียบ


               
    ลองแบบนี้ ดูท่าเขาเองก็ต้องระวังตัว เผื่อวันดีคืนนี้มันจะได้ใบสั่งให้ไปหาเขา


               
    "คิดว่านายจะมาหาคาโล" โรชวนคุยต่อ ขณะที่คิลกำลังจัดการรินชาให้ตัวเอง ตาสีม่วงเรียบเฉยไม่ทอความรู้สึกใดๆ ออกมา


               
    "ฉันก็คิดว่านายจะมาหาคาโลแล้วทำให้มันหายไปจากโลกนี้ซะอีก" คำย้อนไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกโกรธเคือง มีแต่อาการขบขันมากกว่า


               
    ก็คิดจะทำ...แต่ถ้าทำเขาคงเข้าหน้าเฟรินไม่ติด


               
    โรหันกลับมามองหญิงสาวที่กำลังหลับสบายนิ่งปล่อยให้ตัวเองจมกับความคิดหลายๆ อย่าง เขาไม่เคยคิดว่าคาโลจะหาสนม แม้จะรู้ว่าเฟรินไม่สามารถมีลูกได้และรู้ว่าคาโนวาลมีกฎบ้าๆ ข้อนั้นด้วย แต่ก็หวัง...หวังให้ทั้งสองคนทำอะไรเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงให้ทุกสิ่งดีขึ้น


               
    สุดท้าย...ก็เหมือนเดิม


               
    เฟรินทำตัวว่าง่ายเสมอเวลาอยู่กับคาโล ถึงมันจะมีอาการสาวแตก ขี้งอน เอาแต่ใจไปบ้าง แต่สุดท้ายคนที่โอนอ่อนก็ไม่พ้นตัวเธอเอง


               
    ผลลัพท์ของความโอนอ่อนนั้นคือปัจจุบัน


               
    เจ้าชายที่ยึดหน้าที่ดั่งชีวิตกับหัวขโมยที่กลับใจมาทำตัวเป็นราชินี


               
    คนที่เจ็บปวด...ไม่ได้มีแค่หนึ่ง

    **************************TBC...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×