ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -FanFic บารามอส- เวลากับสายลม

    ลำดับตอนที่ #3 : [#3] Something's Important

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 50



               
    เช้าวันใหม่ ลำแสงสีทองของพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นขอบฟ้าลอดหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจรดกำแพง ม่านหนาหนักสีทึบมัดรวบทิ้งตัวด้านข้างหน้าต่าง ร่างบางที่อยู่บนเตียงขยับตัวเล็กน้อยก่อนบิดตัวไปมาอย่างเมื่อยขบ แก้มขาวเป็นสีเรื่อจากความร้อนในร่างกายที่สูงกว่าปกติเล็กน้อย เฟรินสะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อไล่ความมึนงง


               
    "หน้าแดงจังค่ะ เป็นไข้รึเปล่า ให้ลุงหมอตรวจดีไหมคะ" ผีสาวที่เพิ่งปรากฏตัวถามลุกลี้ลุกลนอย่างเป็นห่วง เฟรินหัวเราะร่าเริงให้คนฟังรู้สึกใจชื้นขึ้นกว่าเมื่อวาน


               
    "ไม่เอาหรอก เดี๋ยวได้แตกตื่นกันเหมือนคราวก่อน" พูดแล้วก็นึกไปถึงคราวที่เธอนอนตากลมในสนามจนดึก รุ่งเช้าตื่นขึ้นก็นอนอยู่บนเตียงในห้องนอนซะแล้ว มารู้ทีหลังว่าคาโลเป็นคนไปอุ้มหล่อนกลับมาที่ห้อง คิดแล้วก็ยิ้มเศร้า คงเป็นความผิดเธอที่ไม่สามารถให้กำเนิดรัชทายาทแก่คาโนวาลได้


               
    ผลพวงจากการดื้อดึงเมื่อสมัยมหาสงครามระหว่างเอเดนและเดมอส


               
    สมกับที่เป็นคิงแห่งเมืองนักรบ


               
    ดาบปราบมาร...ที่แม้จะไม่โดนจังๆ แต่ก็มีผลต่อร่างกาย เฟรินระบายลมหายใจช้าๆ ขณะเตรียมจัดการตัวเองให้พร้อมสำหรับวันใหม่ รอยแผลเป็นขนาดใหญ่ตรงท้องน้อยดูน่ากลัวจนแทบไม่อยากนึกถึงว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร


               
    เธอยอมรับว่าประมาทเกินไป ไม่คิดว่าอาการบาดเจ็บที่ท่านอาลูน่ารักษาให้จะไม่ได้มีแค่ภายนอก และเป็นความผิดของเธอเองที่ปฏิเสธการตรวจจากท่านอาเพื่อตรงไปยังกระโจมที่ประทับของเสด็จตาไฮคิง อวัยวะภายในที่เสียหายถึงได้บอบช้ำเกินกว่าจะเยียวยาให้เป็นปกติเมื่อลุงหมอตรวจพบในตอนหลัง


               
    เมื่อก่อนเธอคงหัวเราะเยาะถ้ามีใครซักคนบอกให้มีลูก


               
    หากบัดนี้...เธอยอมทำทุกอย่างขอให้ได้มีโอกาสกำเนิดทายาทของคนที่เธอรัก


               
    รอยยิ้มเศร้าฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้าเรื่อนั้น เมื่อรู้ตัวว่ากำลังฟุ้งซ่านขึ้นเรื่อยๆ


               
    อดีต...ไม่เคยหวนกลับมา


    --------------------------------
     

                "นี่เป็นกำหนดการในงานอีกสองวันข้างหน้ากระหม่อม" อำมาตย์เฒ่าที่ไม่ได้แก่แค่อายุหากสมองและความคิดก็เติบโตมากตามเวลาที่ลืมตาดูโลกใบนี้


               
    "วางไว้บนโต๊ะนั่นล่ะ ไว้ว่างฉันจะดู" เฟรินเอ่ยปัด สายตายังคงสนใจอยู่กับบันทึกรวมความสามารถหัวขโมยที่ไฮคิงท่านหนึ่งใช้สามบัญชารวบรวมไว้ อันที่จริงเธอไม่คิดว่าไอ้ที่โรมันพูดจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ต้องเชื่อเมื่อบันทึกที่ว่าตอนนี้อยู่ในมือเธอ เธอเจอมันอยู่ในซอกหนึ่งของชั้นหนังสือจำนวนมากมายที่อยู่ในห้องสมุดของคาโนวาล


               
    ความจริงแล้วไอ้กลยุทธ์ที่เขียนอยู่ในบันทึกนี่ส่วนใหญ่เขาเคยลองใช้หมดแล้ว มีทั้งที่ได้เงินและได้คุกเป็นค่าเหนื่อย แต่ก็มีอีกหลายวิชาที่เขาไม่รู้


               
    เป็นไปได้ก็อยากจะลองใช้ดู


               
    "แต่งานจะเริ่มอีกสองวันข้างหน้าแล้วนะกระหม่อม หากไม่ทอดพระเนตรตั้งแต่ตอนนี้กระหม่อมเกรงว่า..." นัยน์ตาสีน้ำตาลคมตวัดเงยจากหน้ากระดาษขึ้นมามองคนพูดให้ต้องเงียบเสียงไป


               
    "ท่านคิดว่าเราจะจำกำหนดการภายในสองวันไม่ได้อย่างนั้นเหรอท่านอำมาตย์" น้ำเสียงเย็นเยียบที่คาดว่าน่าจะติดมาจากคนใกล้ตัวเปรยเรียบ อำมาตย์เฒ่าก้มตัวต่ำปฏิเสธ


               
    "หามิได้ กระหม่อมไม่บังอาจคิดเช่นนั้น"


               
    "อ้อแล้วท่านคิดยังไง" เฟรินชะงักนึกอยากกัดลิ้นตัวเองขึ้นมาที่ไปเปิดช่องให้ คนฟังก้มตัวต่ำอีกครั้ง


               
    "กระหม่อมแค่คิดว่า แม้จะเป็นงานเล็กและไม่มีระเบียบมากมายเหมือนครั้งงานอภิเษก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า 'ทุกคน' อยากให้งานออกมาดูดีที่สุดกระหม่อม"


               
    งานเล็กและไม่มีระเบียบมากมาย


               
    ฟังแล้วอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ มีงานไหนของคาโนวาลที่จัดแล้วกินไม่เกินสามชั่วโมง


               
    ไม่มี!!


               
    ตาสีน้ำตาลเหลือบมองหมายกำหนดการหนาหลายสิบหน้าด้วยสีหน้าเรียบๆ เธอไม่จำเป็นต้องอ่านอะไรให้มาก เพราะงานบ้าบอทุกงานของคาโนวาลมักจะมีแต่กำหนดเดิมๆ


               
    แค่ยืนข้างคิงอย่างสง่างาม ก้มหัวหรือตอบรับ แล้วก็เดินเข้าตำหนักเป็นอันจบพิธี


               
    ราชินี...ไม่ใช่คิง


               
    เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช่งานที่เกี่ยวกับตำแหน่งราชินีโดยตรงเธอก็แทบไม่ต้องเอ่ยปาก ตำแหน่งที่แบกอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำตัวเป็นตุ๊กตาที่สวยงามน่าดู


               
    เฟรินสูดหายใจเข้าลึกและช้า เพื่อไม่ให้อำมาตย์จับสังเกตได้ว่าเธอกำลังหมดความอดทน ตั้งแต่แต่งเข้าวังคาโนวาลไม่มีครั้งไหนที่เธอจะญาติดีกับตาอำมาตย์เฒ่านี่ ไม่ว่าเธอจะแย้งอะไรตานี่ก็มีข้ออ้างที่ทำให้เธอแย้งกลับไม่ได้อีก


               
    ถ้าเธอที่ไหลลื่นเป็นปลาไหลยังทำไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับคิงน้ำแข็งซื่อๆ นั่น


               
    ยิ่งคำว่าทุกคนนั่น ฟังแล้วเหมือนจะบีบเธอทางอ้อม 'ทุกคน' ในความหมายของอำมาตย์เฒ่านี่ไม่ได้มีแค่สภาอำมาตย์ แต่หมายถึงประชาชนชาวคาโนวาลทุกคนที่ปรารถนาจะมีควีนที่ดีพร้อมทุกด้าน


               
    ทั้งหมด...เพื่อคาโนวาล


               
    เฟรินขยับยิ้มบางอย่างที่ฝึกตัวเองมาร่วมสามปี


               
    "เราเองก็คาดหวังต่อตัวผู้ที่ 'พวกท่าน' คัดเลือกมาเช่นกัน" คนถูกสวนกลับไม่ตอบอะไรได้แต่ก้มตัวลา แล้วก้าวถอยออกจากห้องไป


               
    เฟรินหลับตาถอนหายใจเฮือกหมดแรง อยู่ในมหาสงครามที่ว่าหนักหนาก็ยังเหนื่อยไม่เท่าที่ต้องมาเล่นสงครามประสาทกับเหล่าสภาอำมาตย์ที่นี่ ตาสีน้ำตาลลืมขึ้นมองหมายกำหนดการบนโต๊ะอย่างรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจ


               
    อีกสองวัน...คนที่เธอรักจะไม่ใช่ของเธอคนเดียวอีกต่อไป


               
    จะทนได้เหรอ?


               
    จะยอมรับได้เหรอ?


               
    คำถามที่เธอเฝ้าวนเวียนถามตัวเองตั้งแต่ที่ได้ยินจากปากคาโล เฟรินยิ้มเศร้า


               
    ทนไม่ได้ก็ต้องทน


               
    ยอมรับอย่างเต็มใจไม่ได้ ก็ต้องยอมรับอย่างจำใจ


               
    หากนั่น...ทำให้เธอยังสามารถอยู่เคียงข้างคนที่เธอรักได้ต่อไป


     -----------------------------


               
    "แล้วตกลงว่าพวกสภาอำมาตย์จัดการส่งเทียบเชิญไปให้ใครบ้างรึยังคะ" ผีสาวเอ่ยถามเสียงแหลม ขณะที่ลอยต่ำอยู่ข้างโต๊ะเสวยที่ยาวเป็นเมตรแต่มีคนนั่งอยู่เพียงคนเดียว เฟรินเลิกคิ้วสูง "เทียบเชิญ? เชิญใครเหรอพี่สาว"


               
    "อ้าว ก็ไหนนายหญิงบอกว่า....อาจจะได้เชิญเพื่อนร่วมรุ่นมายกชั้นปีไงคะ" ประโยคคำถามชะงักไปนิดเมื่อรู้ว่าอาจจะทำให้อารมณ์ดีๆของนายหญิงกลับมาอมทุกข์เเหมือนเมื่อวานก็เป็นได้ หากคนฟังกลับหัวเราะ


               
    "อ๋อ ไอ้นั่นฉันก็พูดไปงั้นล่ะ แค่คัดเลือกสนมไม่ใช่หาราชินีใหม่ซักหน่อย" ผีสาวยกมือทาบอกตาโตตกใจ "ตายแล้วนายหญิง!! ทำไมพูดอะไรอย่างนั้น เป็นลางไม่ดีนะคะ"


               
    เฟรินหัวเราะหึๆ ไม่ว่าอะไร นี่ถ้าหล่อนมีร่างเนื้อจะตีแขนขาวๆ นั่นให้แดงเป็นมะเขือเทศเลยเชียว หากใจนั้นก็สบายใจขึ้นมาบ้าง เมื่ออาการร่าเริงค่อยๆ กลับมาเป็นนายหญิงคนเก่า


               
    แต่ถึงอย่างนั้นนายหญิงที่เป็นหัวขโมยก็ยังไม่กลับมา


               
    "จริงๆ แล้วถึงไม่มีงานบังหน้า นายหญิงก็น่าจะเชิญเพื่อนมาเยี่ยมบ้างนะคะ ไม่ก็เป็นฝ่ายไปเยี่ยมบ้างก็ได้" นัยน์ตาที่โตอยู่แล้วเบิกกว้างดูน่าขำมากกว่าน่าตกใจ


               
    "วันนี้พี่สาวไปรับเครื่องเซ่นอะไรแปลกๆ รึเปล่าถึงพูดชี้โพรงให้ฉันแบบนี้" ผีสาวค้อนขวับให้วงโต "ทำไมคะ ดิฉันพูดอย่างนี้มันแปลกตรงไหน"


               
    "ก็ตรงที่บอกให้ฉันออกจากวังไปเที่ยวน่ะสิ" เฟรินตอบกลั้วหัวเราะ ขณะที่คนฟังยิ่งอยากงอนให้มากกว่าเดิม ตาโปร่งใสยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่านายหญิงตนทานได้มากกว่าปกติที่มักจะกินได้ไม่กี่คำก็บอกอิ่มแล้ว


               
    "ก็ถ้าเปิดหูเปิดตาซะบ้าง วันสองวันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกคะ แต่ที่ไม่พูดก่อนหน้านี้เพราะเดี๋ยวนายหญิงจะเที่ยวเพลินจนติดลม ลำบากนายท่านต้องคอยตามตัวอีก" คนถูกดักคอสำลักข้าวพรวดเรียกหาน้ำดื่มแทบไม่ทัน มือขาวเอื้อมไปหยิบผ้ามาเช็ดปากอย่างสำรวม เมื่อสัมผัสถึงความเคร่งเครียดที่เริ่มก่อตัวขึ้น


               
    ในฐานะราชินี กิริยาที่ไม่งามไม่สมควรจะแสดงออก


               
    สมกับที่เป็นนางกำนัลของคาโนวาล แค่สำลักยังแผ่รังสีอำมหิตออกมาขนาดนี้


               
    เฟรินปรับลมหายใจช้าๆ ตาและจมูกแดงก่ำแต่รอยยิ้มยังคงระบายอยู่บนใบหน้า


               
    "แสดงว่าตอนนี้พี่สาวเชื่อใจฉัน" ผีสาวเหล่มองอย่างหวาดระแวงเล็กน้อย หรือเธอจะคิดผิดที่คิดว่านายหญิงของเธอคงถอดเขี้ยวถอดเล็บสมัยยังเป็นหัวขโมยเก็บใส่กรุฝังไปเรียบร้อยแล้ว เฟรินหัวเราะเบาๆ


               
    "ฉันล้อเล่นน่ะ ว่าอะไรควรไม่ควร" นี่ก็เหมือนกัน...หากเป็นเมื่อก่อน อะไรจะควรหรือไม่ควร แต่ถ้า 'เฟริน' อยากทำก็รั้นจะทำให้ได้อยู่ดี แต่ไม่ใช่...เฟลิโอน่า


               
    "ที่พี่สาวพูดมาก็ดี ลองชวนคิลมาเที่ยวคาโนวาลดูดีไหมนะ" เปรยกับตัวเองนึกถึงนักฆ่าเพื่อนเก่า


               
    "ถ้ายังไงก็ลองชวนท่านโรมาด้วยสิคะ" ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างแล้วหัวเราะอีกครั้ง คนเสนอความเห็นหน้างอ วันนี้ดูแต่ละอย่างที่หล่อนพูดจะถูกใจนายหญิงไปเสียหมด ถึงได้หัวเราะแล้วหัวเราะอีก


               
    "ถ้าขอทานล่ะอาจจะว่าง แต่คิงน่ะไม่ว่างหรอกนะ" เปรยไปถึงขอทานตัวดีที่ตอนนี้ผันตัวเองจากขอทานกิตติมศักดิ์ไปเป็นคิงแห่งทริสทอร์ คิดแล้วก็ขำคิกคัก ไม่ว่าจะคิงประเทศไหนก็เหนื่อยหนักทั้งนั้น ผีสาวไม่ตอบว่าอะไรแต่รู้ดี ลองให้นายหญิงหล่อนเป็นคนเชิญ มีแต่จะแล่นมาหาภายในวันรุ่งขึ้นด้วยความสามารถพิเศษ


               
    โผล่มาได้ทุกทีที่ต้องการ!!


               
    บรรยากาศที่กำลังเต็มไปด้วยความสบายใจต้องชะงักหยุดลงเมื่อผู้มาใหม่ก้าวเข้ามาในห้องเสวย เหล่านางกำนัลถอนสายบัวทำความเคารพ บางส่วนหายตัวไปเพื่อไปจัดเตรียมสำรับเพิ่มอีกหนึ่งที่ เสียงหัวเราะหายไปเช่นเดียวกับประกายตาสดใสของนัยน์ตาสีน้ำตาลนั้น แค่เห็นใบหน้าสลักเรียบนั่นก็คิดถึงแต่เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น


               
    นายจะให้ฉันมีเวลาสบายใจหน่อยไม่ได้เลยเหรอ...คาโล


               
    เฟรินรวบช้อน ดื่มน้ำ และเช็ดปาก อันเป็นพิธีเสร็จจากการรับประทานตามที่ได้เรียนมา


               
    ดูดี...ทุกกระเบียดนิ้ว


               
    "มาช้าไปหน่อยนะคาโล ฉันอิ่มพอดี" เฟรินพูดพร้อมยิ้ม ถ้าเป็นปกติเพื่อให้สมจริงเธอต้องฉีกยิ้ม แต่ไม่ใช่ต่อหน้าแม่บรรดานางกำนัลพวกนี้แน่ คิ้วเข้มกระตุกขมวดเข้าหากันก่อนก้าวพรวดไปยืนประชิด มือใหญ่เอื้อมแตะหน้าผากบางแล้วยิ่งขมวดคิ้วหนัก โบกมือไล่ให้นางกำนัลทั้งหมดถอนตัวออกจากห้องไปอย่างเงียบกริบ


               
    "ทำไมไม่นอนพัก" คิ้วบางเลิกสูงไม่เข้าใจ คาโลคว้าข้อมือบางขึ้นมา สัมผัสได้ถึงความอุ่น...อุ่นจนร้อน ตาสีฟ้าตวัดไปมองคนอภิบาลที่ทำหน้าที่บกพร่อง


               
    "ทำไมไม่เรียกหมอหลวง"


               
    "เอ่อ..เอ่อ" ร่างโปร่งใสสั่นระริกด้วยความกลัว จนเฟรินต้องเข้าไปบังร่างนั้นจากสายตาเย็นเยียบ


               
    "ฉันบอกพี่สาวเองว่าไม่เป็นไร" คาโลนิ่งเงียบเหมือนใช้ความคิด เหลือบมองจานข้าวที่พร่องไปเยอะก็รู้สึกใจชื้นขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยมันก็กินได้เยอะ


               
    "ก็แค่นอนมากเกินไป เลือดเลยเยอะกว่าปกติ แค่นี้ไม่ถึงกับตาย" ตาสีน้ำตาลสบกับตาสีฟ้าที่มีกระแสความเป็นห่วงอย่างที่ไม่ได้เห็นนานจนหัวใจรู้สึกพองโตประหลาด


               
    เพียงแค่นี้...แค่นายมองฉันด้วยความรู้สึกเป็นห่วงก็ทำให้ฉันมีความสุขขนาดนี้เลยเหรอคาโล?


               
    "เอาไว้ใกล้ตายก่อนแล้วถึงจะบอกฉันรึไง" ขาดคำอ้อมแขนแกร่งก็ตวัดเอาร่างบางๆ นั้นขึ้นมาอุ้มอย่างง่ายดาย เฟรินเผลอยกมือคว้าคออีกฝ่ายด้วยความตกใจแล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว


               
    "ปล่อย คาโล" เธอสั่งเสียงเรียบ แต่มันก็ไม่ทำให้ขายาวๆ นั่นหยุดก้าว เลือดสูบฉีดขึ้นบนแก้มให้ดูแดงจัดเมื่อระหว่างทางต้องสบตากับพวกเหล่าอำมาตย์ที่เธอไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไหร่นัก


               
    ไอ้มาดราชินีสูงศักดิ์ที่เคยวางมันจะพังทลายก็ตอนนี้ล่ะ


               
    "ฉันบอกว่าให้ปล่อ.."


               
    ตุบ!!


               
    "โอ้ย!! จะปล่อยก็ปล่อยให้มันดีๆ หน่อยสิ" เฟรินแหวใส่พลางคลำสะโพก แม้จะไม่เจ็บเพราะด้านล่างคือเตียงนุ่ม แต่เพราะระยะที่ตกลงมาก็ทำให้เธอเคล็ดไปเหมือนกัน คาโลไม่สนใจคำบ่นเรียกเอาคทาสีดำมาไว้ในมือ แล้วร่างจางๆ ของหมอชราก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น


               
    "เป็นไข้" สั้นๆ แต่เข้าใจได้ง่าย หมอเทวดาในร่างผีพยักหน้าช้า ลอยเข้ามาตรวจอย่างรู้หน้าที่ ส่วนตัวคนสั่งนั้นกลับเดินออกไปนอกห้องเสีย ครู่ใหญ่จึงเดินกลับเข้ามา


               
    "แค่เพลียนิดหน่อย แล้วก็เครียด ให้พักผ่อนกับทานอาหารเยอะๆ ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง" คนฟังพยักหน้าให้ร่างหมอชรากลายเป็นกลุ่มควันแล้วสลายตัวไป แม้จะเบาใจที่เฟรินไม่เป็นอะไร แต่สาเหตุที่ทำให้ป่วยกลับทำให้เขาต้องเครียดขึ้นมาแทน


               
    "ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร" เฟรินเอ่ยเสียงอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของสามีเธอ คาโลเดินมานั่งลงบนเตียงด้านข้าง มือใหญ่เอื้อมไปลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมละเอียดสีน้ำตาลอย่างรักใคร่


               
    "ฉันให้คนไปต้มข้าวมา ยังไงก็กินเสียหน่อย" เฟรินยู่หน้าลงก่อนบ่น "ฉันเพิ่งจะกินข้าวไปเมื่อกี้ จะให้กินอีกงั้นเหรอ"


               
    ตาสีฟ้าแปรแววดุขึ้นมา


               
    "กินไม่ลงก็ต้องกิน จะได้หาย" เพราะที่สั่งไปน่ะแต่ละอย่างมีสรรพคุณบำรุงกำลังทั้งนั้น คนโดนสั่งบ่นหงุงหงิงกับตัวเองจนเรียกรอยยิ้มที่หาได้ยากมากจากคิงน้ำแข็งแห่งคาโนวาล


               
    "เมื่อก่อนกินเท่าไหร่ไม่รู้จักพอ ทำไมตอนนี้แค่ข้าวต้มอีกถ้วยถึงกินไม่ได้ล่ะ" เฟรินเลิกคิ้วสูงแล้วฉีกยิ้ม "ก็นายบอกให้ฉันลดปริมาณการกินไม่ใช่เหรอไง แถมวันๆ ไม่ต้องทำอะไร ขนาดกระเพาะมันก็ยุบน่ะสิ"


               
    "งั้นก็ต้องขยาย เพราะเดี๋ยวนี้นายผอมเกินไป" คาโลพูดยิ้มๆ ให้คนฟังตาโตไม่เชื่อสายตา "สเปคนายชอบอวบๆ เหรอเนี่ย แต่งกันมาตั้ง 3 ปีฉันเพิ่งรู้"


               
    รอยยิ้มอ่อนโยนหุบฉับกลายเป็นคิงน้ำแข็งเย็นชาคนเดิม เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมนางกำนัลที่ยกสำรับเปิดประตูเดินเข้ามา คาโลเดินไปรับไปถาดแล้วสั่งให้ออกไปพร้อมทั้งกำชับว่าไม่ให้ใครเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของเฟรินเด็ดขาด ภาพตรงหน้า บทสนทนาที่ได้ยิน ทำให้ความเศร้าจางหายไปเกือบหมด แค่เพียงความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ ที่นานครั้งจะสัมผัสได้จากคิงน้ำแข็งคนนี้


               
    คุ้มค่าเหลือเกินที่เธอยอมทนทุกอย่างมาสามปี


               
    และแม้ต้องทนไปตลอดชีวิตเธอก็ยินดี


               
    ทั้งหมด...เพื่อคาโล


               
    "นายหญิง" ผีสาวที่เฝ้าอาการอยู่ข้างๆ หัวใจกระตุกวาบที่จู่ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมา เฟรินหัวเราะรีบปาดน้ำตาทิ้ง


               
    "ไม่มีอะไรพี่สาว แสบตานิดหน่อยน่ะ" คาโลเดินกลับมาจัดการวางถาดข้าวต้มไว้บนโต๊ะหัวเตียง "กินซะหน่อยแล้วก็นอนพักผ่อนซะ"


               
    ตาสีน้ำตาลจ้องมองคนที่เธอรักแล้วยิ้มช้าๆ


               
    "ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันหายทันงานวันมะรืนนี้แน่ๆ" มือที่กำลังคนข้าวในถ้วยชะงักกึก ก่อนวางถ้วยข้าวต้มไว้ที่เดิม คาโลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง บรรยากาศอบอุ่นเมื่อครู่หายไปแล้ว ไอเย็น และกลิ่นหิมะโชยมาให้รู้สึกแทนที่


               
    "ดูแลให้ดี ถ้าทรุดลงเธอได้ไปผุดไปเกิดแน่" คำสั่งห้วนฟังดูดีแต่กระชากใจคนฟังอย่างรุนแรง เธอไม่ปรารถนาการเกิดใหม่ในตอนนี้ อย่างน้อย...ก็อยากรับใช้นายท่านทั้งสองให้ถึงที่สุด


               
    ผีสาวย่อตัวรับ ทั้งที่ในใจกำลังสั่นสะท้านกับคำขู่นั้น


               
    ความเงียบเข้าปกคลุมห้องกว้างทันทีที่ร่างสูงของผู้ที่อยู่เหนือสุดของคาโนวาลก้าวออกไป เฟรินขยับตัวไปหยิบถ้วยข้าวต้มมาคนเพื่อให้เย็นพอที่เธอจะทานได้ง่ายๆ


               
    "นายหญิง...ไม่น่าจะพูดอย่างนั้น" ร่างโปร่งใส่เอ่ยเสียงแผ่วทั้งตำหนิทั้งเสียใจแทนคิงคาโล เฟรินยิ้มบางมือก็ยังคนข้าวต้มไปเรื่อยๆ


               
    "ฉันอยากเตรียมใจน่ะพี่สาว" เฟรินไม่หวังว่าปาฎิหาริย์จะเกิด อย่างเช่น เธออาจจะท้องขึ้นมาในวันพรุ่งนี้หรือมีคนวิ่งเข้ามาบอกว่าพวกสภาอำมาตย์หัวใจวายตายทั้งสภาทำให้งานคัดเลือกสนมต้องยกเลิกไป ทุกอย่าง...ต้องเตรียมใจ ผีสาวมองร่างบอบบางนั้นอย่างเศร้าใจ เศร้า...ที่เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากมองและพูดคุยให้ความไม่สบายใจนั้นจางหายไปเล็กน้อยบ้างก็ยังดี ตาสีน้ำตาลเงยขึ้นสบแล้วยิ้ม เหมือนย้ำว่าเธอไม่เป็นอะไร ก่อนเลยมองไปนอกหน้าต่าง


               
    ท้องฟ้าสีฟ้า ต้นไม้สีเขียว หมู่นกบิน


               
    อิสระ...ที่เธอยินดีทิ้งเพื่อคนเดียวคนเดียว


               
    อนาคต...ไม่ใช่หวัง มีแต่ต้องเตรียมใจยอมรับเท่านั้น

    ****************************TBC...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×