คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : [#27] Hesitation
"แกแน่ใจแล้วเหรอว่าจะปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้" คำถามจากเพื่อนซี้ที่พยายามจะอัพเกรดฐานะตัวเองมาตลอดถามขึ้น คิลโยนท่อนฟืนใส่กองไฟกองใหญ่ตรงหน้า เหนือไฟนั้นคือกิ่งไม้สามสี่กิ่งที่เสียบเนื้อกระต่ายเอาไว้ ขณะที่เฟรินยกถ้วยชาขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย
เพราะอากาศที่อุ่นขึ้นทำให้พวกเธอตัดสินใจออกมานั่งผิงไฟอยู่นอกบ้าน กองไฟกองเล็กจึงถูกจุดขึ้นหลังจากที่ท้องฟ้าเริ่มกลายเปลี่ยนสี บรรยากาศจึงราวกับพักแรมอยู่กลางป่าไม่ผิดเพี้ยน
"ไม่ให้อยู่อย่างนี้แล้วแกจะให้ฉันอยู่ยังไง" เธอถามกลั้วหัวเราะ "แล้วอย่าบอกล่ะว่าให้ไปอยู่บ้านแก"
กะจะพูดอยู่เชียว...
คิลส่ายหน้าช้าๆ อย่างนึกเสียดาย
"แกก็รู้ว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร" ชายหนุ่มหยุดพูด นัยน์ตาสีม่วงประกายจ้องมองคนฟังอย่างพยายามจับผิด
"พรุ่งนี้เขาคงมีคำสั่งถอดถอน" เฟรินเอ่ยขึ้นราวกับรู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร "ส่วนสาเหตุก็คงเป็นเรื่องของความไม่เหมาะสมนั่นนี่ เชื่อเถอะว่าพวกสภาอำมาตย์น่ะสามารถหาความไม่เหมาะสมของฉันเจอได้เป็นร้อยแปด"
"แต่ฉันไม่คิดว่าคาโลมันจะเห็นด้วยกับไอ้เรื่องงานแต่งตั้งราชินีอะไรนั่น"
"ก็คงถูกสภาอำมาตย์กดดันล่ะมั้ง" เธอตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ "หรือไม่ก็คาโลมันคงรักมีเดียจริงๆ ก็แค่นั้น"
รอยยิ้มสดใสระบายขึ้นบนใบหน้าที่ต้องแสงไฟ ผิดกับแววตาสีน้ำตาลที่ไม่ได้ยิ้มตามปาก
คิลจ้องมองอาการนั้นเงียบๆ
"แต่แกก็ยังรักคาโล" เฟรินชะงักไปกับคำพูดที่โพล่งออกมา พร้อมกับหันมาสบตาสีม่วงของเพื่อนนักฆ่า
"แล้วมันช่วยอะไรได้ล่ะ"
...........................
ทั้งๆ ที่เป็นคำถามง่ายๆ แต่เขากลับนึกคำตอบไม่ออก
รอยยิ้มบางเบาระบายขึ้นบนใบหน้าที่ต้องแสงไฟนั้น เอ่ยต่อ
"แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่ช่วยให้เรื่องมันดีขึ้นหรอก ถึงฉันรักคาโลแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ปาฏิหารย์มีจริง"
"ก็ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมนายถึงไม่พูดออกไป" เสียงคุ้นหูของบุคคลที่สามดังถามขึ้น หากสองคนที่นั่งอยู่กลับไม่แม้แต่จะหันไปมองแขกที่มาใหม่
"เคยพูด...จนเลิกคิดที่จะพูดแล้ว" เฟรินตอบยิ้มๆ ขยับตัวหยิบแก้วที่เหลืออยู่อีกใบขึ้นมารินน้ำชาให้แขกอย่างรู้หน้าที่ โรทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับรับแก้วนั้นมาไว้ในมือ
"แต่ถ้านายพูดไป บางทีอะไรๆ อาจจะเปลี่ยน" คนถูกต้อนเงียบลง มองประกายไฟที่ปะทุขึ้นตรงหน้า
บางที...ที่เป็นไปไม่ได้
"ทั้งฉันทั้งมันต่างก็ลืมวิธีการที่จะพูดคุยกันไปนานแล้ว"
...สิ่งที่เรียกว่าคำพูด...
"ก็แค่หันหน้าเข้าหากัน แล้วพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดก็แค่นั้น"
ถ้าทำได้...ก็คงจะดี
ในเมื่อแค่มองหน้ากันก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดกับสายตาที่เย็นชานั้น
ความเย็นชาที่เธอเคยเผชิญเมื่อครั้งที่เห็นหน้าคาโลเป็นครั้งแรก
ปวดร้าวกับความอ่อนโยนที่ว่างเปล่า
ทิ่มแทงกับการกระทำอันหลอกลวง
ความหลอกลวงที่ให้ความหวังเธอมาหลายปี
เฟรินยิ้มเหยียดเมื่อพบว่าความคิดของเธอสุดท้ายก็จบลงที่เดิม
"ที่มาวันนี้นี่มีข่าวอะไรอีกรึไง โร"
คนถูกถามขยับยิ้มน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องกันเสียง่ายๆ แบบนี้ ขอทานแห่งทริสทอร์ยกแก้วชาขึ้นจิบเล็กน้อย
"ไม่มีนี่ ฉันก็แค่มาทำหน้าที่ตามอาชีพ" คำบอกเล่าเรียกรอยยิ้มกวนๆ จากเฟริน ร่องรอยความอึดอัดเมื่อครู่จางหายไปอย่างรวดเร็ว
"อาชีพที่ว่าน่ะ มันอาชีพคิงหรือขอทาน ถ้าเป็นคิงก็คงต้องทูลให้เสด็จกลับเพราะที่นี่มันไม่เหมาะที่ฝ่าบาทจะประทับ แต่ถ้ามาในฐานะขอทานก็คงต้องเฉดหัวแกกลับเพราะไม่มีอะไรจะให้เหมือนกัน"
โรหัวเราะ
"ก็แค่เดินขอทานมาเรื่อยๆ นึกได้ว่าไม่ได้โผล่หน้ามานาน กลัวใครบางคนจะลืมกันไปก่อน" ตาสีเขียวสะท้อนแสงไฟระยิบระยับ รอยยิ้มกว้างถูกส่งให้เจ้าบ้านสาว แต่สำหรับนักฆ่าหนุ่มที่ไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรืออะไร ถึงได้รู้สึกว่าแวบหนึ่งไอ้สายตาวาวๆ น่าหมั่นไส้นั่นมันเหลือบมาทางเขาด้วย
"คราวนี้หนีออกมาอีกหรือไง" ไม่มีคำตอบจากขอทานเจ้าเล่ห์นอกจากรอยยิ้มที่เหมือนจะตอบว่าใช่และไม่ในเวลาเดียวกัน
"ฉันว่านายควรโละทหารที่ประจำอยู่ในทริสทอร์ออกให้หมดแล้วคัดเลือกใหม่ดีกว่านะ" เฟรินเปรยขึ้นอารมณ์ดี มือก็สาละวนพลิกเนื้อกระต่ายย่างตรงหน้า ถึงแม้ตนจะกินไม่ได้ก็ตาม"มีอย่างที่ไหนปล่อยให้คิงของตัวเองออกมาเพ่นพ่าน งานการไม่ทำแบบนี้"
ตาสีเขียวกับตาสีม่วงหันมาสบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก
ถ้าเฟรินมันรู้ว่าทหารคาโนวาลก็ห่วยพอกันมันจะทำหน้ายังไงนะ
แต่เอาเถอะ...ถามไปตอนนี้ก็รังแต่จะทำให้บรรยากาศแย่ลงเปล่าๆ
คิลไหวไหล่ให้โร หันไปสนใจเนื้อย่างตรงหน้าแทน ขณะที่เสียงเจื้อยแจ้วของเฟรินก็ยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีใครพูดถึงคาโลหรือคาโนวาลอีกเลย
------------------------------------
....นายน่ะกลัวที่จะเลือกต่างหาก...
ถ้อยประโยคของรุ่นพี่นักบวชแห่งแอเรียสเมื่อหลายวันก่อนยังคงดังก้องอยู่ในหู
คาโลทิ้งปากกาลงบนโต๊ะแล้วพิงพนักเก้าอี้ใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน นัยน์ตาสีฟ้าหลับลงเพื่อผ่อนคลาย หลังจากที่ต้องเพ่งดูงานบนโต๊ะนี่มาเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว แม้ว่าตลอดสี่ชั่วโมงนั้น สมาธิของเขาดูจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ก็ตาม
ส่วนหนึ่งของเอกสารเป็นจดหมายร้องทุกข์จากประชาชนเรื่องของการขึ้นภาษีที่เขาแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังนึกไม่ออกถึงความจำเป็นของมัน จะบอกว่าเป็นเพราะค่าใช้จ่ายในการดูแลมีเดียก็เห็นจะเป็นไปไม่ได้
นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
เหมือนมีอะไรบางอย่างพยายามจะปิดบังความคิด และเหตุผลของการตัดสินใจไว้
หรือบางทีเขาจะแก่เกินไปแล้ว?
คาโลถอนหายใจหนัก เหยียดยิ้มกับความคิดที่ไม่เข้าท่าของตัวเอง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มคิดเรื่อยเปื่อยแบบที่ตัวเองไม่เคยคิดที่จะทำ
แต่หมอนั่นชอบทำ
ความนึกคิดทั้งหมดกลับมาหยุดลงที่เรื่องราวของบุคคลที่ตัดสินใจออกจากวังแห่งนี้อีกครั้ง ใช่...เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เขาเริ่มคิด แม้ว่าจะก่อนหน้านั้นจะคิดเรื่องอะไรมากมายสุดท้ายก็จะจบลงที่คนๆ นั้น
คนที่ปากไม่ตรงกับใจ แต่จริงใจกับเขาตลอดเวลา
คนที่คำพูดมักไปก่อนความคิด แต่ไม่เคยทำให้เขาลำบากใจ
คนที่เขาคิดว่าจะอยู่เคียงข้างเสมอ
คนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องเสียไป
"ท่านอำมาตย์เรเชอร์ขอเข้าพบพระเจ้าค่ะ" เสียงของมหาดเล็กหน้าห้องดังขึ้นขัดความคิดของคาโล คิ้วเข้มเผลอขมวดเข้าหากัน นึกแปลกใจว่าทำไมหัวหน้าสภาอำมาตย์ถึงมาขอพบเขาในเวลาแบบนี้ แต่ก็เอ่ยอนุญาตให้เข้ามา
ร่างของชายชราผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มก้มตัวต่ำทำความเคารพ ขณะที่ดวงตาคมกริบของผู้เป็นเจ้าของห้องจับจ้องอยู่ตั้งแต่ที่บานประตูเปิดออก
"กระหม่อมมีเรื่องอยากทูลถาม" คำเริ่มบทสนทนาของคนตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้กับคาโล "เรื่องของพิธีแต่งตั้งพระสนมมีเดีย"
"ท่านจะถามเรื่องอะไร" คิงหนุ่มถามกลับเสียงเรียบปนสงสัย เพราะปกติแล้วหากเรื่องที่เขาได้ตัดสินใจหรือ 'สภาอำมาตย์ตัดสินใจ' ไปเรียบร้อยแล้วก็ไม่เคยมีคำถามอีกในเวลาต่อมา
"ฝ่าบาท...แน่พระทัยแล้วหรือพระเจ้าค่ะ"
คาโลเงียบเป็นคำตอบ ตาสีฟ้าจ้องมองร่างชราของผู้ที่ทำงานในวังนี้มาตั้งแต่สมัยของคิงบาโรอย่างใช้ความคิด
"กระหม่อมคิดว่าน่าจะเลื่อนวันออกไป"
"เมื่อเช้าท่านเป็นคนเสนอเรื่องเวลาเองนะท่านอำมาตย์" คนฟังสวนกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบแทบจะทันทีที่อำมาตย์เฒ่าพูดจบ "หรือจู่ๆ ท่านคิดว่ามีเดียมีข้อบกพร่องมากมายเหมือนเมื่อคราวของเฟริน"
เรเชอร์ก้มตัวต่ำรับคำพูดยอกย้อนนั้น แม้ว่าอันที่จริงแล้วไพซิสต่างหากที่เป็นคนตระเตรียม หากเมื่อสภาเห็นชอบเขาเองก็ไม่สามารถขัดอะไรได้
"กระหม่อมเพียงแค่คิดว่า ถ้าจะจัดงานแต่งตั้งหลังจากที่มีการประกาศปลดราชินีเฟลิโอน่าออกทันทีเลยนั้นดูจะไม่ค่อยเป็นการดีนัก"
"แล้วทำไมถึงยังเสนอมาถ้าท่านคิดว่ามันไม่เหมาะ" นัยน์ตาเย็นเยียบเพ่งตรงมาที่คนพูด พร้อมกับน้ำเสียงราบเรียบหากเต็มไปด้วยร่องรอยของโทสะ
"เสียงของกระหม่อมเพียงเสียงเดียวจะทำอะไรกับเสียงทั้งหมดของสภาอำมาตย์ได้ฝ่าบาท" เรเชอร์ตอบช้าอย่างพยายามควบคุมไม่ให้ตนหมดสติจากแรงกดดันของคิงหนุ่มตรงหน้านี้เสียก่อน
ใครว่าตำแหน่งยิ่งสูงจะยิ่งสบาย
มีแต่จะทำให้อายุตัวเองสั้นลงเรื่อยๆ เสียมากกว่า
"จริงอยู่ที่สภาอำมาตย์ตัดสินใจเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว แต่คนที่จะทำให้มันเกิดขึ้นก็คือฝ่าบาท"
"ท่านจะบอกว่าเราอยากให้มันเป็นอย่างนี้งั้นรึ" คาโลถามกลับ ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเขามักจะไม่ชอบพูดขัดคนอื่น แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาพยายามจะย้อนทุกคำพูดที่ได้ยิน
"พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมแค่อยากจะทูลว่าหากฝ่าบาทไม่ต้องการก็แค่ปฏิเสธ"
"แล้วสภาของท่านจะยอมฟังคำปฏิเสธของเรางั้นหรือท่านอำมาตย์"
ความเงียบคือคำตอบ
"เรื่องบางเรื่อง..." เรเชอร์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง "ก็ต้องฝืนใจทำแม้จะต้องทรมานก็ตามพระเจ้าค่ะ"
"..........."
"เหตุผลสำคัญที่ทำให้กระหม่อมต้องรบกวนฝ่าบาทในเวลาเช่นนี้ก็เพื่ออยากทูลถามให้แน่ชัดว่านี่เป็นพระประสงค์ที่แท้จริงของฝ่าบาท"
"ท่านต้องการจะพูดอะไร" คาโลถามขึ้นหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ "สิ่งที่เราต้องการมันจะสำคัญเท่า 'สภาอำมาตย์และประชาชน' ต้องการได้อย่างไรกัน"
"คนที่ตัดสินใจเรื่องนั้นคือฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ" คิงหนุ่มชะงักกับคำตอบ "สภาอำมาตย์จัดตั้งเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับกษัตริย์ เพื่อแบ่งเบาภาระมากมายที่กษัตริย์ต้องรับผิดชอบ งานของสภาอำมาตย์คือให้คำแนะนำและข้อเสนอที่ดีต่อประชาชน แต่คนที่จะตัดสินใจว่านั่นคือสิ่งที่ควรกระทำหรือไม่ก็คือตัวของกษัตริย์เองพระเจ้าค่ะ"
ร่างสูงหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่นิ่งเงียบ เดาไม่ออกว่าภายใต้ใบหน้าสลักเรียบเฉยนั้นกำลังคิดหรือรู้สึกเช่นใด
"คำพูดของท่านดูจะขัดกับการกระทำเมื่อสามปีก่อนนะ" ในที่สุดคาโลก็ยอมพูดขึ้น หากเป็นหัวข้อใหม่ที่ดูจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำลังพูด
"เราที่ยืนกรานหนักแน่นเรื่องที่จะรับเฟรินเข้าคาโนวาล โดยไม่สนใจคำคัดค้านของสภาอำมาตย์ ท่านก็ใช้ 'มติของสภา' มาบีบเราไม่ใช่หรือไง" คาโลถามเสียงเย็น
"นั่นเพราะสถานการณ์ตอนนั้นอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเกิดความวุ่นวายพระเจ้าค่ะ" อำมาตย์เฒ่าตอบ
"ทั่วทั้งเอเดนรู้ดีว่าราชินีเฟลิโอน่าคือใคร และการที่คาโนวาลซึ่งเป็นผู้นำในศึกมหาสงครามเมื่อหลายปีก่อนจะรับธิดาแห่งความมืดมาเป็นราชินี ย่อมเกิดข้อสงสัยและความไม่พอใจทั้งต่อประชาชนคาโนวาลเองรวมไปถึงประเทศอื่นๆ อีกทั้งความหวาดกลัวต่อชาวเดมอสที่ยังคงเกาะกินหัวใจตลอดเวลาก็ยิ่งเหมือนไม้ที่แห้งสนิท รอเพียงประกายไฟเล็กๆ ก็พร้อมจะลุกไหม้กลายเป็นสงครามใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งโดยมีคาโนวาลเป็นศูนย์กลาง ในตอนนั้นฝ่าบาทแน่ใจหรือไม่ว่าเรื่องที่กระหม่อมพูดมันจะไม่มีทางเกิดขึ้น"
คาโลเงียบ ความหงุดหงิดและโทสะที่เริ่มกรุ่นมาตั้งแต่เริ่มบทสนทนาค่อยๆ มอดดับลงช้าๆ ด้วยเหตุผลที่เขาเพิ่งจะได้ยิน
"แล้วท่านจะให้เราทำยังไง" เรเชอร์เกือบจะถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คลายความแข็งกร้าวลงจนกลายเป็นปกติ
"กระหม่อมไม่บังอาจถึงขนาดจะชี้นำฝ่าบาท เพียงแต่...หากฝ่าบาทปรารถนาสิ่งใดก็ตรัสสั่งตามที่ใจปรารถนาเพียงเท่านั้นพระเจ้าค่ะ"
"ท่านแน่ใจ?" เรเชอร์รับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากนัยน์ตาสีฟ้าคมกริบนั้นก็จับจ้องมองใบหน้าชราของอำมาตย์เฒ่าด้วยพยายามจะอ่านความต้องการแท้จริงที่อาจจะท่าทีผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยจากคนตรงหน้า แต่สิ่งที่คาโลเห็นกลับมีแค่ข้าราชการชั้นสูงที่อุทิศตัวทำงานมาหลายสิบปีเพียงเท่านั้น
"ถ้าอย่างนั้นก็ดี"
***************************************TBC...
Talk > ในที่สุดก็เอามาลงจนครบ ใครที่ไม่ได้อ่านใน IE ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะที่ทำให้รอนานขนาดนี้ ส่วนที่ถามว่าใน IE ยังไม่ได้อัพนั่นก็เพราะตอนใหม่ยังแก้ไม่เสร็จเลยค่ะ T[]T (นึกอยากกรีดร้องกับความไร้ความสามารถของตัวเองจริงๆ) เอาเป็นว่า...จะพยายามแก้ให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ค่ะ T_T
ขออภัยจริงๆ m(_ _)m
ความคิดเห็น