ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC harry potter] Aquamarine — DM/OC

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 65


    *หมายเหตุ ฟิคเรื่องนี้ เป็นจักรวาลเดียวกันกับ กับฟิค FIC [ HARRY POTTER & VAMPIRE TWILIGHT ] enigmatic cd, ed / oc ถ้าไม่อ่านเรื่องนั้นมาก่อนไม่งงแน่นอนค่ะ เพราะทาง enigmatic จะเริ่มนับตั้งแต่ตัวละคร เข้าปี 1 ที่ อิลเวอร์มอร์นี แต่ทาง aquamarine จะเริ่มนับปี 4 ที่คริสตัลย้ายมาฮอกวอตส์แล้ว ไทม์ไลน์อาจจะไม่ตรงกัน แต่ตัวละครมีความเชื่อมโยงกันค่ะ *


     


     

    "คุณเชื่อในพลังของเนื้อคู่มั้ย?"
     

    愛は風のよう、あなたはそれを見ることはできませんが、それを感じることができます。

    ai wa kaze no you, anata wa sore o miru koto wa dekimasen ga, sore o kanjiru koto ga dekimasu.

     

    ความรักก็เปรียบดังสายลม — เธอมองไม่เห็นมันก็จริง แต่เธอจะสัมผัสมันได้,

     


     


     

    "อุมิโกะจัง!" เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมบ้าน ทาปุ อย่าง อิคิราวะ ยูริ  ตะโกนขึ้น เด็กสาววัย 14 ปีวิ่งมาตามทางเดินของบ้านทาปุ ก่อนที่สุดท้ายเธอจะหยุดเดิน เมื่อคนโดนเรียกชื่อหันมามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง เด็กสาวเจ้าของเรือนผมตรงยาวสีดำสนิท นัยน์ตาสีดำที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเรียบนิ่งมองเธอ ด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์ดังถูกรังสรรค์จากพระเจ้าและดวงตากลมสีดำสนิทไร้ความรู้สึกนั้นทำให้ยูริไม่รู้จะพูดอะไรออกมา

     

    เพราะไม่รู้อีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ กลัวจะเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไป

     

    "มั่นใจได้ว่าฮอกวอตส์มีทะเลแบบนี้เหมือนกัน — แต่คงไม่คุ้นเคยแบบนี้" อุมิโกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ดวงตากลมสีดำฉายแววไม่มีความสุขเท่าไรนัก เด็กสาวพูดกับเพื่อน แต่ก็ไม่ได้หันหน้ามามองอีกคนเลย

     

    เพราะเธอไม่ได้อยากจากที่นี่ไป

     

    "ฉันไปเก็บของมาให้ — เธอตรวจดูได้นะว่าของครบมั้ย" คลื่นทะเลกระทบกับโขดหินในขณะที่มีบุคคลมาใหม่ปรากฏตัวขึ้น ทันทีที่จำเสียงได้ อุมิโกะก็หันขวับไปมองทันที และนั่นทำให้ยูริที่นั่งข้าง ๆ มีอาการตกใจและกังวลใจขึ้นมา

     

    ไม่หันมามองนี่คือเรื่องปกติ แต่ถ้าหันมาคุยด้วยตรง ๆ แบบนี้สิที่น่ากลัว

     

    "ขอบใจ"

     

    "แต่คราวหลังไม่ต้องยุ่งกับของของฉันอีก ฉันไม่ได้ขอ" อุมิโกะเอ่ยเรียบ ๆ กับอีกฝ่าย นัทสึมิหน้าชาขึ้นมา เด็กสาวเรือนผมสีแดงก้มหน้าต่ำลงพื้นก่อนจะเบี่ยงตัวไปทางอื่น อุมิโกะลุกจากเก้าอี้พร้อมกับยูริ ก่อนจะแบกสัมภาระของตัวเองออกไปจากห้องนั่งเล่นบ้านทาปุ 

     

    คนเดินตามมาทีหลังอย่างยูริเองรู้ว่าประโยคของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้หมายถึงแค่การยุ่งข้าวของเครื่องใช้ แต่แฝงความนัยน์ลงไปด้วย

     

    อุมิโกะเดินมาที่โขดหิน ยูริเดินตามหลังอีกคนมาเงียบ ๆ จนเมื่อเห็นเพื่อนสาวนั่งลงไปถึงได้หยุดเดินแล้วค่อย ๆ นั่งลงไปด้วยกัน

     

    เสียงคลื่นของทะเลที่กระทบหินเป็นจังหวะ — น้ำทะเลสีใส —

     

    ร่างเล็กจ้องไปที่น้ำทะเลด้วยดวงตาแดงก่ำพยายามจะไม่ร้องไห้ ก่อนจะพูดขึ้นมา

     

    "ฉันไม่อยากไป แต่ชิชิกับฮะฮะต้องไปที่ลอนดอน" อุมิโกะพูดด้วยน้ำเสียงเจือความโศกเศร้า ดวงตามองไปยังคลื่นทะเลที่ดูบ้าระห่ำที่อยู่ตรงหน้าเธอ นี่เป็นสถานที่ที่เธอซ้อมควิดดิชบ่อย ๆ อย่างที่รู้กันว่า มาโฮโทะโคะโระ เด่นในเรื่องการซ้อมควิดดิชที่สุดแสนจะทรหดในทะเลที่มีคลื่นหมุนวนดังคนคลั่ง

     

    เธอรู้ว่าการไปครั้งนี้มันอันตรายมากมายเพียงใด มันก้าวเข้าใกล้ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ขึ้นทุกที ทุกร่องรอยการเดินทาง ทุกทีที่ไป ถูกจับตามองหมด แต่เธอเองก็ไม่ได้เป็นบุคคลผู้ไร้ยางอายแบบนั้น ที่นี่ยังมีคนที่เธอยังรัก และเมื่อวันใดที่โวลเดอร์มอร์ได้ บุก มาแล้วทำให้คนที่รักตายไป 

     

    เธอคงจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด

     

    ที่ที่อันตรายที่สุด คงเป็นที่ที่เจอกับ ความปลอดภัย ที่สุด

     

     

     

    2 weeks ago

     

    "นี่หรือบุตรีบุญธรรมแห่งโพไซดอน" อุมิโกะถูกเชิญเข้าไปในห้องรับแขกของวัง ในขณะที่เธอกำลังสาละวนกับการช่วยดูแลเหล่าเชื้อสายเงือกทั้งหลายในอาณาจักร

     

    เธอเป็นเจ้าหญิง เจ้าหญิงเงือกที่ไม่ได้สวยหรูอย่างเทพนิยาย — อุมิโกะเองก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้แผ่นดิน เธอมีชีวิตเมื่ออยู่ใต้น้ำ อาณาจักรที่เป็นของพ่อและแม่เธอสร้างขึ้นมา แต่อันที่จริงก็มีอีกสถานที่หนึ่ง ที่เธอเองมีส่วนร่วมในการดูแลมัน อย่างอาณาจักร เลมูเรีย เป็นที่อยู่อาศัยบนบกของบรรดาผู้สืบเลือดเนื้อเชื้อไขมาจากเหล่านาง/นายเงือกใต้มหาสมุทร ราวกับแหล่งซ่องสุมกำลังพล เมื่ออาณาจักรนี้มีชาวลูกเสี้ยว/ลูกครึ่งเงือกนับพันชีวิต

     

     

    และเพราะชาวเงือกเองก็ต้องมีชีวิตในขนบของมนุษย์เพื่อปกปิดความลับไว้ ส่วนใหญ่ประชากรที่เลมูเรียจะเป็นชาวเงือกเลือดบริสุทธิ์ที่ใช้เวทมนตร์จำแลงกายเป็นมนุษย์อาศัยมากกว่าลูกครึ่งเงือก เพราะลูกครึ่งเงือกยังสามารถมีร่างมนุษย์และเงือกได้ตามใจรวมถึงออกไปใช้ชีวิตและถือสัญชาติอื่น ๆ มากกว่า แต่ชาวเงือกนั้นจะไม่สามารถออกจากเวทมนตร์บรรพบุรุษได้ ถ้าออกไปยังสถานที่อื่นเมื่อไร ก็ไปได้แค่ในรูปเงือก

     

    ดังนั้นชาวเลมูเรียในสายตาประชาคมมนุษย์โลกจึงมองว่ามีน้อยนัก แต่ถ้าพวกเขาสามารถผ่านม่านหมอกเวทมนตร์ที่ปกปิดไปได้ ก็จะพบว่ามันกลายเป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม เชื้อชาติจากมหาสมุทรบริเวณที่พ่อแม่เธอมีอำนาจปกครองอย่างแปซิฟิกและแอตแลนติกมากองรวมกัน

     

    อย่างไรก็ตาม เลมูเรียก็กลายเป็นประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่ง ที่ได้รับการจัดสถิติ ว่ามีแหล่งน้ำสะอาดที่สุดในโลก อย่างที่บางประเทศมากเทคโนโลยีไม่สามารถจะเข้าใจได้ ว่าเลมูเรียทำได้อย่างไร — แถมปัจจุบันตอนนี้เลมูเรียยังเป็นหนึ่งในประเทศเล็ก ๆ ที่เป็นตัวอย่างให้กับสายตาชาวโลก เมื่อมีขนาดเป็นเกาะที่ห่างไกลความเจริญ แต่สามารถทำการเกษตร ( ไม่มีการประมงเพราะเราก็รู้ ๆ กันอยู่ ) และการปศุสัตว์ ได้ผลผลิตที่ยอดเยี่ยม แถมเป็นประเทศที่ธรรมชาติงดงามในทุกการจัดอันดับ ถึงแม้เราจะเปิดประเทศยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวมนุษย์ แต่ก็จะปิดบังเมืองหลวงใหญ่ไว้ ให้แค่สถานที่ตามธรรมชาติเท่านั้นที่อนุญาตให้เยี่ยมชม

     

    แต่ — มันแปลก ไม่เคยมีมนุษย์เข้ามาถึงในวัง ยกเว้นแต่กับมนุษย์ที่ราชวงศ์ไว้ใจจริงๆ เท่านั้น

     

    ทำไมถึงมีแขกแปลกหน้า ที่เป็นมนุษย์

     

    "คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน" เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ดวงตาสีนิลไม่ฉายแววสั่นไหวเมื่ออีกฝ่ายได้พูดถึงความลับอันน่าพิศวงของเธอออกมา อุมิโกะจ้องอีกคน ไม่ใช่ด้วยท่าทางก้าวร้าวอย่างเด็กมีปัญหาที่จะก่อความวุ่นวายไปทั่ว แต่เป็นการจ้องเพื่อแสดงว่าเธอเองเนี่ยแหละ 

     

    บุตรีบุญธรรมของโพไซดอนที่เขาถามถึงเมื่อครู่

     

    "ฉันรับรู้เรื่องของเธอจากคำทำนายของเธอแล้ว — เธอคงเคยได้ยินเหมือนกันใช่ไหม" อุมิโกะนิ่งไป ดวงตาของแม่มดญี่ปุ่นเปลี่ยนไป คราวนี้มันฉายแววอ่อนลง และดูเหมือนเธอจะยอมเปิดใจพูดออกมามากขึ้น

     

    "เรื่องที่โวลเดอร์มอร์กลับมานี่คือเรื่องจริงหรือเปล่าคะ" เด็กสาวเอ่ย ขยับเดรสสีเขียวเพื่อให้นั่งสบายขึ้น ดัมเบิลดอร์ดูจากภาษากายของอีกฝ่ายก็พอสรุปได้คร่าว ๆ

     

    แรกเริ่มเธอข้ามาในห้องนี้ด้วยท่าทางอย่างดูทระนงในตัวเอง ไม่ยอมตอบคำถามที่จะเปิดเผยตัวตน แต่เลือกจะถามย้อนกลับมาที่เขาแทน

     

    "แฮร์รี่ พอตเตอร์ได้ต่อสู้กับทาสรับใช้ของเขา 2 ครั้ง และต่อสู้กับวิญญาณของเขาเอง 1 ครั้ง — ฉันคิดว่าเขาคงจะกลับมาเร็ว ๆ นี้" ดัมเบิลดอร์ไม่ใช่คนพูดจาไขความกระจ่างให้ใครนัก ส่วนใหญ่ สิ่งเดียวที่เขามักจะมอบให้คือปริศนานึกคิด แต่กับเด็กคนนี้ พ่อมดชราเองก็ยอมตอบคำถามทั้งหมดให้กันเธอ

     

    "ฮอกวอตส์ต้องการเธอ" ดัมเบิลดอร์เอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังขึ้นมา

     

    "คุณคงจะเป็นอัลบัส ดัมเบิลดอร์ใช่ไหมคะ" อุมิโกะไม่ตอบคำถามของเขาอีกครั้ง เธอเลือกจะถามกลับไปแทน พ่อมดเครายาวพยักหน้า เด็กสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะถามต่อออกมา

     

    "ทำไมฮอกวอตส์ต้องการฉัน"

     

    "เพราะเธอเท่านั้น น้ำยาชุบชีวิตชั้นดี บุตรีบุญธรรมแห่งโพไซดอน นางเงือกที่พันปีจะถือกำเนิดมาสักครั้ง ร่างมนุษย์ร้องไห้ไม่เท่าไร แต่ร่างเงือกไซร้น้ำตาทำให้เป็นอมตะ ต้องถูกรักแท้ปกป้องไว้เพียงเท่านั้น ถึงจะรอดพ้นจากความตาย แลช่วยทุกคนให้รอดจากเจ้าแห่งศาสตร์มืด" ดัมเบิลดอร์อธิบายต่อ ก่อนที่เขาจะทำการเอ่ยคำทำนายออกมา ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างอย่างตกใจ

     

    เขาทราบ — เขาทราบเรื่องคำทำนายจริง ๆ 

     

    "ที่นี่มีคนที่เธอรักอยู่ — แต่เธอต้องออกตามหาคนที่รักเธอด้วยหัวใจแบบนั้นอีกมากมาย ความรักบริสุทธิ์ที่สิ่งมีชีวิตอย่างเจ้าแห่งศาสตร์มืดไม่มีวันเข้าถึง" อุมิโกะหลุบตาต่ำลงเพื่อคิด ดวงตากลมสีนิลไม่ฉายแววลังเลเลย เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเขาอีกครั้ง

     

    "ฉันไม่มีคนที่รักค่ะ — ฉันจะไปฮอกวอตส์"

     

     

     

     

     

     

    ฮอกวอตส์ , ลอนดอน 1994

     

    "ไงคริสตี้! เรากำลังทานข้าวกันอยู่ — เข้ามาสิ" เจ้าของเรือนผมหยักศกสีน้ำตาลทองเปิดประตูออกมา เซดริก ดิกกอรี่ มองเด็กสาวที่รออยู่หน้าบ้าน ใบหน้าอ่อนหวานแสดงสีหน้ากังวลเมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูมาบอกว่ากำลังทานข้าวอยู่

     

    "ทานข้าวอยู่หรอคะ — ตายแล้ว ขอโทษที่รบกวนเวลาทานอาหารค่ะ" อุมิโกะที่ตอนนี้ถูกเรียกว่าคริสตัลตามความเหมาะสมของประเทศที่อาศัย เด็กสาวก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ เวลาก็ไม่ขาดไม่เกินตามที่บิดาของหล่อนบอกเลยนี่นา เธอเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอ แต่ เธอดันมาเวลาที่เขาทานข้าวอยู่!

     

    เสียมารยาทจริง!!

     

    "ขอโทษอะไรกัน เข้ามาสิ ไม่ต้องเกรงใจหรอก" คริสตัลมองรอยยิ้มอบอุ่นปนขำ ๆ ของคนตรงหน้า เด็กสาวรู้สึกประหม่าและอาย เธอลืมไปเสียเลย ว่าที่นี่ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น เธอไม่ต้องบอก ขอโทษที่รบกวนเวลาอาหารที่ที่นี่เลย นี่คือเกาะอังกฤษ

     

     ไม่ใช่ญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว

     

    "แล้ว — เอด้ากับริวเป็นยังไงบ้างล่ะ"เสียงของ เอมอส ดิกกอรี่ ถูกแล้ว ได้ยินถูกแล้ว คือชื่อแม่ของเธอ เอดาลิน เมอร์เมเดรีย ส่วนพ่อของเธอ นานามิ ริว ทั้งสองคนต่างเป็นลูกครึ่งเงือกและมนุษย์ ที่ตกหลุมรักกันใต้ท้องทะเล ฟังดูเป็นเรื่องราวธรรมดาที่หนุ่มสาวต่างเชื้อชาติจะตกหลุมรักกัน แต่มันคงจะแปลกไปอีก เพราะไม่ใช่แค่พ่อเธอที่เป็นคนเอเชียและแม่เธอเป็นคนอังกฤษ แต่เพราะทั้งสองคนต่างปกครองน่านน้ำคนละฝ่ายกัน

     

    แต่ก็นะน่านน้ำไม่มีพรมแดนกั้น

     

    "ฮะฮะกับชิชิสบายดีค่ะ ช่วงนี้ปะการังเลยดีขึ้นไปด้วย ชาวเงือกที่เลมูเรียก็สบายดี ล่าสุดมีคณะชาวเงือกที่เพิ่งย้ายออกไปอยู่เกาหลีเมื่อปีที่แล้วมาขอเข้าพบ แล้วก็ช่วยกันจัดงานฉลองบนเลมูเรียซะยิ่งใหญ่เชียว" คริสตัลพูดพลางยิ้มเบา ๆ ก่อนเซดริกจะรินน้ำให้เธอ


     

    "ทานอะไรหรือยัง"


     

    "หนูทานมาแล้วค่ะ" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ — มันเป็นมารยาทอยู่แล้วที่เธอต้องทานอะไรมาก่อนมาเยี่ยมแขก ก่อนหน้านี้เธอแพนิคทั้งวันด้วยซ้ำไปวาจะเสียมารยาทหรือเปล่า แต่ก็ลืมไปว่าอันที่จริงครอบครัวเธอกับครอบครัวดิกกอรี่ก็สนิทสนมกันอยู่แล้ว

     

    "งั้นทานบลูเบอร์รี่เถอะ!"เซดริกพูดอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะวางตะกร้าไม้สานที่มีผลบลูเบอร์รี่วางบนผ้าลายตารางสีเหลืองให้อีกคน แถมยังขนขนมอะไรต่อมิอะไรมาให้เธออีก

     

    อุปนิสัยคนบ้านฮัฟเฟิลพัฟจริง ๆ สินะ

     

    "เธอมีบ้านที่อยากเข้ารึยัง ถ้ายังไม่มีนะ ฉันอยากแนะนำเรเว-" เซดริกพูดเจื้อยแจ้วตามประสาคนช่างสนทนา ขณะที่ยัดผลบลูเบอร์รี่เข้าปาก คริสตัลได้แต่มองอีกคน ก่อนแทรกขึ้นมา

     

    "อยากอยู่สลิธีริน" คนที่กำลังเจื้อยแจ้วอยู่ถึงกับอ้าปากค้าง จนเกือบลืมกลืนบลูเบอร์รี่ในปากตัวเอง

     

    ไม่ เขา ไม่ อยาก ให้ คริสตัลอยู่สลิธีริน

     

     เธอไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ ถ้าคริสตัลโดนคนในนั้นรังแกล่ะ เขาไม่ยอมหรอกนะ มันเจ็บปวดขนาดไหน เขารู้ดี ในฐานะพรีเฟ็คที่คอยควบคุมพฤติกรรมของนักเรียนน่ะ

     

    "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตอนอยู่มาโฮโทะโคะโระ หนูโดนทั้งคำดูถูกเหยียดหยาม และคำชื่นชมยินดี ตอนอยู่ใต้น้ำ ก็มีทั้งเหล่าเงือกแซ่ซ้องภักดี มหาสมุทรกว้างใหญ่เพียงใด ความคิดคนก็แตกต่างกันไปเพียงนั้น — หนูคิดมาดีแล้วค่ะ"

     

    "แต่เธอจะปรับตัวได้ใช่มั้ย.."

     

    "ตอนอยู่มาโฮโทะโคะโระ หนูอยู่บ้าน ทาปุ นั่นยิ่งไม่น่าเป็นห่วงใหญ่เลย บ้านทาปุขึ้นชื่อเรื่องการมีไหวพริบ และความฉลาด หนูรู้ดีว่าควรจะจัดการอะไรยังไง แถมบ้านทาปุยังใกล้ทะเล สลิธีรินก็เหมือนกัน การที่อยู่ใกล้ทะเล มันก็ดีไม่ใช่หรอคะ ชิชิ และ ฮะฮะ จะได้มาหาหนูบ่อย ๆ " ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้ม เด็กสาวเอ่ยด้วยท่าทางพยายามโน้มน้าวใจอีกคนให้คล้อยตามเธอ และเธอก็ทำถูก เพราะเซดริกมีท่าทีคิดเหมือนเธอบ้างแล้ว

     

    "เธอคิดว่า เอ็ดเวิร์ด จะเห็นด้วยมั้ย" เซดริกเอ่ยถามถึงพี่ชายฝาแฝดที่ตอนนี้เขากำลังไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอน เหมือนทุกการกระทำของคนที่บ้านดิกกอรี่หยุดลงเมื่อได้ยินชื่อเอ็ดเวิร์ด

     

    คริสตัลมองไปรอบตัว ก่อนจะนึกถึงเรื่องราวเมื่อปีก่อน ที่เอ็ดเวิร์ด ดิกกอรี่ หายตัวไปพร้อมกับเหตุการณ์ของกลุ่มมักเกิ้ลที่ต่อสู้กันที่อเมริกา แล้วจู่ ๆ เขาก็เพิ่งกลับมาเมื่อปีที่แล้ว — จากการพิสูจน์ด้วยน้ำยาต่าง ๆ ก็พบว่ายังคงเป็นเอ็ดเวิร์ดคนเดิม เพียงแต่ดูนิ่งขึ้น และซีดเซียว

     

    "ต้องเห็นด้วยอยู่แล้วค่ะ" 

     

    "นั่นสินะ เอ็ดเวิร์ดตามใจเธอที่สุดแล้วนี่ — ชั้นบนมีอ่างจากุชชี่ล่ะ ที่ห้องนอนเธอคนเดียวเลย แช่น้ำให้สนุกเลยนะ แล้วคุณน้าเอดาลินจะมารับกลับตอนกี่โมง" เซดริกพูดขณะเดินนำอีกคนไปชั้นบน แต่เสียงเปิดประตูบ้านอย่างรุนแรงก็เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันจากแฝดดิกกอรี่คนพี่

     

    "เธอจะพักกับเรา นี่นายไม่ได้อ่านใจเธอเลยหรอ — อ้อ ลืมไป นายเป็นพ่อมดธรรมดา" คนเพิ่งกลับมาใหม่เอ่ยประโยคทักทายด้วยคำพูดกวนประสาท ทำให้เซดริกหน้าบูดบึ้งทันทีที่ถูกพี่ชายฝาแฝดแกล้งแบบนั้น

     

    เอาเข้าไป! พี่ชายฝาแฝดเขา(อ้างว่า)โดนเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ ส่วนรุ่นน้องเขาอีกคนก็เป็นลูกครึ่งเงือก 

     

    เอาสิ! ให้ เซดริก ดิกกอรี่ โง่งมคนเดียวไปเลย!

     

    "อย่างอนสิเซด — นั่นของใช้ของหนูใช่มั้ยคะ ขอบคุณนะคะ" คริสตัลรีบบอกอีกฝ่ายเมื่อเธอได้ยินเสียงความคิดของเซดริกดังออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่หอบข้าวหอบของจากตรอกไดแอกอนพร้อมรับมาด้วยรอยยิ้ม 

     

    และในจังหวะที่เผลอ มือของเธอก็สัมผัสโดนกับมือของเอ็ดเวิร์ดเข้า จนชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก

     

    เพราะเขาเห็นสิ่งที่อยู่ในใจคริสตัล

     

    สิ่งที่เธอเองก็เห็นจากอนาคตอีกที 

     

    คริสตัลยังปั้นหน้ายิ้ม ก่อนจะขอตัวขึ้นไปบนห้อง แต่พริบตาเดียว เธอก็หันกลับมาจ้องเอ็ดเวิร์ดด้วยแววตาเรียบนิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

     

    "เอ็ดเวิร์ด"

     

    "ขอบคุณที่พี่ตัดสินใจจะช่วยนะคะ" ชายหนุ่มที่เกิดก่อน 2 นาทีได้แต่พยักหน้า ผิดกับเซดริกที่กำลังมีท่าทางสับสนว่าสองคนนี้พูดถึงเรื่องอะไรกัน

     

    เอ็ดเวิร์ดสั่นหัวเมื่อถูกแฝดน้องชายถาม ก่อนที่ริมฝีปากของชายหนุ่มจะยกยิ้มขึ้นเมื่อทวนคำพูดของอีกคนในหัว

     

    คริสตัลมีแผนการ เธอพร้อมจะทำทุกอย่างให้มันเป็นไปตามประสงค์ที่เธอต้องการ

     

    ทะเยอทะยานในสิ่งที่ตนอยากได้  — แล้วไม่ใช่สลิธีรินตรงไหนล่ะ 


     


     


     


     

    สถานีรถไฟฮอกวอตส์ , ลอนดอน 1994

     

    "ฮะฮะ ชิชิคะ หนู.. กลัวค่ะ.." คริสตัลพูดน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัวจ้องไปยังบิดาและมารดาราวกับหาที่พึงทางใจ

     

    "อุมิโกะจังของฮะฮะและชิชิเก่งที่สุด" เอดาลินเอ่ยก่อนจะก้มลงไปจรดริมฝีปากที่หน้าผากของลูกสาว คริสตัลกัดปากตัวเองไว้แน่นด้วยท่าทางประหม่า ก่อนจะโบกมือลาทั้งสอง แล้วก็กระโดดขึ้นรถไฟไป

     

    เสียงฉึกฉักของขบวนรถไฟที่ทำลายสมาธิช่างน่าหงุดหงิด เด็กสาวเดินหาขบวนที่ว่างมากมาย แต่ก็ไม่พบ จนมาถึงขบวนสุดท้าย คริสตัลชะโงกเข้าไป นัยน์ตาสีดำสนิทของเธอพบกับเด็กชายผมซีดหนึ่งคน เธอดูอยู่นิ่ง ๆ จนเมื่อพบคนที่ดูเหมือนลูกไล่ของเขาเดินออกไปแล้วก็ตัดสินใจเปิดตู้้นั้นเข้าไปนั่ง

     

    ไม่รู้ทำไมเธอถึงสะดุดตาเขานัก อาจจะเพราะสีผมบลอนด์ที่ซีดเกินจนไม่เหมือนใครแถวนี้ 

     

    หรือเพราะดวงตาของเขาที่เต็มไปด้วยความคิดอะไรหลายอย่าง จนดูน่าสนใจ  เหมือนกับคนอมทุกข์ แต่ก็ไม่ทุกข์ เหมือนกับคนที่มั่นใจ แต่ก็ดูเปรอะบางเหลือเกิน


     

    คริสตัลจึงถือวิสาสะเข้าไปนั่งด้วย

     

    "สวัสดี" เด็กสาวเป็นคนเริ่มพูดก่อน อีกฝ่ายหันมามองหน้าเธอแล้วชักหน้ากลับไปมองริมหน้าต่างดังเดิม ทำเหมือนว่าเธอเป็นอากาศธาตุไปได้ 


     

    "นายมาจากบ้านสลิธีรินหรอ" คริสตัลลุกย้ายฝั่ง มานั่งตรงข้ามกับเขาแทนเพื่อจะได้เห็นหน้าชัด ๆ พร้อมกับคิดคำถามใหม่ หลังจากเห็นเสื้อคลุมปักตราบ้านเป็นสัญลักษณ์งูเขียว ที่เขาถือพาดมือเอาไว้ เด็กหนุ่มผมบลอนด์ยังคงเพิกเฉยต่อเธอต่อไป

     

    "อันที่จริงฉันก็อยากเข้าบ้านหลังนี้เหมือนกันนะ"

     

    "เหอะ เลือดผสมอย่างเธอเนี่ยนะ" คำแรกที่เปิดปากพูดออกมาของอีกฝ่ายก็ดูไม่ค่อยน่าฟังเท่าไรนัก คริสตัลเปลี่ยนสีหน้าจากพยายามเข้าหาอย่างเป็นมิตรมาใช้แววตาเรียบนิ่งจ้องเขา

     

    "นายคิดว่าฉันเป็นเลือดผสมหรอ"

     

    "หรือไม่ใช่ล่ะ พวกตัวประหลาดทั้งเลือดผสมและเลือดสีโคลนโสโครก!"

     

    "ก็ใช่ และนั่นถือว่าเป็นคำชมมากเลยด้วย" คริสตัลตอบเขาด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจไม่เบา ริมฝีปากยกยิ้มข้างเดียวเชิงเหมือนเธอถือไพ่เหนือกว่า ท่าทางยียวนนั้นทำให้เดรโกเสียศูนย์และไม่เข้าใจไปเหมือนกัน

     

    ปกติสิ่งที่เขาได้รับกลับมา คือ การถูกโกรธ และความสะใจ

     

    ไม่ใช่เธอคนนี้จะสะใจมากกว่าเขา

     

    "แต่ฉันแปลกใจมากกว่าว่านายภูมิใจเรื่องเลือดบริสุทธิ์ได้ไง ในเมื่อนายมันก็แค่พวกหัวโบราณไม่หมุนตามโลก หรือนายอาจจะมีโลกแคบ ๆ อยู่แค่นั้น เหมือนในสมัยปี 1920s ถึงคิดว่าเลือดบริสุทธิ์เป็นสิ่งล้ำค่า.."

     

    "ทั้ง ๆ ที่ความจริงคือ ตระกูลเหล่านั้น กำลังจะเก่า ตาย และหายไป หากไม่มีการแต่งงานเพื่อรักษาไว้กับมักเกิ้ล หรือ มักเกิ้ลบอร์น"

     

    "นายต่างหากที่ประหลาดกว่าฉัน — อันที่จริงฉันยังไม่รู้เลยว่านายกล้าพูดว่าคนอื่นว่าประหลาดได้ยังไง เมื่อตัวนายเองเป็นประชากรส่วนน้อย ๆ ในโลกเวทมนตร์.."

     

    "นี่เธอ"

     

    "ยินดีที่ได้รู้จักนะ เดรโก มัลฟอย" คริสตัลเอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ เพราะการที่เธอเรียกชื่อเขาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มเกิดความสับสนและมีพฤติกรรมงุ่นง่านขึ้นมายิ่งกว่าเดิมอีก

     

    คริสตัลไม่ได้อ่านใจเขาหรอก มันเป็นสีขาวโพลน จิตใจของคน ๆ นี้ดูว่างเปล่ามาก 

     

    แต่เธอจำได้จากสีผม เพราะก่อนมา เซดริกสาธยายถึงเด็กนักเรียนบ้านสลิธีรินมากมาย ที่เรียกได้ว่ามีอำนาจค่อนข้างมาก

     

    และเขาคือหนึ่งในนั้น

     

    เธอทราบมาหมดแล้วเรื่องพฤติกรรมแย่ ๆ ทั้งหลายที่เขาได้ทำ 

     

    และเธอก็แอบสะอึกอยู่มาก ที่เขาพูดถึงสายเลือดทางโลกเวทมนตร์ของเธอ มันเหมือนเหยียดไปถึงผู้ปกครองของเธอ..

     

    แต่ถ้าเธอจะอยากจะได้อะไร

     

    เธอก็ต้องได้ ตามที่เธออยากจะได้

     

     

     


     

    "ฉันหวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีกับพวกเธอ — และเราขอยินดีต้อนรับนักเรียนใหม่จากมาโฮโทะโคะโระ ขอเชิญมาทำการคัดสรรบ้านใหม่ที่ฮอกวอตส์" หลังจากคัดสรรบ้านให้เด็กปีหนึ่งหมดแล้ว ดัมเบิลดอร์พูดด้วยน้ำเสียงสุขุมใบหน้าชรายิ้มแย้ม ก่อนจะผายมือให้เธอ คริสตัลเดินออกมาจากมุมมืด ใบหน้าเยาว์ประหม่า และเธอก็เหลือบไปเห็นเซดริกและเอ็ดเวิร์ดส่งยิ้มให้เธอเป็นเชิงไม่เป็นไร ใจเย็น ๆ อย่ากังวล

     

    "ยัยคนนั้นเป็นแม่มดญี่ปุ่นงั้นหรอ" เดรโกเอ่ยพึมพำ ดวงตาสีเทาจับจ้องไปที่ร่างเล็กอย่างตั้งใจ เขามีทั้งอารมณ์ไม่ชอบใจ สงสัย สนใจ และ อยากจะแกล้งเธอให้เหมือนที่เคยทำกับพอตเตอร์หรือวีสลีย์ แต่พอเห็นอีกคนยิ้มกว้างเมื่อตอนหมวกสวมลงบนหัวก็ยิ่งทำให้ไม่ชอบใจหนักมากขึ้น

     

    ทีกับเขาเมื่อตอนอยู่บนรถไฟจ้องเขม็งเชียว

     

    "เมอร์เมเดรีย, คริสตัล" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด คริสตัลเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ หมวกคัดสรรใบใหญ่ถูกใส่ลงมาบนหัวเด็กสาว เธอหลับตาปี๋ขณะที่หมวกคัดสรรพูด

     

    "ทำไมต้องสลิธีริน" คำแรกจากปากหมวกคัดสรรทำให้คริสตัลได้เพียงแค่ยกยิ้มเบา ๆ ผิดกับเสียงฮือฮาของนักเรียนทั้งฮอกวอตส์

     

    "แล้วทำไม ‘ไม่’ สลิธีรินล่ะคะ" คริสตัลพูดด้วยรอยยิ้มเบาบางบนใบหน้า

     

    "ฉันไม่อยากให้ยัยนั่นมาร่วมบ้านกันเลย" เดรโกพึมพำกับแครบบ์และกอยล์ สองคนนั้นพูดอะไรไม่เป็นสักอย่างนอกจากพยักหน้าเออออตามเขาไป ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มหัวเสียกว่าเดิม

     

    "หนูถือคติ ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดค่ะ ทะเลกับหนูเป็นของคู่กัน อย่างน้อยยังคลายการคิดถึงบ้านได้" เด็กหญิงตอบเสียงแผ่ว ๆ เธอคิดถึงทะเลบ้าคลั่งที่มาโฮโทะโคะโระ ทะเลที่เธอไปบินจับลูกสนิชได้ทุกครั้ง ทะเลช่วยผ่อนคลาย ทะเลที่เธอมักแหวกว่ายไปหาบิดาและมารดา อย่างน้อย การอยู่สลิธีริน ก็ช่วยให้เธอได้เจอเหล่าสัตว์ที่คงเป็นเพื่อนกันได้

     

    เดรโกเองไม่เคยเชื่อในการกระทำงี่เง่าของมักเกิ้ลมาก่อน ที่ว่าไขว้นิ้วเป็นรูปไม้กางเขนจะทำให้ไม่เกิดโชคร้าย แต่เพื่อจะไม่ต้องให้ยัยนั่นเข้าร่วมบ้านสลิธีริน เขาก็จะลองทำดู

     

    แต่เหมือนเขาจะทำผิดวิธีมั้ง — มันถึงได้…


     

    "สลิธีริน!!"เด็กสาวยกยิ้มมุมปากเบา ๆ ขึ้นมา ก่อนจะเป็นศาตราจารย์มักกอนนากัลที่หยิบหมวกออกจากหัวเธอทันทีและคริสตัลก็เดินไปรวมกลุ่มที่โต๊ะบ้านสลิธีริน  ท่ามกลางสายตาของนักเรียนเลือดบริสุทธิ์อีกมากมาย

     

    "และในปีนี้ ฉันภูมิใจที่จะประกาศว่าฮอกวอตส์จะเป็นเจ้าภาพในการประลองเวทไตรภาคี ผู้ชนะจะได้ครอบครองถ้วยรางวัลไตรภาคี" เสียงของดัมเบิลดอร์ประกาศก้องถ้วยรางวัลใหญ่ส่องแสงสีฟ้านั้นเรียกเสียงฮืออาให้กับทุกคนที่อยู่ในห้อง การประลองเวทย์ไตรภาคีนั้นเป็นการแข่งขันด้านเวทมนตร์ของผู้วิเศษ ที่จะถูกคัดเลือดผู้สมัครจากถ้วยอัคนี ถ้วยจะคัดเอาผู้ที่ดูพร้อม และมีความสามารถมากที่สุด

     

    เป็นเกียรติยศชั่วนิรันดร์

     

    "เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ในฐานะเจ้าภาพ ฉันขอต้อนรับเพื่อนเราจากโบซ์บาตง"เด็กหญิงมองภาพตรงหน้า ชายอาวุโสผายมือไปด้านหน้า ประตูใหญ่ถูกเปิดออกให้กลุ่มหญิงสาวในชุดสีฟ้าย่างเข้ามาอย่างสง่างามพวกหล่อนอยู่ในชุดสีฟ้าผ้าใหม่ดูสวยหรูและยังมีแสดงการเต้นอย่างงดงาม ทำให้คริสตัลคิดถึงที่ญี่ปุ่น เรามีการแสดงแบบนี้เหมือนกัน โอ้! — พวกเขามีผีเสื้อบินออกมาจากการแสดง เด็กสาวเบิกตากว้าง ขณะที่เธอไม่ได้สังเกตว่าคนที่นั่งข้าง ๆ เธอ อย่างเดรโกมัลฟอยทำหน้าเบื่อโลกขนาดไหน 

     

    พวกผู้หญิงโบซ์บาตง เขาดูจนเบื่อแล้วเขาเจอพวกหล่อนตามงานสังคมที่ต้องออกกับพ่อบ่อยเหลือเกิน นั่นพวกเดิร์มสแตรงก์กับไฟ เบื่อแล้วเหมือนกัน

     

    "และเพื่อนจากทางเหนือของเรา เดิร์มสแตรงก์" ดัมเบิลดอร์กล่าว ก่อนที่กลุ่มชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลจะเดินเข้า คริสตัลคิดว่าการกระทำของเขา ให้บรรยากาศที่แตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง พวกเขาเต็มไปด้วยความดุดัน น่ากลัว และน่าเกรงขาม คริสตัลนึก จะว่าไป ชุดนักเรียนของเดิร์มสแตรงก์ก็เหมือนชุดนักเรียนของมักเกิ้ลชายที่ญี่ปุ่น เป็นแบบปิดไปถึงคอเหมือนกันเลย —

     

    "นี่โรงเรียนเก่าเธอมีอะไรบ้าง ตื่นเต้นอยู่ได้" แครบบ์แว้ด ๆ ขึ้นมา คนฟังถึงกับชักสีหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับเขา

     

    "หลายอย่าง แต่รู้ไปนายก็ไม่ได้เรียนที่มาโฮโทโคโระหรอก — พนันได้เลยว่าวันจบการศึกษา เสื้อคลุมนายจะเป็นสีขาวสว่างจ้าแน่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะรีบจับนายไปขังในขุกที่มีโยไคคอยอยู่เป็นเพื่อนอีกมากเลยล่ะ — อันที่จริงฉันว่านายไม่กล้าขี่เต่าด้วยซ้ำ" คริสตัลพูดกับเขา ก่อนจะหันไปปรบมือให้การแสดงของเดิร์มสแตรงก์ โดยไม่สนใจว่าอีกคนงุนงงและดูสับสนมากแค่ไหน

     

    ซึ่งก็ถูกแล้ว เธอตั้งใจให้เขาดูงุนงงและโง่งมนั่นแหละ — เพราะว่าเด็กมาโฮโทโคโระจะเริ่มศึกษากันตั้งแต่ อายุ 8 ปี แต่ว่า จะยังไม่มีการนอนพักค้างคืน จะเป็นการขี่เต่าบินเพื่อกลับบ้านของตนเท่านั้น

     

    ส่วนเรื่องเสื้อคลุม — มีเรื่องเล่าว่า เมื่อไรที่จบการศึกษาเราจะได้รับเสื้อคลุม ถ้ามันเป็นสีชมพู หรือ สีทอง จะถือว่าเราจบการศึกษาอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นสีขาว มันแสดงว่าเราเป็นพ่อมดแม่มดที่มีอำนาจมืดในตัวอยู่ อาจจะใช้ศาสตร์มืดในทางที่ผิดได้ จึงจะถูกจับกุม ไปสอบสวนกับกระทรวงเวทมนตร์ญี่ปุ่น 

     

    หรือแง่ร้ายสุดคือโดยจับขังเป็นเพื่อน โยไค — หรือภูตผีปีศาจของญี่ปุ่นนั้นเอง

     

    "เธอพูดบ้าอะไรของเธอน่ะ" แครบบ์เอ่ยอย่างงุนงง แต่เด็กสาวไม่คิดจะไขความกระจ่างให้เขา เธอลุกยืนทันทีเมื่อดัมเบิลดอร์อนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านพักของตนได้

     

    แต่ทันทีที่ลุกขึ้นและคิดจะเริ่มเดิน เหมือนคริสตัลโอบล้อมไปด้วยท่ามกลางฝูงชน ผู้คนจากสามโรงเรียนเดินขวักไขว่ เธอไม่น่าเกิดมาตัวเล็กเลย — ไม่สิ พวกเขาตัวใหญ่เกินไปต่างหาก! เธอเป็นเด็กเอเชียนะ!


     

    "เซดริก ดิกกอรี่ !" คริสตัลเอ่ย ก่อนจะวิ่งไปหาเป้าหมาย คนตัวสูงที่โดดเด่นท่ามกลางนักเรียนฮอกวอตส์หันมามองเธอ พร้อมโบกมือให้ 

     

    "เอ็ดเวิร์ดล่ะ!" คริสตัลเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น พร้อมกับหอบอีกครั้งเมื่อเธอเพิ่งจะวิ่งมาหมาด ๆ 

     

    "ยังไม่เห็นเลย แต่คงจะเจอเองมั้ง เขาชอบไป ๆ หาย ๆ แบบนี้อยู่แล้วนี่"

     

    "แล้วเธอล่ะ สนใจไปดูฉันสาธิตวิธีเข้าบ้านฮัฟเฟิลพัฟมั้ย"

     

    "พี่เล่าเรื่องถังน้ำส้มสายชูสาดเสื้อผ้ามาเป็นรอบที่ 17 แล้ว — เท่าอายุพี่เลย!!" คริสตัลสั่นหัวให้เขา ก่อนจะเดินหันหลังกลับไป แล้วก็หันหน้ากลับมาหาเซดริกอีกรอบ พร้อมตะโกนบอกเขา ทำเอาชายหนุ่มจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟได้ มีสีหน้าบูด ๆ ออกมา

     

    คริสตัลเปลี่ยนสีหน้าทันทีหลังจากที่เมื่อกี้ยิ้มให้พี่ชายคนสนิท เธอเดินไปรวมกลุ่มกับนักเรียนบ้านสลิธีรินอีกครั้ง ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ดวงตากลมไม่ละสายตาจากพรีเฟ็คที่กำลังบอกวิธีเข้าบ้านที่ถูกต้อง จนกระทั่งพรีเฟ็คสาวคนนึงลากเธอไปคุยส่วนตัว

     

    "หอพักเธออยู่ห้องนี้นะ มันใหญ่มาก และ ยินดีด้วย เธอได้อยู่คนเดียว" คริสตัลห่อเหี่ยวใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดจากปากพรีเฟ็คหญิงที่ห้วนและดูไม่มีน้ำใจเอาซะเลย เอาเถอะ เธอรู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์แบบที่นักเรียนสลิธีรินบางคนต้องการ แต่ในเมื่อเธออยากจะอยู่ เธอก็จะอยู่

     

    "ยินดีด้วยนะที่ได้ห้องพักคนเดียว ถ้าเธออยู่กับเพื่อน ๆ ฉันว่าเขาคงจะติดเลือดผสมมาด้วยแน่" เสียงทุ้มสุขุมเอ่ยออกมา ขณะที่คริสตัลกำลังนั่งมองทะเลจากห้องนั่งเล่นบ้านสลิธีรินด้วยแววตาเหม่อลอย พอหันไปมองก็พบเดรโก มัลฟอย เดินออกมานั่งข้างเธอ และคำพูดคำจาของเขาก็ไม่ได้ถนอมน้ำใจ หรือตั้งใจจะยินดีกับเธอจริง ๆ เท่าไรนัก

     

    ดวงตาสีเทาฉายแววประกายเจ้าเล่ห์ แล้วคริสตัลก็เห็นลูกไล่สองคนของเดรโกเดินตามมา

     

    พระเจ้า — หมอนี่มันมาเฟียหรือไง

     

    "นายคงไม่ได้เรียนวิทยาศาสตร์ด้วยสินะ — ซื่อบื้อจริง ๆ "

     

    "นี่เธอว่าฉันหรอ!!?"

     

    "รู้มั้ยว่าแค่ร่วมห้องกันเลือดมันถ่ายทอดกันไม่ได้น่ะ แล้วเลือดมันก็มีแค่สีแดง นายคิดว่าเลือดบริสุทธิ์ของนายมันจะเป็นเลือดเฉดสีอะไร แดงเชอร์รี่ แล้วเลือดเฉดสีของมักเกิ้ลบอร์นเป็นสีแดงมะฮอกกานีหรอ"

     

    "นี่เธอ.." คนถูกสวนมาไปไม่เป็น เพราะไม่เข้าใจคำพูดของอีกคน รวมถึงท่าทางของคริสตัลที่ดูไม่สะทกสะท้านเขาเลย แถมยังหาอะไรมาว่าเขาได้อีกเรื่อย ๆ 

     

    "คนอื่นยังไม่เห็นวุ่นวายกับฉันเลย นายจะอะไรนักหนาก็ไม่รู้"

     

    "ฉัน — ฉันแค่ห่วงบรรทัดฐานของบ้าน แล้วเธอจะไม่มีคนคบเอา" เขาเอ่ยดวงตาหลุกหลิก คริสตัลขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีก

     

    ไม่มีคนคบแล้วมันเดือดร้อนใคร ถ้ามันจะมีปัญหา คนมีปัญหาคือเธอ — มันก็เป็นเรื่องของเธอใช่มั้ย


     

    แล้วถ้าเธอไม่มีปัญหากับการไม่มีเพื่อน


     

    เขามามีปัญหาร่วมด้วยทำไมกันนะ

     

    "ฉันเข้าใจว่านายห่วงสลิธีริน และฉันก็รู้ว่าตอนนี้ฉันคือ คริสตัล เมอร์เมเดรีย บ้านสลิธีริน ไม่ใช่ นานามิ อุมิโกะ จาก ทาปุ แต่ฉันคือฉัน ฉันไม่ใช่นาย ถ้านายว่างจะคอยจับผิดและหาคำถากถางเรื่องสายเลือดคนมากขนาดนี้ — ฉันแนะนำให้นายเอาเวลาไปซ้อมควิดดิชดีกว่า" เด็กสาวเอ่ยด้วยสายตาเหนื่อยใจกับเขา ก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง ท่าทางดังกล่าวทำให้เดรโกไม่สามารถจะหาอะไรมาแกล้งหรือเถียงเธอได้

     

    มันแปลก

     

    เขารู้สึกว่าเขาสู้เธอไม่ได้เลย เขาต้องยอมเธอเท่านั้น

     

     

     

     

     

    บ้านสลิธีริน, วันรุ่งขึ้น

    "หลับสบายมั้ยมิสเมอร์เมเดรีย" เด็กสาวตื่นขึ้นมาในห้องนอน เสียงปลุกนั้นทำให้เธอตกใจจนหัวกระแทกกับเสาเตียง มันเป็นปลาหมึกยักษ์ที่ส่งยิ้มทักทายผ่านกระจกใสเพราะห้องของเธออยู่ใต้น้ำ คริสตัลโบกมือให้กับสัตว์ในทะเลด้วยสีหน้าสดชื่น

     

    "อยากออกมาว่ายน้ำหรือ" เสียงของหมึกยักษ์ยังพูดอยู่ คริสตัลพยักหน้าเบา ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายสาดน้ำทะเลสีใสมากระเซ็นกับกระจกห้องนอนเธอ

     

    "ยังไม่มีใครรู้ใช่มั้ย นอกจากเซดริก เอ็ดเวิร์ด?" หมึกยักษ์เอ่ยถามต่อ คริสตัลพยักหน้าช้า ๆ เรื่องที่เธอเป็นนางเงือกแล้วก็ยังเป็นแม่มด เรื่องนี้ให้ใครรู้ไม่ได้หรอก บิดาของเธอเป็นลูกครึ่งพ่อมดกับนายเงือก ส่วนแม่เธอเป็นนางเงือกเต็มตัว แม่เธอสนิทกับเอมอส ดิกกอรี่ จนเหมือนพี่น้องกัน เพราะเขามักชอบเจอแม่เธอโผล่มาเล่นในห้องน้ำพรีเฟ็ค ไม่ก็พูดคุยกันที่ทะเลสาบ ถ้านับตามสายเลือดแล้ว เธอจึงมีส่วนเอี่ยวในทะเลมากกว่าเวทมนตร์ แน่นอน เมื่อเรียนจบ เธอก็ต้องไปปกป้องมหาสมุทรของเธออยู่แล้วล่ะ

     

    "ดัมเบิลดอร์ฝากฉันให้มาแจ้ง — เธอจะได้เดินทัวร์ฮอกวอตส์วันนี้กับไกด์ เธอจึงไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนวิชาการดูแลสัตว์วิเศษ และ พยากรณ์ศาสตร์"

     

    "ไกด์นำทางงั้นหรอคะ" คริสตัลทวน พลางเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

     

    "เธอแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วไปพบดัมเบิลดอร์เองเถอะ — ถ้าให้ฉันอธิบายคงไม่ดีเท่าไร คริสตัลพยักหน้า ก่อนสุดท้ายจะทำตามคำพูดของปลาหมึกยักษ์ — เขาเหมือนเป็นเพื่อนคนแรกของเธอที่ฮอกวอตส์ เธอไม่ไว้ใจคนเท่าไร แต่เธอไว้ใจสัตว์น้ำทุกตัว สัตว์น้ำคือเพื่อนของเธอ

     

     

    ห้องทำงานของศาสตราจารย์สเนป ( ห้องเรียนวิชาปรุงยา ), ฮอกวอตส์

     

    "ศาสตราจารย์เรียกผมมาทีนี่ มีอะไรหรือครับ" เมื่อเช้าตรู่ ขณะที่เขากำลังตื่นมาอ่านหนังสือพิมพ์ของโลกเวทมนตร์อย่างทุกวัน ดาฟเน่ กรีนกราส หนึ่งในสมาชิกร่วมบ้านสลิธีรินก็วิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ ใบหน้าสวยของเด็กสาวมีเลือดฝาดเล็ก ๆ จากการวิ่งมาอย่างรวดเร็ว เธอหยุดวิ่งตรงหน้าเขา ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดขัด เดรโกจับใจความได้เพียงว่า สเนปและดัมเบิลดอร์เรียกพบเขา 

     

    เขาถึงต้องมาอยู่ที่นี่

     

    ใบหน้าอันยุ่งเหยิงของเดรโกทำให้ ดัมเบิลดอร์ยกยิ้มออกมาน้อย ๆ ขณะลูบเคราขาว ก่อนจะเริ่มอธิบาย 

     

    "มิสเตอร์มัลฟอย — เธอเป็นเด็กที่ได้ทำคะแนนในบ้านสลิธีรินมากที่สุด รวมถึงเป็นผู้เคร่งในกฎและรักบ้านตัวเองอย่างถึงที่สุด"

     

    "ครับ..?" คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่เข้าใจว่าอีกคนต้องการจะสื่ออะไรให้เขา"

     

    "ฉันมีความต้องการให้มิสเมอร์เมเดรียได้เรียนรู้การอยู่ที่ฮอกวอตส์จากเธอ" สเนปถอนหายใจเสียงดัง ผิดกับเดรโก ดวงตาสีเทาเข้มเบิกกว้างอยากตื่นตกใจ พร้อมมองทางดัมเบิลดอร์ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว


     

    "เรียนรู้..?"

     

    "ฉันอยากให้เธอช่วยเป็นเพื่อนคนแรกให้มิสเมอร์เมเดรีย ช่วยสอนเธอถึงการใช้ขีวิตที่นี่ พาเธอเข้าสังคมในฮอกวอตส์ การย้ายมากลางคันถือเป็นเรื่องแปลก คนคงจะตัดสินเธอ — มิสเมอร์เมเดรียเคยอาศัยอยู่ที่มาโฮโทะโคะโระมาตั้งแต่ 8 ขวบ เธออาจจะไม่เข้าใจภาษาหรือวัฒนธรรมของอังกฤษ เธอต้องการคนช่วยนำทางในการใช้ชีวิตที่ฮอกวอตส์"

     

    "เธอเป็นเด็กมีความประพฤติที่ดีตามฉบับของบ้านสลิธีริน — รวมถึงได้รับการไว้วางใจอย่างมากจากศาสตราจารย์สเนป ฉันเลยอยากจะขอเธอให้ทำหน้าที่นี้ที" ชายหนุมผู้ถูกพาดพิงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เพราะเขารู้ดีว่ามีผู้ที่เหมาะสมกว่ามากมาย ทั้งเด็กบ้านสลิธีรินเอง หรือต่างบ้าน แถมใจความสำคัญที่อัลบัส ดัมเบิลดอร์ต้องการให้เดรโกเป็นเพื่อนของคริสตัล มันมีมากกว่านั้น เมื่อเขา ดัมเบิลดอร์ ต้องประชุมกันเมื่อเช้า ก่อนเดรโกจะเข้ามาในห้องนี้

     

    "อัลบัส ผมยินดีที่จะบอกกับลูเซียสและคุณนายมัลฟอย แต่ผมไม่คิดว่าเดรโกจะเหมาะสมดูแลคริสตัล ครอบครัวมัลฟอยอันตรายมาก" สเนปเอ่ยขณะใบหน้าเคร่งขรึมขมวดคิ้วน้อย ๆ สีหน้าเขาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร เพราะอีกฝ่ายเป็นเจ้าหญิงแห่งท้องทะเล บุตรีบุญธรรมของเทพโพไซดอน ที่ขนาดชายาของท่านยังอนุญาตให้เธอใช้ชื่อเธอในภาษาโรมันเป็นชื่อกลาง

     

    คริสตัลคือบุคคลผู้มีอำนาจ เธอเป็นคนสำคัญ — และอาจจะมีอำนาจมากกว่าที่เขาหรืออัลบัสจะประเมินได้เสียอีก

     

    ไม่ควรเอาตัวเด็กคนนี้ไปเสี่ยงกับครอบครัวมัลฟอย ที่ทั้งเขาและดัมเบิลดอร์เองก็รู้ดีแก่ใจกันทั้งสองฝ่าย ว่าครอบครัวนี้ยังคงรับใช้โวลเดอร์มอร์อยู่อย่างลับ ๆ 

     

    "ลองดูสิเซเวอร์รัส — ทั้งคริสตัลและเดรโกก็มีไหวพริบ ความทะเยอทะยาน และความดื้อรั้นในสิ่งที่ตนต้องการไม่ต่างกันหรอก — สองคนนี้เหมือนกันกว่าที่ใครจะมองเห็น"

     

    "และฉันเชื่อว่าพวกเขาจะสัมผัสได้ — ว่าพวกเขาเหมือน และเหมาะกันมากแค่ไหน เชื่อฉันสิ"

     

    "ขออนุญาตค่ะศาสตราจารย์" ยังไม่ทันที่บนสนทนาจะไปได้ไกลมากนัก ประตูคุกใต้ดินก็ถูกเปิดขึ้น คริสตัลเดินเข้ามาในเครื่องแบบฮอกวอตส์อย่างเรียบร้อย อันที่จริงเธอก็ยังไม่ชินเท่าไรนัก 

     

    "งดงามทีเดียว!" ดัมเบิลดอร์พูดอย่างตื่นเต้น "เอาล่ะ เด็กบ้านสลิธีรินควรช่วยนำทางซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะบ้านไหน ๆ ก็ล้วนเป็นนักเรียนฮอกวอตส์"

     

    "คะ?" คริสตัลถาม สีหน้าแหย ๆ ถูกส่งให้ดัมเบิลดอร์เมื่อเธอพบเดรโก มัลฟอยยืนอยู่ข้าง ๆ 

     

    ดัมเบิลดอร์กำลังหมายถึง ให้เธออยู่กับคน ๆ นี้น่ะหรอ ??


     

    เมอร์ลิน ไม่มีทาง !!!

     

    "มิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญ"ดัมเบิลดอร์พูดต่ออีก


     

    "ไม่ค่ะ หนูจะไม่มีทางอยู่กับคนที่เหยียดคนอื่นแล้วกดว่าตัวเองดีอย่างงั้นอย่างงี้เด็ดขาด"


     

    "ผมก็ไม่มีทางไปเป็นทาสรับใช้คอยสอนคอยแนะนำหรืออยู่ใกล้ ๆ ยัยเลือดผสมนี่เหมือนกัน!"


     

    "เงียบ!!" ศาสตราจารย์สเนปขึ้นเสียงใส่ทั้งสองคน "ฉันคุยกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก่อนที่พวกเธอจะได้ทำตัวงี่เง่ากันอีก และฉันในฐานะที่เป็นศาสตราจารย์ประจำบ้านก็คิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ว่าใครในบ้านควรจะมีดูแลเธอ มิสเมอร์เมเดรีย" สเนปหันไปเด็กสาว พร้อมจ้องเธอเขม็ง


     

    "ส่วนเธอ มิสเตอร์มัลฟอย เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่แล้วก็ควรจะทำให้ดี แบบที่ฉันและศาตราจารย์ดัมเบิลดอร์คาดหวัง ไม่ใช่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล"

     

    "ต่อจากนี้ มิสเตอร์มัลฟอยจะคอยดูแลเธอและพาเธอไปเรียน วันนี้พวกเธอจะไม่ได้เข้าคาบวิชาการดูแลสัตว์วิเศษ และพยากรณ์ศาสตร์ แต่มิสเตอร์มัลฟอยจะพาเธอเดินชมปราสาทฮอกวอตส์ทั้งหมด"ศาสตราจารย์ประจำบ้านอย่างเซเวอร์รัส สเนปเอ่ยขัดขึ้นมา

     

    "พวกเธอจะไม่ถูกหักคะแนน — ถ้าไม่ไปทำอะไรที่มีพิเรนทร์ขึ้นมา" เซเวอร์รัส สเนปเอ่ยเตือน แต่เขาไม่ได้บอกเดรโก เขาหันมาหาคริสตัล ท่าทางกดดันทำให้เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ผิดกับเดรโกที่ทำเพียงยกยิ้มเบา ๆ ที่เห็นอีกคนมีท่าทีกระอักกระอ่วนแบบนั้น

     

    "และฉันขอความกรุณามิสเตอร์มัลฟอย อย่าทำตัวเสียมารยาทให้มิสเมอร์เมเดรียมาเล่าให้ฉันฟังได้" แต่สุดท้ายเขาก็หันมาพูดด้วยโทนเสียงโมโนโทนกับเดรโก ก่อนจะยอมปล่อยทั้งคู่ให้ออกไปข้างนอกห้อง คริสตัลก้มลงมองเครื่องแบบตัวเอง ทั้งเนคไทสีเขียว เสื้อคลุมที่มีตราบ้านงู และก็หันไปมองคนข้าง ๆ อย่างเดรโก มัลฟอย เขาก็หันมองเธอเหมือนกัน


     

    "ตามมาก็แล้วกัน ยัยภาระเอ๊ย!!"


     

    "นายดีตายแหละ ตาหัวซีด"เด็กสาวงึมงำอยู่คนเดียว แต่ก็เดินตามอีกฝ่ายไป พร้อมกับคิดไปด้วย

     

    ชีวิตในฮอกวอตส์ต่อจากนี้ มันจะเป็นยังไง — เธอก็ไม่อาจจะรู้ได้เลย..

     

     

     

    Lover, hunter, friend and enemy
    You will always be every one of these
    Lover, hunter, friend and enemy
    You will always be every one of these
    Nothing's fair in love and war

    ( สุดที่รัก ผู้ไล่ล่า มิตรภาพ และศัตรู )

    ( เธอจะเป็นทั้งหมดนี่ของฉัน )

    ( คนรัก ผู้ที่จะเอาชีวิตฉัน เพื่อน หรือ ศัตรูก็ตาม )

    ( คุณจะเป็นมัน มันทั้งหมดนี่ )

    ( ไม่มีอะไรยุติธรรมในสงครามรักครั้งนี้หรอกนะ )

     

    You and I, always in disguises

    ( เราทั้งสองน่ะ — เป็นแค่เรื่องที่ถูกหลอกลวงและปกปิดไว้ทั้งนั้นแหละ )

     



     

    Talk

     

    ถ้าใครได้เคยอ่านเวอร์ชั่นก่อน จะจำได้ค่ะว่าเดรโก มัลฟอย ในตอนนั้นไม่ได้นิสัยแบบนี้ พอเรารีไรท์ใหม่ เราเลยอยากเขียนให้มันมีความขมมากกว่าเดิมค่ะ ความสับสน การเรียนรู้มากกว่าเดิม เพราะเวอร์เก่าเนื้อเรื่องจะดำเนินไปไวมาก ไม่ละเอียดในหลายจุดเลย แล้วฉากที่สเนปคุยกับดัมเบิลดอร์ในเวอร์ชั่นก่อนจะคุยกันสองคน ไม่มีเดรโกกับคริสตัล เนื้อหาตามเดิม แต่ว่าเราเพิ่มบททะเลาะให้สองคนนี้เข้าไปอีกค่ะ อย่างที่ว่าล่ะว่าคริสตัลไม่ชอบการดูถูกสายเลือด — ส่วนคุณชายมัลฟอยก็.. เลือดสีโคลนเอย เลือดโสโครกเอย เลือดผสมสกปรก ทรยศต่อสายเลือดแทบทุกอย่างเลยค่ะ แหะ และก็คริสตัลเป็นคนเหมือนเดรโก คนประเภทเดียวกันมาเจอก็ ตามนั้นค่ะ ไฟลุกพรึ่บพรับให้หมด

     

    บอกให้ทุกคนสบายใจได้ เดรโกไม่ได้จะนิสัยแย่แบบนี้กับคริสตัลตลอดไปค่ะ พวกเขาจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ อย่างที่เราบอกว่า ขม คือ คิดว่าน่าจะเป็นนิยายเรื่องที่ขมที่สุดที่เขียนมาแล้วค่ะ แล้วก็นางเอกจะมีความ stubborn มากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ แบบว่า don’t blame me ของ taylor swift เลย นิสัยของคริสตัล อาจจะพอ ๆ กับ เพอร์เซโฟเน่ จาก anaxiphillia เลยก็ได้ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเพอร์เซโฟเน่ยังมีเฟร็ดและจอร์จ คอยเป็นเหมือนความรักและเซฟโซน แต่คริสตัล ถึงจะมีเดรโก แต่มันก็เป็นความขมมาก ๆ เลยค่ะ ที่ว่าเรารักกัน เรารู้ดี แต่มันผิดที่ ผิดเวลา เหมือนคนสองคนที่อยู่คนละฝั่งกันไปเลย หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ

     

    แปะภาพที่ edit เอง แบบ ไม่ค่อยเก่งเท่าไรค่ะ 555 เวลาจินตนาการคริสตัลในชุดฮอกวอตส์ก็จะประมาณนี้ค่ะ  

     

     

    พยายามนึกให้มันดูเนียนก็แล้วกันนะคะ แหะ ๆ แล้วก็เรื่องคู่ขนานอย่าง enigmatic ตอนนี้กำลังเร่งรีไรท์และปรับปรุงให่เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวจะลงแนะนำเรื่องไว้ก่อน ฝากติดตามทั้งสองเรื่องนี้ด้วยนะคะ !

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×