ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC harry potter] Aquamarine — DM/OC

    ลำดับตอนที่ #2 : Enemy 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.09K
      97
      10 ก.ค. 66

    "ข้าแต่ในนามของเด็กสาวผู้จะขึ้นมาเป็นราชินีในอนาคต"

     

    "ข้าขอให้สาบานแก่ประชาชนชาวเลมูเรีย แก่เพื่อนพ้องชาวเงือกทั้งหลาย"

     

    "ว่าข้า — จะไม่มีวันปล่อยให้อำนาจและสิ่งยั่วยุภายนอก มาทำให้ภายในจิตใจของข้าสั่นคลอน หน้าที่ของข้า ในฐานะบุตรีของเทพเจ้าโพไซดอนและเทพีแอมฟีไทรต์ นางเงือกผู้สืบสายเลือดเพียงคนเดียวและในอนาคตผู้ที่จะต้องเป็นราชินีเงือกแห่งทะเลทั้งเจ็ด.."

     

    "หน้าที่ที่จะต้องกำจัดจอมมารของข้า และหน้าที่ที่จะปกป้องความลับของเหล่าเพื่อนเงือกนับล้านชีวิตจากมนุษย์ — ข้าขอให้สัญญาและคำสัตย์สาบาน"

     

    "ข้าจะไม่ยอมแพ้ให้กับชะตาหรืออุปสรรคไหน ๆ ที่เข้ามาหาข้า ไม่ว่าต้องสูญเสียด้วยทรัพย์สินเงินตราทั้งหลาย จิตใจ ร่างกาย จิตวิญญาณของข้า แม้ความรักและความตาย"

     

    "ข้าจะเสียสละมันได้ เพื่อให้ข้าได้อำนาจแห่งโชคชะตา ที่จะพาชาวเงือกใต้การปกครองของข้ารอดพ้น — รวมถึงตัวข้าเองที่มีชัยเหนือศัตรู"

     

    "และแด่เทพเจ้าผู้ปกป้องทะเล ผู้มอบพลังและชีวิตให้ข้า — ข้าสาบานว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง"

     

    "ข้าจะกำจัดจอมมาร และ ดูแลชาวเงือกไปด้วยกัน เพื่อสันติสุขของข้า ของโลกเวทมนตร์ ทั้งใต้สมุทร ทั้งบนพื้นดินและบัลลังก์" สิ้นคำพูดของเธอ เหล่าสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ก็คำนับด้วยความเคารพ

     

     

     

     

    "ขอให้พระองค์ครองราชยืนยาว"

     

     

     

     


     

    "ตารางเรียนวันนี้ของสลิธีรินจะเปลี่ยนไป เราจะไม่มีเรียนกับกริฟฟินดอร์ในคาบการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เพราะฉันต้องพาเธอไปทัวร์ปราสาท ทำให้เขาย้ายเราไปเรียนกับพวกเรเวนคลอหลังทานอาหารกลางวัน" เดรโกโพล่งขึ้นมาขณะที่หยิบตารางสอนออกมาดู พบว่าตอนนี้มันไม่ได้กินเวลาแค่คาบการดูแลสัตว์วิเศษกับพยากรณ์ศาสตร์ ตอนนี้มันเริ่มกินเวลาไปถึงคาบวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดแล้ว

     

    "เพื่อให้รวดเร็วที่สุด ที่สุดท้ายที่ฉันจะพาเธอไปในวันนี้คือป่าต้องห้าม มันอยู่ใกล้ ๆ กระท่อมของเจ้ายักษ์งี่เง่าแฮกริด" เสียงของเดรโก มัลฟอยดังขึ้น ฟังแล้วดูไม่น่าไว้ใจ เหมือนอยากจะแกล้งอะไรสักอย่าง ดวงตาคมดุจแมวของคริสตัลเงยหน้ามามองเขาเรียบ ๆ ก่อนจะก้มลงไปจดถึงรายละเอียดของสถานที่ที่เพิ่งเดินทางจากมาอย่างสนามควิดดิช ละตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่แถว ๆ ต้นวิลโล่ว์จอมหวด

     

    "นายพาฉันเข้าไปได้หรอ" จากตอนแรกที่มีท่าทางไม่สะทกสะท้าน อีกคนจะลากเธอไปไหนก็ไปให้มันจบ ๆ ก็เริ่มมีความกังวลขึ้นมาบ้าง ประการแรก ป่่าต้องห้าม ชื่อก็ชี้แจงแจ่มแจ้งชัดเจน ว่ามัน ‘ต้องห้าม’ 

     

    ก็ยังจะพาเธอไปหรือไง ?

     

    อีกอย่าง ประการที่สอง เธอไม่ไว้ใจเดรโก มัลฟอย จริง ๆ — ข่าวโชว์เด่นหราในหนังสือพิมพ์ผู้วิเศษ ถึงแม้เธอจะอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นที่ไกลจากอังกฤษก็จริง แต่หนังสือพิมพ์ มาโฮะจินเซย์ ก็แปลข่าวของโวลเดอร์มอร์ลงในฉบับภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน

     

    เดรโกไม่ได้ตอบคำถามของอีกคน เขาเพียงชูกระดาษบาง ๆ ที่ได้ลายเซนต์รองรับจากดัมเบิลดอร์ประทับไว้ ว่าตราบใดที่คริสตัลยังอาศัยอยู่ที่่ฮอกวอตส์ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่จะเป็นคนดูแลของเธอ กับศาสตราจารย์ประจำบ้านและศาสตราจารย์ใหญ่เท่านั้น นักเรียนคนอื่น ศาสตราจารย์คนอื่น หรือพนักงานที่โรงเรียนจะมาพาเธอไปไหนต้องถูกเขารายงานเรื่องนี้ให้ดัมเบิลดอร์ฟัง

     

    "ไปได้แล้ว" เพียงคำเดียว คริสตัลถอนหายใจก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบ ๆ พยายามไม่สนทนากับเขา จนเมื่อเข้าไปถึงเขตป่าต้องห้ามเข้าจริง ๆ อากาศเริ่มเย็นลง ป่าไม้ทึบเริ่มบดบังแสงทั้ง ๆ ที่ยังเช้า

     

    และเดรโกก็หยุดเดินนำ

     

    "นายหยุดเดินทำไม"

     

    "กลับเถอะ"

     

    "ทำไมล่ะ หรือว่านายกลัวอะไรข้างใน?" เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงซื่อ ๆ ไม่ได้แฝงท่าทีเยอะเย้ยอะไร แต่เป็นการอยากรู้อยากเห็นมากกว่า ว่าอะไรทำให้คนอย่างเดรโก มัลฟอยมีท่าทีระแวงแบบนั้นได้ เธอจะได้ไม่ต้องยุ่ง

     

    "ฉันไม่ได้กลัว!!" เขาสวนกลับเสียงดัง คริสตัลยังคงมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจว่าอีกคนเป็นอะไรกันแน่ ยึกยักอยู่ได้ แต่ปากบอกไม่กลัว

     

    "งั้นก็ไปสิ นายเป็นคนชวนฉันมาไม่ใช่หรอ" เธอพูดต่อ เพราะไม่รู้ความน่ากลัวของสถานที่นี้หรอก แถมตอนแรกอีกคนยังจะชวนเธอเข้าไปด้วย เดรโกมีท่าทางอึกอักขึ้นมา

     

    "นายจะไปไหนน่ะเดรโก" คริสตัลเอ่ยต่อ พยายามรั้งอีกคนไว้เมื่อเห็นว่าเขาเดินถอยหลังห่างไปจากเธอทุกที ในจังหวะที่เจ้าของชื่อกำลังจะตอบเธอ คนผมบลอนด์ถึงกับสะดุ้ง

     

    ปึ้ง !!!!

     

    เสียงอึกทึกเสียงเดียวก็ทำให้เดรโกวิ่งหายออกไปเลย คนที่ยังติดแหง็กอยู่ในป่าทึบอย่างคริสตัลถึงกัับได้แต่ยืนตัวแข็งเพราะไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อไป ขณะเดียวกัน คริสตัลก็หันไปเห็นดวงตาของสัตว์อะไรบางอย่างที่เป็นสีเหลืองสว่าง พอหันไปทางขวาก็เจอกับหญ้าหนาขึ้นบดบัง พร้อมกับเถาวัลย์และกิ่งไม้ที่มีหนามแหลมคมวางไปทั่ว

     

    โครม!!

     

    เธอวิ่งหนีออกมาจากป่าต้องห้ามอย่างไม่คิดชีวิต คริสตัลสัมผัสได้ว่าขาเผลอขูดกับกิ่งไม้หรือหนามอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้เธอต้องหนีออกมาก่อน

     

     

     

    ห้องนั่งเล่นบ้านสลิธีริน

     

    "เด็กใหม่ไปไหนน่ะเดรโก" เสียงของดาฟเน่ กรีนกราสเอ่ยขึ้นขณะที่เห็นสมาชิกร่วมบ้านคนหนึ่งวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบขณะที่เธอกำลังเดินมาเปลี่ยนเอากระดาษโน้ตเพื่อกลับไปห้องเรียนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดพอดี เรือนผมสีบลอนด์ชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทาง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววกังวลอย่างปิดไม่มิด

     

    "ฉัน ฉันพาเธอไปป่าต้องห้าม"

     

    "อะไรนะ" แพนซี่ พาร์กินสันเอ่ยเสียงดัง ก่อนจะหันมาหาเดรโก "แล้วนายไปที่นั่นทำไมเดรโก นายก็รู้ว่่าที่นั่นน่ากลัวสำหรับนายแค่ไหน นายจะเข้าไปทำไม"

     

    "ฉันกะจะแกล้งขู่เธอ แต่ตอนนี้ฉันวิ่งหนีเธอมาแล้ว — ฉัน — ฉันต้องทำไงดี"

     

    "นายก็วิ่งกลับไปตามเธอสิ!!" เบลส ซาบินี่เอ่ยกับท่าทางกังวลสุดขีดของคุณชายมัลฟอย แต่เขาก็มีสีหน้าไม่เห็นด้วยหนักขึ้น 

     

    "ตามยัยเลือดผสมเนี่ยนะ!!?"

     

    "งั้นนายจะปล่อยเธอตายในป่าต้องห้ามหรือไง!!?" ดาฟเน่เถียงขึ้นมา เด็กหนุ่มเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอทำอะไรที่รุนแรง เขาไม่ใช่แค่ทะเลาะกับเธอแล้วปล่อยเธอทิ้งไว้ในห้องโถงตอนอาหารเช้า แต่นี่

     

    นี่เขาปล่อยเธอทิ้งไว้ที่ป่าต้องห้าม !!!

     

    ไวกว่าจะได้พูดอะไรหรือคิดว่าจะเริ่มไปยังไง เดรโกก็รีบวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่นบ้านสลิธีริน พร้อมกับตรงไปทางป่าต้องห้ามภายในระยะเวลาที่น้อยกว่าตอนแรก ร่างของเด็กหนุ่มกระหืดกระหอบ แทบจะเป็นลมใกล้ ๆ กระท่อมของแฮกริด 

     

    เดรโกรีบคว้าเอาตะเกียงแถวนั้นมาจุดไฟ ถึงแม้เวลานี้จะยังเช้าอยู่ก็ตาม แต่ว่าภายในป่าที่มีต้นไม้ขึ้นทึบหนาและปิดตายแบบนั้น เขาแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลย

     

    "คริสตัล ยัยเลือดผสม เธออยู่ไหนเนี่ย!?" เขาเอ่ยเสียงเบาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเพราะไม่เจอตัวเธอสักที ก่อนจะเดินไปตามทางเดินเก่าที่เคยมาในตอนแรก แล้วก็เห็นว่่ามีรอยเลือดไหลอยู่

     

    เมอร์ลิน ยัยแม่มดเอเชียนั่นยังไม่ถูกกินไปใช่มั้ยน่ะ

     

    เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินตามรอยเลือดไป ก่อนเขาจะไม่พบรอยเลือดอีก พบแต่รอยเท้าคน เฉียงออกไปซ้ายมือกระท่อมของแฮกริด ขณะเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียงของพวกเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ที่ดูแล้วน่าจะเป็นปีหนึ่งหรือไม่ก็สองเอ่ยขึ้น 

     

    ใจความประมาณว่าเห็นผู้หญิงบ้านสลิธีรินวิ่งผ่านออกมาแถวนี้ เด็กพวกนั้นนึกว่าผี — พวกกริฟฟินดอร์งี่เง่าสิ้นดี เป็นผีแล้วจะมีขาวิ่งมาได้ด้วยหรือไง

     

    เดรโกถอนหายใจ ก่อนจะก้มลงสำรวจสภาพตัวเองพบว่าแขนเสื้อเชิ้ตของเขาข้างขวาขาดวิ่น เห็นแผลเป็นเลือดซิบ ๆ อยู่ที่ไหล่ เลยทำเพียงแค่พับแขนเสื้อขึ้นมาเท่านั้นก่อนจะเดินกะเผลกกลับปราสาทไป

     

    ****

     

     

    "การไปทัวร์เป็นอย่างไรบ้างเจ้าหญิง" 

     

    "ขอทีล่ะเซดริก พี่อย่ามาแกล้งฉันนะ" คริสตัลเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยท่าทางอิดโรย เลือดจากแผลหยุดไหลแล้วแต่ก็ยังเจ็บอยู่ เธอวิ่งหนีออกมาได้ทันพอดีแล้วก็เจอกับเด็กปีสองบ้านกริฟฟินดอร์เลยโดนชวนไปนั่งพักจนกระทั่งถึงเวลาอาหาร เธอเลยเดินมานั่งทานอาหารกลางวันที่โต๊ะบ้านฮัฟเฟิลพัฟ แล้วก็พบเอ็ดเวิร์ดร่วมนั่งอยู่ด้วย เขามีท่าทางย่นจมูกเล็กน้อยพร้อมขมวดคิ้วเมื่อเห็นคริสตัลเดินมาร่วมโต๊ะ

     

    "ไปทำอะไรมาทำไมเลือดไหล"

     

    "ขอเถอะพ่อแวมไพร์จมูกดี — ไม่ต้องรู้สักเรื่องหรอกน่า" คริสตัลเอ่ยใส่อีกคน เซดริกที่ได้รู้ว่าน้องไม่แท้ของตัวเองบาดเจ็บก็เบิกตากว้างพร้อมหันหน้าไปหาเธอ พยายามถามนั่นนี่ใส่คริสตัลเรื่อย ๆ 

     

    "เจ็บตรงไหนมั้ย มัลฟอยรังแกเธอหรอ!!? เธอกับเขาเป็นไงบ้าง!!?"

     

     "ไม่ได้ทำร้ายร่างกายฉัน — หมอนั่นก็แนะนำอะไรดี — แต่ฉันคงไม่มีวันไปสนิทสนมอะไรกับเขามากกว่านี้แน่ ๆ" เด็กสาวพูดต่อตัดสินใจจะไม่เล่าความจริง แถมใช้คาถาสกัดการพินิจใจด้วยเพื่อกันไม่ให้เอ็ดเวิร์ดอ่านใจเธอได้ จริง ๆ เดรโกก็เป็นเหมือนไกด์ที่ดี แต่ว่าหลังจากเห็นการที่เขาปล่อยเธอทิ้งไว้ในป่าแล้ว

     

    น่าจะเป็นพาร์ทเนอร์กันไม่รอด

     

    "แต่ถ้าเธอจะอยู่ที่นี่ก็ต้องมีเพื่อนบ้างนะคริสตัล ใครสักคนก็ได้นอกจากเดรโก" เซดริกแย้งขณะที่เขาตักสตูมาใส่จานของเธอ คริสตัลยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับสั่นหัว "ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อผูกมิตรกับใครเซด พี่ก็รู้ มันอาจจะทำให้ความลับของฉันรั่วไหล — ใช่ไหมเอ็ดเวิร์ด" คริสตัลหันไปหาอีกคนที่นั่งตรงข้ามกัน ชายหนุ่มเจ้าของเนคไทสีฟ้าอย่างบ้านเรเวนคลอเงยหน้าจากหนังสือมามองทั้งสองคนด้วยแววตาสงสัย เพราะหลังจากที่มีท่าทีฉุนจมูกกับกลิ่นเลือด เขาก็ไม่ได้ฟังบทสนทนาก่อนหน้าของทั้งคู่ต่อเลย

     

    "ฉันบอกว่ายิ่งมีมิตรน้อย ความลับยิ่งไม่รั่วไหล" คริสตัลทวนคำพูดของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง

     

    "อ้อ ใช่ — ตอนอยู่ที่อิลเวอร์มอร์นีก็ทำแบบนั้น" เอ็ดเวิร์ดตอบเรียบ ๆ ดวงตาสีเหลืองอำพันฉายแววสนุกสนานชอบใจเมื่อพบว่าน้องชายฝาแฝดอย่างเซดริก ดิกกอรี่กรอกตาใส่เขาและคริสตัลเพราะตนเองเถียงไม่ชนะ "แต่ยังไงเธอก็ปฏิเสธฉันไม่ได้หรอกว่ามีคนรักดีกว่าคนเกลียด"

     

    "ก็ได้ พี่ชนะ" แม่มดสาวชาวเอเชียเอ่ย พร้อมกับยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นมาดื่มเพื่อตัดบทสนทนาที่เซดริกอาจจะพูดอะไรมาโน้มน้าวใจเธอ "คาบต่อไปมีเรียนป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ฉันไปก่อนนะ"

     

    "เดี๋ยวสิ เธอไม่ให้เดรโก มัลฟอยพาไปหรือไง"

     

    "เขาไม่ได้อยากช่วยฉันและฉันไม่ได้อยากพึ่งเขา" คริสตัลพูด ดวงตากลมสีดำหันไปเห็นเดรโก มัลฟอยที่นั่งระหว่างแครบบ์และกอยล์กำลังสนทนากับเพื่อนร่วมบ้านสลิธีรินคนอื่นของเขา

     

    มันรู้สึกแปลก ๆ 

     

    "หน้าที่ของเขาต่อฉัันจบกันตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว" คริสตัลพูดต่อ พยายามไม่นึกถึงเรื่องเมื่อเช้า

     

    "ชักอยากรู้แล้วว่าจะเป็นไงต่อ เจ้าหญิงของเราคงไม่ได้พลั้งมือทำอะไรใครใช่ไหม"

     

    "ฉันจะไม่ทำ" เธอยิ้มออกมาเบา ๆ "แต่ถ้าให้เป็นมิตรด้วยก็ไม่ต้องรอลุ้นหรอก มันพังเละไม่เป็นท่าเสมอนั่นแหละ" คริสตัลพูดจบ เธอยกยิ้มราวกับสมเพชเรื่องในอดีตของเธอ แต่จู่ ๆ รอยยิ้มก็ลดลงขณะที่เธอสะพายย่ามเตรียมตัวจะไปเรียนวิชาถัดไป

     

    ใช่

     

    มันพังเสมอมา — พังมาตลอด

     

    เหมือนคำว่าหักหลังจะกลายเป็นชื่อกลางของเธอไปแล้วถ้ามันทำได้

     

    "ขอให้หาเพื่อนได้เยอะ ๆ นะเจ้าหญิง" คราวนี้เป็นเอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นมา คริสตัลหันขวับไปหาอีกฝ่ายทันทีด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยินอีกคนพูดเมื่อกี้

     

    "พี่ก็เอากับเขาด้วยหรือไงเอ็ดเวิร์ด — ให้ายสิ ความลับฉันจะแตกที่ฮอกวอตส์เพราะพวกพี่ และฉันจะลากพี่ไปขังที่เลมูเรียให้หมดเลย" เด็กสาวพูดออกมารัวด้วยอารมณ์หงุดหงิดกับการถูกแกล้งโดยสองฝาแฝด เซดริกมองเธอด้วยสายตาเอ็นดูที่รุ่นน้องคนสนิทโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ขนาดนี้ ในขณะที่เอ็ดเวิร์ดทำเพียงหัวเราะเบา ๆ แล้วก็แอบหยิบถุงเลือดของเขามาดูดกินต่อ

     

    คริสตัลเดินออกจากห้องโถงเพื่อไปยังชั้นบน เธอเดินตามบันไดที่เดรโกเคยพามาก่อนหน้านี้เมื่อเช้า 

     

    ทำทุกอย่างเหมือนเมื่อเช้า

     

    แต่เธอรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลก ๆ 

     

    พรึ่บ!

     

    คริสตัลยืนนิ่ง หยุดเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น เธอเม้มแน่นเพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอกรี๊ดอะไรออกมา ดวงตาสีดำสั่นพอ ๆ กับขาของเธอตอนนี้ เพราะว่าบันไดขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่เอง

     

    "ระวัง!!!!" โสตประสาทของคริสตัลเหมือนดับไปวูบหนึ่ง เด็กสาวรู้สึกตัวลอยหวิว ก่อนที่แขนจะไปกระแทกกับราวบันได ขากระแทกกับขั้นบันได และหัวเธอก็ดิ่งลงกระแทกกับขั้นบันไดด้านล่าง

     

    "เมอร์เมเดรีย!!! เป็นอะไรหรือเปล่า!!!" เสียงแรกที่เธอได้ยินหลังจากลืมตาขึ้นมามันช่างฟังดูคุ้นเหลือเกิน  แต่ตอนนี้เธอเจ็บหัวมาก จนแยกหรือจำอะไรไม่ออกแล้ว

     

     

    เสียงอะไรนะ..? 

     

     

    อ้อ เสียงของเดรโก มัลฟอย

     

    ทันทีที่ดวงตาของเธอกลับมาเปิดกว้างได้อีกครั้ง คริสตัลก็เห็นเดรโก รวมถึงรุ่นพี่พรีเฟ็คชายคนหนึ่ง จับแขนจับขาเธอแล้วก็แบก เด็กสาวรู้สึกตัวเบาหวิวเหมือนลอยได้ พอรู้สึกตัวอีกทีแบบจริงจัง เธอก็กำลังถูกมาดามพรอมฟรีย์ป้อนยาอยู่

     

    "แค่ก!!"

     

    เด็กสาวที่ถูกป้อนยาสะดุ้งเมื่อของเหลวนั้นมันมีรสชาติไม่น่าอภิรมย์ คริสตัลสำลักยา ก่อนจะพ่นมันออกมาเต็ม ๆ บนเรือนผมสีบลอนด์ซีดของเดรโก มัลฟอย เด็กหนุ่มที่ถูกพ่นยาใส่หัวถึงกับช็อค นั่งนิ่งแข็งทื่อ ทำอะไรต่อไปไม่ถูก ผิดกับคริสตัลที่หอบพยายามโกยอากาศเข้าไปหายใจ อาการเจ็บตามร่างกายกลับมามีอีกรอบ มาดามพรอมฟรีย์ได้แต่มองด้วยสีหน้าอนาถใจ ก่อนเธอจะขอตัวไปเอาน้ำยารักษาถ้วยใหม่มาให้คริสตัล

     

    เด็กสาวเช็ดคราบน้ำยาที่เลอะตามมุมปากกับแขนเสื้อด้วยสีหน้าอิดโรย ผิดกับเดรโกที่อีกฝ่ายมีสีหน้าขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก

     

    "เธอทำอะไรของเธอ!!?"

     

    "อะไร"

     

    "พ่นไอ้นี่ใส่ฉัน!!!" เด็กหนุ่มผมบลอนด์กล่าวอย่างโมโหใส่อีกคน แต่คริสตัลในเวลานี้หมดแรงที่จะเถียงกับอีกคนแล้ว

     

    "ขอโทษก็แล้วกัน"

     

    "ก็-แล้ว-กัน!!? ความรู้สึกผิดน่ะเธอมีบ้างไหมเนี่ย!!?" เขาโวยต่อ ทำเอาคนที่ทั้งวิ่งทั้งล้มภายในวันเดียวกันหันมามองเขาด้วยแววตาขุ่นเคือง ชนิดที่ว่าถ้าดวงตาคือกรงเล็บ คริสตัลจะใช้มันจิกและฉีกเดรโกเป็นชิ้น ๆ 

     

    "นายก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันสิ!!"

     

    "แต่ฉันต้องดูแลเธอ"

     

    "หรอ!!? ที่นายวิ่งหนีไปจากป่าต้องห้ามน่ะดูแลตรงไหนล่ะ!!?"

     

    "คริสตัล!!" เดรโกหันขวับไปหาอีกคน แววตามองเธออย่างหงุดหงิดใจ แต่แม่มดสาวชาวเอเชียกลับแสยะยิ้มออกมา

     

    "พูดความจริงแล้วรับไม่ได้หรือยังไงล่ะมัลฟอย— นายมันก็ไม่ต่างจากที่หนังสือพิมพ์เขียนลงชัด ๆ " ภาษากายจากหญิงสาวทำให้เห็นว่าเธอเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นมาไม่ต่างจากเดรโกบ้างแล้ว คริสตัลเริ่มหายใจหอบขึ้น ใบหน้าหวานฉายแววจงเกลียดจงชังเขาขึ้นเรื่อย ๆ คนร่วมบ้านอย่างเดรโก มัลฟอยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมัลฟอยกลับนึกออกเพียงแค่การเงียบเท่านั้น

     

    ไม่รู้ทำไม แต่จู่ ๆ ก็คิดว่าเขาควรจะรู้สึก

     

    รู้สึกผิด..?

     

    "เจ็บมากไหม?"

     

    "อ้อ ขอบคุณมาก แต่นายเอาหัวไปโขกกับต้นไม้ในป่าต้องห้ามมาหรือไงถึงพึ่งมาถาม!!" เธอเอ่ยขอบคุณใส่หลังจากถูกถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายห่วงใยกัน แต่คริสตัลก็มิวายเอ่ยเหน็บแนมแดกดันใส่อีกคนไปด้วย

     

    "มิสเมอร์เมเดรีย" อาจจะเป็นเสียงจากสวรรค์ก็คงได้เมื่อมาดามพรอมฟรีย์กลับเข้ามาพร้อมกับยาแก้วใหม่ คริสตัลและเดรโกไม่มีบทสนทนาต่อกันอีก เด็กสาวรับยาเข้าไปกินและคราวนี้พยายามกลั้นใจจะไม่พ่นมันออกมารอบที่ 2 

     

    "มิสเตอร์มัลฟอย — จากการที่เธอเป็นผู้ดูแล ฉันคิดว่าเธอควรจะต้องไปส่งมิสเมอร์เมเดรีย ใช่ไหม?"

     

    "ครับ มาดามพรอมฟรีย์" เดรโกพูดกับหญิงสาวอย่างชัดเจน มีหยาดเหงื่อไหลอาบเรือนผมสีบลอนด์ซีดเล็กน้อยในจังหวะที่เขาลุกยืนขึ้นตามคำพูดของเธอ มาดามพรอมฟรีย์ไม่ได้สังเกตถึงอากัปกริยาที่แปลกประหลาดของเด็กหนุ่ม เธอหันไปช่วยประคองคริสตัลขึ้นมายืน ก่อนจะยื่นมือคริสตัลให้เดรโก

     

    แม่มดสาวชาวเอเชียมีสีหน้าเก้ ๆ กัง ๆ ปนกับไม่ค่อยอยากจะจับมือของเพื่อนร่วมบ้านเธอเท่าไร เดรโกหรี่ตามองอีกคน ก่อนเขาจะเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปหาคริสตัลและจับมือเธอไว้แน่น มืออีกข้างของเด็กสาวถูกพันผ้าไว้ เพราะว่ากระดูกกำลังค่อย ๆ ถูกเชื่อมใหม่ด้วยน้ำยาของมาดามพรอมฟรีย์

     

    "วิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดน่าจะยังไม่จบลง เราน่าจะไปเรียนทัน" เดรโกพูด ขณะที่กึ่งดึงและลากอีกคนออกจากห้องพยาบาล มือยังคงกุมไว้กับเธอแน่น คริสตัลเงยหน้ามามองเขาเล็กน้อย เธอทำเพียงพยักหน้าให้ และพยายามเพิกเฉยความอบอุ่นจากมืออีกฝ่ายที่ทำให้เธอรู้สึกเกร็งแปลก ๆ 

     

    "เหงื่อนายออกมือเยอะมากนะ เป็นอะไร" คริสตัลหยุดเดิน เธอกระตุกมืออีกคนเมื่อสัมผัสได้ว่าเหงื่อออกจากฝ่ามือของอีกฝ่ายมากจนผิดปกติ

     

    "ไม่มีอะไร" เดรโกตอบคำเดิม ก่อนเขาจะกึ่งดึงกึ่งลากเธอมาหน้าห้องเรียนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดได้สำเร็จ ทันทีที่เด็กหนุ่มข้างกายเปิดประตูเข้าไป ไม่ว่าจะสายตาจากนักเรียนต่างบ้านหรือนักเรียนร่วมบ้าน แม้แต่อลาสเตอร์ มู้ดดี้ก็จับจ้องอยู่ที่ทั้งสองคน

     

    "มิสเมอร์เมเดรียตกบันไดครับ ผมเลยพาเธอมาสาย"

     

    "ฉันรู้อยู่แล้ว — หาที่นั่งซะ เรากำลังพูดถึงเรื่องคำสาปโทษผิดสถานเดียว" อลาสเตอร์ มู้ดดี้พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม คริสตัลเดินไปหาที่ว่างนั่ง แต่เธอก็รูัสึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา

     

    "นายไหวแน่นะ" คริสตัลถามเดรโกขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินหาที่ว่างนั่ง เขาแสยะยิ้มกวนประสาทออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ

     

    "ห่วงหรือไง"

     

    "ไร้สาระ" เด็กสาวสวนกลับทันควันด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์์ หางตาเห็นแพนซี่ พาร์กินสันกับกอยล์เดินมาหาเดรโก เธอถึงได้ตัดสินใจแยกตัวไปนั่งริมห้องคนเดียว

     

    "มีใครรู้บ้างว่าคำสาปโทษผิดสถานเดียวมีอะไรบ้าง!!?" เสียงของศาสตราจารย์มู้ดดี้เอ่ยขึ้นมา ก่อนจะมีเด็กผู้ชายจากบ้านเรเวนคลอคนหนึ่งยกมือขึ้น

     

    "มีคำสาปสะกดใจ คำสาปกรีดแทง และ คำสาปพิฆาตครับ!!"

     

    "ดีมาก — ลองนึกสภาพว่าเธอเป็นแมงมุมตัวนี้ และฉันจะบังคับจิตใจมัน จะกระโดดน้ำตายก็ได้ จะพุ่งไปกัดใครก็ได้"

     

    "พวกผู้เสพความตาย" คริสตัลโพล่งขึ้นมาเพียงลำพัง เธอพึมพำอยู่คนเดียว ขณะคิดไปเรื่อยเปื่อย แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของคนเดินมาหยุดที่โต๊ะของเธอ

     

    "มิสเมอร์เมเดรีย ? — พูดว่าอะไรนะ"

     

    "ฉันพูดว่าพวกผู้เสพความตาย — พวกงี่เง่าพวกนั้นอ้างว่าตัวเองถูกคาถาสะกดใจไปเลยสวามิภักดิ์ต่อโวลเดอร์มอร์"

     

    ทันทีที่เด็กสาวพูดจบก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในห้องเรียนขึ้นมา ไม่ใช่เพียงแค่เพราะเธอเป็นเด็กบ้านสลิธีรินที่เลือกข้างชัดเจนว่ารังเกียจโวลเดอร์มอร์ แต่เพราะว่าเธอพูดชื่อของเขาออกมาอย่างชัดเจน 

     

    ดวงตาของอลาสเตอร์ มู้ดดี้จับจ้องอยู่ที่อีกฝ่าย แต่คริสตัลก็จ้องเขากลับโดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย

     

    "เธอ — คริสตัล เมอร์เมเดรียสินะ"

     

    "ค่ะ"

     

    "ผู้หญิิงที่โวลเดอร์มอร์ต้องการตัวมากที่สุด — อาจจะมากพอหรือเท่ากับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ถูกซ่อนตัวมานานแค่ไหนแล้วล่ะ"

     

    "ฉันซ่อนอะไรหรอคะ? ฉันก็เป็นแค่คนธรรมดา" คริสตัลถามย้อนกลับ ดวงตาไม่ละไปจากอีกฝ่าย อลาสเตอร์ มู้ดดี้หัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไป เด็กสาวมองตามหลังเขา ดวงตาเรียบนิ่งยังคงจับจ้องอีกฝ่ายอยู่เพื่อสำรวจพฤติกรรมของอีกฝ่าย คริสตัลยังได้ยินเสียงของศาสตราจารย์ประจำวิชาสอนเกี่ยวกับคำสาปโทษผิดสถานเดียวอยู่เรื่อย ๆ แต่ในจิตใจเธอนั้นแสนว่างเปล่า

     

    "เธอสนใจจะให้ควาามช่วยเหลือในการเฉลยคำสาปสุดท้ายไหม มิสเมอร์เมเดรีย" อลาสเตอร์ มู้ดดี้หันมามองเธออีกครั้งหลังจากเขาหันไปคุยกับเด็กบ้านเรเวนคลอในเรื่องคำสาปกรีดแทง คริสตัลไม่สามารถอ่านสีหน้าเขาออกได้ ดวงตาของแม่มดเอเชียจ้องอีกฝ่าย มีแววดื้อดึงและแข็งกร้าวอยู่ในนั้น

     

    "อะวาดา เคดาฟรา — คำสาปพิฆาต" เด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอีกครั้ง บรรยากาศการถูกอีกฝ่ายเข้าหาและจู่โจมทำให้คริสตัลรู้สึกเหมือนเป็นภัยต่อตัว แต่เธอก็เลือกจะสู้กลับอย่างเยือกเย็นแทน

     

    ไร้อารมณ์ ตายด้าน คงเป็นสิ่งที่คนอื่นมองเธอ ณ เวลานี้

     

    ยกเว้นเดรโก มัลฟอย

     

    ถึงแม้ภาพตรงหน้าของเขาจะเริ่มเบลอและเลือนลาง และอาการปวดจี๊ดจะแทรกเข้ามาทั่วร่างกาย แต่ถ้าตั้งใจเพ่งอีกฝ่ายดี ๆ ก็จะพบว่าร่างกายของเธอมันสั่น

     

    ดวงตาเธออาจจะไร้ความรู้สึกไม่ใช่เพราะเธอเลือดเย็นหรือไม่เกรงกลัวอะไร

     

    แต่เป็นเพราะเธอเจอกับภัยคุกคามมามากมายจนชินชากับมันแล้ว

     

    แต่มือเธอก็ยังสั่นราวกับทหารใหม่ฝึกถือปืนที่ยืนอยู่แถวหน้าพระราชวังของพวกมักเกิ้ล

     

    "ดี — อะวาดา เคดฟรา!!!" สิ้นเสียงคำตอบของคริสตัล อลาสเตอร์ มู้ดดี้ก็ร่ายคำสาปออกมา แสงสีเขียวสว่างจ้าเกิดขึ้น มีเพียงเรือนผมสีเข้มที่สะบัดไหวจากแรงกระโหมหลังจากร่ายคำสาปเสร็จ แต่ร่างของคริสตัลยังคงนิ่งเงียบ มองดูซากแมงมุมตรงหน้าที่ตายด้วยแววตาไร้ความรู้สึก

     

    "และนี่คือคำสาปโทษผิดสถานเดียวทั้งหมด!! ฉันหวังว่าพวกเธอคงจะไม่นำมันไปเสกเล่น ๆ — โดยเฉพาะคำสาปกรีดแทง เราต้องมีความรู้สึกอยากทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บจริง ๆ ถึงจะเสกมันได้!! แต่ฉันจะไม่แนะนำ เพราะเราควรจะปกป้องและต่อสู้ตัวเอง เธอควรต้องรู้จักต่อสู้กับสิ่งเลวร้าย!! จงตื่นตัวอยู่เสมอ — จดมันลงไปตามนี้"

     

    นักเรียนจากทั้งสองบ้านใช้เวลาที่เหลือจดโน้ตเรื่องคำสาปโทษผิดสถานเดียว จนกระทั่งเมื่อกระดิ่งดังขึ้น หลายคนก็ค่อย ๆ พากันทยอยเดินออกไปจากห้องเรียน 

     

    และคริสตัลก็หันไปเห็นเดรโกที่ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ

     

    "นายดูไม่ค่อยดีนะ" เธอเดินไปทักก่อน อีกคนที่เห็นเธอเดินมายืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ถึงกับสะดุ้ง เดรโกมีสีหน้าเหมือนลำบากใจปะปนกับเหนื่อย ๆ 

     

    "นี่ฉันหลับหรือไง"

     

    "คงไม่มั้ง"

     

    "ให้ตายสิ ฉันไม่เคยหลับในคาบ!! ทำไมพวกนั้นไม่ปลุกฉันกันนะ!!"

     

    เด็กสาวผมดำมองเขาด้วยแววตาเรียบนิ่ง ก่อนจะพูดต่อขึ้นมา

     

    "บางทีแฟนสาวของนายก็ควรจะปลุกนายนะ"

     

    "ใครแฟนสาวของฉัน"

     

    "แพนซี่ พาร์กินสัน" คริสตัลเอ่ยออกมาเรียบ ๆ เอามือสองข้างชึ้นมากอดอกไว้ ทันทีที่เดรโกได้ยินน้ำเสียงของอีกคน จากใบหน้าหงุดหงิดเปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

     

    "หึงหรือไง"

     

    "ไร้สาระ" เด็กสาวตอบเสียงเรียบอีกครั้ง ก่อนเธอจะยื่นม้วนกระดาษให้เขาสองแผ่น "เห็นนายดูเบลอ ๆ เลยเขียนมาให้ ไม่ต้องขอบคุณ เพราะฉันถือว่าทำแทนที่นายช่วยพาฉันไปส่งห้องพยาบาล" เธอพูดรวดเดียว พร้อมกับวางม้วนกระดาษไว้ให้กับอีกคน เดรโกมีสีหน้าเหวอ ๆ ออกมา

     

    เขาไม่เข้าใจเลย ในการกระทำของเธอ

     

    "ไปแล้วนะ" เธอพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินหันหลังให้อีกฝ่ายเพื่อออกจากห้องเรียน เดรโกที่เห็นอีกคนเหมือนจะเข้าหาแล้วสุดท้ายก็เดินหนีเขาไปเลยทำตัวไม่ถูก

     

    ไม่เคยมีใครคนไหนทำกับเขาแบบนี้ เหมือนเธอจะปั่นหัวให้เขาสับสน เดี๋ยวเดินเข้าหามาทำดีด้วย แล้วก็เดินหนีไป 

     

    คริสตัลนั้นหยิ่งทรยง แต่ก็อ่อนหวาน โมโหร้าย จนทำเขาสับสนไปหมดแล้วว่าควรจะทำตัวกับเธอยังไงกันแน่

     

    "เดี๋ยวสิคริสตัล เธอหายโกรธฉัน ? หรือว่าเ—" เดรโกเอ่ยขัดขึ้นมาเพื่อจะให้เขาได้พูดคุยกับอีกคนต่อ เด็กหนุ่มพยายามลุกขึ้นมาจากโต๊ะที่นั่งของตัวเอง แต่คำพูดของเขากลับขาดหายออกไป

     

    ตุบ!!

     

    "เดรโก!!" เธอหันขวับมามองทันทีที่ได้ยินเสียงบางสิ่งหล่นร่วงอย่างดัง และเมื่อหันไปเห็น เธอก็พบร่างของเดรโกร่วงลงไปกองกับพื้นแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนดูทรมานมาก คริสตัลรีบก้มลงไปดูอีกคนทันที มือบางแตะเข้าไปที่เรือนผมสีบลอนด์กับใบหน้าเป็นอย่างแรกก่อนจะพบว่าเหงื่อออกจนผมเขาชื้นไปหมด แถมตัวก็ร้อนอีก

     

    "นายไปทำอะไรมา ทำไมเป็นแบบนี้" คริสตัลถามอีกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะถอดเนคไทลายบ้านสลิธีรินให้เขา หางตาเธอเห็นแขนเสื้อของอีกคนมีรอยฉีกขาดและมีเลือดซึมเลยตัดสินใจถือวิสาสะหามีดในกระเป๋าย่ามมาตัดกรีดเพื่อตัดเสื้อเขาออก

     

    และสิ่งที่เธอเห็น คือรอยแผลที่มีเลือดไหล เส้นเลือดสีม่วงเข้มและสีเขียวปูดขึ้นมา และมันกำลังลามไปรอบแขนเขา และลามไปแผ่นหลัง ดวงตาของคริสตัลเบิกกว้างเมื่อพบว่าแขนอีกฝายแทบจะเหมือนคนมือเน่าไปแล้ว

     

    ไม่รู้ว่าโดนอะไรมาเมื่อไร แต่ต้องรีบรักษาเดี๋ยวนี้เลย!!!

     

    "พยายามลุกเร็วเข้า ให้ตายสิเดรโก มัลฟอย — ฉันต้องไปหามาดามพรอมฟรีย์!!"

     

     

    *****

     

    คริสตัลไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องมาที่ห้องพยาบาลอีกครั้ง แต่ว่าเธอก็พยายามอุตส่าห์แบกร่างของเดรโกมาถึงห้องพยาบาลได้ ด้วยการช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ของรุ่นน้องบ้านสลิธีรินปี 1 บางคนที่บังเอิญผ่านมาเห็นสภาพอันน่าสงสารของทั้งคู่ด้วย

     

    "มิสเตอร์มัลฟอยไปโดนอะไรมาน่ะ!!?"

     

    "หนูไม่รู้เลยค่ะมาดาม"

     

    "เขามีบาดแผลไหม"

     

    "มีค่ะ" คริสตัลตอบมาดามพรอมฟรีย์ตามตรง ก่อนจะชี้ให้ดูแขนอีกฝ่ายที่ทั้งเขียวและม่วงน่ากลัว หญิงสูงวัยประจำห้องพยาบาลมองดูสภาพร่างกายของนักเรียนด้วยแววตาสงสาร 

     

    "งั้นฉันคิดว่าเขาคงจะถูกกิ่งไม้มีพิษแทงเข้า แต่นิสัยเขาไม่ค่อยชอบแสดงด้านอ่อนแอเท่าไร — เลยทนพิษบาดแผลมาตลอด แต่พิษมันแล่นจะทั่วร่างแล้วอาการถึงได้ออกแรงขึ้น"

     

    "ต้องใช้ยาถอนพิษเหรอคะ" เด็กสาวถามต่อ มองดูสภาพของคนที่นอนบนเตียงด้วยสีหน้ากังวล

     

    "ไม่ — ไม่" มาดามพรอมฟรีย์ตอบ ขณะที่กำลังง่วงกับการหาน้ำยาของเธออยู่ "ต้องเป็นระดับน้ำยาชุบชีวิต หรือใกล้เคียง แค่ถอนพิษไม่ได้ผลแล้ว เพราะพิษลุกลามขึ้นเรื่อย ๆ " 

     

    ทันทีที่ได้ยิน ดวงตาของคริสตัลก็เปลี่ยนจากสายตาที่มองเดรโกด้วยความกังวล เป็นการใช้ความคิดอย่างอื่นแทน เด็กสาวเม้มปากตัวเองแน่น ก่อนที่เธอจะได้โพล่งขึ้นมาให้มาดามพรอมฟรีย์ฟัง

     

    "เอาเลือดหนูไปค่ะ เลือดของนางเงือกชุบชีวิตเขาได้ — ไม่อย่างนั้นเขาได้ตายแน่" คริสตัลพูดรัวใส่อีกคน ก่อนเธอจะยื่นแขนให้มาดามพรอมฟรีย์ หญิงสาวมีท่าทีอึ้งไปเล็กน้อย

     

    "เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะให้ฉันเอาเลือดเธอไปทำน้ำยา เพราะมันต้องใช้เยอะมาก ๆ "

     

    "เอาเลยค่ะ" คริสตัลยืนยันคำเดิม เขย่าแขนตัวเองพร้อมทั้งยื่นมันไปให้กับมาดามพรอมฟรีย์ด้วย หญิงสูงวัยทำเพียงมองอีกคนด้วยแววตากังวล แต่ก็หยิบมีดขึ้นมา

     

    คริสตัลเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตัดสินใจจะมอบเลือดของนางเงือกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสิ่งล้ำค่านักล้ำค่าหนาให้กับเดรโก มัลฟอย ทั้ง ๆ ที่เธอมองเขาเป็นศัตรู 

     

    และเธอไม่เคยปล่อยให้ศัตรูเธอรอดชีวิตไปเลย แม้แต่ครั้งเดียว

     

    "ถ้ากลัวเลือดให้ปิดตาได้นะ"

     

    "ไม่เป็นอะไรค่ะ หนูเจอเลือดบ่อยแล้ว" เธอตอบตามความเป็นจริง เรียวคิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อมีดกรีดลงมา มีอาการแสบขึ้นมา เธอนิ่วหน้าตัวเอง แต่ตายังจ้องที่เลือดโดบไม่กะพริบเลยแม้แต่น้อย

     

    ใช่มันเจ็บ

     

    แต่เธอก็ชินกับความเจ็บปวดนี่ไปแล้ว

     

    "ทานยานี่ แผลใหญ่สมานภายในไม่กี่วัน แต่ว่าทำแผลไว้ก่อนนะ" มาดามพรอมฟรีย์บอกกับเธอ ก่อนจะรินน้ำยาใส่ขวดให้หลังจากทำแผลเบื้องต้นให้กับคริสตัลแล้ว เด็กสาวพยักหน้า มองดูเลือดของตัวเองที่กำลังจะถูกทำเป็นน้ำยาและจับกรอกใส่ปากของเดรโก มัลฟอยด้วยแววตาคาดหวัง

     

    ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไม

     

    แต่นายคนนี้จะตายไม่ได้

     

    เขา — เขาไม่เหมือนคนอื่น

     

    เขาเป็นศัตรูที่ไม่เหมือนใคร 

     

    ใช่ เป็นศัตรูเป็นศัตรูของเธอ แต่เป็นศัตรูประเภทที่ต่างออกไป ไม่ใช่ประเภทที่ต้องรีบกำจัด

     

    และคริสตัลก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าตอนนี้ตัวเองคิดอะไรกับเดรโก มัลฟอยอยู่กันแน่..

     

    ******

     

    "ฉันนึกว่าเธออยู่กับมัลฟอยซะอีก" เสียงของเซดริกเอ่ยขึ้นอีกครั้งขณะที่คริสตัลขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้บ้านฮัฟเฟิลพัฟ โชคดีที่คนบ้านนี้ไม่ค่อยสนใจอะไร เธอเลยเป็นงูเขียวหนึ่งเดียวในบ้านแบดเจอร์พร้อมกับคนข้าง ๆ อย่างเอ็ดเวิร์ดที่เรียนบ้านเรเวนคลอ แต่เพราะคำพูดของเซดริก ดิกกอรี่ ทำให้นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟบางคนหันมามองเขา

     

    "ฉันแค่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์"

     

    "เดี๋ยวก็เป็นเพื่อนกันได้น่า" เซดริกตอบ มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า คริสตัลกรอกตาใส่เขา จะหันไปหาเอ็ดเวิร์ดให้ช่วยพูด เหมือนคนผิวซีดจะรับรู้ เขาถึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ละสายตาจากหนังสือ ในปากยังคาบถุงเลือดเอาไว้อยู่

     

    "มัลฟอยทั้งหยิ่ง เหยียดผู้คน ใจร้าย แล้วยังเป็นผู้เสพความตายอีก นายจะให้คริสตัลไปยุ่งกับคนแบบนี้จริง ๆ หรือไง"

     

    "เขาอาจจะดีขึ้นได้ก็ได้นี่! การเชื่อในศัตรูไม่ใช่เรื่องผิดสักหน่อย" คำพูดของเซดริกให้คริสตัลกระตุกยิ้มที่มุมปาก

     

    "เชิญพี่เชื่อไปคนเดียวเถอะ" คริสตัลบอกกับเขา ก่อนจะเคี้ยวไก่เงียบ ๆ หันไปเห็นพายแอปเปิ้ลที่วางอยู่หลายชิ้นแล้วก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันไปคุยกับผีประจำบ้านฮัฟเฟิลพัฟขึ้นมา

     

    "พายแอปเปิ้ลนี่ ทำมาจากแอปเปิ้ลเขียวใช่ไหมคะ ?" คริสตัลกระซิบกระซาบกับผีประจำบ้านที่มีท่าทางมีความสุขสุขที่เขาเห็นอาหารมากมาย บาทหลวงอ้วนหันมามองเธอด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่ต่างกัน แล้วเขาก็พยักหน้ารัว ๆ ใส่เด็กสาว

     

    "ฉันอิ่มแล้ว"

     

    คริสตัลพูดกับเขาก่อนจะหยิบพายแอปเปิ้ลมาสัก 3 - 4 ชิ้น ห่อกับผ้าเช็ดหน้าผืนสีเขียวของเธอ แล้วก็เดินลุกจากโต๊ะอาหาร ไม่ฟังเสียงเรียกของเซดริดที่พึ่งจะเคี้ยวเนื้อแกะเสร็จ

     

    "เธอจะไปไหนน่ะเอ็ด" เซดริกหันมาถามฝาแฝด เอ็ดเวิร์ดละสายตาจากหนังสือ ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มเบาบางที่แฝงความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบดวงตาสีอำพันกับน้องชายฝาแฝด

     

    "ทำในสิ่งที่มันตรงกับความรู้สึกเธอสักทีละมั้งเซด..?"

     

    คริสตัลเดินกลับมาที่ห้องพยาบาลอีกครั้ง เด็กสาวเดินไปทางเตียงของเดรโก มัลฟอย แล้วเธอก็วางพายแอปเปิ้ลไว้ตรงนั้น

     

    "เขายังไม่ตื่นสินะคะ"

     

    "ต้องฟื้นตัวสักนิดล่ะนะ" มาดามพรอมฟรีย์กล่าวกับเธอ ดวงตาของหญิงสูงวัยฉายแววอบอุ่นออกมาเมื่อมองไปยังคนทั้งสองคน 

     

    เมื่อตอนแรกคริสตัลมีท่าทีไม่พอใจ รังเกียจ แล้วก็ไม่อยากยุ่งกับเดรโกเลย เธอออกจะรำคาญเขามากกว่า แต่เหมือนพอเห็นอีกคนเองก็บาดเจ็บถึงได้มีความห่วงใยขึ้นมาบ้าง ?

     

    ในฐานะของคนที่ประจำห้องพยาบาลและเป็นส่วนหนึ่งของบุคลากรผู้ดูแลโรงเรียนนี้ เธอเห็นเสมอว่านักเรียนแต่ละคนเป็นอย่างไร — ถึงเธอจะไม่ได้ชื่นชอบรักใคร่เจ้าหนูมัลฟอยนี่ จากนิสัยส่วนตัวของเขา แต่เพราะว่าเลือกปฏิบัติไม่ได้ ก็ต้องรักษาอีกคนเหมือนกัน

     

    แต่ก็ — ดูเหมือนจะมีคนที่ห่วงเขาจริง ๆ จัง ๆ ไม่ใช่เดินตามต้อย ๆ เขาเพราะกลัว แต่กล้าจะเผชิญหน้า ตักเตือนใสสิ่งที่เขาผิดเพื่อทำให้เขาดีขึ้น

     

    ตอนนี้.. เดรโก มัลฟอยเองก็คงมีคนที่ดูแลได้แล้วสินะ..?

     

     

    Next day, 

     

    คริสตัลตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก่อนใคร เพราะอาการ jet lag เด็กสาวหันหน้าไปทางนาฬิกาตั้งโต๊ะ ก่อนจะพบว่าเวลานี้มันเพิ่ง 6 โมง

     

    แต่ที่เธอหลับไม่ลงแล้วสะดุ้งตื่น เพราะเวลานี้มันคือเวลาว่ายน้ำของเธอที่ญี่ปุ่น — ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นคง 3 ทุ่มได้

     

    แม่มดสาวเชื้อสายเอเชียตัดสินใจจะลุกออกไปบริหารร่างกายเล็กน้อย โชคดีที่แผลของเธอไม่เจ็บเท่าเมื่อคืนแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากทำอะไรหนัก ๆ ถ้าแค่ออกกำลังกายเบา ๆ น่าจะดี

     

    เธอเลยเลือกที่จะออกไปวิ่งอยู่แถวริมทะเลสาบแทนการเจอกับผู้คนจำนวนมากที่ห้องนั่งเล่น — รวมถึงเสียงซุบซิบข่าวว่าเดรโก มัลฟอย ฟื้นจากห้องพยาบาลแล้ว

     

    ก็ดีสำหรับเขาแล้วล่ะมั้ง

     

    "เมอร์เมเดรีย !" เสียงคุ้นหูดังขึ้นขณะที่คริสตัลกำลังทำท่ากายบริหารอยู่ใกล้ ๆ กับทะเล เธอหันไปมอง ก่อนจะพบกับเจ้าของเสียงที่กำลังเดินดุ่ม ๆ มาทางนี้ เขาอยู่ในชุดนักเรียนบ้านสลิธีรินอย่างเรียบร้อย ก็คงปกติดี เหมือนคนเพิ่งหายป่วย

     

    แต่จู่ ๆ ดันปาดเจลมาเฉยเลย

     

    "มีอะไรมัลฟอย"

     

    "มาดามพรอมฟรีย์บอกเธอเป็นคนช่วยพาฉันไปห้องพยาบาล ก็เลยอยากจะมาดูสักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง"

     

    "ฉันสบายดี ไม่ขอบใจที่มาหา" คริสตัลตอบเขา รวบผมทำเป็นบันเซอร์ ๆ ไว้ 

     

    เดรโกมอบอีกคน คิ้วเรียวขมวดกับภาพตรงหน้า คริสตัลมัดผมสีเข้มเป็นทรงบันเซอร์ ๆ ใส่กางเกมวอร์มและเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าน้ำทะเล ใบหน้าหวานจ้องมองไปที่วงน้ำใส ๆ ของทะเลสาบร่างกายขยับไปเรื่อย ๆ เพราะเธอกำลังวอร์มร่างกาย ไม่ได้ฟังเขาแม้แต่น้อย

     

    แต่เขาก็สังเกตเห็นบางอย่าง — ที่แขนของเธอมันมีแผลไม่ใช่หรอไง

     

    เดรโกขมวดคิ้ว เขาเดินเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย พร้อมกับจับแขนอีกคนเอาไว้ คริสตัลที่กำลังอบอุ่นร่างกายอยู่ดี ๆ ก็ต้องชะงัก 

     

    "ทำไม"

     

    "แขนไปโดนอะไรมา"

     

    "นายอย่ามายุ่งสักเรื่องจะได้มั้ย" เธอตอบ พยายามจะดึงแขนหนี แต่เดรโกจับไว้แน่น เขาจ้องเธอ เธอเองก็จ้องเขาเขม็ง ไม่มีใครยอมอะไรทั้งนั้น จนกระทั่งเด็กหนุ่มกดลงไปบนแผลอีกคน

     

    "โอ๊ย!!"

     

    "ก็ยังไม่ตายหนิ — แต่เธอมีแผลกรีดเลือด" เดรโกพูดแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นอีกคนมองเขาด้วยใบหน้าไม่พอใจ คริสตัลถอนหายใจแรงใส่อีกฝ่าย ก่อนเธอจะเลี่ยงเดินไปทางอื่น แต่ก็ถูกคนผมบลอนด์เดินตามมาคว้าแขนไว้ได้อีกครั้ง

     

    "กรีดแขนตัวเองทำไม"

     

    "ไม่ได้ทำ"

     

    "ไปทำอะไรมาถึงมีแผล"

     

    "บอกว่าอย่ายุ่ง" คริสตัลตอบเขา ก่อนจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายสะบัดแขนทิ้ง แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเถียงกัน เสียงเป่าแตรหอยสังข์ก็ดังขึ้น ทั้งเดรโกและคริสตัลได้แต่มองหน้ากันอย่างงุนงง

     

    ยิ่งโดยเฉพาะคริสตัล ที่ทั้งงุนงง และ หวาดกลัว

     

    เธอคุ้นกับเสียงแตรสังข์นี้ดี เพราะมันหมายถึงว่า..

     

    พรึ่บ!!

     

    เต่าวิเศษหลายตัวล่องลอยขึ้นบนท้องฟ้า เหมือนสิ่งต่าง ๆ ที่เด็กสาวคาดเดาไว้จะเป็นจริงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอเห็นดัมเบิลดอร์และศาสตราจารย์คนอื่น ๆ ทยอยออกมาที่ทะเลสาบกัน 

     

    "ศาสตราจารย์ครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้—" เดรโกเลือกจะเดินไปฟาศาสตราจารย์สเนปแล้วเอ่ยถาม แต่ชายหนุ่มในชุดดำกลับสั่งให้เขาไปหาคริสตัลด้วยเสียงแข็งแทน

     

    นี่มันเรื่องอะไรอีก

     

    "คริสตัล ไอ้เต่าเพี้ยนพวกนี้คืออะไ—"

     

    "เงียบ" เธอสั่งเสียงเย็น แล้วหลังจากนั้นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะเห็นก็ได้เห็น 

     

    เมื่อคริสตัลโบกไม้กายสิทธิ์ของตัวเองหนึ่งที แล้วชุดที่เธอใส่อยู่ก็เปลี่ยนไป มันกลายเป็นชุดนักเรียนประจำบ้านสลิธีรินอย่างเรียบร้อย เด็กสาวจ้องเต่าวิเศษบินฟ้าตาไม่กะพริบ

     

    เต่าตัวที่ใส่กำไลเงินนำมาเป็นตัวแรก.. คิดไว้ไม่ผิด

     

    "มือนายสะอาดมั้ย"

     

    "เธอว่าอะไรนะ"

     

    "อากัวเมนติ" คริสตัลไม่ตอบคำถามของเดรโก เธอทำเพียงร่ายสายน้ำออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ไปทางมือของอีกคนให้เปรอะน้ำ ก่อนจะใช้จังหวะที่อีกคนยังงุนงงจับมือของเดรโกมัลฟอยกดกับดิน จนมันเลอะมือเขาไปหมด

     

    "นี่เธอทำบ้าอะไ—!!" คนที่โดนเมินและโดนกดมือให้แตะดินจนเปื้อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโมโห แต่ยังไม่ทันที่เดรโกจะได้ถามอีกครั้ง เสียงเป่าแตรหอยสังข์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเต่าวิเศษที่ค่อย ๆ บินลงมาถึงพื้นดิน 

     

    เสียงในใจของคริสตัลเต้นอย่างลุ้นระทึก แทบจะดังกลบเสียงแตรหอยสังข์ เธอเฝ้ารอดูเต่าตัวที่มีกำไลเงินเพียงตัวเดียว เพื่อจะยืนยันว่ามันใช่หรือไม่ใช่สิ่งที่เธอหวาดกลัว

     

    สิ้นเสียงสัญญาณแตร เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็เดินลงมาจากเต่าวิเศษที่ใส่กำไลเงิน การปรากฏตัวของเขาทำเอาคริสตัลอยู่ไม่สุข

     

    เจ้าของเรือนผมสีแดงเดินลงมาจากเต่าพร้อมกับม้วนกระดาษหนึ่งแผ่น เขาค่อย ๆ กางมันออกช้า ๆ ความรู้สึกหวาดกลัว สับสน และชิงชังเกิดขึ้นในใจของแม่มดสาวชาวเอเชียพร้อม ๆ กัน

     

    "ขอต้อนรับ คณะนักเรียนพิเศษจากมาโฮโทะโคะโระ ณ บัดนี้ พวกเราลูกหลานแห่งท้องทะเล ตัวแทนนักเรียนกติมาศักดิ์จากมาโฮโทะโคะโระได้มาเยือนยังฮอกวอตส์แล้ว"

     

    "และในฐานะหัวหน้าคณะนักเรียน — ข้าพเจ้า นายฟูจิวาระ เอลท์.."

     

    ชื่อดังกล่าวทำให้คริสตัลกลืนไม่เข้า คายไม่ออก เด็กสาวตัวสั่นขึ้นมา  

     

    ขนาดหนีมาถึงที่นี่แล้ว ทำไมชะตากรรมถึงได้โหดร้ายกับเธอนักล่ะ..?

     

     

    100%

     

    Talk 

     

    ไรท์เพิ่งทานยาแก้แพ้ไปค่ะ เผลอไปกินอาหารทะเลที่แพ้ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมึน ๆ อยู่เลยค่ะ อาจจะเขียนอะไรงง ๆ ไปบ้างนะคะ เดี๋ยวจะกลับมาแก้อีกรอบ หวังว่าจะยาวชดเชยกับความผิดที่หายไปนานนะคะ 

     

    ตอนหน้ามาเจอกัน กับชื่อตอนว่า Lover ! พวกมาโฮโทะโคะโระมาทำอะไรกันก็ไม่รู้ รอดูตอนหน้านะคะ !

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×