วันแรกของการเปิดเทอมใหม่ในโรงเรียนมัธยมปลาย มักจะเต็มไปด้วยอะไรใหม่ ชุดใหม่ กระเป๋าใหม่ รองเท้าใหม่ เพื่อนใหม่ๆ จนทำให้เราลืมอะไรเก่าๆไปบางอย่าง อะไรบางอย่างที่มันไม่เคยลืมเรา!! ในขณะที่ สุธิณา เด็กสาวชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 เดินคุยกับเพื่อนใหม่อย่างสนุกสนาน เสียงสัญญาณเตือนเข้าแถวก็ดังขึ้น ทุกคนเริ่มทยอยมารวมกันที่อาคารรวมเพื่อที่จะทำกิจกรรมหน้าเสาธง ในวันเปิดเทอมวันแรก แน่นอนว่าการเข้าแถวของนักเรียนชั้น.1และม.4 มักจะวุ่นวายเสมอ เพราะด้วยความไม่เคยชินในสถาน และผู้คน ทำให้การเข้าแถวเป็นไปด้วยความลำบาก สุธิณาและเพื่อนใหม่ของเธออีกสองคน ที่มีชื่อว่าศิตางค์สาวแว่นขี้โรคเพราะเปิดเทอมวันแรกก็เป็นหวัดต้องใส่แมสปิดปากซะแล้ว และรวิสาสาวร่างอวบ คุยเก่ง ทั้งสามก็ได้เดินฝ่าฝูงชนคนเดินงงมาในจุดที่เข้าแถวจนได้ แต่เมื่อมาถึงจุดเข้าแถวก็พบว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสุดของแถว เธอยืนตัวตรงนิ่งไม่สนความวุ่นวายรอบข้างเหมือนหุ่นไร้ชีวิต สุธิณาและเพื่อนๆของเธอก็เกี่ยงกันว่าใครจะไปต่อแถวหลังจากเธอคนนั้น ทั้งสามคนเกี่ยงกันอยู่พักใหญ่ก็มีเด็กผู้หญิงคนอื่นไปยืนต่อแถว แต่ดูเหมือนกับว่าเด็กผู้หญิงที่เหมือนหุ่นไร้ชีวิตจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย นั่นทำให้ทั้งสามคนถึงกับขนลุกเลยทีเดียว แต่ก็ยังไม่คิดอะไรมากและไปต่อแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธงจนจบ...
หลังเลิกเรียน ทั้งสามคนด้วยความที่พึ่งรู้จักกันใหม่ๆ จึงยังไม่สนิทกันมาก เลยแยกย้ายกันไปหาเพื่อนเก่าสมัยม.ต้น แต่สุธิณาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ไปหาเพื่อนเก่า เพราะว่าเธอไม่มีเพื่อนเก่า! สมัยม.ต้น เธอมักจะถูกเพื่อนร่วมห้องรุมเกลียดอยู่บ่อยๆ เพราะเธอเป็นเด็กสาวหน้าตาดี มักจะมีคนมาจีบอยู่บ่อยครั้ง และคนที่มาจีบเธอก็ล้วนเป็นอดีตแฟนกับเพื่อนร่วมห้องผู้หญิงของเธอ ทำให้เธอถูกเกลียดอย่างปฏิเสธไม่ได้... เย็นนี้เธอเลยต้องกลับบ้านอย่างโดดเดี่ยว เธอเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้องเรียนเนื่องจากเธอไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองคนรู้ว่าเธอไม่เคยมีเพื่อนเก่าเลย ในขณะที่เธอกำลังเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าอยู่นั้น ก็มีเสียงฉีกกระดาษมาจากทางด้านหลังห้อง... (แคว๊ก... แคว๊ก...) สุธิณาหันขวับกลับไปมองหาต้นตอของเสียง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ด้วยความกลัว เธอจึงรีบเก็บของอย่างเร็วไว แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงหน้าต่างดังเอี๊ยด... อ๊าด... เหมือนกับว่าถูกลมพัดไปมา แต่ในห้องนี้หน้าต่างก็ถูกปิดหมดแล้ว เธอจึงไม่หันไปมองที่หน้าต่าง แล้วเหมือนกับว่าเจ้าของเสียงจะรู้ตัว เสียงหน้าต่างจึงดังขึ้นอีก แต่คราวนี้เสียงดังเหมือนกับมีคนทุบจากภายนอกไล่มาตั้งแต่บานแรกยันบานสุดท้าย สุธิณาจึงรีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างสุดชีวิต ก่อนจะออกมาพบกับบรรยากาศภายนอกที่ดูเปลี่ยนไป ท้องฟ้ามืดสนิทเหมือนตอนกลางคืน มีเพียงไฟดวงเดียวที่สว่างคือตรงหน้าห้องที่เธออยู่ รอบข้างทั้งซ้ายและขวามืดสนิท สุธิณาเริ่มเกิดความกลัวจนร้องไห้ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้นมาอย่างหาทิศทางไม่ได้
"ณา.. ณาจำเราได้ไหม" เสียงเด็กสาววัยรุ่นเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น
"คะ... ใคร.. อย่ามายุ่งกับฉัน! ฉันกลัวแล้ว..." สุธิณาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
"ณาจำเราไม่ได้หรอ... เรามินไง เพื่อนที่รับฟังเธอทุกครั้งไงล่ะ เธอเคยบอกว่าฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอด้วยนะ... มึงลืมแล้วหรอ!! "น้ำเสียงเยือกเย็นกลายเป็นแข็งกร้าว ดุดัน ฟังดูน่ากลัว
" มินหรอ! ฉันขอโทษ.... ฉะ.. ฉันขอโทษ" ดูเหมือนว่าชื่อนี้จะทำให้สุธิณาจำใครบางคนได้ ใครบางคนที่เธอมักจะลืม...
--------------------------------------------
'ชั้นมัธยมปีที่ ๒/๔'
" เห้ยๆ แก... จำพี่ก๊อตได้ไหม ที่เคยเป็นแฟนเก่าฝ้ายห้องเราอ่ะ ไปจีบอีณาอีกแล้วนะ" เด็กสาวคนหนึ่งเสนอหัวข้อเม้าท์มอยประจำวัน ที่ทุกๆวันจะต้องมีหัวข้อเกี่ยวกับสุธิณามาเม้าท์ตลอด
"อีนี่.. มันชอบกินของเหลือรึยังไง สมควรแล้ว ที่มันโดนแบนทั้งห้องอ่ะ" เสียงเด็กสาวในกลุ่มพูดขึ้นด้วยความสะใจ
" เฮ้อ....ก็ไม่ทั้งห้องหรอกมั้ง ก็มีอีบ้ามินเป็นเพื่อนอยู่ไง" เธอคงจะกำลังหมายถึงมินตรา ที่เป็นเด็กไม่ค่อยสมประกอบ เธอไม่ค่อยพูดคุยกับใคร แต่เนื่องจากสุธิณาไม่มีเพื่อนเลย มินตราจึงได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของเธอไปอย่างจำเป็น
"ก็มีแค่อีบ้านั่นแหละ แรดกับบ้าอยู่ด้วยกันก็เหมาะสมดีหนิ 555" หลังจากจบประโยคนี้ ทุกคนในกลุ่มเม้าท์มอยก็หัวเราะกันอย่างสนุกปาก โดยไม่สนเลยว่าคนที่นั่งอยู่หน้าห้องจะเป็นสุธิณาและมินตรา
"ยะ.. อย่าไปสนใจเลยณา ใครจะ.. จะ..ว่ายังไงก็ช่างเขาเถอะนะ.. " มินตราพูดแบบกล้าๆกลัวๆ ปลอบเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของตน
"เธอไม่เคยเจออย่างฉัน เธอไม่เข้าใจหรอก! " สุธิณาพูดเหวี่ยงวีนใส่มินตราอย่างไม่สนความรู้สึกของเธอ
มินตรามักจะเป็นที่ปรึกษาและที่ระบายอารมณ์ของสุธิณาอยู่บ่อยๆ เวลามีอะไรไม่สบายใจหรือหงุดหงิดอะไร ก็เห็นจะมีแต่มินตราเป็นคนรับฟังเธอ แต่ในทางกลับกัน เวลามินตราเดือดร้อนทุกข์ใจอะไร เธอไม่เคยได้รับการรับฟังหรือช่วยเหลืออะไรจากสุธิณาเลย เพราะว่าความจริงแล้วสุธิณาไม่เคยเห็นเธอเป็นเพื่อนเลยต่างหาก สุธิณาไม่ได้อยากมีเพื่อนไม่สมประกอบอย่างนี้ เวลาเดินคู่กับมินตราเธอก็มักจะแยกตัวไปเดินคนเดียว เพราะเธออายที่คนสวยอย่างเธอจะต้องมาสนิทสนมกับมินตรา แต่ด้วยความจำเป็นในเรื่องการทำรายงานกลุ่ม เรื่องหาเพื่อนนั่งกินข้าว รวมถึงเรื่องยืมเงิน ยืมข้าวของอีก ทำให้เธอยังต้องใช้ประโยชน์จากมินตราอยู่ ถ้าเกิดหมดประโยชน์แล้วน่ะหรอ..มินตราไม่มีทางได้ใกล้คนอย่างเธอหรอก! ด้วยความที่มินตราไม่เคยมีเพื่อนสนิท อะไรที่ทำแล้วเพื่อนรักของเธอมีความสุข เธอก็จะทำมันทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ผิด! เธอก็จะทำมัน!
และมันก็เกิดขึ้นจนได้.... เย็นวันหนึ่งหลังจากเลิกเรียน สุธิณาปลีกตัวเดินหนีกลับบ้านไปก่อนมินตรา ทิ้งให้มินตราทำเวรแทนเธอ ทั้งที่จริงๆแล้วเป็นเวรของสุธิณาและเพื่อนกลุ่มขาใหญ่ประจำห้อง และแน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ไม่ชอบขี้หน้าสุธิณาเหมือนกัน ทำให้มินตราถูกบังคับให้ทำเวรคนเดียว เธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะทุกวันที่เป็นเวรของสุธิณา เธอมักจะเป็นคนทำแทนอยู่แล้ว... เมื่อทำเวรเสร็จ มินตราก็กำลังจะเดินลงบันไดมา แต่ก็พบกลุ่มขาใหญ่ประจำห้องกำลังพูดถึงสุธิณา เธอจึงแอบฟังแล้วได้ใจความว่า คลีนคนในกลุ่มนี้วางแผนจะทำร้ายสุธิณาโดยใช้คัตเตอร์กีดหน้าจนเสียโฉม เมื่อมินตราได้ยินดังนั้นเลยพยายามโทรหาสุธิณา แต่สุธิณาที่กำลังเล่นมือถืออยู่นั้น เห็นเบอร์คนที่โทรมาก็ทำให้เธอไม่คิดจะรับสายและตัดสายทิ้งไปในที่สุด มินตราด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อนจึงคิดว่าการเดินไปยับยั้งแผนการของคลีนอาจได้ผล มินตราอาศัยจังหวะที่คลีนอยู่คนเดียวเดินเข้าไปเจรจากับเธอ และมันก็มาถึง! เพื่อนๆของคลีนแยกย้ายกลับก่อน ส่วนตัวเธอนั้นต้องรอแม่ที่เป็นคุณครูเคลียร์งานให้เสร็จก่อน ในจังหวะนั้น ในอาคารนี้เงียบสงัด ตึกนี้มีแค่เธอทั้งสองคนเท่านั้น
"คะ...คลีน" มินตราพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"มีไร!!อีบ้า! " คลีนพูดกระแทกเสียงจนมินตราสะดุ้ง
"คลีนอย่าทำร้ายณาเลยนะ เราได้ยินที่คลีนคุยหมดแล้ว" มินตราไม่ค่อยพอใจที่คลีนเรียกเธอว่าอีบ้า
"มึงจะทำไม! มึงเอาเวลาไปรักษาสมองให้ปกติเถอะ! กูไม่ได้แค่คิดจะทำร้ายอีณาแต่กูคิดจะฆ่ามันให้ตายคามือกูด้วยซ้ำ! มึงยังอยากเสือกอยู่มั๊ย? กูะได้ฆ่ามึงด้วย! ฮ่ะ.. ฮ่าๆ"คลีนพูดขู่หวังให้มินตรากลัว เธอไม่คิดฆ่าใคร เพียงแค่อยากสั่งสอนเท่านั้น แต่คำพูดเมื่อครู่ของเธอเหมือนไปปลุกปีศาจร้ายในตัวมินตราให้ตื่นขึ้น มินตราไม่ได้มีกระบวนการคิดที่เหมือนคนปกติ เธอแยกแยะคำขู่กับคำพูดจริงไม่ออก สมองมินตราในตอนนี้รู้เพียงแค่ 'มันจะมาทำร้ายเพื่อนรักของเรา ถ้าเราไม่ฆ่ามัน มันก็มาฆ่าเรา' แววตาของมินตราเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เธอใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดกระชากคลีนกดลงกับพื้น วินาทีนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นคัตเตอร์ในกระเป๋ากระโปรงของคลีนที่พึ่งซื้อมาใหม่ สีเงินเงาวิบวับ ขัดกับแสงที่เหลืออยู่น้อยนิดในเวลาหกโมงเย็น คลีนกรีดร้องพร้อมกับมือที่ปัดป่ายไปมาหวังจะหลุดจากแรงกดมหาศาลอย่างหาที่มาไม่ได้ของมินตรา มินตราเอื้อมมือข้างหนึ่งไปหยิบคัตเตอร์ออกมาจากกระเป๋ากระโปรงของคลีน ส่วนมืออีกข้างก็กดหัวของคลีนลงนาบกับพื้น เธอหยิบคัตเตอร์มาเชยชมเหมือนคนโรคจิตเต็มขั้น
"คัตเตอร์ใหม่... คมกริบเลย... เธอว่าไหมคลีน..." มินตราพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
"อีบ้ามิน! มึงจะทำไรกู.. ถ้ากูหลุดไปได้กูจะฆ่ามึง!!" คลีนพูดพรางดิ้นเพื่อที่จะได้พ้นจากพันธนาการ แต่นั่นยิ่งทำให้มินตราโกรธแค้นขึ้นไปอีก มินตราไม่รอช้าจ้วงแทงไปที่หน้าของคลีน นั่นทำให้เด็กสาวกรีดร้องลั่นอาคาร มินตราเห็นท่าไม่ดี จึงใช้มีดขู่ให้เธอหุบปากพร้อมกระชากศีรษะคลีนให้ลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า พอไปถึงบนดาดฟ้าชั้น10 เธอก็ใช้มีดจี้ให้คลีนโดดลงไป คลีนร้องไห้ขอชีวิตจากมินตรา แต่ก็ไม่เป็นผล มินตราถีบเธอลงไปสู่ความเวิ้งว้างด้านล่าง หลังจากนั้น เธอก็เหมือนได้สติ แล้วก็ร้องไห้รู้สึกผิดในสิ่งที่เธอทำลงไป แล้วเธอก็โทรหาสุธิณาหลายสายจนสุธิณายอมรับสายของเธอ...
"ณา...ช่วยฉันด้วย...ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉันทำเพื่อณานะ..."มินตราพูดพร้อมกับสะอื้น
"อะไร.. เป็นอะไร..ถ้าจะโทรมาไร้สาระ ก็อย่าโทร รำคาญ!" สุธิณาพูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย
"ฉะ...ฉันฆ่าคลีน..ณา..ฉันฆ่าคลีน.."มินตรารีบพูดก่อนที่ปลายสายจะไม่คุยกับเธอ
"ห้ะ! อะไรนะ แกเป็นบ้าไปแล้วหรอ! "สุธิณาถามด้วยความตกใจ
"มันจะฆ่าแก ฉันเลยฆ่ามัน... ช่วยฉันด้วยนะณา... "คนต้นสายดูเหมือนจะต้องการที่พึ่งทางจิตใจ แต่ตรงกันข้ามกับปลายสายที่อยากจะปัดภาระออกจากตัว
" กูไม่เกี่ยว! มึงอย่ามายุ่งกับกู.. มึงจะไปตายไหนก็ไปอีบ้า มึงมันโง่! กูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อนเลยด้วยซ้ำ มึงไม่ต้องโยงมาหากูเลยนะ มึงไปตายที่ไหนก็ไป! "สิ้นเสียงประโยคสุดท้าย สายก็ตัดไปทันทีอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งให้มินตรานั่งจมอยู่กับน้ำตาและความสับสน ความแค้น ความรู้สึกผิดเกินกว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะแบกรับไหว และความกดดันทั้งหลายทั้งปวงก็ได้ส่งผลให้มินตราจบชีวิตของตัวเองด้วยการกระโดดตึกในที่สุด...
------------
"ฉันขอโทษ... เธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉันจริงๆนะ แต่ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกเยพูดไปแบบนั้น" สุธิณาพูดพรางยกมือไหว้ไปรอบทิศทางอย่างคนบ้า
"หึ! มึงไม่ต้องกลัวกูหรอก กูไม่ได้จะมาฆ่ามึง.. กูแค่มาดูมึงตายด้วยน้ำมือคนอื่นเฉยๆ.. ฮ่ะ.. ฮ่าๆ" เสียงหัวเราะโหยหวนดังมาจากความมืดมิดรอบทิศทาง ทันใดนั้นเองก็มีโลหะวาววับสะท้อนแสงพุ่งมาจากความมืดปักเข้าที่คอของสุธิณาอย่างจัง มันคือมีดที่คมกลิบเหมือนลับมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ สุธิณาเหลือบมองเจ้าของมีดที่มองเธอด้วยแววตาแข็งกร้าว เธอคนนั้นคือศิตางค์ที่ถอดแว่นและผ้าปิดปากออกออกเผยใบหน้าชัดเจนที่มีรอยแผลเป็นต่างๆและจมูกที่หัก กระดูกหน้าทรงบิดเบี้ยว เมื่อมองพิจารณาดีๆ เธอคนนี้ก็คือคลีนนั่นเอง
หลังจากวันนั้นที่คลีนและมินตราตกลงมาจากดาดฟ้า มินตราเสียชีวิตทันที ส่วนคลีนอาการสาหัสมาก ทางบ้านของคลีนมาลาออกที่โรงเรียนแต่ไม่ได้แจ้งความคืบหน้าของการรักษา ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปว่าทั้งคู่เสียชีวิต ทำให้ต่อมาเมื่อคลีนหายดีแล้วจึงเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เป็น ศิตางค์ สังคสิริสุข และใช้ชื่อเล่นว่า สตางค์ตลอดมา...
สุธิณาเบิกตาโพรงมองสตางค์หรือว่าคลีนเพื่อนเก่าในคราบเพื่อนใหม่ของเธอ ก่อนที่เธอจะสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับเรื่องในอดีตที่เธอคงจะจำไปชั่วกาล..
ความคิดเห็น