คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2
“แค่มีเงินก็พอแล้วมั้งยุคนี้ ไม่มีผัวแกก็ยังมีพวกฉันนี่” เจนิสาพยายามปลอบใจแบบที่เคยทำเป็นประจำ
“แกมีผัวแล้ว ส่วนยายอ้อมก็กำลังจะแต่งงานสัปดาห์หน้า ยายจอยก็ท้องลูกคนที่สอง แล้วฉันนี่ ดูสิดู จะคุยกับใครในกลุ่มรู้เรื่องบ้างคะ เอาจริงก็แอบน้อยใจอยู่นะที่พวกแกมีแฟน มีคนให้ปรึกษา ให้อ้อนกระหนุงกระหนิง ถึงจะรู้ว่าพวกแกไม่ทิ้งฉันหรอก แต่เพื่อนมันก็ต้องให้เวลากับครอบครัวมากกว่าไหม ฉันก็ไม่กล้าเข้าไปวุ่นวายอะไรมากเพราะแต่ละคนก็มีชีวิตส่วนตัวกันหมด โตๆ กันแล้วทั้งนั้น ที่พูดนี่ไม่ได้งอนหรือน้อยใจนะ แค่แบบ...เมื่อไหร่จะถึงคิวฉันมั่งนะ”
พลอยปรารถนาเอ่ยด้วยสีหน้าปกติ ดูไม่ออกว่ากำลังน้อยใจแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นเจนิสาก็จับกระแสเสียงออกว่าเจ้าตัวคงเหงาไม่น้อย ด้วยความที่ทุกคนในกลุ่มมีครอบครัวกันหมดแล้ว เหลือแต่คนที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในกลุ่มกลับยังไม่มีวี่แววแต่อย่างใด
“ทำไมแกถึงอยากมีแฟนขนาดนั้นวะพลอย นี่เป็นคำถามที่พวกฉันก็สงสัยมานานมาก ยิ่งหลังๆ มานี่เห็นแกมูทุกรูปแบบแล้วก็ยิ่งสงสัย บางทีการอยู่แบบนี้มันอาจจะดีกว่ามีแฟนก็เป็นได้นะ” เจนิสายังคงใช้ความพยายามปลอบเพื่อนให้ไม่รู้สึกแปลกแยกภ
“แล้วทำไมพวกแกถึงมีแฟนล่ะ” พลอยปรารถนาถามกลับด้วยความสงสัย แต่พอเพื่อนสาวตอบกลับมา เธอก็ทำหน้าเหม็นเบื่ออัตโนมัติ
“สารภาพตามตรง พวกฉันไม่ได้หา อยู่ดีๆ มันก็มาเอง” สาบานว่าเจนิสาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ และสีหน้าที่ไม่ได้เย้ยหยันแต่อย่างใด
“คุณพระ ในขณะที่ฉันนี่มูทุกทางแต่ไม่มีวี่แวว ให้ตายเหอะ ไม่ยุติธรรมเลยว่ะ” คนที่มีใบหน้าสวยที่สุดในกลุ่มถอนหายใจอย่างปลงตก ก่อนจะเลิกฟูมฟายในทันทีเมื่อได้ยินเสียงเครื่องแสกนวัดอุณหภูมิหน้าประตูร้านดังขึ้น แล้วหันไปให้ความสนใจกับสินค้าในมือที่เธอยังจัดการเก็บเข้าชั้นไม่เสร็จดี ปล่อยให้เจนิสาเป็นฝ่ายรับหน้าลูกค้าไปก่อน
“พี่บอกเลยนะว่าสร้อยคอร้านนี้ที่พี่มูมา คือดี เลิศเลอมาก เธอถึงได้มีงานเข้าแบบปังๆ ขนาดนี้ ว่าไม่ได้นะเออ” ร่างอวบอั๋นแต่ผิวพรรณละเอียดอย่างคนดูแลผิวเป็นอย่างดี เอ่ยปากบอกชายหนุ่มร่างสูงที่ใส่ผ้าปิดปากสีดำไปทั้งใบหน้า เหลือให้เห็นเพียงดวงตาที่คนมองแล้วก็ต้องบอกได้ว่าเป็นคนตาสวยหวานมากคนหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างขัดกับรูปร่างและบุคลิกของเจ้าตัวพอสมควร
“แล้วถ้างานไหนใส่สร้อยคอไม่ได้ล่ะพี่คูน วันนั้นงานผมก็หดหายหมดสิ” คนตัวโตพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มกลั้วหัวเราะ คาดเดาไม่ได้ว่าตกลงเขาเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่คนข้างๆ พูด แต่อย่างน้อยก็โดนผู้จัดการตีแขนล่ำนั่นไปหนึ่งที
“รักจะมาสายนี้ มันก็ต้องบูชาเอาไว้บ้าง นี่ถ้ามีเวลาพี่พาตระเวนไหว้วัดดังทั่วประเทศไปแล้ว”
ชายหนุ่มทำพยัดเพยิดเชิงเห็นด้วย ก่อนจะปล่อยตรีคูณ ผู้จัดการสาวใหญ่ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิง ที่ดูแลเขาเป็นส่วนตัวให้เลือกสร้อยตามใจชอบ ส่วนตัวเขาเองเลี่ยงไปนั่งเก้าอี้รับแขกประหนึ่งมาเป็นเพื่อนเฉยๆ
และทันทีที่กลิ่นชาเอิร์ลเกรย์หอมๆ จากแก้วชาใบเล็กถูกยื่นมาวางตรงหน้าพร้อมกับเสียงหวานใส เอ่ยชวนให้ลองดื่มระหว่างรอ ธนภัทรจึงเลื่อนสายตาขึ้นมองเจ้าของเสียงนั้นอย่างลืมตัว
ร่างสมส่วนกะทัดรัดยืนยิ้มให้เขาอยู่ด้วยสายตาเป็นมิตร ภายใต้ดวงตากลมโตมองมาราวกับไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร นั่นไม่ได้ทำให้ธนภัทรรู้สึกเสียหน้า กลับชอบด้วยซ้ำที่คนตรงหน้าไม่ได้ตื่นเต้นที่มีดาราอย่างเขาเข้ามาในร้าน ถ้าไม่มีดาราเข้ามาซื้อของร้านนี้จนชิน ผู้หญิงตรงหน้าก็คงไม่ใช่คนที่สนใจแวดวงบันเทิงสักเท่าไหร่ เขาจึงปล่อยตัวตามสบายด้วยการพยักหน้ารับ พร้อมกับถอดผ้าปิดปากออกเพื่อจิบชาหอมกรุ่นที่หากทิ้งไว้นานอาจจะชืดจนเสียรสชาติไป
“กลิ่นหอม จิบแล้วสดชื่นมากเลยครับ” ธนภัทรชมจากใจจริง พลางละเลียดชิมไปเรื่อยๆ จนคนนำน้ำชามาให้เดินไปอีกทาง
เขาว่าสายตาของเขานั้นกำลังมองไปทางผู้จัดการสาวที่เลือกสร้อยอยู่ แต่ความรู้สึกกลับฟ้องว่าเขากำลังมองสาวส่งน้ำชาที่เดินมาประกบคู่ผู้หญิงอีกคนและช่วยผู้จัดการของเขาเลือกสร้อยเสียมากกว่า
ดูจากการแต่งตัวที่ใส่ชุดเดียวกันกับคอลเลคชั่นที่แขวนอยู่ภายในร้าน บวกกับท่าทางคล่องแคล่ว พร้อมสำหรับการนำเสนอสินค้า ทำให้เดาไม่ยากว่าเธอคงจะเป็นเจ้าของร้านหรือไม่ก็หุ้นส่วน แต่น่าเสียดายที่ต้องใส่ผ้าปิดปากเอาไว้ เขาเลยไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าเต็มๆ ทำได้เพียงลอบมองเวลาตากลมโตหยีเล็กลงตอนหัวเราะหรือยิ้มภายใต้หน้ากากเพียงเท่านั้น
ทว่าสรรค์คงเป็นใจให้ตรีคูณกวักมือเรียกให้ธนภัทรเข้าไปหา ทำให้ชายหนุ่มได้มีโอกาสเข้าไปแอบมองเจ้าของดวงตาสุกใสนั่นใกล้ๆ อีกครั้ง
“นี่...น้องว่าเจ้าตัวโตของพี่คนนี้ใส่เส้นไหนถึงจะเหมาะ พี่เลือกไม่ถูกแล้วเนี่ย เส้นนั้นก็ดี เส้นนี้ก็สวย” ตรีคูณยกสร้อยตัวโชว์ขึ้นทาบลงไปบนลำคอตั้งตรงของธนภัทร แล้วก็หันมาขอความคิดเห็นจากทั้งสองสาว
“เดี๋ยวนะคะคุณพี่ เจ้าตัวโตของคุณพี่หน้าคุ้นๆ อยู่นะคะ” ผู้หญิงผมสั้นที่ดูท่าทางปราดเปรียวคล่องแคล่วเอ่ยทักขึ้น ตรีคูณถึงกับต้องเลื่อนผ้าปิดปากออกเปิดเผยตัวเอง พลางดึงธนภัทรมายืนใกล้ตัวมากขึ้น
มืออวบทำท่าดึงผ้าปิดปากหันมาทางชายหนุ่มเป็นเชิงให้เขาทำตาม ซึ่งธนภัทรก็พยักหน้าและทำตามแต่โดยดี ทันทีที่เขาถอดผ้าปิดปากอีกครั้ง สาวคนที่ทักถึงกับยกมือปิดปากของตัวเองอย่างตกใจ
“โอ้ย! หนูว่าแล้วเชียวว่าทำไมหน้าคุ้นๆ กันจัง ที่แท้พี่คูนกับคุณเพชรจริงๆ ด้วย เมื่อตะกี้นั่งอยู่ไกลๆ ไม่ทันมองว่าเป็นใคร ตัวจริงหล่อ หล่อมาก หล่อแบบตากล้องเก็บภาพไม่หมดไปเลยค่ะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ชมขนาดนี้เดี๋ยวผมเหมาหมดจะทำยังไงละนี่” ธนภัทรพูดติดตลก
“โห ถ้าจะเหมาหมดนี่ เธอต้องรับละครปีละห้าเรื่องให้พี่ก่อน พอสาวชมเข้าหน่อยเนี่ยวิญญาณเสี่ยเข้าสิงเลยนะ” ผู้จัดการสาวใหญ่ค่อนกลับอย่างไม่จริงจัง ออกจะติดแซวเสียมากกว่า เพราะธนภัทรเองถึงแม้จะเข้าวงการมาเกือบห้าปีแล้ว แต่ปีนี้เขาเองเพิ่งจะมีโอกาสได้รับบทเป็นพระเอกหลังข่าวครั้งแรก แถมกระแสดีเอาเสียด้วย
ทว่ามาดีในตอนที่ทีวีดิจิตอลเข้ามา ก็อาจจะเรียกว่ามาช้าไปก้าวนึงสำหรับการเป็นพระเอกที่ต้องการกระแส เพราะถึงแม้เรตติ้งละครจะสูง แต่คนก็หันไปดูสื่อในช่องทางอื่นมากกว่าโทรทัศน์ไปเสียแล้ว ดูได้จากที่เจ้าของร้านคนนี้ตื่นเต้น แต่อีกคนกลับเฉยๆ เหมือนไม่รู้จักดารา(เริ่ม) ดังจากฝีมือการปั้นของผู้จัดการมากฝีมืออย่างตรีคูณเลย
“จริงๆ แล้วผมโดนพี่คูณลากมา ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาหรอกครับ คงต้องรบกวนให้คุณ...” ธนภัทรถ่อมตน ใช้โอกาสนี้ถามชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าของร้านผมสั้นที่ช่างพูดช่างคุยและรู้จักเขาในทันที
“ชื่อเจนค่ะ เป็นหุ้นส่วนของร้านนี้ ส่วนนี่ยัยพลอยค่ะ เจ้าของร้านตัวจริง อ้าว! ขายของสิคะเพื่อน ทำไมวันนี้เงียบจังเธอ” เจนิสาแนะนำตัวพลางกระทุ้งศอกเข้าสีข้างพลอยปรารถนาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวยืนเฉย ไม่เชียร์ขายเท่าที่เคย
“ครับ คงต้องให้คุณเจนและคุณพลอยช่วยเลือกให้แล้วล่ะ เห็นว่าพี่คูณอยากเสริมเรื่องงานให้ผม” ธนภัทรหันไปทางผู้จัดการของตัวเองได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องวกหันกลับมามองที่พลอยปรารถนาอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ
แค่สายตามันพาไปเอง...
อะ พบคนอู้งานแล้วหนึ่ง จริงๆคือไม่ว่างเปิดคอม มุแงงงงงงง
ความคิดเห็น