“ฮ๊า~~ เหนื่อยเป็นบ้าเลย..
ซองอุนอ่า..หยิบน้ำในตู้เย็นในพี่หน่อยดิ”
เสียงนุ่มๆ ที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าตามคำพูดของ ‘ยุนจีซอง’ เอ่ยใช้งาน ‘ฮาซองอุน’ หนุ่มก้อนเมฆประจำวงที่ยืนบิดขี้เกียจอยู่ข้างๆ ตู้เย็น
“เฮ้!.. มีใครเห็นผ้าใบผมไหม..
ผมถอดทิ้งไว้ในห้องก่อนขึ้นเวทีอ่ะ..คอนเวิร์สสีขาวนะ”
เสียงบางๆ
ของ ‘อีแดฮวี’ หนุ่มน้อยหน้าหวานร่างเล็กของวงโพล่งขึ้นมาในขณะที่เจ้าตัวก็กำลังรื้อตรงโน้น
คุ้ยตรงนี้ เขี่ยตรงนั้น
โดยหวังจะเจอรองเท้าของตนที่ไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งอยู่ในห้องนี้
“แล้วใครให้นายถอดรองเท้าทิ้งไว้ไม่เป็นที่เป็นทางล่ะฮะ..”
เสียงทุ้มนุ่มพรั่งพรูออกมาเป็นเชิงบ่นๆ
จากปากของ ‘แพจินยอง’ เสียงร้องเสริมสายซึมที่ตอนนี้กลายเป็นว่าต้องลงสนามช่วยไล่ล่าหารองเท้าให้คนอายุน้อยกว่าอย่างช่วยไม่ได้..
ที่มุมหนึ่งของห้องบนโซฟาตัวยาวมีร่างโปร่งของขาแดนซ์หน้าเขี้ยว
‘องซองอู’ ที่นอนฟุบลงไปแล้วอย่างหมดสภาพ กับเก้าอี้ข้างๆ ที่มี ‘คังแดเนียล’ หนุ่มตัวโย่งสุดแสนจะเป็นที่รักใคร่ของสาวน้องสาวใหญ่ทั้งประเทศกำลังนั่งถอดถุงเท้าของตัวเองออกอยู่
“ใครอยู่หน้าห้องน้ำบ้างหยิบแชมพูบนโต๊ะให้หน่อยดิ”
“เฮ้ยยยยย!!!
พี่แจฮวาน!!!.. ผมปวดฉี่นะเว้ยยย
นี่ที่เข้าไปนานๆ นี่พี่เข้าไปอาบน้ำเลยหรอวะเนี่ย!!!”
เสียงโวยวายของแร็ปเปอร์ประจำวงอย่าง
’พัคอูจิน’ ที่ตะโกนไปทุบประตูห้องน้ำไปพลางกระโดดหยองแหยงไปมาเพราะความต้องการอยากยิงกระต่ายมันใกล้จะถึงขีดสุด
แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ตัดสินใจวิ่งออกนอกห้องรับรองเพื่อไปใช้ห้องน้ำด้านนอกจนได้..
“เอานี่....อาบเร็วๆ
นะเว้ย เดี๋ยวอีกแปปนึงก็จะได้กลับกันแล้ว”
จีซองโยนขวดแชมพูให้กับ
‘คิมแจฮวาน’ เสียงร้องหลักทรงเสน่ห์ที่ชะโงกหัวที่เปียกซกออกมาหน้าประตู รับขวดแชมพูที่ลอยมากลางอากาศแทบไม่ทัน
ก่อนที่จะพยักหน้าหงึกๆ ตามคำสั่งของหัวหน้าวง...
ชีวิตในวงการของจีฮุนคนนี้เริ่มมากจากการเป็นเด็กผ่านกล้องถ่ายละครตัวกลมๆ
คนหนึ่ง ที่ไม่น่าเชื่อว่าภายในไม่กี่ปีต่อมาจะจับพลัดจับผลูมากลายเป็นไอดอลสายคิ้วท์อย่างทุกวันนี้ได้..
แม้ว่าเขาจะเดบิวต์เป็นสมาชิกของวงนี้เดี่ยวๆ โดยไม่มีเพื่อนร่วมค่ายอยู่เลย แต่ช่องโหว่ตรงนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว้าเหว่หรือโหวงเหวงแต่อย่างใด
ตลอดเวลาจีฮุนคนนี้ได้รับความอบอุ่นอย่างเต็มที่จากทั้งแฟนๆ
และเมมเบอร์ทุกคนที่ดูแลกันเหมือนพี่น้อง ดังนั้นแล้วการที่อีกเพียงไม่กี่สิบวันหลังจากนี้งานเลี้ยงครั้งใหญ่ต้องเลิกรากันไป
ก็ทำเอาจีฮุนรู้สึกใจหายไม่น้อยเหมือนกัน
“ใครเห็นควานลินบ้าง?.. อยู่ในห้องน้ำหรอ?”
‘ฮวังมินฮยอน’ เจ้าของเสียงร้องนุ่มละมุนหูเปิดประตูเข้ามาแล้วพ่นคำถามในทันที
แต่ก็ได้คำตอบปัดๆ จากคังแดเนียลแทน..
“ไม่เห็นว่ะพี่..ในห้องน้ำก็พี่แจฮวาน”
“งั้นหรอ...”
มินฮยอนเดินเข้ามาในห้องก่อนที่คำตอบจากปากใครอีกคนที่หยุดการค้นหารองเท้าไปชั่วขณะสวนขึ้นมาบ้าง
“ตอนเดินเข้ามาผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์อยู่นะ
ได้ยินแว่วๆ มาน่าจะคุยกับค่ายล่ะมั้ง คงจะเรื่องปลายปีนี้แหละผมว่า” จินยองพูด
ใช่..
ในตอนนี้ถึงจะยังไม่ถึงเวลาที่ต้องกล่าวลา
แต่ทุกคนก็เริ่มเตรียมที่ทางการใช้ชีวิตต่อจากนี้ไว้แล้ว
อย่างมินฮยอนก็คงต้องกลับไปทำงานกับวงเดิมของตัวเอง แดฮวีกับอูจินก็คง
กลับไปทำงานกับค่ายของตัวเอง คนอื่นๆ ก็เช่นกัน.. เขาก็ด้วย
และเด็กคนนั้น...
‘ไลควานลิน’ เด็กไต้หวันคนนั้นที่เจ้าตัวมักบ่นกับเขาหลังอัดเสียงบ่อยๆ
ว่าท่อนร้องของเจ้าตัวน้อยเกินไป จะว่าสงสารก็สงสาร น่าหัวเราะก็คงนิดหน่อย
เพราะเด็กคนนั้นภาษาเกาหลียังไม่ได้แข็งแรงเท่าที่ควร..
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พัคจีฮุนยอมรับในความแน่ของควานลินคือความกล้า..กล้าที่จะสู้
กล้าที่จะทำในหลายๆ อย่างที่คนบางคนเช่นเขาก็อาจไม่กล้าทำ
เด็กตัวสูงๆ
คนหนึ่งที่เข้ามาเป็นเด็กฝึกอยู่ต่างบ้านต่างเมืองตัวเองตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ
ถ้าเป็นตัวจีฮุนเองยังต้องคิดหนักพอดูที่จะต้องจากอกพ่ออกแม่มากแบบนั้น ..
แต่จนแล้วจนรอดความลินก็พิสูจน์ตัวเองให้ทั้งเขา คนอื่นๆ ในวง
และคนนับล้านคนทั่วโลกได้เห็นถึงความพยายามและทะเยอทะยานของเจ้าตัวที่เต็มเปี่ยมกระทั่งมายืนอยู่ตรงจุดจุดนี้ได้
“จีฮุนอ่า..
จีฮุนอ่า...!!”
“ค..ครับ!!.. พี่ซองอุน?”
“เหม่ออะไรวะ..เรียกตั้งนาน
จะวานให้หยิบมือถือในกระเป๋าข้างๆ นายให้หน่อย”
“ครับ..นี่ครับ”
“ขอบใจเว้ย!..”
จีฮุนเดินนำมือถือไปให้ซองอุนก่อนจะเดินออกไปที่ริมระเบียงห้องที่ไม่แคบไม่กว้างมากนัก..ฟ้ายามค่ำคืนยังสวยไม่เปลี่ยนแม้ว่าจะต่างสถานที่ก็ตาม
ถึงบนผืนกระดานดำกว้างใหญ่นี้จะมีแสงสีจากความศิวิไลซ์ของมหานครขนาดใหญ่
ทุกครั้งที่เหนื่อยล้าจีฮุนมักจะออกมายืนมองมันเล่นเสมอไม่กับอูจินที่เขาค่อนข้างจะสนิทที่สุด
บางครั้งก็...กับเด็กคนนั้น
“เร็วเนอะ...”
“อูจินอ่า....”
แร็ปเปอร์หนุ่มเขี้ยวสวยผู้เป็นดั่งเพื่อนสนิทที่สุด
และเป็นที่ปรับทุกข์ในแทบทุกเรื่องตลอดสองปีนี้ของจีฮุน เลื่อนบานประตูออกมาแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
หนุ่มหน้าหวาน
“แปปเดียวก็สองปีแล้ว..
กูยังรู้สึกเหมือนเมื่อวานเรายังซ้อมเต้นกันในคลาสอยู่เลย”
“นั่นสินะ.....”
“ถามอะไรหน่อยดิจีฮุน”
“...................?”
“ทำไมมึงถึงเลือกมาเป็นไอดอลวะ..
กูว่ามึงไปเล่นละครอะไรเทือกนั้นเหมือนตอนเด็กๆ ก็น่าจะรุ่งอยู่นะ”
“ไม่รู้ดิ..
กูอยากเต้นมั้ง ... ลดความอ้วนด้วย ฮ่าๆๆๆๆ ^O^”
“จีฮุนอ่า...
มึงกับควานลิน.. มึงกับน้องมันนี่..ยังไงกันแน่วะ”
คนหน้าหวานสะอึกไปในบัดดล
เมื่อเพื่อนหน้าเขี้ยวของเขายิงคำถามมาได้ตรงเป้าหัวใจได้แม่นยำเสียจริง...
“ก็..ก็แค่น้องไง..มึงคิดว่ายังไงล่ะ
ฮ่าๆๆๆ.. ควานลินมันก็น้อง ก็แบบ...เหมือนๆ กับแดฮวีนั่นแหละ”
“ไอ้ปากแข็ง!!!!”
“ย่าห์!!!
เชี่ย เจ็บนะสัส!! ทำห่าอะไรของมึงเนี่ย!”
จีฮุนร้องเสียงหลงอย่างเจ็บปวด
เมื่อจู่ๆ อูจินก็ดึงใบหูขวาเขาแล้วบิดขึ้นลงไปมาดุจของเล่น
ทำเอาผู้ถูกกระทำหลังจากร้องออกมาแล้วก็พ่นคำหยาบคายออกมาเป็นชุด
“แล้วมึงจะปากแข็งทำห่าอะไรวะ
ชอบก็บอกว่าชอบดิ”
“ไอ้บ้า!!!
ช..ชอบห่าเหวอะไร.. ใครชอบ.. กูไม่ได้ชอบควานลินมันซะหน่อย.. ก็แค่น้อง”
“อะ..อ้าวววว...
คุณวิ้งค์ครับ ผมยังไม่ได้พูดเลยนะครับว่าคุณชอบควานลินมันแบบอื่นน่ะ... แหนะๆๆ.. ฮั่นแน่~.. นี่มึงชอบแดกชานมไต้หวันก็ไม่บอกนะเนี่ย”
“ไอ้เวร!! หยุดพูดนะเว้ย!!! >//////<”
“โว้ววว.. หน้าแดงแล้วววว ฮิ้ววววว!!!”
“มึงรู้ไหมมีอยู่อีกอย่างหนึ่งที่กูอยากจะทำก่อนกลับค่าย..
ก็คือเตะก้านคอมึงไงไอ้ปากหมา!!!”
“เฮ้ยยยยยย!!! สัสจี้กูล้อเล่นนนน... พี่แดนนนน
ช่วยน้องด้วยยยย”
เป็นภาพที่น่าขัน.. เมื่อคนตัวเล็กกว่าพยายามไล่ใช้อวัยวะเบื่องล้างจู่โจมคนตัวสูงกว่าที่วิ่งแถ่เข้ามาในห้องซึ่งมีแต่เหล่าผู้พี่กำลังพักผ่อนกันอยู่
อูจินวิ่งเข้าไปหลบตรงแผ่นหลังกว้างๆ ของแดเนียลที่กำลังงงอยู่หน่อยๆ
กับกิจกรรมของรุ่นน้องทั้งสองคน
“จีฮุนอ่า... เรื่องอะไรวะ?”
“มันปากหมากับผมก่อนอ่ะ”
“ปากหมาอะไรกัน.. ก็แค่บอกว่ามึงชอบแดกชานมไต้หวันมันผิดตรงไหนวะ..
ชานมตัวน้อยของพี่จีฮุนนนนน~~~”
“ไปสิ้นพระชนม์ซะเถอะไอ้เวร!!!!!!!!”
“พอๆๆๆๆ!! พอเลยทั้งคู่..
อายุแม่งก็ไม่ใช่สี่ห้าขวบแล้วป่าววะ.. คนจะหลับจะนอนเสียงดังชิบ..”
แต่แล้วสงครามก็จบลงไปในบัดดล
เมื่อเสียงนุ่มของหนุ่มเท้าไฟที่เพิ่งกลับมาจากห้วงนิทราโพล่งขึ้นมาดื้อๆ..
ซองอูเงยหน้าตาที่มีแต่ร่องรอยแห่งความง่วงเหงาหาวนอนขึ้นมาบ่นคนเป็นน้องทั้งสองคน
แล้วฟุบหัวลงไปกับหมอนอิงบนโซฟาอีกครั้ง
“พี่ซองอู จะกลับแล้วน่า.. เดี๋ยวไปนอนต่อบนเครื่องเหอะ..”
จีฮุนกลับไปที่เก้าอี้ตัวเดิมก่อนจะทิ้งก้นลงอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับการลอยนวลของเขี้ยวจอมกวนประสาทที่ทำกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ตลอดเวลา เทียวไปเทียวมาหลังแดเนียลบ้าง
หลังแจฮวานที่กำลังใส่เสื้อเชิ้ตอยู่บ้าง
“ทุกคนครับ..
พี่เมเนบอกว่ารถมาแล้ว..”
และแล้ว..บุคคลที่ตกเป็นประเด็นสนทนาเมื่อครู่ก็ปรากฏตัวขึ้น
ควานลินชะโงกหัวเข้ามาจากด้านนอกห้องพร้อมบอกให้ทุกคนเตรียมตัวกลับที่พัก
ทว่าพัคจีฮุนจู่ๆ ก็หน้าร้องขึ้นมาดื้อๆ
เมื่อดันบังเอิญไปสบเข้ากับคู่ตาแป๋วแหววของเด็กตัวสูง ปากบางยิ้มให้เขาหน่อยๆ
ก่อนจะปิดประตูห้อง
ถึงจะรู้ว่ายังไงก็ต้องจากกันก็เถอะ
แต่หัวใจมันไม่ฟังเขาเลย..
ท่องไว้พัคจีฮุน..
มันเป็นไปไม่ได้
.. เด็กคนนั้นก็แค่น้องชายแกคนนึง
ท่องไว้..
แกจะชอบควานลินไม่ได้เด็ดขาด!..
บนรถตู้คันใหญ่อันเงียบสงัด
สารถียังคงควบคุมพวงมาลัยไปเรื่อยๆ อย่างไม่ได้รีบร้อนอะไร
สิบเอ็ดชีวิตกับเมเนเจอร์หนึ่งคนที่นั่งหลับอยู่เบาะข้างคนขับ..
ทุกคนล้วนมีกิจกรรมส่วนตัวของตัวเองกันหมดสิ้น..
มินฮยอนที่พึ่งแสงไฟตรงหัวอ่านหนังสือเล่นๆ ..
ซองอูที่นอนซบไหล่แดเนียลที่กำลังเคี้ยวแซนด์วิชทูน่าตุ้ยๆ อยู่ แจฮวานกำลังนั่งจดจ่อกับมือถือของตัวเอง..
ส่วนจีซองกับซองอุนก็นั่งมองวิวจากหน้าต่างรถอย่างอ้อยอิ่ง.. มีเสียงเกมเบาๆ
ดังแว่วๆ
มาจากหน้าจอเรืองแสงของนากน้อยและดีพดาร์กที่กำลังเมามันกับการเล่นเกมในมือถือ
หนุ่มหน้าเขี้ยวคู่สงครามของจีฮุนกำลังค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าเป้ใบเล็กของตัวเอง
ส่วน..เด็กชานมก็นั่งกอดอกสัปปะหงกอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีหูฟังอันโตเป็นประตูกั้นโลกทั้งสองเจ้าตัวเอาไว้
สักพัก..
อูจินก็เสนอบางสิ่งที่จีฮุนฟังดูแล้วไม่ค่อยจะเข้าท่าเท่าไหร่นัก..
“พี่!.. มาเล่นอะไรหนุกๆ กันป่าว..?”
“อะไรวะ?”
ซองอุนถาม
“แถ่นแท๊นนน!!!~~”
สำรับไพ่ถูกนำขึ้นมาจากในกระเป๋าของอูจิน..
รถคันนี้เป็นรถที่ใหญ่พอดูเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกนักที่จะมีโต๊ะเล็กพับได้ตรงกลางระหว่างเบาะนั่งทั้งหลาย..
ผืนผ้าถูกปูลงบนโต๊ะดังกล่าวก่อนที่ใบไพ่หลายสิบไปจะถูกทำให้กระจัดกระจายไปตามมุมต่างๆ
ของตัวโต๊ะ
“เฮ้ย..
บอกก่อนว่าตังไม่ได้พกมามากนะเว้ย” จีซองบ่นพลางบกมือไปมา
“ไม่ได้เล่นกินตังนี่พี่...
เอาหนุกๆ พระราชาอ่ะเคยเล่นป่าว?”
“อ๋อ..
เอาดิใครเล่นบ้างอ่ะ?” ซองอุนถาม
นอกจากซองอูที่กำลังนอนอยู่
ดูเหมือนว่าเกมของจินยองและแดฮวีจะจบรอบพอดี เสียงร้องหลักและเสริมทั้งสองคนจึงเริ่มมีความสนใจในเกมกลจิ้งจอกของพัคอูจินมากขึ้น
เพราะก็ต่างคิดไปในทางเดียวกันว่ากว่าจะถึงนาริตะก็ตั้งเกือบชั่วโมง
การได้เล่นเกมฆ่าเวลาแบบนี้ก็โอเคดีเหมือนกัน
“อ่ะแฮ่ม..
คุณพัคที่สองครับ.. ไม่ทราบว่าสนใจไหมครับ”
“มึงมันขี้โกงจะตายใครจะอยากเล่น
ซ่อนไพ่ป่าวก็ไม่รู้”
“อ้าววว..พูดงี้กูเสียหายนะ
..เราอยู่กันมาสองปีเราต้องมองเห็นส่วนดีๆ ของกันและกันสิวะ!..
เอ้า จับไปหนึ่งไปซะโดยดี”
อูจินหยิบไพ่จากในกองระเกะระกะนั่นให้จีฮุนหนึ่งใบ
ทว่ากลับได้รับการปฏิเสธโดยการที่เจ้าตัวเลือกที่จะหยิบด้วยตัวเองแทน..
เหล่าเมมเบอร์เริ่มที่จะทำตามกติกาไปจนเวียนครบทุกคน..
เว้นแต่ซองอูกับควานลินที่ยังคงเฝ้าเทพเบื้องบนอยู่
“งั้นเราจะให้ลีดเดอร์หรือออมม่าของวงเราเป็นผู้เปิดไพ่ก่อนนะครับเอาล่ะ..พี่จีซอง~”
“ห้าโพแดง..”
.
“เก้าโพดำ”
ซองอุนพูด
.
“แปดดอกจิก”
แจฮวานโยนไพ่ลงไปในกองแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อ
.
“แจ็คข้าวหลามตัด..”
จินยองโยนไพ่ลงในกองติดๆ..
.
“โว๊ะ!..สามข้าวหลามว่ะ!!!” มินฮยอนบ่นอุบอย่างหงุดหงิดกับแต้มบนหน้าไพ่ของตัวเอง
สร้างเสียงหัวเราะเบาๆ ให้กับคนอื่นๆ ที่เปิดไพ่ไปแล้วถ้วนหน้า
.
“ว้าวววว!!! ผมควีนโพแดงครับ.. ใบที่พี่จีฮุนทิ้งซะด้วย..” แดฮวีมุ่ยปากพูดอย่างน่ารักน่าชัง
ต่างจากเจ้าของเดิมของไพ่ใบนั้นที่เริ่มมุ่ยปากบูดเพราะอารมณ์บูด
.
“อ่า..ของเขี้ยวน้อยคนนี้
หกดอกจิกนะครับ.. เอาล่ะตาคุณแล้ว..คุณพัคที่สอง”
จีฮุนใจเต้นไปหมด..
เพราะเขากลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้โชคร้ายในรอบนี้.. แต่ไม่เป็นไรหรอก
อย่างน้อยคู่สงครามก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะในเกมนี้
ที่สำคัญยังมีคังแดเนียลเป็นเบาะรองกระแทกอีกตั้งหนึ่งคน
แต่ถ้าเป็นเขาที่ต้องโดนลงโทษจริงๆ แดฮวีก็คงไม่ใจไม้ไส้ระกำทำกับพี่ชายผู้แสนคิ้วท์อย่างเขาคนนี้ได้ลงคอหรอก
“เชี่ยยย!!!
สองดอกจิก!!!! O_o”
คนหน้าหวานตกตะลึงงันในความซวยและเคราะห์ร้ายของตัวเองที่ไพ่มีเหลืออีกมากมายก่ายกองแท้ๆ
แต่กลับหยิบเอาไพ่ที่แต้มน้อยแทบจะที่สุดขึ้นมาแทน
“แดฮวีย่า.. ขอหนักๆ นะเว้ย คิกๆๆๆ”
“ไอ้อูจิน!! มึงไม่ต้องไปยุน้องมัน .. มึงไม่ได้ชนะ!”
“อ่า...คนสุดท้ายแล้ว... ไหนขอดูหน่อยเถอะว่า ชนะโปรดิวซ์ที่หนึ่งมาแล้วจะเฮงพอๆ กับหน้าตาสมคำร่ำลือไหม”
จีซองพูดเชิงเย้ยหยันหนุ่มซามอยด์ที่หงายไพ่อย่างมั่นใจ..แต่..
“เฮ้ยยยย!!!.. เอซดำ!! บัดซบชิบ!!!”
สุดท้ายแล้ว.. เกมแรกนี้..ผู้แพ้ก็คือ..คังแดเนียล
“พี่แดน.. ไอ้ปีเตอร์กับรูนี่ย์ของพี่มันเคยตะกุยเสื้อผมขาดไปตัวนึงตอนพี่มันมาที่หอนี่..
จำได้ไหมครับ..พี่ยังไม่ได้ใช้ค่าเสื้อผมเลย!!”
“เอ่อ...... - o -”
“ดังนั้น..คำสั่งของพระราชาคือ.. จนกว่าจะถึงสนามบินพี่ห้ามใส่เสื้อ!!!”
“เฮ้ยยยย!!! นายไม่กลัวพี่เป็นหวัดหรือไงวะ?! นี่มันหน้าหนาวนะเว้ย!!! แล้วกว่าจะถึงก็อีกตั้งเกือบชั่วโมง”
“ใครสนล่ะครับ.. เกมก็เป็นเกม.. หรือว่าพี่จะยอมทำอย่างอื่นล่ะ..
จูบพี่ซองอูดีไหมนะ”
“บ้าน่า!!..ถ..ถอด ถอดก็ได้วะ!!”
และเกมที่สองก็มาถึง..
ซึ่งคราวนี้แพจินยองเป็นผู้ชนะ.. คำสั่งของพระราชาองค์ที่สองเกิดขึ้นกับยุนจีซองนั่นก็คือเลี้ยงเนื้อย่างหนุ่มหน้านิ่งแบบไม่อั้นหลังจากกลับถึงโซล
ซึ่งแน่นอนว่าพี่ใหญ่ของวงก็ไม่สามารถขัดคำสั่งน้องเล็กคนนี้ได้..
หรือจะเกมที่สามที่พระราชามินฮยอนสั่งให้แจฮวานไลฟ์สดร้องเพลงหมีสามตัว
กระทั่ง...
“ทุกคน!!.. ไม่ต้องเปิดแล้วล่ะ.. ฮิๆๆๆ”
“อะไรของมึงวะ....”
“เพราะคิงดำอยู่นี่!!”
จีฮุนถึงกับตกตะลึงปากหวอ..แน่นอน
คิงโพดำคือไพ่ที่ใหญ่ที่สุดในเกมนี้ ดังนั้นแล้วผู้เล่นคนอื่นๆ
ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรอีกแล้วนอกจากรอให้พระราชาเลือกเหยื่อที่จะลงทัณฑ์ในรอบนี้แต่โดยดี..
แหงแหละ!! ก็เพราะว่าพัคอูจินรอเวลานี้มาโดยตลอดนี่..เวลาที่จะได้เชือดพัคจีฮุนคนนี้นี่ไงเล่า!!
“เอาล่ะ..นายจะให้ใครทำอะไรล่ะอูจิน?”
แดเนียลที่ท่อนบนล่อนจ้อนอยู่ถาม
โดยที่ยังคงส่งสายตาคาดโทษให้เมนโวคอลนากน้อยอยู่ตลอดเวลา
“จีฮุนอ่า..
จีฮุนเพื่อนรัก คิกๆๆๆ ><”
“อ..อะไรเล่า!
จะให้กูทำอะไรก็รีบบอกมาเถอะน่า”
“อืม..นั่นสิทำอะไรดีน๊า~~”
จีฮุนถึงกับต้องกลืนน้ำลายเอือกใหญ่เมื่อห่างตาของเจ้าเขี้ยวเหล่มองไปทางเด็กแดนชานมที่นั่งหลับอยู่หน่อยๆ..
ทว่าในขณะที่กำลังหวาดหวั่นกับคำสั่งที่คาดว่าน่าจะออกมาพิเรนทร์สุดๆ ตามแบบฉบับคนสมองถั่วอย่างอูจิน
ใจของจีฮุนก็เริ่มเต้นแข็งกับเสียงแอร์รถขึ้นมา รู้สึกได้เลยว่าจากอากาศที่เย็นๆ
จู่ๆ ก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาในบัดดล
“คำสั่งของพระราชาก็คือ..
ให้มึงหอมแก้มควานลินมันทั้งสองข้างแล้วพูดว่า ...ควานลินอ่า~ พี่ชอบนายน๊า~”
“หอมเลยย!!
พี่จีฮุน ฮ่าๆๆๆ” แดฮวีเสริมทัพอย่างออกหน้าออกตา
“เอาหน่อยน่าจีฮุน..
แค่เกมเอง เอาดิ!!” ซองอุนสนับสนุนคำพูดของแดฮวีต่อ
ในตอนนี้กลายเป็นว่าทุกคนถูกพัคอูจินล้างสมองด้วยคำสั่งนั่นจนเห็นดีเห็นงามด้วยไปหมด
คนตัวเล็กกลืนน้ำลายหนึ่งอึก..
แร็ปเปอร์น้องยังคงไม่รู้ตัวว่าตนถูกนำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเกมโดยไม่ได้ถูกถามความยินยอมก่อน..
จะปลุกดีไหมจีฮุนก็ยังลังเล
“ห้ามปลุกนะเว้ย!”
“ไอ้....
ปัดโธ่เว้ย!!!”
จีฮุนสบถอย่างหงุดหงิดให้กับคำสั่งของอูจินที่เหมือนกับอ่านใจเขาออก
สายตากดดันจากเมมเบอร์ทั้งหลายยังคงรุมจ้องเขาอย่างไม่ขาด
..ยอมรับก็ได้ว่าถ้าเกิดไม่มีอารมณ์บ้าๆ เกิดขึ้นในใจ คำสั่งง่อยๆ
นี่ก็สามารถทำได้ง่ายๆ.. ก็อีแค่หอมแก้มรุ่นน้องคนนึงที่กินนอนอยู่ด้วยกันมาเกือบจะสองปีกว่าๆ
แต่มันทำไม่ได้ไง!.. เพราะเขา..
เขารู้สึกแปลกๆ..
เขารู้สึกว่าร่างกายมันจะระเบิดให้ได้
แค่คิดว่าต้องเข้าไปใกล้ตัวเด็กคนนี้เกินหนึ่งไม้บรรทัด..
จมูกโด่งๆ
ของคนหน้าหวานค่อยเขยื้อนเข้าไปใกล้ๆ กกหูที่มีหูฟังอันใหญ่สวมทับไว้อยู่
บรรยากาศในรถเงียบสนิทเพราะทุกคนรอให้คำสั่งของพระราชาจบลงเพื่อที่จะเริ่มเกมใหม่เสียที
หันไปหาเหล่าฮยองไลน์
แทนที่จะช่วยปรามแต่กลายเป็นว่าพวกเจ้าตัวก็ดูจะสนุกไม่น้อยที่เห็นเขาต้องทำแบบนี้..
เอาเถอะ ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่!!
ฟอด~!!!
“หูยยย เอาจริงเว้ยยยยย!!!”
พัคอูจินร้องออกมาอย่างสะอกสะใจ
ต่างจากพัคจีฮุนที่หลับตาปี๋ไปหมดเพราะความเขินอาย เสียงครางงึมงัมเบาๆ
ในลำคอของควานลินดังขึ้นหน่อยๆ จากการที่ถูกรบกวนการพักผ่อน
แต่เด็กตัวสูงก็ยังคงไม่ตื่นขึ้นมาเสียทีเดียว เพียงแค่ขยับตัวนิดหน่อยเท่านั้น..
แต่ศึกหนักมันอยู่ที่การหอมครั้งที่สองเนี่ยแหละ..
เพราะเจ้าเด็กนี่เล่นหันแก้มไปพิงกระจกรถน่ะสิ
ดังนั้น..
การที่จะขโมยหอมจากเจ้าเด็กยักษ์นี่อีกครั้งได้ก็คือเขาต้องประคองหน้าเจ้าตัวขึ้นมาหอม
ซึ่งนั่นก็อาจจะทำให้เจ้าของแก้มขาวนี่ตื่นขึ้นมาได้..และจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ
ถ้าเขาต้องตะโกนว่าชอบเจ้าตัวในขณะที่หมอนี่รู้ตัวแล้วน่ะ!!
ในเมื่อไม่มีทางเลือก
ทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือ ต้องใช้ความรวดเร็วขั้นสุด
ฟุบ!! ฟอด~~
โจรขโมยหอมจำเป็นใช้มือบิดคาดของควานลินอย่างรวดเร็วแล้วฝังจมูกลงไปบนแก้มอีกข้างทันที
เด็กคนนี้จะรู้สึกไหมนะ
ว่าหน้าของจีฮุนน่ะตอนนี้ร้อนอย่างกับอุณหภูมิบนปากปล่องภูเขาไฟ
“พี่ชอบนายควานลิน!!!!!!!!!”
“O_o”
“ค..ควานลินอ่า... O_O!!.....มัน..มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”
อาการเดดแอร์เกิดกับเมมเบอร์ทั้งวงยกเว้นซองอูที่ยังไม่กลับลงมาจากวิมานของพระอินทร์
..ใครจะไปคิดล่ะว่าควานลินจะตื่นขึ้นมาได้ในเวลาประจวบเหมาะขนาดนี้
แต่ก็แน่นอนอยู่แล้ว ก็เล่นโดนขโมยหอมเสียฟอดใหญ่ขนาดนั้นไปตั้งสองทีมีหรือที่เจ้าตัวจะไม่สะดุ้งสะเทือนบ้าง..
“จีฮุนอ่า~.. มึงสุดยอดว่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ”
“ไอ้เวร!!!..
มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะเว้ย..ควานลิน..อย่าเพิ่งเข้าใจ..”
“อ่า... ผม.. ผมก็..ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ..”
มักเน่ตัวสูงหลบหน้าลงหน่อยๆ ก่อนจะเม้มปากตัวเองหนึ่งครั้งแล้วหันหน้ากลับไปทางกระจกรถดังเดิม..
“ไอ้เขี้ยวเวร!!.. นี่มึง..มัน..
แม่ง! กูไม่เล่นแล้ว!!”
“อ้าววว.. แพ้ไปแล้วหนึ่งคนนะครับ คิกๆๆ
งั้นพวกเราที่เหลือมาเล่นกันต่อเถอะเนอะ”
ท่ามกลางเสียเฮฮาแต่กลับเกิดความเงียบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกระหว่างจีฮุนกับควานลิน...
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำหน้ายังไง ปากของเด็กคนนั้นบอกว่าไม่เป็นไร แต่สายตาแปลกๆ
นั่นเล่นเอาจีฮุนไม่สบายใจเอาเสียเลย ถ้าเกิดว่าควานลินรังเกียจเขาขึ้นมาล่ะ
ถ้าเกิดเขาและเจ้าตัวมองหน้ากันไม่ติดอีกต่อไป แล้วจะเกิดอะไรขึ้น... ถึงแม้ว่ามันจะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็ตามเถอะ
แต่อย่างไรเสียจีฮุนก็ทำใจให้มันจบแบบนี้ไม่ได้อยู่ดี
ในที่สุด..
อาทิตย์สุดท้ายก็มาถึง..
ตารางงานของเมมเบอร์ทั้งสิบเอ็ดคนได้ถูกพับเก็บลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..
เวลาที่เหลือก็เพื่อที่จะเคลียร์ทุกสิ่งอย่างสำหรับการแยกย้ายไปตามทางของแต่ละคน..
ในห้องพักของจีฮุนค่อนข้างเงียบเหงานิดหน่อย
เพราะเตียงที่เคยมีเมนโวคอลยิ้มเก่งอย่างฮวังมินฮยอนอยู่ตอนนี้ว่างเปล่าแล้ว ..
มินฮยอนเป็นคนแรกที่ย้ายออกไปตั้งแต่จบงานใหม่ๆ
อาจเป็นเพราะต้องกลับไปคุยเรื่องการคัมแบคกับวงเดิมของตัวเองแต่เนิ่นๆ ด้วย
และไม่ใช่เพียงแค่ห้องนี้เท่านั้น..
ฮาซองอุนกับยุนจีซองก็เพิ่งลากกระเป๋าออกไปจากหอเมื่อวานซืนนี้เอง..
สำหรับซองอุนคงด้วยเหตุผลเดียวกับมินฮยอน แต่กับลีดเดอร์อารมณ์ขันอย่างจีซองแล้ว
จีฮุนได้ยินแว่วๆ มาจากซองอูว่าเจ้าตัวเตรียมจะกลับไปทำหน้าที่รับใช้ชาติอยู่เนื่องจากอายุที่ไม่สามารถผ่อนผันได้อีกต่อไป
รวมถึงวันนี้ก็ด้วย...
เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว...
ในตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่
เครื่องนุ่งห่มของหนุ่มหน้าเขี้ยวถูกรื้ออกมาจัดลงกระเป๋าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้จะทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องกับอูจินอยู่บ่อยๆ
แต่จีฮุนก็ใจหายอยู่ไม่น้อยที่จะต้องกล่าวคำลาเพื่อนสุดกวนคนนี้แล้ว..
“ไม่ลืมอะไรนะ..
ถ้าลืมกูยึดนะบอกก่อน”
“คิกๆๆ...
แล้วเจอกันนะมึง.. โทรหากันบ่อยๆ นะ สิ้นปีนี้เดี๋ยวไปแดกเนื้อย่างกัน ^^”
“เออ..โชคดีนะ
กูคงจะคิดถึงมึงมากเลยว่ะ..”
เพื่อนสองคนโผเข้ากอดกันกลมอีกหนึ่งครั้งก่อนที่จะผละตัวจากกัน
เมื่อแดฮวีโผล่หัวเข้ามาในห้องพูดขึ้น
“อ้าวๆๆ..
ร่ำลากันเสร็จหรือยังครับ พี่อูจินรถมาแล้วนะ..”
“เออน่า...
งั้นกูไปนะจีฮุน.. โชคดีนะ”
“อื้อ...
ไว้คุยกัน..”
“อ้อ!
เกือบลืม....”
อูจินที่เหวี่ยงเป้ขึ้นมาสะพายหลังไว้อย่างลวกๆ ลุกขึ้นเดินไปจนถึงประตูห้องแล้วชะงักการกระทำไว้ ก่อนจะเดินเข้ามาหาจีฮุนที่นั่งอยู่บนเตียง วางมือพาดลงบนบ่าน้อยๆ นั่นเบาๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังเล็กน้อย
“จะทำอะไรก็รีบทำนะมึง.. ถ้ากูเป็นมึง
กูอาจจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย..”
“.....กู....กูบอกแล้วว่ากูไม่ได้---”
“.. มึงอย่าคิดว่ากูโง่ได้ป่าววะ .. เชื่อกู กูไม่ได้รังเกียจเรื่องที่มึงจะรักใครชอบใครหรือเพศไหน ขอแค่ในใจรู้สึกดี มึงคิดยังไง มึงพูดออกไปตรงๆ ยังดีกว่าไม่ได้พูดอะไรเลยนะเว้ย
ต่อจากนี้ก็ไม่รู้ว่ามึงกับน้องมันจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่
หรือบางทีอาจจะแทบไม่ได้เจอกันอีกเลยก็ได้..”
“...ขอบใจมากนะ..
อูจินอ่า”
“อืม..
สู้ๆ นะ เรื่องเป็นไงโทรบอกกูด้วย ^^”
อูจินใช้มือข้างที่วางพาดบ่าของจีฮุนยกขึ้นมายีหัวเพื่อนตัวเล็กกว่าเล่นเบาๆ
ก่อนจะยิ้มโชว์เขี้ยวน่ารักให้ดูเป็นครั้งสุดท้าย
โบกมือให้หนึ่งทีก่อนจะเดินออกจากห้องไป..
นั่นสินะ..
ถ้าเกิดไม่ลองดู แล้วจะรู้หรอ
“พี่จีฮุนครับ...”
“อ้าว..จินยองอ่า..แล้วนี่นาย..”
“ผมจะไปแล้วล่ะครับ
ผมมาลา”
“เฮ้..
ไหนบอกว่าพรุ่งนี้..”
“บังเอิญน้องสาวผมป่วยพอดีน่ะครับ
แม่งานยุ่งด้วย เลยอยากให้ไปช่วยดูแทนหน่อย”
“งั้นหรอ...
โชคดีแล้วกันนะจินยอง ขอให้น้องสาวนายหายไวๆ ก็แล้วกัน ติดต่อกันมาบ้างนะ”
“ฮ่าๆๆ ครับๆ.. โชคดีเช่นกันครับพี่จีฮุน”
“เดี๋ยว!..จินยองอ่า”
แต่ก่อนที่แพจินยองจะได้ปิดประตูลงไป
จีฮุนก็ได้ท้วงบางอย่สงขึ้นมาเสียก่อน
เล่นเอาหนุ่มหน้านิ่งเปิดประตูกลับเข้ามาใหม่แทบไม่ทัน
“อืม...
ไม่เห็นเลยนะครับมีอะไรหรอ”
“อ๋อ..เปล่าหรอก
ไม่มีอะไร นายไปเถอะเดี๋ยวจะมืดเอานะ”
“ครับ..
บายครับพี่จีฮุน”
รอยยิ้มหยีๆ
อย่างน่ารักของดีพดาร์กที่ช่วงหลังๆ
เขาได้เห็นมันบ่อยขึ้นต่างจากตอนแข่งในรายการอยู่มากโขเผยขึ้น
ตามด้วยการโบกมือลาเบาๆ ของจินยอง แล้วประตูจึงปิดลงเช่นเดิม...
จีฮุนทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม
เหม่อมองเพดานสีสะอาดอย่างเลื่อนลอย.. จู่ๆ
ก็วูบหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน.. มารู้ตัวเอาอีกทีฟ้าด้านนอกก็มืดแล้ว
รวมถึงหิมะก็เริ่มโปรยปรายอีกด้วย
ที่เตียงตรงข้ามมีร่างสูงของเด็กเรือนผมสีส้มแดงที่โกรกมาใหม่ตั้งแต่คัมแบคครั้งสุดท้ายนอนหลับอยู่..
ควานลินน่ะชอบนอนยิ่งกว่าอะไรดี ทำไมจีฮุนจะไม่รู้ แต่เขาก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน
ในใจคิดว่าอาจจะออกไปหาอะไรกินสักนิดหน่อย.. ว่าแล้วจึงย่องไปคว้าเสื้อคลุม
หมวกแก๊ป และแมสก์ปิดปากสีทึบมาสวมไว้ ก่อนจะค่อยเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ
โถงทางเดินระหว่างห้องเงียบเชียบกว่าปกติ..
ห้องทางซ้ายมือที่เป็นของฮยองไลน์ทั้งสามคนตอนนี้ไร้ซึ่งผู้อยู่อาศัยเหมือนเคย ..
เขาได้ยินแดเนียลคุยกับแจฮวานมาว่าเจ้าตัวกับซองอูจะย้ายออกในวันพรุ่งนี้ ส่วนคืนนี้จะออกไปเที่ยวรอบดึกกันเสียหน่อย อีกฟากหนึ่งเป็นห้องทางด้านขวามือ ตอนนี้ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เพราะทั้งแดฮวี
จินยองและซองอุนต่างแยกย้ายกันไปหมด
วันนี้ผู้พักอาศัยจากทุกห้องอาจจะมีเพียงแค่เขา แจฮวานที่ไม่รู้หายไปไหน
กับควานลินที่นอนหลับอยู่
“โย้ว!.. จีฮุนอ่า.. ไปไหนหรอ?”
“อ้าว..พี่แจฮวาน”
ไม่ทันไรร่างไม่เตี้ยไม่สูงของโวคอลเสียงดีคิมแจฮวานก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับกีต้าร์โปร่งคู่ใจที่เจ้าตัวสะพายมันมาด้วย
“ไปไหนมาหรอครับ?”
“ยังไม่ได้ออกไปไหนเลยน่ะ
เพิ่งรู้ตัวว่าลืมมือถือเลยกลับมาเอา
วันนี้มีนัดกับเพื่อนสมัยเรียนว่าจะลองไปตั้งวงเล่นๆ แถวฮงแดน่ะ..ไปด้วยกันไหม?”
“เอ่อ..มันจะไม่...”
“อ๋อ..เรื่องแฟนๆ
น่ะหรอ ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ .. พี่อยากจะชดเชยเวลาที่เสียไปดูบ้างน่ะ สองปีกว่าๆ
เลยนะที่ไม่ได้เล่นดนตรีสดกลางแจ้งเหมือนสมัยยังเรียนอยู่ คิดถึงจัง..
ไม่รู้ว่าจะเล่นได้ดีเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า วางกีต้าร์ไปนานเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ”
“งั้นหรอกหรอครับ
แต่ระดับพี่แจฮวานน่ะ โปรอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ... ผมกำลังจะออกไปหาอะไรกินอยู่พอดีเลยล่ะ”
“ดีเลยไปด้วยกันดิ
พี่ว่าจะแวะกินอะไรก่อนแล้วค่อยต่อรถไฟใต้ดิน”
ฝูงชนทั้งชายหญิง
เด็กและผู้ใหญ่ วัยรุ่นหรือคนแก่
นักเรียนหรือมนุษย์เงินเดือนต่างเดินกันขวักไขว่ไปมาดูแล้วน่าเวียนหัว
หลังจากฝากท้องที่ร้านข้าวต้มเล็กๆ เสร็จแล้ว
สองหนุ่มก็เดินออกมาจากตู้รถไฟใต้ดินที่นั่งมาได้ระยะหนึ่ง
ถึงแม้แจฮวานมีแผนจะเผยตัวตนต่อสาธารณะชนวันนี้ก็ตาม
แต่ทั้งเขาและจีฮุนก็จำเป็นต้องปิดบังใบหน้าไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหลที่อาจจะเกิดได้ทุกเมื่อ
สักพักสี่เท้าของคนสองคนก็เดินออกมาสู่ถนนในย่านพลุกพล่าน
แสงไฟที่ประดับประดารับเทศกาลใหญ่แห่งฤดูหนาวที่ใกล้จะเดินทางมาถึงเต็มทีดูละลานตาไปหมด
แทบจะทุกมุมมีเสียงต่างๆ ดังเซ็งแซ่
เสียงดนตรีอะคูสติกจากเหล่านักดนตรีที่ตั้งวงข้างๆ มุมตึก
ท่วงทำนองของไวโอลินของเด็กสาวม.ปลายที่ดังมาจากใต้ต้นซากุระไร้ใบ
เสียงร้องนุ่มทุ้มจากนักร้องหลากหลายคนที่ดังอยู่ตามจุดต่างๆ
ทำให้ย่านนี้เป็นย่านที่แทบไม่เคยเงียบเหงา
“ไปนั่งด้วยกันไหม?”
“ครับ...”
เดินตามมือกีต้าร์ไปสักพักก็พบเข้ากับผู้ชายอีกสองคนกับสาวน้อยอีกหนึ่งคน
แจฮวานโบกมือทักทายคนเหล่านั้นอย่างสนิทสนม แล้วเริ่มพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
กระทั่งจีฮุนรู้สึกได้ว่าตอนนี้เขาถูกดึงเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วยแล้ว
“
วอนยองอ่า..ดูสิพี่พาใครมาด้วย”
“ใครหรอคะ....
โอ๊ะ!!!!!.. หรือว่า..โอปป้า!!!!!!!!! กรี๊ดดดดดดดด!!!!”
“ชู่วววว..เบาๆ
สิ..”
จีฮุนตกใจมากที่จู่ๆ
เธอก็โผเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วปานลมกรด.. จะว่าไปแล้วเธอเป็นเด็กที่ชนะรายการ PD48 ล่าสุดนี่..
ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกล้าออกมาเดินเที่ยวเล่นแบบนี้โดยที่ไม่เกรงกลัวแรงคลั่งของแฟนคลับเลย
“หนูตามเชียร์โอปป้าตั้งแต่อีพีแรกๆ
เลยค่ะ..ทำท่าวิ้งค์ๆ ให้หนูดูหน่อยยยยย แบบนี้อ่ะ.. ฉันขอเก็บเธอไว้ในใจนะ
ชอจังงงง~~”
“ฮ่าๆๆๆ
^O^!”
ว่าแล้วจีฮุนก็บ้าจี้ด้วยสิ..
เขาถอดผ้าปิดปากออกแล้วเซอร์วิสคนตัวเล็กเสียหน่อย
เล่นเอาเจ้าหล่อนกระโดดโลดเต้นอย่างดี๊ด๊า
“งึ้ยยยยยย!!! กรี๊ดดด..น่าร๊ากกกกก~~.. พี่แจฮวานอ่ะ
ทำไมไม่พาพี่จีฮุนมาเจอหนูบ่อยๆ อ่ะ!!”
“นี่ให้มันน้อยๆ
หน่อยยัยกร๊วก พักเสียงก่อน -_-”
ผู้ชายอีกสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของแจฮวานจับโน่นเสียบนี่
ไขนั่น กดนี่กับคีย์บอร์ดและคาฮองอยู่สักประเดี๋ยว ก่อนจะพยักหน้าให้กันและกัน
เป็นสัญญาณพร้อมเริ่มเล่น เหล่าฝูงชนเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกันมามุงดูวงดนตรีที่เพิ่งเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
ไม่ต้องสงสัยคงเป็นเพราะคิมแจฮวานกับจองวอนยองด้วยกระมัง
“ทุกคนครับ..
คิมแจฮวานเองครับ สองปีที่ผ่านมาสำหรับวอนนาวัน ขอบคุณจริงๆ ครับ
วันนี้ผมกลับมาเป็นคิมแจฮวานคนเดิมแล้ว เลยอยากทำอะไรที่ไม่ได้ทำมานานสักหน่อย
แล้วนี่ก็จางวอนยองรุ่นน้องของผมเอง ยังไงก็ฝากติดตามเธอด้วยแล้วกันนะครับ เอาล่ะ
มาฟังเพลงไปด้วยกันนะครับทุกคน”
ยังไม่ทันที่แจฮวานจะได้ร้องออกไปเลยสักคำ
เสียงเชียร์สนั่นก็ดังขึ้นโดยพร้อมเพรียง หนุ่มหน้าใสรอจังหวะให้เสียงจากเหล่าฝูงชนเงียบลง
แล้วเริ่มจรดปลายนิ้วลงบนกีต้าร์โปร่งคู่ใจ ซึ่งดูเหมือนว่าเพลงแรกนั้นเด็กสาวตัวน้อยจะยังไม่ถึงคิวโชว์ของเธอ
좋아해 그 한마디 하지 못한 말
‘ผมชอบคุณนะ’ นั่นแหละ
มันคือคำพูดที่ผมไม่กล้าเอ่ย
돌아보면 넌
ถ้าผมเลือกที่จะหันหลังกลับไป ..คุณล่ะ
혹시 날 기다렸을까?
ยังจะรอผมคนนี้อยู่ไหม?
.
.
บางคนเริ่มควักมือถือขึ้นมากดอัดวีดีโอบ้าง
บางคนก็เริ่มถ่ายรูปบ้าง บางคนก็ถึงกับแพร่ภาพสดกันให้จ้าละหวั่น ..ทว่าหลังจากจบท่อนแรกแล้วแจฮวานก็หยุดร้องไปดื้อๆ
ทำเอาผู้ชมหลายคนเริ่มตกอยู่ในความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แถมคนตีคาฮองก็พาลหยุดตีไปด้วยอีก
แต่แล้วทุกอย่างก็กระจ่างชัดเมื่อเกิดเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา
내 기억 속 난 항상 너의 뒤
เท่าที่ผมจำได้ ในความทรงจำของผม
ผมอยู่ข้างหลังคุณมาโดยตลอด
등을 덮었던 머릿결은 참 예뻤지
ไรผมสยายสวยที่ปกคลุมไปทั้งหลังของคุณ
มันช่างสวยเหลือเกิน
주위에는 같은 교복 다른
ในหมู่นักเรียนที่ใส่ชุดเหมือนกันอย่างกับแกะ
학교 친구들 가득했지만 단번에 널 찾았지
แต่ผมกลับมองหาคุณเจอได้เพียงแค่ในชั่วแวบเดียวเอง
.
.
มันเป็นท่อนแร็ปที่ถูกร้องด้วยน้ำเสียงคุ้นหูของใครคนหนึ่งซึ่งจีฮุนก็ถึงบางอ้อในทันทีที่เจ้าตัวปรากฏตัวขึ้น
แม้ว่าภายใต้แมสก์สีดำกับหมวกแก๊ปสีเดียวกับแมสก์จะบดบังใบหน้าไว้เก็บทั้งหมด
แต่จีฮุนรู้ว่าแร็ปเปอร์นิรนามคนนี้คือใคร
..สองตาคู่นั้นมองสบเข้ามาที่ตัวของจีฮุนดุจต้องการจะบอกอะไรบางอย่างผ่านท่วงทำนองของบทเพลงนี้
.
.
너는 매일 나에게 설렘을 주네
คุณทำให้ผมน่ะ
ใจสั่นอยู่ได้ทุกวี่ทุกวันเลยนะ
오늘은 너의 이름을 불러 보고 싶은데
วันนี้ผมอยากลองเรียกชื่อของคุณออกไปจัง
용기가 없었던 그 시절의 내가 미워지네
แต่ผมก็ไม่มีความกล้าเอาเสียเลย
ผมล่ะเกลียดตัวเองเสียจริง
.
.
“แกเสียงนี้มันคุ้นมากเลยนะว่าไหม..”
“ใช่ๆ.. แต่ขอฉันนึกก่อนนะว่าใคร..”
เริ่มมีเสียงซุบซิบไปในทางคาดเดาบุคคลปริศนาที่ยืนถือไมค์ลอยแร็ปไฟลุกอยู่
ณ ขณะนี้ ทว่าเขาไม่ได้ชายตามองใครเลยนอกจากจีฮุน
ความรู้สึกแบบนี้อย่างกับสาวมัธยมโดนร้องเพลงจีบก็ไม่ปาน ..
คิดเองหน้าก็ร้อนฉ่าขึ้นมาเองเสียดื้อๆ
정말 많이 보곤 했어 널 칠판보다
อันที่จริงอ่ะ
ผมชอบแอบมองคุณมากกว่ามองกระดานดำเสียอีกนะ
나를 웃게 해줬지 어떤 칭찬보다
คุณทำให้ผมยิ้มได้มากกว่าคำชมอื่นๆ
ด้วยซ้ำไป
다정하게 앉아 있는 너의 뒷모습
ภาพของคุณที่นั่งหันหลังอยู่ตรงนั้น
만 지켜봐도 요란하게 쿵쾅 되는 가슴
ทำให้ใจเต้นแรงได้ยิ่งกว่าอะไรดี
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ... พี่จีฮุน..”
“หืม?”
เขาใช่ฝ่ามือลูบเรือนผมสีดำสนิทของควานลินเบาๆ อย่างเอ็นดู
ทำให้หนุ่มไต้หวันที่นั่งหน้าเครียดขรึมอยู่คนเดียวกับหน้าจอมือถือ ฉีกยิ้มออกมาอ่อนๆ..
เจ้าตัวสูงพูดต่อด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจอย่างเห็นได้ชัด
“บางทีผมก็สงสัยนะ.. ว่ามันฟลุคหรือเปล่า
หรือเพราะแค่ผมหน้าตาดีก็มาถึงจุดนี้ได้ง่ายๆ---”
“ควานลินอ่า.. ทำไมนายต้องมานั่งเสพข่าวอะไรไร้สาระพวกนี้ด้วยวะ?”
“ก็มัน...”
“รู้ไหม มีคนรักก็ต้องมีคนไม่ชอบเป็นธรรมดา
นายจะเอาคำพูดของคนพวกนี้ไม่กี่คนมาตัดสินชีวิตนายลบๆ ทำไม”
จีฮุนที่คว้าโทรศัพท์ในมือของควานลินขึ้นมาดูจึงได้รู้ว่าเด็กคิดมากคนนี้กำลังนั่งอ่านกระทู้ของเหล่ากลุ่มคนที่ต่อต้านอยู่
..จริงอยู่ที่เนื้อหามันค่อนข้างทำให้เกิดความเครียดและน้อยใจน่าดู..
‘ท่อนร้องก็ร้องแค่นี้ ไม่ต้องร้องดีกว่ามั้ง
เปลืองท่อน’
‘หรือเพราะภาษายังอ่อนอยู่นะ หุหุ ให้ตายเถอะเป็นเมนแร็ปซะเปล่า
จีฮุนโอปป้าของฉันยังได้ท่อนมากกว่าเลยด้วยซ้ำ นี่ขนาดเป็นแค่แร็ปเสริมนะเนี่ย’
‘ก็แค่เด็กหน้าตาดีจากค่ายใหญ่ๆ นี่ถ้าเอาอึยอุง หรือเซอุนมาอุดรอยรั่ว
วอนนาวันต้องสมบูรณ์แบบกว่านี้เป็นไหนๆ’
“ผมก็แค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าผมพยายามแล้ว
แต่มันได้แค่นี้จริงๆ.. ผมเหนื่อยมากนะ”
“แค่นี้ที่ว่า มันเกินพอแล้วล่ะ.. ถึงพวกเขาจะไม่รู้ แต่พวกเรารู้..
พี่ก็รู้ ว่านายเหนื่อยมากมากขนาดไหน ทีหลังนะ
เอาไว้เรามานั่งช่วยกันแต่งแร็ปเอาไปร้องให้คนพวกนั้นฟังจนเงิบไปเลยดีไหม!?”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!!”
“หัวเราะแล้ว~ ไม่ต้องเครียดนะ.. ^^”
“ขอบคุณมากครับ.. พี่ต้องคอยดูผมนะ
วันนั้นผมจะเป็นแร็ปเปอร์ที่ดังแล้วก็หล่อมากๆ ให้พี่ดูให้ได้เลย!!!
>O<”
“ฮ่าๆๆ.. โอเคเลย พี่จะรอดูนายนะเว้ย พยายามเข้าล่ะ”
.
.
매일 같이 너에게 하고 싶었던 말
มันก็เหมือนกับทุกๆ วัน ..
คำที่ผมอยากบอกกับคุณ
상상이상으로 너를 사랑해 정말
ว่าผมน่ะ รักคุณได้มากกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้โขเลยล่ะ
“แก!..ควานลิน วอนนาวันนี่นา!!!”
“จริงหรอเนี่ย!!!!!”
บรรยากาศเริ่มวุ่นวายขึ้นเมื่อเหล่าบรรดาผู้ชมผู้ฟังเริ่มจับได้ว่าภายใต้แผ่นปกปิดหน้าสีทึบนี้เป็นมักเน่ของวงบอยแบนด์ชื่อดัง
จีฮุนที่กำลังยืนนิ่งอึ้งอยู่นั้นมารู้ตัวอีกทีก็ถูกฝ่ามือของเด็กตัวสวยฉวยเข้าให้แล้วพาวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นทันที
พัคจีฮุนยังตกใจไม่หายกับสิ่งที่เด็กตัวสูงคนนี้ทำกับเขา
กระทั่งทะลวงผ่านฝูงชนอลหม่านออกมาได้.. แจฮวานยังคงร้องเพลงต่อไป
อาจเป็นเพราะหมดท่อนแร็ปแล้วควานลินจึงปลีกตัวออกมาได้โดยไม่ทำให้วงต้องล่ม
“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย!!..
เมื่อกี้ยังนอนอยู่เลยนี่”
เจ้าตัวสูงไม่ตอบ หนำซ้ำยังดึงแมสก์ออกขยิบตาแล้วแลบลิ้นแบบเด็กๆ
ให้จีฮุนหนึ่งทีอีกต่างหาก
“ผมเท่ป่าวเมื่อกี้ คิกๆๆ ก็ที่บอกว่าจะร้องให้ฟังไง
จำไม่ได้หรอ ว่าผมจะเป็นแร็ปเปอร์ที่เก่งและหล่อที่สุดในโลก~~ ^^”
“คร้าบบบบ.. เก่งมากเลยคร้าบ หล่อมากที่สุดด้วยคร้าบ -_-”
ด้วยความหมั่นเขี้ยวและเอ็นดูสุดๆ
จีฮุนไม่ร้ว่าเข้าเผลอตัวใช้มือดึงแก้มขาวเนียนสองข้างนั่นให้ยืดไปมาเล่นๆ
เป็นโมจิได้ตั้งแต่ตอนไหน มารู้ตัวอีกทีก็ต้องรีบลดมือลงอย่าวขวยเขินทันที
ทว่าท่าทีของเด็กตรงหน้ากลับดูจะชอบใจกว่าที่คาดไว้ เพราะเสียงทุ้มนุ่มเกินวัยนั่นพ่นหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าจีฮุนเริ่มหน้าแดงก่ำขึ้นมา
“แล้ว... จะย้ายออกวันไหนหรอ?”
“พรุ่งนี้ครับ...พี่ล่ะ?”
“เหมือนกัน... ควานลินอ่า”
“ครับ?”
ตึกตัก..ตึกตัก..
ใจของคนหน้าหวานตอนนี้มันเต้นดังแข่งกับเสียงดนตรีที่ดังอยู่รอบๆ
จนเจ้าตัวได้ยินมันชัดเจน
เสียงของพัคอูจินยังคงตามหลอกหลอนจีฮุนอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ตรงหน้าควานลิน..
เขาควรจะทำแบบนั้นจริงๆ หรอ..
ในใจมันทั้งประหม่าและกลัวไปหมด
แล้วถ้าเกิดพูดไปแล้วเด็กคนนี้รังเกียจขึ้นมาล่ะ
หรืออาจจะไม่คุยกับเขาไปอีกตลอดเลยก็ได้..
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เอ่อ...คือ...”
ยิ่งคู่ตาใสแป๋วนั่นฉายแววความสงสัยออกมาด้วยแล้ว
มันจึงทำให้ทุกถ้อยพยางค์ที่กำลังจะหลุดออกมาของจีฮุนยิ่งฟังดูไม่ได้ศัพท์ขึ้นมาอีกเสียด้วยซ้ำ
“จะทำอะไรก็รีบทำนะมึง.. ถ้ากูเป็นมึง
กูอาจจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย..”
มันไม่ง่าย..ไม่ง่ายเลยว่ะอูจิน..
บางที..
บางเรื่องการที่ไม่พูดออกมาเลยมันคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า..
“ไม่มีอะไรหรอก.. กลับห้องกันเหอะเนอะ
วันนี้เรามานอนคุยกันให้ชุ่มไปเลยดีกว่า ^^”
ร่างเล็กกว่ารีบตัดบทแล้วยิ้มแห้งๆ ให้เด็กตัวสูง เขารีบสาวเท้าผ่านตัวของควานลินไปอย่างรวดเร็ว
เพราะตอนนี้เขาไม่ต้องการให้เด็กคนนี้เห็นสีหน้าของเขา
ที่ถูกสิ่งที่เรียกว่าความกดดันและประหม่าเล่นงานจนย่ำแย่
ใช่...
รักไม่จำเป็นต้องได้ครอบครอง..
ใช่...
รักไม่จำเป็นต้องได้เป็นเจ้าของ..
ใช่...
แม้ว่ารักจะเกิดจากการหมายปอง
..แต่การได้เป็นฝ่ายมอง
อีกคนมีความสุข นั่นแหละคือรัก..
“เดี๋ยวก่อนครับ...”
ข้อมือของจีฮุนถูกเกาะกุมด้วยฝ่ามือเย็นเฉียบของคนเสียงทุ้มก่อนที่จะได้ก้าวเท้าออกไปอีก..
ควานลินฉงนในใจหน่อยๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวของรุ่นพี่ของเขาคนนี้สั่นหน่อยๆ
“พี่..ร้องไห้หรอครับ?”
“ฮะ!?..เปล่า..เปล่านี่! อากาศใันเย็นเลยคัดจมูกก็แค่นั้น”
“หน้าแดงก่ำขนาดนี้ยังจะโกหกผมอีกหรอครับ”
เขาถูกจับได้เสียแล้ว..
“พี่เป็นอะไรหรอครับ..บอกผมได้นะ..”
“ไม่มี..ไม่มีจริงๆ...”
ฟุบ!!
จีฮุนได้ตั้งก้มหน้าร้องห่มร้องไห้ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าควานลินตั้งท่าจะดึงตัวเขาเข้ามาในอ้อมแขนอยู่
มารู้สึกตัวอีกทีหน้าของเขาก็เข้าไปซุกอยู่ในอ้อมอกอุ่นๆ ของเด็กตัวสูงแล้ว...
“ดีขึ้นไหมครับ?...
จำได้มั้ยเมื่อสองปีก่อน ตอนที่ผมนั่งท้ออยู่คนเดียวในห้องน้ำพี่ก็เข้ามากอดผมแบบนี้”
“ฮึกกก.. พี่เหนื่อย..พี่ไม่อยากวิ่งตามอีกแล้ว ฮึกกก”
“ครับ?.....”
“พี่ไม่อยากวิ่งตามนายอีกแล้ว..!!!!”
ดวงหน้าหวานฉ่ำของคนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมามองเขาทั้งคราบน้ำตายังคงชุ่มหน้า
ควานลินทำได้เพียงแค่มองผู้ชายตรงหน้านิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไป..
“พี่รู้ ฮึกก รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
และมันไม่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ..แต่ ..แต่มันยากเหลือเกิน บอกมาดิ
ว่าทำไมนายต้องทำให้พี่เป็นแบบนี้ด้วย!! นายทำให้พี่รักนาย
ชอบนายได้มากขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่ายังไงเราก็ต้องจากกัน มันตลกหรอไลควานลิน!!”
“ผม...”
จีฮุนเห็นได้ว่าแววตาแป๋วแหววคู่นั้นสั่นไหวหน่อยๆ
เจ้าตัวเผยสีหน้าเศร้าสร้อยออกมาพลางหลบหน้าหลบตาของจีฮุนอย่างเห็นได้ชัด
ปากเป็นกระจับนั่นเม้มเข้าหากันอย่างครุ่นคิดและตัดสินใจ
ก่อนที่เด็กคนนี้จะทำบางสิ่งที่จีฮุนไม่คาดคิดขึ้นมา
ท่อนแขนแข็งแรงของคนอายุน้อยกว่ารั้งตัวเขาขึ้นแล้วประกบริมฝีปากสีสวยเข้ามาที่ริมฝีปากบางของจีฮุนทันที
วิถีของอวัยวะรับรสขยับเขยื้อนเคลื่อนไปทั่วแทบทุกอณูของช่องปาก
สักพักจีฮุนรู้สึกได้ว่าเขากำลังขาดอากาศจากการกลั้นหายใจอันยาวนานนี้เต็มทนจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายผละตัวออกจากคนตัวสูงเอง
“ผม.. แฮกก.. ผมขอโทษ..”
“หึๆ.. ฮ่าๆ.. ไม่ยุติธรรมเลย เห็นไหม..” ร่างบางแคล่นหัวเราะอย่างน้อยอกน้อยใจ
“ทำไมจะไม่ยุติธรรม!!”
“ควาน..ลินอ่า...”
“ผมไม่รู้ว่าผมไปทำให้พี่รักตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ ผมไม่รู้ ไม่เคยรู้เลย”
เด็กตัวสูงก้มหน้าก้มตาพูดกับพื้นดินอยู่อย่างนั้น
เสียสะอื้นค่อยๆ
เล็ดลอดผ่านไรฟันออกมาจนคนตรงหน้าได้ยินชัดเจน ..ไม่อยากร้องไห้เลยจริงๆ
เขาเคยตั้งใจว่าจะจากลากับพัคจีฮุนด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกรักและผูกพันกับเจ้าตัวที่ล้นปรี่
ทว่ามันพังเสียแล้ว แผนนั้น.. เพราะการบอกลาที่ว่านั้น เมื่อมันมาถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้..
ทำไม่ได้จริงๆ..
“ฮึก...แต่พี่..
พี่ทำให้ผมรู้สึกดีมากได้ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เราพบกัน จนผมได้รู้ว่า..ผมน่ะ
ต้องทำใจไม่ได้แน่ๆ ที่ต้องขาดพี่ไป ผมยังอยากเห็นรอยยิ้มของพี่
อยากคุยกับพี่แบบนี้ตลอดไป.. แบบนี้ไง ฮึกก.. ฮืออ..”
เป็นภาพที่จีฮุนแทบไม่เคยเห็น..
ภาพใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของไลควานลินกับเสียงทุ้มต่ำที่พูดออกมาแทบฟังไม่ได้ศัพท์เพราะความโศกเศร้าจนใจแทบขาดออกเป็นเสี่ยงๆ..
“ผมต้องทำยังไง..เราถึงจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก
ผมต้องทำยังไง พี่ถึงจะได้อยู่ข้างๆ ผมแบบนี้ตลอดไป ฮึกก..”
ท่ามกลางละอองสีขาวที่โปรยปรายจากฟากฟ้า
ยังคงมีร่างของคนสองคนยืนรับความอบอุ่นซึ่งกันและกันผ่านอ้อมกอดที่ต่างคนต่างก็ไม่อยากคิดถอนออก ..มันทั้งน่าดีใจ
น่าดีใจที่เขาทั้งคู่รู้ว่า
อย่างน้อยหัวใจของเขาทั้งสองก็เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน..
แต่ในขณะเดียวกัน
มันก็น่าเศร้าใจ..
น่าเศร้าใจที่
ทำให้คนสองคนมาเจอกัน เกิดความรู้สึกดีๆ แก่กันมากมายขนาดนี้
แต่กลับต้องจากกันไปอยู่ในจุดที่แม้แต่จะเอื้อมมือแตะหากันยังทำได้ยาก.
“เราต่างมีหน้าที่ของเรา.. ควานลิน.. พี่รู้ว่ามันยาก..
และมันก็ยากสำหรับพี่ด้วย”
“ถ้ารู้ว่าต้องได้เจอกับพี่..
ผมยอมเป็นเด็กผู้ชายไต้หวันธรรมดาคนหนึ่ง..
ที่มีดีแค่หน้าตากับภาษาเกาหลีที่พอถูไถ ชื่อว่าไลควานลิน.. ดีกว่าเป็นควานลิน วอนนาวัน
แร็ปเปอร์ไอดอลที่มีแต่คนรู้จัก.. แต่ต้องมารู้สึกอะไรบ้าๆแบบนี้”
“แต่พี่รู้สึกขอบคุณชื่อนี้มากกว่านะ..” จีฮุนพยายามกลั้นก้อนสะอื้นแล้วฝืนยิ้มน่ารักให้มักเน่น้อย..
“เพราะอย่างน้อย.. พัคจีฮุน เด็กตัวอ้วนๆ คนหนึ่ง
ที่หน้าตาไม่ได้โดดเด่นหรือเตะตาใครเลยในตอนนั้น.. การได้กลายมาเป็นจีฮุน วอนนาวันในวันนี้
ทำให้พี่ได้เจอคนที่สุดแสนวิเศษ.. เช่นนายไงควานลิน...”
จีฮุนพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม้ในใจมันจะชอกช้ำเหลือเกิน.. ควานลินสูดหายใจหนึ่งครั้งคลี่ยิ้มอ่อนๆ
ให้รุ่นพี่หนึ่งทีก่อนจะยกแขนอ้อมไปปลดสร้อยคอที่คล้องแหวนวงเล็กๆ ออกมาจากคอระหงส์
คว้ามือขาวของจีฮุนมากุมไว้แล้วค่อยหย่อนสายสร้อยเส้นที่ว่าลงบนฝ่ามือเย็นเฉียบของคนตัวเล็กกว่า..
“.. มันเป็นสร้อยที่ผมซื้อมาตั้งแต่ยังอยู่ไทเป
มันโตมาพร้อมผม”
“ควานลินอ่า..”
“เก็บมันไว้นะครับ.. ผมแทบไม่เคยถอดมันออกจากคอเลย.. ผมอยากให้พี่เก็บมันไว้นะ”
เจ้าของสร้อยกระชับฝ่ามือให้แน่นมากขึ้นไปอีก พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำลง..
เกิดเสียงตอบรับจากคนหน้าหวานพร้อมส่งมอบสายตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความผูกพันแก่เด็กตัวสูง
“อืม... ตลอดไป.. พี่..รักนายนะควานลิน”
“ผมก็รักพี่ครับ พี่จีฮุน.. ขอบคุณนะครับ ที่เป็นจีฮุน วอนนาวัน
ขอบคุณ..ที่ทำให้ผมรักได้มากขนาดนี้..”
ขอบคุณนะ..
ขอบคุณจริงๆ สำหรับทุกอย่างเลย
เสียงกรี๊ดกร๊าดมากมายท่ามกลางแสงของป้ายไฟหลายป้ายหลากสีที่พร้อมใจกันโบกให้ไหวไปมาอย่างเป็นจังหวะจะโคน
ทันทีที่เอ็มซีสาวเลื่อนไมค์สัมภาษณ์ไปทางพัคจีฮุน.. อีกไม่นานเขากำลังจะได้เดบิวต์ในวงบอยแบนด์วงหนึ่งของค่ายแล้ว..
หลังจากที่หยุดงานจากวอนนาวันมาเกือบครึ่งปี..
“จีฮุนคะ แฟนคลับส่วนใหญ่ของจีฮุนมักจำภาพของจีฮุนในรูปแบบของผู้ชายมุ้งมิ้งและน่ารักอยู่ตลอดเวลา..
เลยอยากถามว่า นี่คือนิสัยส่วนตัวจริงๆ ของจีฮุนเลยหรือเปล่าคะเนี่ย”
“อ่า.. ไม่นี่ครับ ผมทำตัวน่ารักตลอดเวลาเลยหรอ ฮ่าๆๆๆ”
จีฮุนหัวเราะอย่างเก้อเขินพลางตอบคำถามไปด้วย เรียกเสียงเชียร์จากเหล่าแฟนคลับหลากหลายกระจุกที่นั่งอยู่ตรงแถวเก้าอี้ด้านล่างของเวที..
งานแฟนมีตติ้งครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อแฟนคลับของเขาโดยเฉพาะ ดังนั้นจีฮุนเลยรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ต้องมานั่งให้สัมภาษณ์คนเดียวไม่เหมือนกับที่ผ่านมา
ซึ่งมีทั้งเหล่าฮยองไลน์และรุ่นน้องรายล้อม
“บ้าน่า~.. ความจริงน่ะ
ผมแมนจะตายยยยย!!!! >O<”
จีฮุนถกแขนเสื้อขึ้นหน่อยๆ แล้วทำท่าเบ่งกล้ามที่ไม่ค่อยจะมีของตัวเองออกอย่างกวนๆ
แล้วขำอย่างน่ารัก เรียกเสียงหัวเราะให้กับความขี้เล่นของเจ้าตัวจากแฟนคลับได้อีกรอบหนึ่ง..
“เอาล่ะค่ะ มาถึงช่วงนี้เรามีเซอร์ไพรส์เล็กๆ
จากหนุ่มน่ารักที่สุดแสนจะมาดแมนขวัญใจทุกคนคนนี้ มาให้ทุกคนในที่นี้ร่วมสนุกกันด้วยล่ะค่า~... กติกาก็คือ ในโหลแก้วที่ดิฉันถืออยู่นี้
จะมีหมายเลขที่นั่งของทุกคนอยู่นะคะ จะมีผู้โชคดีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ได้ขึ้นมาบนเวทีแล้วถามเรื่องอะไรจากจีฮุนก็ได้คนละหนึ่งคำถามค่า~.. งั้นมาเริ่มกันเลยนะค๊า.. ^O^”
คนหน้าหวานแสร้งหลับตาแล้วล้วงใบกระดาษม้วนสีพาสเทลขึ้นมาหนึ่งชิ้น
คลี่ออกดูแล้วยื่นให้พิธีกรสาวสวย..
“หมายเลข 11 ค่ะ
ที่นั่งหมายเลขสิบเอ็ดค่า~~”
คนแรกเป็นสาวแว่นที่ดูเธอน่าจะตื่นเต้นไม่เบาที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษนี้..
ไมค์ลอยจากมือพิธีกรถูกส่งให้เธอ .. เจ้าหล่อนมองจีฮุนหน่อยๆ
ก่อนจะก้มลงพูดใส่ไมค์อย่างขวยเขิน
“จีฮุนโอปป้า..วันนี้..เอ่อ..วันนี้
ใส่กางเกงในสีอะไรหรอคะ????”
“...สีชมพูอ่อนครับ!!! ^O^”
เสียงหัวเราะรั่วเกิดขึ้นไปทั่วทุกอาณาบริเวณจากคำตอบของหนุ่มสุดคิ้วท์ที่บอกถึงรสนิยมทางแฟชั่นของตัวเองที่เปิ่นเกินใคร..
กระทั่งผู้โชคดีหมายเลขต่อมา ซึ่งเป็นผู้โชคดีหมายเลข 130 ขึ้นมา
เธอเป็นนักเรียนหญิงในชุดนักเรียนจากโรงเรียนเดียวกับเขาในตอนที่กำลังเรียนม.ปลายอยู่พอดี..
“หนูขอเรียกโอปป้าว่าซอนเบได้ไหมคะ?”
“แน่นอนครับ ฮูเบ ^O^”
“....คือ.. คือ อยากถามว่า.. ตอนที่ซอนเบเรียนอยู่ที่ SOPA เรื่องไหนที่ทำให้ซอนเบอายที่สุดตอนเรียนอยู่คะ”
“เอ่อ... ตอนม.ปลายปีหนึ่ง ซอนเบเคยเข้าห้องน้ำไม่ทันครับ..
เพราะประตูห้องมันฝืดเลยเลื่อนออกจากห้องไม่ทัน.. สรุปแล้วคนถูห้องในวันนั้น
ไม่ใช่เวรแต่เป็นซอนเบแทนครับ..”
อีกครั้งที่เสียงหัวเราะร่วนดังสนั่นลั่นระงมไปทั่ว ให้กับความเป็นกันเองและน่ารักน่าหยิกของพัคจีฮุน..
กระทั่งฉลากใบสุดท้ายถูกจับขึ้นมา..
หญิงสาวในชุดเดรสสีขาวลายลูกไม้เดินขึ้นเวทีมาอย่างยิ้มแย้ม.. เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าจีฮุนแล้วยื่นหมวกกระต่ายขนมิ้งซึ่งห่อนด้วยพลาสติกใสที่เธอถือมันขึ้นมาด้วยให้แก่เขา..
“รับไว้ได้ไหมคะจีฮุน.. พี่เป็นแฟนคลับเราตั้งแต่ PD101
แล้วค่ะ ^^”
“ว้าวววว~.. น่ารักมากเลยครับ ขอบคุณจริงๆ ครับ
ขอบคุณมากเลย”
“ดีจังเลยค่ะ
ที่จีฮุนชอบ”
พัคจีฮุนสนองความต้องการของแฟนคลับรุ่นพี่แสนสวยคนนี้ด้วยการแกะซองพลาสติกออกแล้วนำเจ้ากระต่ายน้อยขนนุ่มขึ้นมาสวมบนหัวไว้
เล่นเอาสาวเจ้าเขินตัวบิดหุบยิ้มไม่ได้เลยทีเดียว..
ไมโครโฟนถูกยื่นให้เจ้าหล่อนโดยพิธีกรสาว ก่อนที่เธอจะถามบางสิ่งขึ้น ที่เล่นเอาจีฮุนนิ่งไปชั่วขณะ
ก่อนจะระบายยิ้มอ่อนๆ ออกมา..
“พี่ตามจีฮุนไปแทบทุกงานที่มีเวลาเลยค่ะ..
หรือกระทั่งทุกรูปพี่ก็เห็นตลอดเลย ..สร้อยคล้องแหวนที่คอเส้นคงเป็นของจีฮุนเองสินะคะ..
ตอนแรกคิดว่าเป็นของสไตล์ลิสแต่พอเห็นจีฮุนใส่มันตลอดเลย
พี่เลยคาดว่าน่าจะเป็นของเรา.. พี่อยากรู้ว่าทำไมใส่มันตลอดเลยล่ะคะ
มันมีความสำคัญยังไงกับจีฮุนหรอ?”
ผู้ตอบยังไม่เอ่ยปากแต่อย่างใด..
แต่ระบายยิ้มอบอุ่นให้สาวเจ้า แล้วควักสร้อยออกมาจากด้านในของเสื้อ
ส่งมอบแววตาเปล่งประกายที่เปี่ยมล้นไปด้วยความโหยหาและคิดถึงเจ้าของเดิมของมัน..
“มันเป็น..ของที่ผมได้มาจากคนสำคัญน่ะครับ..”
เสียงฮือฮาของแฟนคลับทางด้านล่างค่อยๆ
ดังขึ้น เมื่อหนุ่มหน้าหวานขวัญใจของพวกเขาพูดสิ่งที่ชวนให้ใจเต้นแรงออกมา.. มือขาวยังคงเล่นกับวงแหวนสีเงินที่ห้อยอยู่ตรงกลางของสายสร้อยตลอดเวลาที่พูดออกไมโครไฟนไป
“ว้าววววววว...
นี่ดิฉันไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะเนี่ยว่าจีฮุนจะ...”
“ยังหรอกครับ..
ผมไม่อยากเรียกเขาว่าแฟนหรือคนรักอะไรเทือกนั้น.. เขา.. ทำให้ผมได้โตขึ้น
ทำให้ผมมีกำลังใจในการเป็นวอนนาวัน ทำให้ผมมีแรงผลักดันในหลายๆ เรื่อง ในความคิดของผมแล้ว..เขาเป็นยิ่งกว่าแฟนหรือคนรักอีกครับ..”
“หูวววว..
ดิฉันอยากรู้จังค่ะว่าเขาคนนั้นเป็นใครกันน๊า~”
“บอกไม่ได้หรอกครับ..
พูดได้แค่ว่า..ผมกับเขาจะว่าอยู่ใกล้ มันก็ใกล้แต่จะว่าไกล มันก็ไกลเหลือเกินครับ..
แต่ผม ก็มีความสุขที่ได้มองเขาอยู่จากที่ตรงนี้ และผมก็หวังว่าเขา..
จะมีความสุขที่ได้มองผมจากที่ตรงนั้นเหมือนกัน..”
บรรยากาศรอบๆ
ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ แฟนคลับหลายๆ
คนถึงกับเผลอเผยยิ้มอิ่มใจออกมาให้กับคำพูดของจีฮุน
เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้มาจากสคริปต์ใดๆ
มันไม่ได้มาจากการเสแสร้งแกล้งปั้นคำพูดของผู้ชายคนนี้
หากแต่ว่ามันมาจากก้นบึ้งหัวใจลึกๆ ที่พวกเขารับรู้มันได้ด้วย
แววตาและน้ำเสียงอันเปี่ยมสุขของคนที่พวกเขาปลาบปลื้มคนนี้..
“ถ้าเขาอยู่ตรงนี้กับจีฮุน
จีฮุนอยากจะบอกอะไรเขาไหมคะ?”
“...ครับ...
ผมอยากบอกเขาว่า แม้เราจะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แม้เราจะทำได้แค่คุยกันผ่านแชทหรือเสียงทางมือถือ
แต่ผม.. ผมคิดถึงเขาทุกเวลา เขายังอยู่ข้างๆ ผมเสมอ
..พัคจีฮุนได้เป็นพัคจีฮุนในวันนี้.. ก็เพราะเขาครับ”
เพราะนาย.. ควานลิน..
เพราะนาย..
พี่ถึงได้รู้จัก..
คำว่ารัก..
ขอบคุณนะ..
Wanna
One’s Jihoon