“ซี๊ดดดดด.. โอ๊ยย..”
ร่างบางของหนุ่มม.ปลายแก้มกลมร้องโอดโอยมาตลอดทางเดินที่จะมาถึงคอนโด
จนในที่สุดเขาก็สามารถหอบสังขารที่ร่อแร่ของตัวเองที่สะบักสะบอมจากการชกต่อยกับคู่อริมาจนถึงห้องจนได้
แก้มขาวเนียนที่เคยอมชมพูเล็กๆ ตอนนี้มันช้ำบวมเป่งเป็นสีม่วงอมเขียว
ส่วนขอบริมฝีปากมีเลือดไหลออกมาหน่อยๆ เขาได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วปากของตัวเองจนเวียนหัวไปหมดแล้ว
พัคจีฮุนสอดคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูเข้ามาในห้องกว้าง
เหวี่ยงกระเป๋านักเรียนอันเต็มไปด้วยสิ่งของไร้สาระจำพวกหนังสือการ์ตูน
เศษกระดาษวาดรูปเล่นแก้เบื่อ หูฟัง หมากฝรั่ง และขยะอีกมากมายสิ่งสถิตอยู่ในนั้นลงบนพื้นห้องอย่างไร้ระเบียบ
เสื้อคลุมนักเรียนสีเทาที่ยับยู่ยี่ไม่มีชิ้นดีซ้ำยังมอมแมมอีกต่างหากก็มีชะตากรรมเดียวกับกระเป๋าหนังสือคือถูกถอดแล้วเหวี่ยงไปพาดบนเก้าอี้โซฟาอย่างรวดเร็ว..
เจ้าตัวล้มตัวนอนลงบนเตียงหนานุ่มอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
อย่างน้อยก็ขอให้ได้งีบสักเดี๋ยวแล้วค่อยลุกขึ้นมาหายาทาก็เป็นความคิดที่ไม่แย่เท่าไรนัก
Rrrrrrrrrrr....
“งื้มมม.. ใครวะ?”
หนุ่มแก้มกลมตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียเนื่องด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นเพื่อเตือนให้รู้ว่ามีผู้ที่ต้องการติดต่อเขาในตอนนี้
เบอร์บนหน้าจอโชว์ขึ้นมาว่าเป็นพี่ชายต่างพ่อของเขาเอง..
“ว่าไงพี่?”
<เสียงแปลกๆ
เป็นห่าอะไรวะ>
“ก็มีเรื่องนิดหน่อย”
<หรออออ~ นิดหน่อยของมึงนี่รอบล่าสุดก็เดือดร้อนกูไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มมึงนี่>
“ถ้าจะโทรมาเพื่อมาเทศน์ผม
ผมวางนะพี่แจฮวาน”
<เฮ้ย!! อย่าเพิ่ง...>
“อะไรอีกเล่า!.. รีบๆ พูดมาดิ”
<แค่จะโทรมาบอกว่า
แม่หักค่าขนมมึง>
“ก็แค่นั้น..... เฮ้ย!!!
เหวเหอะ ค่าขนมผมเนี่ยนะ!!??.. ซี๊ดด อู้ยยยย”
พัคจีฮุนตกใจสะดุ้งตัวโก่งเมื่อทราบข่าวร้ายที่ยิ่งกว่าโลกจะแตกจากปากพี่ชาย
จนเผลอตัวลืมไปว่าเขาไม่สามารถออกอาการทางสีหน้าได้มากเท่าปกติเนื่องจากรอยฟกช้ำดำเขียว
หลายครั้งแล้วที่เขามักไปมีเรื่องบ่อยๆ
จนแม่ของเขาต้องบินจากโอซาก้ามาเคลียร์ให้เป็นประจำ โดยเจ้าหล่อนมักเอาเรื่องค่าขนมของเขามาอ้างอยู่เสมอว่าถ้าเกิดเขาเองยังชอบไปชกต่อยกับใครอีก
เธอจะให้เขาไปทำงานพาร์ทไทม์เลี้ยงปากท้องตัวเองเสียให้เข็ด
แต่อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้นี่จะเป็นแค่การหักค่าขนมไม่ถึงกับงด แต่พัคจีฮุนน่ะอยู่ไม่ได้หรอก!! ไหนจะค่าการ์ตูน
ค่าเติมเกมที่ต้องถลุงจ่ายบ่อยยิ่งกว่าหนี้นอกระบบอีก เดือนละสองแสนวอนสำหรับเด็กม.ปลายคนอื่นๆ
อาจจะดูมากโข
แต่สำหรับพัคจีฮุนขอแค่หายไปสักวอนเดียวจากทั้งหมดเขาก็แทบจะกระอักเลือดตายแล้ว
“เอ่อ..
คิมแจฮวานคุณพี่สุดที่รักคร้าบบบ”
<ไม่ต้องมาเสียงหวานใส่กูหรอก
โน่น.. มึงไปคุยกับแม่ดีกว่า>
“งื้ออออ อย่าพูดงั้นดิ
TTOTT”
<นี่..
ปีนี้มึงก็จะเอ็นแล้วนะ เลิกทำตัวเป็นเด็กสักทีได้ไหมวะจีฮุน พ่อกับแม่ไม่ได้มีเงินเลี้ยงมึงไปจนตายนะเว้ย>
“โว๊ะ! พูดอยู่ได้ ถ้าแค่ค่าขนมทำให้ผมไม่ได้ ก็วางละนะ”
<เดี๋ยวดิ จีฮุน
เฮ้ย!! พัคจีฮุน!!---->
มือขาวเรียวกดวางสายผู้เป็นพี่ชายไปดื้อๆ เพราะความหงุดหงิด
จีฮุนลุกขึ้นนั่งมองนาฬิกาเรือนดำที่หัวเตียงบอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหม่นตัดสินใจลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเตรียมชำระร่างกายแล้วค่อยมาทำแผลต่อ
ทว่าเพียงปลดกระดุมเสื้อนักเรียนไปได้แค่สองเม็ด เสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังขึ้นมาจากทางด้านนอกระเบียงห้องที่มีม่านสีสะอาดและประตูบานเลื่อนกระจกปิดไว้อีกชั้น
เสียงมันเหมือนกับมีบางสิ่งที่ตกลงมากระทบกับราวเหล็กด้านนอก
พัคจีฮุนสะดุ้งเฮือกแต่ก็พยายามดึงสติเอาไว้ เขาหยิบไม้เบสบอลทิ้งพิงอยู่ข้างๆ
ลิ้นชักขึ้นมาถือไว้อย่างไม่ได้เกรงกลัว เข้ามาเถอะ. ขอแค่เป็นคน พวกโจรย่องเบาพวกนี้คนอย่างจีฮุนจัดการมาแล้วนักต่อนัก..
“ออกมานะเว้ย!!”
เสียงนุ่มตวาดลั่นเพื่อเป็นการข่มขวัญผู้ที่อยู่ภายนอก
แสงไฟจากริมระเบียงเผยให้เห็นเงาของใครคนหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผู้ชายที่ตัวค่อนข้างสูงเอาการ
และยิ่งทำเอาจีฮุนตกใจมากขึ้นกว่าเก่าเมื่อจู่ๆ
เงาดำทะมึนนั่นก็เลื่อนฝ่ามือขึ้นมาแปะเข้าที่ประตูกระจกบานเลื่อนแล้วทุบรัวๆ หลายที ทว่าแต่ละทีมันช่างดูไร้เรี่ยวแรงนัก...
คนหน้าหวานชะงักไปในการกระทำของบุคคลปริศนา
ดูท่าทางแล้วเจ้าของเงาดำนี่ดูจะไม่ใช่โจร..
และดูไม่น่าจะต้องการจี้ปล้นแต่อย่างใด
ทว่าดูต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าของห้องอย่างเขามากกว่า.. แล้วใครกันล่ะ
มันจะมีคนประเภทไหนกันที่จู่ๆ ก็โผล่มาตรงจุดนั้นได้ดื้อๆ ในยามวิกาลแบบนี้
หนำซ้ำยังมาขอความช่วยเหลืออีกต่างหาก
ครบสูตร.. ผีแน่ๆ !!!
คิดได้เช่นนั้นจีฮุนก็ทิ้งไม้เบสบอลลงอย่างไม่ใยดี
โกยแนบขึ้นเตียงแล้วรีบเอาผ้าห่มผืนหน้ามาพันตัวเป็นเครื่องกำบังทันที
ปากสีสวยที่มีรอยฟกช้ำสั่นหงึก..
และยิ่งทำให้หัวใจของจีฮุนต้องแทบหยุดเต้นเมื่อแรงเคาะจากด้านนอกเริ่มแรงขึ้น
บวกกับเสียงทุ้มต่ำของชายปริศนาดังตามมาเบาๆ
ด้วยความที่ห้องของเขาไม่ได้เป็นห้องที่กันเสียงจากด้านนอก
บวกกับความเงียบในยามรัตติกาลแบบนี้ด้วยแล้ว
ทำให้คนหน้าหวานได้ยินถ้อยประโยคนั่นค่อนข้างชัดเจน
“เจ็บ..ได้โปรด
ช่วยผม”
“ฮือออออ
อย่ามาหลอกหลอนกูเลยยย เดี๋ยวจะทำบุญไปให้ >O<”
“ช่วย..ผมด้วย...ผมเจ็บ”
“รู้ว่าเจ็บ!!! แต่ไปผุดไปเกิดเถอะนะ!! พรุ่งนี้ทำให้เลยจริงๆ
แต่จะให้สร้างโบสถ์ หรือหล่อพระนี่คงไม่ไหวนะ รอให้ถูกลอตเตอรี่ก่อนแล้วกัน”
จีฮุนนั่งตัวสั่นได้อยู่ครู่เดียวเสียงขอความช่วยเหลือก็เงียบลง
เงานั่นฟุบลงไปกับประตูกระจก.. แต่พอมาคิดดูแล้ว
ถ้าจะมาขอส่วนบุญหรือมาหลอกก็เข้ามาเลยก็ได้นี่.. ต้องเคาะประตูทำไม ผีมีมารยาทหรอ?.. พัคจีฮุนค่อยเคลื่อนตัวลงจากเตียงอย่ากล้าๆ กลัวๆ
โดยไม่ลืมที่จะฉวยไม้เบสบอลเจ้าเก่าติดตัวไปด้วย
มือขาวเลื่อนม่านสีสะอาดออกอย่างช้าๆ สองตาหวานที่ช้ำเขียวเพ่งลงไปตรงพื้นระเบียง
แสงไฟเหนือหัวทางด้านนอกเผยให้เห็นร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่นอนฟุบหน้าอยู่อย่างไร้เรี่ยวแรงในเสื้อโค้ทตัวยาวสีดำที่จีฮุนเคยเห็นมันบ่อยๆ
ในหนังฝรั่งแนววินเทจๆ เสียที่ว่ามันขาดวิ่นเป็นรูพรุนเล็กบ้างใหญ่บ้างเต็มไปหมด
ทว่าสิ่งที่ดึงความสนใจได้ดีอีกอย่างคือ ของเหลวสีเขียวขี้ม้าไหลเป็นทางยาวไปตามพื้นกระเบื้องสีครีม
รวมถึงตามตัวของผู้ชายคนนี้ยังมีรอยแผลสะบักสะบอมราวกับเพิ่งไปฟัดกับสิงโตมายังไงยังงั้น
จีฮุนตัดสินใจเลื่อนประตูออกไปดู
ก็ได้กลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างร้ายแรง
กลิ่นมันเหมือนแผงวงจรไฟฟ้าที่ช็อตแล้วกำลังไหม้ระอุอยู่ใกล้ๆ นี้
หมับ!!!
“เฮ้ย!!!!!”
ฉับพลันใจของหนุ่มหน้าหวานก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกรอบ
เมื่อข้อมือที่ชุ่มโชกไปด้วยของเหลวสีน่าสะอิดสะเอียนพุ่งเข้ามาจับข้อเท้าของเขาในทันใด
เจ้าของร่างสูงที่นอนแผ่ราบอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของห้องช้าๆ..
ซึ่งจีฮุนในตอนนี้จะหนีก็ไม่ได้เพราะแค่คิดจะก้าวขายังก้าวไม่ออก
“คุณ..
ช่วยผม...หน่อย.”
“น..นาย..”
พัคจีฮุนตกตะลึงงันเล็กๆ..
ใจหายใจคว่ำจากการกระทำอุกอาจนี่ด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกอย่างคือ..
ดวงหน้าขาวใสได้รูปได้สัดส่วน จมูกโด่งเป็นสันสวย
คู่ตาสองชั้นตัดกับคิ้วโก่งสีเดียวกันกับเส้นผม ปากอวบอิ่มสีพีชระเรื่อ
ผิวขาวเนียนใสดุจน้ำนม
ทุกอย่างบนใบหน้าของผู้ชายคนนี้ต้องเป็นผลงานชั้นเลิศจากเทวดาเป็นแน่แท้
ตั้งแต่เกิดมานอกจากมองตัวเองในกระจกแล้ว
พัคจีฮุนก็ไม่เคยพบผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ..
ยอมรับเลยว่าเรื่องความหล่อเหลาคนตรงหน้ากินขาดเขาอย่างรุนแรง..
แต่ขอความน่ารักให้อยู่คู่กับจีฮุนคนนี้ไปก่อนนะ
ฮู้ววว~~
“นาย..
ไม่ใช่ผีใช่ไหม”
“ผม..ไม่ใช่ผี..”
“แล้วนี่นายเป็นอะไรเนี่ย
ทำไมสภาพเละเทะแบบนี้ละ.. แล้วมาอยู่ที่ห้องฉันได้ไง---”
“มัน..อธิบายยาก..
แต่..ช่วยก่อนได้ไหม แล้วผมจะตอบแทนคุณให้”
“เอ่อ... ลุกไหวไหม”
“พอได้ครับ”
เจ้าของห้องตัดสินใจเชิญอาคันตุกะสุดหล่อเข้ามาในห้องโดยที่จัดแจงทำความสะอาดร่างกายจนเรียบร้อยแล้ว
อย่างน้อยการชกต่อยแล้วบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ
ก็ทำให้การทำแผลและปฐมพยาบาลเบื้องต้นคือสิ่งที่พัคจีฮุนช่ำชองอยู่พอสมควร..
เขาเลิกเสื้อเชิ้ตด้านในที่ขาดวิ่นพอๆ กับเสื้อโค้ทที่เพิ่งถอดออกไปขึ้น..
บาดแผลของหนุ่มตัวสูงคนนี้หนักเอาการอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้หนุ่มตาหวานหากแต่เลือดร้อนอดสงสัยและขนลุกไม่ได้...
ของเหลวสีสดที่ไหลออกมาจากแผลควรจะเป็นสีแดงฉานตามธรรมชาติของมนุษย์
ทว่ากลับกลายเป็นน้ำข้นสีเขียวทึบแทน..
“อย่ากลัวผมเลย..ผม..
ไม่ทำร้ายคุณหรอก”
“นายเป็นตัวอะไรกันแน่..ถ้าไม่ใช่ผีงั้นก็..
มนุษย์ต่างดาว!! ใช่!!..นายเป็นมนุษย์ต่างดาวใช่ไหม?!”
“บอกไปคุณจะเชื่อผมไหม?”
แววตาที่สื่อได้ถึงความไร้เรี่ยวแรงของคนตัวสูงกว่าส่งตรงมาที่จีฮุน
พร้อมคำถามที่ตอบได้ยาก..
“เหอะๆ..
ถ้าไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวแล้วนายเป็นอะไรล่ะ สัตว์ทดลองหนีออกมาจากแลปหรอ.. หรือว่าเป็นพวกนักแสดงหนังไซไฟกันล่ะ”
“ผมเป็นยิ่งกว่านั้น...”
“อะไรล่ะ?!”
เขายกยิ้มเล็กๆ แม้ว่าสีหน้าจะดูเจ็บปวดจากบาดแผล จีฮุนยังคงปฐมพยาบาลบนแผ่นหลังของเจ้าตัวต้อยๆ มือเรียวขาวของบุรุษแปลกหน้าล้วงบางสิ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงสีดำ แท่งไม้สีขาวครีมยาวประมาณหนึ่งไม้บรรทัดที่ถูกแกะสลักเป็นปล้องเรียวยาวสวยได้สัดส่วนสมบูรณ์ ณ ด้ามของมันที่เป็นส่วนจับถูกแกะให้เป็นหัวงูเขี้ยวโตกำลังคาบวัตถุทรงกลที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกแก้ว..
“ของเล่นสวยดีนะนาย
ฮ่าๆๆ.. ดูแฮร์รี่ พอตเตอร์บ่อยหรือไง?”
“หึๆ..
ผมบอกแล้วว่ามันอธิบายยาก”
ฟุบ!!!
“เฮ้ย!!!! เชี่ย!!!!! O_O”
เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากที่เจ้าตัวหัวเราะคำเย้ยหยันของพัคจีฮุนจบ
มือที่ถือก้านไม้ขาวนั่นเหวี่ยงเล็กๆ ไปทางกล่องแผ่นเกมของเขาที่วางอยู่ใต้ทีวีเครื่องโต
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ประจักษ์แก่สายตาเจ้าของห้อง เมื่อเหล่าเกมลูกรักของเขาสามารถเคลื่อนขึ้นมาลอยนิ่งอยู่บนอากาศได้อย่างน่าเหลือเชื่อ..
ซ้ำเมื่อคนหน้าหล่อเพียงแค่เป่าลมใส่ไม้ในมือหนึ่งครั้งแผ่นเกมที่ลอยได้เหล่านั้นก็พร้อมใจกันกลับลงไปนอนในกล่องเก็บของมันอย่างเป็นระเบียบตามเดิม
“ฉัน.. ฉันไม่เชื่อเว้ย!!!”
“เฮ้ย!!! คุณอย่านะ!!! O_o”
ฟุบ!!
“อ๊ากกกกกกกกก!!!
>O<”
คนตัวเล็กกว่าฉวยไม้ขาวในมือของอาคันตุกะขึ้นมาถือไว้อย่างเสียมารยาทแล้วโบกมันแบบที่เจ้าของไม้ทำเมื่อครู่
ท่ามกลางเสียงทัดทานอย่างรุนแรงของคนผมดำ แต่ไม่ทันการ..
หลังจากเหวี่ยงมันได้แค่นิดเดียว แสงประกายสีส้มออกแดงเกิดขึ้นรอบตัวไม้เหมือนบาเรียเพื่อป้องกันตัวมันเอง
ผลของมันก็คือพัคจีฮุนต้องรีบปล่อยมันลงอย่างรวดเร็วเพราะความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เหมือนถูกไฟเผาไหม้ที่มืออย่างรุนแรงเมื่อครู่..
แต่แปลกที่เมื่อคนหน้าหวานปล่อยมันหลุดร่วงลงจากมือไปแล้ว
ความทรมานเมื่อครู่พลันหายไปดื้อๆ รวมถึงรอยแผลหรือรอยฟกช้ำใดๆ
ก็ไม่ปรากฏบนมือเขาเลยแม้แต่รอยเดียว
“..มันบ้าอะไรวะเนี่ย!!”
“ไม้แอสเพนกับแกนขนฟีนิกซ์ข้างในน่ะ
ประสิทธิภาพในการป้องกันตัวจากผู้ไม่ใช่เจ้าของไม้มันสูงมากเลยนะคุณ..
นี่ดีนะที่คุณปล่อยมันก่อนน่ะ.. ถ้าเกิดขืนคุณยังยืนโบกมันนานกว่านี้ ผมว่าป่านนี้มือคุณได้ขาดไปแล้วล่ะ
แต่จะว่าไปมันก็ใช้ร่ายยากเอาเรื่องเลยล่ะ ตอนผมใช้มันใหม่ๆ ในวิชาปรุงยานะ
หม้อนี่ระเบิดไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่รอบ ^^”
“นาย..นายเป็นใครกันแน่!!!!??”
ความสงสัยทั้งหมดในความลึกลับของบุคคลปริศนาคนนี้ก่อเกิดเป็นความหงุดหงิด
จนเผลอจีฮุนขึ้นเสียงใส่เจ้าตัวแล้วลากคอเสื้อของเจ้าของเรือนผมสีดำให้เลิกขึ้นเล็กน้อย..
ทว่าผู้มาเยือนคนนี้กลับแสดงสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อยแล้วยกยิ้มมีเสน่ห์แต่แฝงไปด้วยเลศนัยน์ให้กับเขา
“ผม..เป็นพ่อมด”
“จริงหรอเนี่ย...ฉันล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”
“ครับ..”
“แล้วทำไมนายถึงได้...”
“ผมกำลังจะไปเรียนครับ..วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันที่สองของผม”
หลังจากที่ทำแผลให้ทั้งอาคันตุกะที่ทำเอาเขาช็อกในความสามารถไปแล้ว
และยังนั่งทายาตัวเองจนเสร็จสรรพ จีฮุนเดินเข้าไปชงโกโก้ร้อนออกมาสองถ้วยถือไว้เองหนึ่งถ้วย
แล้วยื่นถ้วยเซรามิกขาวอีกถ้วยให้กับคนแปลกหน้าก่อนจะเริ่มการสนทนาข้างต้นขึ้น
“โรงเรียนของผมอยู่บนยอดเขาสูงในป่าลึกที่เยอรมนีครับ
ผู้ไม่มีเชื้อสายเวทย์มนต์จะไม่มีทางหาที่ตั้งของโรงเรียนเจอ
แต่เผอิญว่าผมไปไม่ทันเปิดเรียนวันแรก เลยต้องเดินทางไปที่นั่นเองคนเดียว ปกติผมจะบินไปกับเพื่อนแล้วก็รุ่นพี่อีกคนหนึ่ง”
“แล้วทำไมนายถึงสภาพร่อแร่แบบนั้นได้ล่ะ”
“ต้องเท้าความว่า
พ่อผมเป็นคนไต้หวันครับ ทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์เวทย์มนต์
ส่วนแม่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นกับเกาหลี เธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลการข้ามเขตแดนอยู่ในกระทรวงเวทย์มนต์ที่อังกฤษ”
“นี่ที่นั่นมีที่ตั้งอะไรแบบนั้นด้วยหรอ”
“มีทุกที่บนโลกนี้แหละครับ
แต่คนไร้เวทย์มนต์อย่างพวกคุณเพียงแค่ไม่สามารถเข้าถึงได้ก็เท่านั้น”
เจ้าคนตัวสูงซดโกโก้ร้อนในมือหนึ่งอึก
แต่ตอนนี้เครื่องดื่มในมือของพัคจีฮุนแทบจะหายร้อนแล้ว
แต่เจ้าตัวไม่ได้กระดกดื่มเลยแม้แต่หยดเดียวเพราะเรื่องที่พรั่งพรูออกมาจากปากคนประหลาดคนนี้น่าสนใจกว่ามากโข
ว่าแล้วเจ้าของเรือนผมสีดำก็พูดต่อ
“ช่วงปิดเทอมผมอยู่กับพ่อที่ไต้หวันเป็นส่วนใหญ่ครับ
ทุกครั้งที่เปิดเทอมก็จะบินตัดเข้าทางจีนผ่านไปยุโรปหรือบางทีพ่อก็จะเป็นคนไปส่งที่โรงเรียน
แต่รอบนี้ผมต้องเอาของจากพ่อไปส่งให้แม่ที่มาพักชั่วคราวที่ญี่ปุ่น พอเสร็จแล้วเลยบินตัดเข้ามาทางเกาหลีก่อนถึงจะเข้าจีน”
“ที่ว่าบินนี่...
เหมือนในหนังไหมอ่ะ พวกไม้กวาดอ่ะ! แล้วนายล่ะใช้ไม้กวาดบินไปใช่ไหม?!
>O<”
จีฮุนเริ่มถามอย่างตื้นเต้น
แต่กลับได้คำตอบ
ที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“เมื่อกี้มันพังไปแล้วล่ะครับ
.. ตอนผมบินผ่านโซล ผมคงบินออกนอกเส้นทางบินเลยกลายเป็นว่าบินเข้าไปในแถบเมฆพายุเข้า
สภาพผมเลยเกรียมอย่างที่คุณเห็น”
“แย่เลยนะ...”
“แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก..
แต่ต่อจากนี้น่ะสิ ทั้งเนื้อทั้งตัวผมเหลือแค่ไม้กายสิทธิ์เท่านั้น..
แล้วผมจะทำยังไงดี ..ฮึกก”
“เฮ้! อย่าร้องดิ.. อย่างน้อยก็แค่พานายไปไต้หวันให้ได้ใช่ไหมล่ะ”
หนุ่มหน้าหล่อจู่ๆ
ก็เริ่มสะอื้นเบาๆ คงจะใจเสียไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น..
จีฮุนทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดจาปลอบประโลมเจ้าตัวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ เขาพึ่งจะถูกหักค่าขนมไปหมาดๆ จะให้โทรไปขอค่าตั๋วแม่เพื่อพาเพื่อนกลับไต้หวันคงไม่ใข่ความคิดที่เข้าท่าอย่างแรง
ยิ่งคิมแจฮวานพี่ชายสุดเฮี้ยวกำลังง่วนกับการทำโปรเจกต์จบด้วย
คงไม่สนใจใยดีเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งของเขาเป็นแน่เเท้
“ผมเหลือเวลาอีกไม่มาก...ฮึกก”
“หมายความว่าไง?”
“พ่อมดอย่างผม..
อยู่ได้ด้วยพลังเวทย์มนต์ ไม้กายสิทธิ์น่ะถึงผู้ร่ายจะเป็นพ่อมดแม่มดก็ตามที
แต่ถ้าหากพลังในตัวเริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ จนหมด
มันก็ไม่ต่างอะไรจากเศษกิ่งไม้หรอกครับ”
“พลัง..ร่อยหรอลงงั้นหรอ?”
“ครับ..
การต้องมาขลุกอยู่ในโลกที่มีแต่ผู้ไร้เชื้อสายเวทย์มนต์แบบนี้
พลังของผมจะหมดลงไปเรื่อยๆ และถ้าหากมันหมดล่ะก็..”
“นายก็อาจจะกลายเป็นพวกไร้เวทย์มนต์แบบฉันงั้นหรอ”
“ไม่ครับ.. ถ้าเป็นพวกเลือดผสมคือพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นมนุษย์
ก็อาจจะเป็นไปอย่างที่คุณว่า แต่ถ้าเกิดเป็นพวกสายเลือดเวทย์มนต์บริสุทธิ์แบบผมล่ะก็..
ถ้าพลังของพวกเราหมด เราก็อาจจะต้องสลายไป”
“ไม่จริงน่า....”
จีฮุนวางแก้วลงก่อนจะใช้ฝ่ามือพาดไหล่ของคนตัวสูงเบาๆ
หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มขาวเนียนของพ่อมดหนุ่ม จีฮุนรู้สึกไม่ชอบมันเอาเสียเลย..
“ฉันจะช่วยนายเอง..”
“จริงหรอครับ...?!”
“ขอแค่กลับไต้หวันได้ก็พอใช่ไหม?... งั้นได้เลย ช่วงนี้นายก็อยู่กับฉันไปก่อนแล้วกันนะ”
“คุณใจดีจังครับ..^^”
“ว่าแต่ทำไมนายถึงกล้าเล่าเรื่องทุกอย่างแบบหมดเปลือกให้ฉันฟังแบบนี้ล่ะ..
ในหนังนะเท่าที่ฉันเคยดู พวกพ่อมดแม่มดน่ะพยายามปกปิดสถานะของตัวเองกันจะตาย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ..
ก่อนเราจะจากกัน ผมจะลบความทรงจำคุณเอง”
“เอ๋?.. ล..ลบความทรงจำงั้นหรอ?! O_O”
“ก็แค่ตอนที่คุณกับผมอยู่ด้วยกันเท่านั้นแหละครับ”
“เฮ้อออ.. เอางั้นจริงดิ
..เอาก็เอาวะ อย่างน้อยก็ถือซะว่าช่วยนายไว้เอาบุญแล้วกัน.. ฉันพัคจีฮุน
ม.ปลายปีสาม ยินดีที่ได้พบนะ”
จีฮุนถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเซ็งๆ
เมื่อรู้ว่าเขาจะต้องถูกลบความทรงจำอันแสนน่าตื่นตานี้หลังจากที่ส่งคนตัวสูงกลับบ้านได้สำเร็จ..
ประโยคแนะนำตัวพรั่งพรูออกไป ตามด้วยมือเรียวยื่นออกไปตรงหน้าของอาคันตุกะ
“ผมอยู่ปี7 ครับ.. ถ้าเทียบดูแล้วก็อาจจะเด็กกว่าคุณ..งั้นผมเรียกคุณว่าพี่นะครับ”
“ตามสบายเลย...แล้วนายล่ะชื่ออะไร”
“เรียกผมว่าเอ็ดเวิร์ดก็ได้ครับ..
เอ็ดเวิร์ด ไล ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่จีฮุน”
จำได้ว่าเขาหลับตานอนลงไปในขณะที่พ่อมดหน้าหล่อเอ็นตัวอยู่บนโซฟาที่อยู่ปลายเตียง..แต่อีกครั้งที่เขาตื่นขึ้นมา จีฮุนรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก ทั้งเวียนหัว ทั้งตาลายแถมยังเบลอไปหมด
อาการแบบนี้เขารู้ได้ในทันทีว่าบาดแผลต้องช้ำในเป็นแน่
เพราะเขาเคยเป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ หลังจากไปมีเรื่องต่อยตีกับชาวบ้าน
แต่ครั้งนี้คงจะหนักกว่าครั้งก่อนๆ
เพราะท่าทางร่างกายของเขาคงจะสะบักสะบอมไปมากกว่าที่คาดเอาไว้
เลยเล่นเอาไข้ขึ้นได้ขนาดนี้
“พี่จีฮุน?”
“นาย... อื้มม..”
“พี่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“ฉัน.ม..ไม่เป็นไร..
นายล่ะ หายเจ็บหรือยัง”
“ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ
แค่แผลอาจจะหายช้าหน่อยเพราะไม่ได้มีพลังเต็มเปี่ยมเหมือนตอนอยู่ในโลกของผม..
แต่สีหน้าพี่ดูไม่ดีเลยนะครับ”
“ธรรมดาน่า..
ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหละ.. เดี๋ยวมันก็หาย”
พูดไปอย่างนั้นแหละ..
แต่พัคจีฮุนในตอนนี้น่ะ แรงจะลุกยังแทบไม่มี ปากมันจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งอยู่เสมอ
ตั้งแต่เด็กจีฮุนเป็นเด็กที่ถูกรังแกมาโดยตลอด เหตุทั้งหมดทั้งมวลอาจเป็นเพราะการเป็นผู้ชายที่หน้าตาหวานน่ารักด้วย
เลยทำให้เขาต้องกลายเป็นเหยื่ออารมณ์ของพวกหัวโจกที่โรงเรียน..
เช่นนั้นหลังจากจบม.ต้น พัคจีฮุนจึงพยายามทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่เข้มแข็งมากถึงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
“ไปโรงพยาบาลไหมครับ?”
“ทำอย่างกับนายรู้ว่าที่นี่เขาต้องทำกันยังไงอย่างนั้นแหละ”
“ที่โลกของผมพ่อมดแม่มดก็เจ็บป่วยได้เหมือนกันนะครับ
เพียงแค่พวกเราอายุยืนกว่ามนุษย์อย่างพวกพี่ก็แค่นั้นเอง”
“หรอออออ..”
“แต่ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ..
เพียงแค่อย่างน้อยอายุผมก็น่าจะได้อยู่ดูทันเห็นพี่ตายสองรอบ แล้วผมค่อยตาย คิกๆๆๆ”
“ไอ้เด็กบ้านี่!!”
จีฮุนยกมือที่ไม่ค่อยจะมีแรงขึ้นมาปัดแผงเรือนผมดำหนาตรงหน้าผากขาวนั่นเบาๆ
ให้กับความกวนประสาทเล็กๆ ของพ่อมดหนุ่มน้อย ทว่า.. จู่ๆ
เขาก็รู้สึกหมดแรงไปเสียดื้อๆ ท่าทางเขาคงต้องพึ่งมือหมอจริงๆ เสียแล้ว..
รู้สึกได้ว่าแผลที่หน้าอกมันปวดขึ้นมากกว่าเดิมร้อยเท่า
ตอนที่เขากำลังชุลมุนอยู่กับอริเขาก็พอจะจำได้ลางๆ
อยู่เหมือนกันว่าถูกใครคนหนึ่งใช้ของแข็งฟาดเข้ามาที่อกข้างขวาอย่างแรง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมากมายนัก
เพราะต่างคนก็ต่างต้องระวังตัวเองเป็นธรรมดาจนกว่าสงครามจะสงบลงค่อยมาไล่นับแผล..
“พี่จีฮุน....ไหวไหมครับ
ผมจะพาพี่ไปเอง”
เอ็ดเวิร์ด
หรือตามชื่อเกิดของเขาว่าควานลินรีบเดินไปคว้าไม้กายสิทธิ์ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ โซฟาขึ้นมาเตรียมร่ายมนต์อีกครั้ง..
แม้จะรู้ว่ากายใช้คาถาวาร์ปไปมาโดยมีผู้ที่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายไปพร้อมกับตัวเขาด้วยจะกินพลังเขามากกว่าวาร์ปไปคนเดียวก็ตามที
แต่เขาก็สัญญากับจีฮุนเอาไว้แล้ว ..พัคจีฮุนคือผู้มีพระคุณต่อชีวิตของควานลิน
สิ่งที่ต้องตอบแทนก็คือต้องช่วยรักษาชีวิตของคนคนนี้เอาไว้..
“อย่า...”
เสียงนุ่มของหนุ่มหน้าหวานปรามการโบกคฑาก้านเรียวในมือของคนตัวสูงเล่นเอาควานลินชะงักไปในบัดดล
“นายบอกว่าพลังนายกำลังหายไปเรื่อยๆ
ถ้านายใช้เวทย์มนต์อีก มันจะทำให้พลังของนายหายไปเร็วขึ้นนะ”
“แต่พี่...”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ..
คืนเดียวก็หายแล้วเชื่อดิ”
ควานลินแสดงสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัดออกมา
แต่เขารู้ดีว่าจีฮุนน่ะไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว
หน้าแดงก่ำแทบจะเป็นมะเขือเทศสุกเสียขนาดนั้นแถมตอนเจ้าตัวเอามือปัดหน้าผากเขาผ่านๆ
เมื่อครู่ควานลินก็รู้สึกได้ตามสัญชาตญาณของพ่อมดทันทีว่าตัวเจ้าของเรือนผมน้ำตาลหม่นคนนี้ร้อนอย่างกับไฟแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสเนื้อตัวโดยตรง
“งั้นผมมีอีกวิธี..
แต่พรุ่งนี้พี่คงต้องหยุดเรียนสักวันนะครับ”
“หมายความว่าไง...”
จีฮุนยังไม่ทันหายงงงวยกับคำพูดคำจาของควานลิน
ก็เป็นเวลาเดียวกับที่หนุ่มตัวสูงพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังดูเหมือนภาษาออกแนวละตินๆ
เทือกนั้น แล้วจึงจ่อปลายไม้ลงใกล้ๆ หน้าผากของเขา เปลวแสงชมพูสวยสีอ่อนๆ
พุ่งออกจากยอดแหลมมนของคฑาอันเรียว
จีฮุนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างมหาศาลที่แผ่ซ่านไปทั่วกายของเขา มันเป็นความอบอุ่นที่ไม่ได้ทำให้ร้อนรุ่มกว่าเก่า
หากแต่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและสบายอย่างล้นเหลือ
เสมอไปทางขวามือใจก็ต้องเต้นแรงอีกครั้ง
เมื่อพบรอยยิ้มหวานสดใสของพ่อมดหนุ่มในโหมดอ่อนโยน..
“นาย....”
“คาถานี้ไม่กินพลังของผมมากมายหรอกครับ..
พี่อาจจะต้องหลับนานกว่าเดิมนิดนึง แต่ไม่เป็นไรนะ.. ผมจะดูแลพี่เอง ^^”
“ขอบใจนะ.. เอ็ดเวิร์ด”
“ไม่เป็นไรครับ..
ผมสัญญาแล้วนี่ว่าจะตอบแทนพี่”
ไม่รู้ว่าเขาหลับไปนานเท่าไหร่
จีฮุนลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเพลียๆ ก่อนจะลุกบิดขี้เกียจหนึ่งที ..
เขาหันหน้ามองหาพ่อมดตัวสูงอย่างซึมๆ ล้าๆ ก็ไม่พบเจ้าตัวอยู่ในห้องแต่อย่างใด..
แต่ที่แปลกไปก็คือสิ่งที่เขามองเห็นต่อจากนี้ผ่านบานกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างๆ
เตียงทางด้านขวามือ
พัคจีฮุนวิ่งถลาลงจากเตียงไปที่หน้าแผ่นสะท้อนอย่างรีบร้อนสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ใจก็คือรอยฟกช้ำดำเขียว
บนใบหน้าของเขาพลันอันตรธานไปหมดสิ้น
รวมถึงอาการเจ็บปวดเจียนตายตามเนื้อตัวเหมือนเหมือนเมื่อคืนก็หายไปด้วยเช่นกัน
หรือว่าเป็นเพราะคาถาในตอนนั้น
“เอ็ดเวิร์ด!..นายอยู่ไหนน่ะ เอ็ดเวิร์ด?!”
จีฮุนวิ่งออกมาจากประตูห้องนอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นเฉียบ
ไฟในห้องใหญ่ยังคงถูกเปิดทิ้งไว้แบบเมื่อคืน
จีฮุนได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากในครัว ว่าแล้วจึงสาวเท้าเข้าไปทางโซนนั้นทันที
ก็ปรากฏร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตตัวเดิมสีเดิมที่ยังขาดวิ่นอยู่หน่อยๆ
ยืนหันหลังง่วนอยู่กับการหั่นบางอย่างบนเคาน์เตอร์
“ตื่นแล้วหรอครับพี่จีฮุน
^^”
“นั่นนายทำอะไรน่ะ..
แล้วทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อ?”
“ผม..ไม่มีเสื้อผ้าครับ”
“ก็บอกฉันดิ
จะได้หยิบให้.. ถึงนายจะดูสูงไปหน่อย แต่ก็น่าจะใส่ของฉันได้แหละ แปปนึงนะ”
หมับ!
ปากที่พูดจบหุบลงพร้อมร่างเล็กกว่าที่กำลังจะเดินหันหลังไปค้นเสื้อผ้าในห้อง
แต่ก็ถูกหยุดไว้โดยมือขาวของเด็กตัวสูงกว่า..
และเป็นอีกครั้งที่พัคจีฮุนใจเต้นขึ้นมาอีกรอบ
ปากเป็นกระจับสีพีชของหนุ่มผมดำเผยอขึ้นพร้อมประโยคคำถามที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่เจ็บตรงไหนแล้วใช่ไหมครับ?”
“อืม.. เพราะนายแท้ๆ
เลย.. ขอบใจนะ”
“พี่ช่วยชีวิตผมเอาไว้นี่ครับ..
เรื่องแค่นี้น่ะเล็กน้อย อ้อ! ผมทำโจ๊กไว้ให้น่ะ กำลังจะเสร็จพอดีเลย เดี๋ยวพี่มากินนะครับ ^^”
“ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย”
“เกือบจะทุ่มแล้วครับ มันเป็นผลข้างเคียงของคาถาน่ะ
ที่ผมบอกว่าพี่อาจจะต้องหลับไปนานหน่อย”
“อืม.. มันก็โอเคอยู่แหละ”
ช้อนพลาสติกสีขาวถูกวางลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในถ้วยเซรามิคสีดำที่เคยมีโจ๊กร้อนๆ
บรรจุอยู่เต็มถ้วย บัดนี้มันอัตรธานหายลงไปสิงสถิตอยู่ในท้องของจีฮุนหมดแล้ว
พ่อมดน้อยนั่งมองคนหน้าหวานอย่างเป็นสุข จนจีฮุนอดไม่ได้ที่จะต้องถามเจ้าตัวออกไป
“อะไรของนายน่ะ
นั่งมองฉันแล้วยิ้มมาตั้งนานแล้วนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ..
ผมแค่รู้สึกชอบเวลาที่พี่กิน”
“มันน่าตลกขนาดนั้นเลยหรอ?”
“เปล่าหรอกครับ..
มันน่ารักมากกว่า”
“O///_///O”
ฉ่า~ ตึกตัก~
และอีกครั้งที่หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะบวกกับอุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้นมาตั้งแต่หัวจรดเท้า
เล่นเอาทั้งหน้าร้อนผ่าวไปหมด..
ยิ่งตอนที่เด็กคนนี้ฉีกยิ้มจนตาสองชั้นกลมแป๋วนั่นหรี่เล็กลงจนดูเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวนั่นด้วยแล้ว
เป็นภาพที่ทำเอาพัคจีฮุนถึงกับไปไม่เป็น
“เอ่อ...
ว่าแต่นายล่ะ.. ยังเจ็บมากอยู่ไหม”
“อ่า.. ยังระบมๆ
อยู่น่ะครับ แต่ผมไม่เป็นไรหรอก”
“อืม..
พรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงเรียนแล้วด้วยสิ นายอยู่แต่ในห้องนี้ได้ไหม ฉันแค่ไปสอบน่ะ
มะรืนก็ปิดเทอมแล้ว”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
พอบทสนทนาจบลงจีฮุนที่เตรียมลุกที่จะเอาถ้วยไปเก็บ
ถึงกับต้องผงะอีกรอบเมื่อจู่ๆ ทั้งถ้วย ช้อนและแก้วน้ำต่างล่องลอยอ้อยอิ่งเข้าไปในครัวราวมีชีวิต
แน่นอนว่าต้นเหตุของปรากฏการณ์ประหลาดนี่มาจากบุคคล ณ
ฝั่งตรงข้ามโต๊ะที่กำลังโบกนิ้วไปมากลางอากาศอยู่เรื่อยๆ
“นี่ไม่มีไม้นายก็ร่ายได้หรอเนี่ย”
“ถ้าพวกเวทย์มนต์พื้นๆ
แค่ผมคิดก็ร่ายได้แล้วล่ะครับ”
“เอาเถอะๆ
นายไปเปลี่ยนเสื้อดีกว่านะ”
พรึบ!!
“เชี่ย!!!”
แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรต่อจากนั้น
จู่ๆ ไฟในห้องก็ดับวูบลงไปดื้อๆ จีฮุนตกใจจนทำอะไรไม่ถูกจึงร้องตะโกนขึ้น ซึ่งในขณะที่กำลังหลงทางอยู่ในความมืดนั้น
เขาก็ได้แต่เรียกหาเพื่อนร่วมห้องอีกคนอยู่เรื่อยๆ กระทั่งมีแสงสว่างเล็กๆ
เกิดขึ้น ณ จุดหนึ่ง..
จีฮุนเดินตามแสงนั่นไปก็พบกับคนตัวสูงกำลังยืนถือเทียนที่จุดไฟอยู่ในมือ..
แต่พอลองมาดูใกล้ๆ ก็พบว่ามันคือแท่งไม้ขาวคู่กายของเจ้าตัวที่มีแสงสีบริสุทธิ์เปล่งออกมาจากหัวไม้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ควานลินปัดปลายไม้หนึ่งครั้ง
จุดแสงตรงหัวก็ลอยออกไปตามแรงเหวี่ยง แล้วจึงร่ายแสงดวงใหม่ให้เกิดขึ้นตามมา
ทำวนไปเรื่อยๆ จนห้องเกือบทั้งห้องเริ่มมีแสงสว่างอีกรอบ
ทว่าถึงจะไม่สว่างไสวเหมือนไฟฟ้าของโลกมนุษย์แต่ก็ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นดีขึ้นกว่าเดิมหลายล้านเท่า
“ดูเหมือนไฟจะดับน่ะ...”
จีฮุนพูด
“งั้นถ้าไฟมาเดี๋ยวผมดับแสงพวกนี้เองแล้วกัน”
จีฮุนไม่พูดอะไรแต่ยิ้มให้ควานลินหนึ่งที
แล้วเดินไปล้มตัวนอนลงบนเตียงของตัวเอง.. โดยที่ยังมีร่างสูงยืนมองเขาอยู่เรื่อยๆ..
และเป็นต้องแปลกใจเมื่อถูกเจ้าของห้องเชื้อเชิญโดยการตบที่ว่างบนเตียงเบาๆ
“มานอนเล่นด้วยกันดิ”
“จะดีหรอครับ”
“แน่ดิ”
ควานลินค่อยๆ
เดินขึ้นไปบนเตียงแต่ยังไม่ได้ล้มตัวลงเสียทีเดียว ข้างๆ
คือพัคจีฮุนที่นอนเหม่อมองเพดานห้องอยู่อย่างเลื่อนลอย..
“เอ็ดเวิร์ด”
“ครับ...”
“ถ้าเราต้องจากกัน...
อย่าลบความทรงจำฉันได้ไหม”
“เอ๋...?”
“ฉันสัญญานะ..
ว่าจะไม่บอกใครว่าได้เจอนาย”
จีฮุนหันหน้ามามองควานลินอย่างจริงจัง..
ที่พูดออกไปแม้จะดูเป็นข้อเสนอที่ทำได้ยาก
แต่เขาก็อยากให้เด็กตัวสูงรับฟังคำขอร้องนี้จากเขา..
เขาสาบานว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น
ขอเพียงแค่ในหัวของเขายังมีความทรงจำที่แสนวิเศษกับพ่อมดน้อยตนนี้อยู่ตลอดไป..
ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายไม่เคยมีใครทำดีกับเขาแบบนี้มาก่อน ก็แน่ล่ะ..
เพราะพัคจีฮุนก็ไม่เคยทำดีกับใครเลยเช่นกัน เขาไม่รู้เลยว่าการได้ช่วยเหลือใครสักคนแล้วจะทำให้เขามีความสุขได้มากขนาดนี้
“เลิกทำตัวเป็นเด็กสักทีได้ไหมวะจีฮุน”
คำพูดเขาคิมแจฮวานดังขึ้นในหัวของเขา..
บางทีนี่อาจจะเป็นก้าวแรกที่พัคจีฮุนคนนี้จะได้เติบโตขึ้นบ้างเสียที..
ได้ทำอะไรดีๆ ได้รู้สึกแบบที่คนมีประโยชน์รู้สึก ไม่ใช่เอาแต่ทำตัวเป็นเด็กไปวันๆ
เหมือนที่เป็นอยู่
“ผม..คงทำไม่ได้”
“ทำไมล่ะ...”
ควานลินใจห่อเหี่ยวลงไปในบัดดล
เมื่อเสียงนุ่มของหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าดูอ่อนลง บวกกับดวงหน้าน่ารักก็พลอยหมองหม่นตามไปด้วย..
ความจริงแล้วเขาก็ไม่อยากที่จะต้องลบความทรงจำผู้ชายคนนี้เหมือนกันกับที่เจ้าตัวร้องขอ..
แต่กฎก็คือกฎ ในโลกเวทย์มนต์นั้น
การที่พ่อมดแม่มดแค่แสดงตัวให้มนุษย์รู้ก็ถือว่าผิดแล้ว..
ยิ่งรู้จักมักจี่ด้วยถึงขั้นแต่งงานอยู่กินหรือมีลูกยิ่งเป็นการไม่ดีเข้าไปใหญ่
แต่ก็ยังมีพ่อมดแม่มดหลายตนที่เกิดมีความรักกับมนุษย์แต่เลือกที่จะไม่แสดงตัวให้อีกฝ่ายทราบ
มารู้ตัวอีกทีลูกที่เกิดมาก็กลายเป็นเลือดผสมไปเสียแล้ว..
ซึ่งถ้าหากเด็กเหล่านั้นเกิดมาไร้เวทย์มนต์ก็ถือว่าโชคดีไป
แต่ถ้าหากเกิดมามีเวทย์มนต์ด้วยล่ะก็
การใช้ชีวิตทั้งในโลกมนุษย์ทั้งโลกเวทย์มนต์ก็จะเป็นสิ่งที่ลำบากเป็นอย่างยิ่ง
เพราะว่าเหล่าพ่อมดแม่มดเลือดผสมทั้งหลายมักถูกตีกรอบโดยสังคมและถูกรังเกียจเดียดฉันราวกับเป็นพวกชั้นต่ำของสังคมเวทย์มนต์เลยก็ว่าได้
ถึงแม้ว่าผู้วิเศษประเภทนี้จะมีสิทธิได้รับการศึกษา และคุ้มครองก็ตามที..
ต่างจากพวกเลือดบริสุทธิ์อย่างควานลินที่ต้องรักษากฏนี้อย่างเคร่งครัดเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าควานลินเลือกที่จะไม่ลบความทรงจำของจีฮุน
อย่างไรเสียเจ้าหน้าที่จากกระทรวงเวทย์มนต์ก็ต้องตามมาลบความทรงจำเจ้าตัวทีหลังอยู่ดี..
หรือบางทีถ้าหนักกกว่านั้น..
ในกรณีที่มนุษย์รู้เรื่องราวที่สำคัญๆ
มากจนเกินไป จากการลบความทรงจำอาจรุนแรงขึ้นกลายเป็นการทำให้วิกลจริตไปแทน..
“มันเป็นกฏน่ะครับ
มันอันตรายต่อตัวพี่เกินไป ยิ่งแม่ผมเป็นคนของกระทรวงเวทย์มนต์แล้วด้วย
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่แม่ผมจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราหลังจากนี้”
“แต่ฉัน..
ไม่อยากลืมนาย..”
“ผมก็ไม่อยากให้พี่ลืมผมเหมือนกัน..
แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้
พี่ก็คิดเสียว่าผมเป็นฝันของพี่ในคืนคืนหนึ่งก็แล้วกันนะครับ”
“...เข้าใจแล้วล่ะ
งั้นเวลาที่เหลืออยู่ ถือว่านี่คือความฝันของฉันก็แล้วกันนะ”
จีฮุนยิ้มให้ควานลินอย่างเบิกบาน
แม้ว่าในใจจะยังรู้สึกหดหู่อยู่ก็ตาม
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่วันเดียวเขาจะรู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้ได้มากมายถึงขนาดนี้
พ่อมดหนุ่มนอนคว่ำตัวลงจนใบหน้าของเจ้าตัวอยู่ในระดับเดียวกันกับจีฮุน
ดวงหน้าขาวใสยิ้มให้เจ้าของห้องอย่างเป็นมิตร เช่นเดียวกันกับจีฮุนที่ยิ้มตอบกลับไปให้เจ้าตัวอย่างเก้อเขินหน่อยๆ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ที่ทั้งคู่นอนมองกันอยู่อย่างนั้น
รู้เพียงว่าจีฮุนเห็นภาพใบหน้าของควานลินเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหลับไปอีกครั้งหนึ่งหลังจากตื่นมาได้ไม่นานนัก
แต่ในใจลึกๆ ก็ไม่อยากหลับแม้แต่น้อย
เพราะกลัวว่าเมื่อตื่นมาเขาจะลืมทุกสิ่ง
ลืมทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ชายลึกลับผู้แสนดีคนนี้..
“พี่จีฮุนครับ..
ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวไปสอบสายนะ ^^”
วันต่อมาก็ได้เสียงทุ้มนุ่มของเด็กตัวสูงเป็นสิ่งที่ปลุกให้พัคจีฮุนลืมตาตื่นขึ้นมา..
และหลังจากนั้น..
“พี่จีฮุน..
ผมผัดข้าวไว้ให้กินแน่ะครับ ลุกขึ้นมาเร็ว~”
จากหนึ่งวันเป็นสองวัน..
“พี่จีฮุนครับ
ตื่นเร็ว วันนี้ต้องช่วยกันซักผ้าไม่ใช่หรอครับ~”
จากสามวันเป็นสี่
จากสี่เป็นห้า
จากหลายวันเป็นสัปดาห์...
“วันนี้เราจะไปยออีโดกันไม่ใช่หรอครับ
ลุกเร็ว~”
จากหลายสัปดาห์เป็นเดือน..
“ตื่นเร็วครับเจ้าชายของผม..^^”
“รู้แล้วน่าเอ็ด..
ขออีกห้านาที”
“ไม่ได้ครับ..
วันนี้วันสมัครเรียนไม่ใช่หรอ ลุกเลยเร็ว~”
เสียงของ ‘แฟนหนุ่ม’ตัวสูงออดอ้อนอย่างน่ารักเพื่อให้ร่างบางกว่าลุกขึ้นมาอาบน้ำ
จีฮุนเป็นต้องยิ้มทุกครั้งไปเมื่อเจอกับลูกอ้อนของแฟนหนุ่มคนนี้
ทุกนาทีที่ผ่านมานั้น
การได้อยู่กับเอ็ดเวิร์ดของเขานับเป็นเวลาที่สุดแสนจะมีค่าในชีวิต
แม้ในใจจะรู้สึกโหวงอยู่ลึกๆ เพราะไม่รู้ว่าวันไหนเขาและเจ้าเด็กตัวสูงต้องจากกัน
แต่จีฮุนก็เคยพูดเอาไว้แล้วว่าเอ็ดเวิร์ด ไล คือความฝันของเขา ดังนั้นแล้ว
เมื่อวันนั้นมาถึงผู้ชายผมดำคนนี้จะมีตัวตนอยู่เพียงแค่ในความฝันของเขาเท่านั้น..
“ให้ผมไปด้วยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก
วันนี้พี่ไปกับเพื่อนน่ะ”
“งั้นหรอครับ
ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะทำอะไรอร่อยๆ ไว้รอพี่นะครับ ^^”
จีฮุนยิ้มให้เจ้าตัวสูงหนึ่งครั้งพลางหยิกแก้มขาวเนียนของควานลินหนึ่งทีอย่างหมั่นเขี้ยวให้กับความน่ารักและขี้เอาใจของแฟนรุ่นน้อง
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เขาเห็นเจ้าตัวจับไม้กายสิทธิ์
และไม่รู้ด้วยว่ามันหายไปไหน เอ็ดเวิร์ดของเขาใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์คนหนึ่งมาโดยตลอด
และดูจะไม่มีท่าทีเบื่อหน่ายมันเลยด้วยซ้ำ
เผลอเพียงครู่เดียวก็ตกเย็นแล้ว..
ควานลินที่เพิ่งทำกับข้าวเสร็จฟุบหลับไปตรงโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน
จีฮุนยังไม่กลับมาที่ห้อง.. สองตาหลับลงอีกหนึ่งครั้งแล้วเริ่มร่ายมนต์ในใจ
อีกหนึ่งความสามารถที่ติดตัวเขามาแต่เกิดคือการหยั่งรู้
ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นรู้อนาคตแต่ควานลินก็สามารถล่วงรู้ได้ถึงเหตุการณ์ในเวลาเดียวกันแม้จะต่างสถานที่ก็ตาม
คิ้วดำขลับได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างเคร่งเครียด
เมื่อภาพในหัวสะท้อนสิ่งที่ชวนน่าใจหายขึ้นมา ทั้งเสียงและภาพชัดเจนและตราตรึง
“จิน..จินยองอ่า..
พอกูบอกให้มึงวิ่ง..มึงก็วิ่งนะ”
“สัสจี้..
ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกันแหละวะ”
จีฮุนกับใครอีกคนที่น่าจะเป็นเพื่อนของเจ้าตัวยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มวัยรุ่นนับสิบที่มีอาวุธครบมือ
ร่างโปร่งทั้งสองยืนหอบแฮกอย่างหมดแรง แถมยังมีรอยฟกช้ำห้อเลือดแทบทั่วอณูของใบหน้า
ของเหลวสีแดงสดที่ไหลอาบหัวของพัคจีฮุนเป็นภาพที่ชวนให้ควานลินใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ร่างโปร่งกรูเข้าไปในห้องนอนก้มตัวคว้ากล่องสีดำที่ถูกปิดมิดชิดอยู่ใต้เตียงขึ้นมาเปิด
ไม้สีสะอาดอันเรียวยาวถูกฉวยขึ้นมาก่อนที่เจ้าตัวผู้เป็นเจ้าของจะวิ่งออกไปด้านหน้าห้อง
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง บานหน้าต่างที่น่าจะถูกปิดไว้แน่นหนาแล้วแท้ๆ
กลับถูกลมกรรโชกแรงพัดเข้ามาจนเปิดออก
ควานลินสัมผัสได้ถึงพลังจากผู้วิเศษคนหนึ่งที่อยู่
ณ บริเวณนี้..
“แดฮวีย่า...”
“กูมาพามึงกลับควานลิน”
ร่างเล็กของผู้ชายดวงหน้าหวานสวย
ปากเล็กเป็นกระจับกับสันดั้งได้รูปพอเหมาะพอดี ทว่าแววตาเฉดน้ำตาลอัลมอนต์คู่นั้นของเจ้าตัวกลับเปี่ยมล้นไปด้วยความลึกลับที่ชวนให้ผู้สบมันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
เขาเดินเข้ามาในห้องที่ข้าวของกระจัดกระจายเพราะแรงลมเมื่อครู่
เสื้อโค้ทตัวยาวสีดำทะมึนปลิวไสว
รวมถึงเรือนผมหนาน้ำตาลมะฮอกกานีที่พลิ้วยุ่งไปตามแรงกรรโชกของอากาศ
“กู.. กู..”
“มึงจะมัวโอ้เอ้อะไรล่ะ
มึงอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วนะ พลังของมึงจะไม่เหลือแล้วมึงรู้ตัวไหม?!”
“แต่กูมีอีกเรื่องที่ต้องทำ”
“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการลากตัวมึงกลับไปมิวนิกให้เร็วที่สุด
ตอนนี้ศาสตราจารย์ที่โรงเรียนยังไม่รู้ มีแค่กูกับอาจารย์ประจำบ้าน
แต่ถ้าเกิดพวกเขารู้ว่าที่มึงหายไปเป็นเดือนแบบนี้
มึงมาขลุกอยู่กับพวกไร้เวทย์มนต์มึงได้โดนไล่ออกแน่!”
เดวิด ลี.. หรือ อีแดฮวีเพื่อนร่วมชั้นเชื้อสายเกาหลีของเขาเดินตรงดิ่งเข้ามาคว้าข้อมือของควานลินแล้วพาเดินออกไปที่ระเบียง
แต่มีหรือที่ไลควานลินจะยอม แขนขาวของคนตัวสูงกว่าสะบัดออกจากเกาะกุมโดยมือของคนหน้าหวาน
เล่นเอาแดฮวีถึงกับหันหน้ามามองเพื่อนสนิทของเขาอย่างงงๆ
“แดฮวี กูขอล่ะ
อีกแค่ครั้งเดียว กูมีเรื่องที่ต้องทำก่อนจะไป”
“นี่กูกับอาจารย์อุตส่าห์ไม่ฟ้องศาสตราจารย์ใหญ่ว่ามึงหนีออกมาขลุกอยู่กับมนุษย์คนนั้นเป็นเดือนๆ
ก็ดีเท่าไหร่แล้วควานลิน”
ไม่ดีแน่..
หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปจีฮุนจะต้องเป็นอะไรไปแน่
ควานลินคิดเช่นนั้นก็เริ่มร่ายมนต์อีกครั้ง จุดแหลมเรียวของไม้เริ่มมีแสงสีส้มแดงออกมา
ในช่วงที่อีแดฮวีกำลังเผลอตัวเขาก็จัดการฟาดปลายไม้เข้าใส่ทางตัวของเพื่อนร่างบางทันที..
ตู้ม!!!!
ไวกว่านั้น..
แดฮวีกลับเห็นมันก่อนแต่ก็ไม่สามารถตั้งรับมันได้ทันท่วงที จึงได้แต่ใช้มือเปล่าร่ายต้านไปจนแสงสีเปลวเพลิงนั่นเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น
ความจริงคาถาบทนี้ใช้ร่ายเพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมดสติเท่านั้น
หากแต่การอัดพลังต้านใส่เข้าไปของแดฮวีทำให้เกิดการบิดเบือนของพลังสะท้อนออกมาในรูปการระเบิด
“นี่มึงจะทำห่าอะไรวะควานลิน!”
“กูสัญญาว่ากูจะกลับไป
แต่กูขอเวลาหน่อย—”
“นี่มึงรักมนุษย์นั่นหรอวะควานลิน
มึงเสียสติไปแล้วหรอ!!”
“เออ!! กูรักมนุษย์พอใจหรือยัง!!”
“มึงหยุดบ้าได้แล้วไลควานลิน
มนุษย์สกปรกพวกนี้มันมีดีอะไรวะ!!”
“เลือดสีโคลนอย่างมึงมันเป็นพวกขาดความอบอุ่นหรือไง
ถึงได้พูดแบบนั้นน่ะ!!!”
เหมือนศรคมที่พุ่งแทงเข้าตรงกลางอกซ้ายตัดขั้วหัวใจของอีแดฮวี..
ไม่คิดเลยว่าเพื่อนรักของเขาอย่างไลควานลินจะเป็นคนพูดคำนี้ออกมา.. ใช่
คำว่าเลือดสีโคลนคือคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของอีแดฮวีได้มากจนทำให้เจ็บเจียนตายได้หากว่ามันหลุดออกมาจากปากของควานลิน
คนอย่างอีแดฮวี
ไม่เคยรู้หรอกว่าความรักมันเป็นยังไง.. ตอนที่เกิดมาเขาก็กำพร้าพ่อแม่แล้ว
แต่โชคยังดีที่มีแม่มดเชื้อสายเกาหลีตนหนึ่งรับเขาไปเลี้ยงไว้
โดยเจ้าหล่อนบอกเขาว่าเธอรับรู้ได้ว่าแดฮวีคนนี้พิเศษกว่ามนุษย์คนอื่นๆ ..
เธอตั้งชื่อเขาว่าเดวิด.. หรือแดฮวี เธอพร่ำบอกเขาเสมอว่าเขาเป็นเลือดบริสุทธิ์
แต่พอโตขึ้นจึงได้รู้เองตามสัญชาตญาณว่าเขาเป็นพวกเลือดโสโครกในสังคมเวทย์มนต์
เพราะขนาดแค่เลือดผสมยังถูกรังเกียจเดียดฉัน..
เลือดสีโคลนอย่างเขาถ้าหากแสดงตัวออกไปก็คงไม่สามารถใช้ชีวิตในโลกเวทย์มนต์ได้เป็นปกติสุขเหมือนตอนนี้..
แต่ด้วยความไว้ใจ และเชื่อใจในตัวของไลควานลิน
เขาจึงยอมบอกความลับแก่เจ้าตัวว่าเขาเป็นเลือดสีโคลน ในตอนแรกก็คิดว่าอาจจะถูกบอยขอดจากเพื่อนตัวสูง
แต่ไม่เลย.. ไลควานลินไม่เคยมีท่าทีรังเกียจหรือขยะแขยงเพื่อนคนนี้..
แต่ในเวลานี้...
มันต่างออกไป
“แดฮวี..กู.. กูขอโทษ..”
“ถ้ามึงว่าอย่างนั้น
กูคงต้องใช้กำลังลากมึงไป”
มือเรียวขาวภายใต้แขนเสื้อโค้ทดำล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงสีทึบ
คฑาด้ามเล็กอันเรียวยาวที่ทำจากไม้แบล็กธอร์นสีดำทะมึนทึบดูน่าเกรงขามถูกล้วงขึ้นมาถือไว้
ด้ามจับของไม้ที่แกะเป็นเกลียวรูปคล้ายเถาวัลย์พันรอบโคน
เหนือขึ้นไปเป็นไม้โค้งงอบิดไม่ได้รูปได้ทรงไร้ความมีชีวิตชีวาต่างจากไม้ของควานลินอย่างลิบลับ..
ในทันทีที่ปลายไม้ทั้งสองถูกโบกโดยเจ้าของแสงสีส้มจ้าที่เปล่งออกมาจากไม้แอสเพนก็พุ่งเข้ากระทบกับแสงสีม่วงทึบที่พุ่งออกจากไม้แบล็กธอร์นเกิดประกายไฟเวทย์มนต์ระหว่างสีสองโทนที่ตัดกัน
เหงื่อเม็ดแล้วเม็ดเล่าผุดขึ้นแล้วไหลลงอาบแก้มของควานลิน ดูเหมือนว่าแดฮวีจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
และท่าทางจะดูโมโหใช่เล่น.. เขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง
ตุบ!!
“โอ๊ย!!!”
แจกันบนโต๊ะถูกร่ายให้ลอยขึ้นโดยมืออีกข้างของควานลิน
ก่อนที่มันจะถูกเหวี่ยงโดยพลังให้พุ่งกระทบเข้ากับหัวของแดฮวีจนเจ้าของไม้กายสิทธิ์สีดำเป็นต้องลดไม้ลงแล้วใช้มือกุมเข้าที่ขมับที่มีเลือดสีดำไหลลงมาเป็นทาง...
เลือดสีโคลนที่เป็นที่น่ารักเกียจของผู้วิเศษ
ซึ่งในขณะนั้นเองเป็นเวลาเดียวกันกับที่แสงสีแดงถูกปล่อยออกจากไม้สีขาวหลังจากสิ้นเสียงคำร่ายภาษาละตินจากคนตัวสูงกว่า
แดฮวีล้มลงสลบไปในทันทีที่ลำแสงพุ่งเข้าถูกตัว..
แต่ควานลินไม่มีเวลาแล้ว.. คนที่น่าห่วงกว่าในตอนนี้คือพัคจีฮุน..
“พี่จีฮุน!! พี่อยู่ไหนน่ะ พี่จีฮุน!!”
ร่างสูงของเจ้าของเรือนผมสีดำเดินร้องเรียกเพรียกหาคนรักของตนอย่างกระวนกระวายใจในความมืดยามค่ำคืนของกรุงโซลแห่งนี้..
สักพักสองเท้าในผ้าใบคู่สวยที่จีฮุนให้เขายืมใส่ก็เดินมาถึงตรอกหนึ่งที่เห็นเหมือนภาพที่หยั่งดูในหัว
ไม่รอช้า..พ่อมดหนุ่มวิ่งหน้าตั้งลึกเข้าไปทันที ทุกสิ่งเละเทะระเนระนาดไปหมด..
ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะจบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไร้วี่แววของพัคจีฮุนและเพื่อนของเขา ควานลินโล่งใจเล็กๆ.. อย่างน้อยจีฮุนก็น่าจะปลอดภัย..
หากว่าเขาไม่ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังมาจากซอกตึกใกล้ๆ
นั่น..
เสียงโทนต่ำที่ร้องสะอึกสะอื้นอยู่ในซอกตึกที่มีแสงไฟสลัว..
ควานลินเดินตามเสียงนั้นใกล้เข้าไปเรื่อยๆ.. สิ่งที่เห็นเล่นเอาเข่าอ่อนยวบยาบ..
“จีฮุนอ่า..ฮึกก
ฟื้นดิมึง.. กูขอโทษ.. ฮึกก ฮือออ.. จีฮุน ตื่นขึ้นมาก่อน”
แพจินยองกำลังร้องไห้ฟูมฟายอย่างไร้สติสตัง
ในอ้อมแขนของคนร่างโปร่งโอบอุ้มร่างของคนหน้าหวานที่นอนอย่างหมดเรี่ยวแรง
เสื้อเชิ้ตสีขาวชุ่มโชกไปด้วยคราบเลือดสีสด ใกล้ๆ
กับหน้าอกข้างซ้ายมีมีดเล่มเล็กปักเข้าเนื้อคาไว้อย่างน่ากลัว.. ควานลินเบลอไปหมด
ตอนนี้ความรู้สึกในหัวคือเหมือนมีคนเอาค้อนปอนด์หนักๆ ฟาดเข้าที่หัวของเขาแรงๆ
หลายสิบครั้ง..
มือที่เริ่มไร้เรี่ยวแรงของไลควานลินโบกไม้กายสิทธิ์ในมือหนึ่งครั้งเกิดลมวูบใหญ่พัดผ่านหน้าของจินยอง
ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวไปในบัดดล รวมถึงเสียงสะอึกสะอื้นของหนุ่มหน้านิ่งก็พลันเงียบลงด้วย
คนตัวสูงปล่อยไม้ในมือลงอย่างไม่ได้สนใจใยดีมัน
กรูถลาเข้าไปช้อนตัวของพัคจีฮุนขึ้นมาไว้ในอ้อมอกของตัวเอง
หยาดน้ำตาเริ่มรินไหลอาบแก้มขาวเนียนทั้งสองข้างของผู้วิเศษหนุ่ม
ถ้อยวจีอันสั่นเทาของควานลินเอ่ยขึ้นกับผู้เป็นที่รักด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและสำนึกผิด
“ผมมาช้า.. ฮึกก
ผมขอโทษ.. ฮึกก ฮือออ พี่จีฮุน.. อย่าเป็นอะไรไปนะครับ.. ฮึกก อยู่กับผมก่อน..
ฮือออ.. ผมผิดไปแล้ว”
ร่างบางในอ้อมแขนของเขานอนนิ่งไม่ไหวติงเหมือนผัก
ไร้ซึ่งการตอบสนองของพัคจีฮุน.. ดวงใจของเขาจากไปแล้ว.. จากเขาไปแล้วตลอดกาล..
แต่...
ไหนๆ ก็ไหนๆ.. ในเมื่อรักของเขามันก็เป็นความจริงไม่ได้ตั้งแต่ต้น
รักที่เหมือนนาฬิกาทรายที่นับเวลาให้ทรายด้านบนไหลลงสู่ด้านล่างเรื่อยๆ จนหมด..
งั้นก็ขอให้ไลควานลินกับความรักของเขาคนนี้ได้เป็นความฝันของพัคจีฮุนตามที่สัญญาเอาไว้ก็พอ..
เขาเอื้อมไปหยิบไม้แอสเพนที่นอนแอ้งแม้งอยู่ขึ้นมา..
นี่เป็นคาถาที่ร่ายยากที่สุดในชีวิตของเขา และเขาไม่เคยคิดจะร่ายมันให้ใคร
..เว้นเสียแต่คนคนนั้นคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของควานลินจริงๆ
รอยยิ้มอบอุ่นของหนุ่มไต้หวันมอบให้จีฮุนทั้งน้ำตา เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยคำว่ารักซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับร่างของคนที่นอนไร้วิญญาณอยู่บนตัก..
ปลายของคฑาสีสะอาดจ่อตรงจุดที่ใกล้หัวใจของพัคจีฮุนก่อนที่แสงสีส้มเปลวเพลิงเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของควานลินจะค่อยๆ
พุ่งผ่านปลายไม้เข้าสู่ร่าง มีดเล่มสั้นที่ปักอยู่ใกล้ๆ
จุดสำคัญของหนุ่มหน้าหวานค่อยๆ เลื่อนหลุดออกเองอย่างน่าอัศจรรย์ใจ รอยแผลตามจุดต่างๆ
เริ่มสมานเข้าหากันจนเหมือนปกติได้ราวกับเป็นเรื่องโกหก
แววตาอ่อนโยนของพ่อมดยังคงเฝ้ามองดูผู้เป็นดั่งดวงใจของเขาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
ยิ่งพอได้เห็นนิ้วมือเรียวของจีฮุนขยับเล็กๆ ควานลินก็ยิ่งหุบยิ้มไม่ได้..
ทว่าน้ำตากลับไม่ได้หยุดไหลลงเลย
เวลาผ่านไปได้สักพัก..เป็นไปอย่างที่คาดไว้
เพราะเจ้าของเรือนผมดำใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ทำสิ่งใดขึ้นมาขยุ้มอกของตัวเองอย่างเจ็บปวด..
ไม่คิดเลยว่ามันจะทรมานได้มากขนาดนี้ เจ็บจนอย่างร้องออกมาดังๆ
แต่ก็หยุดร่ายไม่ได้ เพราะคาถานี้หากหยุดร่ายกลางคันแล้วจะไม่สามารถร่ายซ้ำได้อีก
ปลายไม้สีขาวมีเสียงเปราะเล็กๆ
ควานลินยกยิ้มอีกครั้งเมื่อรู้ว่าคาถานี้ใกล้จะสัมฤทธิ์ผลแล้ว..
เปลือกตาของพัคจีฮุนค่อยๆ
ลืมขึ้นช้าๆ .. เป็นเวลาเดียวกันกับที่ส่วนบนของไม้กายสิทธิ์หักเปราะลง
ร่างสูงล้มฟุบลงไปอย่างหมดแรงแต่ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างล้นเหลือกับความสำเร็จในครั้งนี้
“เอ็ด..”
“พี่จีฮุน..”
“เอ็ด!! นายเป็นอะไรไปน่ะ!! ทำใจดีๆ ไว้นะ”
ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด
คราวนี้จีฮุนกลายเป็นฝ่ายที่ต้องลุกขึ้นมาช้อนตัวของควานลินขึ้นมาแทน..
คู่ตาสองชั้นของหนุ่มตัวสูงหรี่ลงนิดหน่อย
เขามองเจ้าของเรือนผมสีหม่นอย่างสุขใจก่อนจะค่อยๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา..
“ผม..ช่วยพี่..ได้แล้วครับ”
“นายจะไม่เป็นไรใช่ไหม?!
บอกพี่สิ...บอกพี่ว่านายจะไม่เป็นไร”
พัคจีฮุนเริ่มละล่ำละลัก
ใจเสียไปหมด..ความร้อนผ่าวเกิดขึ้นที่บริเวณดวงตาทั้งสอง
จนสุดท้ายก็กลั้นน้ำจากด้านในไม่ให้มันไหลเอาไว้ไม่อยู่..
“จำที่เรา..สัญญากันไว้..ได้ไหม
ว่าถ้าวันนั้นมาถึง..ผมจะกลายเป็นเพียงความฝันของพี่”
“ฮึกกก..
นายไม่ใช่ความฝันของพี่.. นายคือคนที่พี่รักที่สุด.. นายมีตัวตนทั้งตอนนี้..และจะมีตลอดไป
ฮึกก ..เอ็ดเวิร์ดอย่าทิ้งพี่ไปนะ..นายอย่าทิ้งพี่ไปไหนนะ ฮึกก พี่ขอร้อง..”
“ควานลิน....”
“................?”
“ควานลินคือชื่อจริงๆ
ของผม ..เรียกผมว่าควานลินนะครับ.. แค่ครั้งหนึ่งก็ยังดี”
“ควานลินอ่า.. ฮึกก
เพราะพี่ใช่ไหม นายถึงต้องเป็นแบบนี้ นายมาช่วยพี่ทำไม ฮึกก
ควานลิน..นายทำแบบนี้ไปทำไม...”
“เพราะผม..รักพี่ไงครับ”
จีฮุนถึงกับจุกในอกไปในบัดดล
นั่นสินะ.. เด็กคนนี้เป็นผู้ให้เขามาโดยตลอด แม้กระทั่งตอนนี้ ตอนที่ลมหายใจสุดท้ายของเจ้าตัวกำลังจะถูกมัจจุราชฉกชิงไปก็ตาม
“ใต้เตียงของพี่..ผมมีของบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ให้..
พี่ไปค้นดูนะครับ”
“ควานลินอ่า...”
ไลควานลินยิ้มอีกหนึ่งครั้ง
พัคจีฮุนเริ่มที่จะใจหายหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าส่วนล่างของแฟนหนุ่มมีเปลวเพลิงสีส้มลุกไหม้โหมขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าแปลกที่มันไม่ได้ทำให้เกิดความร้อนใดๆ เลยแก่ตัวของเขา
ควานลินพยายามที่จะพูดกับจีฮุนอีกครั้งอย่างยากลำบาก
“..เก็บ..นี่ไว้นะครับ..”
มืออันไร้เรี่ยวแรงยื่นไม้กายสิทธิ์สีขาวที่หักเปราะใส่ในมือของจีฮุน..
“แม้จะเป็น..เวลาสั้นๆ..
แต่ พี่ทำ.ทำให้ผม.. ได้รู้ว่า..รัก คืออะไร...”
“ควานลินอ่า...ฮึกกก
ไม่เอาแบบนี้.. อย่าทิ้งพี่ไปนะ ฮือออ”
“พี่..ต้องรักตัวเองมากๆ..นะครับ
อย่าทำแบบนี้อีก..สัญญากับผมได้ไหม”
“ได้..ฮึกก
พี่สัญญา..ควานลิน ฮึกก”
“ดีจัง..ขอบคุณมากๆ
นะครับ..ผม..ขอบคุณ..จริงๆ...”
ดวงตากลมโตที่เคยมีแววสดใสตอนนี้หลับพริ้มลงไปแล้ว
พร้อมกับเพลิงที่ลุกไหม้ร่างของพ่อมดตัวสูงกลายเป็นไอเวทย์มนต์ลอยละล่องไปทั่ว
พัคจีฮุนกอดไม้คฑาอันเรียวไว้ในอ้อมแขนแล้วเริ่มบรรเลงบทโศกดุจคนวิกลจริต..
จากไปแล้ว..
รักแรกของจีฮุน เขามาอย่างลึกลับ.. และจากไปอย่างลึกลับเช่นเดียวกัน..
สักพักก็ได้ยินเสียงของแพจินยองที่ดังขึ้นอย่างตื่นเต้น..
“จีฮุนอ่า...!!!
จีฮุน!!! มึงยังไม่ตาย!! ฮึกกก ฮือออ มึงยังไม่ตายจริงๆ ด้วย”
แพจินยองโผเข้ากอดร่างของเพื่อนสนิทหลังจากที่อึ้งกิมกี่กับการฟื้นขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดของพัคจีฮุนพลางปล่อยโฮลั่นอย่างไม่อายอายุของตัวเอง
“แล้วทำไมมึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?.. นี่มันบ้าอะไรกันวะ”
“จินยองอ่า... ฮึกกก..”
“จีฮุน.. มึง..”
เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยอันทรงเสน่ห์ถอนอ้อมกอดออกจากจีฮุน
หลังจากพบว่าเพื่อนหน้าหวานของเขากำลังร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร
ในอ้อมแขนของเจ้าตัวมีแท่งไม้สีออกขาวๆ เหน็บเอาไว้อยู่
จินยองไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเลยแม้แต่น้อย..
เลยทำได้แค่ดึงตัวของเพื่อนรักเข้ามากอดแนบแน่นอีกครั้งแล้วลูบหัวลูบหลังเป็นการปลอบประโลมไปพลางๆ
สายลมวูบหนึ่งพัดเข้ากระทบใบหน้า..
กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยทำให้พัคจีฮุนที่พยายามจะกลั้นแรงสะอื้นไว้กลับล้มเหลว.. ใช่
เขาเป็นคนเลือกน้ำหอมกลิ่นนี้ให้ควานลิน.. กลิ่นชาเขียวอ่อนๆ ที่ได้สูดดมแล้วรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างเหลือล้น..
อยู่ข้างพี่นะ..ควานลิน..
อยู่ด้วยกันตลอดไป..
ไม่มีพ่อมดที่ชื่อว่าเอ็ดเวิร์ดไล
หรือไลควานลิน
ไม่มีมนุษย์เลือดร้อนที่ชื่อว่าพัคจีฮุน..
จะมีเพียงเรา..
มีเพียงควานลิน..ที่รักพี่
และมีเพียงพี่..ที่รักควานลินตลอดไป
มือเรียวขาวกำลังง่วนอยู่กับการหยิบหาตำราเล่มแล้วเล่มเล่าบนชั้นหนังสือในห้องของตนอย่างขะมักเขม้น
นักศึกษาทันตแพทย์หนุ่มกำลังค้นหาหนังสือสำหรับการค้นคว้าข้อมูลเพื่อทำโปรเจกต์ใหญ่ของปีนี้...
หลังจากเกิดเรื่องนั้น
จีฮุนหยุดเรียนไปหนึ่งปีเต็ม..
ในช่วงแรกทั้งแจฮวานและแม่ของเขาก็คัดค้านอย่างรุนแรง
แต่พอได้มาเห็นสภาพของเขาเมื่อไร้ซึ่งควานลินแล้ว พวกเขาก็อดสงสารเจ้าตัวไม่ได้ ..
ใช่..
เขาไม่ได้บอกเรื่องพ่อมดหนุ่มที่ร่วงจากไม้กวาดตกลงมาที่ระเบียงห้องของเขาออกไปแต่อย่างใด..
แต่ในตอนนั้น ต่อหน้าแม่และพี่ชาย เขาให้เหตุผลแค่ว่า..
“..เขาจากผมไปแล้ว..
ฮึกก ออมม่า.. เขาจากผมไปแล้ว..”
คนเป็นแม่รู้ดีทันทีเมื่อสบตาของลูกชายคนเล็ก..
พัคจีฮุนไม่เคยแสดงสีหน้าท่าทาง รวมถึงสายตาเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน
ดังนั้นเธอจึงคิดว่าการปล่อยให้เจ้าตัวได้อยู่กับตัวเองสักพักหนึ่งก็คงจะช่วยเยียวยาแผลลึกในใจของลูกชายเธอได้บ้าง
ซึ่งคิมแจฮวานก็เห็นด้วยและรับปากว่าจะย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนจีฮุนสักระยะ
ในตอนนั้น..
ทุกอย่างในสายตาของจีฮุนเต็มไปด้วยภาพของไลควานลิน
หูยังคงได้ยินเสียงทุ้มนุ่มหัวเราะร่าเริงอยู่ข้างๆ จมูกยังคงได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ
ของเจ้าตัวอยู่เสมอ..
เพียงแต่ทุกอย่างที่ว่านั้นมันเกิดขึ้นเพราะเขาเองอยากให้มันเกิดเสียมากกว่า..
และหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา..
พัคจีฮุนก็ยอมที่จะทำตามคำขอสุดท้ายของเด็กคนนั้น.. เขาต้องรักตัวเองให้มากๆ..
เหมือนที่เด็กตัวสูงคนนั้นรักเขา.. จนมาถึงวันนี้..ห้าปีแล้ว
จากเด็กหนุ่มเลือดร้อนหัวรุนแรงที่ชอบทำอะไรบุ่มบ่ามอยู่บ่อยๆ..
สู่ว่าที่ทันตแพทย์ที่คะแนนสูงลิบลิ่วเป็นอันดับต้นๆ ของคณะในปีที่สอบเข้า..
โครม!!
ดูเหมือนว่าเพราะเขาจะไม่ได้ระวังมากนักในขณะที่เอื้อมหยิบหนังสือบนชั้นสูง
ทำให้เกิดลื่นสมุดเล่มบางที่พื้นจนเสียหลักล้มลงก้นจ้ำเบ้า
มือที่คว้าชั้นหนังสือไม้ไว้ไม่ทันเผลอฉวยหนังสือบางส่วนให้หล่นลงมาพร้อมตัวของเขาหลายสิบเล่มกระจายระเนระนาดเข้าไปใต้เตียงบ้าง
กองอยู่รอบๆ ตัวเขาบ้างเต็มไปหมด
จีฮุนนอนราบลงแล้วเอื้อมแขนไปหยิบตำราในซอกมืดใต้เตียงนอนออกมา
ทว่ามันไม่ใช่ตำราแต่เป็นกล่องบางอย่างที่มีรูปร่างออกแบบมาให้คล้ายปกหนังสือหนาเตอะเล่มเก่าๆ
ตอนนี้จิตใจของหนุ่มหน้าหวานเริ่มมุ่งจดจ่ออยู่กับมันแล้วพยายามนึกให้ออกว่าใครกันแน่ที่เอามันมาไว้ข้างใต้นี้
จะว่าคิมแจฮวานที่แวะมาเมื่อวานก็ไม่ใช่.. หรือจะเป็นจินยองที่มาเที่ยวที่ห้องเขาบ่อยๆ
ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่.. เพราะอันธพาลหน้านิ่งเพื่อนรักของเขาที่กลายเป็นนายตำรวจหนุ่มไปแล้วคงไม่พกของหยุมหยิมแบบนี้มาซ่อนไว้ที่ห้องเขาหรอก
ค่อยๆ เปิดมันออก..
ก็พบกับขวดแก้วขนาดเล็กที่บรรจุน้ำสีแดงสวยคล้ายไวน์อยู่ด้านใน มีล็อกเล็กๆ
ข้างขวดยาเป็นรูยาวแต่ตื้นเขินเหมือนจะเคยเป็นที่ใส่อะไรบางอย่าง..รูปทรงมันเหมือน..
ทันทีที่นึกได้พัคจีฮุนก็รีบลุกกรูขึ้นไปคว้าแท่งไม้เก่าๆ
สีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขามาทันที.. ลมอ่อนๆ
พัดโชยเข้ากระทบผิวหน้าอีกครั้งแล้ว.. แม้ประตูหน้าต่างจะปิดไว้ทุกบานก็ตาม
มือขาวค่อยๆ วางไม้สีสะอาดที่หักเปราะไปแล้วส่วนหนึ่งลงในช่องว่างนั่น
เปลวแสงสีส้มเพลิงที่จีฮุนเคยเห็นมันมาก่อนจากปลายไม้กายสิทธิ์นี้พุ่งส่องสว่างขึ้น
“..ยานี่
แม่ผมเป็นคนสอนให้ปรุงเองครับ มันใช้เวลนานน่าดูเลย แถมยังหาส่วนผสมยากอีกต่างหาก..
แต่มันเป็นของพี่แล้วครับ แค่พี่กินเข้าไปมันจะทำให้ความปรารถนาที่แท้จริงของพี่เป็นจริงหนึ่งอย่าง..
นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้พี่ได้.. รักพี่นะครับ พี่จีฮุน..”
ทันทีที่เสียงทุ้มนุ่มของเจ้าของไม้เงียบลง
แสงสว่างเจิดจ้าจากไม้แอสเพนสีขาวนวลก็ดับวูบลง คงสภาพเป็นแท่งไม้เก่าๆ
หักเปราะเช่นเดิม..เด็กคนนั้น แม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนจะจากกัน
ก็ยังนึกถึงแต่เขา.. น้ำตาที่ไม่ได้ไหลเพราะเรื่องนี้มากว่าเกือบห้าปีเริ่มรินลงบนแก้มนวลเนียนทั้งสองข้าง
จีฮุนหยิบขวดยาขวดน้อยขึ้นมาเปิดฝา
มองมันสักพักอย่างตื้นตันจากนั้นจึงดื่มมันลงไปรวดเดียวจนหมด..
ความหวานหอมที่ชุ่มฉ่ำไปทั่วทุกอณูของปากนี้
ต่างจากที่เขาเคยเห็นในหนังพ่อมดแม่มดที่เคยดูมาว่ายาพวกนี้รสชาติจะต้องย่ำแย่ที่สุดถึงที่สุด..
ห้าปีที่ผ่านมานี้....
อย่าโกรธพี่นะ.. เด็กดีของพี่ ไม่มีสักวินาทีที่พี่ไม่คิดถึงนายควานลิน แต่ที่ไม่แสดงออกไม่ใช่เพราะพี่ลืมนายไปแล้ว
เพียงแค่พี่ต้องเข้มแข็ง.. นายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงพี่อีกเหมือนเคย
ทั้งที่ใจจริง พี่อยากคุยกับนาย..อยากกอดนายใจจะขาด อยากเห็นหน้านายเหลือเกิน..
“ฮึกก..คำขอของพี่..
คือ..ขอให้นายมีความสุข.. ฮึกก ควานลิน.. ไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะ”
สุดท้าย..เขาก็ทำได้แค่ปล่อยโฮออกมาราวเด็กอนุบาลอยู่คนเดียว..
พัคจีฮุนแม้ว่าภายนอกจะดูแข็งแรง สดใส ร่าเริง
อาจหัวร้อนง่ายและขี้หงุดหงิดเป็นบางช่วงเหมือนเคย
แต่ในใจกลับโหวงเหวงและอ่อนแอสิ้นดี
“อย่าร้องไห้เลยครับ..คนดีของผม..”
ไม่จริง..
ฉับพลันเสียงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้นแผ่วๆ
ข้างกกหูของพัคจีฮุน
ทำเอาเจ้าของดวงหน้าหวานสวยเป็นต้องกลั้นก้อนสะอื้นอย่างทันทีทันใด..
คางได้รูปได้สัดส่วนสอดเข้าตรงไหล่ของจีฮุน
เจ้าของเสียงปริศนากำลังโอบกอดแผ่นหลังที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำอยู่อย่างแนบแน่น..
นี่เขาคงเรียนจนเบลอไปแล้วแน่ๆ
ภาพหลอนในตอนนี้มันถึงชัดทั้งความรู้สึกทั้งเสียงขนาดนี้
ได้เวลาที่ต้อง
ตื่นจากภวังค์บ้าๆ นี่แล้ว..
ใจมันคิดแบบนั้น..แต่ความรู้สึกนี้มันไม่จางหายไปเหมือนทุกทีเลย..
“..ควาน..ลินอ่า..?”
“ผม..กลับมาแล้วครับ ^^”
ในทันทีที่เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหม่นหันหน้าไปพบกับดวงหน้าขาวใสกับกลุ่มผมหนาสีดำขลับที่คุ้นเคยนั้น
จีฮุนก็โผเข้ากอดร่างสูงกว่าโดยที่เจ้าตัวผู้ถูกกระทำแทบไม่ทันได้ตั้งตัว
ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว..เวลาที่ล่วงเลยไปมากมายขนาดนี้ไม่เคยเปลี่ยนเอ็ดเวิร์ดไล
หรือไลควานลินคนนี้ไปได้เลย ทั้งรอยยิ้ม.. น้ำเสียง.. หน้าตา.. กลิ่นไอ..
“เป็นไปไม่ได้ ฮึกกก
เป็นไปไม่ได้ ฮือออ..”
“ผมจริงๆ ครับ..
พี่จีฮุน..”
“ก็ในเมื่อ.. นาย..”
“พี่เป็นคนร้องขอไม่ใช่หรอครับ..?”
“แต่พี่ไม่ได้ขอให้นาย....”
“คำขอที่พี่พูดเมื่อกี้น่ะ..
มันไม่เป็นผลหรอกครับ.. ก็ในเมื่อสิ่งที่พี่ต้องการมันอยู่ในใจพี่มาโดยตลอด”
จีฮุนเงยหน้าขึ้นจ้องมองเด็กหนุ่มคนเดิมที่ถอนอ้อมกอดออกแล้วใช้นิ้วเรียวยาวจิ้มเข้ามาที่อกซ้ายของเขาพลางส่งรอยยิ้มหวานสดใสให้เหมือนเคย
เขาไม่ได้ฝัน.. เขาไม่ได้ฝันจริงๆ..
แม้ว่าภาพตรงหน้าที่เห็นจะเลือนรางเพราะคราบน้ำตา
“แต่ตอนนี้..
ผมไม่ใช่คนที่วิเศษวิโสอะไรอีกแล้วล่ะครับ.. ผมไม่ใช่เอ็ดเวิร์ดไลคนนั้น..
พ่อมดที่เก่งกาจและทำให้พี่อึ้งได้เหมือนเมื่อก่อนเพียงแค่โบกไม้กายสิทธิ์.. ผมทำอะไรแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว..
พี่จะยังรักผมอยู่ไหมครับ?”
“ควานลินอ่า...”
“ตอนนี้มีเพียงแค่ผู้ชายคนนี้..
มีเพียงแค่ไลควานลิน คนที่เป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง..ที่จะรักพี่เพียงคนเดียวตลอดไป..
พี่ยังรักผมอยู่ไหมครับ”
“รักสิ..
ไม่อย่างงั้น.. นายจะได้กลับมาหาพี่หรอ จริงไหม?”
จีฮุนหัวเราะทั้งน้ำตายังไหลอยู่ตลอดเวลา
ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้..วันที่เขาได้หัวใจอีกครึ่งดวงของเขากลับมา..
ร่างสูงกว่าจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของคนตัวเล็ก
ปากสีพีชยังคงยกยิ้มตลอดเวลา..จีฮุนแทบไม่อยากจะหลับตาลงเลยแม้สักวินาทีเดียว
เพราะกลัวว่าเด็กตัวสูงตรงหน้าเขาจะหายไปอีก
“ขอโทษที่ต้องให้รอนานนะครับ..”
ในขณะที่คนตัวสูงกำลังลูบไรผมสีสวยอย่างเบามือ
พัคจีฮุนทำได้เพียงแค่ซุกหน้าอยู่ในอ้อมอกของคนตรงหน้าอยู่อย่างนั้น..
รับไออุ่นจากร่างกายของคนตรงหน้าไว้ให้ได้มากที่สุดหลังจากที่ห่างหายจากมันไปนานแสนนาน
แล้วคุณจะพบว่า..
เวทย์มนต์ไม่ได้อยู่ไกลตัวคุณเลย..
เชื่อผมไหมล่ะ?
Park Jihoon.
End.
__________________________________________
ฮู้ววววว~~ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากหลายอย่างรวมกันมาก
1.อยากดู Fantastic Beast
2. ย้อนไปดู Harry Potter แล้วเกิดอิน
3.ติดละครพ่อมดช่อง 7 (5555)
คู่นี้เป็นอีกคู่ที่ไรต์ชอบโมเม้นมากกกกกก แทบจะที่สุดเลยล่ะ
พี่จี้ของเราเวลาอยู่กับคนอื่นมักจะทำตัวแมนโคตรๆ เสมอ
แต่สุดท้ายพออยู่กับน้องหลินทีไร พี่จี้ก็เป็นได้แค่ก้อนกลม ตัวน้อยๆ น่ารักอยู่ดี (งุ้ยยย)
ยังไงก็ฝากติชมกันด้วยนะขอรับบบ~~~
ตอนแรกเกือบร้องไห้ไปแล้ว ขอบคุณที่จบแบบแฮปปี้
น่ารักมากเลย