ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เจ็บแต่เก็บอาการ 1/2
"ผมกลับบ้านช้าคุณเลยเป็นห่วงถึงขั้นนอนไม่หลับใช่ไหม?"
มุมปากคนพูดโค้งเป็นรอยยิ้มยามแกล้งหยอกเย้าภรรยาสาว เขาย่อตัวลงนั่งให้สายตาอยู่ในระดับ ในขณะที่มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบพวงแก้มนุ่มนิ่มของเธออย่างนุ่มนวล
นิรณาเอียงตัวหลบ ปัดมือหนาออกราวกับถูกของร้อน ไม่ชินสักครั้งกับการถึงเนื้อถึงตัวของคนที่ได้ชื่อว่าสามี สำหรับเธอปริชญ์ไม่ต่างจากตัวอันตราย ปากว่ามือถึงตลอด และตอนที่ได้สบตาเขาแววตาคมกล้านั้นเจือไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมยากจะคาดเดา
"อย่าเข้าข้างตัวเองหน่อยเลยคุณปั้น คนอย่างคุณไม่ได้สำคัญกับฉันขนาดนั้น" ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนปริชญ์ก็ไม่เคยอยู่ในสายตา ผู้ชายคนนี้เป็นแค่เพียงสามีในนามเท่านั้น
"ปากร้ายกับผมตลอดเลยนะครับคุณนับ"
ปริชญ์ไหวไหล่ รู้สึกหน้าชาแต่ยังทำเป็นนิ่งกลบเกลื่อน หลายครั้งที่นิรณามักพูดจาเสียดสีและเหน็บแนมกัน ไม่รู้จงเกลียดจงชังอะไรนัก ทั้งที่เขาเป็นคนเข้ามาช่วยเหลือเธอแท้ ๆ
"จะพูดดีกันไปทำไมในเมื่อเรามาอยู่ตรงนี้ก็เพราะต่างหวังผลประโยชน์ต่อกัน ฉันได้กอบกู้ชื่อเสียงให้คนในครอบครัว ส่วนคุณก็ถือโอกาสเอาเรียกคะแนนจากคุณย่าเพื่อหวังทรัพย์สมบัติของท่านอีก" เธอเชื่อเหลือเกินว่าการเข้ามาพัวพันของเขา ไม่ได้ทำเพราะหวังดีหรืออยากช่วยเหลือด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
"คุณคิดว่าผมแต่งงานเพราะหวังจะปอกลอก ?" คิ้วเข้มยักขึ้นหนึ่งทีเพื่อทวนถาม ในขณะที่สายตากวาดมองไปทั่ววงหน้าเนียนใสด้วยความชื่นชม นิรณาเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างไร้ที่ติ ใบหน้ามีเสน่ห์ชวนให้เหลียวหลังกลับมามองซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นดวงตา ปาก หรือจมูกล้วนถูกพระเจ้าบรรจงปั้น
"ยอมเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาอยู่กับคนพิการอย่างฉันเนี่ย คนดี ๆ ที่ไหนเขาทำกัน ต้องมีอะไรแลกที่สมน้ำสมเนื้อไม่ใช่หรือไง?"
นิรณามองว่าการที่ปริชญ์แต่งงานกับผู้หญิงพิการอย่างเธอ ยอมถูกลิดรอนอิสระ มันต้องไม่ใช่เพียงเพราะคำว่าบุญคุณเพียงอย่างเดียว ใครจะยอมเสียเปรียบโดยไม่หวังผลกัน
"คิดมากเกินไปแล้ว หัดมองโลกในแง่ดีบ้าง"
"กล้าสาบานไหมล่ะ ว่าแต่งงานโดยไม่ต้องการอะไร"
รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายเลือนหาย ส่ายศีรษะไปมาอย่างเหนื่อย ๆ เขาไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับนิรณาแล้ว เพราะยิ่งอธิบายเธอก็หาว่าแก้ตัวอยู่ดี
"เห็นไหมว่าคุณไม่กล้า" ดวงตากลมโตสบมองเจ้าของร่างสูงอย่างผู้ชนะ
"ใช่ ผมอยากได้ผลประโยชน์จากการแต่งงาน แต่ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือเงินทองอย่างที่คุณเข้าใจแน่นอน" เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดี ทุกอย่างที่คุณหญิงประภาขอให้ทำมีข้อแลกเปลี่ยนแฝงอยู่จริง
"แล้วคุณต้องการอะไร ?" นอกจากเงินทอง อำนาจ คนเราจะต้องการอะไรอีกล่ะ ?
"ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ"
เจ้าของนัยน์ตาคมยังคงเก็บความลับไว้ภายได้ใบหน้าเรียบนิ่ง ทำให้คนรอคำตอบผิดหวัง ชักสีหน้าไม่พอใจ
"หาข้ออ้างดี ๆ ไม่ได้สิไม่ว่า"
"แล้วแต่คุณจะคิด เลิกเถียงกันไปมาเถอะ ผมจะพาคุณไปพักมันดึกมากแล้ว" วงแขนแกร่งโน้มไปข้างหน้าหมายช้อนตัวหญิงสาวจากโซฟา ทว่าอีกฝ่ายกลับดันไหล่กว้างเอาไว้
"ฉันนั่งรถเข็นไปเองได้ ห้องก็อยู่แค่นี้เอง"
นิรณาสามารถพาตัวเองทำกิจวัตรส่วนตัวได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงชายหนุ่มทั้งหมด บวกกับเรือนหอที่ใช้พักอาศัยหลังแต่งงานเป็นบ้านชั้นเดียวมีขนาดกว้างขวาง ปลอดภัยสะดวกสบายสำหรับคนพิการอย่างเธอ
"แม่บ้านโทรบอกผมว่าล้อรถคุณพัง อย่าฝืนใช้ดีกว่า เจ็บตัวขึ้นมาไม่คุ้มนะ ผมกำลังสั่งคันใหม่ให้พรุ่งนี้ของน่าจะมาถึง”
“แต่…”
“คุณกลัวผม?" หลายครั้งที่นิรณาทำราวกับระแวง ทั้งที่เขาไม่เคยคิดร้ายกับเธอด้วยซ้ำ
"ใครกลัว ?"
"ไม่กลัวก็ให้ผมอุ้มดี ๆ จะได้ไปนอนกัน"
ความอยากเอาชนะทำให้นิรณาจำนน ยกแขนขึ้นคล้องลำคอแกร่งอย่างว่าง่าย ปริชญ์จะได้รู้ว่าเธอไม่ได้เกรงกลัวเขาสักนิด
ปริชญ์อุ้มหญิงสาวขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด ช้อนร่างอรชรไปยังห้องนอนของเธอและเขา ความใกล้ชิดในลักษณะนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เพราะคนที่ได้ชื่อว่าสามีคอยดูแลเธอเป็นหลักทั้งอุ้มขึ้นห้อง ขึ้นรถหรือแม้แต่พาเข้าห้องน้ำส่วนใหญ่ล้วนเป็นเขา
นิรณาเหลือบมองคนตัวโตร่วมนาที ราวกับอยากมองให้ทะลุปรุโปร่งถึงความคิด ภายใต้ความคมเข้มและหล่อเหลา ซุกซ่อนความลับอะไรอยู่ ทำไมถึงเข้าถึงยากพิกล สำรวจได้ครู่หนึ่งก็ต้องเบนสายตาหลบเมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้
“มองได้ผมไม่ว่า” มุมปากชายหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
"ไม่ได้มองเพราะพิศวาส ที่มองเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงยอมคุณย่านัก" เธอรีบแย้งพลางทุบลงบนไหล่กว้างหนึ่งทีอย่างขัดใจที่ปริชญ์เอาแต่ยิ้ม
เจ้าของความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรค่อย ๆ วางหญิงสาวลงบนเตียงกว้างช้า ๆ และตั้งใจเลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าหาวงหน้างามของหญิงสาว แม้ชั่วเสี้ยวอึดใจเดียว เขาก็ฉกฉวยโอกาสดอมดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากลำคอเรียวงามไปฟอดใหญ่
"ไม่ใช่แค่คุณหญิงหรอกที่ผมยอม คุณเองผมก็ยอมเหมือนกัน"
มุมปากคนพูดโค้งเป็นรอยยิ้มยามแกล้งหยอกเย้าภรรยาสาว เขาย่อตัวลงนั่งให้สายตาอยู่ในระดับ ในขณะที่มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบพวงแก้มนุ่มนิ่มของเธออย่างนุ่มนวล
นิรณาเอียงตัวหลบ ปัดมือหนาออกราวกับถูกของร้อน ไม่ชินสักครั้งกับการถึงเนื้อถึงตัวของคนที่ได้ชื่อว่าสามี สำหรับเธอปริชญ์ไม่ต่างจากตัวอันตราย ปากว่ามือถึงตลอด และตอนที่ได้สบตาเขาแววตาคมกล้านั้นเจือไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมยากจะคาดเดา
"อย่าเข้าข้างตัวเองหน่อยเลยคุณปั้น คนอย่างคุณไม่ได้สำคัญกับฉันขนาดนั้น" ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนปริชญ์ก็ไม่เคยอยู่ในสายตา ผู้ชายคนนี้เป็นแค่เพียงสามีในนามเท่านั้น
"ปากร้ายกับผมตลอดเลยนะครับคุณนับ"
ปริชญ์ไหวไหล่ รู้สึกหน้าชาแต่ยังทำเป็นนิ่งกลบเกลื่อน หลายครั้งที่นิรณามักพูดจาเสียดสีและเหน็บแนมกัน ไม่รู้จงเกลียดจงชังอะไรนัก ทั้งที่เขาเป็นคนเข้ามาช่วยเหลือเธอแท้ ๆ
"จะพูดดีกันไปทำไมในเมื่อเรามาอยู่ตรงนี้ก็เพราะต่างหวังผลประโยชน์ต่อกัน ฉันได้กอบกู้ชื่อเสียงให้คนในครอบครัว ส่วนคุณก็ถือโอกาสเอาเรียกคะแนนจากคุณย่าเพื่อหวังทรัพย์สมบัติของท่านอีก" เธอเชื่อเหลือเกินว่าการเข้ามาพัวพันของเขา ไม่ได้ทำเพราะหวังดีหรืออยากช่วยเหลือด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
"คุณคิดว่าผมแต่งงานเพราะหวังจะปอกลอก ?" คิ้วเข้มยักขึ้นหนึ่งทีเพื่อทวนถาม ในขณะที่สายตากวาดมองไปทั่ววงหน้าเนียนใสด้วยความชื่นชม นิรณาเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างไร้ที่ติ ใบหน้ามีเสน่ห์ชวนให้เหลียวหลังกลับมามองซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นดวงตา ปาก หรือจมูกล้วนถูกพระเจ้าบรรจงปั้น
"ยอมเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาอยู่กับคนพิการอย่างฉันเนี่ย คนดี ๆ ที่ไหนเขาทำกัน ต้องมีอะไรแลกที่สมน้ำสมเนื้อไม่ใช่หรือไง?"
นิรณามองว่าการที่ปริชญ์แต่งงานกับผู้หญิงพิการอย่างเธอ ยอมถูกลิดรอนอิสระ มันต้องไม่ใช่เพียงเพราะคำว่าบุญคุณเพียงอย่างเดียว ใครจะยอมเสียเปรียบโดยไม่หวังผลกัน
"คิดมากเกินไปแล้ว หัดมองโลกในแง่ดีบ้าง"
"กล้าสาบานไหมล่ะ ว่าแต่งงานโดยไม่ต้องการอะไร"
รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายเลือนหาย ส่ายศีรษะไปมาอย่างเหนื่อย ๆ เขาไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับนิรณาแล้ว เพราะยิ่งอธิบายเธอก็หาว่าแก้ตัวอยู่ดี
"เห็นไหมว่าคุณไม่กล้า" ดวงตากลมโตสบมองเจ้าของร่างสูงอย่างผู้ชนะ
"ใช่ ผมอยากได้ผลประโยชน์จากการแต่งงาน แต่ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือเงินทองอย่างที่คุณเข้าใจแน่นอน" เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดี ทุกอย่างที่คุณหญิงประภาขอให้ทำมีข้อแลกเปลี่ยนแฝงอยู่จริง
"แล้วคุณต้องการอะไร ?" นอกจากเงินทอง อำนาจ คนเราจะต้องการอะไรอีกล่ะ ?
"ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ"
เจ้าของนัยน์ตาคมยังคงเก็บความลับไว้ภายได้ใบหน้าเรียบนิ่ง ทำให้คนรอคำตอบผิดหวัง ชักสีหน้าไม่พอใจ
"หาข้ออ้างดี ๆ ไม่ได้สิไม่ว่า"
"แล้วแต่คุณจะคิด เลิกเถียงกันไปมาเถอะ ผมจะพาคุณไปพักมันดึกมากแล้ว" วงแขนแกร่งโน้มไปข้างหน้าหมายช้อนตัวหญิงสาวจากโซฟา ทว่าอีกฝ่ายกลับดันไหล่กว้างเอาไว้
"ฉันนั่งรถเข็นไปเองได้ ห้องก็อยู่แค่นี้เอง"
นิรณาสามารถพาตัวเองทำกิจวัตรส่วนตัวได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงชายหนุ่มทั้งหมด บวกกับเรือนหอที่ใช้พักอาศัยหลังแต่งงานเป็นบ้านชั้นเดียวมีขนาดกว้างขวาง ปลอดภัยสะดวกสบายสำหรับคนพิการอย่างเธอ
"แม่บ้านโทรบอกผมว่าล้อรถคุณพัง อย่าฝืนใช้ดีกว่า เจ็บตัวขึ้นมาไม่คุ้มนะ ผมกำลังสั่งคันใหม่ให้พรุ่งนี้ของน่าจะมาถึง”
“แต่…”
“คุณกลัวผม?" หลายครั้งที่นิรณาทำราวกับระแวง ทั้งที่เขาไม่เคยคิดร้ายกับเธอด้วยซ้ำ
"ใครกลัว ?"
"ไม่กลัวก็ให้ผมอุ้มดี ๆ จะได้ไปนอนกัน"
ความอยากเอาชนะทำให้นิรณาจำนน ยกแขนขึ้นคล้องลำคอแกร่งอย่างว่าง่าย ปริชญ์จะได้รู้ว่าเธอไม่ได้เกรงกลัวเขาสักนิด
ปริชญ์อุ้มหญิงสาวขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด ช้อนร่างอรชรไปยังห้องนอนของเธอและเขา ความใกล้ชิดในลักษณะนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เพราะคนที่ได้ชื่อว่าสามีคอยดูแลเธอเป็นหลักทั้งอุ้มขึ้นห้อง ขึ้นรถหรือแม้แต่พาเข้าห้องน้ำส่วนใหญ่ล้วนเป็นเขา
นิรณาเหลือบมองคนตัวโตร่วมนาที ราวกับอยากมองให้ทะลุปรุโปร่งถึงความคิด ภายใต้ความคมเข้มและหล่อเหลา ซุกซ่อนความลับอะไรอยู่ ทำไมถึงเข้าถึงยากพิกล สำรวจได้ครู่หนึ่งก็ต้องเบนสายตาหลบเมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้
“มองได้ผมไม่ว่า” มุมปากชายหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
"ไม่ได้มองเพราะพิศวาส ที่มองเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงยอมคุณย่านัก" เธอรีบแย้งพลางทุบลงบนไหล่กว้างหนึ่งทีอย่างขัดใจที่ปริชญ์เอาแต่ยิ้ม
เจ้าของความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรค่อย ๆ วางหญิงสาวลงบนเตียงกว้างช้า ๆ และตั้งใจเลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าหาวงหน้างามของหญิงสาว แม้ชั่วเสี้ยวอึดใจเดียว เขาก็ฉกฉวยโอกาสดอมดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากลำคอเรียวงามไปฟอดใหญ่
"ไม่ใช่แค่คุณหญิงหรอกที่ผมยอม คุณเองผมก็ยอมเหมือนกัน"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น