ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สามีคนนี้คนที่เธอบอกไม่รัก (มีe-book)

    ลำดับตอนที่ #2 : เจ็บแต่เก็บอาการ 1/2

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.พ. 67


    "ผมกลับบ้านช้าคุณเลยเป็นห่วงถึงขั้นนอนไม่หลับใช่ไหม?"

    มุมปากคนพูดโค้งเป็นรอยยิ้มยามแกล้งหยอกเย้าภรรยาสาว เขาย่อตัวลงนั่งให้สายตาอยู่ในระดับ ในขณะที่มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบพวงแก้มนุ่มนิ่มของเธออย่างนุ่มนวล

    นิรณาเอียงตัวหลบ ปัดมือหนาออกราวกับถูกของร้อน ไม่ชินสักครั้งกับการถึงเนื้อถึงตัวของคนที่ได้ชื่อว่าสามี สำหรับเธอปริชญ์ไม่ต่างจากตัวอันตราย ปากว่ามือถึงตลอด และตอนที่ได้สบตาเขาแววตาคมกล้านั้นเจือไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมยากจะคาดเดา

    "อย่าเข้าข้างตัวเองหน่อยเลยคุณปั้น คนอย่างคุณไม่ได้สำคัญกับฉันขนาดนั้น" ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนปริชญ์ก็ไม่เคยอยู่ในสายตา ผู้ชายคนนี้เป็นแค่เพียงสามีในนามเท่านั้น

    "ปากร้ายกับผมตลอดเลยนะครับคุณนับ"

    ปริชญ์ไหวไหล่ รู้สึกหน้าชาแต่ยังทำเป็นนิ่งกลบเกลื่อน หลายครั้งที่นิรณามักพูดจาเสียดสีและเหน็บแนมกัน ไม่รู้จงเกลียดจงชังอะไรนัก ทั้งที่เขาเป็นคนเข้ามาช่วยเหลือเธอแท้ ๆ

    "จะพูดดีกันไปทำไมในเมื่อเรามาอยู่ตรงนี้ก็เพราะต่างหวังผลประโยชน์ต่อกัน ฉันได้กอบกู้ชื่อเสียงให้คนในครอบครัว ส่วนคุณก็ถือโอกาสเอาเรียกคะแนนจากคุณย่าเพื่อหวังทรัพย์สมบัติของท่านอีก" เธอเชื่อเหลือเกินว่าการเข้ามาพัวพันของเขา ไม่ได้ทำเพราะหวังดีหรืออยากช่วยเหลือด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์

    "คุณคิดว่าผมแต่งงานเพราะหวังจะปอกลอก ?" คิ้วเข้มยักขึ้นหนึ่งทีเพื่อทวนถาม ในขณะที่สายตากวาดมองไปทั่ววงหน้าเนียนใสด้วยความชื่นชม นิรณาเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างไร้ที่ติ ใบหน้ามีเสน่ห์ชวนให้เหลียวหลังกลับมามองซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นดวงตา ปาก หรือจมูกล้วนถูกพระเจ้าบรรจงปั้น

    "ยอมเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาอยู่กับคนพิการอย่างฉันเนี่ย คนดี ๆ ที่ไหนเขาทำกัน ต้องมีอะไรแลกที่สมน้ำสมเนื้อไม่ใช่หรือไง?"

    นิรณามองว่าการที่ปริชญ์แต่งงานกับผู้หญิงพิการอย่างเธอ ยอมถูกลิดรอนอิสระ มันต้องไม่ใช่เพียงเพราะคำว่าบุญคุณเพียงอย่างเดียว ใครจะยอมเสียเปรียบโดยไม่หวังผลกัน

    "คิดมากเกินไปแล้ว หัดมองโลกในแง่ดีบ้าง"

    "กล้าสาบานไหมล่ะ ว่าแต่งงานโดยไม่ต้องการอะไร"

    รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายเลือนหาย ส่ายศีรษะไปมาอย่างเหนื่อย ๆ เขาไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับนิรณาแล้ว เพราะยิ่งอธิบายเธอก็หาว่าแก้ตัวอยู่ดี

    "เห็นไหมว่าคุณไม่กล้า" ดวงตากลมโตสบมองเจ้าของร่างสูงอย่างผู้ชนะ

    "ใช่ ผมอยากได้ผลประโยชน์จากการแต่งงาน แต่ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือเงินทองอย่างที่คุณเข้าใจแน่นอน" เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดี ทุกอย่างที่คุณหญิงประภาขอให้ทำมีข้อแลกเปลี่ยนแฝงอยู่จริง

    "แล้วคุณต้องการอะไร ?" นอกจากเงินทอง อำนาจ คนเราจะต้องการอะไรอีกล่ะ ?

    "ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ"

    เจ้าของนัยน์ตาคมยังคงเก็บความลับไว้ภายได้ใบหน้าเรียบนิ่ง ทำให้คนรอคำตอบผิดหวัง ชักสีหน้าไม่พอใจ

    "หาข้ออ้างดี ๆ ไม่ได้สิไม่ว่า"

    "แล้วแต่คุณจะคิด เลิกเถียงกันไปมาเถอะ ผมจะพาคุณไปพักมันดึกมากแล้ว" วงแขนแกร่งโน้มไปข้างหน้าหมายช้อนตัวหญิงสาวจากโซฟา ทว่าอีกฝ่ายกลับดันไหล่กว้างเอาไว้

    "ฉันนั่งรถเข็นไปเองได้ ห้องก็อยู่แค่นี้เอง"

    นิรณาสามารถพาตัวเองทำกิจวัตรส่วนตัวได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงชายหนุ่มทั้งหมด บวกกับเรือนหอที่ใช้พักอาศัยหลังแต่งงานเป็นบ้านชั้นเดียวมีขนาดกว้างขวาง ปลอดภัยสะดวกสบายสำหรับคนพิการอย่างเธอ

    "แม่บ้านโทรบอกผมว่าล้อรถคุณพัง อย่าฝืนใช้ดีกว่า เจ็บตัวขึ้นมาไม่คุ้มนะ ผมกำลังสั่งคันใหม่ให้พรุ่งนี้ของน่าจะมาถึง”

    “แต่…”

    “คุณกลัวผม?" หลายครั้งที่นิรณาทำราวกับระแวง ทั้งที่เขาไม่เคยคิดร้ายกับเธอด้วยซ้ำ

    "ใครกลัว ?"

    "ไม่กลัวก็ให้ผมอุ้มดี ๆ จะได้ไปนอนกัน"

    ความอยากเอาชนะทำให้นิรณาจำนน ยกแขนขึ้นคล้องลำคอแกร่งอย่างว่าง่าย ปริชญ์จะได้รู้ว่าเธอไม่ได้เกรงกลัวเขาสักนิด

    ปริชญ์อุ้มหญิงสาวขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด ช้อนร่างอรชรไปยังห้องนอนของเธอและเขา ความใกล้ชิดในลักษณะนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เพราะคนที่ได้ชื่อว่าสามีคอยดูแลเธอเป็นหลักทั้งอุ้มขึ้นห้อง ขึ้นรถหรือแม้แต่พาเข้าห้องน้ำส่วนใหญ่ล้วนเป็นเขา

    นิรณาเหลือบมองคนตัวโตร่วมนาที ราวกับอยากมองให้ทะลุปรุโปร่งถึงความคิด ภายใต้ความคมเข้มและหล่อเหลา ซุกซ่อนความลับอะไรอยู่ ทำไมถึงเข้าถึงยากพิกล สำรวจได้ครู่หนึ่งก็ต้องเบนสายตาหลบเมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้

    “มองได้ผมไม่ว่า” มุมปากชายหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

    "ไม่ได้มองเพราะพิศวาส ที่มองเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงยอมคุณย่านัก" เธอรีบแย้งพลางทุบลงบนไหล่กว้างหนึ่งทีอย่างขัดใจที่ปริชญ์เอาแต่ยิ้ม

    เจ้าของความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรค่อย ๆ วางหญิงสาวลงบนเตียงกว้างช้า ๆ และตั้งใจเลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าหาวงหน้างามของหญิงสาว แม้ชั่วเสี้ยวอึดใจเดียว เขาก็ฉกฉวยโอกาสดอมดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากลำคอเรียวงามไปฟอดใหญ่

    "ไม่ใช่แค่คุณหญิงหรอกที่ผมยอม คุณเองผมก็ยอมเหมือนกัน"





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×