คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ 1/2
ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่เหมาะสำหรับจัดงานพิธี ทั้งสำหรับสัมมนา กินเลี้ยง ประชุมใหญ่ แต่ในค่ำคืนนี้เป็นสถานีจัดงานแต่งงานของคู่รักที่คบหากันมาร่วม 3 ปี บริเวณหน้างานตกแต่งด้วยดอกไม้นานาพันธุ์หลากสีสันที่เปรียบเสมือนบุคลิกเจ้าสาวที่น่ารักสดใส เป็นที่รักของแขกที่มาร่วมงานได้เป็นอย่างดี ต่างจากเจ้าบ่าวที่มีบุคลิกนิ่ง สุขุม หรือที่บรรดามิตรสหายให้ฉายาว่า เสือยิ้มยาก แต่วันนี้หลายคนจะได้เห็นอีกมุมของเขา เพราะภาพถ่ายพรีเวดดิ้งที่นำมาตั้งโชว์ให้แขกร่วมงานได้เห็นกันนั้น ทุกคนออกความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่ารอยยิ้มของเขานั้นมีเสน่ห์มากเพียงใด
ฉากหลังบนเวทีปรากฏอักษรภาษาอังกฤษตัวพีกับตัวจีอยู่ ถูกออกแบบเป็นสัญลักษณ์อย่างสวยงาม ทั้งประดับอยู่บนของชำร่วย และในขณะนี้บ่าวสาวป้ายแดงกำลังกล่าวความในใจให้กันและกัน
“ผมไม่รู้ว่าจะรักผู้หญิงตรงหน้าได้มากแค่ไหน”
กันตรวีจับมือเจ้าสาวที่มองหน้ากันไม่วางตา กุมมือสอดนิ้วสัมผัสกันแน่น
“แต่ผมสัญญาว่าจะดูแล ให้เกียรติ อยู่เคียงข้างไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ มือที่จับกันอยู่วันนี้จะไม่มีวันปล่อยครับ”
คำพูดของเจ้าบ่าวบนเวทีเรียกเสียงปรบมือจากแขกที่นั่งเรียงรายอยู่ข้างล่าง
บ้างก็ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับขอบตาเบาๆ
ไม่เว้นแต่กับหญิงสาวที่นั่งขดอยู่บนโซฟา สายตาจ้องมองภาพบรรยากาศวันแต่งงานของเธอกับคนรักที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ส่งผ่านจอโทรทัศน์
“นั้นน่าจะเป็นครั้งล่าสุดที่พี่กันต์พูดจาหวานๆ”
หญิงสาวหัวเราะคิกคักกับตัวเอง ครั้งล่าสุดนั้นน่าจะใกล้ครบปีแล้วแหละ ก็สามีของเธอน่ะ… พูดแล้วเขิน เขาไม่ค่อยพูดจาหวานๆ กับเธอหรอก
“แล้วเจ้าสาวละครับ มีอะไรบอกกับเพื่อนพี่ไหม”
คำถามจากพี่พล พิธีกรหนึ่งเดียวในงานและยังเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าว เธอยื่นมือไปรับไมค์
“มีค่ะ มีเยอะมาก”
น้ำเสียงทะเล้นติดขี้เล่นของเจ้าสาว เรียกเสียงหัวเราะของคนในงาน
“พร้อมไม่เก่งเรื่องทำอาหารเลยค่ะ งานบ้านก็ไม่เก่ง แต่พร้อมเก็บที่นอนตอนเช้าทุกนะ พี่กันต์ไม่ต้องห่วง”
“ถ้าย้อนเวลากลับไปจะไม่พูดแบบนั้น ขายตัวเองชัดๆ ”
พูดไปแล้วหยิบขนมเข้าปาก แต่ใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้ม
พัทธนันท์ส่งยิ้มให้เจ้าบ่าว ในขณะที่เขายกมือขึ้นมาลูบหัวเธอเบาๆ ส่วนมืออีกอย่างยังกุมแน่นไม่ปล่อย เธอพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันไม่ให้มันไหลออกมา
“แต่พร้อมสัญญาเหมือนกันว่าจะตั้งใจฝึกทำกับข้าวอร่อยๆ ให้พี่กินทุกมื้อ จะทำงานบ้านให้เก่งพี่กลับมาจะได้สบาย จะเป็นภรรยาที่ดี ให้เกียรติและสนับสนุนพี่เสมอค่ะ”
เสียงเฮและปรบมือลั่นเหมือนคราวที่เจ้าสาวพูดจบ ตามด้วยเสียงแซวจากบรรดารุ่นพี่ เพื่อนๆ ที่มาร่วมแสดงความยินดี แต่สำหรับคู่รักเจ้าของงาน ราวกับโลกใบนี้มีแค่เธอกับเขาสองคน สื่อความรู้สึกผ่านดวงตา เหมือนเป็นสื่อกลางที่เข้าใจกันแค่สองคน
“พร้อมรักพี่นะ”
เขายิ้ม ยกมือมาเช็ดน้ำตาให้เธอ
“ร้องไห้เดี๋ยวก็หมดสวยหรอก”
เธอส่ายหน้า จับมือเขาออกหน้าเธอ
“พี่ไม่รักพร้อมเหรอคะ บอกรักพร้อมบ้างสิ”
ใบหน้ายังประดับด้วยรอยยยิ้ม มือหนากระชับมือบางให้แน่นขึ้น
“ใครจะแต่งงานกับคนไม่รักละ”
“…”
“พี่รักเธอ รักเธอมากนะพร้อม”
พัทธนันท์ยิ้มตาหยีกับคำบอกรักของเขา ตั้งแต่คบกันมาสามปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคำว่า รัก จากเขา แต่ตาก็เบิกกว้างครั้นจู่ๆ เจ้าบ่าวป้ายแดงก้มมาประกบจูบกลางกลางสายตาคนนับร้อย
“โอ้โห ยังไม่ได้บอกว่าให้จูบเลยนะครับ แต่ไหนๆ แล้วก็จูบกันได้เลยค้าบบบบ”
เจ้าสาวป้ายแดงใจสั่น ตกใจที่เขาแสดงออกต่อหน้าผู้คนแต่เธอชอบ ดวงตาใสค่อยๆ หลับซึมซับจูบจากเขา ผู้ที่ได้เลื่อนขั้นเป็นสามีของเธอตั้งแต่เมื่อเช้าหลังจากเสร็จพิธีสงฆ์แบบไทย กรติพ่อของฝ่ายชายก็เรียกนายทะเบียนให้เราจดทะเบียนสมรสกันทันที วันนี้เป็นวันที่เราต่างมีความสุขที่สุด และเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดเช่นกัน
“เราได้เห็นอะไรหลายอย่างครั้งแรกในงานแต่งเยอะเหมือนกันนะเนี้ย”
ส่งขนมเข้าปาก แล้วยื่นมือออกมานับทีละนิ้ว นิ้วที่หนึ่ง
“บอกรักครั้งแรก”
นิ้วที่สอง
“แสดงออกต่อหน้าคนอื่นครั้งแรก ก็พี่กันต์ไม่ชอบนิเนอะ”
พยักหน้าหงึกๆ เข้าใจในความเป็นเขา นิ้วที่สาม
“พูดหวานๆ ครั้งแรก”
นิ้วที่สี่
“จูบแบบนั้นครั้งแรก”
แค่นึกถึงแก้มสองข้างก็แดงอย่างไม่มีเหตุผล
“ก็ครั้งนั้นมันดีมากนี่หน่า แต่จริงๆ มันน่าจะมีครั้งที่สองตอนเข้าหออะ ถ้าพี่กันต์ไม่เมาเละจนต้องหามขึ้นห้องอะนะ”
ว่าแล้วก็ขำ คืนเข้าหอล่มไม่เป็นท่าเพราะเจ้าบ่าวเมาเละจนไม่ได้สติ
เสียงเปิดรั้วจากประตูรีโมทกับแสงจากไฟหน้ารถสาดเข้ามากระจก หญิงสาวเหลือบไปมองนาฬิกาหน้าโทรทัศน์บอกเวลาสามทุ่มยี่สิบห้า
“ไม่คิดว่าจะดึกขนาดนี้แหะ”
หยิบรีโมทกดหยุดวิดีโอ พลางลุกขึ้นจากโซฟาเดินผ่านโซนรับแขกไปเปิดประตูรอรับสามี เมื่อเห็นร่างสูงก้าวลงจากรถ พัทธนันท์อ้าแขนรอให้เขาเข้ามากอด แต่เขากลับส่ายหน้า
“วันนี้พี่เหม็นน้ำมันเครื่อง”
แขนสองข้างลู่ตกข้างลำตัว ใบหน้าเง้างอแต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นสักนิด ครั้นจะยื่นมือไปรับกระเป๋าเขาก็เบี่ยงหลบ
“เค้าอยากช่วยถือค่ะ”
สุดท้ายเขาก็ส่งให้ เธอรับมาถืออย่างยิ้มๆ เบี่ยงตัวหลบให้เขาเข้าบ้านด้วยกัน กันตรวีหันกลับมาล็อคบ้านตรวจดูความเรียบร้อยอีกทีแล้วดึงม่านปิด
“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าอยู่บ้านคนเดียวให้ปิดม่าน”
พัทธนันท์วางกระเป๋าทิ้งไว้บนโซฟาแล้วเดินหายเข้าไปในครัว ก่อนออกมาพร้อมน้ำเย็นหนึ่งแก้วให้สามีที่มองเธอไม่วางตาแต่ก็ยื่นรับแก้วน้ำจากเธอ
“พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนมั้ย เดี๋ยวเค้าอุ่นแกงกับทอดไข่รอ”
“เปลี่ยนเรื่อง”
พูดด้วยน้ำเสียงแกมดุ กันตรวีก้าวผ่านหน้าไปนั่งพักตรงเก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว เขาทำแบบนี้ประจำ ถ้าวันไหนชุดเลอะน้ำมันเครื่องเขาจะไม่ไปนั่งบนโซฟาเพราะมันทำความสะอาดยาก เธอตามไปยืนด้านหลังใช้มือบีบนวดช่วงบ่าให้เขาอย่างเอาใจ
“อย่าดุนักสิ”
ชายหนุ่มยกแก้วกินน้ำอึกใหญ่
“เค้าลืม ต่อไปนี้จะไม่ลืมอีกแล้วค่ะ”
พัทธนันท์โน้มตัวลงไปกอดคอเขาไว้หลวมๆ ไม่วายฉกหอมแก้มเขาเบาๆ อย่างไคร่รัก ไม่สนกลิ่นน้ำมันเครื่องที่เขาว่า
“กินข้าวยัง”
กันตรวีถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น ไม่ได้รู้สึกรำคาญกับท่าทางเธอ แม้จะไม่ชอบให้รุ่มร่ามกับร่างกาย แต่เขาชินกับการแสดงออกของเธอแล้ว แม้เป็นพฤติกรรมเล็กน้อยแต่เขากลับชอบใจเพราะเธอแสดงออกแบบนี้กับเขาคนเดียว แถมยังโยกตัวเบาๆ ราวกับเขาเป็นเด็กน้อยอย่างนั้นแหละ
“ยังค่ะ ก็เค้ารอกินพร้อมพี่ไง”
“แต่กินขนมแล้ว?”
ทำไมถึงรู้น่ะเหรอ ก็ไอ้เศษขนมติดอยู่มุมปากเธอไง เขาเห็นตั้งแต่เธอเปิดประตูบ้านรอเขาแล้ว แต่ตอนนี้เศษขนมที่ว่านั้นมันมาติดที่แก้มเขาแทนน่ะสิ มือหนายกลูบแก้มตัวเองเบาๆ เธอเห็นแบบนั้นรีบดีดตัวหันไปส่องดูตัวเองตรงเงาสะท้อนเครื่องไมโครเวฟ
“ติดที่แก้มพี่หมดแล้ว”
พัทธนันท์เช็ดปากลวกๆ แก้มแดงระเรื่อ กันตรวียกยิ้มกับท่าทางเขินอายของเธอ
“พี่อาบน้ำก่อน จะได้กินข้าวพร้อมกัน”
“เค้าแขวนชุดนอนไว้หน้าตู้แล้วนะ”
มองเขาที่เพียงพยักหน้ารับรู้เดินขึ้นบันไดไปจนลับสายตา แล้วหันมาทำหน้าที่ตัวเอง หยิบแก้วน้ำของเขาเมื่อกี้วางในอ่างล้าง หมุนเตาเปิดแก๊สอุ่นแกงที่ทำไว้ตั้งแต่เย็น เปิดประตูตู้เย็นหยิบไข่สามฟองกับหอมแดง สองฟองแรกตอกใส่ถ้วยพร้อมหอมแดงซอยอันนี้สำหรับเขา ส่วนอีกฟองสำหรับเธอเป็นแบบธรรมดา ปรุงรสแล้วตีไข่ทั้งสองถ้วยให้เข้ากัน 10นาทีต่อมาไข่เจียวก็โปะบนข้าวสวยร้อนๆทั้งสองจาน เป็นจังหวะเดียวที่ชายหนุ่มเดินลง กลิ่นไข่เจียวเรียกน้ำย่อยเขาได้ดี
กันตรวีทรุดนั่งลง ข้าวไข่เจียวถูกวางลงตรงหน้าพอดี
“รอแป๊บนึง เค้าตักแกงเขียวหวานก่อน”
เขารอจนแกงเขียวหวานชามใหญ่วางบนโต๊ะ กลิ่นเครื่องแกงบวกกับกะทิหอมๆกระตุ้นความอยากอาหารได้อีกเท่าตัว เมื่อภรรยานั่งลงตรงข้าม เขาก็หยิบช้อนยื่นไปตัก แต่…
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยพี่กันต์” ไม่พูดเปล่าแต่ตีมือเบาๆ
ความคิดเห็น