ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แวมไพร์ไร้นาม

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 เด็กชายผู้อ่อนหัด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19
      3
      14 พ.ค. 65

     

    enjoy reading ^_^

     

     

    //

     

     

    ในโลกของเหล่าแวมไพร์ซึ่งห่างไกลจากโลกมนุษย์ มีแวมไพร์ทั้งหมด 4 ประเภท แวมไพร์เพลิง แวมไพร์วารี แวมไพร์พืชพรรณและแวมไพร์ผู้มีปัญญา

     

    แวมไพร์เพลิงนั้นสามารถควบคุมและเสกสรรดวงไฟได้ตามต้องการ มีดวงตาสีแดง

     

    แวมไพร์วารีสามารถควบคุมและเสกสรรน้ำได้ตามต้องการ มีดวงตาสีฟ้า

     

    แวมไพร์พืชพรรณสามารถควบคุมและเสกสรรพืชพรรณได้ตามต้องการ มีดวงตาสีเขียว

     

    แวมไพร์ผู้มีปัญญาคือผู้ที่เฉลียวฉลาดกว่าแวมไพร์ชนิดอื่นและมีเวทย์อ่อนๆเช่น เวทย์เคลื่อนย้ายสิ่งของและเวทย์ปรุงยาขั้นสูงซึ่งเป็นศาสตร์ที่แวมไพร์ชนิดอื่นไม่สามารถทำได้ ทำได้แค่เวทย์ปรุงยาขั้นพื้นฐานเท่านั้น มีดวงตาสีเหลือง

     

    แต่ความสามารถเหล่านี้อาจจะพบตั้งแต่กำเนิดหรือหลังจากนั้นแต่ไม่เกินอายุ 18 ปี สามารถรู้ได้เมื่อดวงตาเปลี่ยนสีตามประเภทของตน แต่ก่อนที่จะเปลี่ยนสีดวงตาจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน เมื่อรู้ความสามารถของตนก็จะต้องฝึกฝนให้เก่งกาจขึ้น หากไม่ฝึกฝนเช่น แวมไพร์เพลิงหากไม่ฝึกฝนก็จะทำได้เพียงแค่เสกไฟได้ แวมไพร์ผู้มีปัญญาหากไม่เพิ่มพูนความรู้ไม่เรียนรู้เกี่ยวกับเวทย์เคลื่อนย้ายกับเวทย์ปรุงยาก็เป็นเหมือนกับแวมไพร์เด็กธรรมดา

     

    แวมไพร์ทุกตนแต่กำเนิดมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง วิ่งได้เร็ว สามารถฟังเสียงที่อยู่ไกลในระยะ 10 กิโลเมตร มีอายุขัย 1,000 ปี หากแวมไพร์ใช้พลังของตนมากเกินขีดจำกัดจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและอาจถึงตายได้ จะต้องดื่มเลือดเพื่อฟื้นฟูตนเองไม่สามารถขาดเลือดได้เกินหนึ่งอาทิตย์

     

    แวมไพร์มีระดับพลังอยู่เจ็ดระดับ สามารถฝึกฝนให้เก่งขึ้นจนถึงระดับที่เจ็ด

     

    1.ออตโต้ ระดับอ่อนสุดซึ่งหากปล่อยไว้มักจะถูกดูหมิ่นดูแคลนว่าอ่อนแอ

     

    2.เซนโต้

     

    3.ควินตัส

     

    4.ควอร์ตัส 

     

    5.เทรตัส พลังระดับแวมไพร์ส่วนใหญ่ที่มีอายุเกิน 200 ปี

     

    6.ดูเอล 

     

    7.ไพรมัส ระดับที่สูงที่สุดซึ่งมีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนจนมีพลังระดับนี้ได้โดยใช้เวลาในการฝึกฝนอย่างน้อย 500 ปีขีดสุดของพลังชีวิตไม่สามารถพัฒนาให้เก่งขึ้นได้อีกโดยผู้ที่มีพลังระดับนี้ไม่ต้องสอบหากอยากเป็นข้าราชการ

     แวมไพร์มีกฏเหล็กอยู่สองข้อคือ ห้ามดื่มเลือดมนุษย์หรืออมนุษย์ชนิดอื่นๆ ดื่มได้เพียงเลือดของสัตว์ป่าและสัตว์ที่เลี้ยงไว้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกประหารชีวิตด้วยกริช

    ข้อสอง หากซื้อพลังจากนักเวทย์แล้วโดนจับได้จะโดนะจำคุกตลอดชีวิตไม่มีการลดโทษ หรอโดนประหารด้วยเครื่องกิโยติน ซึ่งผู้ที่ซื้อพลังจากนักเวทย์จะมีพลังมากขึ้นในประเภทของความสามารถของตนโดยไม่จำเป็นต้องฝึกฝน

     

     

     

     

     

    //

     

     

     

     

     

    โรงเรียนประถม-มัธยมเดลาโรส

     

    ปังๆๆๆ เสียงทุบประตูห้องเรียนดังขึ้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

     

    “ชู่ว เงียบๆสิเจ้าอ้วนเดี๋ยวพวกข้าก็โดนลงโทษหรอก”เสียงเด็กชายคนหนึ่งพูดขึ้น

     

    “ปล่อยข้านะ! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”เสียงเด็กชายร่างกายอ้วนท้วนตะโกนออกมาจากห้อง เขาทั้งทุบและพุ่งตัวชนประตูเท่าไหร่พวกที่ขังเขาก็ไม่ยอมเปิดประตูให้

     

    “เควิน! มีคนมา!”เด็กหญิงตะโกนบอกเด็กชาย

     

    “เงียบซะเจ้าหมูอ้วนวินเทอร์”เควินตะโกนบอกเด็กชายที่โดนขังอยู่ในห้องแต่เขากลับโวยวายและทุบประตูดังกว่าเดิม ทำให้เควินหงุดหงิดมากขึ้น

     

    “นี่ ไอ้-“ดังไม่ทันที่เควินจะพูดจบก็มีคุณครูคนหนึ่งเดินเข้ามา

     

    “ทำอะไรกันน่ะ?”คุณครูเคธี่ถามพวกเขา

     

    “แม่นี่เอง ข้าตกใจหมดเลย”เควินพูดอย่างโล่งใจ ครูเคธี่ชะโงกหน้ามองไปที่ประตูห้อง

     

    “พวกเจ้าเล่นอะไรกันน่ะ?”ครูเคธี่ถามเควินลูกชายของเธอ

     

    “อ้อ พวกเราก็แค่ล้อเล่นกับวินเทอร์เท่านั้นเอง แม่ก็รู้ว่าข้าน่ะชอบล้อเล่นอยู่แล้ว”เควินแสยะยิ้มให้กับเคธี่ ซึ่งตอนแรกจากที่สีหน้าของเธอดูสับสนกลับกลายเป็นยิ้มอย่างใจดีพร้อมกับลูบหัวเควินเบาๆ

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็อย่ากลับบ้านเย็นนักล่ะเควิน”เคธี่พูดก่อนจะเดินออกไป เสียงของเด็กชายที่ถูกขังยังคงดังขึ้นเรื่อยๆและเรียกชื่อของเคธี่แต่เธอก็ทำเป็นหูทวนลม

     

    “เห็นไหมล่ะวินเทอร์? ไม่มีใครอยากจะช่วยเจ้าเลยสักคนเจ้าโง่ ฮ่าฮ่าฮ่า”เควินระเบิดหัวเราะอย่างสะใจก่อนที่เด็กอีกสามคนจะหัวเราะตามเขา

     

    “…”เสียงเด็กชายในห้องเงียบลงด้วยความสิ้นหวัง เขาทำได้เพียงแค่เฝ้ารอให้พวกนั้นแกล้งเขาจนเหนื่อยไปเอง

     

    “เงียบแบบนี้จะร้องไห้หรือไง ร้องสิ ร้องออกมาดังๆเลย!”ทีน่าตะโกนใส่เด็กชายที่ถูกขังเพราะพวกเขาอยากเห็นน้ำตาของวินเทอร์เหลือเกิน

     

    “นี่พวกเจ้า!”เสียงผู้มาใหม่ตะโกนขึ้น

     

    “องค์ชาย ท่านมาพอดีเลยมาร่วมกับพวกเราสิ”เควินกล่าวเชื้อเชิญ

     

    “พวกเจ้ากลับไปซะ ข้ากับเพื่อนข้าจะสั่งสอนมันเอง”เด็กชายผู้มาใหม่พูดก่อนจะชี้นิ้วสั่งบ่าวรับใช้ของเขาให้เปิดประตูออกเพื่อนำตัววินเทอร์ออกมา

     

    “ปล่อยข้านะ! พวกเจ้ามันพวกหมาหมู่”เสียงของเด็กชายร่างอ้วนท้วนโวยวาย

     

    “ข้าอ่านสมุดบันทึกโง่ๆของเจ้าแล้วนะ”ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์ชายเปิดสมุดบันทึกของวินเทอร์ออกอย่างช้าๆพร้อมกับอ่านมัน

     

    “คนอย่างเจ้ากล้าดียังไงมาหาว่าข้าเบียดเบียนผู้อื่น ห้ะ!”องค์ชายตะโกนใส่วินเทอร์เสียงดังจนเด็กชายร่างอ้วนท้วนสะดุ้งตัวโยน

     

    “ข้าองค์ชายรัชทายาทเอเธียสห้ามผู้ใดบังอาจมาสั่งสอนข้าทั้งนั้น!”เอเธียสพูดพร้อมกับชี้ไปที่พื้น

     

    บ่าวรับใช้ของเขาเหวี่ยงวินเทอร์ลงกับพื้น เด็กชายร่างอ้วนท้วนโดนเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรงตัวของเขากระแทกกับพื้นเสียงดังสนั่น ท่ามกลางเสียงหัวเราะขององค์ชายรัชทายาทกับบ่าวรับใช้และแวมไพร์เด็กตนอื่นที่เดินผ่านไปมา

     

    “เอาสมุดบันทึกเน่าๆนี่คืนไป แล้วก็พวกเจ้า จงกระทืบมันจนกว่าข้าจะพอใจ”เอเธียสโยนสมุดบันทึกที่ฉีกขาดใส่วินเทอร์อย่างแรงราวกับว่ามันทำอะไรผิดก่อนจะสั่งให้บ่าวรับใช้อีกสองคนรุมกระทืบเด็กชายร่างอ้วนท้วน

     

    “ร้องไห้ออกมาเลย! ให้พ่อของเจ้ามาช่วยไอ้แวมไพร์เลือดสีโคลน แวมไพร์อย่างเจ้าไม่สมควรมาอยู่ร่วมกับเลือดบริสุทธิ์อย่างพวกข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”เอเธียสตะโกน

     

    “บิดากับมารดาของเจ้าล้วนมีหน้าตาหล่อเหลาและงดงาม เจ้าเลือดสีโคลนนี่คงถูกเก็บมาเลี้ยงเป็นแน่ ฮ่าฮ่าฮ่-อั้ก!”บ่าวรับใช้ของเอเธียสเอ่ยก่อนจะถูกเตะเข้าที่แผ่นหลังอย่างจัง

     

    “ทำร้ายสหายของข้า อย่าคิดว่าจะรอดไปได้!”จิวตะโกน พร้อมกับพุ่งเข้าไปต่อยบ่าวรับใช้อีกคนของเอเธียสจนหงายหลัง เขาตกใจมาก

     

    “เจ้าบ้า ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”เอเธียสตะโกน

     

    “เจ้าทำร้ายสหายของข้า อย่าคิดว่าเป็นองค์รัชทายาทแล้วข้าจะเกรงกลัว!”จิวตะโกนอย่างโกรธแค้น เอเธียสกำลังจะพูดขู่เกี่ยวกับบิดาของจิวที่ทำงานเป็นที่ปรึกษาของพระราชาซึ่งเป็นบิดาของตนแต่ต้องหยุดชะงักเพราะเจแดนซึ่งเป็นบิดาของจิวเป็นแวมไพร์ผู้มีปัญญาที่มีความเฉลียวฉลาดที่สุดในเมืองนี้และได้ชื่อว่าเป็นแวมไพร์อัจฉริยะที่ใบรับรองพลังระดับดูเอลหากตนไปขอให้พระบิดาไล่เจแดนออกจากวังมีหวังคนที่จะโดนไล่คงจะเป็นตนเสียมากกว่า เมื่อเห็นว่าจิวไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยง่ายๆ เอเธียสจึงเดินออกมาเงียบๆ

     

    “องค์รัชทายาท! รอบ่าวด้วยขอรับ”บ่าวรับของเอเธียสตะโกนพร้อมกับรีบวิ่งตามหลังเอเธียสไป

     

    “หึ นึกว่าจะแน่”จิวพูดพร้อมกับหันไปประคองวินเทอร์ ด้วยความที่ร่างกายเจ็บปวดและอ้วนท้วน วินเทอร์ล้มลงไปกับพื้นและคว้าเสื้อจิวโดยทันที ทั้งสองล้มลงไปกับพื้นและหันมองหน้ากัน

     

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”จิวและวินเทอร์หัวเราะ นี่ไม่ใช้ครั้งแรกที่จิวปกป้องวินเทอร์

     

    “ข้ารู้ว่าเจ้าเจ็บอย่างอื่นมากกว่าเจ็บตัว หยุดแสร้งทำเป็นว่าตนเองมีความสุขได้แล้ว ทำไมเจ้าไม่ลุกขึ้นสู้บ้าง ข้าล่ะโกรธแทนเจ้าจริงๆ”จิวเอ่ยบ่น

     

    “เอาน่าข้าขอโทษ อย่าโกรธข้าเลย ข้ามันอ่อนแอเอง”วินเทอร์เอ่ยอย่างน้อยใจ จิวมองหน้าวินเทอร์แล้วครุ่นคิดบางอย่าง

     

    “เลิกเรียนพอดี พวกเราไปตลาดกัน ท่านพ่อข้าบอกว่าวันนี้มีพ่อค้าต่างเมืองเดินทางมา ต้องมีขนมแปลกๆแต่เลิศรสให้พวกเราได้กินแน่ อ้อแล้วก็ท่านพ่อข้าฝากขนมมาให้ครอบครัวของเจ้าด้วย”จิวเอ่ยอย่างตื่นเต้น

     

    “ของอร่อยงั้นหรือ? ข้าไปๆๆ ฝากขอบคุณท่านลุงเจแดนด้วย”

     

    “เรื่องของอร่อยเจ้าไม่เคยพลาดเลยจริงๆ”จิวยิ้มพลางส่ายหัว

     

     

    //

     

     

    ตลาดกลางเมืองเดลาโรส

     

    “โอ้โห! ขนมแปลกๆเต็มไปหมดจริงด้วย”วินเทอร์เอ่ยอย่างตื่นเต้นและเดินสำรวจขนมแปลกๆสองข้างทาง

     

    เด็กทั้งสองเดินดู กิน เล่นและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนมืดค่ำเด็กทั้งสองจึงรู้ตัวว่ากลับบ้านไปต้องโดนดุแน่ๆ 

     

    “พรุ่งนี้เจอกันนะวินเทอร์ กลับบ้านไปทำแผลด้วยหวังว่าน้าไอริสจะไม่ดุเจ้านะ”จิวกล่าวลาเพื่อนสนิทอย่างเป็นห่วง

     

    “อื้อ”วินเทอร์ตอบกลับ เขาไม่อยากจะแยกกับจิวเลย

     

     

     

     

    //

     

     

     

    บ้านของวินเทอร์

     

    “กลับมาแล้วเหรอเจ้าตัวแสบ!”ไอริสแม่ของวินเทอร์ตะโกนในมือของเธอถือไม้แขวนเสื้ออันเล็ก วินเทอร์สะดุ้งเล็กน้อย เขารู้ว่าแม่ของเขารักและเป็นห่วงเขามากกว่าใคร ไม่แปลกที่เธอจะโกรธมากขนาดนี้เมื่อเห็นเขากลับบ้านหลังอาทิตย์ตกดิน

     

    “ยังไม่เปิดขาให้แม่ตีอีก! ใยเจ้าจึงดื้อเช่นนี้”ไอริสตะโกน วินเทอร์ไม่อยากเปิดขาให้ไอริสตีเพราะถ้าหากทำเช่นนั้น ไอริสคงเห็นแผลฟกช้ำจากการโดนกระทืบและต้องไปร้องเรียนกับพระราชาแน่ๆ

     

    “พอได้แล้ว อย่าตีลูกเลยน่าการตีไม่ได้ช่วยอะไรเลย ให้ลูกเรียนรู้ด้วยตนเองเถอะ อีกอย่างวันนี้ลูกถูกท่านองค์รัชทายาทกลั่นแกล้งมา”ผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น

     

    “อะไรนะอาเธอร์”ไอริสตกใจ

     

    “เอาล่ะ เปิดขากับแขนให้แม่ดูซะ”อาเธอร์พูด วินเทอร์ตกใจบิดาของเขารู้ได้อย่างไร จิวเป็นคนไปฟ้องแน่ๆ ถ้าข้าเจอเจ้าเมื่อไหร่ล่ะก็-

     

    “อ๊า! ท่านแม่เบาๆ”ไอริสจับวินเทอร์ถอดเสื้อ เธอตกใจกับรอยฟกช้ำที่เต็มตัวลูกชายของเธอไปหมด

     

    “พรุ่งนี้ข้าจะไปพระราชวัง”ไอริสเอ่ยอย่างโกรธแค้น กล้าดียังไงมาทำกับลูกชายของเธอแบบนี้

     

    “ท่านแม่อย่านะ ข้าทนได้ ท่านไม่ได้เป็นแม่ทัพอย่างแต่ก่อนแล้ว ท่านจะเดือดร้อนนะ”

     

    “จริงอย่างที่วินเทอร์พูด ไอริสเจ้าใจเย็นลงก่อนเถิด ไว้ข้าจะคุยกับเจแดนเรื่องนี้เขาน่าจะช่วยได้”อาเธอร์เอ่ยปราม

     

    “งั้นเจ้าก็เข้าไปอาบน้ำซะวินเทอร์ ส่วนเจ้าก็นอนอยู่ข้างนอกซะอาเธอร์”ไอริสพูดอย่างหงุดหงิด ข้าเดินเข้าไปในบ้านพลางยิ้มส่ายหน้า ท่านพ่อคงจะโดนท่านแม่ดุอีกเป็นแน่

     

    “ข้ากับลูกก็กลับดึกเหมือนกันใยข้าจึงได้อยู่ข้างนอกคนเดียวเล่า”อาเธอร์เอ่ยอย่างน้อยใจ

     

    “งั้นเจ้าก็ไปนอนบ้านเจแดนซะไป ชอบประลองดาบกันจนมืดค่ำทุกวันดีนัก”ไอริสประชด

     

    “เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะไอริส”อาเธอร์ยกมือขึ้นมาประคองหน้าของเธอเพื่อสบตากัน

     

    “ปล่อยเลยนะ วันนี้เจ้าไปช่วยผู้หญิงที่โดนสามีทำร้ายอีกแล้วล่ะสิ แผลเต็มตัวเลย”ไอริสสะบัดหน้าหนีเขา

     

    “โถ่ไอริส ลูกผู้ชายย่อมต้องมีบาดแผล ถ้าไม่มีบาดแผลในทุกทุกวันก็ไม่ใช่อาเธอร์น่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่า”อาเธอร์พูดในเชิงขบขันแต่กลับทำให้ไอริสเครียดยิ่งกว่าเดิม

     

    “ถ้าอยากจะมีบาดแผลเพิ่มก็เชิญไปนอนข้างนอก”ไอริสพูดพร้อมกับชี้ไปที่ถนนหน้าบ้าน

     

    “ประลองดาบจนเหนื่อย ถ้าไม่ได้กลับมาเห็นหน้าเจ้า ข้าคงจะเหนื่อยตายเป็นแน่”อาเธอร์เอ่ยหยอกซึ่งมันได้ผล

     

    “อะ อะไร พูดอะไรเลอะเทอะ จะเข้าก็เข้าข้าเตรียมอาหารไว้แล้ว”ไอริสหน้าแดงเพราะความเขิน เธอจึงดันอาเธอร์เข้าไปในบ้านอย่างแรงเพื่อแก้เขิน

     

     

     

    //

     

     

     

    วินเทอร์พาร์ท

     

    “ท่านแม่ ข้าอัปลักษณ์หรือ?”ข้าพูดพลางหนุนตักท่านแม่

     

    “ถ้าเจ้าพูดแบบนี้อีกข้าจะตีปากเจ้า ฟังนะ เจ้าคือสิ่งสวยงามและเลอค่าที่สุดสำหรับแม่ถ้าใครพูดอะไรเจ้าก็อย่าไปฟัง เจ้าเข้าใจหรือไม่?”ไอริสพูดปลอบพลางลูบหัววินเทอร์

     

    “ข้ามันไร้ประโยชน์และไม่มีคุณค่า ไม่มีใครรักข้าเลยนอกจากท่านและท่านพ่อ”

     

    “เด็กน้อย เจ้าจำไว้นะ คุณค่าของเจ้าไม่ได้อยู่ที่ว่ามีใครรักเจ้าบ้างหรือเจ้าต้องมีทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าให้ผู้อื่นมาตัดสินคุณค่าในตัวของเจ้าได้”

     

    “แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมดวงตาของข้าถึงได้ดำขลับไม่เป็นสีน้ำตาลเหมือนแวมไพร์ตนอื่นท่านแม่บอกข้าได้หรือไม่”ไอริสเงียบไปสักพักและเปลี่ยนเรื่องคุย

     

    “เลิกเศร้าได้แล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 12 ของเจ้า นี่ของขวัญ”ไอริสมอบเงินจำนวนหนึ่งพร้อมเสื้อกันหนาวสีน้ำเงินให้วินเทอร์ เป็นแบบนี้อีกแล้วท่านแม่ไม่เคยตอบคำถามข้อนี้ของข้าเช่นเคย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    #WhoI'mI

    #แวมไพร์ไร้นาม

    #ดาร์กช็อกโกแลต

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×