เรื่องนี้อาจไม่ได้มาอัปบ่อยมาก แต่งสนองตัวเองนิดหน่อย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ พูดคุยคอมเม้นกันได้
เนื้อเรื่องอาจไม่ได้กล่าวถึงตัวละครครบหรือเนื้อหาครบ มีการเปลี่ยนแปลงลำดับเวลาบ้าง
แต่มีอ้างอิง
------------------------------------
เนื้อหาSeason1
ตอนที่1-10:ภาคช่วยเหลือเสาหลัก
ตอนที่11-20:ภาคช่วยเหลือเสาหลักและการสอบเพื่อเป็นนักล่าอสูร
ตอนที่21-25:ภาคครอบครัวคามาโดะดวงตะวันแห่งความหวัง
(หน้าปกนิยาย1...)
การตายของแต่ล่ะคนมันช่างน่าเวทนาเสียจริง ช่างน่าสงสารเกินกว่าใจจะจะยอมรับได้ภายในไม่กี่วัน
ขนาดข้าที่ไม่ได้ทำอะไรยังรู้สึกเช่นนี้
แล้วคนที่ต่อสู้โดยไม่สามารถมาปกป้องพี่น้องและพวกพ้องได้เล่า!
จะเจ็บปวดเพียงใด?
ข้าไม่อยากเห็นภาพพวกนั้นเสียจริงๆ ถึงได้ต้องเกิดใหม่มาเปลี่ยนแปลงมัน!
ในวันที่รู้ตัวว่าตาย....หนังสือเล่มนั้น'ดาบพิฆาตอสูร' หน้าที่เปิดอยู่ท่ามกลางสายฝน ใบหน้าของอุบุยาชิกิ คากายะมองเหล่าเสาหลักทั้ง9แห่งหน่วยพิฆาตอสูรด้วยแววตาอ่อนโยน ภาพมากมายที่ทุกคนร่วมกันปราบอสูร ทั้งการสูญเสีย น้ำตาผ่านหนังสือหลายหน้า ฉันอ่านเป็นครั้งสุดท้าย และวันนั้นที่มาวาดภาพหน้าคฤหาน์สวยงามหลังหนึ่ง
"ลืมตาขึ้นก่อน มนุษย์ผู้ได้รับความสนใจจากข้า"
พลันได้ยินเสียงเข้ามาในหัวคนใกล้ตาย หญิงสาวรู้สึกสงสัยเปลือกตาที่หนักอึ้งฝื้นสติตัวเองลืมขึ้นเพื่อมองเห็นเจ้าของเสียง
"ใจของเจ้ากำลังร้องไห้" เสียงนั้นยังดังอยู่
"ร้องไห้?...คนกำลังจะตายไม่ให้เสียใจได้ยังไงล่ะคะ" หญิงสาวตอบกลับไปแบบยิ้มๆ ใจนึกไม่เชื่อว่าเสียงที่ได้ยินคือเทพเจ้า เทพเจ้าอะไรจะมาปรากฏตัวต่อหน้ามนุษย์ธรรมดาๆอย่างเธอกัน
"เจ้ากำลังไม่เชื่อในตัวข้าอยู่สินะ"
"อึก..." หญิงสาวจุกอก เขาอ่านใจเธอได้หรือ
"นามของข้าคืออิซานางิ เทพผู้ให้กำเนิดและสรวงสวรรค์"
"เทพ..." หญิงสาวพึมพำแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
"ใจที่ร้องไห้กำลังเวทนาต่อชะตากรรมในโลกที่อสูรสู้กับมนุษย์ ใจเจ้าคิดเช่นนั้นขณะวาดภาพหน้าคฤหาสน์ของข้า"
"ว่าไงนะ! สถานที่ที่ฉันมาวาดภาพคือคฤหาสน์ของคุณ?!" หญิงสาวถามเสียงดัง แทบลืมความเจ็บปวด
"คฤหาสน์หลังนั้นเก็บอาวุธและเครื่องลางสำคัญที่ตกทอดมาและได้รับการบูชาเชื่อถือจากผู้คนรุ่นต่อรุ่น ข้าได้ยินความทุกข์คนมากมายผ่านจิตใจที่แรงกล้า แต่มีเจ้าเป็นคนแรงที่ทุกข์เรื่องคนอื่นที่อยู่กันคนล่ะภพ" อิซานางิพูดกับหญิงสาวพร้อมปรากฏเงาร่างสีขาวบริสุทธิ์จางๆให้เห็น แปลกมากช่างเป็นแสงสว่างที่ไม่ให้ความรู้สึกแสบตาเลยซักนิด
"ทำไม...เทพอย่างท่านถึงมาคุยกับมนุษย์อย่างฉัน? คนดีๆมีเยอะแยะทำไมเป็นฉัน"
"เหตุผลก็บอกไปแล้วไง เจ้าเป็นห่วงผู้คนที่มีชะตากรรมจะต้องตายอย่างเวทนาและไม่มีวันรอดในโลกที่อสูรนั้นกินมนุษย์...ใจเข้าอยากไปช่วยพวกเขาใช่ไหมล่ะ" อิซานางิตอบหญิงสาวแบบไม่อ้อมค้อม เธอนึกยิ้ม เทพพูดถูกทั้งหมด แต่กำลังคนธรรมดาไม่มีอะไรอย่างเธอจะไปสู้อสูรพวกนั้นได้ยังไงกัน ไปให้ถูกเยียดหยามน่ะสิถึงใช่
"มนุษย์ผู้ได้รับความสนใจจากข้าย่อมไม่ใช่คนที่จะไปเกิดใหม่เป็นผู้ไร้พลัง!" น้ำเสียงดุดันกรอกหูหญิงสาว เธอสะดุ้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
"ไปเกิดในโลกดาบพิฆาตอสูรเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมน่าเศร้าด้วยมือของเจ้าเอง จงเป็นตัวแทนของข้าและพลังแห่งเทพกำราบอสูรใจหยาบช้าให้หมดไป" อิซานางิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังปนดุดันกว่าเมื่อครู่
"พลังของเทพหมายความว่ายังไง? ฉันจะมีพลังของท่านหรือ?"
"ตัวแทนก็ย่อมมีพลังแบบเดียวกับตัวจริงสิ เจ้าจะมีพลังเหนือกว่าผู้ใดและจะมอบชีวิตให้ผู้นั้นตามชื่อของข้า"
"แบบนั้นมันไม่ดูขี้โกงไปหน่อยหรือ! มอบชีวิตน่ะมันฝืนความจริงนะ" หญิงสาวตะโกนแย้งกับประโยคหลัง ในโลกดาบพิฆาตอสูรทุกคนล้วนบาดเจ็บและล้มตายเป็นเรื่องปกติ ถึงจะหน้าเศร้าแต่การชุมชีวิตคนได้ก็ต้องเกิดผลข้างเคียงตามอยู่ดีซึ่งสำหรับเธอมันไม่ใช่วิธีที่น่าภูมิใจนัก
"ข้าพูดถึงกรณีที่เจ้าไปช่วยคนเหล่านั้นไม่ทันต่างหาก เจ้าไม่อยากให้คนเหล่านั้นตายไม่ใช่รึ!" อิซานางิว่า
"ก็ใช่ค่ะ แต่เพราะมีพลังเหนือทุกคนแล้วไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องไปช่วยพวกเขาให้ทัน!"
"โห้! พูดแบบนี้แาดงว่าจะยอมไปเกิดที่นั่นใช่มั้ย" อิซานางิถามด้วยน้ำเสียงปิติยินดี หญิงสาวก้มหน้าขมุบขมิบปากบ่นพึมพำ รู้ตัวอีกทีกลายเป็นว่าคำพูดเธอตกลงข้อเสนอของเทพเจ้าไปซะแล้ว
"ท่านไม่โกหกฉันนะ?"
"เทพไม่เคยเสียสัจจะที่ให้กับมนุษย์ ไม่เช่นนั้นมนุษย์จะนับถือพวกเราหรือ"
"...นั่นสินะ" หญิงสาวคลี่ยิ้มมุมปาก
แสงสีขาวตรงหน้าค่อยๆแผ่ขยายของเขตเป็นหมอกหนาปกคลุมร่างกายเธอช้าๆ
"แต่มีข้อบังคับหนึ่งข้อ" เสียงอิซานางิพูดเหมือนต้องเตือนคำพูดนี้
"อะไรคะ?"
"หากวันใดที่ทุกอย่างสงบสุขอย่างแท้จริง เจ้าจะต้องใช้พลังที่มีเปลี่ยนเป็นเพลิงลุกไหม้กายนี้ เพื่อเป็นการกลับคืนสู่ข้าและปล่อยให้มนุษย์ใช้ชีวิตกันผาสุข โดยไม่มีผู้มีพลังเทพไปอยู่ด้วย"
คำพูดของอิซานางิทำให้ใจหญิงสาวหล่นวูบไปอยู่ที่เท้า เธอก็ดีใจที่จะได้ไปช่วยทุกคนในโลกดาบพิฆาตอสูร แต่กลับกันเมื่อทุกอย่างจบลงเธอจะไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขาได้
"มันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือคะ? ฉันพอมีโอกาสได้อยู่กับพวกเขาซักนิดไหม?" หญิงสาวถามด้วยเสียงสั่นเครือ
"เจ้าจะไม่ทรมานเป็นอันขาด หากอยากใช้ชีวิตกับพวกเขาข้าให้เพียง1เดือนเท่านั้น ถ้าเกินจากนั้นเจ้าจะไม่มีวันได้กลับมาเกิดอีกตลอดกาลและจะกลายเป็นเพียงท้องฟ้าไร้ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ให้ทุกคนมองแล้วผ่านเลยไป"
"...เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะทำตามข้อเสนอของคุณ"
หญิงสาวตอบรับคำสั่งของเทพเจ้าอิซานางิ แม้หน้าที่ที่ได้รับจะมีอันตรายและความตายรออยู่แต่เธอก็จะสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตานั้น
ก่อนสติจะดับหายไป
และ
ตื่นมาในที่ที่แสนคุ้นเคยแทน
ฉันเห็นโคมไฟสีส้มทองดูสบายตาเหนือศีรษะ พอหันไปรอบๆตัวต้องถึงกับตกใจตาขว้างเมื่อเห็นร่างกายตัวเองเป็นเด็กทารกถูกห่อตัวในผ้าสีขาวสะอาด ด้านข้างมีใบหน้าเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่าจะประมาณ4-5ปีชะโงกหน้ามองในระยะใกล้กันมาก
"ท่านแม่ค่ะ เด็กคนนี้คือ?" เสียงจากคนเด็กคนที่มองฉันถามใครบางคน สายตาเธอละจากฉันมองสูงขึ้น
"คนรับใช้พบระหว่างทางกลับจากงานจ้ะ แม่ก็ไม่รู้ว่าลูกใคร"
'เดี๋ยวนะ! นี่มันอะไรกันนี่?'
ฉันสับสนขมวดคิ้วมองใบหน้าผู้หญิงที่สวยงามมากราวกับนางฟ้า ดูเหมือนเธอเป็นคนอุ้มฉันแถมยังยิ้มให้ด้วย รู้สึกคุ้นๆกับใบหน้านี้มากเลยแฮะเหมือนเคยเห็นที่ไหน
ครืน!
ได้ยินเสียงเปิดประตู คนในชุกนักบวชเดินเข้ามาด้วยท่าทางสงบนิ่ง...นี่ฉันอยู่ที่ไหนคะ?????????
"คุณค่ะ สรุปจะทำยังไงเด็กคนนี้ดี"
"ในเมื่อหาพ่อแม่ไม่เจอ แถมหน้าตาก็ไม่คุ้นกับคนที่พวกเรารู้จักคงต้องรับเลี้ยงไว้เป็นน้องสาวของอามาเนะแล้วล่ะ" ชายในชุดนักบวชมองฉันอย่างพิจารณา ฉันเองก็กำลังพิจารณาคำพูดของเขาไม่ต่างกัน เมื่อกี้ได้ยินคำว่าอามาเนะ
อามาเนะไหนนะ?.........
เพราะต้องใช้ความคิด ก็เลยเอามือขวาจับคางตัวเองให้เห็นว่ากำลังคิดจริงๆ ก็รู้สึกว่าคุ้นกับชื่อนี้มากๆเลยนะ
"หื้ม! นายท่านครับมือของเด็กคนนี้..."
"มีปานรูปสุริยัน!"
"แอ๊! 0-0!!??"
ฉันร้องด้วยความตกใจ เมื่อมีเสียงคนดังพร้อมกันพลางชี้นิ้วมาที่มือฉันทั้งสีหน้าแตกตื่น มีอะไรอีกล่ะทีนี้!
"...." ชายหนุ่มคนที่ถูกเรียกนายท่านรีบให้ความสนใจตามที่คนของเขาบอกพร้อมเพรียงกัน หญิงสาวที่อุ้มเองก็สังเกตุด้วย
"ปานสุริยันแบบนี้ หายากมากที่จะมีปานลักษณะนี้"
"ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะได้เห็นปานสุริยันเต็มตา" ข้ารับใช้ชายสะกิดเพื่อนให้ดูดีๆ ฉันเกือบหลุดหัวเราะเพราะพวกเขาดูตลกดี
ชายหนุ่มในชุดนักบวชยิ้มละมุมสัมผัสกับหลังมือเด็กทารกในผ้าห่อสีขาว ปานสายฟ้าขึ้นสีเห็นชัดเจน สำหรับตระกูลนักบวชแล้วท่าจะเป็นลางดีไม่น้อย
"คุณค่ะ?"
"....อิซานางิ"
"เอ๊ะ??!!!"
ทุกคนที่ได้ยินต่างร้องสงสัย เมื่อชายหนุ่มพูดชื่อเทพเจ้าผู้เป็นตัวแทนแห่งการกำเนิดในตำนาน เด็กทารกเบิกตากว้างกับชื่อนี้เป็นที่สุด
'อิซานางิ...'
น้ำเสียงเทพเจ้าผู้มอบชีวิตใหม่ให้เธอดังหวนกลับมาให้คิดถึง มันบังเอิญไปหรือเปล่าที่ได้ชื่อเหมือนกัน
"ชื่อของเด็กคนนี้ยังไงล่ะ อิซานางิ" ชายหนุ่มบอกย้ำให้ทุกคนฟังอย่างชัดเจน เขาเรียกคนรับใช้ให้ไปเตรียมการเลี้ยงดูเด็กทารกตัวน้อยทันที พาคนที่เหลือสับสนอยู่อย่างนั้นโดยไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วนี้
"แค่ดูก็รู้แล้ว เด็กคนนี้คือของขวัญจากพระเจ้า...ตรงตามตำราอยู่"
'ของขวัญจากพระเจ้า?...ฉันน่ะเหรอ?! จิตกรธรรมดาๆเนี่ยนะเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า! ถึงแม้พระเจ้าจะให้มาเกิดก็เถอะ พูดเวอร์จัง' เด็กทารกโวยวายออกไปแย้งคำพูดชายหนุ่ม แต่เสียงที่ออกมาคือภาษาเด็กยังพูดไม่ได้ศัพท์นั่นเอง
"ดูท่าทางอยากให้คุณอุ้มนะคะ"
กึก!
ตัวฉันแทบแข็งถือ แค่ขยับมือปฏิเสธดันถูกมองว่าอยากให้อุ้มงั้นเหรอ?!
"งั้นเหรอ?" ชายหนุ่มมองเด็กทารกที่หลบสายตาเขา เสียงหัวเราะขบขันออกจากลำคอดูสนุกสนาน
"ถึงพูดไปแบบนั้นก็ต้องดูอีกยาว ว่าเธอจะเป็นของขวัญจากพระเจ้าที่แท้จริงหรือไม่"
------------------------------------------
...ภาคช่วยเหลือเสาหลักและการสอบเพื่อเป็นนักล่าอสูร...
บทบาทใหม่ที่ไม่มีในโลกเดิม
หากราชาอสูรมีผู้สืบทอดการเป็นราชาคนต่อไปขึ้นมาก่อนจะเริ่มนับเหตุการณ์ทั้งหมด ตอนสุดท้ายที่มุซันคิดให้คามาโดะ ทันจิโร่เป็นผู้สืบทอดของตนก็จะไม่มีงั้นรึ?
แต่เป็นคนตรงหน้าข้า
"นี่เจ้าคือ....?"
"สวัสดี!...ตัวข้าเป็นอสูรนะ"
อีกครั้งที่รู้สึกตัวตอนทำภารกิจช่วยเหลือพวกเสาหลัก วันนั้นได้พบกับคนน่าจะอายุพอๆกันแนะนำตัวว่าเป็นอสูร แถมมีปานรูปตะวันคล้ายกับที่มือของข้า
----------------------------------
...ภาคครอบครัวคามาโดะดวงตะวันแห่งความหวัง...
ตะวันตัวน้อยกับตระกูลผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของยอดซามูไรในยุคเซ็นโงคุ
ในวันที่ข้าได้เป็นนักล่าอสูร ข้าก็ได้พบกับเขา....
เด็กน้อยผู้มีรอยยิ้มสดใสอย่างตะวัน
"พี่สาวฮะ! พี่จะมาเล่นกับผมและเนซึโกะอีกใช่มั้ย?"
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความไร้เดียงสาชวนให้ข้ามีความสุขเหลือเกิน ซักวันหากข้าสามารถช่วยเขาได้
เขาจะมีชะตากรรมเพื่อมาเป็นนักล่าอสูรเหมือนชะตาอันน่าเศร้าไหมนะ?....
"แน่นอนค่ะ ข้าจะอยู่และปกป้องพวกท่านจนกว่า...ความตายจะมาพรากข้าไป"
---------------------------------
...ภาคเหล่าเมล็ดพันธ์รุ่นใหม่แห่งหน่วยพิฆาตอสูร...
พวกพ้องของข้าทุกคนล้วนเติบใหญ่เป็นนักล่าอสูรเต็มภาคภูมิ
มันคงถึงเวลาของนักล่าอสูรรุ่นใหม่เข้ามาแล้วหรือเปล่านะ
แล้วเด็กพวกนั้น....จะใช่คนเดิมที่ข้ารู้จักเหรอ?
(หน้าปกนิยาย2...)
------------------------------------
...ภารกิจพิเศษ...
หน้าที่ของพวกเขาที่ข้าไม่อาจเข้าไปยุ่งได้...รวมถึง
งานของข้าที่ใครก็ห้ามไม่ได้!
Mission1:การเผชิญหน้าอสูรย่านอาซากุสะ&สองเสาหลักสุดแกร่งกับอิซานางิจัดการเจ้าแว่นต่ำตม มาเอดะ มาซาโอะ
Mission2:หมู่บ้านตำนานรักของหญิงสาวกับยักษ์
Mission:บุญคุณ
Mission3:ทันจิโร่&เนซึโกะผองเพื่อนและสองพี่น้องหมอก
Mission4:พี่น้องสึยูริ
(ภาพMissionอื่นๆจะค่อยๆทยอยมานะคะ)
ตัวละคร
อุบุยาชิกิ อิซานางิ
เด็กสาวลูกบุญธรรมของอุบุยาชิกิ คากายะ แต่เดิมเป็นเด็กกำพร้าถูกรับเลี้ยงโดยตระกูลนักบวชของอามาเนะ ต่อมาด้วยพรสวรรค์ของเธอที่ฉายแววเหมาะแก่การปราบอสูรจึงถูกยกให้ตระกูลของคากายะเลี้ยงดูแทน รวมทั้งในฐานะที่อามาเนะกำลังถูกวางตัวให้เป็นภรรยากับคากายะ อิซานางิมีพลังและพรสวรรค์เป็นเลิศเนื่องจากเกิดมาเพื่อช่วยเหลือตัวละครในดาบพิฆาตอสูร แต่เธอก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงไปซะหมด เพราะอิซานางิยังประเมินภาพร่างกายของตนเองได้อยู่
แม้จะเก่งปานฟ้า แต่ร่างกายก็คือมนุษย์ไม่ใช่เทพต้องมีบาดเจ็บและได้รับการเยียวยา
อายุ:18ปี(จะเพิ่มขึ้นตามเนื้อหาที่เปลี่ยนไปค่ะ)
ส่วนสูง:167 ซม.(จะเพิ่มขึ้นตามเนื้อหาที่เปลี่ยนไปค่ะ)
น้ำหนัก:49 กก.(จะเพิ่มขึ้นตามเนื้อหาที่เปลี่ยนไปค่ะ)
วันเกิด:3/3
ปราณ:พยากรณ์(ควบคุมได้ทั้งน้ำ,ลม,ไฟ,ดิน)
พลังพิเศษไม่เกี่ยวกับปราณคือ....พลังฟื้นชีพ(จะเป็นยังไงรอติดตามนะคะ)
งานอดิเรก:วาดภาพ ทำงานบ้านเรือนดูแลคนในตระกูลอุบุยาชิกิ
อาหารที่ชอบ:ทานอะไรก็ได้ที่เป็นของกิน(ไม่เลือกกิน)
สีประจำตัว:สีขาว
เพิ่มเติม:ปราณพยากรณ์ เป็นปราณของอิซนางิ อุบุยาชิกิแต่เพียงผู้เดียวที่รวบรวมพลังปราณเริ่มต้นมาเปลี่ยนเป็นกระบวนท่าของตนเอง เช่นปราณวารี,เพลิง,สายฟ้า,วายุและหินผาซึ่งเป็นปราณแตกแยกจากปราณตะวัน ปราณพยากรณ์ถือเป็นปราณที่รวบรวมท่าปราณเริ่มต้นทั้งหมดในการใช้โจมตี อีกทั้งยังเป็นปราณที่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ราวกับพลังของเทพเจ้า ไม่ได้เหมือนนักดาบคนอื่นที่ใช้ปราณได้แค่ชนิดเดียว โดยปราณที่ถูกดัดแปลงมาเป็นกระบวนท่าไม้ตายนั้นจะมีพลังความรุนแรงมากกว่าหลายเท่าตัว ซึ่งถือเป็นเรื่องอยากที่จะใช้ปราณแตกแขนงในเวลาเดียวกัน หากแต่อิซานางิเป็นคนที่รู้วิธีการฝึกของปราณต่างๆรวมถึงเทคนิค ทำให้เธอเริ่มฝึกลมหายใจตั้งแต่เป็นเด็กทารก เมื่อเดินได้ด้วยพละกำลังของคนอายุ21ปี(อายุก่อนเสียชีวิต)จึงทำให้วิธีการฝึกนั้นรวดเร็วกว่าคนปกติ
เพราะฝึกตั้งแต่ร่างกายยังเด็กมาก ทำให้ร่างกายปรับตัวรับรู้ความต้องการและหน้าที่ได้แม่นยำ ไม่ว่าจะฝึกอะไรอิซานางิก็ทำได้
ปราณพยากรณ์มีกระบวนท่าทั้งหมด เจ็ดกระบวนท่า โดยรวบรวมการฝึกจากปราณทั้งห้ามาเป็นหนึ่งกระบวนท่า และสองกระบวนท่าท้ายคือพลังควบคุมสภาพอากาศดังนี้
-กระบวนท่ารูปแบบที่หนึ่ง ดาบแห่งฝน(Reinsōdo)
-กระบวนท่ารูปแบบที่สอง ระเบิดเพลิงสังหาร(Hi bakudan)
ท่านี้ถือเป็นการใช้พลังจากกำลังมือขวาที่มีปานรูปสุริยันของอิซานางิ ส่งผ่านพลังไปที่ตัวดาบเเละโจมตีศัตรูในครั้งเดียว
-กระบวนท่ารูปแบบที่สาม กรงเล็บอัสนีคำรณ(Sandākurō)
-กระบวนท่ารูปแบบที่สี่ โล่วายุร่ายรำ(U~indoshirudodansu)
ท่านี้จะเป็นการใช้ร่างกายระบำด้วยความเร็วสร้างกระแสลมเป็นม่านเกราะป้องกันการโจมตีศัตรู โดยขณะเดียวกันลมที่เป็นเกราะก็ยังคงหมุนตลอดเวลาสร้างแรงโจมตีได้
-กระบวนท่ารูปแบบที่ห้า วิญญาณแห่งศิลา(Sutōnsupiritto)
-หยุดสายฝนคืนสู่ดั่งเดิม(Ame o yamero)
ท่านี้ใช้ควบคุมสภาพอากาศของฝนให้ตกหรือหยุดได้ตามใจนึก โดยท่านี้จะกินพลังงานในร่างกายตามแต่การใช้งานในสภาพอากานั้นๆ
-สู่รุ่งแห่งแสงตะวัน(Taiyō no hajimari e)
กระบวนท่าที่เหลือจะค่อยๆเผยความสามารถออกมา เนื้อเรื่องมาสรุปให้ทั้งหมดแล้วนะคะ มีอะไรพูดคุยกันได้นะ
ตอนนี้ผู้ติดตามถึง100คนแล้วขอบคุณมากค่ะ!! ตามสไตล์ของไรท์นั้นพอผู้ติดตามถึง100คนก็อยากจะแต่งตอนพิเศษ แต่ตอนนี้เนื้อเรื่องมันยังไม่ถึงไหนคงต้องขออภัยไว้ณที่นี้(ยังไม่รู้เลยว่าตัวละครในฟิคใครทำอะไรยังไงเลยต้องขอข้ามนะคะ ส่วนคอมเม้นไรท์อ่านทุกคอมเม้นเลย) แต่มีแน่นอนค่ะ
100...25/01/64
ขอบคุณธีมสวยๆค่ะ
[ Sixthguns_
Theme ]
ความคิดเห็น