มนต์รักสะกดหัวใจ - มนต์รักสะกดหัวใจ นิยาย มนต์รักสะกดหัวใจ : Dek-D.com - Writer

    มนต์รักสะกดหัวใจ

    นักรบผู้เกรียงไกรในสงครามที่มากล้นไปด้วยพลังอำนาจกลับหลงรักสาวชาวบ้านธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลย!?

    ผู้เข้าชมรวม

    68

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    68

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 เม.ย. 65 / 20:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     

    ในสงครามที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอันน่าสะอิดสะเอียดเสียงอาวุธนานับชนิดดังไม่มีหยุดพัก ท่ามกลางสนามรบที่น่ากลัวนั้นก็มีนักรบผู้ห้าวหาญชาญชัยมากล้นด้วยพลังอำนาจ นักรบผู้นี้แข็งแกร่งทั้งด้านเวทมนตร์และการนำทัพอันแข็งแกร่งบุกตลุยในสงครามอันโหดร้ายที่นำพาความวิบัติไปสู่ทุกหนแห่ง นามของเขาคือ อินทัช  

    ทว่าภายใต้โลกอันโหดร้ายที่ทั้งชีวิตของเขาเดินย่ำอยู่แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวก็ได้ปรากฏตรงหน้าของเขาหญิงสาวผู้ห้าวหาญไร้ซึ่งเวทมนตร์อิทธิฤทธิ์อันใดกลับมาขวางการสังหารล้างบางของเขาเสียได้ นางไม่เกรงกลัวเขานั่นทำให้เขาประหลาดใจเป็นพิเศษและมองนางไม่เหมือนคนอื่นๆแม้นางจะเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น

    สำหรับนางแล้วนางไม่หวาดกลัวแต่ว่ามันไม่ใช่กับคนอื่นที่อยู่รอบๆทุกๆคนต่างตะโกนเรียกให้นางถอยออกมาแล้วคุกเข่าขอขมาโทษต่อนักรบ ดูเหมือนนางจะมีนามว่า กรรวี 

    “พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ มาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้นที่นี่ไม่ใช่ที่ให้พวกเจ้ามารบราฆ่าฟันกัน เห็นชีวิตเป็นอะไรกัน พวกเจ้ามันช่างเลือดเย็นยิ่งนัก”

    นางที่ก้าวเดินออกมาจากความมืดมิดกลับเฉิดฉายไปด้วยแสงสว่างในดวงตาของเขา นั่นทำให้เขาลดดาบลงเก็บกลับเข้าฝักแล้วลงจากม้าสีดำทมิฬของเขาก้าวเดินไปจนหยุดตรงหน้าของนางห่างกันไปไม่มากนัก

    ในขณะที่ทุกๆคนนั้นหัวใจเต้นแรงและหวาดกลัวอย่างสุดแสนเพราะเกรงว่ากรรวีคงไม่มีทางรอดจากมือของนักรบผู้บ้าคลั่งได้

    “เจ้าคิดจะทำอะไร รับไม่ได้กับคำของข้างั้นหรือ? คิดที่จะใช้กำลังอีกแล้วหรือ?”กรรวีกล่าวนางระมัดระวังตัวมากขึ้นเพราะอินทัชเข้ามาใกล้นางมาก

    อินทัชถอดหมวกอาคมสีดำออกไปเผยให้เห็นใบหน้าที่แสนหล่อเหลาที่กำลังยิ้มแย้มใบหน้าที่ไม่ต่างจากชายวัยยี่สิบที่ดูไม่มีพิษภัยอันใดกลับปรากฏต่อสายตาของกรรวีจนทำให้นางตกตะลึง

    “ข้าไม่คิดที่จะทำอะไรเจ้าเพียงแต่ว่ามีชายคนหนึ่งที่เป็นนักรบของฝั่งประเทศเจ้าหลบหนีมาที่นี่และเจ้านั่นมันคือนักรบที่ชอบวางแผนสกปรกจนทำให้พวกข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงโดนใส่ร้ายแล้วทำให้พวกเจ้าที่เป็นคนทั่วไปลุกขึ้นมาต่อต้านพวกข้า เอาจริงๆนะข่าวที่ได้ยินมาน่ะไม่ใช่ความจริงเลยพวกข้าไม่ได้ฆ่าคนทั่วไปเพราะมันถือว่าผิดกฎแห่งสงคราม อีกอย่างผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นพวกเราได้ย้ายไปยังที่ปลอดภัยจากสงครามแล้ว ทีนี้พอจะให้พวกข้าเข้าไปค้นในหมู่บ้านได้แล้วหรือยัง”

    “ไม่ได้เด็ดขาด ข้าไม่ให้เข้าไป ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้าไม่ได้ทำ”

    “เอาแบบนี้ข้าจะใช้เวทมนตร์ให้….หืม!! ขออภัยด้วย”ในขณะที่อินทัชกำลังจะกล่าวจบไปนั้นเขาเหลือบไปเห็นลูกศรสีดำทมิฬที่เคลือบเวทมนตร์พิเศษพุ่งตรงมายังกรรวีอย่างรวดเร็วทำให้เขาตัดบทแล้วเข้าไปข้างๆกรรวีฉุดนางเข้ามาในอ้อมอกของเขา 

    “นี่เจ้าคิดจะทำอะไร”

    “แย่แล้วสิเจ้ารีบบอกให้….บ้าจริงไม่ทันแล้ว”อินทัชยังกล่าวไม่ทันไรเขาก็ต้องหันกลับไปกล่าวต่อกองกำลังของเขา “เตรียมตัวป้องกันเต็มกำลัง”

    กองกำลังที่รับคำสั่งทำตามด้วยความรวดเร็วพวกเขาจัดขบวนป้องกันด้วยความฉับไว

    แน่ล่ะหากลูกศรมาแค่หนึ่งอินทัชคงไม่แสดงท่าทีขนาดนี้ เพราะต่อจากที่มันพลาดเป้าจากรรวีไปนั้นลูกศรอีกนับพันนับหมื่นก็พุ่งเข้าใส่หมู่บ้านของกรรวีทันทีรวมไปถึงกองกำลังด้วย แม้พวกมันไม่คิดว่าจะทำอะไรอินทัชได้แต่ว่าพวกมันคิดที่จะกลบฝังให้หมู่บ้านนี้ตกตายด้วยฝีมือของอินทัชจะได้ทำให้พวกมันสร้างข่าวลวงให้คนอื่นๆเชื่อถือได้

    กรรวีที่เห็นทุกอย่างทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบนางแทบจะไม่ขยับต่อต้านอินทัชอีกเลย ภาพของลูกศรสีดำสาดลงยังหมู่บ้านทำให้คนทุกคนในหมู่บ้านล้มตายลงจนหมด

    “นี่มันอะไรกันคนพวกนั้นที่แท้…..”น้ำเสียงของกรรวีเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ

    “เฮ้อ นี่แหละความจริงคนพวกนี้คิดที่จะใช้วิธีนี้ประนาณพวกข้าแล้วหาทางยื่นข้อเสนอไปยังสภากลางของสมาคมนานาชาติเพื่อให้หลายๆประเทศเข้ามารุกรานพวกข้าได้อย่างชอบธรรม เพราะแบบนั้นในสงครามข้าถึงได้โหดเหี้ยมกับพวกมัน เอาเป็นว่าข้าจะพาเจ้าไปก่อน”

    “ไม่ ข้าไม่ไปทั้งนั้น ข้าจะ….กลับบ้าน….”กรรวีกล่าวกระทั่งสิ้นสุดคำสุดท้ายแล้วนางก็หมดสติไปเพราะอาการโศกเศร้าเสียใจอย่างรุนแรง

    อินทัชไม่กล่าวอะไรอีกเขาอุ้มนางขึ้นมาแล้วกลับไปม้าของเขาก่อนจะนำเชือกมามัดกรรวีไว้กลับตัวเอง

    “เปลี่ยนรูปแบบดาบทะลวง”อินทัชสั่งการกองกำลังให้จัดรูปแบบกองกำลัง

    กองกำลังเปลี่ยนรูปแบบเตรียมพร้อมไว้อย่างรวดเร็ว

    อินทัชดึงดาบออกมาจากฝักก่อนที่เขาจะชี้ไปยังเนินเขาที่ลูกศรสีดำทมิฬถูกยิงมาก่อนจะกล่าว

    “ถ้าพวกมันยังรอดพวกเขาคงไม่หลับไม่สุข พวกเจ้าทั้งหลายตามข้ามา ไปนองเลือดกับข้า”

    “ไปนองเลือด”

    “ไปนองเลือด”

    …….

    อินทัชควบม้าด้วยความเร็วสูงสุด ตามด้วยกองกำลังด้านหลังที่ควบม้าตามมาด้วยความเร็วสูงสุดเช่นกัน แน่นอนว่าม้าพวกนี้คือม้าวิเศษที่วิ่งตลุยได้ทุกสภาพอากาศและธาตุนานาชนิดอีกทั้งความเร็วยังเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร ทำให้ความเร็วนั้นรวดเร็วมากกองกำลังของอินทัชได้บรรลุสู่เนินเขาแห่งนั้นเพียงเวลาไม่นาน

    แม้ว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าอินทัชมาตั้งนานแล้วแต่ด้วยม้าของพวกเขาเป็นม้าปลายแถวทำให้เร็วความเร็วนั้นด้อยกว่ามากมือธนูทั้งหมดก็ไม่อาจรอดพ้นได้เพียงเวลาไม่นานกองกำลังของอินทัชก็เข้าบดขยี้กองกำลังพลธนูเกิดเสียงการต่อสู้ดังขึ้นอยู่นานพอควรจนกระทั่งสิ้นสุดลงไป กองกำลังพลธนูนั้นถูกสังหารเรียบโดยที่ฝั่งของอินทัชไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหนักแม้แต่รายเดียว

    “ท่านผู้บัญชาการนักรบ ท่านคิดที่จะเอาหญิงสาวผู้นี้กลับด้วยเช่นนั้นหรือ”

    “ใช่”

    “ท่านครับ แบบนั้นจะไม่เข้าตาพวกมันหรอกหรือนางเองก็จะอันตรายด้วยปล่อยผ่านไปแล้วให้หน่วยเก็บกวาดมาอีกที….”

    “ข้าจะพานางไปด้วยแล้วดูแลนางด้วยตัวเอง เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอก”

    “ครับ”แววตาของนักรบผู้นั้นกลับเต็มไปด้วความประหลาดใจเพราะอินทัชปฏิบัติกับหญิงสาวผู้หนึ่งดังคนปกติเขาทำกันได้จริงๆ เพราะตั้งแต่ที่ติดตามอินทัชเข้าสู่สนามรบมาเขาไม่เคยเห็นอินทัชข้องแวะกับหญิงสาวนางใดเลยแม้แต่น้อยแต่ว่านางน้อยนางนี้กลับ…..

    “มัวมองอะไรของเจ้า กลับเข้าที่ได้แล้ว”

    “ครับ”

    “เฮ้อ นางช่างโชคร้ายเสียจริง”อินทัชกล่าวพึมพำ ก่อนที่จะควบม้าแล้วแล้วนำพากองกำลังมุ่งหน้ากลับไปยังค่ายที่พัก

    ………

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×