ณ วังหลวงเเคว้นฉู่
เสียงโหวกเหวกภายในตำหนักอันหรูหราประหนึ่งนกเเตกรัง เมื่ออยู่ ๆ เจ้าของตำหนัก ชายหนุ่มผู้มีหน้าตางดงามอ่อนหวาน กำลังจะคลอดทายาทมังกรของเเผ่นดิน
“เต๋อเฟยเพคะ เบ่งอีกเจ้าค่ะ!”
เสียงของหมอหลวงผู้ทำคลอดเอ่ยอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยในครรถ์กำลังจะลืมตาดูโลก
ลู่หลิงเต๋อเฟยพยาพยามสะกดกั้นความเจ็บปวดเเละรวบรวมเเรงทั้งหมดก่อนจะออกเเรงเบ่งสุดเเรงเท่าที่คนร่างกายอ่อนเเออย่างเขาจะทำได้
ในยามนี้เขารู้สึกเหมือนร่างกายจะฉีกขาด เหงื่อไคลผสมปนเปกับหยาดน้ำตาที่กำลังรินไหลทั่วใบหน้า เเต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้างามลํ้านั้น งามลดลงเลย
“อื้อ!!!”
“เเอ๋! เเอ๋!”
ไม่นานเสียงร้องไห้ของเด็กทารกตัวชมพูก็ดังลั่นไปทั่วตำหนัก เป็นสัญญาณว่าทายาทมังกรองค์ที่หกได้กำเนิดขึ้นเเล้ว
“เต๋อเฟยเพคะ องค์ชายน้อยน่ารักมากเพคะ”
หัวหน้านางกำนัลคนสนิทของเต๋อเฟยรับเอาองค์ชายที่กำลังร้องไห้จากหมอหลวงผู้ทำคลอด เเล้วนำไปวางไว้ในอ้อมกอดของผู้เป็นมารดา
หลังจากที่เข้าสู่อ้อมเเขนผู้เป็นมารดาองค์ชายน้อยก็หยุดลงเหมือนรู้ว่าคนผู้นี้คือมารดาผู้ให้กำเนิดตน ลู่หลิงมองลูกน้อยในอก นํ้าตาก็พลันไหลรินลูกของเขาช่างน่ารักน่าทะนุถนอมจริง ๆ เเต่เขากลับไม่มีโอกาสที่จะได้มองดูเขาเติบโต เพราะด้วยร่างกายของเขานั้นอ่อนเเอมากเกินไป เพียงเเค่การทำคลอดก็ถือว่าเป็นการผืนร่างกายมากพอเเล้ว
ใบหน้างามหันไปมองหัวหน้านางกำนัลคนสนิท เเล้วยกลูกน้อยให้นางอุ้มไว้ด้วยมือสั่นเทา
“ลี่จวน”
“เพคะ เต๋อเฟย”
“ข้ามีอะไรจะฝากฝังเจ้า ได้โปรดดูเเลเขาให้ดี อย่าให้ผู้ใดรังเเกเขาได้ บอกเขาว่าข้ารักเขามาก เเม่ผู้นี้รักเขามาก ขะ…ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ด้วย”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ลู่หลิงก็ต้องล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง เขาฝืนต่อไปไม่ไหวเเล้ว
“เพคะเต๋อเฟย ฮึก!” ลี่จวนรู้ว่าสิ่งที่เต๋อเฟยของนางกล่าวนั้นหมายความว่าอย่างไร นางมองเจ้านายของตัวเองด้วยความสงสารจับใจ
ก่อนดวงตาใสจะปิดลงก็หันมามองลูกน้อยด้วยความอาลัย
“มะ…เเม่..รักลูกนะ ลู่..เสียน”
“...”
สิ้นสุดเสียงเจ้าของตำหนัก ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนจะมีเสียงร้องไห้ของนางกำนัลของตำหนักงามดังขึ้นมา พวกนางต่างก็นั่งลงกับพื้นเเละก้มหัวให้กับเจ้านาย เพื่อทำความเคารพสนมงามเป็นครั้งสุดท้าย
ลี่จวนได้เเค่มององค์ชายน้อยด้วยความสังเวช เด็กน้อยหลับตาพริ้มสบายใจ ไม่ร้องไห้งอเเงเลยสักนิด
เขาจะรู้หรือไม่ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดได้จากไปเเล้ว
หญิงวัยกลางคนกลั้นสะอื้น อุ้มองค์ชายออกไปหาผู้คนที่กำลังรออยู่ภายนอกตำหนัก
ภายนอกตำหนัก ผู้คนมากมายกำลังรอข่าวคราวของทายาทมังกรอย่างใจจดใจจ่อ หนึ่งในนั้นคือชายผู้เป็นใหญ่ที่สุดในเเผ่นดินสวมชุดลายมังกรอยู่ เขามีใบหน้าหล่อเหลาองค์อาจ รูปร่างกำยำเเม้อายุจะล่วงเลยเข้าเลขสี่เเล้วก็ตาม
หลิวหยางจ้องมองด้านในอย่างจดจ่อ สนมน้อยของเขากำลังเผชิญกับความทรมานอย่างเเสนสาหัส ใจของสามีผู้นี้ก็พลันเจ็บปวด ประกอบด้วยร่างกายของเต๋อเฟยก็ไม่ได้เเข็งเเรงมากนักเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้
เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งเสียงร้องของทารกน้อยก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
ในยามนี้หลิวหยางมีใบหน้ายิ้มเเย้มถึงที่สุด ก่อนที่สักพักนางกำนัลคนสนิทของลู่หลิงจะอุ้มเด็กน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเข้ามาใกล้ ๆ เเล้วส่งให้เขาอุ้ม หลิวหยางเเม้จะเคยมีประสบการณ์นี้มาเเล้วห้าครั้งเเต่เขาก็ยังดีใจเหมือนเคย เเละเขาก็พึ่งจะเคยมีบุตรกับสนมคนนี้ครั้งเเรก
ทารกน้อยเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้เป็นบิดาก็ดีดดิ้นเล็กน้อย ท่าทางน่ารักยิ่ง หลิวหยางมองเด็กชายด้วยสายตาอบอุ่น
“พระสนมตั้งชื่อให้องค์ชายเเล้วเพคะฝ่าบาท” จี่จวนบอก
“จริงหรือ ชื่อว่าอย่างไร”
“ลู่เสียนเพคะ ลู่เสียน” นางยํ้าอีกครั้ง
“ลู่เสียนหรือ”
“หยกบริสุทธิ์” เขากระซิบเบา ๆ
“ดี ๆ ข้าชอบ” เจ้าหยกน้อยตัวขาวของเขา
“เเล้วเต๋อเฟยเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อชื่นชมลูกน้อยพอเเล้วก็ถามหามารดาของลูก ตอนนี้เขาเป็นห่วงอีกฝ่ายยิ่งนัก
“อะ…องค์พระสนม สะ…สิ้นเเล้วเพคะ” ลี่จวินพูดเสียงติดขัดปนสะอื้นเมื่อต้องกล่าวถึงนายของตนเองอีกครั้ง
ยังไม่ทันได้ให้ทุกคนเเสดงปฏิกิริยา ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างโปรงสูง ใบหน้าหล่อเหลาเเฝงด้วยความงดงาม ก็ลุกพรวดขึ้นจากทางด้านหลังของฮ่องเต้ ชายผู้นั้นมีสีหน้ายํ่าเเย่สีหน้าเหมือนกำลังจะรํ่าไห้
“กุ้ยเฟยเพคะ พระองค์จะไปที่ใดเพคะ!” นางกำนัลในปกครองคนหนึ่งร้องถาม
“ข้าจะไปดูเขาให้เห็นกับตา!!” ผู้ที่ถูกเรียกว่ากุ้ยเฟยหันใบหน้ากลับมาตอบ ดวงตาทรงเสน่ห์นั้นเเดงกํ่าดั่งโลหิต ในยามนี้ลู่จื้อ เขาทนไม่ไหวของต่อไปเเล้ว
ลู่จื้อกุ้ยเฟยก้าวเดินเข้าไปด้านในอย่างรีบร้อน โดยไม่เเม้เเต่จะสนใจผู้เป็นใหญ่มากมายทางด้านหลังของตน
จนเมื่อกระทั่งเข้ามาถึงภายใน ทั้งกลิ่นคาวเลือดเเละกลิ่นสมุนไพรชวนเวียนหัวก็โชยเข้ามาในจมูก เเต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจเเต่อย่างใด ลู่จื้อกวาดตามองเหล่านางกำนัลที่กำลังสะอื้นไห้ ก่อนจะมองไปยังบนเตียงกว้าง ทันใดนั้นนํ้าตาก็พลันไหลออกมา
“ลู่หลิ่ง น้องชายที่น่ารักของข้า…”
ลู่จื้อนั่งลงบนเตียงกว้างใกล้กับร่างของเต๋อเฟย น้องชายเเท้ ๆ ของเขา มือขาวยื่นไปลูบใบหน้าน่ารักที่ซีดเซียวนั้น
ใบหน้าที่เขาคุ้นเคยมาตั้งเเต่เด็ก ร่างกายที่เขาดูเเลมาตั้งเเต่เด็ก รอยยิ้มที่เขาเห็นมาตั้งเเต่เด็ก เเต่ในวันนี้รอยยิ้มนั้นได้จากเขาไปเเล้ว จากไปตลอดกาลไม่มีวันหวนกลับ…
ลู่จื่อนั่งร้องไห้ข้าง ๆ ร่างน้องชายชายของตนอยู่นาน มือก็กอบกุมมือเล็กที่เย็นเฉียบนั้น จนกระทั่งชายที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสามีของเขาเเละน้องชายเดินเข้ามา
หลิวหยางไม่ได้พูดอะไรออกมา เเต่กลับเดินเข้าไปใกล้กับลู่จื้อก่อนจะส่งเด็กน้อยในอ้อมเเขนให้ ส่วนลู่จื้อก็รับเอาหลานชายคนเดียวของเขาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อให้องค์ฮ่องเต้ได้เจอกับน้องชายของตน
หลิวหยางมองร่างสนมของตนที่กำลังนอนสงบนิ่ง เขายื่นมือไปกอบกุมมือบอบบางที่เขาเคยสัมผัสความอบอุ่นที่เคยมีบัดนี้กลับกลายเป็นเย็นเยียบ ไม่มีคำใดเปล่งออกมาจากริมฝีปาก เเต่เเววตาคมกล้าของเขานั้นได้เเสดงความรู้สึกทั้งหมดออกมาเเล้ว
ลู่หลิงสนมน้อยของข้า เจ้าไม่ต้องห่วงอะไรอีกต่อไปเเล้ว ข้าสามีผู้นี้จะดูเเลพี่ชายของเจ้า ลูกของเจ้ากับข้าให้ดีที่สุด ข้าขอสาบานด้วยเกียรติของกษัตริย์
จากนั้นเขาก็ได้วางมือบางของลู่หลิงอย่างเบามือ
ให้ร่างบางได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เเล้วเดินไปโอบกอด
ลู่จื้อเเน่นคล้ายว่ากำลังปลอบโยน ในส่วนของลู่จื้อนั้นก็เเอนตัวซบลงกับอกเเน่น
ทั้งสองจ้องมองเด็กน้อยที่กำลังนอนหลับท่าทางน่าเอ็นดู เด็กคนนี้จะเป็นตัวเเทนของลู่หลิง สิ่งสุดท้ายที่คนที่เขาทั้งสองคนรักฝากไว้ เป็นตัวเเทนของความรัก
...ลู่เสียน...
ความคิดเห็น