ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #10 : ทำหน้าที่ภรรยา (rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 32.01K
      1.01K
      20 พ.ย. 62







    ทำหน้าที่ภรรยา





    www.printerest.com

    (โจวเหม่ยซิง/มู่หลินฮวา/อนุ)

     

    หลังจากวันที่ทำข้อตกลงและมอบหมายหน้าที่อันยิ่งใหญ่ให้กับนาง บุรุษผู้นั้นก็ไม่ปรากฏตัวให้นางพบอีกเห็นเลยแม้เพียงเงาก็ไม่พบเห็นเขาหายไปในกลีบเมฆ แต่เป็นเช่นนั้นได้ก็ดีไม่น้อยการที่ไม่ต้องไม่ต้องพบเจอหน้าเขานั้นก็ทำให้นางได้หายใจหายคอได้สะดวกบ้าง

     "เรือนพันดารางั้นหรือ"  ลี่เหม่ยจูค่อนขอดชื่อเรือน นางคิดว่าเขาชอบสะสมหญิงงามไว้มากมายตั้งชื่อเรือนพันบุปผาน่าจะเหมาะสมกว่านี้ 

    ลี่เหม่ยจูเดินสำรวจทั่วเรือนกว้างร่มรื่น มีสระบัวในตัวเหมาะสมกับเป็นเรือนของฮูหยินแม่ทัพ ตัวเรือนเองก็หลังใหญ่งดงามออกแบบอย่างประณีตไม่เหมือนจวนแม่ทัพสักนิด อีกทั้งภายในยังตกแต่งด้วยเครื่องเรือนน้อยชิ้น เรียบง่ายถูกใจนางอย่างยิ่ง บริเวณเรือนเองก็กว้างขวางมีพื้นที่ใช้สอยมากมาย

    จะว่าไปเรือนของนางตั้งอยู่ห่างไกลจากเรือนผิงอันของเขาที่สุดนั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนาง เพราะนางเองก็ไม่ได้อยากพบเจอใบหน้าเย็นชานั้นตลอดเวลา ส่วนทางทิศใต้เป็นไว้สำหรับเหล่าฮูหยินรอง และเหล่าอนุเรือนพันดารานี้แม้จะเป็นเรือนสำหรับฮูหยินเอกเท่านั้น แต่คงไม่มีอนุคนใดอยากมาอยู่นักเพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนผิงอันที่สุด จากที่ได้ฟังคำบอกเล่าของซือซือนั้นว่าเขามีอนุอยู่สองนางและอีกไม่นานก็คงได้พบกันอย่างแน่นอน


    เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส สดชื่นยิ่งนักหากวันนี้ไม่ใช่วันที่นางต้องเริ่มทำหน้าที่ภรรยาเป็นวันแรกคงดีไม่น้อยซือซือปลุกนางตั้งแต่ยามเหม่า[1] ให้ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวให้สมฐานะฮูหยินเอกของแม่ทัพ และรอให้บรรดาเหล่าอนุมายกน้ำชาและคารวะผู้เป็นนายหญิงของจวน

    ใบหน้างดงามนวลเนียนมีเลือดฝาดถูกแต่งแต้มบางเบาเป็นธรรมชาติ ดวงตากลมโตกะพริบถี่ๆ ไล่น้ำตาออกจากหางตา วันนี้นางเลือกสวมอาภรณ์สีเขียวอมฟ้าปักลวดลายอ่อนช้อยขับเน้นผิวเนียนให้ดูเปล่งประกายคล้ายโปร่งแสง ผมหนานุ่มดำขลับถูกเกล้าม้วนหลวมๆ เข้ากันให้กับใบหน้ารูปไข่ปักปิ่นดอกอิงฮวาเช่นเคย และเครื่องประดับอื่นๆ ไม่มากหรือน้อยเกินงาม ไม่เป็นการอ่อนน้อมหรือข่มเหล่าบรรดาอนุจนเกินไป ร่างบางนั่งจิบน้ำชาดอกบัวรอบรรดาเหล่าอนุที่จะมาคารวะ ทว่าผ่านไปเนิ่นนานแต่ยังไม่เห็นแม้เงาของอนุนางใดโผล่มาสักคน

    "ซือเออร์ เจ้าแน่ใจนะว่าวันนี้เหล่าเหม่ยเม่ย[2]  จะมายกน้ำชาให้ข้า" ริมฝีปากบางเอ่ยลากเสียงยาวเหยียด ดวงตากลมโตปรือเล็กน้อยด้วยความง่วง

    "จะให้ข้าไปตามอนุทั้งสองอีกครั้งหรือไม่เจ้าคะ" ซือซือรีบตอบทันที นางปรายตามองกาน้ำชาหลายกาที่ตั้งเรียงกันแค่วันแรกเหล่าอนุก็เหิมเกริมท้าทายนายหญิงเสียแล้ว มิใช่ว่าพวกนางหรอกหรือที่สมควรต้องมานั่งรอฮูหยิน เพื่อคารวะน้ำชามิใช่ให้ผู้เป็นฮูหยินของจวนต้องมานั่งรอเช่นนี้ ภายในใจของสาวใช้เดือดดาลเป็นที่สุด

    "อย่าเลย...ผู้ใดไม่อยากมาข้าก็ไม่บังคับน้ำใจทั้งนั้น" ใบหน้างามฉายแววครุ่นคิด นางไม่อยากวางอำนาจเกินเหตุ ในเมื่อเจ้าของจวนมอบหน้าที่ให้นางเก็บกวาดจัดการให้ทุกฝ่ายอยู่ด้วยกันอย่างสงบนางเองก็ไม่ควรคาดหวังอะไรทั้งนั้น

    "เรียนฮูหยิน บ่าวจากเรือนเฟินเยว่[3] มาขอพบฮูหยินเจ้าคะ" เสียงสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามารายงาน หากแต่เจ้าของเรือนยังไม่ทันได้เอ่ยปากอนุญาตสาวใช้สวมชุดสีน้ำตาลเข้มเดินเข้ามาทันที สร้างความไม่พอใจให้กับซือซือเป็นอย่างมากที่บ่าวไพร่เสียมารยาทต่อนายหญิงของตน แต่พอเห็นสายตาห้ามปรามของผู้เป็นนายซือซือจึงล่าถอยทว่ายังจับจ้องสาวใช้ผู้เสียมารยาทอย่างไม่วางตา

    ข้าน้อยเสี่ยวถงบ่าวจากเรือนเฟินเยว่ของอนุมู่หลินฮวาเจ้าค่ะ" บ่าวจากเรือนอนุมู่ทำความเคารพนายหญิงของจวนแต่ไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนบ่าวไพร่ที่ควรกระทำ

    นายหญิงของเจ้าคงไม่ได้สั่งสอนกระมัง ฮูหยินยังมิได้เอ่ยปากอนุญาตให้เจ้าเข้ามาช่างเสียมารยาทนัก" ซือซือพยายามอดกลั้นมองผ่านเรื่องที่สาวใช้ผู้นี้เสียมารยาท แต่ท่าทางการไร้ซึ่งความเคารพหรือเกรงขามที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามิได้เกรงกลัวต่อนายหญิงเลยแม้แต่น้อยนั้นทำให้นางไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป

    "ซือซืออย่าได้ว่ากล่าวนางเลย บางทีนางคงรีบร้อนเพราะมีธุระจนหลงลืมมารยาทไปบ้าง" เสี่ยวถงชะงักพลันใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดงอย่างไม่พอใจ พอรู้ตัวจึงรีบเก็บอารมณ์ก้มหน้าลงต่ำทันทีคำพูดเมื่อครู่แม้จะคล้ายว่าไม่ใส่ใจแต่ทว่ามีความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น

    "ขออภัยฮูหยิน ข้าน้อยมิทันระวังเจ้าค่ะ" เสี่ยวถงรีบคุกเข่าลงอย่างขออภัย นางไม่คิดว่าฮูหยินผู้นี้ที่ยังมีอายุน้อยจะเอ่ยด่าผู้คนได้แนบเนียน นางถูกสั่งให้มาแจ้งอีกฝ่ายว่านายหญิงไม่สามารถมายกน้ำชาได้ กอปรกับมาดูว่าฮูหยินผู้นี้มีท่าทีเช่นไร ตอนนี้นางพึ่งกระจ่างแจ้งแก่ใจว่าฮูหยินผู้นี้มิใช่บุคคลที่รับมือได้ง่ายอ่อนปวกเปียกอย่างอนุโจวแน่นอน และการที่นายหญิงของนางไม่มายกน้ำชานั้นก็เป็นการประกาศสงครามอย่างหนึ่งว่าไม่ได้เกรงกลัวหรือยำเกรงฮูหยินแม้แต่น้อย

    "เจ้ามีสิ่งใดจงรีบแจ้งมาเถิด" ลี่เหม่ยจูเอ่ยอย่างเชื่องช้า นางเองก็อยากรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายมาไม่ได้เช่นกันจึงหลับหูหลับตารอฟัง นางยังไม่อยากแผงฤทธิ์ตอนนี้

    "เรียนฮูหยิน นายหญิงของข้าน้อยรู้สึกอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนนายท่าน...เอ่อ นายท่านอยู่กับนายหญิงทั้งคืนเจ้าค่ะ และพึ่งกลับออกไปเมื่อยามเหม่า อีกทั้งนายท่านเองยังอนุญาตให้นายหญิงไม่ต้องมายกน้ำชาเช้า นางจึงให้ข้าน้อยมาแจ้งเพื่อไม่ให้ฮูหยินต้องรอเจ้าค่ะ" เสี่ยวถงพูดตามที่ผู้เป็นนายสั่งมาและลอบสังเกตสีหน้าของผู้เป็นฮูหยินเพื่อนำกลับไปรายงาน แต่เสี่ยวถงก็ต้องผิดหวังเมื่อใบหน้างามไม่ได้มีแววตกใจหรือเสียใจอย่างที่ควรจะเป็น

    "อย่างนั้นหรือ นางคงลำบากมากเลยทีเดียวเช่นนั้นก็ให้นางพักผ่อนอยู่แต่ในเรือน หากออกมามาเกรงว่าจะเป็นลมเอาได้ และฝากบอกนางด้วยว่า ข้าเป็นห่วงและต้องขอบใจที่นางดูแลปรนนิบัติท่านพี่ "

    ลี่เหม่ยจูยิ้มอย่างใจดี พลันเข้าใจทันทีว่าพวกนางไม่มีแรงก้าวเดินออกมาคารวะผู้เป็นภรรยาเอกด้วยสาเหตุนี้หรอกหรือ ถ้าหากพวกนางเหนื่อยจากโดนเคี่ยวก่ำทั้งคืนนางผู้เป็นภรรยาจะต้องดูแลและจัดเตรียมพวกนางให้พร้อมใช้งานด้วยใช่หรือไม่!

    "ขอบพระคุณฮูหยินเจ้าค่ะ" เสี่ยวถงคำนับพลางคิดทบทวนความห่วงใยที่อีกฝ่ายฝากถึงผู้เป็นนายของตน

    "ซือซือมอบชาใบบัวให้อนุมู่ด้วย...ชานี้จะทำให้ร่างกายของนางอบอุ่นและมีกำลัง" เห็นหรือไม่นางนั้นเป็นภรรยาที่ดีเพียงใดนางได้ดื่มชาชนิดใดย่อมแบ่งปันอย่างเท่าเทียม

    ขอบคุณฮูหยิน

    เสี่ยวถงยกยิ้มมุมปาก แต่พอเงยหน้าขึ้นมานางแทบอยากหงายหงายหลัง จ้องป้านน้ำชาดินเผาขนาดใหญ่สองป้านถูกบรรจุน้ำชาจนล้น นี่นางต้องถือกลับเรือนเฟินเย่วเพียงลำพังอย่างนั้นหรืออีกอย่างเรือนพันดาราก็อยู่ห่างไกลผู้อื่นยิ่งนักผู้คนปกติมักจะมอบใบชาแต่ฮูหยินกลับมอบน้ำชาเช่นนี้ไม่มีผู้ใดกระทำกันกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว หากจะทำหกสักหยดคงจะเป็นนายหญิงของนางที่ต้องรับโทษอย่างแน่นอน

    "ฮ่าๆ ฮูหยินเจ้าคะข้าอยากจะหัวเราะนางยิ่งนักตอนที่นางเห็นป้านน้ำชานั่น...นางทำสีหน้าราวกับจะร้องไห้" ซือซือ พยายามกลั้นหัวเราะและขำขันคิกคักคลายความโมโหลงได้บ้าง

    " ซือเออร์เจ้าเก็บอาการบ้างก็ดีนะ...เดี๋ยวท่านแม่ทัพผ่านมาจะเข้าใจผิดว่าข้ากลั่นแกล้งรังแกอนุของเขา...คิกคิก " เสียงหวานกลั้นหัวเราะจนใบหน้าแดง ท้องน้อยๆ พลันส่งเสียงเรียกหาอาหารทว่าก่อนจะลุกขึ้นไปรับมื้อเช้า สาวใช้กลับเดินมาแจ้งว่ามีผู้มาขอพบ นางจึงนั่งลงเช่นเดิมอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

    "เรียนฮูหยิน อนุโจวขอพบนายหญิงเจ้าค่ะ" สาวใช้นางเดิมเดินเข้ามารายงาน ยังเหลืออนุอีกนางสินะนางหลงลืมไปได้อย่างไร ร่างบางขยับปิ่นให้เข้าที่ และยืดตัวตรงเชิดหน้าอย่างวางท่าทางให้เหมาะสม

    "ให้นางเข้ามาได้" เสียงหวานเอ่ยอนุญาต ไม่นานก็ปรากฏสตรีร่างบอบบางดั่งกิ่งหลิว ช่างบอบบางเหลือเกินหากลมพัดแรงเกรงว่าร่างนั้นคงปลิวตามแรงลม ใบหน้าอ่อนหวานค่อนข้างซีดขาว ดวงตาเล็กเรียวเด่นชัด จมูกเล็กโด่งริมฝีปากได้รูป จัดว่าเป็นหญิงงามนางหนึ่ง หญิงสาวสวมชุดสีชมพูอ่อนไล่ระดับปักลวดลายดอกโม่ลีฮวา[4]เล็กๆ มองแล้วน่าทะนุถนอมยิ่งนักแต่ดูแล้วอีกฝ่ายมีสีหน้าระโหยอ่อนแรงยิ่งนัก

    "ข้าน้อยโจวเหม่ยซิงจากเรือนเย่วซิง[5] มาคารวะฮูหยิน เจ้าค่ะ" โจวเหม่ยซิงย่อกายคารวะผู้เป็นฮูหยินเอกแบบเต็มพิธีอย่างงดงามอ่อนช้อยสายตาวางที่ระดับพื้นอย่างมีมารยาท

    "เหม่ยเม่ยลุกขึ้นเถิดอย่าได้มากพิธี" ลี่เหม่ยจูสังเกตว่าโจวเหม่ยซิงนั้นไม่ได้วางตนโอ้อวดแต่อย่างใด และยังสำรวมกิริยาอย่างยิ่งสตรีเช่นนี้ที่นางต้องระวังเอาไว้

    "ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ เพราะสามสี่วันมานี้ข้าน้อยมิใคร่สบายเจ้าค่ะ จึงมายกน้ำชาท่านช้าต้องขออภัยเจ้าค่ะ" แค่ก แค่ก เสียงหวานแหบพูดเสร็จก็ไอโขลกทันทีจนสาวใช้ต้องมาลูบหลังให้

    "คราวหน้าหากไม่สบายก็อย่าลำบากมาเลย ข้าไม่ถือสา" ลี่เหม่ยจูเอ่ยอย่างใจกว้าง ไม่ต้องมีผู้ใดมาร่วมจิบน้ำชายามเช้าก็คงดีไม่น้อย เพราะนางเองไม่ได้ว่างถึงเพียงนั้น

    ไม่ลำบากเลยเจ้าค่ะ ข้าต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมเสียงเล็กสั่นไหวอย่างรู้สึกผิด สีหน้าท่าทางของนางยืนยันอย่างที่พูดและจะทำตามไม่บิดพริ้ว

    หากวันไหนข้าต้องการเพื่อนจิบชาค่อยให้คนไปตามเจ้าก็แล้วกัน ตอนนี้เจ้ากลับไปพักเถิดลี่เหม่ยจูโบกมือเบาๆ หนึ่งคราให้ซือซือเป็นสัญญาณให้ส่งแขก ตอนนี้นางหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว


    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ลี่เหม่ยจูจึงมานั่งพักผ่อนในศาลาริมสระบัว และให้ซือซือไปแจ้งแก่ให้อนุทั้งสองนางว่าหากจะมีการจิบน้ำชาในตอนเช้านางจะให้คนไปตามเอง รวมทั้งเขียนกฎระเบียบการอยู่ร่วมกันกันขึ้นมาพร้อมบทลงโทษไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดที่นางพักสายตา เพราะอากาศเย็นช่างเป็นใจเหลือเกิน

    "ฮู..." ผู้มาใหม่ยกมือห้ามไม่ให้ซือซือเอ่ยเรียกผู้เป็นนาย สาวใช้ตัวน้อยจึงได้แต่ก้มหน้าและเดินถอยหลังออกไปนอกศาลา รวมทั้งสาวใช้คนอื่นๆ ต่างก็ถอยห่างออกไปให้ผู้เป็นนายได้อยู่ตามลำพัง

     

    เฉินหย่งหมิงได้รับรายงานจากพ่อบ้านต้วนว่าลี่เหม่ยจูได้ให้บรรดาเหล่าอนุมายกน้ำชาในฐานะฮูหยินของจวนแล้วและดูจากการนอนหลับที่สนิทแล้วคาดว่านางคงหมดแรงไปไม่น้อย เขาทำได้เพียงฟังข่าวของนางผ่านพ่อบ้านเท่านั้น มือใหญ่ยื่นออกไปหมายจะเกี่ยวเส้นผมที่ปรกหน้าทว่ากลับชะงักเล็กน้อยก่อนจะดึงมือกลับไปเช่นเดิม ทั้งพ่อบ้านและบ่าวไพร่ของจวนอีกหลายชีวิตนอกศาลาก้มเก็บสีหน้า แม้หายใจเข้าออกต้องพร้อมกันมิให้ผิดจังหวะ

    พ่อบ้านได้รับคำสั่งว่าให้นำบัญชีรายรับ - รายจ่ายของจวนมามอบให้นายหญิงดูแล พร้อมนำบ่าวไพร่ที่ต้องมาคารวะตามธรรมเนียมหลังจากพิธียกน้ำชาของบรรดาเหล่าอนุ แต่เมื่อเข้ามาพบว่าฮูหยินกำลังนอนหลับไม่อยากรบกวนผู้เป็นนายเขาจึงโบกมือไล่บ่าวไพร่ให้ถอยกลับทันที

    ซูดด... เสียงปากน้อยๆ สูดน้ำลายที่ไหลย้อย หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

    "ช่างเป็นสตรีที่ไม่มีความละอายยิ่งนัก" เฉินหย่งหมิงยืนมองฮูหยินของตนที่กำลังหลับอย่างมีความสุขสายลมพัดพาให้กลิ่นหอมอิงฮวาจากกายของนางกระทบเข้าจมูกโด่ง เขายืนจ้องมองดวงหน้านิ่งราวกำลังคิดบางอย่าง จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่พูดสิ่งใด

    "..." ซือเออร์ได้แต่ไว้อาลัยในใจเหตุใดฮูหยินต้องมาหลับยามนี้ด้วยนะ อีกทั้งนายหญิงของตนยังเสียกิริยาต่อหน้าท่านแม่ทัพไปแล้วจะทำเช่นไรดี

    ในขณะเดียวกันเหล่าองครักษ์ที่ติดตามต่างพากันรีบหันหลังกลับทันทีเมื่อสายตาดุคมจ้องเตือน จึงเห็นแต่เพียงไหล่ที่ไหวกระเพื่อมขึ้นลงอย่างสุดกลั้น

    ณ เวลาเดียวกันอีกเรือนกลับมีคนโมโหอย่างเดือดดาลเช่นกัน

    กรี๊ดเพล้งงงงง ซ่าาา!!!



    [1]ยามเหม่า หมายถึง เวลาตี 5 – 06.59 น.

    [2]เหม่ยเม่ย หมายถึง น้องสาวหรือผู้ที่มียศต่ำกว่า

    [3]เฟินเยว่ หมายถึง ดวงจันทร์ที่หอมหวาน

    [4]โม่ลี่ฮวา หมายถึง ดอกมะลิ

    [5]เยว่ซิง หมายถึง ดวงจันทร์และดวงดาว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×