คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ทำหน้าที่ภรรยา (rewrite)
(โจวเหม่ยซิง/มู่หลินฮวา/อนุ)
หลังจากวันที่ทำข้อตกลงและมอบหมายหน้าที่อันยิ่งใหญ่ให้กับนาง
บุรุษผู้นั้นก็ไม่ปรากฏตัวให้นางพบอีกเห็นเลยแม้เพียงเงาก็ไม่พบเห็นเขาหายไปในกลีบเมฆ
แต่เป็นเช่นนั้นได้ก็ดีไม่น้อยการที่ไม่ต้องไม่ต้องพบเจอหน้าเขานั้นก็ทำให้นางได้หายใจหายคอได้สะดวกบ้าง
"เรือนพันดารางั้นหรือ" ลี่เหม่ยจูค่อนขอดชื่อเรือน
นางคิดว่าเขาชอบสะสมหญิงงามไว้มากมายตั้งชื่อเรือนพันบุปผาน่าจะเหมาะสมกว่านี้
ลี่เหม่ยจูเดินสำรวจทั่วเรือนกว้างร่มรื่น
มีสระบัวในตัวเหมาะสมกับเป็นเรือนของฮูหยินแม่ทัพ ตัวเรือนเองก็หลังใหญ่งดงามออกแบบอย่างประณีตไม่เหมือนจวนแม่ทัพสักนิด
อีกทั้งภายในยังตกแต่งด้วยเครื่องเรือนน้อยชิ้น เรียบง่ายถูกใจนางอย่างยิ่ง บริเวณเรือนเองก็กว้างขวางมีพื้นที่ใช้สอยมากมาย
จะว่าไปเรือนของนางตั้งอยู่ห่างไกลจากเรือนผิงอันของเขาที่สุดนั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนาง
เพราะนางเองก็ไม่ได้อยากพบเจอใบหน้าเย็นชานั้นตลอดเวลา ส่วนทางทิศใต้เป็นไว้สำหรับเหล่าฮูหยินรอง
และเหล่าอนุเรือนพันดารานี้แม้จะเป็นเรือนสำหรับฮูหยินเอกเท่านั้น แต่คงไม่มีอนุคนใดอยากมาอยู่นักเพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนผิงอันที่สุด
จากที่ได้ฟังคำบอกเล่าของซือซือนั้นว่าเขามีอนุอยู่สองนางและอีกไม่นานก็คงได้พบกันอย่างแน่นอน
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส
สดชื่นยิ่งนักหากวันนี้ไม่ใช่วันที่นางต้องเริ่มทำหน้าที่ภรรยาเป็นวันแรกคงดีไม่น้อยซือซือปลุกนางตั้งแต่ยามเหม่า[1]
ให้ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวให้สมฐานะฮูหยินเอกของแม่ทัพ
และรอให้บรรดาเหล่าอนุมายกน้ำชาและคารวะผู้เป็นนายหญิงของจวน
ใบหน้างดงามนวลเนียนมีเลือดฝาดถูกแต่งแต้มบางเบาเป็นธรรมชาติ
ดวงตากลมโตกะพริบถี่ๆ ไล่น้ำตาออกจากหางตา วันนี้นางเลือกสวมอาภรณ์สีเขียวอมฟ้าปักลวดลายอ่อนช้อยขับเน้นผิวเนียนให้ดูเปล่งประกายคล้ายโปร่งแสง
ผมหนานุ่มดำขลับถูกเกล้าม้วนหลวมๆ เข้ากันให้กับใบหน้ารูปไข่ปักปิ่นดอกอิงฮวาเช่นเคย
และเครื่องประดับอื่นๆ ไม่มากหรือน้อยเกินงาม
ไม่เป็นการอ่อนน้อมหรือข่มเหล่าบรรดาอนุจนเกินไป ร่างบางนั่งจิบน้ำชาดอกบัวรอบรรดาเหล่าอนุที่จะมาคารวะ
ทว่าผ่านไปเนิ่นนานแต่ยังไม่เห็นแม้เงาของอนุนางใดโผล่มาสักคน
"ซือเออร์ เจ้าแน่ใจนะว่าวันนี้เหล่าเหม่ยเม่ย[2] จะมายกน้ำชาให้ข้า" ริมฝีปากบางเอ่ยลากเสียงยาวเหยียด
ดวงตากลมโตปรือเล็กน้อยด้วยความง่วง
"จะให้ข้าไปตามอนุทั้งสองอีกครั้งหรือไม่เจ้าคะ"
ซือซือรีบตอบทันที
นางปรายตามองกาน้ำชาหลายกาที่ตั้งเรียงกันแค่วันแรกเหล่าอนุก็เหิมเกริมท้าทายนายหญิงเสียแล้ว
มิใช่ว่าพวกนางหรอกหรือที่สมควรต้องมานั่งรอฮูหยิน
เพื่อคารวะน้ำชามิใช่ให้ผู้เป็นฮูหยินของจวนต้องมานั่งรอเช่นนี้
ภายในใจของสาวใช้เดือดดาลเป็นที่สุด
"อย่าเลย...ผู้ใดไม่อยากมาข้าก็ไม่บังคับน้ำใจทั้งนั้น"
ใบหน้างามฉายแววครุ่นคิด นางไม่อยากวางอำนาจเกินเหตุ
ในเมื่อเจ้าของจวนมอบหน้าที่ให้นางเก็บกวาดจัดการให้ทุกฝ่ายอยู่ด้วยกันอย่างสงบนางเองก็ไม่ควรคาดหวังอะไรทั้งนั้น
"เรียนฮูหยิน บ่าวจากเรือนเฟินเยว่[3]
มาขอพบฮูหยินเจ้าคะ" เสียงสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามารายงาน
หากแต่เจ้าของเรือนยังไม่ทันได้เอ่ยปากอนุญาตสาวใช้สวมชุดสีน้ำตาลเข้มเดินเข้ามาทันที
สร้างความไม่พอใจให้กับซือซือเป็นอย่างมากที่บ่าวไพร่เสียมารยาทต่อนายหญิงของตน
แต่พอเห็นสายตาห้ามปรามของผู้เป็นนายซือซือจึงล่าถอยทว่ายังจับจ้องสาวใช้ผู้เสียมารยาทอย่างไม่วางตา
“ข้าน้อยเสี่ยวถงบ่าวจากเรือนเฟินเยว่ของอนุมู่หลินฮวาเจ้าค่ะ"
บ่าวจากเรือนอนุมู่ทำความเคารพนายหญิงของจวนแต่ไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนบ่าวไพร่ที่ควรกระทำ
“นายหญิงของเจ้าคงไม่ได้สั่งสอนกระมัง ฮูหยินยังมิได้เอ่ยปากอนุญาตให้เจ้าเข้ามาช่างเสียมารยาทนัก"
ซือซือพยายามอดกลั้นมองผ่านเรื่องที่สาวใช้ผู้นี้เสียมารยาท
แต่ท่าทางการไร้ซึ่งความเคารพหรือเกรงขามที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามิได้เกรงกลัวต่อนายหญิงเลยแม้แต่น้อยนั้นทำให้นางไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป
"ซือซืออย่าได้ว่ากล่าวนางเลย บางทีนางคงรีบร้อนเพราะมีธุระจนหลงลืมมารยาทไปบ้าง"
เสี่ยวถงชะงักพลันใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดงอย่างไม่พอใจ
พอรู้ตัวจึงรีบเก็บอารมณ์ก้มหน้าลงต่ำทันทีคำพูดเมื่อครู่แม้จะคล้ายว่าไม่ใส่ใจแต่ทว่ามีความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น
"ขออภัยฮูหยิน ข้าน้อยมิทันระวังเจ้าค่ะ"
เสี่ยวถงรีบคุกเข่าลงอย่างขออภัย
นางไม่คิดว่าฮูหยินผู้นี้ที่ยังมีอายุน้อยจะเอ่ยด่าผู้คนได้แนบเนียน
นางถูกสั่งให้มาแจ้งอีกฝ่ายว่านายหญิงไม่สามารถมายกน้ำชาได้ กอปรกับมาดูว่าฮูหยินผู้นี้มีท่าทีเช่นไร
ตอนนี้นางพึ่งกระจ่างแจ้งแก่ใจว่าฮูหยินผู้นี้มิใช่บุคคลที่รับมือได้ง่ายอ่อนปวกเปียกอย่างอนุโจวแน่นอน
และการที่นายหญิงของนางไม่มายกน้ำชานั้นก็เป็นการประกาศสงครามอย่างหนึ่งว่าไม่ได้เกรงกลัวหรือยำเกรงฮูหยินแม้แต่น้อย
"เจ้ามีสิ่งใดจงรีบแจ้งมาเถิด"
ลี่เหม่ยจูเอ่ยอย่างเชื่องช้า นางเองก็อยากรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายมาไม่ได้เช่นกันจึงหลับหูหลับตารอฟัง
นางยังไม่อยากแผงฤทธิ์ตอนนี้
"เรียนฮูหยิน นายหญิงของข้าน้อยรู้สึกอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนนายท่าน...เอ่อ
นายท่านอยู่กับนายหญิงทั้งคืนเจ้าค่ะ และพึ่งกลับออกไปเมื่อยามเหม่า อีกทั้งนายท่านเองยังอนุญาตให้นายหญิงไม่ต้องมายกน้ำชาเช้า
นางจึงให้ข้าน้อยมาแจ้งเพื่อไม่ให้ฮูหยินต้องรอเจ้าค่ะ"
เสี่ยวถงพูดตามที่ผู้เป็นนายสั่งมาและลอบสังเกตสีหน้าของผู้เป็นฮูหยินเพื่อนำกลับไปรายงาน
แต่เสี่ยวถงก็ต้องผิดหวังเมื่อใบหน้างามไม่ได้มีแววตกใจหรือเสียใจอย่างที่ควรจะเป็น
"อย่างนั้นหรือ นางคงลำบากมากเลยทีเดียวเช่นนั้นก็ให้นางพักผ่อนอยู่แต่ในเรือน
หากออกมามาเกรงว่าจะเป็นลมเอาได้ และฝากบอกนางด้วยว่า ข้าเป็นห่วงและต้องขอบใจที่นางดูแลปรนนิบัติท่านพี่
"
ลี่เหม่ยจูยิ้มอย่างใจดี
พลันเข้าใจทันทีว่าพวกนางไม่มีแรงก้าวเดินออกมาคารวะผู้เป็นภรรยาเอกด้วยสาเหตุนี้หรอกหรือ
ถ้าหากพวกนางเหนื่อยจากโดนเคี่ยวก่ำทั้งคืนนางผู้เป็นภรรยาจะต้องดูแลและจัดเตรียมพวกนางให้พร้อมใช้งานด้วยใช่หรือไม่!
"ขอบพระคุณฮูหยินเจ้าค่ะ"
เสี่ยวถงคำนับพลางคิดทบทวนความห่วงใยที่อีกฝ่ายฝากถึงผู้เป็นนายของตน
"ซือซือมอบชาใบบัวให้อนุมู่ด้วย...ชานี้จะทำให้ร่างกายของนางอบอุ่นและมีกำลัง"
เห็นหรือไม่นางนั้นเป็นภรรยาที่ดีเพียงใดนางได้ดื่มชาชนิดใดย่อมแบ่งปันอย่างเท่าเทียม
“ขอบคุณฮูหยิน”
เสี่ยวถงยกยิ้มมุมปาก
แต่พอเงยหน้าขึ้นมานางแทบอยากหงายหงายหลัง จ้องป้านน้ำชาดินเผาขนาดใหญ่สองป้านถูกบรรจุน้ำชาจนล้น
นี่นางต้องถือกลับเรือนเฟินเย่วเพียงลำพังอย่างนั้นหรืออีกอย่างเรือนพันดาราก็อยู่ห่างไกลผู้อื่นยิ่งนักผู้คนปกติมักจะมอบใบชาแต่ฮูหยินกลับมอบน้ำชาเช่นนี้ไม่มีผู้ใดกระทำกันกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว
หากจะทำหกสักหยดคงจะเป็นนายหญิงของนางที่ต้องรับโทษอย่างแน่นอน
"ฮ่าๆ ฮูหยินเจ้าคะข้าอยากจะหัวเราะนางยิ่งนักตอนที่นางเห็นป้านน้ำชานั่น...นางทำสีหน้าราวกับจะร้องไห้"
ซือซือ พยายามกลั้นหัวเราะและขำขันคิกคักคลายความโมโหลงได้บ้าง
" ซือเออร์เจ้าเก็บอาการบ้างก็ดีนะ...เดี๋ยวท่านแม่ทัพผ่านมาจะเข้าใจผิดว่าข้ากลั่นแกล้งรังแกอนุของเขา...คิกคิก
" เสียงหวานกลั้นหัวเราะจนใบหน้าแดง ท้องน้อยๆ พลันส่งเสียงเรียกหาอาหารทว่าก่อนจะลุกขึ้นไปรับมื้อเช้า
สาวใช้กลับเดินมาแจ้งว่ามีผู้มาขอพบ นางจึงนั่งลงเช่นเดิมอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
"เรียนฮูหยิน อนุโจวขอพบนายหญิงเจ้าค่ะ"
สาวใช้นางเดิมเดินเข้ามารายงาน ยังเหลืออนุอีกนางสินะนางหลงลืมไปได้อย่างไร
ร่างบางขยับปิ่นให้เข้าที่ และยืดตัวตรงเชิดหน้าอย่างวางท่าทางให้เหมาะสม
"ให้นางเข้ามาได้"
เสียงหวานเอ่ยอนุญาต ไม่นานก็ปรากฏสตรีร่างบอบบางดั่งกิ่งหลิว ช่างบอบบางเหลือเกินหากลมพัดแรงเกรงว่าร่างนั้นคงปลิวตามแรงลม
ใบหน้าอ่อนหวานค่อนข้างซีดขาว ดวงตาเล็กเรียวเด่นชัด จมูกเล็กโด่งริมฝีปากได้รูป
จัดว่าเป็นหญิงงามนางหนึ่ง หญิงสาวสวมชุดสีชมพูอ่อนไล่ระดับปักลวดลายดอกโม่ลีฮวา[4]เล็กๆ
มองแล้วน่าทะนุถนอมยิ่งนักแต่ดูแล้วอีกฝ่ายมีสีหน้าระโหยอ่อนแรงยิ่งนัก
"ข้าน้อยโจวเหม่ยซิงจากเรือนเย่วซิง[5]
มาคารวะฮูหยิน เจ้าค่ะ"
โจวเหม่ยซิงย่อกายคารวะผู้เป็นฮูหยินเอกแบบเต็มพิธีอย่างงดงามอ่อนช้อยสายตาวางที่ระดับพื้นอย่างมีมารยาท
"เหม่ยเม่ยลุกขึ้นเถิดอย่าได้มากพิธี"
ลี่เหม่ยจูสังเกตว่าโจวเหม่ยซิงนั้นไม่ได้วางตนโอ้อวดแต่อย่างใด
และยังสำรวมกิริยาอย่างยิ่งสตรีเช่นนี้ที่นางต้องระวังเอาไว้
"ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ
เพราะสามสี่วันมานี้ข้าน้อยมิใคร่สบายเจ้าค่ะ
จึงมายกน้ำชาท่านช้าต้องขออภัยเจ้าค่ะ" แค่ก แค่ก เสียงหวานแหบพูดเสร็จก็ไอโขลกทันทีจนสาวใช้ต้องมาลูบหลังให้
"คราวหน้าหากไม่สบายก็อย่าลำบากมาเลย
ข้าไม่ถือสา" ลี่เหม่ยจูเอ่ยอย่างใจกว้าง
ไม่ต้องมีผู้ใดมาร่วมจิบน้ำชายามเช้าก็คงดีไม่น้อย
เพราะนางเองไม่ได้ว่างถึงเพียงนั้น
“ไม่ลำบากเลยเจ้าค่ะ
ข้าต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม” เสียงเล็กสั่นไหวอย่างรู้สึกผิด
สีหน้าท่าทางของนางยืนยันอย่างที่พูดและจะทำตามไม่บิดพริ้ว
“หากวันไหนข้าต้องการเพื่อนจิบชาค่อยให้คนไปตามเจ้าก็แล้วกัน
ตอนนี้เจ้ากลับไปพักเถิด” ลี่เหม่ยจูโบกมือเบาๆ
หนึ่งคราให้ซือซือเป็นสัญญาณให้ส่งแขก ตอนนี้นางหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว
ลี่เหม่ยจูจึงมานั่งพักผ่อนในศาลาริมสระบัว
และให้ซือซือไปแจ้งแก่ให้อนุทั้งสองนางว่าหากจะมีการจิบน้ำชาในตอนเช้านางจะให้คนไปตามเอง
รวมทั้งเขียนกฎระเบียบการอยู่ร่วมกันกันขึ้นมาพร้อมบทลงโทษไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดที่นางพักสายตา
เพราะอากาศเย็นช่างเป็นใจเหลือเกิน
"ฮู..."
ผู้มาใหม่ยกมือห้ามไม่ให้ซือซือเอ่ยเรียกผู้เป็นนาย สาวใช้ตัวน้อยจึงได้แต่ก้มหน้าและเดินถอยหลังออกไปนอกศาลา
รวมทั้งสาวใช้คนอื่นๆ ต่างก็ถอยห่างออกไปให้ผู้เป็นนายได้อยู่ตามลำพัง
เฉินหย่งหมิงได้รับรายงานจากพ่อบ้านต้วนว่าลี่เหม่ยจูได้ให้บรรดาเหล่าอนุมายกน้ำชาในฐานะฮูหยินของจวนแล้วและดูจากการนอนหลับที่สนิทแล้วคาดว่านางคงหมดแรงไปไม่น้อย
เขาทำได้เพียงฟังข่าวของนางผ่านพ่อบ้านเท่านั้น มือใหญ่ยื่นออกไปหมายจะเกี่ยวเส้นผมที่ปรกหน้าทว่ากลับชะงักเล็กน้อยก่อนจะดึงมือกลับไปเช่นเดิม
ทั้งพ่อบ้านและบ่าวไพร่ของจวนอีกหลายชีวิตนอกศาลาก้มเก็บสีหน้า
แม้หายใจเข้าออกต้องพร้อมกันมิให้ผิดจังหวะ
พ่อบ้านได้รับคำสั่งว่าให้นำบัญชีรายรับ
- รายจ่ายของจวนมามอบให้นายหญิงดูแล พร้อมนำบ่าวไพร่ที่ต้องมาคารวะตามธรรมเนียมหลังจากพิธียกน้ำชาของบรรดาเหล่าอนุ
แต่เมื่อเข้ามาพบว่าฮูหยินกำลังนอนหลับไม่อยากรบกวนผู้เป็นนายเขาจึงโบกมือไล่บ่าวไพร่ให้ถอยกลับทันที
ซูดด... เสียงปากน้อยๆ
สูดน้ำลายที่ไหลย้อย หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
"ช่างเป็นสตรีที่ไม่มีความละอายยิ่งนัก"
เฉินหย่งหมิงยืนมองฮูหยินของตนที่กำลังหลับอย่างมีความสุขสายลมพัดพาให้กลิ่นหอมอิงฮวาจากกายของนางกระทบเข้าจมูกโด่ง
เขายืนจ้องมองดวงหน้านิ่งราวกำลังคิดบางอย่าง จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่พูดสิ่งใด
"..." ซือเออร์ได้แต่ไว้อาลัยในใจเหตุใดฮูหยินต้องมาหลับยามนี้ด้วยนะ
อีกทั้งนายหญิงของตนยังเสียกิริยาต่อหน้าท่านแม่ทัพไปแล้วจะทำเช่นไรดี
ในขณะเดียวกันเหล่าองครักษ์ที่ติดตามต่างพากันรีบหันหลังกลับทันทีเมื่อสายตาดุคมจ้องเตือน
จึงเห็นแต่เพียงไหล่ที่ไหวกระเพื่อมขึ้นลงอย่างสุดกลั้น
ณ เวลาเดียวกันอีกเรือนกลับมีคนโมโหอย่างเดือดดาลเช่นกัน
“กรี๊ด” เพล้งงงงง ซ่าาา!!!
ความคิดเห็น