เช้าวันหนึ่ง ที่แปลกประหลาด - เช้าวันหนึ่ง ที่แปลกประหลาด นิยาย เช้าวันหนึ่ง ที่แปลกประหลาด : Dek-D.com - Writer

    เช้าวันหนึ่ง ที่แปลกประหลาด

    ผู้เข้าชมรวม

    86

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    86

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 พ.ย. 65 / 21:38 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    พรุ่งนี้จะถึงวันที่ผมนัดดูหนังกับกลุ่มเพื่อนๆ ในวัยมัธยม ผมค่อนข้างตื่นเต้นที่จะได้เจอกับเพื่อนๆ บางคนก็เจอกันบ่อยๆ บางคนก็นานๆ เจอที หรือบางคนก็ต่างหายหน้าหายตากันไปไม่เจอกันมากกว่า 4 ปี

    รวมถึงเธอก็มาด้วย คนที่ผมเคยชอบมาตลอดในช่วงมัธยมปลาย โดยปรกติเธอค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว แต่ครั้งนี้หลังจากเพื่อนๆ ช่วยกันรบเร้าด้วยเหตุผลที่ว่า “นานๆ ทีเราจะนัดเจอกันได้เยอะแบบนี้นะ มาเถอะ”

    เรื่องของผมกับเธอในช่วง ม.ปลาย ค่อนข้างขุ่นหมอง ไม่ใช่ว่าทะเลาะกันหรือว่าผิดใจกัน แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ บางครั้งเธอก็ทำเหมือนจะชอบผม บางครั้งก็ไม่ จนบางทีผมก็รู้สึกว่าสงสัยผมคงคิดไปเอง

    ยังไงก็ตาม ตอนนี้ความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นได้หายไปจนหมดสิ้น เราสองคนต่างแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยา ไปเจอสังคมใหม่ๆ เจอเพื่อนใหม่ๆ รวมไปถึงต่างคน ต่างก็มีแฟนแล้ว

    ในคืนก่อนที่จะถึงวันนัด ผมเผลอหลับตั้งแต่ 6 โมงเย็นด้วยความอ่อนล้าจากการรีบเคลียร์งานในวันศุกร์ เพื่อที่จะได้ไปพบเพื่อนๆ ในวันเสาร์

    ผมลืมตาขึ้น พบว่าห้องของผมมืดสนิท มีเพียบแสงสว่างเล็กน้อยจากแสงไฟจากถนนที่ทะลุผ่านช่องระหว่างม่านเข้ามาภายในห้อง ผมรีบควานหาโทรศัพท์หวังว่ามันคงอยู่ไม่ห่างจากผมตอนหลับ และหวังว่าผมจะไม่ปัดมันตกจากเตียง

    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมกับตาที่หรี่ลงจากแสงของโทรศัพท์ที่แยงเข้าตา

    23.18 ตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏขึ้น

    5 ทุ่ม ผมหลับไป 5 ชั่วโมง

    ผมนอนไม่หลับอีกเลยจนถึงตี 5 แล้วจิตใต้สำนึกของผมก็ย้ำเตือนผมว่า การนอน 5 ชั่วโมงมันไม่พอ เดี๋ยวจะหลับในโรงหนัง ไหนจะอันตรายจาการเดินทางอีก

    ผมพยายามที่จะนอนอีกครั้งเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

    ผมตกอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รอบคอบและตั้งนาฬิกาปลุกไว้

    ผมตื่นมาในตอนเช้า ลมหน้าเล็กน้อยกระทบเข้าที่ผิวหนังของผม ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปห้องน้ำ ผมตื่นก่อนนาฬิกาปลุก ซึ่งผมไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยเพราะช่วงหัวค่ำผมหลับไปครึ่งคืนแล้ว ตอนนี้น่าจะประมาณ 7 โมงเช้า ก่อนนาฬิกาปลุก 1 ชั่วโมง

    ผมเดินเข้ามาห้องน้ำพร้อมอาการงัวเงียหลังจากตื่น หัวผมมึนๆ และตาหรี่ ผมจึงเปิดก๊อกน้ำและเอามือรองน้ำไว้ก่อนที่จะยกฝ่ามือเข้าหาหน้าเพื่อชำระล้างอาการหลังตื่นนอน หลังจากนั้นก็หยิบแปรงสีฟันและยาสีฟัน ผมบรรจงบีบยาสีฟันไปตามแนวของแปรงเหมือนอย่างที่เห็นในโฆษณา ผมเริ่มแปรงฟันและเงยหน้ามองที่กระจกตรงหน้า

    ในทีแรกมันไม่มีความรู้สึกประหลาดใจเกิดขึ้น แต่หลังจากที่แปรงได้ไม่นานผมก็สังเกตได้ว่าที่นี่มันไม่ใช่บ้านของผม ผมไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง

    แต่ผมอยู่ที่หอพักที่เคยอยู่กับเพื่อนตอนเรียนมหาวิทยาลัย หน้ากระจกนั้นมีแปรงสีฟันทั้งหมด 4 ด้าม ผมนึกขึ้นได้ว่าตอนลุกออกจากเตียงผมไม่ได้ลุกจากเตียงส่วนตัว แต่เป็นเตียงขนาด 6 ฟุต ที่ผมนอนกับเพื่อนอีก 1 คน ความรู้สึกตระหนกเกิดขึ้นในจิตใจพร้อมกับความกลัวที่ผมอธิบายไม่ได้ แต่ผมรู้สึกลัวตอนนี้มาก ผมกลัวยิ่งกว่าตอนดูหนังผีคนเดียวตอนตี 2 รู้สึกกลัวมากกว่าตอนที่พลัดหลงกับแม่ในงานเทศกาล รู้สึกลัวยิ่งกว่าความกลัวไหนๆ ที่ผมเคยพบมาในชีวิต

    ผมรู้สึกใจหายขึ้นมา เป็นความรู้สึกโหว่งๆ กลางหน้าอก ผมค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกมาจากหน้ากระจก และตั้งใจมองสิ่งรอบๆ ตัวให้ดี ผมเดินออกมาพิงกับประตูห้องน้ำที่เปิดไว้ ผมอยู่ที่หอพักจริงๆ ตอนนี้ และในขณะนี้ผมอยู่ห่างจากเพื่อนๆ 250 กิโลเมตรจากโรงหนังที่เรานัดเจอกัน ยิ่งนึกถึงระยะทางและเวลานัดที่ใกล้เข้ามา ความรู้สึกโหว่งๆ ในใจผมก็เพิ่มมากขึ้น จนรู้สึกเหมือนชิ้นส่วนหัวใจของผมถูกเฉือนไปเรื่อยๆ ตามเข็มของนาฬิกา ยิ่งมันเดินเข้าใกล้เวลานัดมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกหัวใจถูกเฉือนมากขึ้นเท่านั้น

    ผมรวบรวมสติและตะโกนเรียกเพื่อน หวังว่าจะมีใครสักคนตอบกลับมาและบอกได้ว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ ความรู้สึกเคว้งและเปลี่ยวเหงายิ่งมากกว่าเดิม ผมจะทำยังไงดีให้ไปเจอเพื่อนได้ทันเวลาที่นัดกันไว้

    ตอนนี้ 7 โมงครึ่ง 250 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางอย่างไวที่สุด 3 ชั่วโมงถ้ารถไม่ติดและมีรถส่วนตัว ซึ่งผมไม่มีรถส่วนตัวนั่นหมายความว่า บวกเพิ่มอีก 1 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ และบวกเพิ่มอีก 1 ชั่วโมงสำหรับรถที่ติดในเวลาเร่งด่วนแบบนี้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารถสาธารณะออกกี่โมง คิดคร่าวๆ ไว้คงออกทุกๆ 30 นาที นั่นหมายความว่าตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงครึ่ง ผมจะอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมของเสร็จตอน 8 โมง อย่างไวที่สุดก็ก่อน 8 โมงสัก 10 นาที รอบที่ผมจะไปได้คือรอบ 8 โมงครึ่ง เมื่อบวกเพิ่มเวลาของการเดินทาง 5 ชั่วโมง ก็จะไปถึงที่นัดหมายตอนบ่ายโมงครึ่ง ซึ่งช้ากว่าเวลาที่นัดกันไว้ถึง 3 ชั่วโมง ผมหมดหวัง

    โทรศัพท์! จริงสิ ผมลืมไปสนิทว่าผมสามารถโทรหาเพื่อนๆ ที่เคยอยู่หอกับผมได้ เพื่อนผมมีรถยนต์ นั่นคงจะทำให้ผมสามารถไปทันเวลานัดได้อย่างแน่นอน บางทีเพื่อนอาจจะออกไปหาข้าวเช้ากินก็ได้ในเวลานี้ เพื่อนชอบออกไปกินข้าวมันไก่กัน ใช่สิ ผมออกจากห้องน้ำทั้งๆ ที่แปรงสีฟันยังอยู่ที่ปาก พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มาค้นหาเบอร์ของเพื่อนและเดินไปเดินมาอยู่ในหอ ผมค้นหาเบอร์เพื่อนอย่างเร่งรีบ โทรศัพท์ผมกลับว่างเปล่า ไม่มีเบอร์เพื่อนสักคนอยู่เลย รวมไปถึงเบอร์พ่อกับแม่ผมด้วย ความกลัวกัดกินจิตใจผมอีกครั้ง ครั้งนี้ผมรู้สึกรุนแรงขึ้น ผมรู้สึกเหมือนก้อนเนื้อตรงกลางหน้าอกค่อยๆ ไป

    ผมพิงเข้ากับประตูห้องน้ำอีกครั้งพร้อมกับทรุดตัวลงที่หน้าห้องน้ำ น้ำตาผมค่อยๆ เอ่อไหลออกมาเล็กน้อย ผมหมดหวังแล้ว ผมหมดหวังแล้วจริง ผมคิดหาวิธีที่จะไปให้ทันแต่มันไม่มีเลย ไม่ว่าวิธีไหนมันก็ไม่มีวันทัน ไม่ว่าผมจะหาวิธีที่เร็วแค่ไหน สุดท้ายมันก็จะช้าไปอยู่ดี ผมฟูมฟายออกมาเหมือนเด็กไม่ประสาร้องไห้เพราะอยากได้ของเล่น

    เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมในบ้านที่คุ้นเคยกับความรู้สึกใหม่ที่ปรากฏขึ้น ผมโล่งใจ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×