นาย สัน กับวันสงกรานต์ - นาย สัน กับวันสงกรานต์ นิยาย นาย สัน กับวันสงกรานต์ : Dek-D.com - Writer

    นาย สัน กับวันสงกรานต์

    ช่วงสงกรานต์เพียงไม่กี่วันเปลียนชีวิตเด็กหนุ่มไปตลอดกาล

    ผู้เข้าชมรวม

    113

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    113

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 เม.ย. 58 / 23:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
       สันเด็กหนุ่ม ที่ใช้ชีวิตเสเพลกินดื่มเที่ยวไปวันๆแต่เมื่อเขาต้องประสบอุบัติเหตุในวันสงกรานต์ ชีวิตเขาต้องเปลี่ยนไป
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
         เสียงเด็กๆ สาดน้ำอย่างสนุกสนาน นอกหน้าต่างทำให้ผมต้องลุกขึ้น
      ออกมาจากเตียงนอนภายในบ้านปูนชั้นเดียว กว้างเพียง50ตารางวา2ห้อง
      นอน สอง ห้องน้ำ ในหมู่บ้านจัดสรร
         ผมชื่อ' สัน ' อายุ 16 ปี ชายร่างโย่งที่วันๆ ก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป คือ
      ติดเกมออนไลน์ การเรียนก็กลางๆ เฮฮากับเพื่อนๆ ปาตี้ดื่มเหล้าเป็นประจำ
      นั่นคือชีวิตของผม และ สงกรานต์ครั้งนั้นก็เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล....
         "เฮ้ย ! ไอ้ สัน วันนี้มึงไปแดกเบียร์ กับกูไหมว่ะ"ไอ้คนเดินมาทักผมคนนี้
      ชื่อไอ้ อ๊อด เพื่อนซี้ของผม เราทั้งคู่ชอบไปเล่นเกมและดื่มเบียร์กันเป็นประ
      จำ มันเป็นคนตัวเล็ก ชอบทำผมตั้งๆ
         "อะไร ของมึงว่ะ ไอ้สาด นี่เพิ่งเช้าเองเมิงก็ชวนไอ้สันมันไปเมา
      แล้วเหรอว่ะ" เจ้าของเสียงที่ด่าไอ้อ๊อด แบบกวนทีนนี้ชื่อไอ้ตัน ด้วยร่าง
      กายที่อวบระยะสุดท้าย ชื่อของมันก็เข้ากับหุ่นมันสุดๆ
         "พวก แกสองคน ไม่ต้องมาด่ากันข้ามหัวตูเลย วันนี้ กูมีนัดกับน้อง ปอ
      แล้ว เดี๋ยวต้องไปแว้นมอไซน์เพื่อไป กินไอศรีมที่หน้าห้างโลตัส "
         "อะไร ของมึงว่ะ เห็นหญิงดีกว่าเพื่อน"
         "ไอ้อ๊อด มึงต้องเข้าใจกูนะโว้ยคนมีแฟนแล้ว ต้องแบ่งเวลาเพื่อความรัก"
         "ถุ้ย! ความรักเจี้ย อะไรว่ะ เห็นได้แค่พาไปเที่ยว โน่นนี่ ไม่เห็น แกจะพา
      น้องปอ ไป....ซักที ระวังไว้เถอะมึง หมาจะคาบไปแดก"
         "ไม่ต้องพูดมาก ไอ้อ๊อด ยังไงตูก็ไม่ไปกับเมิง ขอตัวก่อนกูรีบ ไปก่อนนะ
      โว้ย ไอ้อ๊อด ไอ้ตัน "
         "บรื้นนนนน " เจ้าเพื่อนทั้ง2คนนี้ชอบชวนผมไปดื่มบ่อยๆใน ทุกสัปดาห์
      เรียกว่าชี้กันมากเลยทีเดียว 
         "เอี๊ยดดดด ! " ขอโทษที ปอ พี่มาสายไปหน่อย"
         "ไม่เป็นไรพี่ สัน เรารีบเข้าไปในห้างกันเถอะ" สาวผิวสองสีหน้ากลม
      ผมเป็นลอนรูปร่างเล็กนี่คือ น้องปอแฟนเพียงคนเดียวของผมเราคบกัน
      มาตั้งแต่ม.ต้น ด้วยการที่เธอเข้ามาจีบผมก่อน
          
           ที่โต๊ะสวยหรูภายในร้านไอศครีม ภายในห้าง
         
           "คือพี่ สัน พอดีปอ อยากชื้อเคสโทรศัพท์ อันใหม่หนูขอเงินพี่หน่อยน่ะ"
         เอะยังไงกัน เราก็เพิ่งชื้ออันใหม่ให้นี่จะเอาอีกแล้วรึ แต่คงไม่เป็นไรมั้ง
      เงินไม่กี่พัน ผมตัดสินใจ ควักแบงค์ พัน 5ใบส่งให้เธอ ลืมบอกไปครับบ้าน
      ผมค่อนข้างมีฐานะเพราะพ่อผมทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ขององกรณ์
      นาซ่า สวนแม่ท่านแค่อยู่บ้านคอยตามใจผมเท่านั้นเราอยู่กันแค่2คนแม่ลูก
      ไม่ว่าผมขออะไร แม่ให้หมดจนหลังๆมาแกขี้เกียจกดเงินให้เลยให้บัตร ATM ผมกดเอาเองแบบโนลิมิต ผมก็กดเงินมาใช้แบบตามใจเลยแต่ก็
      ไม่เคยกดออกจนหมดจากวงเงินเดือนล่ะ10000 เลย
          เมื่อน้องปอได้เงิน หล่อนรีบขอตัวไปชื้อของทันที ซึ่งผมชินซะแล้ว
      ใครจะว่าผมโง่ก็ช่างเถอะ ขอแค่มีใครชักคนที่ผมรักก็พอ...
          หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปที่บ้านของผมในตอนดึก
          "แหม่ พี่ อย่าทำอย่างนี้ในบ้านพี่ สัน ซิ เกิดพี่เค้ามาเห็นหนูจะเอาเงินที่ใหนใช้ "
          "จะกลัวอะไร ไอ้สัน มันเมาหลับไปแล้ว มาให้พี่ชื่นใจหน่อย"
         มันคงเป็นโชคชะตาของผมที่ในวันนั้น ผมดันปวดฉี่แล้วเดินไปที่ห้อง
      น้ำทำให้ได้ยินสิ่งที่ อ๊อดกับ ปอคุยกันอยู่ในนั้นหลังจากนั้นเสียงชี๊ดซ๊าด
      ก็ตามมาเหมือนฉากหนังผู้ใหญ่ ไม่มีผิด ภายในใจผมเหมื่อนโดนมีดกรีด
      ลึกลงไป ใจหนึ่งก็อยากถีบประตูห้องน้ำแล้วลากไอ้เพื่อนทรยศออกมาอัด
      ให้ตายคาตีน อีกใจก็คิดว่าหากทำเช่นนั้นผมจะเสียทั้งเพื่อนทั้งคนรัก ผมตัดสินใจ ค่อยๆ เดินออกไปนอกบ้านจูงมอเตอร์ไซน์ บิ๊กไบร์สีแดง
      คู่กายขับออกไปและนั่นคือการตัดสินใจผิดพลาดที่สุดในชีวิต...
          หลังจากขับรถออกไปด้วยความเร็วบวกกับอาการมึนเมารถผมแหกโค้งลงข้างทาง แต่ผมโชคดีที่สวมหมวกกันน็อคเลยไม่ตาย แต่ถึงไม่ตายก็เหมือนตาย ผมกลายเป็นอัมพาต ช่วงล่างตั้งแต่ขาลงมาไม่สามารถเดินได้ผมท้อแท้ หมดกำลังใจในชีวิตเพียงเพราะเมาแล้วขับ ผมสาปแช่งไอ้กับอีที่ทำให้ผมเป็นเช่นนี้ หลังจากผมประสบอุบัติเหตุ เพื่อนๆที่ผมคิดว่าเขารัก
      เราไม่โผ่ลหัวมาแม้แต่คนเดียวรวมทั้ง น้องปอ
          มีเพียง2คนที่นั่งเฝ้าข้างเตียง นั่นคือพ่อ และ แม่ ของผมเท่านั้นผมเข้า
      ใจแล้วว่า ไม่มีรักใดยิ่งใหญ่กว่ารักจากคนในครอบครัว
         เวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน และหลายเดือน วันสงกรานต์ผ่านไปทิ้งไว้
      เพียงแผลในจิตใจของผม หลังพิการผมพยายามทำกายภาพบำบัดแต่ไม่
      มีวี่แววจะเดินได้อีกครั้ง มันทำผมยิ่งท้อใจ ส่วนพ่อต้องกลับไปทำงาน
      เหลือเพียงผมกับแม่อีกครั้ง
           เรื่องเรียนนะเหร่อครับ ผมดร๊อบเรียนเอาไว้ นั่นก็เพียงข้ออ้างเท่านั้น
      ความจริงคือผม ไม่อยากไปเห็นหน้าพวกนั้นอีกไม่อยากให้พวกมันมาเห็น
      ความหน้าสมเพศของผม
          เวลายังคงดำเนินไปผมที่วันๆ ได้แต่นั่งรถเข็นไถไปมาอยู่ภายในบ้าน
      เพื่อหาอะไรทาน แล้วกลับไปที่หน้า คอมเพื่อเล่นเกมออนไลน์สิ่งเดียว
      ที่พอจะยังทำให้ผมมีชีวิตต่อไป ได้พูดคุยกับเขาเหล่านั้นเพื่อนๆในเกม
      ที่ไม่เคยแม้แต่เห็นหน้ากันและผมก็ไม่สนใจด้วยเพราะคำว่าเพื่อนสำหรับ
      ผมมันก็แค่ คนที่เอาไว้คุยฆ่าเวลา
        "ปึ่ง ตึ่ง ! " ใครส่งเมล มาว่ะ เปิดดูซักหน่อย 
        "พี่ สัน กรุณา ออกมาพบ ฝ้าย หน้าบ้านด้วยคะ " 
        "ฝ้าย ใครว่ะ ... อ๋อ จำได้แล้วยัยฝ้ายจอมเฉิ่มแว่นกลมตัวเล็กอยู่บ้าน
      ถัดจากเราไป5หลัง แล้วนี่ได้เมลเราได้ยังไง แถมชวนไปพบอีก เอาไง
      ดีว่ะสัน จะออกไป หรือ ทำเป็นไม่สนตัดสินใจแล้ว 'ไม่สนดีกว่า'
           นั่นเป็นครั้งแรก ที่ฝ้ายสาวแว่นผิวขาวจอมเฉิ่มประจำ ม.3 ส่งเมลมา
      หาผม หลังจากนั้น ทุกวันเวลา 16.00 น. ตรงเป๊ะเธอจะส่งเมลมา
      จนเวลาผ่านไป17วัน ในวันที่18
          "ปึ่ง ตึ่ง ! " เอะยัยนี่ ตื้อไม่เลิกส่งเมลมาชวนอีกแล้ว เอาก็เอาฟะ"
      ผมตัดสินใจออกไปพบเธอตามคำเชิญ
          "นี่ ยัย.... เออ เธอเป็นใคร " สาวสวย ผมสีน้ำตาลตรงหน้าในชุดนักเรียน
      โรงเรียนที่ผมเคยเรียนยืนยิ้มเอามือไขว่หลัง
          "ฝ้ายเองพี่ สัน จำฝ้ายไม่ได้รึไง" อะไรกัน ยัยแว่นจอมเฉิ่มฝ้ายนี่เปลี่ยน
      ไปขนาดนี้เลยเหรอไม่เห็นแค่6เดือนเอง
          "พี่สัน ฝ้ายขอเข้าไปในบ้านได้ไหม" อะไรกันยัยนี่ ขอเข้าบ้านผู้ชายหน้า
      ตาเฉย ก็ได้เมื่อน้องกล้าพี่ก็จัดให้ 
          "แกร็ก! เอาเข้ามาซิ " ดูซิว่าเธอจะมาทำอะไร
          "คือ... พี่สัน ฝ้ายอยากให้พี่สันเลิกอยู่แต่ในบ้าน แล้วออกมาเล่นอย่าง
      ที่พี่เคยทำเป็นประจำ"
           อะไรกันยัยนี่ แม่ฉันยังไม่เคยว่าที่ฉันเอาแต่อยู่ในบ้านแล้วนี่เธอเป็นใคร
      ถึงกล้าสั่งฉัน ฮึฮึ
          "เฮ้ย! นี่เธอทำอะไร มาเข็นรถวิวแชร์ ของฉันทำไมหยุดน่ะ"
         "ขอโทษ นะคะ พี่สันที่ต้องทำอย่างนี้ เราไปสวนสาธารณะของโครง
      การในหมู่บ้านเรากัน หนูมีอะไรอยากให้พี่ดู"
          "หยุดเลยน่ะฉันไม่ไป " ยัยบ้านี่ ตะโกนด่าเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหยุด ยอมไปด้วยก็ได้ฟะ เอาเลยน้องอยากพาพี่ไปใหนก็เชิญ
           "ถึงแล้วคะ พี่สัน " 
           ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่เคยมาเป็นประจำ สวนสาธารณะในหมูบ้านแต่
      เอะ นั่นอะไรนะ เฮ้ย! ใครมันทำราวจับเพื่อฝึกกายภาพบำบัดด้วยไม้
      ไผ่ไว้ ในสวนสาธารณะ อย่าบอกน่ะว่ายัยนี่จะ...
           "พี่ สัน เรามาทำกายภาพบำบัดกันค่ะ " นั่นไงตูว่าแล้วยัยนี่จะพา
      ฉันมาหัดเดิน เอายังไงดีเรา ว่าไปแล้วยัยนี่ก็หวังดีกับเราจะปฏิเสธ
      ก็ยังไงอยู่ เอาก็เอาว่ะ ลองดูอีกครั้ง
            หลังจากนั้นทุกๆวันเวลา16.00น. ยัยฝ้ายจะมาหาผมแล้วพาไปทำ
      กายภาพบำบัดที่นั่นเป็นประจำ ผู้คนในโครงการบ้านจัดสรร เริ่มให้ความ
      สนใจ และในวันหนึ่ง ผมก็ได้ออกข่าวตอนเช้า ในฐานะคนในคริปให้กำลัง
      ใจคนพิการ เพราะดันมีคนอัปคริปที่ผมกับฝ้ายพยายามหัดเดินไปลงยูทูบ
      จนโด่งดัง ส่วนตัวผมอาการค่อยๆดีขึ้นตามลำดับจนเดินได้ด้วยไม้ค้ำ
          เวลาผ่านไปหลายเดือน สภาพร่างกายและจิตใจของผมเริ่มฝื้นตัวด้าน
      ฝ้ายเธอยังคงมาชวนผมไปที่นั่นทุกวัน เวลาเดิมจนความสัมพันธ์ ของเรา
      ทั้งสองพัฒนากลายเป็นเพื่อนรักกัน และนั่นคือความรู้สึกของผมที่
      พยามปิดใจในการชอบผู้หญิง
           เวลายังดำเนินไปอีกหลายเดือนตอนนี้ผมกลับเข้าเรียนเช่นเดิมส่วน
      เพื่อนจัญไรพวกนั้นผมเลิกคบ ผมคบก็แค่ฝ้ายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว
      ในโรงเรียน และวันนี้เราทั้งคู่ก็เดินกลับบ้านเช่นเคย ลืมบอกผมเลิกขับ
      มอไซน์แล้วครับ
          "นี่ๆ ปิดเทอมนี้ เธอจะไปใหนไหม" ผมเริ่มถามฝ้ายก่อน
          "ก็ไม่รู้จะไปใหน เหมือนกัน หนูว่าจะรอเล่นน้ำสงกรานต์ก่อนค่อย
      กลับบ้านไปหาพ่อที่เชียงใหม่"
           "งั้น สงกรานต์ ปีนี้เรามาเล่นน้ำสงกรานต์ ด้วยกันนะ" แอบเนียนชวนไป
      หวังว่ายัยฝ้ายคงอยู่เล่นน้ำสงกานต์กับเรา
           "ได้ซิ "เย้ยยยยย ตอบตกลงจริงๆด้วย
             "วันที่ 14 /4/25×× " วันที่อากาศร้อนอบอ้าวกว่าทุกปีผมนายสัน ยัง
      คงนั่งแช่เท้าในน้ำแข็งอยู่หน้าบ้าน รอฝ้ายที่นัดไว้ เวลาผ่านไปจนเย็น
      ฝ้ายกลับไม่มาตามนัดผมจึงรีบเดินไปดูที่บ้านเธอ
             "ฝ้าย ฝ้าย อยู่ใหน ใหนบอกว่าจะมาเล่นน้ำสงกานต์กันไง" ตะโกนตั้ง
      นานไม่เห็นมีใครออกมาเลยหรือว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ปีนเข้าไปบ้านแม่ง
      เลยไม่ทันปีนก็มีคนตะโกนใส่ผม
            " แม่กับฝ้ายเขาย้าย กลับไปเชียงใหม่แล้วเห็นบอกว่าพ่อเขา
      สั่งให้กลับไปด่วน"
          "เหรอ ครับลุงขอบคุณครับ " ผมรีบเดินออกมาภายในใจรู้สึกเซ็งๆ ที่ยัย
      ฝ้ายไม่ยอมบอกว่าจะกลับเชียงใหม่ทำไมเธอถึงทำกับผมอย่างนี้ตัวผมเดิน
      ไปคิดไปจนไปถึงที่บ้านแล้วนอนบนเตียงเพื่อคิดต่อไปจนเผลอหลับไป
         ผมตื่นขึ้นเพราะเสียงเด็กๆ ข้างบ้านเล่นสาดน้ำเสียงดังผมรีบเดินไปที่
      โต๊ะคอมกะส่งเมลไปหาฝ้ายถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเธอถึงไม่ยอม
      บอกผมว่าจะกลับเชียงใหม่ ทันทีที่เปิดคอมเมลใหม่ก็เข้ามามันคือเมล
      จากฝ้ายดูจากเวลาที่ส่งคือ ตี5 ของวันนี้ผมรีบเปิดเมลอ่านทันที
         "พี่สัน คือ ฝ้ายต้องกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อเพราะแม่ของฝ้ายถูกไล่ออก
      จากงานที่ทำพ่อเลยให้เราทั้งคู่กลับไปเชียงใหม่ หนูรู้เรื่องนี้ก่อนหน้า3วัน
      ทันทีที่รู้ข่าวหนูรีบวิ่งมาบอกพี่สันที่บ้านตอนเย็นเมื่อไปถึงหนูเห็นพี่สันอยู่
      กับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกอดกัน มันทำให้หนูไม่กล้าเข้าไปในบ้าน ...
           คือมีอีกเรื่อง หนูอยากจะสารภาพกับพี่สัน หนูชอบพี่น่ะ ชอบมานาน
      แล้วด้วยตั้งแต่ตอนที่พี่สันช่วยหนูจากพวกเด็กชายท้ายหมู่บ้านแกล้ง
      หาว่าหนูเป็นลูกไม่มีพ่อ ตอนนั้นพี่สันถึงกับยอมถูกรุมจนสะบักสบอม
      เพื่อช่วยฝ้าย สุดท้ายนี้ขอให้พี่ มีความสุขกับคนที่รักคะ.
          "ยัยบ้า ที่เห็นฉันตอนนั้นเธอเข้าใจผิด คนที่มากอดฉันคือยัยปอ ที่มาขอ
      คืนดี ยัยนั่นก็จริงๆ เลยเล่นเข้ามากอดเราซะแน่น แถมยังเป็นช่วงยัยฝ้าย
      เข้ามาเห็นซะได้ เวรกรรมอะไรของเราน่ะ "
           เอายังไงดีเรา ดันสารภาพรักเราก่อนซะได้ ไอ้เราก็อุตส่ากะสารภาพรัก
      วันนี้ นั่งเซ็งอยู่อย่างนี้ไม่ได้แล้ว ยังงี้มันต้องง้อ ! ว่าแต่เราจะตามง้อฝ้าย
      ยังไงเมื่อไม่รู้จักบ้านที่เชียงใหม่ ลองโทรหาดู
          "ไม่มีสัญญานตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียก" ยัยบ้าเอ่ยดันปิดเครื่อง
      หรือ ว่าเปลียนเบอร์ก็ไม่รู้ งั้นส่งเมล ดีกว่า 
           "อะไรฟะ เมลก็ไม่รับ งั้นมีทางเดียวงานนี้ต้องบินไปหา "
           "แม่ครับ ผมจะไปหาเพื่อนที่เชียงใหม่พรุ่งนี้ ช่วยเตรียมของให้หน่อย"
           "ลูกมีเพื่อนที่เชียงใหม่ด้วยเหรอ " 
         "แม่ก็ ลืมแล้วเหรอ ฝ้ายไงตอนนี้เธอกลับเชียงใหม่ไปแล้ว"
         "จริงรึ สัน งั้นแม่รีบเตรียมของให้เลยพรุ่งนี้จะได้ไปแต่เช้า " เอาซิแม่ผม
      กับยัยฝ้ายนี่ ชอบออกนอกหน้า ตะโกนคุยกับผมเสียงดังลั่นบ้าน
         
          ตอนนี้ผมมาถึงแล้วครับ เชียงใหม่ ในวันสงกรานต์วันสุดท้ายรถรามาก
      มากมายวิ่งไปมาบนถนนเหล่าผู้คนเล่นสาดน้ำรอบคูครองอย่างสนุกสนาน
      มีเพียงตัวผมที่ ยืนงงไม่รู้จะไปตามหา ฝ้ายที่ใหน
           "ยัยฝ้าย มีชื่อจริง ว่า กรองแก้ว.  สุขทนัน ถ้าหาจากสมุดหน้าเหลือง
      นามสกุล สุขทนัน มีอยู่ 10 ที่ทั้งในตัวเมืองเชียงใหม่และอำเภอใก้ลเคือง
      เริ่มจากในเมืองก่อน"
           "ผมตามหาเธอไปตาม ที่อยู่ในสมุดหน้าเหลืองโดยเหมารถแทกซี่ หลัง
      ที่1 ก็ไม่ใช่ หลังที่2 ก็ยัง ผมตามหาจนมาที่หลังสุดท้ายหลังที่10 ผมดีใจ
      มากๆเพราะมั่นใจว่าต้องเป็นบ้านหลังนี้แน่นอน 
           "ไอ้หนู เอ็งมาหาใคร " ตาแก่ร่างอ้วนเปิดประตูบ้านมาถามผมด้วย
      แววตาสงสัย
           "คือตาครับ บ้านนี้มีคนชื่อฝ้ายไหมครับ? " ต้องมีแน่ๆเดี๋ยวตาคงบอกว่า
      ฝ้ายอยู่ด้านใน
           "ไอ้หนู ไม่มี คนชื่อฝ้ายหรอกบ้านนี้" ไม่นะ ทำไมล่ะก็ที่อยู่เราก็ได้มา
      ครบแล้วนี่ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ เราจะไปหาฝ้ายที่ใหน ผมเดินคอตกกลับรถ
      แทกซี่ แล้วนั่งเหม่อลอยเพื่อไปโรงแรม 
           "เอี๊อดดดดด โครม! " เสียงซนดังสนั่นตัวผมพุ่งไปกระแทกกับเบาะหน้า
      คนขับจน จุกเพราะผมนั่งด้านหลังรถเก๋งไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ชายคนขับ
      แทกซี่ หัวแตก เขารีบลุกจากที่นั่งออกไปเครียร์กับคู่กรณีที่มาซนท้ายเขา
      อย่างแรงผมเลยจำเป็นต้องออกมาจากรถด้วยไม่กี่นาทีต่อมารถมอไซน์
      ตำรวจก็มาถึงพื้นที่ระหว่างที่ผมนั่งรอทั้งหมดทะเลาะกันสายตาผมก็เหลือบไปเห็นรถกระบะหนึ่งคันค่อยๆขับเลี่ยงออกไปคนที่นั่งภายในเบาะหน้ารถนั้นทำผมใจเต้นรัว ฝ้ายนั่นเอง
           แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สังเกตุเห็นผม รถคันนั้นจึงขับผ่านไป ผมรีบลุก
      ตะโกนเรียก แต่ไร้วี่แวว รถปิ๊กอัพสีดำ ขับจากไป เหล่าพวกที่ทะเลาะ
      กันหยุดแล้วมองหน้าผม
           โอกาศนี้เหมือนโชคตา เอาไงดีว่ะ สัน ผมครุ่นคิดไม่นานไอเดียบรรเจิด
      ก็เกิดขึ้น ผมกระโดดขึ้นสตาทมอไซน์ ตำรวจที่เสียบกุญแจคาไว้ขับออก
      ไปทันที
          "เฮ้ย! อะไรว่ะ ไอ้เด็กบ้าเอารถพี่มา "เสียงตะโกนจากนายตำรวจตาม
      หลังผมมา แต่ตอนนี้ ความกลัวใดๆ ไม่สามารถหยุดยั้งผมได้ เพื่อเรียก
      ร้องความสนใจ ผมเปิดไซเรนบิดตามรถของฝ้ายด้วยความเร็ว
           "บรืนนนนน ว่อออออ ว่อออออ " เหล่าผู้คนที่เล่นน้ำตามข้างทางเริ่ม
      ให้ความสนใจ ด้านรถของฝ้ายยังคงวิ่งด้วยความเร็ว ส่วนด้านหลังผมตอน
      นี้รถตำรวจก็ตามไล่หลังมานับสิบคัน
           ฝ้าย รอ ฉัน ก่อน นี่คือเสียงตะโกนสุดท้ายก่อนที่ผมจะสลบจนไม่
      รู้สึกตัว เพราะพ่อฝ้ายดันเบรกรถกระทันหัน ทำเอาผมที่ตามหลังเบรก
      เต็มแรงแต่ไม่อยู่พุ่งเข้าชน ท้ายรถจังๆ ดีน่ะที่ผมรอดมาได้ ไม่เป็นอะไร
      มาก ด้านฝ้ายเมื่อรู้ว่าเป็นผม...
          ตอนนี้เธอกำลังนอนฝุบอยู่ข้างๆ เตียงผมใบหน้าตอนหลับของเธอนั้น
      ช่างน่ารักจริงๆ ขอหอมแก้มหน่อยน่ะ
         "ไอ้หนู เอ็งจะทำอะไรหลานข้า " 
         "เปล่า เปล่า แค่ ก้มมองหน้าเธอตอนนอนเท่านั้น" ตาแก่ร่างอ้วนคนที่
      ผมไปหาหลังสุดท้ายเขาคือ ปู่ของฝ้าย ที่แกบอกไม่รู้จักฝ้ายก็เพราะ
          "ชื่อ เธอที่เชียงใหม่คือ " คำเดือน "ท่านฟังไม่ผิดหรอกครับนั่นเหละ
      ชื่อเล่นจริงๆ ของเธอน่ะจ๊ะ อีนาง คำเดือน555 คิดแล้วก็ขำ ส่วนเรื่อง
      คุณตำรวจ ท่านใจดีอนุโลมให้ไม่เอาผิด
           จบแล้วครับชีวิตในหนึ่งปีจนถึงวันสงกรานต์ของผมมันทำให้ผมได้อะไร
      หลายๆ อย่างในชีวิตที่แน่ๆคือ ผมเลิกดื่มเหล้า แล้วคุณล่ะ....
       
      กราบงามๆ สำหรับนักอ่านทุกท่านที่สละเวลามาอ่านนิยายของผม
      ในวาระ ขึ้น ปีใหม่ไทยในวันสงกรานต์ นี้ขอให้ท่านโชคดีมีแต่ความ
      สุขนะครับ ส่วนเรื่องสั้นนี้แต่งเพื่อเข้ากับเทศกาลครับ.
          
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×