ต้นชบาหน้าบ้าน
วันแล้ววันเล่าฝนยังตกไม่หยุด ถ้าเป็นสำนวนฝรั่งก็ฝนตกหมาแมว (raining cats and dogs) วันนี้ฉันยังไม่ออกไปไหนด้วยหลายเหตุผล อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนวานกลับบ้านดึกไปหน่อย เลยว่าจะหาเรื่องสั้นพิมพ์สักหน่อยเผื่อจะได้มีต้นฉบับแบบเขากันสักที เสียงโหวกแหวกโวยวายตั้งแต่เช้ามืด นั่นดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของชาวสวน เดี๋ยวเสียงร้อง
อื้อ อ่า บ่นอุบเกี่ยวกับสภาพร่างกายของปู่ การที่นอนไม่หลับสนิทที่ต้องพึ่งยาหมอของย่า ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของช่วงนี้
อีกสักพักหลังจากสิ้นเสียงปู่ย่าที่ว่ามา ก็จะได้ยินเสียง งุ้งงิ้งๆ จากพ่อแม่หรือว่าเสียงนั้นมีอยู่ก่อนแล้วก็ได้ เพียงแต่ฉันเพิ่งได้สติกลับมาครบหลังจากเพิ่งตื่นมาจากการหลับใหล ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆรับรู้การผ่านเข้าออกของลมผ่านจมูก
เข้า.......หนอ...........ออก..........หนอ.......
จากนั้นฉันก็นั่งขัดสมาธิสองชั้น เอามือประสานซ้ายทับขวา นั่งสมาธิเพื่อเชื่อมกับจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่ไร้ขอบเขต
จากนั้นก็ขวานหาโทรศัพท์ทที่อาจหมกอยู่ในผ้าผวย(ผ้าห่ม)ก็ได้ แล้วก็จัดการเปิดเครื่องปลุกมันขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากมันดับลงเนื่องจากฉันปิดมันให้ดับสนิท เปิดยูทูปหาฟังภาษาอังกฤษฝึกฝนอยู่เนืองๆ หวังว่าสักวันจะได้มีแฟนต่างชาติ
อยากจะเปลี่ยนแปลงกรรมพันธุ์ รหัสพันธุกรรม จากครอบครัวตัวเล็ก เป็นค่อนข้างสูงหรือสูงบ้าง แถมยังมีลูกครึ่งไทยครึ่งเทศ ไปไหนมาไหนก็คงมีแต่คนมองดู (ฉันฟุ้งคิดคลุ้งไปไกลเสมอ และหวังว่ามันจะเป็นจริงเสียด้วย..)
เมื่อเสร็จกิจกรรมเล็กน้อยในที่นอนยามเช้า ก็จัดพับผ้าผ่อนให้เข้าที่เข้าทางสักหน่อย แล้วก็บึ่งไปยังห้องน้ำเพื่อแปรงฟันที่ยังไม่ได้ล้างหน้าตาแต่อย่างใด ปกติฉันไม่ชอบแปรงฟันในห้องน้ำเท่าไร จะเอาออกมาแปรงและมองออกไปยังหนทางหน้าบ้านเสมอ ต้นชบาก็อยู่ในขอบเขตสายตาที่มองไป ดอกของมันมีทั้งสีขาวชมพู สีแดงระเรื่อ ใบและดอกของมันเปียกปอนไปด้วยเม็ดฝนเปียกชุ่ม ยากที่จะบอกว่ามีน้ำค้างหรือป่าว แต่สิ่งที่เป็นจุดสนใจหาได้ใช่ต้นชบาไม่ แต่มันคือนกตัวเล็กตัวสีเหลืองดุจขมิ้น เสียงของมันเล็กแหลมแต่ไม่แสบแก้วหูแต่อย่างใด ฟังแล้วเสนาะเพาะพริ้งเสียด้วยซ้ำ มันเอาลิ้นอันเล็กเรียวของมัน สั่นด้วยกับเร็วสัมผัสกับกลีบดอกอย่างมีชีวิตชีวา จากดอกหนึ่งโยกย้ายไปอีกดอกหนึ่ง พร้อมส่งเสียงแหลมเล็กที่ไพเราะเสนาะหู ฉันจ้องมันอยู่สักพักพอจนลืมไปว่าฉันกำลังแปรงฟัน ที่รู้ได้อาจจะเป็นเพราะเลือดที่เล็ดรอดออกมาจากช่องหว่างระหว่างฟันก็ได้ หลังจากนั้นก็ไปบ้วนมากทำความสะอาดสะอ้าน เตรียมตัวกินข้าวเช้า
ฉันนั่งกินข้าวพร้อมพ่อกับแม่ ปกติในวงข้าวก็จะมีการสนทนาเป็นปกติ แต่ไม่รู้ด้วยมารยาทหรืออะไรที่ทำให้ฉันไม่พูดไม่จา
แม่ถามว่าเมื่อวานไปทะเลที่ไหนมา เขาก็เดาไปเรื่อย หาได้มีคำตอบจากลูกชายของเขาไม่ พร้อมกับเปลี่ยนบทสนทนา
แกงกับผักอะไรสักอย่าง ขมกว่ามะระ กระดูกอ่อนกับแฝง มีน้ำพริกเกลือคอยแก้มวนท้อง อาหารมื้อเช้าดูเหมือนเป็นนิสัยที่เป็นสันดาล กินมาตั้งแต่เด็กไม่ว่าจะหิวหรือไม่ก็ตาม ด้วยความเชื่อที่ว่าถ้าไม่กินข้าวเช้าจะโง่ เสียงพ่อบ่นออกว่าว่ากัดกินกระดุกอ่อนไม่เข้า เสียงกุบกับๆ จากฟันของฉันกระทบขบกับกระดูก ขนาดกินไม่ได้ก็ตักเติมไป 3ทัพพี และก็รู้สึกถึงหนังท้องที่เต็งตึงขึ้น ก็ควรจะหยุดไว้แค่นี้จะดีกว่า กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ ก็เลยทำให้ต้องหาของหวานเข้ามาสักหน่อย
เสียงก็อบแก็บ ๆ เกิดจากพลาสติกที่ฉันกำลังหาของหวานกระแทกปาก เจอขนมกระยาศาสตร์ทอดกรอบทที่ลุงซื้อมาจากทางเหนือ พอที่จะปลดปล่อยออกจากสันดานไพร่ได้บ้าง ....เอามันออกเถอะ เกะกะจะตายขวางทางรถเข้าออก หรือจะรั้งดึงมันเข้าหาต้นมังคุดแต่ดูท่าจะยาก จากนั้นเจ้านกน้อยสีเหลืองก็บินมาลิ้นรสกลีบน้ำที่ไหลร่วงจากดอกชบา
เรื่องต้นชบายังคงเป็นเรื่องของการสนทนาในช่วงนี้ไม่น้อยเช่นกัน ดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่ชิงจัดการกับต้นชบานี้ มันอาจจะกลายเป็นไม้ฝืนในเร็ววัน ถ้าพ่อแม่คือฝ่ายรัฐบาลอนุมัติการโค่นล้มต้นชบา ย่าเป็นพวกไม่ออกเสียงท่าที่แทงกั๊ก จะโค่นก็ดีแต่แอบเสียดาย จะเอาไว้ก็สวยงามแต่ก็ขัดหูขัดตาแม้แกจะเป็นคนเอามาปลูกก็ตามที
ความจริงฉันไม่ได้อาลัยอาวรณ์กับดอกไม้สมบูรณ์เพศนี้เท่าไร เพียงแต่ชอบเหม่อมองยามที่นกน้อยมันมาชื่นชมดอกไม้
มันดูมีชีวิตชีวา และอีกเหตุผลนึงฉันรู้สุกผูกพันกับนกน้อยพวกนี้ ฉันเฝ้าดูมันทุกวี่วันตั้งแต่ฉันกลับมาอยู่ที่บ้าน ตั้งแต่ขนออกมันเริ่มงอก มันอ้าปากกว้างเมื่อฉันเข้าไปใกล้คงคิดว่านั่นคือแม่ของมัน สายลมพัดผ่านแรงบ้างเบาบ้างแต่รังของมันก็แข็งแรงทนทานน่าดู แม่ของมันก็เฝ้าดูคนยามใดไร้วี่แวว มันก็ลงเอาหนอนตัวน้อยมาป้อน ไม่กี่วันลูกนกก็มีขนสีเหลืองปกคลุมรอบตัว เป็นสัญญาณบอกว่ามันพร้อมจะโบยบินไปยังโลกกว้าง
....ยามสายของหลายวันผ่านไป ฉันสังเกตว่ามีลูกนกเหลือตัวเดียวตอนแรกคิดว่ามันตก แต่มันกำลังหัดตีปีกอยู่บนกิ่งไม้ใกล้ๆรัง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีมันก็บินขึ้นไปที่สายไฟที่สูงกว่า และบินเข้าไปยังต้นชมพู่มะเหมี่ยวในที่สุด นกตัวน้องได้แต่ร้องเรียกอยู่ในรังรอคอยเวลาที่จะไปเผชิญโลกใบใหญ่ แต่ฉันไม่มีเวลาพอต้องกลับไปทำงานแล้ว
พอกลับมายามเย็นรังนั้นก็ว่างเปล่า ไม่มีนกน้อยอาศัยอยู่แล้ว มีแต่เสียงแหลมไพเราะที่ดังออกมาจากต้นชมพู่มะเหมี่ยว
ทุกๆวันฉันยังคงเห็นพวกมัน พ่อแม่ลูก ยังคงหากินแถวต้นมะเหมี่ยวบินไปบินมาระหว่างต้นชบาหน้าบ้าน บางทีก็มาส่องกระจกเล่นเป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่มันจะไปเชยชมต้นชบาหน้าบ้านแหละ
เอ่อ..................นกน้อยพวกนี้มีชื่อเป็นทางการว่า......นกกินปลีอกเหลือง......
ส่วนต้นชบาหน้าบ้าน.....ฉันยังอยากเห็นนกน้อยมาเชยชมดอกของมันอยู่แหละ........