คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : The Eleventh Story ' Remember Me' (1)
-1-
แฮ่กๆ.. แฮ่ก..
เสียงหอบของฉันกำลังดังขึ้นเรื่อยๆ ให้ตายสิ ! ฉันกำลังเดินหาอาคารอะไรซักอย่างที่ชื่อยาวๆ ตามแผนที่ที่ขอมาจากยามหน้ามหาวิทยาลัย =_=a ไอ้อาคารอะไรที่ว่านั้น ที่มันจัดกิจกรรมรับน้องนี่มันอยู่ส่วนไหนของโลกกันนะ ไม่สงสารว่าที่นักศึกษาแพทย์อย่างฉันบ้างเลย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว =_________= ฉันตามหามาเกือบชั่วโมงแล้วเห็นจะได้ แต่ยังไร้วี่แววเงาหัวของไอ้อาคารนั่น
สายแล้ว โคตรสาย และสายมาก!
‘รายงานตัวน้องใหม่’
ฉันเห็นป้ายประกาศนั่นเมื่อเวลาผ่านไปซักพักใหญ่ๆ พระอาทิตย์ใกล้จะตรงกบาลฉันพอดิบพอดี ได้ยินเสียงเซ็งแว่แว้ดแหว ร้องเพลงสันทนาการตะลุ่มตุ้มม้งแล้ว โอเค ณ ตอนนี้ เราเดินทางมาถึงจุดสุดยอด เอ้ย จุดสูงสุดของภูเขาเอเวอเรสต์แล้วสินะ ! (ใช่ที่ไหน =_=)
‘ตาแดงๆ อย่ามายะน้องแรง น้องเจ็บหัวเข่า ตาแดงๆ อย่ามายะน้องแรงน้องเจ็บหัวเข่า..’
ทันทีที่ฉันจรดปากกาเซ็นชื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมเรียบร้อย ฉันก็รีบจรจีเข้าไปนั่งต่อแถวแถวสุดท้าย แขวนป้ายชื่อที่ทำมาจากแผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ และมีนามของฉันปรากฏว่า ‘น้องนัตครับผม ‘
นี่เขาคงไม่คิดว่าฉันเป็นทอมใช่มั้ย =_= คงไม่มั้ง ชื่อนัตนี่มันเป็นแสนล้านคนที่ชื่อนี้ (พยายามมองโลกในแง่ดีสุดๆ)
ฉันนั่งปรบมือเข้าจังหวะกับเพลงที่รุ่นพี่สันทนาการออกมาเต้นแร้งเต้นกาอยู่ข้างหน้าแถว พร้อมๆไปกับพยายามหายใจให้เป็นปกติ ให้กระบวนการแมทาบอลิซึมทำงานได้เมื่อฉันรีบสูดออกซิเจนเข้าไป สูดเข้าไปและสูดเข้าไป
คนเรียนหมอ ไม่จำเป็นต้องแข็งแรงทุกคน
ใช่! ฉันเอนท์ติดหมอล่ะ !! ฉันกำลังจะเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 1 ล่ะ !
ไม่น่าเชื่อ ว่าคนอ่อนแอ นอนโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นอย่างฉัน จะได้เรียนหมอได้ ก่อนจะรักษาคนอื่น คงต้องมารักษาตัวเองก่อน อันที่จริงที่ฉันสอบหมอก็เพราะว่าจะมารักษาตัวเองล้วนๆ ไม่ได้น้ำใจงามอยากรักษาคนอื่น ช่วยเหลือเพื่อนมนุษยือย่างที่ใครๆ เขาตอบกันเวลามีคนมาถามว่าทำไมเรียนหมอ ฮ่าๆ ล่าสุดนี่นะ.. นอนโรงพยาบาลนานหน่อย จำได้ว่าสอบโอเน็ตเสร็จก็เข้ามานอนเล่นเลย แล้วก็... ไปเดินเล่นในยมโลกมา ล้อเล่น ! นิทราไป 2 เดือนเต็มๆ =_=a ก่อนจะฟื้นขึ้นมาได้รับข่าวดีที่ว่า ฉันสอบติดหมอ ! สอบผ่านอย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ขัดกฏเกณฑ์อะไรใดๆทั้งสิ้น ไม่ได้ตาบอดสี ไม่ได้เป็นบ้า แต่แค่เป็นหอบหืดเท่านั้น =_=… โอกาสจะมีสามีเป็นหมอ ก็เพิ่มขึ้นไปอีก =..= นี่ล่ะหนทางที่ณัฐกานต์ต้องการค๊า..
เสียงกลอง เสียงร้องเพลง ดังขึ้นตลอดเวลา เด็กปี 1จะต้องออกไปข้างหน้าแถวและแนะนำตัวเอง พร้อมท่าพรีเซ้นต์ ถ้าเกิดว่าไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่คือคณะแพทยศาสตร์ล่ะก็ ฉันคงคิดว่าฉันหลงมาอยู่คณะนิเทศฯซะล่ะมั้ง
พี่ๆ และเพื่อนๆ ร่วมชั้น ที่ฉันยังไม่รู้จักใครซักกะคน เต้นกันอย่างออกรสออกชาติ ในขณะที่มันยังไม่ถึงคิวฉัน ฉันได้แต่นั่งมอง และจัดการระบบหายใจของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ 2 วันก็มาผจญโลกภายนอกที่ไม่มีถังอ็อกซิเจน เขตปลอดเชื้อ กลิ่นแอลกอฮอลล์
“น้องคนนั้นอ่ะ! น้องคนที่นั่งจับหน้าอกตัวเองเล่นอ่ะ ออกมานี่เด๊ะ”
“(- - )( - -)…(- - )( - -)” ฉันหันซ้ายหันขวาตามเสียงเรียกของพี่ผู้ชายสุดหล่อที่ฉันตัดสินจากสายตาระยะไกล เขาช่างเรียกรุ่นน้องได้.. =_=
“น้องนั่นแหละ จะหันไปมองใครอีก”
“( - -)(- - ).. (- - )( - -)” ใครวะมันยังไม่รู้ตัวอีก =_=a
“เธอๆ พี่เขาเรียกเธอน่ะ -_-” ดิฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง มีมือปริศนามาสะกิดดิฉันค่ะ !
“หะ? -o-”
“พี่เขาเรียกเธอยัยทอม -_-”
อะไรนะ อะไรนะ? ใครทอม ไอ้นี่วอนตีนซะแล้ว -_-
“เรา?” ฉันชี้ตัวเอง
“เออ เธอนั่นแหละ -_-”
“น้องนั่นแหละครับ! ความหล่อของพี่ไม่พวยพุ่งเข้าสู่สายตาน้องหรือไง น้องตาบอดหรอครับ เป็นหมอไม่ได้นะเนี่ย ออกมาๆ” เสียงที่เปล่งออกจากโทรโข่งยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่แค่สายตาคนข้างๆ แค่คนเดียวที่มองฉัน แต่เป็นทุกคน ณ ที่นี้ต่างหาก ที่.. มองมาที่ฉัน โอเค ลุกแล้วนะ เป็นฉันแล้วล่ะที่ต้องเดินออกไป =_=
“น้องหื่นขึ้นหรอครับ ถึงได้นั่งจับหน้าอกตัวเอง ^-^”
“พี่จะบ้าหรอ เราเป็นหะ..O_O!!!!!”
ราวกับไฟฟ้าช็อตที่หัวใจ สายตาของฉันดันเผลอไปสบตากับเขา เจ้าของน้ำเสียงที่พูดใส่โทรโข่งไม่หยุด
สายตาของเขา.. ช่างคุ้นเหลือเกิน
เหมือนกับฉันเคยเจอเขาที่ไหน
“น้องไม่ต้องตะลึงความหล่อของพี่ครับ =w=”
“....”
“น้องครับ..”
ฉันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแปลกๆ
รู้สึกเหมือนสมองกำลังทำงานอย่างหนัก
เหมือนฉากละครพันๆฉากลอยเข้ามาในหัวของฉันและตีกันไปหมด
เขา... คือใครที่ฉันรู้จัก
แต่ฉันเพิ่งเจอเขาครั้งแรก
เขาคือคนที่จับมือฉันตอนที่ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาล
ไม่สิ.. เขาคือคนที่เรียกฉันออกมาจากแถวเมื่อกี๊
เขาคือคนที่...
ตุบ!
“กรี๊ดดดดดดดดดดด!”
“เห้ย !!!!!”
ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เพราะแสงไฟนีออนมันแยงตา จนทำให้นอนต่อไม่ได้ สายแล้ว? ฉันต้องไปรับน้อง ไม่สิ.. ฉันมารับน้องแล้ว แล้วฉันก็โดนเรียกออกไปข้างหน้าแถวที่มีประชาชีเกือบร้อยคน ฉันสบตากับพี่คนนึงที่เรียกฉันออกมาแล้ว...
O_O
ฉันยันตัวนั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะมองออกไปรอบๆ สถานที่ที่ฉันอยู่ มีลักษณะเหมือนกับ...
...ห้องพยาบาล...
ฉันคงเป็นลมไปสินะ แต่... เอ๊ะ ฉันสัมผัสได้ถึงใครซักคนที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ ฉันเลื่อนหน้าก้มมองเขาที่กำลังหลับตาพริ้ม หลับสบายราวกับว่าเกิดมาแม่งไม่เคยนอน
เขาหล่อมากๆ คนๆนี้นี่แหละที่เป็นคนสุดท้ายที่ฉันสบตาเมื่อกี๊
“บุ๊ค?” ฉันเผลอพูดชื่อใครก็ไม่รู้ออกมาอย่างเป็นอัตโนมัติ
ฉันถือวิสาสะอย่างแรง(มาก) เกลี่ยผมที่ปรกหน้าเขาออกและจ้องเขาใกล้กว่าเดิมอีก
“บุ๊ค นั่นแกใช่มั้ย?” ฉันเผลอพูดอะไรออกไปอย่างลืมตัวอีกแล้ว
“หืม?” เขา เขาเงยหน้าขึ้นมา =[]=! เขาตื่นแล้ว
“O_O/////” ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบ สายตาเราประสานกันจนฉันรู้สึกได้ถึงความชาที่หน้าและคิดว่าตอนนี้มันคงแดงไปแล้วเรียบร้อย เขากระพริบตาปริบๆ ฉันก็กระพริบตารัวๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงเลื่อนหน้าหนีสายตานี้ไม่ได้ เหมือนร่างกายกำลังสั่งให้ฉันจ้องเขาต่อ และริมฝีปากของฉันก็ขยับเองอีกครั้ง เปล่งเสียงออกมาอย่างที่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูด
“นี่ฉันเอง...”
“-*-” เขาย่นคิ้ว
“ทำไมแกไม่ทักฉันวะ?”
“พี่เป็นเพื่อนเล่นน้องหรอครับ พี่รู้ว่าพี่หล่อใครๆก็อยากได้พี่ แต่น้องไม่ต้องจีบพี่ด้วยการตีซี้อย่างนี้นะ ^w^!”
“เอ่อ...” เหมือนได้สติ เหมือนมีการตัดภาพอะไรซักอย่างออกไปจากหัว
“น้องไม่สบายแล้วมารับน้องทำไมครับ เป็นลมหมดสติไปแบบนี้ หมออย่างพี่ก็ตกใจนะ” เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
“ถึงจะเรียนหมอ... แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตใครได้ทันทีนะ หมอที่ดีต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน ก่อนจะไปดูแล..คนอื่น ^-^” เขาหันกลับมายิ้มพริ้มพราวให้แก่ฉันที่ฉันอยู่บนเตียงคนไข้
หัวใจฉันเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ... และรู้สึกเขิน
และรู้สึก... งุนงง
ทุกทีที่สบตากับเขา ฉันรู้สึกปวดหัว และปั่นป่วน ฉากละครพันๆฉากมันประทะเข้ามาอีก
“อึ้งในความหล่อพี่อีกละ -3-”
“กวนตีนละ -_-”
“นี่ผมเป็นพี่นะครับ -_-”
“พี่หรอ? แกอายุเท่าฉันนะ แกจะบ้าหรออีบุ๊ค อย่ามาถือตัวกับฉันนะ” รู้สึกตัวอีกที ฉันก็ปาหมอนใส่เขาไปแล้ว และฉันเองก็พูดจาแปลกๆ อีกแล้ว นี่มันอะไรวะ รู้สึกว่าตัวเองควบคุมปากไม่ได้เลย วอทแฮปเพ่นวิทมี T{}T!!!
เขาก้มไปเก็บหมอนที่ตกพื้นก่อนจะเดินมาหาฉันและมองด้วยสายตาเตรียมจะตบกบาลคนอย่างฉันเต็มที่ แต่แล้วเขาก็เลือกที่จะก้มมามองที่หน้าอกฉันแทน
“มองทำไม ทะลึ่ง!” เป็นอัติโนมัติที่ฉันจะต้องเอามือมาบังหน้าอกตัวเองไว้
“มองป้ายชื่อเว้ย -_-^...ชื่อ.. น้องนัต..ครับผม?”
“=_=…”
“น้องกำลังทำให้พี่นึกถึงเพื่อนพี่คนนึง...”
“ฉันไงเพื่อนแก !” อีกครั้งและอีกครั้งที่ฉันห้ามปากตัวเองไม่ได้
“ไอ้เด็กปีนเกลียว -______-^^” เขาวางหมอนหนุนลงข้างๆตัวฉันก่อนจะนั่งเก้าอี้ตัวเดิมที่เขาเพิ่งลุกขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะจ้องฉันนิ่งๆ โดยที่ไม่พูดอะไร ฉันที่ทำตัวไม่ถูกก็เลยแสร้งทำเป็นพับผ้าห่มและจัดหมอนวางบนเตียงดีๆ และพยายามจะลงจากเตียง แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขา... คว้ามือฉันเอาไว้
“เหมือน... เหมือนมาก”
“?” ฉันเลิกคิ้ว และงงกับสิ่งที่เขาพูด แต่ความรู้สึกในใจเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ให้ฉันรู้สึกหัวใจพองโตและอยากฉีกยิ้มออกมากว้างๆ แต่นั่นแหละนะ ฉันจะต้องรู้สึกแบบนั้นทำไมนะ?
“หน้าตาไม่เหมือน.. แต่แววตาใช่...”
“????” งงเป็นสองเท่า งงพอๆกับที่ฉันงงตัวเองว่าพูดจาอะไรแปลกๆกับเขา
ฉันสะบัดแขนที่ถูกจับเอาไว้ก่อนจะลงจากเตียง เขายังคงมองฉันอย่างไม่ละสายตา ฉันจึงมองเขากลับ และสิ่งที่ฉันรู้สึกได้คือ... ฉันรู้จักเขามาก่อน
‘คนนี้ล่ะ..ที่เขาจะจำเจ้าได้’
ฉันหันขวับมองซ้ายมองขวา เหมือนมีใครมากระซิบที่ข้างหูของฉัน
“หลอนอะไรอีกล่ะนั่น” เขาก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง “กิจกรรมเขาจบลงแล้ว ยังไงน้องก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ”
ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะเบนสายตามองซ้ายขวาหน้าหลัง อีกทั้งยังก้มลงมองที่ใต้เตียง
ว่างเปล่า... ภายในสถานที่นี้ มีแค่ฉันกับเขาแค่ 2 คน ที่ยืนอยู่ที่นี่ มีแค่เรา 2 คนที่ยืนคุยกัน แต่ไอ้อาการหูแว่วเมื่อกี๊มันคืออะไรกันนะ
“เมื่อกี๊.. พี่พูดอะไรหรือเปล่า? แบบว่า... คนนี้ล่ะที่เขาจะจำเจ้าได้”
“ฮะ? =_= สำนวนโบราณแบบนั้นคนหล่ออย่างพี่ไม่พูดหรอกครับ”
“เชี่ย...!!! งั้นผีละ..” ไวเหนือแสง ฉันกระโดดเกาะเขาทันทีที่สำนึกได้ว่า อาจจะเป็นผีนั่นแหละที่พูด =[]=! ฉันกลัวผีนะโว้ย !!! ฉันหลับตาปี๋ในขณะที่เขา... แงะฉันออก
“พี่ไม่อยากได้ทอมเป็นเมียนะ.. -_- ยังไม่มีโครงการเปลี่ยนทอมเป็นเธอ”
ฉันค่อยๆลืมตาก่อนจะเดินห่างจากเขาออกมานิดหน่อย
“ระ เรากลัวผีหรอก -_-.. แล้วเราก็ไม่ได้เป็นทอมนะ !” ฉันเกาแก้มแก้เขิน อยู่ดีๆไปเกาะเขา เอ่อ..อีนี่
“อยากกอดดีๆ ก็บอก เดี๋ยวจะกอดให้ =w=” เขาอ้าแขนเดินมาเตรียมจะสวมกอดฉันเต็มที่ แต่ฉันได้แต่หักตัวหลบหนีเขา
บ้ากาม -______-
“เอ้าหนีทำไมล่ะ เมื่อกี๊ยังมากอดเค้าอยู่เลยนะ -..-”
“หาที่พึ่ง กลัวผีต่างหาก -_-a”
“กลัวผีนี่เรียนหมอไม่ได้นะ -.-”
“ดะ เดี๋ยวก็หายกลัวเองล่ะ ! =[]=”
“งั้นต้องมาปลอบขวัญก่อน มามะ พี่ให้น้องกอด ม๊า..” เขายังคงพยายามจะเข้ามากอดฉันให้ได้ โอเคอ่ะ อยากกอดก็กอดเลยเอ้า ไม่ได้ใจง่ายนะเว้ย แต่นะ เผื่อกอดตอบเขาจะได้ไม่พยายามมาบ้ากามอะไรอีก ผู้ชายเนี่ยนะ.. =_=
ฉันกอดเขาตอบเบาๆ.. ก่อนจะรู้สึกว่าเขาและฉันเองกระชับกอดแน่นขึ้น เหมือนเรากำลังกอดกัน เพราะความคิดถึง...
เห้ย! O_O บ้าแล้ว!!
“...โคตรคิดถึงแกเลย ฉันกลับมาให้แกทำคลอดให้แล้วนะ แต่ต้องหาพ่อของลูกก่อน...” รอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ฉันพูดอะไรออกไป โดนที่ฉันไม่สามารถสั่งห้ามตัวเองได้
ร่างกายของฉันเหมือนมีความทรงจำ.. ของคน 2 คน ปะปนกันอยู่ในสมองของฉันยังไงก็ไม่รู้
“.....”
“......”
เมื่อทุกอย่างจกอยู่ภวังค์ของความเงียบ เรา2 คนยังคงกอดกันโดยที่ไม่มีใครจะปล่อยใครออก จู่ๆ ไอ้พี่ปี2 ที่ชื่อบุ๊คนั่น ซุกหน้าลงที่ไหล่ของฉัน ฉันรู้สึกตัวและไม่ผละเขาออก
ฉันรู้สึกเหมือนได้กอดใครซักคนที่ฉันไม่รู้ แต่ฉันจำสัมผัสแบบนี้ได้
แต่สาบานเลย! ฉันเจอเขาครั้งแรกนะ
“เหมือน...” คำพูดแรกที่หลุดออกจากปากของเขาในระยะเวลาที่เงียบกันไป อ้อมแขนของเขายังคงกระชับเอาไว้แน่น
“?”
“ผีหลอกแน่ๆ” เขาคลายกอดออก ก่อนจะมองหน้าฉัน
ฉันไม่ได้ตาฝาด สายตาของเขาไม่ได้กวนเท้าเหมือนเมื่อกี๊ แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน งุนงง สงสัย จะดีใจก็ไม่ดีใจ จะคลี่ยิ้มก็ไม่คลี่ยิ้มออกมา แต่.. หน้าเขาแดง.. ไม่แพ้ฉัน!
“เอ่อ... ผี ผีหรอ โอ๊ย ไม่อยู่แล้ว ขอบคุณที่พามาห้องพยาบาลนะคะ เอ่อ... งั้นเรากลับบ้านแล้วนะ เอ่อ...” ฉันเสหน้ามองไปทางอื่นก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายข้างมาสะพาย และรีบจรลีไปหารองเท้าที่ถอดไว้อยู่ข้างหน้าห้อง
เขาเดินมาหาฉันเหมือนทำท่าจะยื่นอะไรให้ฉันซักอย่าง แต่ฉันรู้สึกว่า ไม่ค่อยอยากเห็นหน้าเขาในตอนนี้ สบตาทีไรปวดหัวแปลกๆ ต้องกลับไปซัดพาราหนักๆแล้วมั้ง ทันทีที่เขาย่อตัวลงกำลังจะยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้ ฉันรีบยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว และพอมีสำนึกว่าไอ้คนตรงหน้ามันคือพี่ปี2 ที่ฉันควรเคารพ ฉันไม่ลืมยกมือไหว้ลาเขา ก่อนจะรีบวิ่งไม่ดูสังขารตัวเองออกมาจากห้องๆ น้อง และไม่เหลียวหลังกลับไปมอง
‘ร่างกายยังไม่เสถียร วิญญาณยังเข้ากับร่างนี้ไม่ได้สินะ’
ฉันหยุดกึก! ทันทีที่ได้ยินเสียงอะไรซักอย่างเข้ามาในโสตประสาท ฉันหันซ้ายแลขวาพยายามหาต้นเสียง ในบริเวณบ้านของฉันตอนนี้ไม่ใครอยู่เลย นอกจากฉัน แล้วเสียงนั่น...
‘เจ้าเงยหน้ามามองข้านี่’
ฉันงยหน้ามองไปข้างหน้าตามเสียงปริศนาที่กระซิบที่หูฉัน ฉันค้นพบบางอย่างที่ทำให้ต้องสบถ .. ไม่ใช่คน แน่นอน!!
“O_O เชี่ย ตัวอะไร ผีหลอก !! ไม่นะ ไม่ นะโมตัสสะ.. T[]T!” ฉันพนมมือท่องบทสวดที่พอจะนึกได้
‘มองดีๆ =_=… ข้าเองยมทูตของเจ้าน่ะ’
อะไรนะ? ยมทูต อะไรนะ...
‘ความทรงจำตีกันจริงๆสินะ สมองของร่างนี้กับวิญญาณของเจ้าน่ะ’
“เอ๊ะ...???”
เหมือนฉันจะรู้สึกได้ เหมือนฉันพอจะนึกออก
คนตรงหน้า ไม่สิ ยมทูตตนที่ยืน เอ้ย ลอยอยู่ตรงหน้า ฉันเคยคุยกับเขา
ฉัน.. ฉันนึกออกแล้ว !
‘อีกหน่อยคงชิน ระลึกเอาไว้ว่าตัวเจ้าก็คือตัวเจ้า วิญญาณที่อยู่ในร่างนั้นย่อมสำคัญกับร่างที่ทุกคนได้เห็น เจ้าก็คือเจ้า คือนัตที่ยังไม่ตาย อีกหน่อยความทรงจำจะไม่ตีกัน เพราะเจ้าเจอเขาแล้ว’
หืม? เจอ? ฉันไม่ได้พูดอะไรกับยมทูต ได้แต่ยืนฟังสิ่งที่เขากำลังเอ่ยบอก โดยที่ฉันก็ยังงุนงง และรู้สึกปวดหัว ฉันพยายามครุ่นคิดทุกสิ่งอย่าง
ที่เข้าใจ... คือฉัน ฉันคือนัต ร่างนี้.. เขาก็ชื่อนัต แต่เราคือคนละคนกัน
‘เมื่อเจ้าเจอเขาแล้ว ทำให้เขาจำเจ้าให้ได้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกว่าเจ้าคือคนที่เขารอ เมื่อวันนั้นล่ะ... ชีวิตของเจ้าจะกลับมาปกติ แม้จะไม่ใช่ร่างเดิม’
‘อย่าลืมว่า...ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมทั้งหมดได้แน่นอน แต่สิ่งที่วิญญาณอย่างเจ้าต้องการคือใช้ชีวิตให้หมดอายุขัยตามที่เบื้องบนลิขิตมา โดยมีเขาเท่านั้นล่ะ... ’
เหมือนยมทูตจะพูดไม่จบ แต่ร่างเขาก็พลันสลายหายไป เพราะเหมือนมีใครซักคนกำลังก้าวเข้ามาภายในบ้าน คนในครอบครัวของฉันนั่นแหละ
ฉันเดินเข้าบ้านงงๆ และยังสับสนอยู่ โอ๊ย อะไรก๊านนนนนนนนน !
ฉันจำได้ เอ้ยจำไม่ได้ ฉันคิดออก เอ้ย ฉันคิดไม่ออก สับสน สับสน สับสน!
เขาเท่านั้น?
เขา.. เขาจะช่วยให้ฉัน....?
เขา เขา เขามีประโยชน์อะไรกับฉัน T[]T
:)
Shalunla
ความคิดเห็น