ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    •• {Fic} The Story I Wrote••

    ลำดับตอนที่ #13 : The Eleventh Story ' Remember Me' (1)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 55




     

    -1-

     

    แฮ่กๆ.. แฮ่ก..

    เสียงหอบของฉันกำลังดังขึ้นเรื่อยๆ ให้ตายสิ ! ฉันกำลังเดินหาอาคารอะไรซักอย่างที่ชื่อยาวๆ ตามแผนที่ที่ขอมาจากยามหน้ามหาวิทยาลัย =_=a  ไอ้อาคารอะไรที่ว่านั้น ที่มันจัดกิจกรรมรับน้องนี่มันอยู่ส่วนไหนของโลกกันนะ ไม่สงสารว่าที่นักศึกษาแพทย์อย่างฉันบ้างเลย  เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว =_________=  ฉันตามหามาเกือบชั่วโมงแล้วเห็นจะได้ แต่ยังไร้วี่แววเงาหัวของไอ้อาคารนั่น

    สายแล้ว โคตรสาย และสายมาก!

     

    รายงานตัวน้องใหม่

    ฉันเห็นป้ายประกาศนั่นเมื่อเวลาผ่านไปซักพักใหญ่ๆ พระอาทิตย์ใกล้จะตรงกบาลฉันพอดิบพอดี  ได้ยินเสียงเซ็งแว่แว้ดแหว ร้องเพลงสันทนาการตะลุ่มตุ้มม้งแล้ว โอเค ณ ตอนนี้ เราเดินทางมาถึงจุดสุดยอด เอ้ย จุดสูงสุดของภูเขาเอเวอเรสต์แล้วสินะ ! (ใช่ที่ไหน =_=)

     

    ตาแดงๆ อย่ามายะน้องแรง น้องเจ็บหัวเข่า ตาแดงๆ อย่ามายะน้องแรงน้องเจ็บหัวเข่า..

     

    ทันทีที่ฉันจรดปากกาเซ็นชื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมเรียบร้อย ฉันก็รีบจรจีเข้าไปนั่งต่อแถวแถวสุดท้าย แขวนป้ายชื่อที่ทำมาจากแผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ และมีนามของฉันปรากฏว่า  น้องนัตครับผม

    นี่เขาคงไม่คิดว่าฉันเป็นทอมใช่มั้ย =_=  คงไม่มั้ง ชื่อนัตนี่มันเป็นแสนล้านคนที่ชื่อนี้ (พยายามมองโลกในแง่ดีสุดๆ)

    ฉันนั่งปรบมือเข้าจังหวะกับเพลงที่รุ่นพี่สันทนาการออกมาเต้นแร้งเต้นกาอยู่ข้างหน้าแถว พร้อมๆไปกับพยายามหายใจให้เป็นปกติ ให้กระบวนการแมทาบอลิซึมทำงานได้เมื่อฉันรีบสูดออกซิเจนเข้าไป สูดเข้าไปและสูดเข้าไป

    คนเรียนหมอ ไม่จำเป็นต้องแข็งแรงทุกคน

    ใช่! ฉันเอนท์ติดหมอล่ะ !! ฉันกำลังจะเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 1 ล่ะ !

    ไม่น่าเชื่อ ว่าคนอ่อนแอ นอนโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นอย่างฉัน จะได้เรียนหมอได้ ก่อนจะรักษาคนอื่น คงต้องมารักษาตัวเองก่อน อันที่จริงที่ฉันสอบหมอก็เพราะว่าจะมารักษาตัวเองล้วนๆ ไม่ได้น้ำใจงามอยากรักษาคนอื่น ช่วยเหลือเพื่อนมนุษยือย่างที่ใครๆ เขาตอบกันเวลามีคนมาถามว่าทำไมเรียนหมอ ฮ่าๆ ล่าสุดนี่นะ.. นอนโรงพยาบาลนานหน่อย จำได้ว่าสอบโอเน็ตเสร็จก็เข้ามานอนเล่นเลย แล้วก็... ไปเดินเล่นในยมโลกมา   ล้อเล่น !  นิทราไป 2 เดือนเต็มๆ =_=a  ก่อนจะฟื้นขึ้นมาได้รับข่าวดีที่ว่า ฉันสอบติดหมอ ! สอบผ่านอย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ขัดกฏเกณฑ์อะไรใดๆทั้งสิ้น ไม่ได้ตาบอดสี ไม่ได้เป็นบ้า แต่แค่เป็นหอบหืดเท่านั้น =_=…   โอกาสจะมีสามีเป็นหมอ ก็เพิ่มขึ้นไปอีก =..= นี่ล่ะหนทางที่ณัฐกานต์ต้องการค๊า..

    เสียงกลอง เสียงร้องเพลง ดังขึ้นตลอดเวลา เด็กปี 1จะต้องออกไปข้างหน้าแถวและแนะนำตัวเอง พร้อมท่าพรีเซ้นต์ ถ้าเกิดว่าไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่คือคณะแพทยศาสตร์ล่ะก็ ฉันคงคิดว่าฉันหลงมาอยู่คณะนิเทศฯซะล่ะมั้ง

    พี่ๆ และเพื่อนๆ ร่วมชั้น ที่ฉันยังไม่รู้จักใครซักกะคน เต้นกันอย่างออกรสออกชาติ ในขณะที่มันยังไม่ถึงคิวฉัน ฉันได้แต่นั่งมอง และจัดการระบบหายใจของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ 2 วันก็มาผจญโลกภายนอกที่ไม่มีถังอ็อกซิเจน เขตปลอดเชื้อ กลิ่นแอลกอฮอลล์

    “น้องคนนั้นอ่ะ! น้องคนที่นั่งจับหน้าอกตัวเองเล่นอ่ะ ออกมานี่เด๊ะ”

    (-  -  )(  -  -)…(-  -  )(  - -)” ฉันหันซ้ายหันขวาตามเสียงเรียกของพี่ผู้ชายสุดหล่อที่ฉันตัดสินจากสายตาระยะไกล เขาช่างเรียกรุ่นน้องได้.. =_=

    “น้องนั่นแหละ จะหันไปมองใครอีก”

    “( - -)(- - ).. (- - )( - -)”  ใครวะมันยังไม่รู้ตัวอีก =_=a

    “เธอๆ พี่เขาเรียกเธอน่ะ -_-” ดิฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง มีมือปริศนามาสะกิดดิฉันค่ะ !

    “หะ?  -o-

    “พี่เขาเรียกเธอยัยทอม -_-

    อะไรนะ อะไรนะ? ใครทอม ไอ้นี่วอนตีนซะแล้ว -_-

    “เรา?” ฉันชี้ตัวเอง

    “เออ เธอนั่นแหละ -_-

    “น้องนั่นแหละครับ!  ความหล่อของพี่ไม่พวยพุ่งเข้าสู่สายตาน้องหรือไง น้องตาบอดหรอครับ เป็นหมอไม่ได้นะเนี่ย ออกมาๆ” เสียงที่เปล่งออกจากโทรโข่งยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่แค่สายตาคนข้างๆ แค่คนเดียวที่มองฉัน แต่เป็นทุกคน ณ ที่นี้ต่างหาก ที่.. มองมาที่ฉัน โอเค ลุกแล้วนะ เป็นฉันแล้วล่ะที่ต้องเดินออกไป =_=

    “น้องหื่นขึ้นหรอครับ ถึงได้นั่งจับหน้าอกตัวเอง ^-^

    “พี่จะบ้าหรอ เราเป็นหะ..O_O!!!!!

     

    ราวกับไฟฟ้าช็อตที่หัวใจ สายตาของฉันดันเผลอไปสบตากับเขา เจ้าของน้ำเสียงที่พูดใส่โทรโข่งไม่หยุด

    สายตาของเขา.. ช่างคุ้นเหลือเกิน

    เหมือนกับฉันเคยเจอเขาที่ไหน

     

    “น้องไม่ต้องตะลึงความหล่อของพี่ครับ =w=

    “....”

    “น้องครับ..”

     

    ฉันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแปลกๆ

    รู้สึกเหมือนสมองกำลังทำงานอย่างหนัก

    เหมือนฉากละครพันๆฉากลอยเข้ามาในหัวของฉันและตีกันไปหมด

    เขา... คือใครที่ฉันรู้จัก

    แต่ฉันเพิ่งเจอเขาครั้งแรก

     

    เขาคือคนที่จับมือฉันตอนที่ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาล

    ไม่สิ.. เขาคือคนที่เรียกฉันออกมาจากแถวเมื่อกี๊

    เขาคือคนที่...

     

    ตุบ!

    “กรี๊ดดดดดดดดดดด!

    “เห้ย !!!!!

     

     

    ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เพราะแสงไฟนีออนมันแยงตา จนทำให้นอนต่อไม่ได้ สายแล้ว?  ฉันต้องไปรับน้อง ไม่สิ.. ฉันมารับน้องแล้ว แล้วฉันก็โดนเรียกออกไปข้างหน้าแถวที่มีประชาชีเกือบร้อยคน ฉันสบตากับพี่คนนึงที่เรียกฉันออกมาแล้ว...

    O_O

    ฉันยันตัวนั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะมองออกไปรอบๆ สถานที่ที่ฉันอยู่ มีลักษณะเหมือนกับ...

    ...ห้องพยาบาล...

    ฉันคงเป็นลมไปสินะ แต่... เอ๊ะ ฉันสัมผัสได้ถึงใครซักคนที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ ฉันเลื่อนหน้าก้มมองเขาที่กำลังหลับตาพริ้ม หลับสบายราวกับว่าเกิดมาแม่งไม่เคยนอน

    เขาหล่อมากๆ คนๆนี้นี่แหละที่เป็นคนสุดท้ายที่ฉันสบตาเมื่อกี๊
     

    “บุ๊ค?”  ฉันเผลอพูดชื่อใครก็ไม่รู้ออกมาอย่างเป็นอัตโนมัติ

    ฉันถือวิสาสะอย่างแรง(มาก) เกลี่ยผมที่ปรกหน้าเขาออกและจ้องเขาใกล้กว่าเดิมอีก

    “บุ๊ค นั่นแกใช่มั้ย?” ฉันเผลอพูดอะไรออกไปอย่างลืมตัวอีกแล้ว

    “หืม?” เขา เขาเงยหน้าขึ้นมา =[]=! เขาตื่นแล้ว

    O_O/////”  ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบ สายตาเราประสานกันจนฉันรู้สึกได้ถึงความชาที่หน้าและคิดว่าตอนนี้มันคงแดงไปแล้วเรียบร้อย เขากระพริบตาปริบๆ ฉันก็กระพริบตารัวๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงเลื่อนหน้าหนีสายตานี้ไม่ได้ เหมือนร่างกายกำลังสั่งให้ฉันจ้องเขาต่อ และริมฝีปากของฉันก็ขยับเองอีกครั้ง เปล่งเสียงออกมาอย่างที่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูด

    “นี่ฉันเอง...”

    -*-” เขาย่นคิ้ว

    “ทำไมแกไม่ทักฉันวะ?”

    “พี่เป็นเพื่อนเล่นน้องหรอครับ พี่รู้ว่าพี่หล่อใครๆก็อยากได้พี่ แต่น้องไม่ต้องจีบพี่ด้วยการตีซี้อย่างนี้นะ ^w^!

    “เอ่อ...” เหมือนได้สติ เหมือนมีการตัดภาพอะไรซักอย่างออกไปจากหัว

    “น้องไม่สบายแล้วมารับน้องทำไมครับ เป็นลมหมดสติไปแบบนี้ หมออย่างพี่ก็ตกใจนะ” เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ

    “ถึงจะเรียนหมอ... แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตใครได้ทันทีนะ หมอที่ดีต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน ก่อนจะไปดูแล..คนอื่น ^-^” เขาหันกลับมายิ้มพริ้มพราวให้แก่ฉันที่ฉันอยู่บนเตียงคนไข้


               
               หัวใจฉันเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ... และรู้สึกเขิน

    และรู้สึก... งุนงง

    ทุกทีที่สบตากับเขา ฉันรู้สึกปวดหัว และปั่นป่วน ฉากละครพันๆฉากมันประทะเข้ามาอีก

     


                “อึ้งในความหล่อพี่อีกละ -3-

    “กวนตีนละ -_-

    “นี่ผมเป็นพี่นะครับ -_-

    “พี่หรอ? แกอายุเท่าฉันนะ แกจะบ้าหรออีบุ๊ค อย่ามาถือตัวกับฉันนะ” รู้สึกตัวอีกที ฉันก็ปาหมอนใส่เขาไปแล้ว และฉันเองก็พูดจาแปลกๆ อีกแล้ว นี่มันอะไรวะ รู้สึกว่าตัวเองควบคุมปากไม่ได้เลย วอทแฮปเพ่นวิทมี T{}T!!!

    เขาก้มไปเก็บหมอนที่ตกพื้นก่อนจะเดินมาหาฉันและมองด้วยสายตาเตรียมจะตบกบาลคนอย่างฉันเต็มที่ แต่แล้วเขาก็เลือกที่จะก้มมามองที่หน้าอกฉันแทน

    “มองทำไม ทะลึ่ง!” เป็นอัติโนมัติที่ฉันจะต้องเอามือมาบังหน้าอกตัวเองไว้

    “มองป้ายชื่อเว้ย -_-^...ชื่อ.. น้องนัต..ครับผม?”

    =_=…

    “น้องกำลังทำให้พี่นึกถึงเพื่อนพี่คนนึง...”

    “ฉันไงเพื่อนแก !” อีกครั้งและอีกครั้งที่ฉันห้ามปากตัวเองไม่ได้

    “ไอ้เด็กปีนเกลียว -______-^^  เขาวางหมอนหนุนลงข้างๆตัวฉันก่อนจะนั่งเก้าอี้ตัวเดิมที่เขาเพิ่งลุกขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะจ้องฉันนิ่งๆ โดยที่ไม่พูดอะไร ฉันที่ทำตัวไม่ถูกก็เลยแสร้งทำเป็นพับผ้าห่มและจัดหมอนวางบนเตียงดีๆ และพยายามจะลงจากเตียง แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขา... คว้ามือฉันเอาไว้
                “เหมือน... เหมือนมาก”

    “?” ฉันเลิกคิ้ว และงงกับสิ่งที่เขาพูด แต่ความรู้สึกในใจเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ให้ฉันรู้สึกหัวใจพองโตและอยากฉีกยิ้มออกมากว้างๆ แต่นั่นแหละนะ ฉันจะต้องรู้สึกแบบนั้นทำไมนะ?

    “หน้าตาไม่เหมือน.. แต่แววตาใช่...”

    “????”  งงเป็นสองเท่า งงพอๆกับที่ฉันงงตัวเองว่าพูดจาอะไรแปลกๆกับเขา

    ฉันสะบัดแขนที่ถูกจับเอาไว้ก่อนจะลงจากเตียง เขายังคงมองฉันอย่างไม่ละสายตา ฉันจึงมองเขากลับ และสิ่งที่ฉันรู้สึกได้คือ... ฉันรู้จักเขามาก่อน

     

    คนนี้ล่ะ..ที่เขาจะจำเจ้าได้

    ฉันหันขวับมองซ้ายมองขวา เหมือนมีใครมากระซิบที่ข้างหูของฉัน

    “หลอนอะไรอีกล่ะนั่น” เขาก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง “กิจกรรมเขาจบลงแล้ว ยังไงน้องก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ”

    ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะเบนสายตามองซ้ายขวาหน้าหลัง อีกทั้งยังก้มลงมองที่ใต้เตียง

    ว่างเปล่า...  ภายในสถานที่นี้ มีแค่ฉันกับเขาแค่ 2 คน ที่ยืนอยู่ที่นี่ มีแค่เรา 2 คนที่ยืนคุยกัน แต่ไอ้อาการหูแว่วเมื่อกี๊มันคืออะไรกันนะ

               
    “เมื่อกี๊.. พี่พูดอะไรหรือเปล่า? แบบว่า... คนนี้ล่ะที่เขาจะจำเจ้าได้”

    “ฮะ? =_= สำนวนโบราณแบบนั้นคนหล่ออย่างพี่ไม่พูดหรอกครับ”

     “เชี่ย...!!! งั้นผีละ..”  ไวเหนือแสง  ฉันกระโดดเกาะเขาทันทีที่สำนึกได้ว่า อาจจะเป็นผีนั่นแหละที่พูด =[]=!    ฉันกลัวผีนะโว้ย !!!  ฉันหลับตาปี๋ในขณะที่เขา... แงะฉันออก

    “พี่ไม่อยากได้ทอมเป็นเมียนะ.. -_-  ยังไม่มีโครงการเปลี่ยนทอมเป็นเธอ”

    ฉันค่อยๆลืมตาก่อนจะเดินห่างจากเขาออกมานิดหน่อย

    “ระ เรากลัวผีหรอก -_-.. แล้วเราก็ไม่ได้เป็นทอมนะ ! ฉันเกาแก้มแก้เขิน อยู่ดีๆไปเกาะเขา เอ่อ..อีนี่

    “อยากกอดดีๆ ก็บอก เดี๋ยวจะกอดให้ =w= เขาอ้าแขนเดินมาเตรียมจะสวมกอดฉันเต็มที่ แต่ฉันได้แต่หักตัวหลบหนีเขา

    บ้ากาม -______-

    “เอ้าหนีทำไมล่ะ เมื่อกี๊ยังมากอดเค้าอยู่เลยนะ -..-

    “หาที่พึ่ง กลัวผีต่างหาก -_-a

    “กลัวผีนี่เรียนหมอไม่ได้นะ -.-

    “ดะ เดี๋ยวก็หายกลัวเองล่ะ ! =[]=

    “งั้นต้องมาปลอบขวัญก่อน มามะ พี่ให้น้องกอด ม๊า..” เขายังคงพยายามจะเข้ามากอดฉันให้ได้ โอเคอ่ะ อยากกอดก็กอดเลยเอ้า ไม่ได้ใจง่ายนะเว้ย แต่นะ เผื่อกอดตอบเขาจะได้ไม่พยายามมาบ้ากามอะไรอีก ผู้ชายเนี่ยนะ.. =_=

    ฉันกอดเขาตอบเบาๆ.. ก่อนจะรู้สึกว่าเขาและฉันเองกระชับกอดแน่นขึ้น  เหมือนเรากำลังกอดกัน เพราะความคิดถึง...

    เห้ย! O_O  บ้าแล้ว!!

    “...โคตรคิดถึงแกเลย ฉันกลับมาให้แกทำคลอดให้แล้วนะ แต่ต้องหาพ่อของลูกก่อน...”  รอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ฉันพูดอะไรออกไป โดนที่ฉันไม่สามารถสั่งห้ามตัวเองได้

    ร่างกายของฉันเหมือนมีความทรงจำ.. ของคน 2 คน ปะปนกันอยู่ในสมองของฉันยังไงก็ไม่รู้

    “.....”

    “......”

    เมื่อทุกอย่างจกอยู่ภวังค์ของความเงียบ เรา2 คนยังคงกอดกันโดยที่ไม่มีใครจะปล่อยใครออก จู่ๆ ไอ้พี่ปี2 ที่ชื่อบุ๊คนั่น ซุกหน้าลงที่ไหล่ของฉัน ฉันรู้สึกตัวและไม่ผละเขาออก

     ฉันรู้สึกเหมือนได้กอดใครซักคนที่ฉันไม่รู้ แต่ฉันจำสัมผัสแบบนี้ได้

    แต่สาบานเลย! ฉันเจอเขาครั้งแรกนะ

    “เหมือน...” คำพูดแรกที่หลุดออกจากปากของเขาในระยะเวลาที่เงียบกันไป  อ้อมแขนของเขายังคงกระชับเอาไว้แน่น

    “?”

    “ผีหลอกแน่ๆ”   เขาคลายกอดออก ก่อนจะมองหน้าฉัน

    ฉันไม่ได้ตาฝาด สายตาของเขาไม่ได้กวนเท้าเหมือนเมื่อกี๊ แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน งุนงง สงสัย จะดีใจก็ไม่ดีใจ จะคลี่ยิ้มก็ไม่คลี่ยิ้มออกมา  แต่.. หน้าเขาแดง.. ไม่แพ้ฉัน!

    “เอ่อ... ผี ผีหรอ โอ๊ย ไม่อยู่แล้ว ขอบคุณที่พามาห้องพยาบาลนะคะ เอ่อ... งั้นเรากลับบ้านแล้วนะ เอ่อ...” ฉันเสหน้ามองไปทางอื่นก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายข้างมาสะพาย และรีบจรลีไปหารองเท้าที่ถอดไว้อยู่ข้างหน้าห้อง

    เขาเดินมาหาฉันเหมือนทำท่าจะยื่นอะไรให้ฉันซักอย่าง แต่ฉันรู้สึกว่า ไม่ค่อยอยากเห็นหน้าเขาในตอนนี้ สบตาทีไรปวดหัวแปลกๆ ต้องกลับไปซัดพาราหนักๆแล้วมั้ง ทันทีที่เขาย่อตัวลงกำลังจะยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้ ฉันรีบยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว และพอมีสำนึกว่าไอ้คนตรงหน้ามันคือพี่ปี2 ที่ฉันควรเคารพ ฉันไม่ลืมยกมือไหว้ลาเขา ก่อนจะรีบวิ่งไม่ดูสังขารตัวเองออกมาจากห้องๆ น้อง และไม่เหลียวหลังกลับไปมอง

     

     

    ร่างกายยังไม่เสถียร วิญญาณยังเข้ากับร่างนี้ไม่ได้สินะ

    ฉันหยุดกึก! ทันทีที่ได้ยินเสียงอะไรซักอย่างเข้ามาในโสตประสาท ฉันหันซ้ายแลขวาพยายามหาต้นเสียง  ในบริเวณบ้านของฉันตอนนี้ไม่ใครอยู่เลย นอกจากฉัน แล้วเสียงนั่น...

     เจ้าเงยหน้ามามองข้านี่

    ฉันงยหน้ามองไปข้างหน้าตามเสียงปริศนาที่กระซิบที่หูฉัน ฉันค้นพบบางอย่างที่ทำให้ต้องสบถ .. ไม่ใช่คน แน่นอน!!

    O_O เชี่ย ตัวอะไร ผีหลอก !! ไม่นะ ไม่ นะโมตัสสะ.. T[]T!” ฉันพนมมือท่องบทสวดที่พอจะนึกได้

    มองดีๆ =_=… ข้าเองยมทูตของเจ้าน่ะ

    อะไรนะ? ยมทูต อะไรนะ...

    ความทรงจำตีกันจริงๆสินะ สมองของร่างนี้กับวิญญาณของเจ้าน่ะ

    “เอ๊ะ...???”
     

    เหมือนฉันจะรู้สึกได้ เหมือนฉันพอจะนึกออก

    คนตรงหน้า ไม่สิ ยมทูตตนที่ยืน เอ้ย ลอยอยู่ตรงหน้า ฉันเคยคุยกับเขา

    ฉัน.. ฉันนึกออกแล้ว !
     

    อีกหน่อยคงชิน ระลึกเอาไว้ว่าตัวเจ้าก็คือตัวเจ้า วิญญาณที่อยู่ในร่างนั้นย่อมสำคัญกับร่างที่ทุกคนได้เห็น เจ้าก็คือเจ้า คือนัตที่ยังไม่ตาย อีกหน่อยความทรงจำจะไม่ตีกัน  เพราะเจ้าเจอเขาแล้ว

    หืม? เจอ? ฉันไม่ได้พูดอะไรกับยมทูต ได้แต่ยืนฟังสิ่งที่เขากำลังเอ่ยบอก โดยที่ฉันก็ยังงุนงง และรู้สึกปวดหัว ฉันพยายามครุ่นคิดทุกสิ่งอย่าง

    ที่เข้าใจ... คือฉัน ฉันคือนัต ร่างนี้.. เขาก็ชื่อนัต แต่เราคือคนละคนกัน

    เมื่อเจ้าเจอเขาแล้ว ทำให้เขาจำเจ้าให้ได้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกว่าเจ้าคือคนที่เขารอ เมื่อวันนั้นล่ะ... ชีวิตของเจ้าจะกลับมาปกติ แม้จะไม่ใช่ร่างเดิม

    อย่าลืมว่า...ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมทั้งหมดได้แน่นอน แต่สิ่งที่วิญญาณอย่างเจ้าต้องการคือใช้ชีวิตให้หมดอายุขัยตามที่เบื้องบนลิขิตมา โดยมีเขาเท่านั้นล่ะ...

    เหมือนยมทูตจะพูดไม่จบ แต่ร่างเขาก็พลันสลายหายไป เพราะเหมือนมีใครซักคนกำลังก้าวเข้ามาภายในบ้าน คนในครอบครัวของฉันนั่นแหละ

    ฉันเดินเข้าบ้านงงๆ และยังสับสนอยู่ โอ๊ย อะไรก๊านนนนนนนนน !

    ฉันจำได้ เอ้ยจำไม่ได้ ฉันคิดออก เอ้ย ฉันคิดไม่ออก สับสน สับสน สับสน!



               เขาเท่านั้น?

    เขา.. เขาจะช่วยให้ฉัน....?

    เขา เขา เขามีประโยชน์อะไรกับฉัน T[]T


    :)  Shalunla
     

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×