ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    •• {Fic} The Story I Wrote••

    ลำดับตอนที่ #10 : The Ninth Story ; [Lookyee x Poo] It's All Lies

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 55


     


    ข้อความที่จาให้เห็นเวลาเอาเม้าส์ไปชี้ ข้อความที่จาให้เห็นเวลาเอาเม้าส์ไปชี้ LookYee



     
                  

    “มึงๆ กินข้าวหน่อยเร็ว มึงเอาแต่ร้องไห้ ไม่กินข้าวกินปลาแบบนี้ เป็นไรไปจะทำยังไงวะ..”

    ฉันได้ยินเสียงเล็กๆ ที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี ได้ยินมันลางๆ ก่อนจะค่อยลืมตาช้าๆ มองคนตรงหน้า ยัยนั่นกระพริบตาปริบๆ มองด้วยสายตาที่เป็นห่วง แต่โดยรวมแล้วเอือมระอามากกว่า ฉันขยี้ตาที่รู้สึกได้ว่ามันบวมเปล่ง จากอาการน้ำท่วมจอประสาทตา จนมันไหลออกมาเป็นทางอาบที่สองข้างแก้ม ภาพทุกอย่างเลืองลางไม่ชัดเจน รู้สึกโหวงเหวงยังไงก็ไม่รู้

    “อืม... แต่กูไม่ค่อยหิวเลยว่ะ”

    “ให้กูกราบตีนมึงมั้ย? แดกเหอะ กูขอร้อง แม่มึงมาเห็นมึงเป็นแบบนี้ทำไงเล่า T^T

    ฉันไม่ตอบอะไรกับเด็กน้อยที่อยู่ยืนตรงหน้าฉัน เพื่อนสาวที่คอยดูแลฉันมาตลอดสองสามวันที่ผ่านมา ไม่สิ เรื่องราวไม่เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน อาทิตย์นึงเห็นจะได้แล้วต่างหาก นัตโตะแทบจะตัดข้าวยัดปากฉันอยู่แล้ว แต่ฉันเองก็ทำได้แค่มองช้อนนั้นนิ่งๆ ปากมันไม่อยากอ้า มันหมดแรงจะทำอะไร

    “กูไม่รู้ว่าถ้ากูเป็นแบบมึง กูจะหมดอาลัยขนาดนี้หรือมากกว่านี้มั้ย แต่.. มึงไม่ใช่คนที่... เฮ้อ อ้าปากเหอะ ไม่งั้นจะเรียกอีเกี๊ยวมันช่วยยัดนะ T^T++

    J  ฉันได้แต่ยิ้ม ยิ้มจนนัตโตะเองต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ที่จะป้อนข้าวฉัน จนเดินหนีออกไปโทรศัพท์หาใครสักคนแทน

    “พี่เนี้ยบ เราไม่โอเคเลยอ่ะ ฝั่งพี่โอเคมั้ยเนี่ย รบกวนพี่เกาะ เอ่อ...” ฉันได้ยินเสียงจากไกลๆ พี่เนี้ยบ?  พี่เกาะ? ฝั่งนั้น? คืออะไร... หมายถึงพี่ปู่หรือเปล่า..

    ถ้าเกิดว่าเขาตายจากฉันไป ฉันคงไม่รู้สึกอะไรขนาดนี้

    ถ้าเกิดเขาไม่ได้รักฉันแล้ว แล้วเราเลิกกัน ฉันคงไม่ต้องมาเป็นบ้าอะไรขนาดนี้

    สัญชาตญาณมันบอกฉันตลอดว่า... มันจบลงทุกอย่าง เพราะรักกันมาก ? หรือเปล่า ?

     

     

    เสียงเพลงจากสเตอริโอหรูราคาแพง ดังกึกก้องไปทั่ว  ฉันได้ยินมันมาตั้งแต่สองซอยที่แล้ว  จนถึงตอนนี้ ฉันกำลังเดินมาถึงบ้านเจ้าปัญหาที่มีเสียงดังอึกทึก ครึกโครม ไม่แคร์ชาวบ้าน ไม่แคร์ตำรวจที่เตรียมมาจับเจ้าของบ้านข้อหารบกวนผู้อื่นในยามวิกาล

    จู่ๆ เขาก็โทรเรียกฉันให้ไปหาที่บ้าน  ให้แต่งตัวสวยๆ จัดเต็มได้เท่าที่อยากทำ  ทั้งๆที่ฉันเพิ่งจะกลับจากสอบไฟนอลวันสุดท้าย ฉันงงมาก แต่ทำไงได้ล่ะ คิดถึงจะแย่ ยังไงก็ต้องมาหา แต่ก็ต้องงงกับไอ้สียงอึกทุกครึกโครมนั่น

    ปาร์ตี้ยาอีหรือไงน่ะ =_=

    “มันบอกให้กูออกมารับ” ฉันหยุดมองผู้ชายร่างสูงที่ยืนพิงกำแพงจุดบุหรี่สูบอย่างไร้อารมณ์ เขาเหลือบหันมามองฉันแล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้ฉันตามเขาเข้าไป

    “พี่ปู่ล่ะ?” เขาไม่ตอบ ได้แต่เดินจ้ำๆ เข้ามาบ้าน  ภายในบ้านมีแต่แสงไฟสลัวๆ  เปิดเพลงเสียงดัง ราวกับว่าที่นี่คือผับขนาดย่อม  ฉันมองผู้คนภายในบ้านที่แน่นขนัด ท่าทางแต่ละคนดูสติไม่น่าครบสมบูรณ์ บ้างก็เดินมาเอนเอียงชนฉันบ้าง ไม่ก็เตรียมพร้อมจะเข้ามาคลอเคลีย จนพี่เกาะเป็นคนที่ดึงให้ฉันเดินอยู่ไม่ห่างเขา

    “หนวกหูหน่อยนะ ไม่รู้แม่งไอ้ปู่นึกคึกจัดปาร์ตี้ห่าอะไร -  -^

    พี่เกาะดึงฉันให้เดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งมีพี่ปู่นั่งดื่มเบียร์อยู่บนโซฟาตัวใหญ่รออยู่แล้ว แค่ดื่มเบียร์ไม่พอ เขายังโอบผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ด้วย ภาพที่ฉันเห็นอ่ะ อีกนิดจะซุกไซร้กันอยู่แล้ว !  แต่ฉันไม่ตกใจเท่าไหร่หรอก .. ชินชาไปแล้ว

    “อ้าวมาพอดี กำลังคิดถึง” แขนขวาของคุณยังโอบผู้หญิงอีกคน แต่มีหน้ามาบอกว่าคิดถึงฉัน .. ก็ตลกอยู่นะ แต่มันก็เรื่องปกตินี่นา

    “คิดถึงทำไม คนข้างๆก็มีอยู่แล้วหนิ ;)” เขาทำเป็นเฉไฉไม่ได้ยินอะไรที่ฉันพูด ดึงแขนฉันให้นั่งข้างๆเขา ราวกับว่าฉันเป็นแค่ผู้หญิงข้างทางของเขาอีกคน

    ฉันชักจะสงสัย? พี่ปู่จะเล่นอะไรอีก?

    พี่เกาะที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันมองเราอย่างเอือมๆ ในขณะที่พี่ปู่ปากระป๋องเบียร์เปล่าใส่เพื่อนผู้ชายของเขาที่ยืนโยกไปมาตามจังหวะเพลงอย่างเมามันส์

    “ทำเหี้ยอะไรอยู่ หยีมาแล้วนี่ไง อยากเห็นนักไม่ใช่หรอ”  ฉันมองตามกระป่องเบียร์ที่ลอยละล่องไปหาผู้ชายคนนั้น เมื่อเขาหันมา เขารีบส่งสายตาหวานหยดย้อย ระยิบ ระยับแวววาวราวกับเห็นนางฟ้านางสวรรค์ อันที่จริงฉันก็พอจะรู้ว่าฉันนั่นแหละนางฟ้านางสวรรค์ที่ว่า แต่สถานการณ์แบบนี้ไม่ไดน่าภูมิใจซักนิด รู้สึกตะหงิดๆ และกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    “เห้ย ตัวจริงสวยว่ะ... สวยกว่าในรูปตั้งเยอะ” สายตาของผู้ชายคนนั้นชวนจะสยดสยองที่สุด มองฉันอย่างกับจะกลืนกินฉันไปทั้งตัว เป็นอัตโนมัติ ยังไงฉันก็ต้องหาที่พึ่งที่ดูปลอดภัยที่สุด ฉันรีบขยับไปใกล้ๆ พี่ปู่และเกาะแขนเขาไว้ ถือแม้แขนอีกครั้งเขาจะโอบใครอีกคนอยู่ก็ตาม

    “เพื่อนพี่น่ากลัวนะ”

    “มันคลั่งมึงจะตาย อยากจะได้มากๆ” พี่ปู่กระดกเบียร์มองตรงไปข้างหน้า ไม่มีแม้แต่ห่างตาจะมองฉันสักนิด

    นิสัยของคุณเหมือนเดิมนั่นแหละ เคยจะห่วงใย หวงฉันซักหน่อยไม่เคยมี L

    “อ่า.. เห็นน้องหยีดูท่าทางอยากจะดื่มเบียร์ ไม่ดีหรอกนะคะ พี่ว่าดื่มนี่ดีกว่านะ J” ใครอีกคนเดินมายื่นน้ำส้มแก้วใหญ่ๆให้แก่ฉัน แต่ฉันปฏิเสธที่จะรับมัน พอปรับโฟกัสบอกหน้าดีๆ นี่มันพี่ตรงนี่นา.. เพื่อนพี่ปู่อีกคน วันนี้วันรวมแก็งค์ของเขาหรือไงนะ

    ฉันรับกระป๋องเบียร์กระป๋องใหม่ที่พี่เกาะโยนมาให้ ก่อนจะเปิดมันดื่มอย่างหน้าตาเฉย ฉันดื่มเป็นนะ J ถ้าดื่มแล้ว.. พี่ปู่จะห้ามฉันมั้ยนะ? ไม่หรอก ตามนิสัยเขาแล้วน่ะ L

    “ตกลงให้หยีมาทำไมเนี่ย? วันรวมแก็งค์พี่หรอ งั้นหยีกลับนะ”

    “อะไรนะพูดอะไรนะ ?”

    “หยีจะกลับ..” ยังไม่ทันพูดจบจบ ฉันก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายคนที่ส่งสายแวววาวระริบระยับนั่นมานั่งลงข้างๆ เบียดฉันจนแทบจะนั่งตักกันอยู่แล้ว

    “ไปต่อกับพี่มั้ย ^_^

    ฉันรีบเขยิบตัวหนีให้มากที่สุด ทั้งๆที่พื้นที่ไม่ได้เอื้ออำนวยแก่ฉันเลย เพราะบนโซฟาตัวนี้ยังมีพี่ปู่กับชะนีของเล่นนั่งอยู่ ให้ตายสิ นี่มันอะไรกันเนี่ย !!

    “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ J

    “ไม่เป็นไรหนอกน่า น้องหยีไม่ต้องเกรงใจไอ้ปู่มันหรอก”

    มากไปแล้ว !! มันมากไปแล้ว ไอ้ผู้ชายสายตาสยดสยองนั่น เอื้อมแขนมาโอบไหล่ฉันเอาไว้  ฉันรีบลุกขึ้นยืนทันทีที่รู้สึกได้ ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างหาเรื่อง

    แต่.. พี่ปู่เอง ไม่รู้สึกอะไรซักนิด นี่แฟนพี่กำลังโดนลวนลามอยู่นะ !!

    “เดินดีๆไม่หรือไงวะ ชนกูหมด” แผ่นหลังของฉันก็สัมผัสกับใครอีกคนจนเขาสบถใส่ฉัน แต่เมื่อฉันหันไปมองเขาดีๆ เขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีและคำพูดคำจาทันที

    “อ้าว เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เจ็บตรงไหนมั้ย” เขาเข้ามาจับแขน จับไหล่ จับตัวฉันทุกอย่าง ทำให้ฉันต้องรีบสะบัดออก นี่มันหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ

    “พี่ปู่ หยีกลับแล้วนะ !

    “ไม่อนุญาต -_____- พี่ปู่ตอบฉันด้วยสีหน้านิ่งมากๆ นิ่งอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

    นี่มันอะไรกัน.. ไม่ใช่อย่างที่ฉันสังหรณ์ใช่มั้ย?

    “น้องหยีพาพี่ไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิ T3T” ไอ้ผู้ชายสยดสยองเบอร์หนึ่งถือวิสาสะลุกจากโซฟามาจับข้อมือฉัน เตรียมจะลากฉันไปไหนซักที่  ฉันสะบัดมือเขาออกอีกครั้งก่อนจะผลักเขาให้เกือบล้มไปกอง

    “ไม่ไป มีขาก็เดินไปเองคนเดียวสิ !!

    “อะไรวะ ทำเล่นตัวอย่างนี้เนี่ย !!” เขาเริ่มลุกขึ้นมาโวยวายฉันบ้าง ฉันรีบหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมาสะพายโดยเร็ว ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว แม้ว่าจะเป็นที่ที่คนที่ฉันรักนั่งมองเหตุการณ์อยู่โดยที่กระดกเบียร์ต่อไป ไม่ห้ามอะไรทั้งนั้น

    เขาคงเมาไม่มีสติจะห้ามล่ะมั้ง...

    “เอาไว้พี่มีสติดีๆ แล้วหยีจะมาหาใหม่นะ ขอให้สนุกกับเพื่อนๆ แล้วก็ชะนีของพี่นะ” ฉันรีบเดินหนีออกมา เบียดเสียดผู้คนยั้วเยี้ยอย่างกับหนอนชนชะนี ชนผู้ชาย ชนทุกคนที่ไร้สติสัมปชัญญะ แต่ฉันก็ถูกฉุดให้หยุดก้าวเท้าออกไป

    “จะไปไหน!

    “กลับบ้านไงพี่ปู่”

    พี่ปู่ไม่ตอบอะไร ได้แต่กระตุกแขนฉันให้กลับเข้าไปกับเขา ฉันพยายามยื้อยุดให้ปล่อย แต่อย่างว่าแหละพี่ปู่ตัวใหญ่กว่าฉันมาก แรงก็เยอะกว่าจนสุดท้าย ฉันก็นั่งลงแหมะที่โซฟาตัวเดิมตำแหน่งเดิม

    ฉันอยากจะรู้นัก... พี่ปู่กำลังคิดจะทำอะไรของเขานะ

    “พี่กำลังทำเหมือนหยีเป็นผู้หญิงอะไรซักอย่างของพี่ ทั้งๆที่จริงๆแล้วหยีเป็นแฟนพี่นะ”

    “แล้วแต่จะคิด” เขายังคงไม่สนใจและยังหันไปคลอเคลียกับชะนีคนข้างๆต่อ ฉันเหลือบไปมองเขา ใจเต้นแรง พาลจะนึกโกรธ ก็โกรธไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว พี่ปู่ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีเลิศขนาดพระเอกในนิยาย แต่ไม่ได้เลวร้ายขนาดว่าชั่วสุดติ่ง

    ฉันพยายามทำใจให้เย็นลงและดึงดันที่จะกลับบ้านให้ได้ ถึงจะเป็นคนที่อดทนได้ขนาดไหนก็ตาม แต่ไม่มีผู้หญิงที่ไหนบ้า ด้านชากับภาพที่เห็นตรงหน้าได้หรอกนะ

    “ปู่พาไปห้องน้ำหน่อยสิ T3T

    “หืม?”

    สายตาหันฉันตวัดไปมองชะนีนางนั้นก่อนจะพูดลอย

    “ไปเองสิยะ เป็นง่อยหรือไง -______-^

    แต่พี่ปู่ไม่ไดสนใจเสียงของฉันเลยแม้แต่นิด เพราะเสียงเพลงมันดังหรือยังไง -_______-^  เขาลุกไปกับผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเฉย แถมยังออกคำสั่งไม่ให้ฉันกลับบ้านด้วย

    เพื่ออะไร?

    ฉันไม่ใช่คนที่จะทำตามคำสั่งขนาดนั้น สถานการณ์ยิ่งไม่ค่อยดี สายตาของผู้ชายในห้องนี้ไม่นับพี่ตรงกับพี่เกาะ ทุกคนล้วนไม่น่าไว้ใจ พร้อมจะเข้ามาเขมือบฉันได้ตลอดเวลา ฉันลุกขึ้นอีกครั้งและเตรียมจะเดินออกไปแล้วจริงๆ โมโหมันก็โมโห หงุดหงิดก็หงุดหงิด

    “หยีจะไปไหน -_-^

    “ฝากบอกพี่ปู่ด้วยนะพี่เกาะว่าหยีกลับแล้ว -______-^^

    “...”

    “พวกพี่กำลังจะแกล้งอะไรหยีเนี่ย หยีไม่สนุกด้วยนะ อยากให้หยีไปตบอีชะนีตัวนั้นหรือไง”

    พี่เกาะเงยหน้ามองฉันนิ่งๆ

     “คิดว่ามันจะเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีแบบนี้หรือไง”

    “แล้วต้องการอะไร ทำร้ายจิตใจเล่นๆหรอ เห้อ บ้าบอ เมาบุหรี่เมาเบียร์กันไปหมด”

    “อยู่เป็นเพื่อนก่อน... เดี๋ยวไปส่งเอง”  พี่เกาะดึงมือฉันให้นั่งลงข้างๆเขาแทน

    นี่ฉันไม่ได้กลับบ้านซักทีสิน่า -________-  เวียนหัวเหม็นควันบุหรี่ไปหมดแล้ว เพลงก็เสียงดัง ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ แต่ฉันเพิ่งไปสอบมา อยากจะพักผ่อน แต่ต้องมานั่งดูภาพอะไรก็ไม่รู้ อยู่ในผับย่อมๆ มันไม่มีอารมณ์หรอกนะ

    “หยีพยายามคิดนะพี่เกาะว่าพี่ปู่น่ะ เมา อย่าไปถือสา แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอารมณ์ไหนเรียกแฟนตัวเองมาดูเขามั่วกะคนอื่นอยู่ ทำอย่างกับจะบอกเลิกงั้นแหละ ถ้าบอกเลิกก็บอกดิ ไม่ต้องให้มาที่นี่หรอก”

    ฉันบ่นพึมพำไปอย่างนั้น ฉันรู้จักพี่ปู่ดี เขาเป็นคนยังไง รักสนุกไม่ผูกพัน แต่ฉันคิดเสมอว่าฉันเป็นคนที่เขาเลือกแล้ว ยังไงฉันต้องต่างจากผู้หญิงที่เขามาควงเล่นด้วย

    แต่.. ช่วงนี้ฉันสังหรณ์แปลกๆ สังหรณ์ว่าเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างจะหายไป..

    ใจโหวงๆ   จะหล่นหายไปจากตัว... และฉันรู้ตัวฉันดีกว่าว่าฉัน..ลางสังหรณ์แม่นยิ่งกว่าใครๆ

    อย่าให้มันเกิดขึ้นเลยนะ...

    “ถ้ามันไม่บอกเลิก มึงก็บอกเลิกเองสิ”

    “บ้า.. หยียังทนได้อยู่มั้ง” ฉันชะงักไปกับคำพูดพี่เกาะนิดหน่อย เลิกงั้นหรอ? ไม่นะ

    ถึงฉันเคยอยากจะเลิกกับพี่ปู่มาหลายครั้งหลายครา แต่ยังไงฉันก็แพ้ทุกครั้ง ฉันทำไม่ได้จริงๆ เลิกไม่ได้หรอก คบกันมาตั้งหลายปี ถึงเขาจะไม่เคยแสดงออกว่ารัก แต่ฉันรู้สึกได้ในการกระทำของเขามาโดยตลอด

    “เห้อ..” ฉันถอนหายใจเฮิอกใหญ่ๆ ก่อนจะหยิบเบียร์แถวนั้นมาดื่มแก้เซ็ง เข้ามาที่แบบนี้ไม่มีใครมองว่าฉันดีแล้วล่ะ งั้นก็คงต้องทำตัวตามสถานภาพไปก่อน

    “เฮ้..ช่วยอะไรอย่างดิ”  พี่เกาะที่เงียบอยู่ไปนานมากๆ หันหน้ามาสบตาฉัน ฉันสบตากลับอย่างงงๆ ก่อนจะทำตามที่เขาขอ

    “หืม? ช่วยอะไร” เขาไม่ได้ตอบอะไรฉัน แต่ขยับร่างกายของเขาเองเข้าหาฉันเรื่อยๆ จนแผ่นหลังฉันเอนติดกับพนักพิงของโซฟา ใบหน้าเราห่างไม่ถึงคืบ

    “อื้อ O-O???

    “นิ่ง - -“ เขาดุฉันเบาๆ ฉันรีบพยักหน้าและเงียบกริบ เคยมีหลายคนบอกว่าสายตาพี่เกาะน่ากลัวมากๆ ฉันไม่เคยเชื่อเลย จนมาถึงตอนนี้.. ฉันรู้สึกว่า ฉันควรเชื่อ

    ฉันเห็นเขาเหลือบมองไปทางไหนซักทางก่อนจะเอาแขนสองข้างเขายันโซฟาไว้และโน้มหน้าลงมาแนบริมฝีปากฉัน

    …!!! ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว และตกใจมาก พี่เกาะคงเป็นอีกคนที่เมาเบียร์ใช่มั้ย !! ถึงได้มาทำกับฉันแบบนี้ นี่มันวันอะไร อยู่ในดงเสือ สิงห์ กระทิง แรดสินะ ฉันพยายามดันพี่เกาะให้ผละออกจากฉันไป แต่เขาให้มือทั้งสองข้างกดไหล่ฉันเอาไว้ทำให้ฉันลุกไปไหนไม่ได้

    “ไอ้หมอมึงทำเหี้ยอะไรน่ะ!” ลืมตาอีกที พี่เกาะก็ถูกถีบออกโดยบาทาพี่ปู่ไปเรียบร้อยแล้ว ฉันรีบสูดอาการเข้าปอดให้ได้มากที่สุด หลังจากที่ขาดอากาศหายใจไปครู่นึง สีหน้าของพี่เกาะยังดูเรียบเฉย แถมกลับมานั่งบนโซฟาเหมือนเดิมและจุดบุหรี่สูบอีกรอบ

    “หึ..ก็เห็นว่าจะโละทิ้งแล้วนี่..” พี่เกาะพูดอย่างไม่ใส่ใจ

    “...” พี่ปู่ไม่พูดอะไร ได้แต่มองพี่เกาะสลับกับฉันไปมานิ่งๆ

    “ถ้าคิดว่าดีแล้ว ก็อย่างลังเลที่จะปล่อยยัยนี่ไป..”

    ฉันเริ่มมึนงงกับทุกสิ่งที่อย่าง ในใจฉันก็มีแต่คำว่า เลิกลอยอยู่เต็มไปหมด ไม่จริง! วันนี้ฉันจะไม่เชื่อสัญชาตญาณอะไรใดๆ ทั้งสิ่ง อะไรที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊ เป็นเรื่องที่ฝันไป อย่าถือคนเมาทั้งหลายพวกนี้ กลับบ้านไปนอนพักผ่อนให้สบายใจดีกว่ามั้ย

    “หยะ หยีกลับก่อนนะ ค่อยมาคุยกัน ตอนที่พวกพี่สติครบกันดี” ฉันรีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้องทันที แต่ก็มีพี่ตรงยืนจูบกับชะนีที่ไหนไม่รู้ขวางทางประตู แทบอยากจะถีบออกไปไกลๆ

    “กูไปส่ง” พี่ปู่ฉุดแขนฉันให้เดินออกไปอีกทาง เบียดเสียดผู้คนที่ไม่มีทีท่าจะหยุดเต้นไปตามจังหวะบ้าบออะไรนั่นเลย ฉันได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกอีกครั้งและรู้สึกดีขึ้นเยอะ หลังบ้านพี่ปู่ที่มีแต่ต้นไม้ อากาศดี

    “ไม่ต้องก็ไปส่งได้” ฉันรีบสะบัดแขนออก “กลับเองได้”

    “อย่าดื้อ !” พี่ปู่กระชากแขนฉัน ตัวฉันเซเข้าไปหาตัวพี่ปู่อย่างฉุดไม่ได้

    “พี่ปู่!!!

    -________-

    “หยีว่าพี่สติไม่ครบจริงๆ แล้ว หยีว่าจะไม่เก็บมาคิด ไม่ว่าพี่ เพราะนี่พฤติกรรมแบบนี้ มันเป็นนิสัยของพี่  แต่.. ตอนนี้พี่เหมือนจะเอาหยีมาขายให้ใคร อะไรซักอย่าง พี่ติดหนี้ อะไรใครหรือไง พี่ต้องการจะสื่ออะไร หยีงงไปหมดแล้วนะ

    “...”  เขากรอกตาเซ็งๆ ในระหว่างที่ฉันกำลังพูด

    “ถ้าจะบอกเลิกกับหยี ก็ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ !!

    แล้วความอดทน ไอ้สิ่งที่เก็บไว้ ลางที่เห่าหอนอยู่ในหัวมันโผล่ออกมาเป็นคำพูดของฉัน ฉันแน่ใจมาโดยตลอดนั่นแหละ ว่าทุกอย่างที่พี่ปู่กำลังทำอยู่ในวันนี้ คือต้องการให้ฉันทนเขาไม่ได้ เสียใจจนบอกเลิกเขานั่นแหละ

    แต่ฉันแค่... ไม่อยากคิด ฉันไม่อยากให้มันเป็นอย่างที่สังหรณ์ไว้ ฉันแค่กำลังใจเย็นเพื่อจะยื้อทุกอย่าง...

    “จะตะโกนทำไมวะ!

    “ทำไมล่ะ ห้ามหยีตะโกน ถามหน่อยหยีทำอะไรได้บ้าง พี่จะห้ามอะไรหยีอีก ไหนพี่ลองบอกมาซิ!!

     “บอกเลิกกูไง!!!” พูดจบ พี่ปู่ก็เงียบได้ซักครู่ กรอกตามองฉันที่น้ำตากำลังเริ่มจะเอ่อล้นมาจากในดวงตา แต่ฉันกำลังพยายามกลั้นมันไว้อยู่ พี่ปู่ไม่ชอบให้ใครมาร้องไห้ต่อหน้านี่... ฉันพูดอะไรไม่ออก น้ำตาเริ่มจะกลั้นไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆ

    “มึงทำไม่ได้ใช่มั้ย..”

    “...”

    “แล้วมึงคิดว่ามันง่ายนักหรอที่กูต้องมาทำอะไรแบบนี้น่ะ !

    “แล้วพี่จะทำมันทำไม!! ในเมื่อ... ถึง ถึงพี่จะไม่เคยบอกรักหยีเลย ถึงพี่จะไม่เคยแสดงออกอะไรมากมาย แต่หยีรู้สึกได้ว่าพี่ไม่ได้อยากเลิกกับหยี!..ใช่มั้ย..” ฉันเริ่มสะอึกสะอื้น น้ำตาที่กลั้นไว้มันไหลมาเป็นทาง มันเอาไม่อยู่แล้ว พี่ปู่ได้แต่เงียบ และมีสายตาที่เบาลง ไม่แข็งกร้าว ไม่ดุ ไม่เย็นชาไม่เรียบเฉยอะไรทั้งนั้น

    “กูไม่เหมาะกับมึงหรอก” เสียงของเขาเริ่มแผ่วเบาลง และคงมีแต่เสียงฉันที่ยังดังและสะอึกสะอื้นไปพร้อมๆกัน

    “ไม่เหมาะ? ไม่เหมาะอะไร คบกันมาตั้งหลายปี พี่.. พี่เพิ่งมารู้สึกว่ามันไม่เหมาะงั้นหรอ... ฮึก...”

    “ใช่.. เพราะฉะนั้นมึงกลับไปซะ ... ไม่ต้องมาหากู ไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องทวิตมา และหยุดทำอะไรเพื่อกูได้แล้ว !!!

    “หยีผิดอะไรอ่ะพี่ปู่ ไหนพี่บอกหยีมาซิ!!!” น้ำตาของฉันยิ่งไหลพราก ฉันเริ่มมองไม่เห็นแล้วว่าตอนนี้สายตาพี่ปู่ที่มองมานั้นเป็นอย่างไร

    “มึงไม่อายเวลาที่ใครต่อใครมองมั่งหรอ เวลาที่เดินกับกู มึงโง่หรือไงฮะ?!!!

    “ไม่!!! ไม่เลย.. ซักนิดเดียว” ฉันรีบพูดแทรกขึ้นมาทั้งๆที่เขายังพูดไม่ทันจบ

    “เลิกโง่ซักที่!!!” เขาตะโกนใส่หน้าฉัน จนฉันสะดุ้ง  ฉันยกแขนตัวเองขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่มันไหลไม่หยุด เอามือปิดหูไม่อยากรับรู้ ไม่อยากได้ยินคำอะไรที่จะหลุดออกมาจากปากของเขาอีกแล้ว

    หัวใจของฉันเหมือนถูกกรีดด้วยมีดเล่มบางๆ

    เหมือนใจฉันกำลังจะหล่นหายไปที่ไหนก็ไม่รู้

    “หยุดบอกเลิกหยีซักที หยุดพูดว่าเราไม่เหมาะสมกัน หยุดไล่ให้หยีไกลๆได้แล้ว ฮึก...!!” ฉันหลับตาปี๋ไม่อยากมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ฉันอยากรู้สึกว่านี่ฉันกำลังแสดงละครอะไรซักอย่างเพื่อส่งให้กับอาจารย์ที่คณะมากกว่า มันไม่ใช่ความจริง... เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา

    “เหี้ยเอ้ย!!!!” ฉันได้ยินเสียงสบถดังๆจากปากของเขา มือของฉันที่ปิดหูอยู่ถูกดึงออก และเขาก็ฉุดร่างฉันเข้าหาเขาก่อนจะแนบริมฝีปากของเขาลงมาที่ปากของฉัน เขารั้งท้ายทอยฉันเอาไว้และกดจูบแรงขึ้น เหมือนความรู้สึกทั้งหมดของเขามันกำลังถูกถ่ายทอดมาให้กับฉัน 

    เขากำลังโกรธ... เหมือนกำลังโมโหทั้งตัวเขาเองและตัวฉันเอง รับรู้ได้ทุกอย่าง..

    เขาดันฉันติดกำแพง ฉันเองก็กอดเขาไว้แน่น ไม่อยากให้เขาหายไป อยากให้อยู่กับฉันอย่างนี้ ทุกอย่างมันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ฉันก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเลย ถ้ามันทำให้ทุกอย่างดีขึ้น... ฉันจะยอมทุกอย่าง...

    “ดูไม่ออกจริงๆหรือมึงโง่กันแน่วะ? ดูไม่ออกเหรอว่ากูคบมึงเพราะอะไร จะมีผู้ชายสักกี่คนที่คบกันผู้หญิงโดยไม่หวังอะไรน่ะฮ๊ะ!” เขาปล่อยฉันออกก่อนจะมองฉันด้วยสายตาจริงจัง สับสน โมโห หรือโกรธเคืองอะไร ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันว่าเขากำลังโกหก...

    “พี่ไม่เคยทำอะไรหยีเลย...ถึงพี่จะทำ หยีก็ยอม... ถ้ามันยังทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม.. ไม่เปลี่ยนไป” ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเขาให้มาแตะที่หน้าอกของฉัน

    “ทำได้ทุกอย่าง ทำเลย... ถ้ามันจะเหมือนเดิม”  เขารีบสะบัดมือตัวเองออก

    ”หาแฟนใหม่มาเย้ยกูสิ!

    “พี่โง่หรือไง!!

    “มึงนั่นแหละที่โง่!!

    ฉันปาดน้ำตาอีกครั้ง พยายามตั้งสติ นี่ฉันยื้อทุกอย่างไว้ไม่ได้แล้วใช่มั้ย เขาบอกเลิกฉันแล้วจริงๆ ใช่มั้ย? เขาต้องการให้ฉันไปหาคนใหม่ใช่มั้ย?

    “พี่อยากให้หยีหาแฟนใหม่มาเย้ยใช่มั้ย....” เขาเหยียดยิ้มมาให้ฉัน

    “ได้...” ฉันปรับสีหน้าให้เป็นปกติเหมือนเดิม ราวกลับว่าเมื่อกี๊ ฉันไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ฉันแค่กำลังจะแข่งกับเขา ฉันต้องการชนะเขาประมาณนั้น  เขาต้องการแบบนั้นใช่มั้ย ให้ฉันมีใครใหม่โดยที่เขาไม่รู้สึกอะไร

    กะอีแค่แฟนใหม่ ทำไมอย่างฉันจะหาไม่ได้นะ..

    “อย่าลืมทำให้กูเสียดายล่ะ J

    “คุณได้เสียดายฉันแน่.. ;)” ฉันรีบหมุนตัวกลับเข้าไปในที่เบียดเสียดอีกครั้ง ฉันเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่คิดว่านั่นแหละ  เขาจะต้องรู้สึกแน่ๆ  เขาต้องเสียดายที่ฉันเดินไปหาใครใหม่ ที่คนๆนั้นเป็นเพื่อนของเขาเอง

    ตอนนี้ฉันเหมือนคนไม่มีสมอง คิดอะไรไม่ออก เหมือนคนโง่ที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหน เขาจะสั่งให้ฉันทำอะไรก็ทำ ความรู้สึกมันอึดอัดและเบาโหวงในคราวเดียวกัน รู้ทั้งรู้ว่าเรายังรักกัน แต่เราอยู่ด้วยกันไม่ได้งั้นหรอ ?

    ”พี่เกาะว่างหรือเปล่าคะ? ;)” ฉันเดินขึ้นมาที่ระเบียงชั้นสองของบ้าน เป็นมุมที่พี่ปู่จะเห็นฉันได้ชัดเจนพอดี

    “หืม?”

    “ช่วยอะไรหยีหน่อยนะ...”

    ฉันดึงคอเสื้อพี่เกาะให้โน้มลงมา ท่าว่าจะประกบจูบ แต่พี่เกาะเองไม่ยินยอมขนาดนั้น ดันไหล่ของฉันเอาไว้ให้ใบหน้าเราใกล้กันมากที่สุด ทำเหมือนกับว่าเรากำลังจูบกัน

    “มันไม่ได้มีความสุขหรอกนะที่มันทำแบบนี้น่ะ...”

    “....แล้วหยีควรทำยังไงหรอพี่เกาะ” ฉันจ้องพี่เกาะเขม็ง ตอนนี้สมองฉันตื้อเริ่มคิดอะไรไม่ออกแล้ว น้ำตามันจะพาลไหลออกมาอีกรอบ

    “มันไม่อยากให้มึงแปดเปื้อนกับสิ่งที่มันเป็น... โง่จริงๆ”

    “พี่ปู่ไปทำอะไรมา?”

    “แค่จูบกับมึงกูก็ทำร้ายมันมากพอแล้ว หยุดถามเถอะ =_=

    ฉันปล่อยเขาให้ยืนตามความสูงปกติ ฉันเม้มริมฝีปากและกำมือตัวเองแน่นจนรู้สึกได้ว่าเล็บของฉันมันจิกเข้าไปในหนังจนเลือดซิบแล้วล่ะ สายตาฉันก็ยังมองไปข้างล่าง ที่ที่พี่ปู่กำลังยืนมองฉันกับพี่เกาะอยู่

    “เดี๋ยวไปส่ง” พี่เกาะเดินมาโอบไหล่ฉัน แสร้งทำเป็นเหมือนคนรักกัน พาฉันลงไปข้างล่างและเดินออกไปจากบ้านนี้ ฉันมองไปที่พี่ปู่โดยละสายตาไปซักกะนิดเดียว มองอยู่อย่างนั้น จนสายตาของฉันมองไม่เห็นเขา
     

    เขากำลังหายไปกับผู้หญิงคนเดิมที่ฉันเห็นตั้งแต่ฉันเหยียบเข้าที่นี่

    เขากำลังโอบไหล่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปภายในบ้าน

    เขากำลังทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    เขากำลังจะหายไปแล้ว เขากำลังจะตายจากชีวิตฉันไปแล้วงั้นหรอ...

     

     

    “หยี.. มึง... กูต้องออกไปข้างนอกกับพี่เนี้ยบ  เดี๋ยวพี่เกาะมาอยู่เป็นเพื่อนมึงนะ” ฉันลืมตามองคนที่เพิ่งสะกิดฉันให้ตื่นเมื่อกี้ ฉันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นนัตโตะกำลังพยายามจะตักข้าวยัดปาก ฉันฝันถึงเรื่องเดิมๆ เหตุการณ์เดิมๆมานานเท่าไหร่แล้วนะ..ทุกอย่างยังวนเวียนอยู่ในหัว ละครฉายซ้ำไปซ้ำมา อย่างไม่มีบทสรุป

    “พี่เกาะ?”

    “พี่เกาะบอกกูว่า อยู่กับกู เดี๋ยวจะพากันเพ้อเจ้อ -*- เลยไล่กูไปหาพี่เนี้ยบ แล้วเขาจะมาอยู่กับมึงเอง”

    “หึ...”

    “กูว่าก็ดีนะเผื่อมึงจะยอมกินข้าวอ่ะ แม่มึงกลับมาจากปฏิบัติธรรมแล้วเขาคงตกใจมากที่มึงอยู่ในสภาพนี้...” ฉันยกมือปรามเป็นสัญญาณบอกให้นัตโตะหยุดพูด พร้อมกับโบกมือไล่ให้นัตโตะเดินออกไป นัตโตะมีท่าทีไม่พอใจในท่าทางของฉัน แต่ไม่เลือกที่จะทำอะไร นอกจากถือโทรศัพท์เดินออกไป

    “เรากำลังจะออกไปแล้ว บอกพี่เกาะด้วยนะ...”

    ฉันมองนัตโตะที่เดินออกไปจนลับตา ฉันลุกขึ้นนั่งและเสหน้าออกไปมองที่นอกหน้าต่าง

    ท้องฟ้ายังเป็นสีฟ้าที่สดใส แต่อีกไม่นานเมฆฝนก็กำลังจะเคลื่อนตัวมาในไม่ช้า   ถ้าฝนตกลงมาเมื่อไหร่ ฉันก็คงต้องรีบหลับตาและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง บรรยากาศมันเหงาและหดหู่เหลือเกิน

    เขาจะเป็นยังไงบ้าง.. มีความสุขดีมั้ย?

    ภาพทุกภาพตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉายซ้ำรวมๆ กับวันที่เราเลิกกัน มันไหลเวียนอยู่ในหัว ไล่มันยังไงมันก็ไม่ไป ก่อนหน้านั้นเขายังมานั่งดูฉันแสดงละครเวที ยังมีช่อดอกไม้ช่อโตที่เคยขอไว้ เขายังยื่นมันมาให้ฉัน ก่อนหน้านั้นเรายังอยู่ด้วยกัน ฉันยังบอกรักเขาได้ เขายังกอดฉันเอาไว้ เขายังจูบฉัน ยังเดินจับมือกันไปไหนต่อไหนด้วยกัน แต่ต่อจากนั้นไม่นาน... มันเกิดอะไร

    ทำไมเราต้องเดินหันหลังให้กัน... ทำเหมือนกับว่า เราไม่เคยรักกัน

    ทั้งๆที่ในนี้ ! ในความรู้สึก ในหัวใจมันยังบ่งบอก .. ว่าไม่มีใครอยากจะปล่อยมือไปจากใครทั้งสิ้น

    ฉันจะยื้อ จะฉุดรั้งทุกอย่างเอาไว้เหมือนเดิม แต่มันไม่เป็นผล..

    นั่งกอดตัวเองไปก่อน อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม  ในบ้านของเพื่อนตัวเอง  ขืนอยู่ในบ้านตัวเอง ฉันอาจจะทำอะไรโง่ๆขึ้นมาก็ได้แน่ๆ สติฉันหลุดหายไปแล้ว

    ฉันเหม่อมองท้องฟ้าไปเรื่อยๆ คิดอะไรไปต่างนานา  พยายามหาเรื่องอื่นมาคิด คิดถึงผู้ชายคนอื่นที่เขาเคยเข้ามาหาฉัน ถ้าเป็นคนพวกนั้น จะช่วยให้ฉันลืมทุกอย่างได้หรือเปล่า.. ฉันไม่ได้อยากทรมานตัวเองแบบนี้

    แต่มันไม่มีแรง จะกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยจริงๆ

    ประตูห้องถูกเปิดออกโดยผู้ชายร่างสูงที่หน้าตาละหม้ายคล้ายแฟนเพื่อนตัวเอง ก็ต้องคล้ายสิ เขาเป็นแฝดกันนี่นา เขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เป็นผู้ชายที่มีสีหน้าเดียวตลอดเวลา เขาเป็นคนเดียวที่อยู่กับฉันในเวลาแบบนี้

    เพราะพี่ปู่ขอไว้... ใช่มั้ย? ลางสังหรณ์มันบอกฉันอย่างนั้น หรือมันเป็นแค่จินตนาการ ความฝันลมๆแล้งๆของฉันไม่รู้สินะ

    “นัตบอกว่ามึงไม่ยอมกินข้าว”

    “กินไม่ค่อยลง...”  ฉันพูดกับเขาโดยที่สายตาของฉันมองออกไปข้างนอก

    “มองไปคงเห็นหลังคาบ้านไอ้ปู่หรือไง มองแล้วได้อะไร กินข้าวซะ”

    “ไม่หิว...”

    “อยากตายเรอะ - -+

    “ถ้าพี่เป็นแฟนหยีก่อน หยีถึงจะกิน” ฉันหัวเราะแห้งๆ มันไม่ใช่มุกตลก หรือมุกอะไรทั้งนั้น ฉันแค่ไม่ชินที่อยู่โดยไม่มีใคร ถ้าไม่นับเพื่อน หลายปีที่ผ่านมาฉันก็อยู่กับพี่ปู่ตลอด

    “เออเรื่องของมึง -_-

    ถ้าเกิดว่า... พี่เนี้ยบไม่เคยบอกว่าพี่เกาะมีเด็กอยู่ในสังกัดแล้ว ฉันคงจีบพี่เกาะไปแล้ว เคยอ่านบทละครมั้ยล่ะ พระเอกมักจะอยู่กับนางเอกในตอนที่นางเอกไม่เหลือใครแล้ว คอยดูแล อยู่เป็นเพื่อน ทำนั่นทำนี่

    แต่กรณีพี่เกาะก็ไม่ได้ขนาดนั้น  เขาก็มีวิธีการของเขาที่ฉันก็งงๆ ทุกอย่างคงมีสิ่งแลกเปลี่ยน J

    เขานั่งอยู่ห้องเงียบๆ พลางจุดบุหรี่สูบ มองอะไรรอบๆ เขาบอกว่ามาอยู่เป็นเพื่อน ก็มาอยู่เพื่อนจริงๆสิน่า ไม่พูดไม่จา ไม่ทำอะไร นั่งอยู่เฉยๆ อยู่อย่างนั้น แต่ฉันก็รู้สึกดีขึ้น อุ่นใจที่ยังมีคนอยู่ข้างๆ ทุกอย่างมันเงียบสงบ เงียบจนฉันรู้สึกกดดัน ต้องคลานไปตักข้าวที่วางอยู่บนหัวเตียงกินจนหมด และก็กลับมานั่งพิงหัวเตียงมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนเดิม  ทุกอย่างอย่างเงียบสงบ และภาพทุกภาพยังหมุนเวียนกลับเข้ามาเหมือนเดิม แต่รู้สึกว่ามันน้อยลง
     

    ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มเป็นสีเทาอีกครั้ง เมฆฝนกำลังลอยมา อีกไม่ช้า หยาดฝนและไอน้ำก็คงจะเกาะอยู่ที่ริมหน้าต่าง

    ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตกในสภาพแบบนี้อีกนานเท่าไหร่

    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...จะเลิกคิดว่าทุกอย่างที่เขาทำเป็นเรื่องที่เขากำลังโกหก เพื่อให้ฉันได้ออกไปเจอใครที่ดีกว่า

    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่... ภาพที่เรายังรักกันมันจะหายไปจากหัว
     

    ฉันรู้แต่เพียงว่า...

    เราจากกันโดยที่เขาไม่ได้รักฉันแล้ว มันยังเจ็บน้อยกว่า เราจากกันทั้งๆที่ยังรัก แต่เราอยู่ด้วยกันไม่ได้.. เสียอีก
     

    ฉันไม่รู้ว่าเรื่องโกหกทั้งหมดของเขาจะเลือนหายไปจากสมองฉันเมื่อไหร่

    ฉันไม่รู้ว่ามีวิธีไหนที่ทำให้ฉันเลิกคิดว่าเขาโกหก และลืมเขาไปได้ซักที...

     

    แต่ถ้าการพบกันเป็นเรื่องของโชคชะตา การจากลาก็คงไม่ต่างกัน แค่ความรักมันอาจจะยังไม่พอ ฉันก็ได้แค่ขอให้ช่วงเวลาแบบนี้ผ่านไปเร็วๆ... เถอะนะ...

     

     
    :)  Shalunla
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×