เสือสมิงมีอยู่จริง - เสือสมิงมีอยู่จริง นิยาย เสือสมิงมีอยู่จริง : Dek-D.com - Writer

    เสือสมิงมีอยู่จริง

    หลายคนอาจจะไม่เชื่อ เรื่องเสือสมิง ก็เพราะยังไม่เคยเจอกับตัว แต่สำหรับผมแล้ว ได้เคยสัมผัสกับเหตุการณ์ที่ว่ามาแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    211

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    211

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ส.ค. 64 / 13:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    (โครงเรื่อง จากประสบการณ์ของคนในหมู่บ้าน...เพิ่มเติมคือคำพูดของคนในเรื่อง)


    คนโบราณมักพูดบอกต่อกันมาเสมอ ว่าลงน้ำห้ามพูดถึงจระเข้ เข้าป่าห้ามพูดถึงเสือ


    หลายคน เชื่อ และหลายคนก็ไม่เชื่อ แต่สำหรับตัวผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ และทำตามมาตลอด


    ยอนหลังไปเมื่อประมาณ20-30ปีก่อน ถ้าพูดถึงเรื่องเสือสมิง สิบคน ก็คงเชื่อทั้งสิบคน


    20ปีก่อน ผมอาศัยอยู่ที่ต่างจังหวัดบริเวณ เชิงเขาของเทือกเขาภูพาน ตอนนั้นผมมีอายุได้16ปี ผมอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ และก็พี่สาว ซึ่งพี่ผมมีอายุมากกว่าผมสองปี


    บ้านของผมก็ปลูกอยู่ติดกับบ้านของตากับยายแท้ๆ ของผมเอง ซึ่งท่านอาศัยอยู่กับลุงของผมอีก สองคน ทั้งคู่ไม่มีลูกเมีย


    ตาของผมชื่อเลิศ ส่วนยายชื่อไพร


    ตอนนั้น ตาของผมอายุประมาณ60ปีได้ แต่สุขภาพยังแข็งแรง เพราะแกเป็นพรานป่า ต้องเดินเท้าอยู่บ่อยๆ ทำให้ร่างกายของตาแข็งแรงมาก


    วันนึง ตาก็วางแผนจะเข้าไปในป่า ล่าสัตว์ตามเคย เพราะได้ไปเจอร่องรอยของหมูป่า ที่มันมาขุดหาอาหาร อยู่เชิงเขา แต่ลึกเข้าไปกว่าเดิมประมาณ4กิโลเมตร


    ปกติเวลาตาไปหาล่าสัตว์ แกก็จะล่าอยู่ไม่ห่างจากบ้านเท่าไรนัก อย่างมากก็เขาลูกนึง ห่างจากบ้าน เพราะว่าตาแก แก่แล้ว ก็ไม่อยากจะไปไกล


    แต่วันนั้น ตาแกเข้าไปหาเห็ด กับพวกญาติๆที่เขาอีกลูก และได้ไปเจอร่องรอยของหมูป่า น่าจะหลายตัว ทำให้ตาดูตื่นเต้นมาก และได้ไปทำห้างไว้แล้ว(คล้ายๆนั่งร้าน ทำเป็นที่พัก อยู่บนต้นไม้)


    ตอนบ่ายโมง ขณะที่ตากำลังเตรียมข้าวของ กระสุน ดินปืน กับข้าวกับปลา ยายก็เดินมาหาตา พร้อมพูดกับตาว่า


    "เมื่อกี๊ ยายฝันไม่ดีเลย และหลังจากยายตื่นมาเนี่ย เหมือนยายจะได้กลิ่น สาปๆ ติดที่จมูกทั้งวันเลย แต่ก็นึกไม่ออกว่ามันสาปอะไรกันแน่"


    "ไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไรเลย"ตาพูดสวน


    "วันนี้ไม่ไปไม่ได้หรอ รู้สึกกังวลใจยังไง บอกไม่ถูก"


    ตาก็ถามอีกว่า "แล้วมันรู้สึกยังไงหละ"


    "มันกลัวๆ ยังไงบอกไม่ถูก ยายก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไรเหมือนกัน"


    ตาพูดปลอบยาย "มันไม่มีอะไรหรอก" ยายแค่ฝันร้าย


    เมื่อจัดข้าวของเสร็จ ตาแกก็เดินเท้าตามลำพัง หายเข้าไปในป่า พร้อมปืนแก๊ป คู่ใจของแก


    กว่าจะถึงหมาย ก็ปาเข้าไปพลบค่ำแล้ว ตาก็เตรียมตัวกำลังจะปีนขึ้นต้นไม้ก็ได้มีลม วูบนึงพัดมาปะทะเข้าที่ใบหน้า พร้อมกับกลิ่นสาปอะไรบางอย่าง

    ทำให้ตานึกถึงคำพูดของยายขึ้นมาในทันใด

    แต่เมื่อมาถึงที่แล้ว จะถอยก็ใช่เรื่อง เพราะแกก็มีวิชาอาคมติดตัวมิใช่น้อย


    ตาหยิบหัวไฟ ออกมาส่องสว่าง และปีนขึ้นต้นไม้อย่างชำนาญ


    พอถึงห้าง ตาก็จัดการ วางสัมภาระให้เข้าที่และเอาปืนแก๊ปพาดวางไว้ที่หน้าขา


    พอทุกอย่างเข้าที่ ตาก็ปิดหัวไฟ รอฟังแต่เสียงฝีเท้าของสัตว์เท่านั้น แต่กลิ่นสาปก็ยังไม่หายไปไหน


    ตาแกหักกิ่งไม้ มาพร้อมพนมมือแล้วท่องคาถา แล้ววางกิ่งไม้ไว้ที่ห้าง แล้วกลิ่นสาปก็หายไป ทำให้ตาใจชื้นขึ้นมาบ้าง


    ตานั่งรอ นานพอสมควร ประมาณ4ทุ่ม ตาก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เหยียบกิ่งไม้ดัง กรอบแกรบๆ


    ตาไม่รอช้า หยิบปืนขึ้นเล็ง ห่างนก(ตัวสับ) พร้อมเปิดหัวไฟ แต่ได้ยินเสียงคนร้องทักขึ้นมา


    "อย่ายิงนะ นี่ฉันเอง"


    "ฉันน่ะใคร" ตาถาม


    "ฉัน หาญ ไง" (ตาหาญ ก็คือคนในหมู่บ้าน แต่อายุ อ่อนกว่าตาของผม ซัก3-4ปี)


    "อ่าว แล้วมาทำอะไร ที่นี่หละ ไฟก็ไม่เปิด"ตาของผม ถามกลับ


    "คือ ฉันก็มาหา ล่าสัตว์นี่แหละ แต่หัวไฟของฉัน มันไม่ติด ก็กะว่าจะเดินกลับแล้วแหละ"ตาหาญ พูด


    "เออ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลงมาหาฉันหน่อยสิ ช่วยเอาหัวไฟไปส่อง หาสัมภาระให้ฉันหน่อย คือฉันวางไว้ และไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน" ตา หาญเอ่ย


    ซึ่งตอนนี้ ตาก็สองจิตสองใจ ไม่แน่ใจว่าที่เห็นอยู่ คือคนจริงๆ หรือเปล่า หรือจะเป็นเสือสมิงที่ปลอมตัวมา ตามที่เคยฟังจากผู้เฒ่าผู้แก่ ได้เล่าต่อๆกันมา


    แต่ถ้าไม่ลงไปก็กลัวจะเสียน้ำใจ เพราะว่ายังไงก็คนหมู่บ้านเดียวกัน


    แต่ครูบาอาจารย์ เคยสั่งสอนมาว่า ถ้าอยู่บนห้างกลางป่า ตอนกลางคืน ถ้ายังไม่สว่าง ห้ามลงมาจากต้นไม้เด็ดขาด ใครมาเรียก ก็ห้ามลง เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าผู้ที่มาเรียกนั้นคือคนจริงๆ


    เมื่อตานึกถึงคำที่ครูบาอาจารย์ เคยสั่งเคยสอนมา ก็ต้องการจะพิสูจน์ว่า นี่คือตา หาญจริงๆเปล่า จึงได้พูดกับตาหาญไปว่า


    "อืม ฉันก็อยากจะลงไปนะ แต่ช่วยอะไรซักอย่างก่อนได้ไหม"


    "ช่วยอะไรหรอ" ตาหาญถาม


    แล้วตาก็โยนไม้ขีด ลงไปให้ตาหาญ หนึ่งกล่อง พร้อมกับพูดขึ้นว่า


    "จุดไม้ขีดให้ฉันดูหน่อย ถ้าจุดได้แล้วฉันจะลงไป"


    เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ตาหาญ ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหยิบกล่องไม้ขีดไฟขึ้นมาจุด ตาของผมก็พูดขึ้นว่า


    "ที่มึงไม่จุดไม้ขีดเนี่ย เป็นเพราะมึงไม่ใช่คนใช่มั้ย...มึงคือเสือ ใช่มั้ย"


    ตาหาญ ไม่พูดอะไร นิ่งไปซักพัก พร้อมก้มตัวลง เอามือทั้งสองข้าง วางแนบกับพื้น ทำท่าเหมือนเสือที่ยืน สี่ขา และเงยหน้าขึ้นมา จ้องเขม็ง มาที่ตาของผม พร้อมแยกเขี้ยว และกระโดดมาที่ต้นไม้ ใช้เล็บข่วนที่ต้นไม้อย่างบ้าคลั่ง


    เมื่อตาแน่ใจแล้วว่า ที่ยื่นอยู่ข้างล่าง นั่นไม่ใช่คนอย่างแน่นอน จึงหยิบปืนขึ้นมาและเล็ง ไปที่หัวของมัน


    แต่จ้าวเสือสมิงไหวตัวทัน จะกระโดดหนี ตาของผมเลยเหนี่ยวไกปืน


    ลูกกระสุนพลาดเป้า ไม่โดนหัว แต่ไปโดนตรงขาหลังของเสือสมิงแทน


    มันวิ่งหนี้เข้าไปในความมืด ทิ้งไว้เพียง รอยเลือดที่หยดเป็นทางเข้าไปในป่าลึก


    คืนนั้นทั้งคืน ตาของผมไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลย กอดปืนนั่งจนถึงเช้า


    พอรุ่งเช้า ตาไม่พูดพร่ำทำเพลง เก็บข้าวของ แล้วรีบ เดินจ้ำอ้าว ออกมาจากป่าอย่างเร็วที่สุด


    พอกลับถึงบ้าน ตาก็เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มาเล่าให้ พวกเราฟัง ซึ่งยาย ก็พูดทักขึ้นทันควัน


    "ก็บอกแล้ว ตาก็ไม่เชื่อ ว่ามันอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น"


    "เออๆ ฉันเชื่อเธอแล้ว" ตาพูดรับ


    หลังจากนั้นอีก2-3วัน มีคนเล่าให้ฟังว่า ได้มีพระธุดงค์ รูปหนึ่งเดินออกมาจากป่าลึก ได้มาปักกลด อยู่ท้ายหมู่บ้าน ชาวบ้านก็เอา สำรับอาหารไปถวาย


    พระรูปนั้นก็ได้ถามชาวบ้านที่มาว่า


    "หมู่บ้านนี้มีใครเป็นอะไรหรือเปล่าเมื่อ2-3วันก่อน อาตมา เจอคนถูกยิง ได้มาขอให้อาตมาช่วยรักษา อาตมาก็ ต้มยาเถาว์ ยาสมุนไพร รักษาไปแล้วหละ แต่แปลก ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ ซักอย่าง"


    ซึ่งชาวบ้านก็พากันส่ายหน้า เพราะว่าหมู่บ้านนี้ไม่มีใครเป็นอะไร


    หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เขาลูกนั้นก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปอีกเลย แม้แต่พรานที่มีความเก่งกาจขนาดไหน ก็ยังไม่กล้าขึ้นไป


                    .....ขอบคุณครับ.....


    (ห้ามคัดลอกเนื้อหา ไปเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×